ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EdenChildren แก๊งป่วนก๊วนพิทักษ์โลก

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 ความช่วยเหลือ

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ย. 55


    ผมค่อยๆรู้สึกตัวขึ้นมาด้วยความสับสน ภาพแรกที่ผมเห็นนั้นคือห้องนอนของผมเอง ผมมานอนอยู่นี่ได้ไงกันนะ ผมคิดว่ามันอาจจะเป็นเพียงแค่ความฝัน

    แต่กำไลที่แขนของผมนั้นเป็นหลักฐานยืนยันอย่างดีว่ามันเป็นความจริง แล้วผมก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าตอนนี้หลวงพ่อบาดเจ็บหนักมาก ผมรีบวิ่งไปที่ประตูหวังจะออกไปข้างนอก แต่ก็มีคนเปิดเข้ามาเสียก่อน

    "ฟื้นแล้วเหรอจ๊ะ"คนที่เข้ามาเป็นผู้หญิงอายุประมาณสามสิบ เธอมีผมยาวหยักสีน้ำตาลใบหน้าสวยงาม แต่ใส่เสื้อผ้าที่ดูทะมัดทะแมงเหมือนคนเดินป่า เธอคนนั้นเข้ามาหาผมแล้วถามผมเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น


    ����������� "มีอะไรบางอย่างเข้ามาทำร้ายผมกับพ่อ...เอ่อหลวงพ่อแล้วก็มีแสงเปล่งออกมาจากกำไลแล้วผมก็สลบไป" ผมอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เธอรู้

    ���������� "ตอนพวกฉันมาถึงทุกอย่างก็จบแล้ว พวกฉันจึงตรวจสอบดูก็เห็นพวกเธอสลบอยู่เลยรีบเข้ามาช่วยเธอสลบไปไม่นาน ส่วนทางด้านบาทหลวงตอนนี้ยังไม่ฟื้น"
    ����������
    "ผมขอไปดูท่านได้ไหมคับ" ผมถามเธอไปอย่างร้อนรน
    ����������
    "ได้สิ"เธอเดินนำหน้าผมไปที่ด้านนอกโบสถ์ที่มีรถตู้คันใหญ่จอดอยู่ มันมีประมาณสองถึงสามคัน
    ����������
    "ขึ้นมาสิ"เธอพาผมขึ้นรถไปดูหลวงพ่อที่นอนอยู่ ที่ตัวของท่านมีสายโยงอยู่ตามตัวและมีคนคอยดูแลท่านอยู่สองคน
    ����������
    "เป็นอย่างไรบ้าง"ผู้หญิงที่มากับผมเป็นคนถาม
    ����������
    "ไม่มีวี่แววเลยครับหัวหน้าไดลาน่า"ผู้ชายคนหนึ่งตอบกลับมา
    ���������� "ข้อมูลของบาทหลวงคนนี้ล่ะ"ผู้หญิงที่ชื่อคุณไดลาน่าถามกับลูกน้องของเธอ
    ����������
    "นี่ครับ" เขายื่นแฟ้มเอกสารมาให้คุณไดลาน่า "โจฮันกรีนเซล เป็นบาทหลวงประจำเมือง คนของศาสนจักรงั้นหรือ"
    ���������� "ใช่ครับ"

    ���������� พวกเขากำลังคุยเรื่องอะไรกันนะ พวกเขามีปัญหาอะไรกับศาสนจักรหรือเปล่า เขามาช่วยผมจริงๆใช่ไหม ผมเริ่มรู้สึกระแวงคนกลุ่มนี้เสียแล้ว
    ����������
    "คงต้องทำเรื่องกันยาวเลยสินะงั้นส่งตัวไปที่รักษาองค์กรได้"
    ����������
    "รับทราบครับ"ลูกน้องทั้งสองคนขานรับ ผมรู้สึกดีใจที่พ่อจะได้รับการรักษา
    ����������
    "หลวงพ่อไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมคับ"ผมแทรกถามพวกเขาไป
    ����������
    "ชั้นยังไม่สามารถบอกได้ แต่ตอนนี้เขาปลอดภัยแล้ว แค่คงต้องพักฟื้นสักพัก"ผมโล่งใจขึ้นที่คุณพ่อปลอดภัยแล้ว น้ำตาของผมค่อยๆซึมออกมาด้วยความดีใจ ท่านยังอยู่กับผมสินะ จะไม่ทิ้งให้ผมอยู่คนเดียวสินะ
    ����������
    "อย่าเพิ่งดีใจตอนนี้เลย ตอนนี้ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้วตอนนี้เธอไปเก็บของที่จำเป็นมาเราต้องรีบไปกันแล้ว" ผมสงสัยกับคำว่าไม่ปลอดภัยของเธอ แต่จากน้ำเสียงที่ได้ยินนั้น มันคงจะเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากแน่ๆ
    ���������� ผมรีบเช็ดน้ำตาแล้วถามอย่างสงสัย "ไปไหนหรือคับ"
    ����������
    "เดี๋ยวฉันจะบอกรีบไปเก็บของเถอะ เอาที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้นนะ"


    ���������� ผมรีบลงจากรถเข้าไปเก็บของในห้องเช่นพวก เสื้อผ้า กระเป๋าเงิน และล็อกเก็ตก่อนที่จะกลับขึ้นไปบนรถตู้อีกคันหนึ่งซึ่งคุณไดลาน่าได้ยืนรออยู่แล้ว
    ����������
    "พร้อมแล้วคับ"
    ����������
    "งั้นไปกันเถอะออกรถ" รถค่อยๆเลื่อนออกไปจากโบสถ์ ผ่านย่านร้านค้าต่างๆที่ผมคุ้นเคยไปอย่างรวดเร็ว
    ����������
    "พวกคุณเป็นใครหรือคับ"ผมรีบถามคุณไดลาน่าทันทีเมื่อมีโอกาส เพราะพวกเขาดูไม่เหมือนตำรวจ หรืออะไรประมาณนั้นเลย
    ����������
    "ฉันไดลาน่า เฟโลตาริส เป็นหัวหน้าหน่วยช่วยเหลือ องค์กรอีเดน กาเด้น ได้รับมอบหมายให้มาช่วยเหลือเธอ"เธอตอบมาพร้อมกับรอยยิ้ม
    ����������
    "เป็นองค์กรแบบไหนหรือคับ" ผมถามด้วยความสงสัย ผมเคยได้ยินชื่อองค์กรนี้มาบ้างจากพี่ฟิลลิป แต่ก็ไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับมัน
    ����������
    "อีเดน กาเด้น หรือ สวนอีเดน เป็นองค์กรที่มีหน้าที่ด้านการช่วยเหลือและกู้ภัย คอยป้องกันภัยต่างๆจากสงครามและธรรมชาติ และรวมไปถึงเรื่องเหนือธรรมชาติอีกด้วย แต่อย่างหลังเป็นความลับนะ" เธอจุ๊ปากหนึ่งทีเพื่อที่ผมจะได้ไม่เอาไปพูด
    ����������
    "เหนือธรรมชาติหรือคับ?" ตอนนี้ผมรู้สึกว่าโลกใบนี้ใหญ่เกินกว่าที่เด็กสิบขวบจะเข้าใจเสียแล้ว
    ����������
    "แล้วทำไมปีศาจถึงมาทำร้ายผมล่ะคับ" ผมถามกับเธอ
    ����������
    "ฉันเองก็ไม่รู้เหตุผลแน่ชัดหรอก แต่อาจจะเป็นเพราะเธอมีสิ่งที่เป็นอันตรายต่อพวกเขาก็ได้"
    ����������
    "อันตราย...อย่างไรหรือคับ"
    ����������
    "เธอเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์อันสุดแสนพิเศษ ไม่มีใครรู้ว่าเธอสามารถทำอะไรได้นอกจากตัวเธอเอง แต่ถึงขนาดที่ปีศาจยังออกมาทำร้ายนั้นคงจะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากแน่เธอคนนั้นทำผมประหลาดใจ ตัวผมมีอะไรที่พิเศษขนาดนั้นด้วยหรือ แล้วมีใครเป็นแบบผมอีกบ้างกันนะ

    ���������� แต่คนส่วนใหญ่จะใช้สิ่งเหล่านั้นได้เมื่ออายุประมาณสิบสามถึงสิบห้าปี เด็กสุดที่เจอก็แค่สิบสองปี ปัญหาของเธอจึงเป็นสิ่งที่พวกเราไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้น"

    ���������� รถค่อยๆข้ามผ่านตัวเมืองไปเรื่อยๆจนไกลเกินกว่าที่ผมจะรู้จัก
    ����������
    "แล้วนี่เราจะไปไหนกันหรือคับ"
    ����������
    "สนามบินน่ะ เราจะต้องพาเธอออกนอกประเทศ"
    ����������
    "แต่ผมไม่มีพาสปอร์ตนะคับ"
    ����������
    "ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ" เธอตอบมาอย่างนั้น แล้วถ้าไม่มีพาสปอร์ตแล้วผมจะออกนอกประเทศได้อย่างไรกันนะ

    ���������� เมื่อรถมาหยุดอยู่ที่สนามบินผมก็หยิบกระเป๋ามาสะพายแล้วตามคุณไดลาน่าลงมาจากรถ ลูกน้องของเธอลงมาทำความเคารพเธอก่อนแล้วจึงขับรถออกไป
    ����������
    "แล้วหลวงพ่อล่ะคับ"พอผมถามเธอ รถที่ท่านอยู่ห่างไกลผมไปเรื่อยๆ
    ����������
    "เราจะตรวจเขาอย่างละเอียดแล้วจะรีบบอกผลให้เธอทราบแน่นอน" ผมขอให้คุณพ่อหายไวๆทีเถอะผมเป็นห่วงท่านจริงๆ
    ���������� เมื่อผมเข้ามาด้านในสนามบินคุณไดลาน่าให้ผมนั่งรอเพราะเธอจะต้องจัดการเรื่องเครื่องบินเสียก่อน ผมมองดูสนามบินไปรอบๆ ที่นี่มีคนเนืองแน่นไปหมด มีป้ายโฆษณาต่างๆมากมาย ผมสะดุดตาไปเห็นภาพฟิลลิปบนป้ายโฆษณาเข้า ป่านนี้เขาจะเป็นยังไงบ้างนะ น้ำตาผมเริ่มจะไหลอีกแล้วสิ
    ����������
    "ดูอะไรอยู่เหรอจ๊ะ"คุณไดลาน่าถามโพล่งขึ้นมาจากด้านหลังผม
    ����������
    "ป..เปล่าคับ"ผมรีบเช็ดน้ำตาก่อนจะหันกลับไปตอบ
    ����������
    "งั้นเหรอ เอ้านี่ข้าวเที่ยงสำหรับเธอ"คุณไดลาน่ายื่นมัฟฟินช็อกโกแลตกับน้ำส้มให้ผม
    ����������
    "ขอบคุณคับ"ผมรีบรับมากินทันที สงสัยผมจะหิวมาก
    ����������
    "ไม่ต้องรีบก็ได้ อีกสักพักเครื่องถึงจะออก"คุณไดลาน่าหัวเราะให้ผมเบาๆก็จะยื่นทิชชู่ให้ผม ซึ่งผมก็เอามาเช็ดคราบที่ปากทันที
    ����������
    "เครื่องออกเรากำลังจะไปไหนหรอคับ" ผมถามอย่างสงสัย
    ����������
    "ฟลอริดา สหรัฐอเมริกา"

    จบบท

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×