ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [End] เมื่อสิ้นกำแพงชิน่า - Attack on Titan [Yuri] [Mikannie]

    ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่ 15 ฆ่าสิ ฆ่าเลย [ตอนจบ]

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 57


    ตอนที่ 15 ฆ่าสิ ฆ่าเลย [ตอนจบ]

    “เอ้านี่ ที่สั่งไว้” เบลทรูทมาหาแอนนี่และมิคาสะที่ใต้ต้นไม้ยักษ์ ไรเนอร์ไม่ได้มาด้วยซึ่งเบลทรูทบอกว่าตั้งแต่กลับมาจากการลาดตระเวนก็ทำหน้าซึมขังตัวเองไว้ในห้องลูกเดียว เบลทรูทจึงต้องแบกของมาให้คนเดียว ของที่ว่านั้นก็คืออาวุธที่แอนนี่เก็บไว้ในบ้านคนตัดไม้ อุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติและดาบคัตเตอร์ 2 ชุด ชุดหนึ่งเป็นของไรเนอร์ แต่คิดว่าเขาคงไม่อยากจะไปไหนหรือใช้มันในช่วงนี้ “ฉันกลับก่อนนะ ต้องไปลากไรเนอร์ไปกินข้าว”

    “อืม” มิคาสะตอบ พลางทดสอบของที่ได้มา

    “ดูความสัมพันธ์พวกเธอดีขึ้นนะ... ชะโอ๊ย!” เบลทรูทกระซิบ แอนนี่ก็กระทืบเท้าเขาไปทีหนึ่ง “ฉันผิดอะไร”

    “..........” แอนนี่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเหมือนว่าอยู่ๆเบลทรูทก็เจ็บเท้าขึ้นมาเอง เธอไม่เกี่ยว

    “แอนนี่ เลออนฮาร์ท มิคาสะ แอคเคอร์แมน” นักรบหญิงคนหนึ่งเข้ามาเรียก “พวกเธอตามฉันมา”

    “มีอะไรงั้นเหรอ” มิคาสะถาม

    “พวกเธอต้องไปสู้รอบพิเศษที่คฤหาสน์” นักรบหญิงตอบ “คำสั่งของเคาต์วินเทอร์น่ะ”

    “เหรอ” มิคาสะตอบ เวลาตลอด 2 เดือนกว่าที่ผ่านมาทำให้เธอไม่ได้รู้สึกว่าพวกนักรบนั้นนิสัยโหดร้ายไปเสียหมด บางคนขี้กลัวเสียด้วยซ้ำ แต่อย่างไรเสียพวกเขาก็ชื่นชมความแข็งแกร่ง มิคาสะกับแอนนี่จึงเป็นไอดอลของพวกนี้

    “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ไปนอกสถานที่แค่วันเดียวเอง” นักรบหญิงบอก เพราะไม่รู้ว่ามิคาสะเป็นนักโทษ อาจเพราะไม่มีท่าทีจะหนีด้วยและมิคาสะก็ดูสู้ได้โหดราวกับฟ้าส่งมาเกิดเป็นแกลดิเอเตอร์โดยเฉพาะ “ได้ยินว่าในงานเลี้ยงมีอาหารอร่อยๆ ไวน์จากอังกฤษแล้วก็ดนตรีเพราะๆด้วย สู้เสร็จก็ได้พักสบายแล้ว”

    “ใครไปบ้าง” แอนนี่ส่งเบลทรูทเสร็จก็เข้ามาถาม

    “มีแค่พวกเธอนะ” นักรบหญิงตอบ “สงสัยจะได้สู้กับนักสู้จากอารีน่าอื่นแหงเลย”

    “แน่ใจเหรอ” แอนนี่ถามย้ำ

    “ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้มีหน้าที่ดูเรื่องนั้น” นักรบหญิงบอก พลางปีนขึ้นไปบนรถม้า “ขึ้นมาเร็วสิ อย่าให้เคาต์วินเทอร์ต้องรอเลย เดี๋ยวงานเลี้ยงจะกร่อยไปซะก่อน”

     

    งานเลี้ยงนั้นจัดตั้งแต่บ่ายยันเย็น ดูเหมือนคิวที่แอนนี่และมิคาสะจะต้องสู้เป็นช่วงเย็น ในระหว่างนี้พวกเธอก็ได้แต่เดินเล่นและนั่งพักอยู่ในงาน ซึ่งท่านเคาต์จัดไว้เหมือนงานเลี้ยงบุฟเฟ่ต์อาหารยุโรป บนโต๊ะมีอาหารชิ้นเล็กชิ้นน้อยให้หยิบไปกินได้เรื่อยๆ ส่วนมุมห้องโถงก็มีถังเหล้าถังไวน์ไม่ต่ำกว่า 10 ถังตั้งอยู่ แน่นอนว่ามีพวกคอแข็งตั้งวงกินกันตั้งแต่ยังไม่เย็น พวกนั้นดูเหมือนเป็นพวกนักรบที่มีตำแหน่ง ภายในห้องโถงแห่งนี้มีเวทีกว้างไว้จัดแสดงโชว์ต่างๆ ตั้งแต่นางรำแบบเปอร์เซียที่หาดูได้ยาก นักควงเพลิง ศิลปะจากโลกตะวันออก ละครหน้ากากและอื่นๆอีกมากมาย

    “กินไหม” แอนนี่ถาม มือยื่นขนมมาการองสีชมพูมาให้ มิคาสะลองรับไปกินก็เบ้ปาก

    “หวาน” มิคาสะบอก ก่อนจะมองหาน้ำล้างปาก แต่ดูเหมือนในงานเลี้ยงนี้จะมีแต่เหล้าและไวน์กองเป็นภูเขาเลากา ประมาณว่างานเลี้ยงนี้ไม่เมาไม่เลิก มิคาสะไม่เคยดื่มไวน์ เหล้าในกำแพงนั้นเป็นแบบไม่ทำให้เมาเท่าไหร่ แต่จะช่วยให้หายหนาวได้ในเขตภูมิภาคที่เจอหิมะตลอด

    กินก็กิน

    “อ้าวไหงมาดื่มไวน์ซะล่ะสาวน้อย” ชายคนหนึ่งในวงเหล้าทัก ทำท่าทางพยายามขู่ให้กลัว “ได้ยินว่าไวน์ของอังกฤษหมักด้วยเลือดคนสดๆเลยนะ แถมองุ่นที่ใช้ทำไวน์ยังใช้เลือดรดแทนน้ำอีกต่างหาก”

    มิคาสะเดินออกมาราวกับชายที่แกล้งขู่เธอไม่มีตัวตน ทำเอาอีกฝ่ายหน้าแตกยับ เธอไม่สนว่าเขาจะพูดจริงไหม แต่เธอไม่ได้กลิ่นเลือดในไวน์องุ่นนี้ กลิ่นเลือดที่เธอต้องเจอในทุกๆวันจนชินชาไปแล้ว

    ดูเหมือนแอนนี่ก็เดินหาน้ำดื่มเหมือนกันหลังจากเผลอกินมาการองหวานหยดนั่นไปแล้ว แต่พอเธอชิมน้ำในแก้วเธอก็ขมวดคิ้วพลางมองมาทางมิคาสะ ไม่พูดพร่ำทำเพลง แอนนี่ก็เอาแก้วของเธอมาสลับกับแก้วในมือของมิคาสะ แล้วก็ดื่มไวน์ของมิคาสะรวดเดียวหมด มิคาสะที่ยืนงงก็ลองดูแก้วที่แอนนี่ส่งมาให้ มันเป็นเหล้าที่เธอไม่รู้จัก กลิ่นเหล้าลอยขึ้นมาฉุนจมูก แต่แอนนี่กลับมองเธอเหมือนว่าถ้าไม่ดื่มล่ะก็...เจอดีแน่ มิคาสะจึงยอมดื่มแทน

    “อ้าปาก” แอนนี่สั่ง มิคาสะมองเธอ...นี่จะเอาอะไรมาให้กินอีกเนี่ย? “อ้า – ปาก”

    มิคาสะยอมอ้าปากแต่โดยดี แอนนี่ก็ยัดอาหารหน้าตาแปลกๆชิ้นเล็กใส่ปาก มันหน้าตาเหมือนแป้งห่อเนื้อหมูชิ้นเล็ก ซอสสีน้ำตาลและอย่างอื่นที่มีสีเขียวแดงไว้ข้างใน มิคาสะแทบจะคายทิ้งทันทีถ้าไม่ใช่ว่าแอนนี่ปิดปากเธอเอาไว้ จนมิคาสะยอมกลืนไปแต่โดยดี เอาอะไรมาให้กินไม่เอา ดันเอาแหนมเนืองมาให้กิน แถมใส่พริกมาไม่ใช่น้อยๆ

    “ยาพิษรึไงน่ะ” มิคาสะดุ แต่ดูไม่น่ากลัวเลยในขณะที่เธอกำลังกรอกเหล้าในแก้วเพื่อให้หาแสบปาก

    “เครื่องเทศของชาวตะวันออก...เรียกว่าพริก” แอนนี่บอก ก่อนจะมองหาอาหารแปลกๆมาแกล้งมิคาสะเพิ่ม มันคงจะดูน่ารัก ถ้าไม่ใช่ว่าแอนนี่ทำหน้าตายตลอดตั้งแต่เข้างานเลี้ยงมา “กินนี่ไหม”

    “ฉันหาเองได้” มิคาสะขอผ่าน เพราะแต่ละอย่างที่แอนนี่เอามาให้กินนี่เหมือนจงใจแกล้งกัน มิคาสะไปหาเหล้าดื่มต่อเพราะยังไม่หายแสบปาก พริกที่แอนนี่เอามาให้กินทำเอาในปากปวดแสบปวดร้อนจนน้ำตาเล็ด

    พวกเธออยู่ในงานกันนานพอสมควร ทั้งลองชิมอาหาร ทั้งดูการแสดงของคนอื่น สิ่งที่น่าแปลกในที่สุดบนเวทีคือการแสดงมายากลของคณะละครเร่ข้ามสมุทร มีกลการแสดงที่ตัดผู้หญิงเป็นสองท่อนแล้วไม่ตายอย่างกับเป็นไททัน แล้วไหนจะกลเสกให้ของที่ใส่กล่องหายวับไป สะกดจิตให้คนหลับและลอยขึ้นจากพื้น แม้มิคาสะไม่ได้ตั้งใจจะมาสนุกกับงานนี้อย่างที่นักรบหญิงแนะนำ แต่อะไรบางอย่างก็กระตุ้นเธอให้สนุกไปกับมัน

    “แอนนี่ ทำไมเราไม่หนีกันไปตอนนี้ล่ะ” มิคาสะถาม หลังจากเดินทั่วงานจนกลับมานั่งข้างแอนนี่

    “พวกนักรบที่จับตาดูเราเฝ้าอยู่หน้างาน” แอนนี่ตอบ “เราไม่มีอาวุธจนกว่าจะเริ่มสู้”

    “แล้วตอนสู้ล่ะ” มิคาสะถาม

    “ตอนนั้นคงมีพวกนักรบมาล้อมเต็มแล้ว” แอนนี่ตอบ ขมวดคิ้วเมื่อเห็นมิคาสะกระดกเหล้าไปอีกแก้ว “นี่ดื่มไปกี่แก้วแล้วเนี่ย”

    “สองแก้ว” มิคาสะตอบ หน้าดูมึนๆแดงๆเหมือนคนเมา

    “โกหก” แอนนี่เถียง “เมาแล้วนะนั่น เดี๋ยวต้องสู้แล้วนะ”

    “ไม่เป็นไรหรอกน่า” มิคาสะเทเหล้าในเหยือใส่แก้วเพิ่มตั้งท่าจะดื่มต่อ แต่แอนนี่คว้าแก้วไปดื่มเองจนหมด “เฮ้ย”

    “หยุดกินได้แล้ว” แอนนี่ว่า ก่อนจะหยิบเอาทั้งเหยือกทั้งแก้วเหล้าไปเก็บ

    ตัวเธอนั้นจะดื่มมันไม่เป็นไร ให้ดื่มสองสามเหยือกยังไม่เมาด้วยซ้ำเพราะเมื่อก่อนการจะเป็นนักรบที่นี่ต้องคอแข็ง แต่มิคาสะไม่เคยดื่ม ถึงคอแข็ง แต่ถ้าให้ไปสู้ต่อในสภาพนี้นี่ตายแน่ๆ

    “มิคาสะ แอคเคอร์แมน” นักรบคนหนึ่งเรียกมิคาสะ “ไปรับอาวุธของเธอ การต่อสู้จะเริ่มแล้ว”

    มิคาสะเดินตามนักรบคนนั้นไป ส่วนแอนนี่พอกลับมาก็ไม่เจอมิคาสะจึงเดินไปดูแถบถังเหล้าเผื่อว่ามิคาสะไม่เข็ดแล้วไปหยิบเหล้ามาเพิ่ม แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา

    “แอนนี่ เลออนฮาร์ท” นักรบเรียกเธอ “การต่อสู้จะเริ่มแล้ว”

    “แต่มิคาสะ... ”

    “นี่เป็นการต่อสู้เดี่ยว” นักรบบอก “ไปรับอาวุธ”

    สู้เดี่ยว? ตลอดมาเท่าที่เคยเจอยังไม่มีการต่อสู้เดี่ยว แม้จะเป็นการต่อสู้รอบพิเศษก็ตาม แต่แอนนี่ก็ไม่ถามอะไร เดินตามนักรบคนนั้นไปรับอาวุธที่ด้านหลังเวที ซึ่งถูกแบ่งเป็นสองฝั่ง เธอจะไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้เป็นใครจนกว่าการต่อสู้จะเริ่มขึ้น เสียงคนดูพากันโห่เชียร์ ห้องโถงถูกปล่อยโล่งและคนดูไปอยู่บนระเบียงชั้นสอง ประตูคฤหาสน์ถูกปิดล็อกก่อนที่มิคาสะจะทันใส่อุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติเสร็จ หน้าต่างกระจกสีที่ทำขึ้นอย่างหรูหราก็ถูกปิดจากด้านนอกด้วยบานหน้าต่างโลหะที่มีไว้ปิดกันพายุใหญ่ ไม่งั้นมิคาสะคงหนีออกไปก่อนแล้ว

    “มิคาสะ แอคเคอร์แมน” เสียงประกาศเรียกมิคาสะออกไปกลางห้องโถงก่อน เธอก็ออกไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่แอนนี่ซึ่งยืนอยู่หลังเวทีอีกฝั่งกลับนิ่งแข็งไปทั้งตัว

    นี่เองเหตุผลที่มีเพียงเธอสองคนที่ถูกเรียกมา

    “แอนนี่ เลออนฮาร์ท” มิคาสะหันไปมองที่หลังเวทีอย่างมึนๆเพราะฤทธิ์เหล้า “เริ่มสู้”

    แอนนี่ก้าวออกจากหลังเวทีด้วยสีหน้าซีดเซียว เธอต้องฆ่าเพื่อนของเธออีกคนแล้วเหรอ? ถ้าเธอไม่ทำ...มิคาสะจะฆ่าเธอรึเปล่า ไม่มีอะไรรับประกันทั้งนั้นว่ามิคาสะจะไม่เอาจริง พวกเธอไม่ได้คุยกันก่อนการต่อสู้จะเริ่ม จะมาพูดกันป่านนี้ก็ไม่ทันแล้ว ทั้งแอนนี่และมิคาสะต่างก็มีใบมีดรวมที่กำลังใช้คนละ 8 ใบ เป็นไปได้ไหมที่พวกเธอจะใช้มันจนหักหมด และจบการต่อสู้ด้วยการเสมอ...ดูเหมือนมิคาสะไม่คิดแบบนั้น

    มิคาสะชักดาบออกมาตั้งท่าเตรียมสู้ ราวกับเธอไม่เคยได้รู้จักแอนนี่มาก่อนในชีวิต แอนนี่ได้แต่ภาวนาว่ามิคาสะแค่ล้อเล่น แน่นอนว่ามันไม่ใช่ เธอจึงต้องเริ่มตั้งหลักเตรียมสู้เหมือนกัน

    “แค่จบด้วยการเสมอ” แอนนี่พูดกับตัวเอง “ยากตรงไหน”

    มิคาสะพุ่งเข้าใส่ก่อน แทงดาบใส่อย่างไม่ยั้งมือ ทว่าพลาดเป้าทั้งๆที่แอนนี่ยังไม่ได้หลบ แอนนี่มองอีกฝ่ายอย่างงงๆ หน้ามึนๆแดงๆแบบนี้ แถวยังแทงพลาดไปตั้งห่าง... เมาชัวร์

    มิคาสะยังคงฟันต่อไปแบบแม่นบ้างไม่แม่นบ้าง แอนนี่ก็ยอมตกเป็นฝ่ายตั้งรับเพราะมิคาสะตอนนี้ไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่ จากที่ฝีมือเก่งระดับแนวหน้าตอนนี้ให้สู้กับเอเลน เอเลนยังชนะได้เลย แอนนี่ประมาทเกินไป เมื่อมิคาสะฟันกากบาทไปที่หัวของเธอ แอนนี่ย่อตัวลงต่ำ พลั่ก! เข่าของมิคาสะพุ่งเข้ากะแทกใส่ใต้คางอย่างแรงจนแอนนี่รู้สึกเหมือนโลกหมุน เธอถอยไปตั้งหลัก แต่มิคาสะตามติดมาอย่างรวดเร็ว

    ฟ้าว! ครึ่ก! แอนนี่โหนตัวหลบด้วยสลิงของอุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติ ดูเหมือนการต่อสู้ครั้งนี้จะทำให้ท่านเคาต์ต้องก่ายหน้าผากกับค่าซ่อมคฤหาสน์ซะแล้ว เพราะแค่การโหนตัวครั้งเดียวก็ทำให้เพดานเป็นรูโหว่ไปแล้วรูหนึ่ง มิคาสะยิงสลิงตามขึ้นมา มีรูบนเพดานเพิ่มอีกสองรู แอนนี่กับมิคาสะขึ้นไปประดาบกันบนเพดานแทน คนดูก็พากันฮือฮาแบบคนไม่เคยเห็นอุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติกับตาตัวเองมาก่อน จากที่สู้อยู่กับที่เริ่มกลายเป็นกายกรรมบนอากาศ เร็วขึ้นๆจนคนดูเริ่มมองไม่ทันว่าแอนนี่โหนไปขวาหรือซ้าย หรือเป็นมิคาสะที่โหนไปขวา พอจับต้นชนปลายไม่ถูกพวกที่เรียกพนันก็มองดูการต่อสู้ที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ จะเชียร์ได้ไงในเมื่อมองไม่ทันว่าใครเป็นใคร

    พวกเธอคงสู้กันได้จนคนดูเบื่อไม่ก็คฤหาสน์พังไปเสียก่อน ถ้าไม่ใช่ว่ามิคาสะยิงสลิงพลาดไป หัวฉมวกพุ่งเข้าใส่เสาต้นหนึ่งที่เคยมีรอยเจาะอยู่แล้วไม่น้อยกว่าสิบจุด เมื่อยิงใส่ซ้ำในที่ใกล้ๆกัน เสาก็ถล่มลงมา ร่างมิคาสะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง กระเด้งกระดอนไปกับพื้น ก่อนที่จะไถลไปกระแทกกับเศษเสาที่ถล่มลงมากอง คงเพราะพุ่งตัวเร็วและแรงไป พอกระแทกเข้าไปมิคาสะก็นอนนิ่งไม่ลุกขึ้นมา แอนนี่โหนลงไปใกล้ๆ

    “ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!” เสียงคนดูพากันโห่ร้องเสียงดังเมื่อแอนนี่ไปหยุดยืนเหนือร่างมิคาสะ

    “ลุกสิ” แอนนี่กระซิบ แต่มิคาสะก็แน่นิ่งไม่ขยับ เลือดสายหนึ่งไหลอาบศีรษะจากการกระแทก แอนนี่หันไปมองเคาต์วินเทอร์ หวังว่าเขาจะมีจิตเมตตาหรืออารมณ์ดีเพราะอยู่ในงานเลี้ยงเสียหน่อย แต่ก็เปล่าประโยชน์ มือของเขายื่นออกมาและนิ้วหัวแม่มือก็ชี้ลงพื้น นั่นเป็นสัญลักษณ์สำหรับสนามแกลดิเอเตอร์

    มิคาสะต้องตาย...

    “แอนนี่?” มิคาสะลืมตาขึ้นอย่างมึนๆคล้ายจะยังไม่สร่างเมาและก็ไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ในสภาพนี้ได้ยังไง

    แอนนี่เงื้อดาบขึ้น ปากพึมพำขอโทษ ทว่ามิคาสะไม่ได้มองเธอ กลับมองข้ามไหล่ไปข้างหลังอย่างจงใจจนแอนนี่เหลือบตามไปมองก็เห็นหน้าต่างกระจกสีบานหนึ่งที่ไม่ได้ถูกปิดด้วยหน้าต่างกันพายุ มันเป็นกระจกบานใหญ่ที่อยู่สูงขึ้นไปบนชั้นสอง ด้านนอกนั้นท้องฟ้าเป็นสีส้มของอาทิตย์ยามอัสดง

    กึก... มิคาสะพยายามลุกขึ้น เศษหินจากเสาร่วงจากเสื้อผ้าของเธอ อุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติของมิคาสะขัดข้องเพราะการกระแทก แอนนี่ยังคงเงื้อดาบค้างไว้ไม่ยอมฟันและดูเหมือนพวกคนดูจะเริ่มไม่ชอบใจแอนนี่เข้าไปทุกที เคาต์วินเทอร์สั่งอะไรบางอย่างและพวกนักรบก็วิ่งลงมาทางพวกเธอ

    “ฆ่าสิเว้ย!” เคาต์วินเทอร์สั่ง

    ควับๆๆๆ ฉั่วะ! เคาต์วินเทอร์มองดาบที่ปักอกอยู่อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก่อนจะทรุดลงไปกับพื้นเลือดไหลทะลักออกจากบาดแผล ใบดาบคัตเตอร์ของมิคาสะนั้นแทงทะลุหลังเขาไป พวกผู้ติดตามพากันมองตาค้าง ไม่มีใครในที่นี้คาดคิดว่าจะได้เจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และก่อนที่ใครจะทันมีสติพอจะมากดแผลห้ามเลือด เคาต์วินเทอร์ก็ล้มลงไปนอนแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน แอนนี่มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างตกใจ สิ่งที่มิคาสะทำลงไป ไม่ว่ายังไงพวกเธอก็จะอยู่ตรงนี้ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว เพราะโทษที่ตามมานั้นคงไม่พ้นความตาย

    มิคาสะผลักแอนนี่ให้วิ่งไปทางหน้าต่างกระจกสี ก่อนจะเกาะหลังแอนนี่ไว้

    “ไป!” มิคาสะสั่ง แอนนี่ก็ยิงสลิงดึงทั้งเธอและมิคาสะลอยขึ้นจากพื้น หลบการโจมตีของนักรบถือง้าวไปได้ฉิวเฉียด เพล้ง! ทั้งคู่พุ่งกระแทกกระจกออกไปสู่ด้านนอกตัวอาคาร

    เปรี้ยง!!! นักรบที่ด้านนอกดูเหมือนจะรู้ถึงการหลบหนีแล้ว สองคนในหมู่นักรบกลายร่างเป็นไททันสูง 14 เมตรและ 12 เมตร วิ่งไล่คว้าตัวแอนนี่และมิคาสะที่กำลังโหนตัวไปมาในอากาศ แอนนี่ปล่อยตัวมิคาสะกลิ้งลงไปบนหลังคา ก่อนที่ตั้งท่าหันกลับไปสู้กับไททันสองตัวนั้น

    “เดี๋ยวแอนนี่!

    เปรี้ยง! ร่างของไททันหญิงปรากฏขึ้นเบื้องหน้ามิคาสะ มือทั้งสองยกขึ้นในท่าพร้อมสู้

    ตึง... พื้นดินสั่นสะเทือนเพราะแรงย่ำเท้า ตึง...ด้านหน้าของไททันหญิงคือไททัน 2 ตัว ตึง... ทว่าเจ้าของฝีเท้าหนักปรากฏตัวที่ด้านหลัง ผมสีขาว ร่างกายสีแดงและเกราะสีเนื้อหุ้มทั้งตัว ไททันสวมเกราะย่อตัวลงเตรียมจะพุ่งตัวเข้าใส่เหมือนที่เคยทำกับประตูกำแพงมาเรีย

    “ไรเนอร์...?!

     

    *************************************************************************
     

    ไรท์เตอร์ : มีใครทายว่ามิคาสะหรือแอนนี่จะโดนเชือดไปก่อนไหมนะ -.-

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×