คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : ตอนที่ 29 สู่ยุคสมัยของมนุษย์
ตอนที่ 29 สู่ยุคสมัยของมนุษย์
“แอนนี่อยู่ไหน!” มิคาสะถาม พลางเขย่าคอเสื้อชาช่า
“อ..เอ่อๆ แปลงร่างลงไปสู้กับไททันสองตัวแล้วก็เข้าไปสู้กับไอ้ตัวสีดำๆ” ชาช่าพยายามแกะนิ้วมิคาสะออก
“ฉันล่วงหน้าไปก่อนนะ” ไม่รอคำตอบ มิคาสะก็กระโดดลงจากหลังเอ็ปไป
“เดี๋ยวสิมิคาสะ” แจนร้องห้าม แต่ก็ไม่ทันแล้ว
“ฉันไปด้วย” คริสต้าบอก ใต้กระโปรงเจ้าหญิงที่ดูราวกับสุ่มไก่นั้นมีอุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติอยู่ เตรียมไว้ใช้ในเวลาคับขัน แต่ดูเหมือนครั้งนี้เธอจะได้ใช้ในโอกาสอื่น คริสต้าฉีกกระโปรงทิ้งก่อนจะกระโดดตามลงไป
“มิคาสะ?” ไรเนอร์เรียกชื่ออีกฝ่ายเมื่อเห็นเธอเข้ามาใกล้ๆ
“ไรเนอร์?!” มิคาสะเหมือนจะเป็นคนที่แปลกใจที่สุดที่เห็นไรเนอร์ยังไม่ตาย “เออะ เห็นแอนนี่ไหม”
“ไม่... ” ไรเนอร์ก็เหมือนจะเพิ่งนึกออกว่าเขาเห็นแอนนี่ในร่างไททันระหว่างสู้กับคอเตช ร่างไททันของแอนนี่สลายไปแล้ว และไม่มีใครเห็นตัวเธอหรือศพของเธอ “แต่ทางซากปราสาทตรงนั้น ฉันเห็นไททันของแอนนี่ล้มไปตรงนั้น”
มิคาสะวิ่งออกไปทันที ปล่อยให้ไรเนอร์จัดการกับพวกนักรบที่ยอมจำนน นั่นรวมถึงเบลทรูทด้วย เขาไม่ยอมพูดอะไร แค่ยอมจำนนแต่ไม่มีคำว่าขอโทษ ความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนของพวกเขาได้สิ้นสุดลงไปนานแล้ว
“ยูมิล!” คริสต้าโหนตัวลงมาข้างๆไรเนอร์ แต่ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความสนใจที่คริสต้าจะหันมามองไรเนอร์ ปล่อยให้นักรบผู้อกหักยืนมองท้องงฟ้าอย่างประชดชีวิตต่อไป
“คริส...ฮิสตอเรีย” ยูมิลเรียกชื่ออีกฝ่าย ตอนนี้มาเรียหลับไปแล้วเพราะใช้พลังของไททันมากเกินไป เธอจึงส่งตัวมาเรียให้คนของเธอดูแลต่อไปแล้วหันไปหาคริสต้า “ขอโทษนะที่ปิดบังเรื่อง... อุ้บ!? เหวอ!!!”
คริสต้าไม่ได้ฟังคำแก้ตัวของยูมิล เธอกระโจนเข้าไปกอด แต่เพราะยูมิลไม่ได้ตั้งตัว ทั้งคู่จึงหงายท้องลงไปนอนแอ้งแม้งบนพื้นดินที่มีเศษหินขรุขระ ยูมิลทำท่าแกล้งตายตอนกระแทกพื้นแกล้งให้คริสต้าตกใจเล่น แต่พอเธอจับไต๋ยูมิลได้ หมัดเล็กๆที่ไม่น่าจะแรงก็ทุบลงบนท้องของยูมิลเล่นเอาอีกฝ่ายกุมท้องตัวงอ
“ฮะๆๆ” คริสต้าหัวเราะออกมา ทั้งๆที่นึกว่าหลังจากเปิดเผยความจริงเรื่องชื่อฮิสตอเรียแล้ว เธอจะไม่หัวเราะออกมาอย่างจริงใจอีกแล้วเสียอีก แต่เจอยูมิลทีไรมันก็ทำให้มีความสุขได้ทุกครั้งสิน่า
“แอนนี่!” มิคาสะวิ่งไปดูตามซากปรักหักพังของตัวปราสาท ทว่าก็ไม่มีวี่แววของแอนนี่เลย เธอเริ่มผลักซากพวกนั้นออกไปด้วยมือเปล่า “แอนนี่! อยู่ไหนน่ะ! ส่งเสียงออกมาหน่อยสิ!”
แก๊ก... เพราะไม่ได้คอยระวัง มีดเล่มหนึ่งจึงเข้ามาประชิดตัวและจ่อลำคอของมิคาสะไว้
“อยู่เฉยๆ” เสียงของคนที่ล็อกตัวมิคาสะไว้จากด้านหลังพูด เสียงนั้นฟังดูอู้อี้เหมือนมีผ้าปิดปากจนฟังไม่ออกว่าเสียงผู้ชายหรือผู้หญิง รู้แต่ว่าพอมิคาสะขยับ มีดนั้นก็กดลงบนลำคอของเธอมากขึ้น
“ไม่ฆ่าซะล่ะ” มิคาสะถาม มองไปรอบๆเผื่อจะมีอะไรช่วยเธอจากสภาพถูกล็อกตัวไว้ได้
“ไม่ห่วงตัวเองสินะ” เสียงนั้นถาม “แล้วถ้าผู้หญิงผมบลอนด์นั่นล่ะ ฆ่าได้ไม่เป็นไรใช่ไหม”
เท่านั้นล่ะ เหมือนอะไรบางอย่างในสมองมิคาสะขาดผึง เธอคว้าบิดตัวคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายที่ด้านหลังโดยไม่สนใจว่าจะถูกแทงคอตายรึเปล่า ก่อนจะทุ่มอีกฝ่ายลอยข้ามหัวด้วยแรงทั้งหมดที่มี อีกฝ่ายก็ลอยไปกระแทกกับกำแพงที่ยังไม่ถล่มก่อนจะร่วงลงมากระแทกพื้น อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่รู้เพราะเธอหรือเขานั้นก้มหน้าอยู่ บนหัวก็สวมฮู้ดสีขาวทับไว้
“แอนนี่อยู่ไหน! แกทำอะไรกับเธอ!” มิคาสะตวาด คว้ามีดที่ตกพื้นอยู่ขึ้นมา ก่อนจะเดินเข้ามาหาศัตรู
“เอ๋ ห่วงกันขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย” อีกฝ่ายลุกขึ้นแต่ยังก้มหน้าไม่ให้เห็นว่าเป็นใคร
“แก!!!” มิคาสะคว้าลำกคออีกฝ่ายแล้วกระแทกอีกฝ่ายกับกำแพง “หะ?!”
ฮู้ดสีขาวร่วงไปด้านหลังเปิดเผยใบหน้าของคนที่มิคาสะคิดว่าเป็นศัตรูออกมา ผมสีบลอนด์และดวงตาสีฟ้าจับจ้องมาที่มิคาสะ อีกฝ่ายเลิกคิ้วทักทายและพยายามแกะนิ้วของมิคาสะออกจากลำคอ
“ทักทายกันได้แรงไม่เปลี่ยนนะ” แอนนี่พูด แต่มิคาสะไม่หายตกใจ เธอเผลอออกแรงบีบจนแอนนี่เริ่มดิ้น “อึก... มิคาสะ ฉันหายใจไม่ออก ...ปล่อย”
มิคาสะเหมือนเพิ่งได้สติ รีบปล่อยแอนนี่ลงทันที แอนนี่ก็ยืนพิงกำแพงและพยายามหายใจเข้าปอดให้มากที่สุดราวกับว่าหลังจากนี้จะไม่มีโอกาสให้หายใจอีกแล้ว
“เล่นบ้าอะไรของเธอ ฉันเกือบแทงเธอแล้วนะ” มิคาสะบอก
“แต่ก็คุ้มนะ” แอนนี่ยืดตัวขึ้น วาดแขนสองข้างขึ้นไปโอบคอมิคาสะ “เป็นห่วงฉันขนาดนั้นเลย?”
“ค..ใครห่วงเธอกัน” มิคาสะเบนหน้าหนี
“ยัยปากแข็งเอ้ย” แอนนี่พูด มิคาสะก็หันมาเหมือนจะเถียง แต่แอนนี่ก็ปิดปากของมิคาสะไว้ก่อน
“?!?!” มิคาสะยืนแข็งเป็นหิน จะไม่ให้แข็งได้ไงในเมื่อแอนนี่ปิดปากมิคาสะด้วยปากของเธอเอง
ฟุบ... แอนนี่ถอนจูบออก เธอใช้แขนยกตัวเองขึ้นไปนานๆไม่ไหว ก็มิคาสะตัวสูงซะขนาดนั้น แล้วไม่ยอมก้มลงมาอีก เธอเขย่งอย่างเดียวมันไม่ถึงนี่นา
“หือ?!” แอนนี่เตรียมจะฟังคำบ่นจากมิคาสะอยู่แล้ว แต่อีกฝ่ายกลับเชยคางของเธอขึ้นแล้วก้มลงมาจูบต่อ ราวกับจูบที่แอนนี่ให้ไปมันไม่พอ มิคาสะผลักตัวแอนนี่ถอนไปติดกำแพงโดยที่แอนนี่ก็ไม่ได้ขัดขืน
“ปล่อยฉันนะเว้ย อู้!!” เสียงแจนดังมาจากที่ไกลๆ แต่ชาช่า โคนี่และคู่ยูมิลคริสต้าก็คว้าเขาไว้แล้วลากไปปิดปากที่อื่น คนเขากำลังแอบดูคู้รักกันอยู่ดีๆ เจ้าแจนดันโผล่หัวมาเจอแล้วจะเข้าไปขัดซะนี่
“หึ” มิคาสะหันไปมองความวุ่นวายที่เกิดขึ้น การทะเลาะกันของพวกเขาเหล่าอดีตทหารฝึกหัดรุ่นที่ 104 ราวกับว่าโลกนี้ไม่เคยมีเหตุการณ์กำแพงชิน่าแตก ราวกับว่ากำแพงโรสไม่เคยแตกด้วยซ้ำ พวกเขายังมีชีวิตอยู่ และอนาคตที่มีความสุขก็กำลังมาเยือน มันจบแล้วสำหรับยุคของไททัน ยินดีต้อนรับสู่ยุคของมนุษย์
“ไปกันเถอะ” แอนนี่บอก เธอเดินไปรวมกลุ่มกับพวกชาช่าโดยมีมิคาสะคอยพยุง เท้าเธอเคล็ดเพราะมิคาสะทุ่มเธอไปเมื่อครู่ แต่เจ็บแค่นี้มันก็คุ้มแล้วใช่ไหมล่ะ
แอนนี่แอบหันไปมองมิคาสะ ...หวานจังเลย
เผ่านักรบทั้งหมดได้ยอมจำนนลงแล้ว ผู้พิทักษ์กำแพงหรือก็คือไททัน 40 เมตรทั้งหมดคืนร่างกลับเป็นมนุษย์และคอยคุมเผ่านักรบไว้ระหว่างที่มีการเจรจาสงบศึก เบลทรูทถูกส่งมาเป็นตัวแทนเจรจาเพราะเขาเป็นนักรบที่เก่งที่สุดในตอนนี้ เผ่านักรบนั้นเชื่อเรื่องความเก่งกาจมากกว่ามันสมอง เบลทรูทยอมรับข้อเสนอทุกอย่างของยูมิล
ยุคสงครามที่ยาวนานมากว่าสองพันปีนั้นได้ถูกหยุดลงเพียงแค่นี้ นครแห่งขุนเขาจะถูกซ่อมแซมและสร้างขึ้นใหม่ มันกว้างขวางเพียงพอให้กลุ่มผู้พิทักษ์กำแพงและชาวลาสวู้ดที่เหลืออยู่ทั้งหมดมาอาศัยได้ กลุ่มผู้พิทักษ์กำแพงยินดีรับข้อเสนอนั้นเพื่อจะได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างมนุษย์ธรรมดาอีกสักครั้ง ถึงแม้ว่ายูมิลจะปฏิเสธที่จะหลบซ่อนอยู่ในหุบเขาเช่นเดียวกับเมื่อสองร้อยปีก่อน แต่ในครั้งนี้ ความบาดหมางระหว่างพี่น้องได้จบลงแล้ว ต่างฝ่ายต่างยอมรับการตัดสินใจของแต่ละคน ไม่ใช่ทุกคนที่อยากเดินตามเส้นทางที่มีผู้กำหนดให้
เอ็ปทดลองตัวยาของคริชาต่อ ถึงแม้ว่าตัวอย่างยาจะถูกเผาทำลายไปจนหมด แต่โชคดีที่คริสต้าเก็บตัวอย่างยาเอาไว้ได้ส่วนหนึ่งซึ่งอยู่ในเข็มฉีดยา การคืนร่างมนุษย์ให้แก่ไททันอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นได้ในทันที แต่ในอนาคตข้างหน้า สักวันหนึ่ง โลกนี้จะกลับคืนมาเป็นโลกของมนุษย์อย่างแท้จริง
ทหารอาสาต่างหากันกลับไปสู้นครแห่งทะเลสาบบ้านเกิดของพวกเขา หลายชีวิตที่เสียไปและหลายชีวิตที่หายสาบสูญ ไม่มีใครพบศพของเซียและเรเวน แต่ท่ามกลางการต่อสู้ของเหล่าไททัน มีทหารอาสามากมายหายสาบสูญไปโดยที่ไม่สามารถค้นหาและเก็บกู้เศษชิ้นส่วนของร่างกายกลับมาได้
เหล่าอดีตทหารทหารฝึกหัดรุ่นที่ 104 ต่างปักหลักอาศัยกันภายในนครแห่งขุนเขาแห่งนี้ อาจจะยกเว้นแค่ยูมิล เธอกลับไปดูแลชายป่าลาสวู้ดอย่างที่เคยเป็น แต่นานๆครั้งเธอก็จะกลับมาหาคริสต้าพร้อมของฝากแปลกๆจากโลกภายนอก สถานที่ซึ่งมนุษย์มีอิสระอย่างใจฝันและมีชีวิตอยู่ให้ได้ด้วยทุกสิ่งที่มี แม้แต่รีไวล์และฮันซี่ก็เลือกที่จะไปอาศัยอยู่กับชาวลาสวู้ด ทั้งนี้เพื่อสำรวจและเริ่มบุกเบิกดินแดนนอกหุบเขาอย่างจริงจังเพื่อว่าสักวันมนุษย์จะสามารถออกไปเหยียบย่ำในโลกภายนอกได้โดยไม่ต้องรอคอยการคุ้มครองจากไททันหรือทหาร
เกิดเส้นทางการค้าขึ้นมากมายหลังจากที่นครแห่งขุนเขากลับมางดงามดังเดิม ทูตจากเกาะอังกฤษเดิมทางมาเจริญสัมพันธไมตรี โชคร้ายนิดหน่อยที่ทูตคนนั้นแอบมาจีบคริสต้าซึ่งถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นผู้ปกครองนครแห่งขุนเขาแทนคอเตช คริสต้าจึงไล่ตะเพิดทูตชาวอังกฤษคนนั้นออกจากวังไป ทางเกาะอังกฤษต้องไม่ชอบแน่ แต่คริสต้าก็ไม่สน เธอไม่กลัวพวกคนที่ไม่เคยได้ประมือกับไททันตัวเป็นๆหรอก
ไรเนอร์กลายเป็นทหาร เช่นเดียวกับเบลทรูท แม้เพื่อนๆจะพยายามทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขากลับมาเหมือนเดิม แต่แก้วที่แตกไปแล้ว จะต่อยังไงมันก็ยังคงเหลือรอยร้าวทิ้งไว้อยู่ดี
แจนรับราชการภายในวังหลวง ส่วนโคนี่ก็ไปเป็นนายพรานตามที่ชาช่าชวน พวกเขาออกไปล่าหมูป่ายักษ์ที่นอกหุบเขาบ่อยๆ มันไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้วในเมื่อมีชาวลาสวู้ดย้ายมาอาศัยอยู่ไม่ไกลจากด้านนอกหุบเขานัก
แล้วแอนนี่กับมิคาสะล่ะ...
“ระวังหัว!” โครม! ลูกบอลหนังลอยไปกระแทกหัวแอนนี่เข้าเต็มๆ ส่งเธอลงไปนั่งก้นกระแทกพื้น ไม่นานร่างของสัตว์ขนฟูสี่ขาก็วิ่งตามมา หมาป่าสีเทาที่มิคาสะเก็บมาเลี้ยงจนมันตัวโตพอจะตะครุบกวางได้ก็ตะครุบร่างแอนนี่ลงไปนอนกับพื้นแล้วเลียหน้าเหมือนเห็นแอนนี่เป็นลูกอม
“วูฟ ออกไป” แอนนี่ผลักวูฟออกแล้วเช็ดน้ำลายที่ย้อยเต็มหน้าเธอออก
“ขอโทษที” มิคาสะบอกแล้วลากวูฟออกมา ตอนนี้มิคาสะกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมเหมือนที่ก่อนกำแพงมาเรียจะแตก เก็บฟืนและตัดไม้ หาของป่าและบางครั้งก็พาวูฟออกไปล่าสัตว์
“จับมันอาน้ำบ้างก็ดี” แอนนี่พูดพลางดมกลิ่นตัวเองที่เพิ่งถูกวูฟฟัดมา
“นี่จะไปไหนเหรอ” มิคาสะถาม มองแอนนี่ที่แต่งตัวด้วยชุดเครื่องแบบ ปกติเวลามิคาสะไปล่าสัตว์เธอก็จะใส่เครื่องแบบไปไหนมาไหนเหมือนกับวันนี้ แต่ถ้าเป็นแอนนี่ เธอจะสวมชุดที่ใส่สบายไว้ก่อน พอหันกลับมาใส่ชุดเครื่องแบบทหาร มันจึงดูผิดปกติไป แอนนี่ลุกขึ้นและปัดเสื้อผ้า
“ไปด้วยกันไหมล่ะ”
***********************************************************************
>>>หลังฉาก<<<
มิคาสะ : นึกว่าไรท์จะทำ Bad Ending
ไรท์เตอร์ : อ้าวเหรอ เคยพูดไว้แบบนั้นเหรอ //เกาหัวแล้วนึก
แอนนี่ : ใช่
มิคาสะ : เล่นเอาใจหายหมด
แอนนี่ : กลัวฉันตายเหรอ //กอดคอ
มิคาสะ : เออสิ //ดึงแอนนี่ขึ้นมาขี่หลัง
ไรท์เตอร์ : หวานกันเข้าป๊าย //นั่งมอง
แต่ไรท์ก็แต่ง Bad Ending ไปแล้วนะ
มิคาสะ : หือ? แต่งตอนไหน
ไรท์เตอร์ : ตอนที่ไรท์โดนกระทืบตายตรงหลังฉากไง //ยิ้ม
มิคาสะ : อยากตายอีกรอบไหม
ไรท์เตอร์ : อะจะอะ //เผ่น
ไรท์เตอร์ : รีดเดอร์อาจจะงงว่าทำไมไรท์เปลี่ยนมาจบ Happy ซะอย่างนั้น
ที่ไรท์บอกว่าจะจบ Bad น่ะไรท์โกหกจ้า //ยอมรับผิดหน้ายิ้ม
จริงๆวางพล็อตให้จบดีตั้งแต่แรกแล้ว...แกล้งรีดเดอร์นี่มันสนุกอย่างนี้นี่เอง 5555
สำหรับรีดเดอร์คนไหนที่อยากอ่านปวดตับจนจบจริงๆก็ขอโทษละกัน
ไรท์แต่งโหดร้ายขนาดนั้นไม่ไหว เดี๋ยวตับไรท์พังหมด
แจน : นี่ๆไรท์
ไรท์เตอร์ : อะไรเหรอ
แจน : พร้อมรึยัง
ไรท์เตอร์ : เอ่อ... พร้อมสำหรับอะไร //เหลือบมองสายตาอาฆาตเกือบสิบคู่ที่ด้านหลังแจนแล้วเหงื่อตก
แจน : Bad Ending สำหรับไรท์ไง //ยิ้มหน้าเหี้ยมแล้วจับดาบ
ไรท์เตอร์ : //เผ่นไปแล้วโดยไม่รอฟังคำตอบ
ทุกคน : ไรท์! อย่าหนีนะ!!! //ถืออาวุธครบมือก่อนจะวิ่งไล่ฆ่าไรท์แบบไม่ดับอนาถไม่เลิกราโดยเด็ดขาด
ไรท์เตอร์ : ช่วยด้วย โฮ...
จะแต่งให้จบปวดตับก็โดนด่า พอแต่งให้จบดีก็โดนไล่ฆ่า
นี่มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรเนี่ย //วิ่งหนีต่อไป
ไรท์เตอร์ : อีก 1 ตอน! เป็นไปได้ด้วย?! //พูดอย่างคนที่ไม่เคยแต่งนิยายยาวจบมาก่อนในชีวิต
ก่อนจะขึ้นในตอนต่อไป บ้านใครมีมดระวังไว้ให้ดี คืนนี้อาจโดนรุมตอมรุมกัดจนผิวหนังพรุน
ตอนสุดท้าย 6 โมงเย็นเจอกัน //ไปปั่นต่อ
ความคิดเห็น