ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [End] เมื่อสิ้นกำแพงชิน่า - Attack on Titan [Yuri] [Mikannie]

    ลำดับตอนที่ #21 : ตอนที่ 19 เยเกอร์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.17K
      62
      12 พ.ค. 57

    ตอนที่ 19 เยเกอร์

    เด็กหนุ่มหัวเกรียนวิ่งไปตามท้องถนนที่พังยับเยิบจากการปะทะกันของไททันในตัวเมือง เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ เนื่องจากคอเตชเป็นพวกชอบของหรูหราฟุ่มเฟือย เมืองของเขาต้องสวยตลอดเวลาเพื่อความสบายตาของเขาเอง เหล่านักรบจึงห้ามกลายร่างเป็นไททันโดยไม่จำเป็นหรือได้รับคำสั่งมาก่อน

    อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสนใจมองคนที่ผ่านไปผ่านมามากนัก แม้แต่เด็กหนุ่มหัวเกรียนคนนี้ด้วยถึงแม้เขาจะมีบางสิ่งที่หากมองดีๆจะโดดเด่นสะดุดตามากๆอยู่ด้วย... นั่นคือรอยแผลสดที่เกือบหายดีรอบลำคอของเขา หากมีคนเห็นคอเขาในตอนนี้ก็คงอดนึกไม่ได้ว่า ...นี่เขาไม่หัวขาดได้อย่างไรกัน

    เด็กหนุ่มวิ่งไปตามตรอกซอกซอยก่อนจะโผล่ออกมายังอาคารหลังใหญ่ที่ดูร้างผู้คน มีนักรบของคอเตชนั่งม่อยหลับอยู่หน้าประตูอย่างไม่กลัวใครบุกรุกเข้ามา เด็กหนุ่มก็วิ่งผ่านไปเฉยๆและกำลังจะเปิดประตู

    “เฮ้ย! แกเป็นใครวะไอ้หนู” นักรบสะดุ้งตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงบันไดไม้ด้านหน้าอาคารลั่นเสียงดัง

    “มาร์คัสครับ ผมมาหาพ่อเลี้ยง...คริชา เยเกอร์” มาร์คัสบอก

    “อ๋อ เออๆ อยู่ข้างในนั้นแหละ” นักรบตอบ ก่อนจะสัปหงกลงไปท่าเดิม

    มาร์คัสเปิดประตูเข้าไปด้านใน ภายในอาคารนั้นเต็มไปด้วยอุปกรณ์แปลกๆ ทั้งโหลดองสัตว์ตั้งแต่อันเท่าฝ่ามือยันขนาดใหญ่พอจะบรรจุตัวคนจริงๆเข้าไปได้ บนกระดาษดำถูกขีดเขียนด้วยทฤษฎีต่างๆเกี่ยวกับไททัน มาร์คัสไม่ได้แปลกใจกับสิ่งที่เห็นนัก เพราะเขาเคยมาที่นี่บ่อยๆ ที่จริงก็ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมาเลย

    “ด็อกเตอร์คริชาครับ” มาร์คัสตะโกนเรียก เสียงของเขาดังก้องและสะท้อนไปมาในห้องโถงที่มืดสลัว

    “ใครน่ะ” คริชาโผล่หัวออกมาจากระเบียงชั้นบน “อ้อมาร์คัส ...แล้วเจอไหม”

    “ครับ” มาร์คัสตอบ วิ่งขึ้นไปชั้นบน ก่อนจะวางกระเป๋าเป้ลงข้างข้าวของที่รกห้องของคริชา หนึ่งในข้าวของเหล่านั้นมีเตียงโลหะหลังหนึ่ง บนนั้นมีร่างไร้ศีรษะของใครบางคน ดูจากรูปร่างแล้วเป็นเด็กผู้ชายอายุอยู่ในช่วงวัยรุ่น บนร่างกายนั้นมีรอยเย็บตัดมากมาย คริชาเดินไปรับของจากมาร์คัส...มันคือส่วนศีรษะที่ขาดหายไป

    คริชานำศีรษะนั้นมาต่อกับร่างกายบนเตียงและเริ่มเย็บ ตัวยาแปลกประหลาดมากมายถูกฉีดตามเข้าไปและไม่นานร่างที่ควรจะตายไปแล้วกลับลุกขึ้นมานั่งงงจ้องหน้าคริชาราวกับไม่เข้าใจว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือตัวอะไร

    แปะ..ๆ..ๆ... เสียงตบมือดังมาจากมุมห้อง คริชาและมาร์คัสมองไปก็พบชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ยืนพิงผนังอยู่ เขาก้าวออกมาจากเงามืด ก่อนจะพิจารณาผลงานของคริชาใกล้ๆ

    “ยอดเยี่ยมมากด็อกเตอร์” คอเตชชม “ฝีมือเจ้าดีกว่าเจ้าเอ็ปนั่นมากทีเดียว”

    “ลิงนั่นน่ะเหรอ” คริชาพูดสบประมาท “หึ เทียบผมกับมันน่ะนับเป็นการดูถูกนะ”

    “แต่ผลงานของคุณก็ยังต้องการการทดสอบอยู่” คอเตชพูด

    “รู้ใช่ไหมว่าเขายังไม่พร้อม” คริชามองเด็กหนุ่มที่นั่งงงฟังบทสนทนาของพวกเขา “ฟื้นตัวต้องใช้เวลา แม้แต่มาร์คัสยังใช้เวลาตั้งเดือนกว่า แล้วนี่ไม่ใช่แค่แผลคอขาด”

    “แน่นอนด็อกเตอร์ ข้าให้เวลาเจ้าไป 2 เดือนเลยก็ได้” คอเตชบอก

    “จะทดสอบเขากับใครงั้นเหรอ” คริชาถาม “หรือว่า...หัวหน้ารีไวล์?”

    “ไม่หรอก ข้าเก็บคู่เด็ดกว่านั้นไว้ให้แล้ว” คอเตชตอบ “นับเวลาถอยหลังได้เลยด็อกเตอร์ เมื่อถึงวันแห่งการเฉลิมฉลองเมื่อไหร่แล้วล่ะก็...มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้จะได้รู้จักกับผลงานชิ้นโบว์แดงของคุณเอง”

     

    “ทำไมเรายังไม่ตาย” มิคาสะถาม

    ดวงวิญญาณของพ่อแอนนี่ได้ไปสู่สุขคติแล้ว...ในที่สุด พวกเขาก็ตกอยู่ในความมืดมิดอีกครั้ง หลายชั่วโมงจนเกือบเป็นวันแล้วก็ยังไม่มีใครมาบอกอะไรกับพวกเธอ

    “ฉันก็แปลกใจ ปกติคอเตชไม่ใช่พวกใจบุญ” ไรเนอร์พูด

    แอ๊ดด..ด... เสียงเปิดประตูดังขึ้นในที่สุด นักรบห้าคนเดินเข้ามาพร้อมกับตะเกียงน้ำมัน สามคนถือปืนจ่อหัวไรเนอร์ มิคาสะและแอนนี่ไว้เผื่อว่าพวกเธอจะคิดหนีอีก ส่วนอีกสองคนเปิดประตูกรงของมิคาสะและลากตัวเธอออกไป คนหนึ่งจับเธอใส่กุญแจมือ อีกคนไปลากแอนนี่ออกมาและเอาโซ่เส้นเดียวกันกับที่ล่ามมิคาสะล่ามเธอไว้ ต่อไปก็ไรเนอร์ แล้วพวกนั้นก็เอาตัวทั้งสามคนออกไปจากคุกแห่งนี้

    ไม่มีใครพูดอะไรกับใครทั้งนั้นทั้งๆที่อยากถาม ที่ไม่พูดก็เพราะนักรบแต่ละคนดูไม่เป็นมิตรสักนิด แถมสามในห้าคนก็เอาปืนจ่อศีรษะพวกเธอไว้ตลอดเวลา และก่อนจะถึงทางออก พวกเธอก็ถูกผูกตาปิดไว้ด้ายผ้าหยาบหนา พวกนั้นลากตัวทั้งสามไปโดยไม่ให้เห็นทางจนกระทั่งพวกเธอออกมาจากคุก เดินไปเรื่อยๆเป็นระยะทางไม่ใช่น้อยๆ ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนกัน แต่เมื่อถึงจุดหมาย พวกนั้นก็เอาผ้าปิดตาของทั้งสามคนออก แสงสว่างกลายเป็นของแสลงของทั้งสามคนที่อยู่ในความมืดมานานเกินไป แต่ละคนหยีตาพยายามปรับสายตาให้เข้ากับแสงสว่างนี้ให้ได้

    ทว่าเมื่อพยายามจะมองให้ออกว่าพวกเธอทั้งสามอยู่ที่ไหนกัน พวกเธอก็ต้องแหงนหน้าขึ้นจนคอตั้งฉาก เพราะสถาปัตยกรรมอันใหญ่โตมโหฬารแห่งนี้มีความสูงไม่ต่ำกว่า 40 เมตร แม้แต่ร่างไททันของเบลทรูท ถ้าก้มลงหน่อยยังเข้าออกสถานที่แห่งนี้ได้สบาย สถาปัตยกรรมนี้ถูกสร้างโดยไททันด้วยเรี่ยวแรงและร่างกาย

    โคลอสเซียม

    จากในตอนแรกที่มีนักรบมาคุมพวกเธอเพียง 5 คน ตอนนี้มีเบลทรูทและนักรบอีก 7 คนเพิ่มเข้ามา ทั้งสามคนไม่มีใครอยากมองหน้าเบลทรูททั้งนั้นซึ่งอีกฝ่ายก็เข้าใจดี เพราะเขาเป็นคนเลือกจะทรยศเพื่อนของเขาก่อนเอง สมควรที่จะต้องถูกเกลียด เขาจะไม่โกรธอะไรเลยหากวันหนึ่งเขาต้องตายด้วยมือเพื่อนที่เขาทรยศ

    “ยินดีต้อนรับสู่โคลอสเซียม” เบลทรูทพูดขึ้น “ยินดีต้อนรับสู่นรก”

     

    ชีวิตของแกลดิเอเตอร์ คนรุ่นหลังมักรู้จักมันเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าของคนยุคโบราณ โชคร้ายที่มันเป็นยุคที่คอเตชเกิดมา เขาเป็นนักสู้โดยกำเนิด และชื่นชอบการต่อสู้ที่สุด เหล่าทาสนักโทษและเด็กที่โชคร้ายจึงต้องกลายมาเป็นแหล่งบันเทิงให้กับเขา ไม่เว้นแม้แต่นักรบบางคนในนครแห่งขุนเขา

    การต่อสู้ในโคลอสเซียมไม่ได้มีขึ้นทุกวัน เพราะชีวิตของนักสู้ไททันมีมูลค่าต่ออัตราเงินในการพนันมากกว่าใครอารีน่าอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ภายในโคลอสเซียมแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงนักสู้ที่เป็นไททัน มนุษย์คนแรกที่ฆ่าไททันได้ทั้งๆที่ไม่สามารถแปลงร่างเป็นไททันคือ รีไวล์ แอคเคอร์แมน การต่อสู้ของเขาพลิกฐานะคนรวยกลายเป็นคนจนในพริบตาเพราะพนันผิดฝั่ง แต่จนถึงตอนนี้ไม่มีใครไม่รู้จักกับเขาอีกแล้ว

    3 เดือนผ่านไป...

    มิคาสะยังคงสู้คู่กับแอนนี่ในโคลอสเซียม แต่ไรเนอร์นั้นต้องสู่คู่กับรีไวล์ ดูเหมือนเป็นโชคดี เอ...หรือโชคร้ายกันที่ผู้พิทักษ์ของมนุษยชาติต้องมาคู่กับไททันผู้ทำลายกำแพงมาเรียจนพังทลาย อย่างไรก็ตาม พวกเธอยังไม่ได้ข่าวเกี่ยวกับการฆ่ากันเองระหว่างนักสู้ที่เป็นคู่หูกัน แสดงว่ารีไวล์ไม่ได้แค้นอะไรกับไรเนอร์ แต่จริงๆแล้วก็ไม่มีใครเดาความคิดของรีไวล์ออก ทุกครั้งที่เจอหน้า รีไวล์ก็ยังคงทำหน้าเป็นศพตายซากตลอดเวลา

    วันนี้เป็นอีกวันที่มีการต่อสู้ในโคลอสเซียม คู่ต่อสู้ในวันนี้มีเพียงสามคู่ ตามปกติจะเป็นการต่อสู้ระหว่างนักสู้ไททันกับผู้ไททันที่มาจากนอกหุบเขา ไม่ก็ไททันวิปริตสักห้าหกตัว วันนี้ก็เป็นการต่อสู้ตามปกติไปแล้วสองคู่ แต่อีกคู่นั้นยังไม่มีการประกาศออกมา แอนนี่กับมิคาสะได้แต่นั่งดูการต่อสู้จากห้องโถงใหญ่ที่เป็นห้องขังของนักสู้ทั้งหลาย มันสูงพอให้พวกไททันเดินไปไหนมาไหนได้สบายและกว้างจนถ้าจะเดินเท้าไปที่สุดผนังห้องต้องใช้เวลาหลายนาที หน้าต่างเพียงบานเดียวที่มีคือหน้าต่างรูปจัตุรัสขนาด 10 เมตรที่มีตะแกรงโลหะสีดำตีปิดไว้เพื่อป้องกันพวกเขาจากการต่อสู้ในอารีน่า

    “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” เสียงหนึ่งทัก ทำให้มิคาสะและแอนนี่หันไปดู โรสและมาเรียอยู่ตรงนั้น โรสมองแอนนี่อย่างกลัวๆ ส่วนมาเรียก็จ้องแอนนี่เหมือนจะขู่ว่า ถ้าทำร้ายโรสอีกเจอดีแน่

    “พวกเธอ...ทำไมมาอยู่ที่นี่” มิคาสะถาม

    “ก็ได้รับเชิญมาน่ะสิ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่จะได้สู้ในร่างไททันน่ะ” โรสตอบ “ดีนะที่ได้มาที่นี่วันนี้ วันพรุ่งนี้ เจ้าหญิงจากดินแดนน้ำแข็งก็จะมาถึงแล้วนี่ ตื่นเต้นเนอะที่จะได้ต่อสู้ต่อหน้าเจ้าหญิงองค์นั้นน่ะ”

    “ครั้งแรก...เดี๋ยวนะ รอบต่อไปเธอจะไปสู้งั้นเหรอ”

    “ใช่แล้ว!” โรสตอบ “แต่ยังไม่รู้จะต้องเจอกับใครน่ะนะ”

    “ภาวนาไม่ให้เจอเราดีกว่านะ” แอนนี่แนะนำ

    “ไม่เจอหรอก เขาจะบอกคนที่ต้องสู้ก่อนนี่ ถ้าไม่มีใครมาบอกพวกเธอก็แปลว่าไม่ใช่พวกเธอที่ต้องสู้” มาเรียตอบอย่างร่าเริงเกินกว่าเหตุ? การจะได้สู้ในร่างไททันมันน่าดีใจสำหรับพวกนักเรียนแกลดิเอเตอร์ขนาดนั้นเลยเหรอ

    เสียงเขาสัตว์ขนาดใหญ่ถูกเป่าเป็นสัญญาณว่าการต่อสู้กำลังจะเริ่มต้นขึ้น มาเรียลากโรสไปยังห้องสำหรับออกไปสู้ โชคดีที่พวกเธออยู่กันไม่ไกลจากประตูนัก ไม่งั้นคงต้องแปลงเป็นไททันก่อนจะออกไปสู้ ประตูลูกกรงถูกยกขึ้นจากพื้นและนักสู้ทั้งสองฝ่ายก็ปรากฏตัวสู่สายตาผู้คนทั้งสนาม แอนนี่แปลงเป็นไททันหญิงเพื่อหยิบมิคาสะขึ้นไปวางบนขอบหน้าต่างให้เห็นการต่อสู้ได้ชัดๆ ถึงแม้การแปลงเป็นไททันจะทำให้เสียแรงไปมาก แต่จากการต่อสู้สุดทรหดที่พวกเธอเคยเจอมาตลอดทำให้นั่นไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

    “โรส ทอเร็ตและมาเรีย ทอเร็ต พบกับ... ” โฆษกประกาศผ่านเขาสัตว์ขนาดใหญ่ที่อาจจะเป็นเขาไททัน มันส่งเสียงที่เขาพูดให้ดังไปทั่วทั้งโคลอสเซียม ฟังดูน้ำเสียงเขาตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกที่จะได้พูดชื่อของนักสู้คนต่อไป “ ...ไรเนอร์ บราวน์และรีไวล์ แอคเคอร์แมน ผู้พิชิตไททันหนึ่งร้อยตน!!!

    เสียงโหร้องดังกึกก้องไปทั่วโคลอสเซียมโดยไม่ต้องพึ่งเขาสัตว์เพิ่มเสียง รีไวล์เดินออกมาคู่กับไรเนอร์จนบางคนที่ไม่เคยรู้จักรีไวล์มาก่อนต้องขำกับความต่างของส่วนสูง “เริ่มสู้ได้!!!

    ไรเนอร์กลายร่างเป็นไททันสวมเกราะในทันที เกราะของเขากลาบเป็นสีเทาและแข็งเหมือนกับหิน รีไวล์ก็ใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติดึงตัวเองขึ้นไปบนไหล่ของไรเนอร์ ถึงคราวที่โรสกับมาเรียต้องกลายร่างเป็นไททัน ทว่ามีเพียงมาเรียที่กลายร่าง ส่วนโรสนั้นเกาะอยู่บนไหล่ไททันของมาเรีย อาวุธของเธอคือปืนและมันไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิม

    “โห... ” มิคาสะอุทาน “เกราะสวยเนอะ”

    “เป็นไปไม่ได้... ” แอนนี่รู้ดี สิ่งที่เธอกำลังมองอยู่...ไม่ว่ายังไงก็เป็นไปไม่ได้ มิคาสะไม่ได้รู้ถึงขีดจำกัดของไททันเพราะเธอไม่สามารถแปลงร่างได้เหมือนแอนนี่ แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้นมันก็เป็นไปแล้ว แม้แต่ไททันสวมเกราะก็นิ่งค้างมองร่างไททันของมาเรียอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองเช่นกัน

    ร่างไททันของมาเรียนั้นเป็นไททันหญิงสีแดงอมม่วงหม่นๆ เกราะบนร่างกายสร้างขึ้นจากคริสตัลสีม่วงใสสะท้อนแสงระยิบระยับราวกับอัญมณี ไม่ใช่เพียงแค่เกราะ แต่รวมไปถึงดาบและโล่ด้วย การสร้างผลึกจนได้รูปเป็นอาวุธนั้นใช้พลังงานอย่างมหาศาล ตอนนี้แม้แต่คอเตชที่นั่งดูการแสดงอยู่บนบัลลังก์ทองคำยังเกิดความสงสัยเช่นเดียวกับทุกคนที่สามารถแปลงร่างเป็นไททันได้ แอนนี่มองร่างนั้นพลางถามคำถามขึ้นลอยๆ

    “มาเรีย ...เธอคือใครกันแน่”
     

    *****************************************************************************
    <ไม่สามารถลงรูปได้>
     

    >>>หลังฉาก<<<

    ไรเนอร์ : ในที่สุด ก็มีบทสักที
    แอนนี่ : ฉันจะคิดถึงนาย ไรเนอร์
    มิคาสะ : อย่าโกรธกันเลยนะ
    ไรเนอร์ : อะไรกันน่ะ พวกเธอ //เริ่มรู้สึกแปลกๆ
    ไรท์เตอร์ : ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า //ยิ้ม
    ไรเนอร์ : ไรท์...มันแหม่งๆนะ

    ไรท์เตอร์ : เอาล่ะนะ ในตอนต่อไปก็จะเป็นเรื่องของ... //เปลี่ยนเรื่อง หันไปคุยกับรีดเดอร์
    ไรเนอร์ : เอ้ย เดี๋ยวเด้!
    ไรท์เตอร์ : เบลทรูท ลากคู่เกย์ตัวเองไปเก็บทีสิ
    เบลทรูท : //ลากไรเนอร์ไปเก็บเข้าโกดังสำหรับตัวประกอบฉาก

    ไรท์เตอร์ : อ่ะ กลับมาเรื่องข่าวที่ต้องแจ้ง 
                      พอดีช่วงนี้เน็ตไรท์ติดๆดับๆไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย
                      ถ้าวันไหนไม่ได้ลงแปลว่าเน็ตตายนะ
                      แต่ของวันนี้นี่คือเว็บเด็กดีซ่อมอยู่ ว่าจะลงแต่เช้าก็เจอเว็บเพี้ยนเข้าทันใด

    คริสต้า : กล้าพูด ที่จริงดองงานสินะ
    ไรท์เตอร์ : ตลกละ เดี๋ยวถีบตกบัลลังก์เลยนี่
    คริสต้า : //หลบหลังยูมิล
    ไรท์เตอร์ : เฮ้ย แขกไม่ได้รับเชิญ จะมาทำไม!
    ยูมิล : เรื่องของฉัน
    คริสต้า : นั่นสิ ทำไมไรท์ไม่ใส่บทให้ยูมิลเลยล่ะ!
    ไรท์เตอร์ : .......... //มองยูมิล ส่งโทรจิตถาม "ยังไม่ได้บอกใช่ไหม"
    ยูมิล : .......... //มองตอบแล้วส่งโทรจิตกลับ(เล่นอะไรเนี่ย) "ยัง"
    ไรท์เตอร์ : เน่ คริสต้า แน่ใจเหรอว่าอยากให้ยูมิลมีบทน่ะ
    คริสต้า : แน่สิ! แต่ถ้าเป็นบทแบบของไรเนอร์ ไม่เอานะ!
    ไรเนอร์(ในโกดังเก็บอุปกรณ์ประกอบฉาก) : ฮัดเช้ย!
    ไรท์เตอร์ : เอาเป็นตอนพิเศษไปได้ไหม //มันจะเปิดเทอมอยู่แล้วนะ
    คริสต้า : ......ก็ได้
    ไรท์เตอร์ : โอเค ครบ 30 ตอน เดี๋ยวลงให้ //จะแต่งถึงตอนที่ 30 เมื่อไหร่กันล่ะเนี่ย
    คริสต้า : สัญญานะ //หน้ายิ้มแย้ม
    ไรท์เตอร์ : สัญญาสิ //ยิ้มตอบ
    คริสต้า : ผิดสัญญา...ตายนะ! //โหมดดาร์ก
    ไรท์เตอร์ : โอ้วโนวววว!!!! //0[]o!!!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×