ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [End] เมื่อสิ้นกำแพงชิน่า - Attack on Titan [Yuri] [Mikannie]

    ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ 14 ฆ่าสิ ฆ่าเลย [ตอนกลาง]

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ค. 57


    ตอนที่ 14 ฆ่าสิ ฆ่าเลย [ตอนกลาง]

    “เฮ้ยๆ แอนนี่มา” นักสู้ภายในห้องพักรวมกระซิบกระซาบและพากันหลบออกจากบริเวณนั้นไป ไม่มีใครไม่รู้เรื่องที่แอนนี่เกิดบ้าขึ้นมาเมื่อวาน แม้แต่มิคาสะยังเดินออกไปห่างๆ แอนนี่เดินหน้าตายเข้ามาในห้อง ก่อนจะนั่งเบื่อโลกอยู่ที่มุมของตัวเอง บริเวณนั้นดูเหมือนกลายเป็นพื้นที่ร้างผู้คนไปในทันที

    “เลิกบ้ารึยัง” มิคาสะเดินเข้าไปถาม

    “สนด้วยเหรอ” แอนนี่ถามกลับ

    “ถ้าไม่ใช่ว่ารอบต่อไปฉันต้องสู้คู่กับคนบ้าบางคน” มิคาสะตอบ “ฉันคงไม่ห่วง”

    “ฉัน...ถามอะไรหน่อยสิ” แอนนี่ถาม “ถ้าคนที่เธอต้องสู้ด้วยเป็นเพื่อน...เธอจะฆ่าเขาไหม”

    “ฉันฆ่าโยริไปแล้ว” มิคาสะตอบ

    “นั่นสินะ” แอนนี่ตอบ

    “มิคาสะ” ชาร์ล็อตพยายามเรียกเบาๆ ไม่อยากให้แอนนี่หันมาด้วย ทำไงได้ อีกฝ่ายน่ากลัวจะตาย มิคาสะมองแอนนี่อีกครั้ง เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีจะบ้าขึ้นมาอีกก็ไม่ถามต่อ แล้วเดินกลับมาหาชาร์ล็อต

    “มีอะไร”

    “นี่ไง ฉันทำให้” ชาร์ล็อตชูสร้อยเส้นหนึ่งให้ “เครื่องลาง”

    “ไม่เอา”

    “หง่า มิคาสะใจร้าย” ชาร์ล็อตพูด “ได้ยินว่าวันนี้มีขุนนางจากเกาะอังกฤษมาดูด้วย คู่ต่อสู้ที่ต้องเจอคงไม่กระจอกอย่างที่เคยเจอกันมาแล้วล่ะ”

    “ฉันไม่ใส่” มิคาสะตอบ ดึงปกเสื้อให้ปิดคอ

    “อ้อ เข้าใจแล้วทำไม” ชาร์ล็อตพูดอย่างมีเลศนัย “ไม่ว่ากันถ้าเธอชอบปลอกคอ... อู้!

    มิคาสะปิดปากชาร์ล็อตทันที แต่ก่อนที่มิคาสะจะไล่ตะเพิดชาร์ล็อตกลับไปหาคู่หูของเธอ นักรบก็เข้ามาประกาศคู่ประลองคู่แรก และก็เป็นอย่างที่ชาร์ล็อตว่าจริงๆ รอบการต่อสู้ในวันนี้นั้นไม่ใช่ง่ายอย่างที่ผ่านมา

    “แอนนี่และมิคาสะ เจอกับ ลูนและชาร์ล็อต”

    แอนนี่เงยหน้าขึ้นมองชาร์ล็อตที่ช็อกนิ่งเป็นหินพลางยิ้มกับตัวเอง มิคาสะก็เงียบไปทันที ปล่อยให้ชาร์ล็อตกลับไปหาลูน ไม่มีอะไรที่พวกเธอจำเป็นจะต้องพูดกันอีก สิ่งที่ตัดสินชีวิตพวกเธอมีเพียงความสามารถเท่านั้น

    “อโหสิให้ด้วยนะ” ลูนพูดเมื่อเดินผ่านมิคาสะไปยังลานประลอง

    “ไม่ใช่แค้นส่วนตัว” มิคาสะตอบ

    ทั้งสามคนเข้าสู่ลานประลอง เอ่อ...แอนนี่หาย มิคาสะต้องไปลากแอนนี่ขึ้นมา ดูเหมือนเธอไม่ค่อยมีใจอยากจะสู้สักเท่าไหร่ ทั้งๆที่เธอเกือบจะฆ่าโรสไปในการซ้อมเมื่อวาน แอนนี่ควงปืนยาวของตัวเองอย่างเบื่อโลก มิคาสะชักนินจาเคนออกมา ฝ่ายนั้นต่างก็หยิบอาวุธของตัวเองขึ้นมา ลูนยังคงใช้ขวานศึกเล่มยักษ์เล่มเดิม ส่วนชาร์ล็อตใช้ดาบอูรุมิ เป็นอาวุธทางแขกที่ถูกตีจนบางเหมือนกระดาษ เวลาฟันนั้นก็อ่อนยวบเหมือนแส้ทว่าคมกริบ

    บนแสตนด์สำหรับคนดูมีบางอย่างที่แตกต่างไปจากทุกครั้ง ปะรำพิธีชั่วคราวถูกสร้างขึ้นภายในข้ามคืน บนนั้นมีบัลลังก์ที่หรูหราพอสมควรตั้งอยู่ ผู้ที่นั่งบนบัลลังก์คือชายหนุ่มรูปงามผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ไม่ต่ำไปกว่าท่านเคาต์ ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาได้มานั่งชื่นชมการต่อสู้ที่โหดร้ายนี้คงไม่ใช่เพราะเขามีจิตใจอ่อนโยนแน่ๆ

    เริ่มการต่อสู้ไปแล้ว แต่ต่างฝ่ายต่างก็นิ่งลองเชิงกันไม่มีฝ่ายใดบุกก่อน ทั้งคู่ไม่ได้อยากเจอแอนนี่ในการประลอง และก็ไม่ได้หมายความว่าพวกนั้นจะอยากเจอมิคาสะ เมื่อไม่มีใครเริ่ม มิคาสะจึงบุกเข้าใส่ก่อน คมดาบพุ่งเข้าใส่ชาร์ล็อตเป็นคนแรก เธอยังไม่เคยเจอกับอาวุธประหลาดของอีกฝ่าย ดังนั้นควรจัดการเป็นคนแรก

    ชาร์ล็อตถอยหลบ ข้อเสียของนินจาเคนคือมันสั้นกว่าดาบทั่วไป เหมาะจะสู้ในที่แคบต่างจากอูรุมิที่โจมตีได้กว้างกว่า ชาร์ล็อตตวัดดาบของตน มันสะบัดเหมือนแส้ ก่อนจะเฉือนเกราะไหล่ของมิคาสะเป็นร่อง คมกว่าดาบคัตเตอร์ที่ใช้สู้กับไททันเสียด้วยซ้ำ ชาร์ล็อตชักดาบกลับทันที ก่อนจะโจมตีอีกระลอก คมดาบตวัดไปมายากต่อการเดาทิศ ก่อนที่ปลายดาบจะแทงลึกใส่ช่องว่างของเกราะที่ข้อมือ แผลจากดาบถูกกรีดยาวไปใต้เกราะ ก่อนที่มิคาสะจะสะบัดแขนออก แต่นั่นกลับทำให้แผลฉีกมากกว่าเก่า เธอไม่มีเวลามาห่วงเลือดที่ไหล หากไม่เข้าประชิดตัวชาร์ล็อตให้ได้ก็มีแต่จะถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว มิคาสะเหลือบมองแอนนี่ อาวุธของเธอเหมาะจะสู้กับชาร์ล็อตมากกว่า แต่ดูเหมือนเธอกำลังมีปัญหากับลูนอยู่

    ลูนไล่ต้อนแอนนี่โดยไม่ยอมให้ทิ้งระยะห่าง ตัวของเขานั้นใหญ่โตเหมือนยักษ์ปักหลั่น แต่กลับขยับตัวได้คล่องแคล่ว แถมขวานในมือยังจู่โจมเร็วจนแอนนี่ตั้งรับแทบไม่ทัน ...หรือตั้งใจไม่เป็นฝ่ายโจมตีกัน? โดยปกติแอนนี่ไม่เหมาะจะตั้งรับ โจมตีสวนคือนิสัยตามปกติของเธอ แต่วันนี้กลับแปลกไป ราวกับแอนนี่ไม่มีใจจะสู้อีกต่อไป

    คมดาบอูรุมิตวัดฟันผ่านอากาศเป็นเสียง ฟึ่บ! เตือนให้มิคาสะก้มหลบในวินาทีสุดท้าย คมดาบนั้นพลาดจากลำคอของเธอไปเส้นใยแดงผ่าแปด มิคาสะหันกลับมาสนใจที่ชาร์ล็อต อีกฝ่ายนั้นดูกลัวแต่นั่นไม่ได้ทำให้ฝีมือการต่อสู้ลดลง กลับยิ่งตอบสนองไวขึ้นเมื่อคิดว่านี่คือการเอาชีวิตรอดจากนักสู้ที่เก่งที่สุดในโรงฝึกแถบนี้

    มิคาสะบุกเข้าใส่อีกครั้ง ชาร์ล็อตก็แทงดาบสวนมา มิคาสะมุดหลบการโจมตี ทว่าเมื่ออีกฝ่ายตวัดดาบกลับ คมดาบนั้นโค้งลงและกรีดหลังที่ไร้เกราะป้องกันเป็นแผลลึก มิคาสะล้มลงและไม่ลุกขึ้นมาอีก

    “แค่นี้เหรอ... ” ชาร์ล็อตพูดเบาๆอย่างแปลกใจ นึกว่ามิคาสะจะเก่งกว่านี้เสียอีก

    ชาร์ล็อตเดินเข้าไปดูใกล้ๆและเริ่มได้ยินเสียงคนดูโห่ร้องว่าฆ่าเลย! ฆ่าเลย! แต่ทันทีที่เธอก้าวเข้าไปในระยะเมตรครึ่ง มิคาสะก็ดีดตัวลอยจากพื้นด้วยสองมือ หมุนตัวและเตะกวาดไปที่พื้น สัญชาตญาณสั่งให้ชาร์ล็อตกระโดดหลบ แต่มิคาสะไวกว่า เธอเหยียบลงพื้นแล้วถีบใส่ชาร์ล็อตที่ยังลอยอยู่กลางอากาศโดยไม่มีทางหลบ อีกฝ่ายล้มไปกับพื้น มิคาสะตามไปเหยียบข้อมือเธอไว้ไม่ให้ฟันดาบสวนมา มิคาสะล้มตัวลงทับไว้ ก่อนจะกระแทกศีรษะอีกฝ่ายด้วยด้ามดาบอย่างแรง และชาร์ล็อตก็น็อกไปในการโจมตีครั้งเดียว

    “ฆ่าเลย! ฆ่าเลย! ฆ่าเลย!” เสียงคนดูโห่ร้องแต่มิคาสะไม่สนใจ เธอหันกลับไปทางแอนนี่กับลูน

    ครึ่ก! คมขวานผ่าเข้าใส่เต็มแรงทำให้ปืนยาวเกือบหักครึ่ง แอนนี่ล้มไปนอนหงายอยู่กับพื้น พยายามยกปืนที่เกือบหักที่มีคมขวานของลูนติดอยู่นั้นให้ห่างตัว เธอพยายามจะคลานหนี แต่ลูนก็เหยียบท้องเธอไว้ ก่อนจะเงื้อขวานขึ้นเหนือหัว แต่แล้วเขาก็เหวี่ยงขวานกลับมาทางด้านหลังแทน ปะทะเข้ากับนินจาเคนของมิคาสะที่เกือบแทงทะลุลำตัวของเขาแล้ว

    ลูนเตะแอนนี่ออกไปห่างๆ ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับมิคาสะแทน ขวานในมือถูกควงไปมาอย่างรวดเร็ว ซ้าย ขวา บน ล่าง มิคาสะถอยหลบอย่างรวดเร็ว ลูนเหวี่ยงขวานผ่ากลางลำตัวต่อกดดันให้มิคาสะต้องตั้งรับ ทว่านินจาเคนเล่มหนึ่งหักคามือเมื่อปะทะกับแรงของอีกฝ่าย ส่วนอีกเล่มกระเด็นไปตกตรงหน้าแอนนี่ ในมือมิคาสะเหลือเพียงนินจาเคนที่หักครึ่งและสั้นยิ่งกว่ามีด ลูนเหวี่ยงขวานใส่อีกครั้ง มิคาสะหลบฉากไปด้านข้าง ก่อนจะแทงอาวุธในมือใส่อีกฝ่าย แต่ลูนเหวี่ยงขวานต่อไปให้ด้ามขวานด้านล่างหันขึ้นมาทางมิคาสะ และกระแทกใส่กลางอกอย่างแรงจนเธอล้มหงาย

    “แอนนี่... แค่กๆ!” มิคาสะร้องเรียก ก่อนจะไอออกมาเป็นเลือด

    แอนนี่มองมาทางมิคาสะ แต่ไม่มีท่าทีว่าจะลุก ไม่ใช่ว่าเธอบาดเจ็บอะไรขนาดนั้น เพียงแต่เป็นเหตุการณ์ที่มิคาสะเคยเจอมากับตัว...แอนนี่ยอมแพ้ไปแล้ว เธอเลือกจะหยุดสู้ ยอมให้ตัวเองถูกฆ่า...งั้นเหรอ

    “แอนนี่ส่งดาบมา” มิคาสะสั่ง “อยากตายรึไง”

    “ไม่... ” แอนนี่ตอบอย่างแผ่วเบา “ไม่เอาแล้ว...ฉันไม่...ไม่อยากสู้แล้ว”

    พวกเธอสู้กันมาตลอด 2 เดือน ไม่ใช่ครั้งนี้เท่านั้นที่เธอต้องฆ่าเพื่อนและคนรู้จัก อะไรคือความหมายของการมีชีวิตอยู่ต่อไป แอนนี่ไม่ได้อยากตาย แต่ก็ไม่เข้าใจว่าเธอจะอยู่ต่อไปเพื่ออะไร ฆ่าและฆ่า มาถึงตอนนี้เธอจำไม่ได้ว่าคอเตชบอกว่าจะให้อิสระกับเธอเมื่อไหร่ อะไรน่ากลัวกว่ากันระหว่างต้องเผชิญกับโลกที่เต็มไปด้วยไททันตามลำพังกับอยู่ให้ห่างจากโลกภายนอกและฆ่าพวกพ้องของตัวเองเพื่ออยู่รอด

    “ยัยบ้าเอ๊ย!” มิคาสะพยายามหลบการโจมตีของลูน ดูเหมือนเขาเริ่มเหนื่อยกับการเหวี่ยงขวานหนักพลาดไปพลาดมา แต่แรงที่ใช้โจมตีนั้นก็ยังไม่ลดลงแม้แต่น้อย “เธอเกิดมาเพื่ออะไรกัน แอนนี่!

    “..........”

    “สู้สิ!” มิคาสะทิ้งอาวุธที่มีไว้ก็ไม่ได้ช่วยอะไร ก่อนจะคว้าด้ามขวานยักษ์ไว้ไม่ให้ลูนเหวี่ยงฟันใส่เธอ

    “..........”

    “ลุกขึ้นมาเซ่!!!” มิคาสะตะโกน

    ลูนถีบมิคาสะออกไป และยกขวานขึ้นเตรียมจะเผด็จศึก ฉึก!

    !!!” ลูนดึงนินจาเคนที่ปักหลังออก ก่อนจะหันไปทางแอนนี่ เธอเป็นคนปาอาวุธนั้นใส่ลูน และตอนนี้ในมือเธอก็ถือดาบอูรุมิของชาร์ล็อตไว้ ตวัดดาบไปมาได้อย่างง่ายดายราวกับเคยใช้มาตั้งแต่เกิด

    ลูนเริ่มหอบเพราะใช้แรงไปมาก เขาหันไปมองชาร์ล็อตหวังจะให้มาช่วย แต่ดูเหมือนเธอจะน็อกยาว เขาจึงต้องสู้ต่อตามลำพัง แอนนี่ตวัดดาบแทง ลูนตั้งด้ามขวานขึ้นมากัน ทว่าด้วยความอ่อนยวบของดาบอูรุมิ มันก็เลื่อยไปตามข้อมือของลูนราวกับงู ก่อนที่แอนนี่จะตวัดดาบกลับและตัดมือของลูนทิ้ง

    ลูนไม่ร้องออกมา ทว่าถอยไปตั้งหลักด้วยสีหน้าเหย่เกเพราะความเจ็บปวด มือข้างซ้ายตกอยู่ที่พื้น และขวานยักษ์ไม่ได้มีไว้ให้เหวี่ยงด้วยมือข้างเดียว มิคาสะใช้นินจาเคนเพียงเล่มเดียวบุกต้อนลูนไปจนถึงมุมสนาม เขาทิ้งขวานลงและตอบโต้ด้วยมือเปล่า ทว่าเพราะมือที่ขาดไป ไม่นานคมดาบก็จ่อบนลำคอ

    ชาร์ล็อตเพิ่งรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมา แต่นั่นก็สายเกินการณ์ แอนนี่ยืนคร่อมตัวเธอไว้พร้อมกับดาบอูรุมิของเธอเองมาจ่ออยู่ที่อก แม้จะรู้ว่าดาบแส้ไม่ได้ทำมาไว้ให้กดแทงระยะประชิด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าชาร์ล็อตจะหนีรอดไปได้

    “ฆ่าเลย! ฆ่าเลย! ฆ่าเลย!” เสียงที่ไม่มีนักสู้คนใดอยากได้ยินเริ่มดังขึ้น

    “ไม่เอานะ” ชาร์ล็อตพยายามตะเกียกตะกายคลานหนี “ฉันยังไม่อยากตาย!!

    ลูนมองชาร์ล็อตอย่างเศร้าใจ แม้ว่าพวกเขาจะสู้อย่างดีที่สุดแล้ว พวกคนดูทั้งหลายก็ไม่เห็นค่าชีวิตพวกเขา เลือดต่างหากที่พวกนั้นอยากจะเห็น ลูนไม่โวยวายใดๆทั้งสิ้น เขายังไม่อยากตาย แต่ก็ปฏิเสธมันไม่ได้ แม้ว่าจะกรีดร้องอ้อนวอนขอชีวิตกับพญามัจจุราช คนที่ตัดสินชีวิตของพวกเขามีเพียงคนดูบ้าเลือดพวกนี้

    แอนนี้ตวัดดาบเตรียมจะฟัน เช่นเดียวกับมิคาสะ

    “ไม่!!!” ชาร์ล็อตกรีดร้องอย่างหวาดกลัว

    ฉั่วะ! มิคาสะฆ่าลูนในดาบเดียว ก่อนจะถอยออกมา

    ฉั่วะ! ฉั่วะ! ฉั่วะ!

    แอนนี่ยังคงฟันร่างของชาร์ล็อตไปเรื่อยๆทั้งๆที่อีกฝ่ายตายไปแล้ว ราวกับโกรธแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนจนมิคาสะต้องเข้ามาล็อกตัวไว้แล้วดึงออกมา

    “พอแล้วแอนนี่! ชาร์ล็อตตายแล้ว หยุดซักทีเถอะ” มิคาสะห้าม

    “ฮึๆๆ ไม่ชอบรึไงมิคาสะ เลือดไงเลือด... ” แอนนี่พูดราวกับคนบ้า พยายามดิ้นจากมิคาสะเพื่อฟันใส่ศพต่อ

    “หยุดบ้าสักทีได้ไหม!” มิคาสะตวาด

    แอนนี่ทิ้งดาบลงกับพื้น ก่อนจะทรุดลงมานั่งข้างๆร่างไร้วิญญาณของเพื่อนที่เธอเป็นคนฆ่าเองกับมือ ร่างแหลกเละจนมองไม่ออกว่าไหนแขนไหนขา สภาพน่ากลัวราวกับโดนฆาตกรฆ่าหั่นศพมา มิคาสะมองใบหน้าของชาร์ล็อต สีหน้าแม้ในยามตายก็ยังเบิกตากว้างเพราะความหวาดกลัว

    นี่ไง ฉันทำให้” ชาร์ล็อตชูสร้อยเส้นหนึ่งให้ “เครื่องลาง”

    “ไม่เอา”

    “หง่า มิคาสะใจร้าย” ชาร์ล็อตพูด

    มิคาสะคุกเข่าลงข้างตัวชาร์ล็อต ก่อนจะดึงเอาเครื่องรางที่เธอทำให้ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ สร้อยเส้นนั้นมีจี้รูปปีกชวนให้นึกถึงปีกแห่งอิสรภาพของกองทหารหน่วยสำรวจ

    “เธอเป็นอิสระแล้วชาร์ล็อต” มิคาสะพูดเบา ก่อนจะลุกขึ้นเดินจากไป แต่แอนนี่ยังคงนั่งอยู่ข้างตัวชาร์ล็อต เธอยิ้ม...และหัวเราะในลำคอ มีเพียงมิคาสะเท่านั้นที่เห็นท่าทางคล้ายจะเป็นบ้าของแอนนี่

    “ไม่เอาแล้ว... ฮะๆๆ” มิคาสะเข้าไปลากแอนนี่ออกมาก่อนที่คนคุมสนามจะต้องเจอแอนนี่คลั่งใส่

    “ใจเย็นๆสิแอนนี่” มิคาสะบอก ตอนนี้ห้องพักรวมไม่มีใครอยู่ ไม่มีใครอยากเจอแอนนี่เวลาเป็นบ้า ทุกคนออกไปนั่งในห้องพักรวมห้องอื่นทันทีที่เห็นแอนนี่ทำท่าจะหัวเราะเดินเข้ามา

    “นี่มิคาสะ คำถามของเธอที่ว่า...ฉันเกิดมาเพื่ออะไรน่ะ” แอนนี่พูดขึ้น “ฉันเกิดมาเพื่อเป็นหุ่นเชิดของพ่อ ส่วนหลังจากนั้น... ไม่รู้สิ ไม่มีความหมาย ไม่มีอะไรเลย ฉันจะอยู่ต่อไปทำไม”

    เพี๊ยะ! ใบหน้าของแอนนี่หันไปตามแรงตบ ตรงแก้มเริ่มแดงเพราะมิคาสะไม่ยั้งมือไว้เลย

    “ถ้าอย่างนั้นก่อนหน้านี้เธอทนอยู่ไปทำไม” มิคาสะถาม “ตอนนี้เธอไม่ใช่หุ่นเชิดแล้ว แล้วไงล่ะ หรือถ้าไม่มีใครมาเชิดเธอแล้ว เธอจะมีชีวิตต่อไปไม่ได้เลยรึไง”

    “มีชีวิตเหรอ เธอพูดว่ายังไงนะตอนนั้น” แอนนี่ถาม “โลกนี้มันโหดร้าย”

    “แต่ก็สวยงาม” มิคาสะตอบ แอนนี่เงยหน้าขึ้นมอง “ฉันเคยคิด...ยอมแพ้ ในครั้งที่เมืองทางใต้ของกำแพงโรสแตก ฉันละทิ้งทุกอย่าง เกือบยอมให้ไททันจับกิน แต่เพราะในชีวิตฉันไม่ได้มีเจอแค่สิ่งที่โหดร้ายมาอย่างเดียว ฉันถึงได้นึกออกว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ชีวิตเธอมีแต่ความโหดร้ายจริงๆรึไง”

     

    “..........” แอนนี่ก้มหน้าลง “เปล่า”

     “งั้นก็เลิกคิดจะไปตายสักที”

    “ตลกนะ” แอนนี่พูด “ที่ฉันได้ยินคำนั้นออกจากปากคนที่อยากจะฆ่าฉัน”

    “ ...พอแล้วล่ะ” มิคาสะตอบ “ฆ่าเธอไป เอเลนก็ไม่กลับมา”

    “เหรอ” แอนนี่เงยหน้าขึ้นและยิ้มทั้งน้ำตา ดูเหมือนก่อนหน้านี้เธอจะแอบร้องไห้อยู่เงียบๆ มิคาสะมองใบหน้านั้นอย่างแปลกใจ ไม่ใช่รอยยิ้มที่เกิดจากความบ้าคลั่งอย่างที่เคยเจอ มิคาสะนั่งลงข้างๆและแอนนี่ก็เอนตัวมาพิง “ขอบใจ”

    “อือ” รอยยิ้มนั้นน่ะ ของจริงสินะ มิคาสะคิด

     


     

              .
              .
              .
              .
              .

     

    “นี่ เจ้านักรบ” ท่านเคาต์ผู้มาจากเกาะอังกฤษเรียกนักรบที่อยู่ข้างๆ “คู่เมื่อกี้ สองคนที่ชนะน่ะชื่ออะไร”

    “แอนนี่ เลออนฮาร์ทกับมิคาสะ แอคเคอร์แมน” นักรบตอบ ไม่มีใครที่นี่ที่ไม่รู้จักสองคนนี้ “มีอะไรเหรอ”

    “ข้าอยากดูการต่อสู้รอบพิเศษอีกสักรอบ”

    “อยากให้ทั้งคู่เจอกับใครล่ะ” นักรบถาม “มาเรียกับโรสไหม คู่นั้นมีฝีมือพอๆกับคู่นี้เลย”

    “ไม่ล่ะ ข้าคิดไว้แล้ว” ท่านเคาต์บอก “พาทั้งสองคนไปที่คฤหาสน์รับรอง คืนนี้ข้าอยากเปิดการแสดงให้ชาวเมืองนี้ได้รู้จักกับข้าเสียหน่อย น่าจะมีนางรำด้วย เหล้าไวน์และก็อาหารอร่อยๆแจกจ่าย”

    “แล้วจะให้สู้กับใครล่ะ” นักรบถามขัด “ข้าจะได้เตรียมคู่ต่อสู้ไปถูก”

    “ไม่ต้องๆ สองคนก็พอ” ท่านเคาต์บอก “ให้สู้กันเองนั่นแหละ นี่จะเป็นการต่อสู้ที่สนุกที่สุด”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×