คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5 อันตราย
ผมกับกิตติรีบวิ่งขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือเพื่อดูสถานการณ์เรามองไปรอบๆเรือจึงเห็นฝูงนกที่มีหน้าตาน่ากลัววนอยู่รอบเรือคนขับเรือตะโกนมาบอกว่าฝูงสัตว์ประหลาดพวกนี้ขวางเรืออยู่ให้จัดการให้ทีแล้วเขาจะหาโอกาสเร่งความเร็วเองกิตติบอกให้ผมระวังตัวเองด้วยเขาจะเป็นจัดการทุกอย่างเอง
"แค่ของพวกนี้ไม่คณามือหรอก"เขาว่าพลางก็เอามือสบัดบนอากาศทำให้มีลูกแก้วสีขาวนวลห้าลูกบินวนอยู่รอบตัวเขาแล้วกิตติยังหยิบตุ๊กตาสองตัวออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่าอีกครั้งมันสองตัวเป็นเด็กผู้ชายผมขาวตัวหนึ่งดำตัวหนึ่ง"บีหนึ่ง บีสองตื่นได้แล้ว"
"ครับ/ครับพ่อ"ตุ๊กตาสองตัวค่อยมีชีวิตขึ้นมาแล้วลอยวนปะปนอยู่กับเหล่าลูกแก้วทั้งห้า
"เอาล่ะนะ จิตวิญญาณแห่งลมและมหาสมุทรเอ๋ย โปรดมอบพลังให้แก่ข้า โปรดมาสถิต ณที่แห่งนี้ด้วยเถิด"กิตติพูดด้วยภาษาประจำชาติของเขาที่ผมฟังไม่เข้าใจจากนั้นก็มีนกสีเขียวลงมาจากฟ้ามันมีรูปร่างเหมือนคนแต่มีปีกและปากเหมือนนกตัวใหญ่เกือบสองเมตรอีกด้านหนึ่งก็มีงูสีฟ้าขึ้นมาจากทะเลมันยาวเกือบสองเมตรมีเกล็ดที่หัวและตามตัวเป็นสีทอง
"พญาครุฑ พญานาคราชโปรดมอบพลังให้แก่กายหยาบนี้ด้วยเถิด"สัตว์ทั้งสองตัวค่อยๆกลายเป็นเกราะสวมใส่ให้ตุ๊กตาทั้งสองตัวตัวสีขาวที่ชื่อบีหนึ่งใส่เกราะนกสีเขียวถือหอกสีทองตัวสีดำที่ชื่อบีสองใส่เกราะงูสีฟ้าถือมีดคู่สีทอง
"บีหนึ่งระวังให้พ่อบีสองไปดูแลเด็กคนนั้นนะ" "รับทราบ"บีสองบินเข้ามาหาผม"เจ้าหนูอยู่ข้างหลังผมดีๆนะ"
พวกสัตว์ประหลาดเริ่มโจมตีพวกเรามาแต่ลูกแก้วรอบตัวกิตติเริ่มหมุนเป็นวงกลมแล้วปล่อยลูกพลังสี่สีออกมารอบๆทำให้พวกมันโดนยิงตกน้ำเป็นจำนวนมาก
กิตติจัดการสัตว์ประหลาดนกจนจำนวนมันลดลงไปมาก บางตัวที่เข้ามาหาผมก็ถูกบีสองเอามีดฟันจนบาดเจ็บหนีไป คนขับเรือจึงรีบเร่งเครื่องเรือทันที
อยู่ๆก็มีเสียงคำรามดั่งสนั่นขึ้นมาจนพวกนกประหลาดตื่นตกใจหนีหายไปผมมองตามเสียงไปก็เห็นสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ที่มีหัวเป็นสิงโตกับแพะมีหางเป็นงูแถมยังมีปีกอีกด้วยกิตติเห็นก็ตกใจเช่นกัน"คิเมร่าเหรอท่าจะแย่แหะ"เขาตะโกนบอกให้ผมมาอยู่ข้างเขาและเรียกบีสองกลับมา
ลูกแก้วของกิตติเริ่มระดมยิงลูกพลังใส่เจ้าคิเมร่านั้นแต่ก็ไม่ระคายผิวมันเลยระหว่างที่กิตติโจมตีคิเมร่าอยู่นั้นก็มีเงาดำตัวเดิมโพล่มาจากด้านหลังผมแล้วเงื้อมือเตรียมฟาดผมทันทีแต่บีหนึ่งกับบีสองมารับการโจมตีแทนผมพวกมันร่วงลงพื้นเศษนุ่นปริแตกตามรอยเล็บออกมาแล้วทั้งสองตัวก็กลายเป็นตุ๊กตาเหมือนเดิม
กิตติรีบหันมาทางผมทำให้คิเมร่าพ่นไฟก้อนใหญ่มาที่กิตติทันทีลูกแก้วทั้งห้ากางออกเป็นม่านบางๆทันทีแต่ช้าเกินไปทำให้ลูกไฟผ่านมาโดนแขนซ้ายของเขาจนไม่สามารถขยับได้"ไม่เป็นไรใช่ไหมลูเซ่"เขาถามผมด้วยรอยยิ้มที่ดูบิดเบียวมาทั้งที่คิเมร่ายังพ่นลูกไฟมาไม่หยุดแต่เงาข้างหลังก็ไม่รอช้าพุ่งเข้ามาหาผมทันทีผมตกใจมากแต่แค่คืบก่อนที่เงาจะเข้ามาถึงผมกำไลทั้งสองก็ส่งแสงจ้าเหมือนครั้งก่อนทำแต่เงานั้นก็ยังไม่หายไปมันยังฝืนเข้ามาหาผมเรื่อยๆ
เหมือนเรี่ยวแรงของผมค่อยๆโดนดูดไปผมเหนื่อยมากเหมือนวิ่งเป็นกิโลแสงจากกำไลเริ่มจางลงเลาปีศาจค่อยๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆสติของผมค่อยๆเลื่อนลอยแต่กิตติก็ตะโกนขึ้นมา"ตั้งสมาธิไว้ลูเซ่ควบคุมพลังให้ได้"ผมได้สติขึ้นมาใหม่ค่อยๆตั้งสมาธิแสงจากกำไลค่อยสว่างขึ้นอีกครั้งจนเงาปีศาจกรีดร้องสลายไปเหมือนคราวที่แล้วส่วนคิเมร่าก็โดนแสงจ้าเข้าไปทำให้มันหยุดโจมตี
"ได้โอกาสหละ"ลูกแก้วทั้งหาเริ่มหมุนอีกครั้งแล้วระดมยิงใส่คิเมร่าที่ยังตาลายอยู่จนฝุ่นตลบ "เร่งเครื่องด่วน"
เรือของเราพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูงพอมองเห็นเกาะสองเกาะอยู่รางๆแต่เมื่อฝุ่นจางหายไปคิเมร่าก็รีบบินมาหาเราด้วยความเร็วสูงมันเป็นช่วงเวลาที่น่าหวาดเสียวมากที่สุดเรือเร่งความเร็วเต็มที่ผ่านเกาะสองเกาะที่มีหมอกปกคลุมเข้ามาโดยที่คิเมร่าไม่สามารถเข้ามาได้แต่ไฟของมันอยู่ด้านหลังเราแค่คืบเดียว
"ปลอดภัยแล้วแหะโล่งใจหน่อยกิตติเป็นไงบ้างคับ"สภาพกิตติตอนนี้ย่ำแย่มากเขานั่งทรุดอยู่ที่พื้นเหงื่อไหลเต็มหน้า หายใจถี่รัวเลือดที่แขนไหลออกมาอย่างหน้ากลัว ผมรีบเข้าไปดูเขาทันที"สบายมากไม่ต้องห่วง"เขายังตอบผมกลับมาด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม "มีคนเจ็บตัวเพราะผมอีกแล้วทำไมผมถึงช่วยใครไม่ได้เลย"น้ำตาของผมไหลอาบเต็มหน้าแสงจากกำไลส่องสว่างอีกครั้งแล้วค่อยๆไหลอาบผ่านร่างของกิตติแขนซ้านของเขาค่อยๆคืนสภาพเดิมเงื่อเริ่มหยุดไหลลมหายใจเริ่มทำงานเป็นปกติ"นี่คงเป็นพลังของนายสินะช่างอบอุ่นเหลือเกิน"ร่างกายของกิตติกลับเป็นเหมือนเดิมแสงจากกำไลเริ่มดับลงแต่ผมรู้สึกเหนื่อยแทบสลบไปดีที่กิตติช่วยพยุงผมไว้
"นี่ผมเป็นอะไรหรอคับ"ผมถามด้วยเสียงที่เหนื่อยอ่อน
"นายแค่ใช้พลังมากไปเท่านั้นพักสักนิดเดี๋ยวก็หาย"เขายิ้มกลับมาให้ผมก่อนจะลุกขึ้นไปดูรอบๆเรือ
คนขับปลอดภัยดี เรือเสียหายเล็กน้อย และที่สำคัญที่สุดเรามาถึงสวนอีเดนแล้ว
หมอกค่อยๆจางหายไปท้องฟ้ายาวค่ำคืนกับหมู่ดาวและพระจันทร์ฉายอยู่บนฟ้าข้างหน้าเราเป็นเกาะวงกลมหลายอันซ้อนกันแต่ตอนนี้มืดมากแล้วจึงมองไม่ค่อยเห็นเรือค่อยๆจอดเทียบท่าที่มีเรือจอดอยู่ไม่มาก
กิตติลงไปหยิบกระเป๋าของผมที่ห้องแล้วอุ้มผมลงจากเรือไปขึ้นรถม้าที่จอดรอรับอยู่ที่ท่าเรือ
รถม้าค่อยๆผ่านตามเมืองที่มืดสนิทมีแค่เสาไฟตามทางแสนสวยงามที่เปิดอยู่อ่อนๆร้านรวงรูปร่างแปลกตาข้างถนนไม่มีรถยนต์แม้แต่คันเดียวจอดอยู่กิตติบอกว่าที่นี่อนุรักษ์ธรรมชาติมากจึงไม่ใช้รถตอนกลางคืนก็ปิดไฟอยู่บ้านกันรถม้าขับผ่านเมืองเข้าไปที่ศูนย์กลางเกาะเรื่อยผ่านถนนเกือบสิบถนนแล้วจึงเห็นบ้านเล็กหลายหลังเรียงกันอยู่ที่ถนนหนึ่งจึงเลี้ยวเข้ามาบ้านที่มาจอดเป็นหลังที่สี่จากถนนหลักมันเป็นบ้านสองชั้นเล็กๆที่มีสวนขนาดย่อมอยู่รอบบ้านมีรั้วกั้นเป็นประตูเล็กอยู่หนึ่งชั้น
กิตติถือกระเป๋าของผมลงจากรถม้าก่อนที่มันจะขับออกไปเขาบอกว่านี้เป็นบ้านประจำกลุ่มอยู่กันห้าคนการพูดของเขาตอนนี้สำเนียงดีมากไม่ติดๆขัดๆเหมือนตอนเจอกันครั้งแรกเขาบอกว่าที่เกาะนี้เป็นต้นกำเนิดของทุกชีวิตทุกคนที่อยู่ในเกาะจะสามารถพูด ฟังอ่าน เขียน ได้เองโดยไม่ต้องเรียนรู้
ผมค่อยๆเปิดประตูเข้าไปแล้วก็มีเสียงปั้ง ดังขึ้นหลายทีมันเป็นพลุกระดาษเล็กๆสำหรับงานปาร์ตี้ คนยิงคือเด้กวัยรุ่นสามคนผู้ชายสอง ผู้หญิงหนึ่ง พวกเขาดูร่าเริงกันมาก
"ยินดีต้อนรับสมาชิกคนที่ห้า"คนพูดเป็นผู้หญิงผมยาวสีแดงทับทิมเหมือนดวงตาใบหน้าแบบคนเอเชีย สูงกว่าผมสักสิบเซ็นต์เธออยู่ในชุดนอนสีชมพูลายดอกไม้
"เดินทางเหนื่อยมากไหม"คนถัดมาเป็นผู้ชายมีผมสีน้ำตาลตาสีเข้ม หน้าตาขาวสะอาดสูงประมาณไหล่ของกิตติเขาสวมเสื้อยืดสีฟ้ากับกางเกงยีนส์โดยมีดาบสีดำเหน็บอยู่ข้างเอวผมรู้สึกเหมือนมันขยับได้ตอนจ้องมัน
"หวาเด็กจังแหะ"คนที่กำลังว่าผมเป็นเด็กอยู่นี้ มีผมสีดำดวงตาสีฟ้าใสหน้าตาแบบลูกครึ่งเข้าเตี้ยกว่าคนที่สองเล็กน้อยแต่มีรูปร่างที่แข็งแรงแบบนักกีฬา
"โซน่าอย่าว่าเขาสิ"กิตติดุคนผมดำแต่เขาก็ไม่มีทีท่าจะฟังเลย
"ใช่มาว่าเด็กน่ารักแบบนี้ได้ยังไง"ผู้หญิงผมแดงผสมโรงดุด้วยอีกคน
"ยูมิก็ว่าเขาเด็กเหมือนกันแหละ" คนผมน้ำตาลแย้งกลับมา
"แล้วซีลคุงคิดว่าไงละ"คนผมแดงถามย้อนกลับมา
พวกเขาถกเถียงเรื่องขอผมกันสักพักกิตติจึงบอกให้เข้าไปข้างในก่อนค่อยคุยต่อพวกเขาจึงรีบดึงผมเข้าไปภายในบ้าน
จบบท
ความคิดเห็น