คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ 10 ชอบไป ๆ โรงเรียน
บทที่ 10 ชอบไป ๆ โรงเรียน
“คัลลัค ชากอล” ถึงตาคัลลัคเข้าไปทำบัตรนักเรียนแล้ว
ภายในห้องดูเรียบง่าย
มีโต๊ะวงรีหนึ่งกับเก้าอี้สอง
ครูมาลินี่นั่งตรงข้ามกับคัลลัคและตอกปึกกระดาษให้เท่า ๆ กัน
“กรอกเอกสารนี่นะจ๊ะ” ครูยื่นปากกาขนนกกับกระดาษแบบฟอร์มเปล่าให้คัลลัค
“เอ่อคือหนู... ยังสะกดไม่แม่นน่ะค่ะ” คัลลัคบอก เธอไม่เคยเรียนเขียนอ่าน
พอจะรู้อักษรที่ใช้บ่อยอย่างตัวเลขกับคำบางคำ แต่ไม่มากพอจะกรอกเอกสารสำคัญ
“งั้นครูจะอ่านให้ฟัง เจ้าตอบ แล้วครูเขียนให้” ครูมาลินี่ดึงกระดาษกลับไป
“ชื่อสกุลคัลลัค ชากอล วันเดือนปีเกิดล่ะ? ”
“เอ่อ... ” คัลลัคไม่เคยถามลอร์ดโรแวง แต่เคยอ่านเจอในห้องสมุด
วันเกิดของทารกแวนธีสผู้สาบสูญในปราสาทไหม้เพลิง “วันที่ 5 เดือนมารค่ะ
ปี 5389”
ครูมาลินี่สะดุดไปเล็กน้อย
“น่าสงสารจริง” ครูกล่าวอย่างเห็นใจ
เพราะเดือนมารเป็นเดือนอัปมงคลก่อนขึ้นปีใหม่ที่มีแค่ 5 วัน เด็กที่เกิดเดือนนี้จึงมักจะมีร่างกายไม่แข็งแรง
เพราะไม่ได้รับคำอวยพรจากเหล่าทวยเทพ “เผ่าพันธุ์กับสัญชาติ”
“โก... ม..มนุษย์” คัลลัคตอบ “สัญชาติกาเมซันค่ะ”
ครูมาลินี่เงยหน้าขึ้นมา
“ดูไม่เหมือนชาวเหมันต์เลยนะ” มันเป็นคำเรียกที่คนเมืองอื่นใช้เรียกชาวกาเมซัน
“แล้วศาสนากับเทพที่รับคำอวยพร”
“ศาสนาเทรเซน... ส่วนเทพ คือข้า... เกิดเดือนมาร” คัลลัคเกาท้ายทอยตามความเคยชิน
คนที่เกิดในเดือนปกติจะได้รับคำอวยพรจากเทพองค์ใดองค์หนึ่ง
แต่สำหรับคนที่เกิดเดือนมารแล้ว พวกเธอจะได้รับการคุ้มครองจากมารแทน
“มารก็ได้ บอกมาเถอะ” ครูมาลินี่ตอบ
เพราะโรงเรียนนี้เป็นแหล่งรวมความหลากหลาย “ปี 1 มีนักเรียนบางคนเหมือนกันที่บูชามาร
ตราบใดที่ไม่มาทำพิธีบูชายัญในโรงเรียน ครูก็ไม่ยุ่งกับความเชื่อของนักเรียนหรอก”
“ไม่มีค่ะ” คัลลัคตอบ “ข้าไม่เคย... เห็นสักครั้ง”
“แต่ก็ยังนับถือศาสนาเทรเซนรึ” ครูมาลินี่แปลกใจ “จะให้ข้ากรอกเป็นศาสนาเธลธอฮ์แบบฮันนิบาลไหม”
เธลธอฮ์คือศาสนาซึ่งก่อกำเนิดจากมนุษย์
ไม่นับถือเทพหรือมารตนใด ยึดอัตตาของตนเป็นที่ตั้ง
ตัดสินผิดชอบชั่วดีจากจิตสำนึกของตัวเอง แทนที่จะอิงตามระเบียบคัมภีร์แบบศาสนาอื่น
แต่ศาสนาอื่นมักเรียกคนในศาสนาเธลธอฮ์ว่าคนไร้ศาสนา
“ไม่ค่ะ ศาสนาเทรเซน” คัลลัคยืนกราน
เพราะในเสี้ยวความหวังเล็ก ๆ เธอยังอยากได้รับคำอวยพรจากเทพสักองค์หรือมารสักตน
เพื่อให้หลุดพ้นจากหลุมที่เรียกว่าโชคร้าย
“เอาล่ะ สุดท้ายแล้ว ขอชื่อคนติดต่อในเวลาฉุกเฉิน
ผู้ปกครองหรือเพื่อนสนิทก็ได้” ครูมาลินี่ถาม
คัลลัคนิ่งเงียบ
จะตอบลอร์ดโรแวงก็ไม่ได้ เพราะนามสกุลของเธอตอนนี้เป็นชากอล
จะตอบลุงกันตินี่ก็ไม่ดี ถ้ามีคนรู้จักชื่อพ่อมดชั่วร้ายล่ะเป็นเรื่องเลย
“เรสเทลค่ะ” คัลลัคนึกอะไรไม่ออกแล้วจริง ๆ
“นามสกุล” ครูมาลินี่เอ่ย
“ครอมส์ค่ะ” คัลลัคตอบ เธอเองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน
ทั้งเธอและโรเดนต่างมีนามสกุลชากอล แต่เรสเทลนั้นมีนามสกุลต่างออกไป “เรสเทล
ครอมส์”
คัลลัคนึกว่าชื่อเพื่อนสนิทเป็นตัวเลือกที่ดีแล้ว
แต่เธอกลับถูกครูมาลินี่จ้องมองอย่างน่าสะพรึง
“ครูมาลินี่...คะ?” คัลลัคเอียงคอไม่เข้าใจ
“ม..มีชื่ออื่นไหม” ครูมาลินี่ถาม
มือที่จับปากกาขนนกกำลังสั่นอยู่ “เพื่อนในเอเวนไฮด์ก็ได้”
คัลลัคถอนหายใจ
นึกหาชื่อที่เกี่ยวข้องที่สุด แล้วก็เป็นคนที่จะติดต่อลอร์ดโรแวงได้
ถ้ามันฉุกเฉินจริง ๆ
“เดธิเลีย แวนธีสค่ะ”
หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ฆ่าเธอที่บอกชื่อนี้
+++
“ข้าพบมันแล้ว” เสียงหนึ่งเอ่ยกล่าว
“ใครกัน”
“พ่อมด...?”
“โลหิตทอง...?”
“เด็กต้องสาป...?” และอีกหลายเสียงที่ตามมา
“ไม่ใช่” เสียงแรกเอ่ย “เจ้าหญิงแห่งดินแดนคนตาย”
“งั้น... ไปเอาตัวนางมา”
+++
สัปดาห์เรียนที่ 2 วิชาพลศึกษา ::: สนามเวทมนตร์
มีจดหมายส่งมาถึงเดธิเลียในระหว่างคาบเรียน
และมันทำให้พี่สาวที่น่ารักดูจะเกลียดชังน้องสาวมากยิ่งขึ้นไปอีก
“รู้ไหมว่าจดหมายนั่นเขียนอะไรมา” คัลลัคกระซิบถามกับเพโลวี
เธอรู้แล้วว่าอีกฝ่ายเข้าข้างเธออยู่บ้าง
“ข่าวร้าย” เพโลวีตอบ
“มีอะไรร้ายไปกว่านี้อีกเหรอ” คัลลัคถาม
เธอถูกจับคู่ซ้อมกับเดธิเลียอีกแล้ว
“ลอร์ดโรแวงติดเชื้อคำสาปจากอาวุธของพวกคนตายที่ตามล่าเจ้า เลยโดนกักตัวอยู่แต่ในหมู่บ้านแกรนด์สโตน
ลูกธนูพวกนั้นต้องสาป...” กลับเป็นเดธิเลียที่ตอบคำถามคัลลัค พลางยกดาบชี้หน้า
แม้ว่าลอร์ดโรแวงจะเป็นถึงดยุก แต่วิธีปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อคำสาปก็ไม่ต่างกัน
กักตัว รักษาหรือกำจัด “แล้วทำไม... ทำไมเจ้าถึงไม่เป็นอะไรเลย”
“ข้าไม่รู้” คัลลัคตอบ บางทีอาจเพราะตัวเธอมีคำสาปที่รุนแรงกว่านั้นอยู่แล้วก็ได้
คำสาปตาเงินน่ะ
คัลลัคพยายามเพ่งมองอาวุธของเดธิเลีย
มันเร็วสำหรับการโจมตีของเด็กวัยรุ่นก็จริง แต่ไม่เร็วเกินกว่าจะหลบ
ครูกินรายังไม่เริ่มสอนการเสริมพลังเวทให้อาวุธ นับเป็นข่าวดีสำหรับคัลลัคในตอนนี้
เพราะไม่อย่างนั้น
ดาบของเดธิเลียจะฟันผ่านวงเวทป้องกันที่ครูดูโคสอนคัลลัคเข้ามาได้
เคร้ง! เป็นครั้งแรกที่คัลลัครับดาบเดธิเลียด้วยมีดได้
แต่ยังไม่มีโอกาสให้ดีใจ เธอก็ถูกอีกฝ่ายพลิกดาบกลับ แล้วฟาดหัวด้วยด้ามดาบแทน
ส่วนที่เหลือก็คือโดนซ้อมไปตามระเบียบ
+++
สัปดาห์เรียนที่ 3 วิชาเวทมนตร์พื้นฐาน ::: ห้องเรียนปี 1
“เดธิเลีย ครูใหญ่ธารีสได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนวิชาเรียนให้เจ้า
มีผลตั้งแต่สัปดาห์หน้านะ” ครูมาลินี่เอ่ยขึ้นในช่วงท้ายคาบเรียน
สร้างความงุนงงให้กับนักเรียนหลายคน
“ทำไมมีแค่ข้าล่ะ” เดธิเลียถาม
“เพราะในวันสอบ อำพันเวทวัดพลังของเจ้าออกมาเป็นสายมนต์ดำ ปกติแล้วผู้ใช้มนต์ดำจะถูกปฏิเสธจากพลังเวทมนตร์เหมือนเป็นขั้วตรงข้ามที่ไม่มีทางบรรจบกัน
การเรียนเวทมนตร์พื้นฐานจึงไร้ประโยชน์สำหรับเจ้า” ครูมาลินี่อธิบาย “เพราะฉะนั้นสัปดาห์หน้าขอให้ไปเรียนวิชามนต์ดำและคำสาปร่วมกับรุ่นพี่ปีโตนะ
เพราะมันเป็นวิชาเลือกที่ไม่มีในปี 1”
เดธิเลียพยักหน้ารับ
“แต่พวกที่ไม่ขยันฝึกแล้วใช้พลังไม่ได้น่ะ
อย่ามามโนว่าตัวเองเป็นผู้ใช้มนต์ดำเชียว ถ้าใช่จริง
ป่านนี้อำพันเวทแตกละเอียดไปหมดแล้ว” ครูมาลินี่พูดดักคอขึ้นมาทันที
พวกนักเรียนในกลุ่มฮันนิบาลที่เตรียมอ้าปากจึงได้แต่หัวเราะคิกคักกันเองเพราะโดนครูรู้ทัน
คัลลัคมองเดธิเลีย
อย่างน้อยให้เธอรอดจากการเจอหน้าพี่สาวสุดที่รักไปได้สักวิชาหนึ่งก็ยังดี
+++
“เอ้านี่” อิลเอาจดหมายฉบับหนึ่งมายื่นให้คัลลัคในคืนวันไฟ
ก่อนวันหยุดของสัปดาห์ที่ 3
“ใช้เวลานานไปไหม กว่าจะตอบกลับ” คัลลัคถาม
“โทษลุงเจ้าเถอะ อย่ามาโทษข้า” อิลตอบอย่างไม่ใส่ใจ
เขาแค่นำจดหมายคำถามจากคัลลัคไปส่งและรับจดหมายคำตอบจากกันติเนลกลับมา
โดยไม่ให้ถูกโรงเรียนตรวจสอบ “แล้วไง ได้คำตอบที่ต้องการไหม”
“ไม่ ลุงกลัวว่าจดหมายนี้จะเป็นหลักฐานมัดตัวว่าใครเกี่ยวโยงกับเขาบ้าง” คัลลัคตอบ “เขาจะตอบคำถามข้าเมื่อเจอกัน”
“และ... งานก็มาตกที่ข้า” อิลทาย “มีอะไรมาแลกล่ะคราวนี้
เจ้ายังไม่เคยรับภารกิจ แปลว่าไม่มีอำพันจ่ายสินะ”
“สภาพแบบนี้จะให้ไปรับภารกิจอะไรล่ะ” คัลลัคผายมือให้ดูว่าใต้ชุดนักเรียนของเธอเต็มไปด้วยผ้าพันแผลเยอะขนาดไหน
“เจ้ารับค่าจ้างจากฝั่งลุงกันตินี่ไม่ได้จริง ๆ รึ ถ้าสกุลเงินข้างนอกใช้ไม่ได้
เจ้าก็รับเป็นสิ่งของเอาก็ได้นี่”
“อะไรที่มีค่าที่สุดบนตัวเจ้าตอนนี้” อิลถาม
ไม่ยอมรับค่าจ้างจากปลายทางอีกฝั่ง
“นี่มั้ง” คัลลัคยกย่ามเน่าของตัวเองขึ้นมา
ส่วนอิลทำหน้าเหยเกเมื่อเห็นสภาพกระเป๋าและส่ายหัว “ไว้ข้าจะ...
ลองหาอะไรที่มันดูแวววาวกว่านี้ก็แล้วกัน”
แม้ปากจะพูดแบบนั้น
แต่เมื่อแยกกันกลับ คัลลัคก็เดินจ้ำอย่างหัวเสียทันที
เธอไม่รู้จะเอาอะไรมาประเคนเจ้ามิจฉาชีพหน้าเลือดคนนี้ดี เผลอ ๆ
เธอแอบย่องออกจากโรงเรียนเองยังจะง่ายกว่าพึ่งพาเด็กหนุ่มหัวทองแดงนั่น
“ฟังดูน่าเหนื่อยนะนั่น” เพโลวีเอ่ย
คัลลัคคบกับเพโลวีเป็นเพื่อนอย่างลับ
ๆ เมื่อไร้ผู้คนที่รู้จักในยามราตรีเงียบสงัด
เพโลวีจะหนีออกจากบ้านมณีเลือดมาขออาศัยห้องว่างในบ้านบุหงาดำนอน
เพื่อเลี่ยงการเจอหน้ารุ่นพี่ที่ทำร้ายเธอ ส่วนคัลลัคก็ระบายความอัดอั้นหลาย ๆ อย่างให้เพโลวีฟัง
เพราะแม้สมิงสาวจะปากมาก แต่ถ้าบอกว่ามันคือความลับ มันก็จะเป็นความลับ
ไม่เหมือนริสต้าที่เก็บความลับไม่เคยอยู่
“แล้วเจ้าคิดถึงลุงอะไรขนาดนั้นเลยรึ” เพโลวีถาม
คัลลัคไม่ได้เล่าว่าลุงของเธอคือใคร เล่าแค่อยากพบหน้าญาติผู้ห่างหายไปนาน
แต่มีคนในโรงเรียนเกลียดเขาเป็นการส่วนตัวเท่านั้น
“มากเสียยิ่งกว่าอะไร” คัลลัคตอบ
หมับ...
เพโลวีจับต้นแขนทั้งสองของคัลลัค
“เจ้าปรึกษาได้ถูกคนแล้วเพื่อนเอ๋ย” เพโลวียิ้ม
แต่ไม่รู้ทำไม
คัลลัคสังหรณ์ใจไม่ดีเลย
+++
คิไตลัน
ลัตช์ รุ่นพี่ผู้ครองแชมป์ด้านความห่วยแตก นิสัยแหกคอก
และเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เรียนซ้ำชั้น
เขาโดดเด่นในวิชาสายศิลปะวงเวทและชนะเลิศการแข่งขันกัวปาน
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่โรงเรียนต้องการจากนักเรียนจริง ๆ
ก็แค่จัดการแข่งพอให้เป็นชื่อเสียงแข่งกับทวีปอื่นได้
“แล้วพี่คิตตี้รัน... ” คัลลัคเผลอกัดลิ้นตัวเอง
“คิไตลัน” พี่ชายของเพโลวีทำหน้าเข้ม ดูจะจริงจังกับการเรียกชื่อให้ถูกเป็นอย่างยิ่ง
“ข้าไม่เข้าใจ” คัลลัคหันไปกระซิบเพโลวี
อีกฝ่ายพาเธอมาหาคิไตลันในวันหยุดของสัปดาห์ที่ 4 ของการเรียนการสอน “พี่ของเจ้าจะช่วยข้าได้ยังไง”
“เพราะข้ามันอัจฉริยะไงล่ะ” คิไตลันอวยตัวเองอย่างมั่นหน้า “น่าเสียดายที่พวกครูไม่เห็นความฉลาดล้ำของข้า”
“โฮ่... ” คัลลัคทำหน้าเอือมระอา “หนูว่าวันแรกที่เราเจอกัน
พี่ไม่ได้หลงตัวเองขนาดนี้นะคะ”
“เงียบเลย” คิไตลันยิ้มแยกเขี้ยว “จะไปไม่ไป”
“ไปค่ะ” คัลลัคตอบ รุ่นพี่ผู้มีหน้าตาละม้ายคล้ายคิวแคนก็ยิ้มตาหยีจนหน้าออกมาพิมพ์เดียวกัน
ก่อนจะนำทางรุ่นน้องทั้งสองไปยังหลังตึกเรียนเก่าที่ปล่อยทิ้งร้าง
อาคารเรียนของเอเวนไฮด์มีมากมายหลายหลัง
พวกมันทับซ้อนกันเหมือนเขาวงกตในส่วนที่ไม่มีใครเข้าไปใช้แล้ว หากดูไกล ๆ
ก็อาจจะเห็นหลังคาแค่ไม่กี่ตึก แต่ข้างในนี้เป็นเหมือนดินแดนพิศวงที่เส้นทางภายในขยายการรับรู้ออกไปอีก
“อาณาเขตเวทมนตร์...?” คัลลัคทาย “ทำไมพวกเขาถึงออกแบบเขาวงกตเอาไว้ในโรงเรียนล่ะ”
“ไม่ใช่พวกเขา” คิไตลันยิ้มตอบ “ข้าต่างหาก”
“พี่ข้าชอบโดดเรียน ผลการเรียนห่วยแตก” เพโลวีพูดได้อย่างไม่อายปาก “แต่ผลงานชิ้นโบแดงอลังการกว่าใคร”
คิไตลันเป็นนักเรียนที่ไม่เหมาะกับหลักสูตร
เขาเรียนวิชาอื่นนอกจากศิลปะไม่รอด สิ่งเดียวที่เขาถนัดคือการเขียนวงเวทอักขระ
สร้างเวทมนตร์อาณาเขต วิชาอื่นจึงกดคะแนนเขาร่วง
“รู้สึกว่ามีคนตามเรามารึเปล่า...? ” คัลลัคถามขึ้น
“เดี๋ยวก็สลัดหลุด” คิไตลันบอก
ภายในเขาวงกตห้องเรียนยังมีวงเวทอีกมากมายที่ซ่อนเอาไว้
ถูกสลักด้วยสิ่วบ้างเขียนด้วยหมึกบ้าง บางอันทำให้คัลลัคเดินหน้ากระแทกอากาศ
ก่อนที่คิไตลันต้องไปแก้ใส่ชื่อเธอในวงเวทเพื่อให้ผ่านได้
เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครจะแอบตามพวกเธอมา พวกนั้นจะต้องติดอยู่ที่กำแพงชั้นนี้
เป็นระบบป้องกันผู้บุกรุกไม่ให้เข้ามาเจอสิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างใน
วงเวทที่ผิดกฎโรงเรียนข้อที่ 1
“สวยใช่ไหม” คิไตลันถาม “ไม่มีใครสอนเราในวิชาเรียนหรอกว่าวงเวทเคลื่อนย้ายมันเขียนยังไง
มันเป็นของผิดกฎหมายถ้าไม่ได้ลงทะเบียนกับอาณาจักร ถ้าพวกเจ้าเรียนสังคมแล้วก็น่าจะรู้
แต่ข้าไม่ชอบอยู่ในโรงเรียน มันคับแคบไปสำหรับข้า”
สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าพวกเธอคือวงเวทเคลื่อนย้ายขนาดเท่าห้องเรียน มีรายละเอียดมากมายกระจายทุกพื้นที่
แต่ละตัวอักษรห่างกันประมาณฝ่ามือ ถูกสลักลงบนดินเหนียวอย่างดีและเผาจนแข็ง
เดินเหยียบได้ไม่แตก
“ข้าไปนั่งอ่านวงเวทหลังประตูทองเหลืองมาเป็นปีเลยล่ะกว่าจะเข้าใจวิธีเขียน” คิไตลันเริ่มจะอวยตัวเองอีกครั้ง
“บอกแล้วว่าข้ามันอัจฉริยะ”
“ต้องใช้เวลาตั้งปีเลยรึ” คัลลัคถาม
เธอมองวงเวทที่แสนซับซ้อนนั้น เดาว่าภาพวงเวทคงซ่อนหลังประตู เวลาผ่านไปมา
เธอจึงไม่เห็น ส่วนด้านหน้าเป็นแค่ภาพประดับใช้พรางวงเวทจริง
“แน่นอน ของแบบนี้ทำไม่ได้ในข้ามคืนหรอก” คิไตลันว่า
ทำเอาคัลลัคไม่กล้าบอกเขาเลยว่าเธอจดจำรูปแบบของวงเวทได้แล้ว
แม้จะยังไม่เข้าใจหลักการของเวทมนตร์ในนั้น
แต่ความจำด้านรูปภาพของเธอเรียกได้ว่ายอดเยี่ยมกว่าใคร “เอาล่ะ เจ้าอยากจะไปที่ไหนล่ะ
ข้าแอบหนีออกไปข้างนอกบ่อย
เพราะงั้นข้าเลยไปแอบวาดวงเวทเคลื่อนย้ายไว้ที่อื่นอีกหลายเมือง
ขากลับจะได้กลับมาได้ง่าย ๆ”
คัลลัคไม่รู้
เพราะกันติเนลยังไม่บอกสถานที่นัดพบมา
แต่เธอแค่อยากมาลองให้แน่ใจก่อนว่าวิธีที่เพโลวีบอกจะได้ผล
“หมู่บ้านแกรนด์สโตน” คัลลัคตอบ “ข้าอยากพบลอร์ดโรแวง
ได้ยินว่าถูกกักตัวอยู่ที่นั่น”
“พ่อของเดธิเลียคือลุงที่เจ้าพูดถึงรึ” เพโลวีถาม
“ปล่า..ว” คัลลัคเริ่มแถ “แต่เขารู้ว่าลุงข้าอยู่ที่ไหน”
แน่นอนว่าโกหก
เขาไม่รู้ ไม่งั้นคงมีศึกกันไปแล้ว
+++
ปึง! เดธิเลียเดินชนกำแพงอากาศเข้าอย่างจัง
ก่อนจะเซถอยไปยืนมึนข้างหลังผู้บุกรุกอีกคน
เธอตั้งใจจะลากคัลลัคไปแกล้งหลังเลิกเรียน
แต่บังเอิญเจออีกฝ่ายอยู่กับรุ่นพี่และลูกน้องทรยศของเธอแทน
เธอจึงแอบเดินตามพวกเขามา โดยให้พวกยักษ์ยืนเฝ้าอยู่ที่ปากทาง
เพราะภายในอาคารเก่าเตี้ยเกินไปสำหรับพวกนั้น
แน่นอนว่าการที่ยักษ์ยืนเฝ้าทางเข้าเก่า
ๆ ย่อมสะดุดตาคนที่เดินผ่าน
แต่มีคนเดียวเท่านั้นที่กล้าพอจะเดินฝ่าพวกยักษ์ตามเดธิเลียเข้ามา
โดยที่พวกยักษ์ก็ไม่กล้าหือด้วย
“คึก...” ซาร์ธีนกลั้นขำ
“ไม่ตลกเลยนะ ” เดธิเลียพึมพำ
แต่เธอก็ไม่กล้ามีเรื่องกับอีกฝ่ายจริง ๆ
เพราะเจ้าหญิงอยู่สูงกว่าเธอทั้งในเรื่องบรรดาศักดิ์และความสามารถ “แล้วทำไมเจ้าต้องตามข้ามาด้วยเนี่ย”
“น่าสนุก” ซาร์ธีนตอบสั้น ๆ ขณะเงยมองวงเวททั้งหลายบนเพดาน
เธอพิจารณาความละเอียดอ่อนของมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะชี้วงเวทวงหนึ่ง “อันนี้ใช้ควบคุมกำแพงล่องหน”
ครืด...! ทันทีที่ได้รู้ เดธิเลียก็ชักดาบออกมาขูดเพดานที่มีวงเวทจนถลอก
ทำให้มันหยุดทำงานลงอย่างง่ายดาย
“เสียดายของ” ซาร์ธีนนิ่วหน้า “เจ้าน่าจะแก้ตรงส่วน... ”
“เสียดายเวลา” เดธิเลียตัดบทและวิ่งลึกเข้าไป เธอต้องการจะไล่ตามคัลลัค ไม่ใช่เที่ยวชมสถานที่แบบซาร์ธีน
“ไร้มารยาทเสียจริง” เจ้าหญิงบ่นอย่างไม่สบอารมณ์
เธอไม่เคยเจอใครไร้ความเกรงใจต่อราชนิกุลเท่าเดธิเลียมาก่อน แต่ก็รีบตามอีกฝ่ายไป
เพราะตนก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะมีอะไรที่สุดทาง
ทว่าสิ่งที่รออยู่ข้างในนั้น...
หากได้รู้ก่อน
พวกเธอคงเลือกที่จะไม่เดินเข้ามา
ความคิดเห็น