ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [End] เมื่อสิ้นกำแพงชิน่า - Attack on Titan [Yuri] [Mikannie]

    ลำดับตอนที่ #29 : ตอนที่ 25 ไม่มีใครที่ไม่อ่อนแอ

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ค. 57


    ตอนที่ 25 ไม่มีใครที่ไม่อ่อนแอ

    !!!” คริสต้าเบือนหน้าหนี ไม่มองร่างของคริชาที่ถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย...ตอนนั้นที่เธอเห็นเข็มฉีดยาตกอยู่ที่พื้น ยาสีแดงมืดยังอยู่ในหลอดเต็ม เธอไม่รู้ว่ามันใช้สำหรับทำอะไร แต่ถ้าคอเตชคิดว่ามันอันตราย บางทีมันอาจจะสามารถทำให้เธอกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบขึ้นมาก็ได้ คริสต้าเก็บมันส่งให้แจนที่ยืมอารักขาอยู่ข้างๆ

    “ท่านคอเตช พอเถอะ พอเถอะค่ะ ฉันไม่อยากดูแล้ว ไม่เอาแล้ว” คริสต้าโผเข้าไปกอดแขนคอเตชเอาไว้ เล่นบทเจ้าน้ำตาแบบไม่ต้องเก็บกันเลยทีเดียว “ฮึกๆ ฉันกลัว ไม่อยากเห็นแล้ว ช่วยหยุดมันที”

    “ .....?!” คอเตชมองคริสต้าเข้ามาอ้อนอย่างเขินๆ ก่อนจะสั่งให้พวกนักรบเก็บไททันเข้ากรง ส่วนพวกนักสู้ที่รอดหรือเกือบจะไม่รอกก็แล้วแต่ให้ลากตัวกลับไปเก็บในโถงรวม “มาเถอะองค์หญิงเซีย เรากลับไปสู่ปราสาทของข้าดีกว่า ต้องขอโทษด้วยหากการแสดงทั้งหลายไม่ถูกใจ แต่รับรองอาหารที่ปราสาทต้องถูกใจท่านแน่ๆ”

     

    “เอเลน!” รีไวล์พยายามคว้าตัวเอเลนไว้ หากแต่ไททันข้างล่างก็กระโดดขึ้นมางับตัวเอเลนลงไป เขาพยายามตัดกรามของไททันตัวนั้นให้ขาด ทว่าคมดาบนั้นทื่อจนฟันเนื้อไททันไม่เข้าแล้ว ใบดาบที่เหลือก็ใช้ไปจนหมด ได้แต่ดึงแขนเอเลนเอาไว้ไม่ให้ไททันตัวนั้นลากลงไป

    ฉั่วะ!!!!! เลือดสาดกระจายทันทีที่ไททันตัวนั้นกัดตัวเอเลนเต็มแรง ร่างกายท่อนล่างตั้งแต่กลางอกลงไปถูกกัดกลืนลงไปในคอของไททัน แล้วไททันตัวนั้นก็ร่วงลงไปทับกับไททันตัวอื่นข้างล่างนั่น รีไวล์ก็ลากตัวเอเลนขึ้นมาที่สูง ร่างกายของเอเลนเริ่มมีไอน้ำลอยขึ้นมาจากบาดแผล แต่ดูเหมือนการฟื้นฟูตัวเองจะไม่ทันเวลาเพราะแผลนั้นใหญ่เกินไป

    “เอเลน อย่าเพิ่งตายนะเว้ย” รีไวล์พูดอย่างร้อนลน ทำไมเขาต้องมาเจอเรื่องพวกนี้ตลอดด้วยนะ

    “ขอโทษครับ ผมทำดีที่สุดแล้ว” เอเลนพูด มองร่างพ่อของเขา...คริชาถูกไททันรุมทึ้ง “นี่คุณรีไวล์”

    “ว่าไง”

    “ผมเคยรู้จักคุณสินะ” ถึงแม้คริชาจะไม่เล่าสิ่งที่เคยเกิดขึ้น ไม่เล่าเรื่องของเอเลนก่อนหน้านี้ให้ฟัง แม้รีไวล์จะไม่ยอมพูดถึง แต่เขาก็รู้สึกได้ เขาเคยเจอผู้ชายคนนี้มาก่อน เอเลนมองท้องฟ้า พยายามยื่นมือออกไปคว้าอย่างไร้ความหมาย นี่คงเป็นความรู้สึกของคนกำลังจะตายสินะ “ชีวิตนี้...ข้าพลีเพื่อยูมิล อิสรภาพจงมาเยือนแด่มวลมนุษย์”

    “ยูมิล?!” รีไวล์ทำท่าจะถาม แต่แขนของเอเลนก็ตกลงบนพื้น หัวใจของเขาหยุดเต้นไปแล้ว “โธ่เว้ย!!!ฮันซี่จะต้องรู้แน่ ยูมิล...เด็กนั่นมีความเกี่ยวข้องทั้งกับไททันที่พูดได้ ซึ่งพวกเขาเหล่าทีมสำรวจเคยค้นพบบันทึกเกี่ยวกับมันภายนอกกำแพงมาก่อน แล้วคราวนี้ยูมิลยังมาเกี่ยวข้องกับเอเลนอีก นี่ไม่ใช่แค่เรื่องทั่วๆไปที่มองข้ามไปได้แล้ว บางทีมนุษยชาติอาจจะยังมีความหวัง เป็นอิสระจากการกักขังตัวเองในที่สุด

    “รีไวล์ แอคเคอร์แมน” นักรบร้องเรียก “การต่อสู้จบแล้ว กลับไปที่ของตัวเองซะ”

     

    ฉั่วะ!!! มิคาสะฟันคอไททันตัวแล้วตัวเล่าด้วยมือข้างเดียว มืออีกข้างหนึ่งคว้าตัวแอนนี่เอาไว้ไม่ให้ร่วงตกลงไปอีกครั้ง ดูเหมือนอีกฝ่ายจะสลบไปแล้ว แผลจากไททันตอนนี้ไม่มีการฟื้นฟูตัวเองอย่างที่ปกติจะเป็น ขาที่บิดงอก็อยู่สภาพนั้น แขนขวาและขาซ้ายที่ขาดก็มีเลือดไหลออกมามากจนน่าใจหาย

    “เมื่อไหร่จะหมดสักทีเนี่ย!!” มิคาสะฟันไททันอีกตัวที่พุ่งเข้ามา

    แต่แล้วมันก็หยุด นรกบนดินที่เต็มไปด้วยไททัน...อยู่ๆก็หยุดนิ่งไป พวกไททันเลิกสนใจเธอและวิ่งกลับเข้าไปในกรงที่ใช้ขังพวกมันในทีแรก จากนั้นกรงก็ล็อก นักรบไททันคนหนึ่งเดินเข้ามา ยื่นมือคว่ำให้มิคาสะเหยียบแล้วพากลับเข้าไปในห้องโถงยักษ์ มันจบแล้วจริงๆน่ะเหรอ หรือแค่ความสงบที่จะมาก่อนพายุใหญ่

    “มิคาสะ?” แอนนี่เรียกชื่ออย่างไม่ค่อยแน่ใจ

    “ไม่เป็นไร มันจบแล้ว” มิคาสะบอก แต่เธอไม่แน่ใจกับแผลของแอนนี่ มันไม่ยอมรักษาตัวเอง พวกแพทย์สนามรีบมาห้ามเลือดและทำแผลให้ แต่จากสภาพแบบนี้แอนนี่จะไม่สามารถเดินได้อย่างคนปกติอีกเลย

    “อึก!” แอนนี่บีบแขนมิคาสะแน่นระหว่างที่แพทย์สนามพยายามจับขาที่บิดงอของแอนนี่กลับมาให้เข้ารูป

    “แผลแค่นั้น เจ็บด้วยเหรอ” มิคาสะพูดจากวนโมโห

    “ฉันไม่ใช่เธอนี่” แอนนี่ตอบ กัดฟันไม่ร้องตอนที่แพทย์สนามล้างแผล ไม่นานก็เสร็จ พวกนั้นปล่อยให้แอนนี่ไปพักในห้องของมิคาสะซึ่งมีเตียงให้นอน “เกิดอะไรขึ้นบ้างน่ะ”

    “..........”

    “มิคาสะ” แอนนี่เรียก แต่มิคาสะกลับเอาแต่มองออกไปนอกประตู จากจุดนี้เธอสามารถมองเห็นทางเข้าออกที่เชื่อมกับลานประลองได้ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเอเลนกับรีไวล์ยังไม่เข้ามา

    ฟู่... ดูเหมือนความสามารถในการรักษาตัวจะเพิ่งกลับมา แผลแขนขาขาดบนร่างของแอนนี่ค่อยๆฟื้นตัวทีละน้อยๆ ในเมื่อมิคาสะไม่มีใจอยากจะคุยด้วย แอนนี่จึงทิ้งตัวลงนอนเพราะถ้าจะฟื้นฟูตัวเองต้องใช้พลังงาน ขอหลับไปสักงีบหนึ่งก่อนคงไม่เป็นอะไร ยังไงการต่อสู้สำหรับวันนี้มันก็จบลงไปแล้ว

    มิคาสะมองแอนนี่ที่ผล็อยหลับไป เธอเดินไปนั่งข้างๆพลางลูบหัวราวกับกำลังเล่นอยู่กับเด็ก ไม่มีวี่แววของการต่อต้าน หมดสภาพแอนนี่ที่ทุกคนเกรงขาม หมาป่าเดียวดายที่เอาแต่มองโลกในแง่ร้ายได้หายไปแล้ว มิคาสะปัดผมของแอนนี่ออกไปข้างๆไม่ให้รกหน้า ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เธอเลิกเห็นแอนนี่เป็นศัตรูหัวใจ แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เธอรู้สึกแปลกๆกับแอนนี่ ไม่ใช่ความเกลียดอย่างที่เคยรู้สึก ไม่ใช่การสนุกที่ได้เอาชนะ

    แต่แล้วมิคาสะก็เหลือบไปเห็นรีไวล์กลับเข้ามาในห้องโถง เธอห่มผ้าห่มให้แอนนี่แล้วรีบวิ่งออกไปหาหัวหน้ารีไวล์ ทว่าเธอกลับไม่เห็นเอเลน รีไวล์ก็ดูหน้าซีดเซียวราวกับศพตายซากยิ่งกว่าที่เป็นตายปกติ

    “เอเลน...ล่ะคะ” มิคาสะถาม

    “ตายแล้ว” รีไวล์ตอบแล้วเดินผ่านไป ทว่ามิคาสะกลับเข้ามาขวางหน้าแล้วกระชากคอเสื้อเขาไว้

    “ฉันจะถามอีกครั้ง” มิคาสะพูดเสียงต่ำราวกับสัตว์ร้ายขู่คำราม

    “ฉันก็ไม่มีคำตอบอื่นให้เธอ” รีไวล์ตอบ “เขาตายแล้ว”

    รีไวล์ปัดมือของมิคาสะออก ปล่อยให้มิคาสะทรุดลงไปนั่งที่พื้น เขาเดินเข้าไปในห้องทดลองของฮันซี่ มีเรื่องที่สำคัญกว่าที่เขาต้องจัดการ ความลับของโลกกำลังจะได้เวลาถูกเปิดโปงในอีกไม่ช้าแล้ว

    “เป็นแบบนี้อีกแล้ว” มิคาสะเอามือกุมหัว ทำไมต้องปวดหัวทุกครั้งที่สูญเสียคนที่เธอรักกัน “ฉันอยากตายตามเธอไปจริงๆนะเอเลน ทำไมโชคชะตาต้องทำให้เธอวิ่งหนีฉันไปทุกครั้งเลย”

    มิคาสะร้องห่มร้องไห้อยู่คนเดียวกลางห้องโถง ตอนนี้สถานที่แห่งนี้กลับกลายเป็นสถานที่ที่น่าวังเวง นักสู้มากมายตายไปในการประลองทั้งๆที่เรื่องแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น แล้วแต่ละคนที่รอดมาก็ไม่ได้มีสภาพต่างไปจากมิคาสะ ร้องไห้บ้าง หวาดกลัวบ้าง บางคนประชดชีวิตวิ่งเข้าไปรัดคอนักรบที่มีหน้าที่เฝ้ายามจนต้องโดนลากไปขังเดี่ยว ไม่ก็ถูกฆ่าตายตรงนั้น นานเหลือเกินกว่ามิคาสะจะลุกขึ้นมาใหม่ได้ แต่น้ำตาของเธอยังไม่หยุดไหล

    “มิคา..สะ... ” เสียงเรียกจากด้านหลังไม่ได้ทำให้มิคาสะหันไปสนใจ แอนนี่รักษาตัวเองจนหายดีแล้วจึงเดินออกจากห้องมาเพราะไม่เห็นมิคาสะอยู่แถวนั้น เธอจึงมาพบมิคาสะนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว

    “ขอโทษนะ ขอฉันอยู่คนเดียว” มิคาสะหันหน้าเข้าหากำแพงของห้องโถง

    ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มและลมพัดแรง เม็ดฝนค่อยๆตกจากเบาๆเป็นตกหนัก จุดที่มิคาสะนั่งนั้นฝนสาดเข้ามาถึงได้ แต่เธอกลับไม่ยอมลุกไปนั่งที่อื่น แอนนี่ก็ได้แต่มองอยู่ห่างๆ จะเข้าไปคุยก็ไม่รู้ว่าจะต้องปลอบยังไง คนอย่างเธอไม่เคยปลอบใครมาตลอดทั้งชีวิต แม้แต่กับเพื่อนสนิทที่สุดอย่างพวกไรเนอร์หรือเบลทรูท แต่ฝนนั้นเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ถ้าทิ้งมิคาสะไว้อย่างนั้นเดี๋ยวก็ได้ไม่สบายกันพอดี

    “มิคาสะ เข้าไปหลบฝนก่อนเถอะ” แอนนี่เข้าไปสะกิด

    “ไม่ไป” มิคาสะตอบ

    “เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” แอนนี่ลองใหม่ คราวนี้ดึงต้นแขน

    “ฉันบอกว่าไม่ไป!

    “ทำตัวเป็นเด็กไปได้!” แอนนี่ตวาด ดึงมิคาสะให้หันมาทางเธอ

    “หึ!... ” มิคาสะสะบักแขนแอนนี่ออกไปอย่างแรง สิ่งที่แอนนี่เห็น...ผู้หญิงที่เธอเคยหวาดกลัวและคิดว่าดุร้ายราวกับสัตว์ป่านั่งร้องไห้ น้ำตาไหลพรากไม่ยอมหยุด ไม่มีใครที่ไม่อ่อนแอ และตอนนี้อีกมุมของจิตใจมิคาสะผู้แข็งแกร่งก็ถูกเผยให้แอนนี่ได้เห็นเป็นครั้งแรก

    “ไม่เป็นไร...นะ” แอนนี่เข้าไปลูบหัว

    “ทำไมฉันต้องเจอแต่เรื่องแบบนี้” มิคาสะพูดพลางสะอึกสะอื้น เธอคว้าเอวแอนนี่ไว้และกอดแน่นไม่ยอมปล่อย แอนนี่ก็ยอมอยู่เฉยๆให้กอด “ทำไมคนที่ฉันรักต้องพากันตายไปทีละคน”

    “..........” แอนนี่ตอบไม่ได้ เธอไม่เคยรู้จักความรัก แค่มีชีวิตอยู่ไปวันๆ แม้แต่คนในครอบครัวอย่างพ่อของเธอก็ไม่เคยมอบความรักใดๆให้แม้สักครั้งเดียว ส่วนแม่...เธอก็ไม่เคยได้รู้จัก

    “นี่... แอนนี่” มิคาสะเรียก “อย่าทิ้งฉันไปอีกคนนะ”

    “ ...ไม่หรอก ไม่มีทาง... ” แอนนี่กอดคอมิคาสะไว้ ฝนจะตกหนักแค่ไหนก็ช่างมันแล้ว ตอนนี้เธอยอมตากฝนอยู่เป็นเพื่อนมิคาสะ และจะอยู่ข้างเธอตลอดไป “ฉันไม่ทิ้งเธอเด็ดขาด”

    “สัญญาได้ไหม”

    “อืม... ฉันสัญญา” แอนนี่ตอบ

    สายฝนยังคงตกลงมาโดยไม่มีวี่แววว่าจะหยุด ปล่อยให้น้ำตาของมิคาสะละลายไปกับสายน้ำนี้ จนกว่าเธอจะพร้อมรับชะตากรรมที่เหลืออยู่ สายฝนสายนี้จะไม่มีทางหยุดตก เสียงสะอึกสะอื้นถูกเสียงฟ้าคำรามกลืนกินไปจนสิ้น ไม่มีใครเข้ามายุ่งกับพวกเธอทั้งสอง ปล่อยให้ทั้งคู่อยู่ภายในโลกของทั้งสองไปเรื่อยๆ
     


     

    .

    .

    .

    “ฝนตกเหรอเนี่ย แย่จริงๆ” คอเตชบ่น

    พวกเขาทั้งหลายพากันกลับมายังปราสาทเป็นที่เรียบร้อย ทั้งหมดถูกเชิญมารับประทานอาหารกลางวันที่เลิศรสภายในห้องอาหารขนาดใหญ่ รอบๆห้องนั้นรายล้อมไปด้วยทหารของนครแห่งทะเลสาบและนักรบของนครแห่งขุนเขา ฝ่ายหนึ่งสวมเครื่องแบบเบาเหมาะแก่การหลบหนี ส่วนฝ่ายนักรบนั้นสวมเกราะหนักแบบสมัยโบราณ ชุดเกราะอัศวินทำจากเหล็กกล้าปกป้องร่างกายทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่ใบหน้า

    “ยังไม่เจอเหรอแจน” คริสต้ากระซิบ โดยไม่หลุดมาดเจ้าหญิงแม้แต่น้อย แจนส่ายหน้า

    “อะแฮ่ม” คอเตชมองทั้งคู่ “คงไม่ว่าอะไรนะ ถ้าข้าจะขอเต้นรำกับท่านสักเพลง”

    “ไม่ว่าค่ะ” คริสต้าตอบและลุกไปเต้น เซียเคยสอนให้คริสต้าเต้นรำก่อนจะมา แต่เธอก็ยังเต้นไม่เก่งอะไรมาก ตอนนี้ทหารที่อารักขาเธอมีแค่แจน เรเวนกับทหารองครักษ์ทั่วไป เรเวนอาสาติดตามมาด้วยทั้งๆที่ตอนแรกถอนตัวไปแล้ว กลุ่มที่เป็นทหารทีมสำรวจถูกส่งออกไปสำรวจเมืองพร้อมกับชาช่า โคนี่ห้อยโหนอยู่รอบๆปราสาทตรงจุดที่ไม่มีใครสนใจเพื่อคอยส่งข่าวหรือรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แต่ยังไม่มีข่าวคราวใดๆถูกส่งกลับมาเลย

    “ดีจริง... อืม... จะว่าไปแล้ว ข้ายังไม่ได้กล่าวต้อนรับกันอย่างเป็นทางการเลยนี่นะ” คอเตชพูด จับมือคริสต้าและนำเต้นรำ “ยินดีต้อนรับสู่นครแห่งขุนเขา เป็นเกียรติที่ได้พบเจอเจ้าหญิงฮิสตอเรีย เรนส์แห่งโลกในกำแพง”

    “ .....?!” ฝ่ายของคริสต้าได้แต่อ้าปากค้าง ทำไมคอเตชรู้ ทำไมเขาถึงรู้ เขาอ่านเกมออกได้ยังไงกัน

    “อ้อจริงสิ แผนของพวกเจ้าว่ายังไงนะ ตามหาแหล่งทดลองบลาๆๆ ขอโทษทีนะที่ข้าเผาที่นั่นทิ้งไปแล้ว” คอเตชว่าต่อ “คราวนี้... มีแผนสองกันไหมล่ะ เอ้าเร็วสิ! ข้ารอสนุกอยู่”

    ท่ามกลางความสิ้นหวังตั้งแต่ยังไม่เริ่มของฝ่ายคริสต้า คอเตชแสยะยิ้มและสนุกสนานไปกับสิ่งที่เขาจุดชนวนไว้ ความสิ้นหวังของศัตรูคือความบันเทิงเป็นที่สุดสำหรับผู้ชนะ เขาคือผู้ชนะ เขาคือตำนานไร้พ่าย สงครามน่ะเหรอ...มันก็แค่เกมรบแก้เบื่อหลังจากที่ได้ตื่นจากจำศีล 200 ปี

    ฝ่ายคริสต้านั้นไม่มีแผนสำรอง อย่างมากก็แค่แผนสำหรับหนี แต่ไม่มีใครคิดว่าแผนพวกเขาจะแตกตั้งแต่ยังไม่เริ่ม พวกทหารทีมสำรวจจึงยังไม่กลับมายังปราสาท โคนี่ยิงพลุขึ้นท้องฟ้าโดยไม่ต้องรอคำสั่ง แต่ทีมสำรวจก็อาจจะกลับมาไม่ทันเวลา คอเตชหยุดการเต้นรำเอาไว้และเกยคางคริสต้าขึ้นมามอง

    “เอ้า เร็วสิ ไม่งั้นเจ้าหญิงของพวกเจ้าอาจจะไม่รอดก็ได้นะ”

    ************************************************************************
     

    >>>หลังฉาก<<<

    ไรเนอร์ : .......... //อ่านบทของเอเลน
    เอเลน : .......... //อ่านบทของตัวเอง
    ไรเนอร์ : .......... //ตบไหล่เอเลน

    ไรท์เตอร์ : ทำไมมีรีดเดอร์งอนไรท์แล้วอ่า //นั่งเศร้าอยู่มุมมืด
    แอนนี่ : สมควร
    มิคาสะ : สมควร
    ไรท์เตอร์ : //ร้องไห้โฮตามมิคาสะ
    มิคาสะ : ฉ..ฉันไม่ได้ร้องไห้นะ! //เดินหนี
    คริสต้า : ไรท์...สมน้ำหน้ากะลาหัวเจาะ
    ไรท์เตอร์ : เดี๋ยวส่งไปเป็นเพื่อนเอเลนเลยนี่ //พูดเบาๆและจ้องอย่างอาฆาต

    ไรท์เตอร์ : คำถาม... มีใครคิดว่าไรท์จะจบแบบตัดจบตั้งแต่ตอนที่แล้วมั่ง
                      (ปล.ถ้าตัดจบแบบนั้นก็แปลว่าไรท์กลายเป็นศพจริงๆน่ะสิ)
    ยูมิล : ใช่ ถ้าจบแบบนั้น ฉันนี่แหละจะกระทืบให้ตายคาที่จริงๆ //เล่นไม่ให้บทกันเลยสักตอนเนี่ย
    ไรท์เตอร์ : ชะอูย //ถอยมาห่างๆ

    ไรท์เตอร์ : นับถอยหลังนะ อีก 5 ตอนจบ //เริ่มนับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×