คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 นครแห่งขุนเขา
ตอนที่ 3 นครแห่งขุนเขา
วันรุ่งขึ้น มิคาสะแทบจะกลายเป็นมัมมี่ เพราะการพยายามสู้ตลอดเวลาทำให้แอนนี่มัดเธอแทบจะทั้งตัว ยิ่งปากนี่ยิ่งต้องระวัง กัดเจ็บเหลือเกิน แอนนี่เอาเข็มขัดสำรองรัดปากเธอไว้...ดูยังไงก็มัมมี่
ใช้เวลาสองวัน ทั้งสี่คนก็เดินทางมาถึงเมืองหน้าด่านฝั่งเหนือของกำแพงมาเรีย ระหว่างทางถึงจะเจอไททันสามสี่ตัว แอนนี่ก็จัดการไปได้โดยไม่ใช้ร่างไททันแม้สักครั้ง บางครั้งไรเนอร์ก็เป็นคนจัดการ ส่วนเบลทรูท...ตัวโตเสียเปล่า เผ่นก่อนคนแรก เมืองแห่งนี้ถูกทำลายจนย่อยยับ สิ่งที่หลงเหลืออยู่นั้นมีเพียงซากปรักหักพังของอาคารที่ถูกทุบทิ้งเป็นของเล่น ตลอดการเดินทางมิคาสะจ้องมาทางแอนนี่ด้วยความแค้น แต่แอนนี่ก็ไม่สนใจ ลอยหน้าลอยตามองอย่างอื่นแทน
ไรเนอร์เอาอุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติไปเติมแก๊สในอาคารหลัก อาคารยุคเก่านั้นสร้างจากอิฐอย่างดี แม้จะถล่มไปบ้าง แต่ข้าวของภายในที่ซ่อนไว้ชั้นล่างๆก็ไม่เสียหาย ที่นี่เองที่ทั้งสามคนเอาอาวุธพวกนี้มา
จบการหยุดพัก ทั้งหมดก็เดินทางต่อ ออกจากกำแพงมาเรียไปสู่อาณาเขตของเหล่าไททันอีกครั้ง เพียงแค่ออกจากประตูก็เจอไททันเข้าไปหกตัวติดๆกัน ทั้งสามคนเลือกจะควบม้าหนี โชคดีที่พวกนั้นไม่ใช่ไททันวิปริต หลายวันในการเดินทาง พวกเขาเจอไททันวิปริตแค่สามตัว มิคาสะเลิกคิดที่จะสู้แล้วเพราะเปล่าประโยชน์
ในที่สุดทั้งสี่คนก็มาถึงหน้าผาสูงชันอีกแห่ง ครั้งนี้เป็นหน้าผาตามธรรมชาติ สูงขึ้นไปเชื่อมต่อกับเทือกเขาที่แหงนหน้ามองก็มองไม่เห็นยอด เพราะยอดของมันหายเข้าไปในกลีบเมฆ เบื้องหน้าของพวกเขาคือทางเข้าซึ่งเป็นอุโมงค์เล็กๆแคบๆพอให้ม้าผ่านได้โดยต้องก้มหัวลงและไม่มีใครอยู่บนหลัง แอนนี่ดึงมิคาสะลงจากม้า ทางหลังจากนี้พวกเขาต้องก้มและเดินเท้าเอา เบลทรูทจัดการเชือกที่มัดมิคาสะไว้คลายออกพอให้เดินได้ แต่เตะไม่ได้
ไม่รู้ทั้งหมดเดินไปในสถานที่แคบๆนี้นานเท่าไร เบลทรูทเป็นคนนำทาง ในมือถือตะเกียงน้ำมันส่องนำทางไป คนที่สองคือไรเนอร์ ตามด้วยมิคาสะและแอนนี่รั้งท้าย มิคาสะมองแอนนี่อย่างงงๆ อีกฝ่ายจับแขนเธอตลอดเวลา แน่นเสียจนเจ็บในบางครั้ง จะกลัวอะไรในเมื่อเธอมัดมิคาสะไว้จะทั้งตัวแล้ว และในที่สุดพวกเขาก็โผล่ออกมาอีกฟากหนึ่งสำเร็จ แสงจากท้องฟ้าส่องมาถึงพื้นหญ้า แอนนี่เลิกบีบแขนมิคาสะแล้วปล่อยมือจากเธอ
ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ทอดยาวไปไกลไล่ระดับลงจากเนินสูง เบื้องล่างนั้นคือหมู่บ้าน...เมือง...อาณาจักร ใช่ อาณาจักรที่ยังไม่ถูกทำลาย สถานที่นี้ถูกโอบล้อมโดยหุบเขาขนาดมหึมา เป็นป้อมปราการทางธรรมชาติที่สูงใหญ่ยิ่งกว่ากำแพงมาเรีย กำแพงโรสหรือกำแพงซีน่า ปลายหุบเขานั้นทอดยาวออกไปสูงทะเลสีคราม มิคาสะจ้องมองมันอย่างตกตะลึง เธอเคยอ่านในหนังสือ เคยฟังที่อาร์มินเล่าและเคยได้ยินเอเลนสาบานว่าจะไปผจญภัยนอกกำแพงเพื่อให้เห็นท้องทะเล ดินแดนน้ำแข็ง และดินแดนแห่งไฟกับตาตัวเอง กลับเป็นเธอที่ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้น...กลับเป็นเธอที่ได้เห็นมัน
“ร้องไห้?” แอนนี่มองมิคาสะ เมื่อรู้ตัวว่าถูกมอง มิคาสะก็หันหลบ
“เอาไงต่อล่ะแอนนี่ เดินเข้าเมืองทั้งอย่างนี้หัวหน้าต้องรู้แหงๆ” ไรเนอร์ถาม
“จะตามไปทีหลัง” แอนนี่ตอบ ไรเนอร์กับเบลทรูทจึงมุ่งหน้าไปก่อน
แอนนี่พยายามจะเอามิคาสะขึ้นม้า แล้วก็ลืมไปว่าน่าจะให้ไรเนอร์ช่วยก่อนที่เขาจะไป ...ให้ม้าลากไปคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง... เฮ้ย! ไม่ได้สิ เดี๋ยวใครมาเห็นกันพอดี แอนนี่ทะเลาะกับตัวเองในใจ ก่อนจะตัดสินใจเดินเอา ใช่ว่ามันจะไม่มีใครเห็น แต่แค่คนเดินผ่านใครจะไปสนใจเท่ากับขี่ม้าลากคนไปตามทุ่งหญ้ากัน
มิคาสะเดินตามไปอย่างไม่ค่อยชอบใจ ถ้าไม่อยากให้สะดุดตาทำไมไม่ปล่อยเธอจากร่างมัมมี่นี่ก่อน แต่ถึงท้วงไปแอนนี่ก็ฟังไม่ออก เพราะปากของเธอยังถูกอุดไว้อยู่เลย ทั้งคู่เดินมาจนถึงกระท่อมตัดไม้กลางป่า กระท่อมแห่งนี้อยู่ไกลจากตัวเมืองมาครึ่งไมล์ได้ ไม่มีใครอยากอาศัยอยู่แถวนี้เท่าไหร่เพราะมันทุรกันดานห่างไกลชุมชน
แอนนี่ลากมิคาสะเข้าไปในบ้าน ลากลงไปชั้นใต้ดินซึ่งใช้เป็นที่เก็บเสบียง มีลังเบียร์ ไวน์ เหล้า เครื่องเทศ อาหารแห้ง ทั้งเนื้อสัตว์ตากแห้ง ทั้งข้าวเปลือก...? มิคาสะไม่เคยเห็นเพราะในกำแพงไม่มีการปลูกพืชชนิดนี้ มีแต่ข้าวสาลีไม่ก็ข้าวโพดเอามาใช้ทำขนมปัง แอนนี่มัดมิคาสะไว้กับเสาและกำลังเดินออกไป
“ถ้าจะเอามาทิ้งไว้ ทำไมไม่ฆ่าให้ตายไปเลย” มิคาสะจ้องด้วยแววตามัจจุราช
แอนนี่หันมามอง แต่ก็ไม่ตอบ แล้วเธอก็เดินออกไป
“หาเจอไหม” แจนถาม ชาช่าหายดีแล้ว ทั้งสามคนแยกย้ายกันออกตามหาตั้งแต่มิคาสะไม่ยอมกลับมา เอเลนกลายเป็นกองเลือดกองเนื้อ แต่แจนเชื่อว่ายังไงมิคาสะก็ไม่ถูกกินง่ายๆ ยิ่งตายโดยไม่มีร่องรอยการต่อสู้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ แต่ชาช่าที่กลับมาจากทางตะวันตกเฉียงเหนือก็ไม่เจออะไร ทั้งสามคนยอมเสี่ยงตามหามิคาสะเพราะรู้ว่าถ้าไม่มีเธอยังไงก็คงไม่รอดจากปากไททันแน่ๆ
คริสต้ากลับมาจากทางตะวันออกเฉียงเหนือพร้อมกับม้าสีดำสนิท ม้าของมิคาสะ
“เลิกหาเถอะ” คริสต้าบอก “ไม่มีม้า มิคาสะจะรอดได้ยังไง”
“ต้องรอดสิ!” แจนเถียง “เจอทางตะวันออกใช่ไหม...ไปหาทางนั้นกัน”
“แถวนั้นมีไททัน” คริสต้าบอก
“เราจะไปกันตอนกลางคืน” แจนบอก “คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด พวกมันน่าจะช้าลงมาก”
“แค่น่าจะ...เองเหรอ” ชาช่าถาม
“อยู่ที่เดิมมันก็ใช่ว่าจะรอดสักหน่อย!” แจนตะคอก ใช่ อาหารกำลังจะหมด ครั้งสุดท้ายที่ล่ากวางได้คือกวางที่ถูกธนูของเอเลนปักคอทิ้งไว้ เหมือนโชคดีในโชคร้าย แต่ตอนนี้อาหารพอกินไปอีกแค่มื้อเดียวเท่านั้น ชาช่าเป็นนักล่าสัตว์ก็จริง แต่ไม่ใช่นักฆ่าไททันอย่างที่มิคาสะเป็น ตอนนี้คือการนับถอยหลังรอวันตายก็เท่านั้น
“โอ๊ะโอ... ” ชาช่ามองไปทางทิศใต้ ไททันสูง 15 เมตร 5 ตัว สูง 12 เมตร 3 ตัว สูง 10 เมตร 6 ตัวกำลังเดินมา ไม่มีไททันวิปริต...ก็ใช่ว่าจะไม่งานเข้า ทั้งสามคนควบม้าหนีทันที หลังจากการออกลาดตระเวนครั้งแรกในฐานะทหารหน่วยสำรวจ ก็ไม่มีใครได้เดินทางด้วยแบบแผนของหัวหน้ารีไวล์อีกเลย ครั้งนี้จึงถึงเวลางัดวิชาก้นหีบมาใช้อีกครั้ง แต่เพราะมีแค่สามคนและไม่มีปืนยิงพลุ ทั้งสามจึงออกห่างกันไม่ได้เท่าไหร่ แจนเป็นคนอยู่ตรงกลางคอยส่งสัญญาณมือ
“วอร์มาเรีย... ” แจนพูดเบาๆ เหมือนกลัวว่าถ้าพูดดังไปอาจจะทำให้กำแพงนี้ทลายลงมาได้
“กลิ่นเนื้อ!!!” ชาช่ากระโจนลงจากม้าและวิ่งไปทางรอยแตกของกำแพง “เนื้อจริงๆด้วย เนื้อหมีแสนหวาน!”
“เฮ้ยเดี๋ยวสิ! ชาช่า!” แจนวิ่งตามไป คริสต้าก็ตามมา แต่เพราะไททันตามมาติดๆ แจนจึงผลักชาช่าเข้าไปในร่องนั้นให้ลึกที่สุด โชคดีที่ไททันตัวใหญ่และเนื้อกำแพงนั้นยังคงแข็งแกร่งอย่างที่มันเคยเป็น พวกมันจึงตามเข้ามาไม่ได้ มือใหญ่ยักษ์ของมันติดอยู่กับซอกกำแพงส่วนที่แคบ
“โอ๊ะโอ... ” ชาช่าอุทาน ตอนนี้ทั้งสามคนไม่มีทางหนี ม้าของพวกเธอก็อยู่อีกฝั่งหนึ่ง “ตายแหง”
“ไม่ตายหรอกน่า” แจนบอก สมองแล่นเร็วจี๋เพื่อหาทางออก “ชาช่า! เธอเก็บอาหารไปมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ คริสต้า! เธอคอยดูทางออกด้านนอก ถ้าไททันถล่มเข้ามาได้ต้องหนีทันทีเข้าใจไหม”
“แล้วนายล่ะ” ชาช่าถาม
“ฉันจะไปดูกำแพงด้านใน ถ้าจำไม่ผิดเคยมีการเคลื่อนย้ายม้าทางตะวันตกของวอร์มาเรีย อาจจะยังมีลิฟต์ที่ใช้งานได้อยู่” แจนตอบ “ถ้าฉันไม่กลับมา พวกเธอก็ห้ามเข้าไปด้านในกำแพงนะ หาทางกลับไปถ้ำอาริเนลให้ได้ เข้าใจไหม”
“เข้าใจ” คริสต้าตอบ ชาช่าพยักหน้า
“ฉันเคยคิดว่านายขี้ขลาดเอามากๆ” ชาช่าบอก “ขอถอนคำพูดแล้วกัน”
แจนเดินออกมาสู่ลานหินกว้าง แสงแดดส่องลงมาถึงพื้น ไททันที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างไปหลายร้อยเมตร และดูเหมือนมันจะไม่เห็นแจน แต่แค่นั้นก็เกือบทำเขาฉี่ราดแล้ว กล้าหาญอะไรกันล่ะ...เขาก็ยังเป็นคนขี้ขลาดอยู่เหมือนเดิม แต่เขามองออกว่าสิ่งที่เขากำลังทำนั้นจะช่วยให้ทั้งสามคนรอดจากโลกที่โหดร้ายนี้ อย่างน้อยก็เยื้อเวลาไปได้อีกหน่อย เพราะมีไททันเพียงแค่ไม่กี่ตัวที่สูงกว่ากำแพงมาเรีย ถ้าพวกเขาขึ้นไปบนกำแพงได้ก็ปลอดภัยกว่าที่เป็นอยู่มากแล้ว แจนมองไปรอบๆเพื่อสำรวจหาอันตราย นอกจากไททันตัวนั้นก็ดูเหมือนจะไม่มีตัวอื่นแล้ว
แจนก้าวออกไป ก่อนจะสะดุดหินก้อนโต โครม!
“โอ๊ย! หินบ้าอะไรมาอยู่ตรงนี้เนี่ย” แจนมองดูหินและที่มาของมัน “ไม่ใช่หินนี่นา”
มันคือเศษซากของกำแพงมาเรีย ร่องรอยบนกำแพงถูกเจาะเป็นรอยที่แสนคุ้นตา มันเป็นรูโหว่ที่เกิดจากการใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอื่นใดก็ไม่สามารถทำให้กำแพงมีรอยเหมือนแบบนี้ได้อีกแล้ว นั่นแปลว่าต้องมีคนรอด แถมยังมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตตัวเองได้ไปอีกพักใหญ่
“ชาช่า! เก็บอาหารได้แค่ไหน” แจนวิ่งกลับเข้าไปในช่องแคบของกำแพง
“ครึ่งหนึ่งแล้ว ไททันบุกเหรอ!” ชาช่าถามชวนให้นึกอัปมงคล
“ไม่ใช่ แต่รีบเข้า เราจะปักหลักอยู่นี่จนกว่าพวกไททันข้างนอกจะไปที่อื่น”
“คิดจะไปไหน” คริสต้าถาม
“ตามหามิคาสะต่อ จะต้องมีคนรอดอยู่แถวนี้” แจนยืนยัน “คิดดูสิ ข้างในกำแพงมีไททันน้อยมาก เหมือนมันเคยถูกเก็บกวาดออกไป แล้วยังที่กำแพง...มันมีร่องรอบของอุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติ”
“อุปกรณ์เหรอ!?” คริสต้าและชาช่าถามพร้อมกัน การขี่ม้านั้นอันตรายแต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าหากพวกเขาได้อุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติไว้กับตัวและพร้อมใช้งาน นั่นจะรับประกันความปลอดภัยในชีวิตได้อีกเยอะ
“ชาช่า เธอตามรอยม้าได้ใช่ไหม” แจนถาม
“แต่มิคาสะทิ้งม้าไว้นอกกำแพง” คริสต้าแย้ง
“ฉันถึงยืนยันไงว่ามีคนรอดนอกจากพวกเรา ฉันเห็นรอยเท้าม้าที่ด้านในกำแพง เป็นรอยเท้าแบบมีเกือกเหล็ก”
“จะเสี่ยงจริงๆเหรอ”
“ใช่ว่าจะไปเดินเท้าสักหน่อย” ชาช่าบอก “ถ้าพวกไททันไปแล้ว เราเรียกม้าให้มาหาเราได้ อาจจะต้องให้พวกมันคลานเข้ามาสักหน่อย แต่อย่างน้อยข้างในกำแพงก็ยังปลอดภัยกว่าข้างนอกจริงไหมล่ะ”
“ก็ได้ ตกลงตามนี้” คริสต้าตอบ “เราจะรอจนพระอาทิตย์ตกดิน”
กึกๆ มิคาสะพยายามแก้มันตัวเองด้วยขวานตัดไม้ในห้องใต้ดิน มันเป็นขวานเก่าและหมดคมไปแล้ว แต่เลื่อยไปเรื่อยๆเชือกที่หนาเต๊อะก็เริ่มขาดไปทีละหน่อยๆ อย่างน้อยถ้าแอนนี่ไม่เข้ามามิคาสะคงมีโอกาสหนีได้
แอ๊ดด..ด... ประตูห้องใต้ดินเปิดออกเหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง แอนนี่เดินเข้ามาพร้อมโซ่และกุญแจมือสีดำหนา ดูเหมือนเธอก็ไม่เชื่อว่าแค่เชือกจะมัดคนอย่างมิคาสะอยู่ มิคาสะจ้องตอบพลางนิ่งเงียบ ทว่ามือกลับพยายามแก้มัดให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นอาจจะไม่มีโอกาสอีกเลย
ก็มาดูกัน...จะหนีรอดและแก้แค้น...หรือ...ต้องเป็นนักโทษไปจนตาย
ความคิดเห็น