คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 (2)
Then I think about summer, all the beautiful times
…
I watched you laughing from the passenger side
And realized I loved you in the fall
แสงสีทองของรุ่งอรุณเริ่มไล่มาที่ปลายขอบฟ้า
สุซาคุตื่นขึ้นตั้งแต่ชั่วโมงก่อน เขาชินกับการนอนดึกตื่นเร็วตั้งแต่เข้าร่วมกองทหาร แม้ว่าความรู้สึกที่ตื่นมาในห้องของคนอื่นออกจะแปลกประหลาดเล็กน้อยก็ตาม และตอนนี้เขาแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยและกำลังนั่งรออยู่บนโต๊ะกินข้าวโดยมีเด็กหนุ่มอีกคนนั่งอยู่ตรงข้ามคอยมองเขาอย่างเย็นชา บรรยากาศรอบตัวควรจะเปล่งรังสีมาคุถ้าไม่ใช่ว่าเด็กคนนั้นยังใส่ชุดนอนสีชมพูอ่อนอยู่
“หัวเราะอะไร” โรโล่ตวาดใส่อีกฝ่ายอย่างหงุดหงิด
“นายไม่ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อหน่อยล่ะ”
“จะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน” โรโล่ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ในสายตาของสุซาคุมันเหมือนลูกแมวกำลังขู่ฟ่ออย่างไรอย่างนั้น
โรโล่ยิ่งอารมณ์เสียเข้าไปใหญ่เมื่อสุซาคุยิ้มกว้างมองเสื้อของเขา
ชุดนี้ลูลูชเป็นคนเย็บให้เลยนะ!!
ก่อนที่โรโล่จะบอกไปอย่างนั้น ลูลูชก็ก้าวเข้ามาในห้องด้วยท่าทางแจ่มใสไม่เหมือนคนเพิ่งตื่นนอน เขาสวมเสื้อสีน้ำเงินเข้มไร้แขนเผยให้เห็นท่อนแขนขาวเนียนและกางเกงขายาวที่ปิดเท้าทำให้ลูลูชดูสูงขึ้นกว่าปกติ บนไหล่นั้นมีผ้าขนหนูสีขาวพาดอยู่
ลูลูชมองคนทั้งสองก่อนจะยิ้มเอ่ยทัก ... เพียงคนเดียว
“ตื่นเช้าดีนะ สุซาคุ”
โรโล่สูดหายใจเสียงดังก่อนจะลุกขึ้นเดินผ่านลูลูชไป
ผู้เป็นพี่ชายมองตามอย่างสงสัยก่อนจะหันกลับมาถามอย่างงุนงง
“ฉันทำอะไรผิดหรอ”
สุซาคุส่ายหน้าเบาๆ แล้วมองลูลูชที่เดินเข้าห้องครัวไป
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้สุซาคุเดินไปเปิด คนที่มาไม่ใช่ใครแต่เป็นเด็กสาวผู้มีเส้นผมสีส้มที่มักจะปรากฏตัวพร้อมกับรอยยิ้มดวงตะวัน
“เชอร์ลี่ ...”
“ลูลู่ยังไม่ตื่นหรอ ฉันโทรไปแล้วปิดเครื่อง”
สุซาคุยิ้มเล็กน้อยแล้วเชิญให้เด็กสาวเข้ามาข้างในก่อน ทันทีที่นั่งลงเชอร์ลี่ก็เอ่ยปากพูดเรื่องสำคัญสาเหตุที่เธอรีบมา
“คือฉันจะบอกว่าประธานยกเลิกงานวันนี้เพราะว่ามีนัดน่ะจ้ะ”
สุซาคุประเมินคำพูดที่ได้ยินอยู่ในใจ ในตอนนั้นเองลูลูชก้าวเข้ามาในห้องแล้วพูดว่า “งั้นพวกเราก็ไปเที่ยวกันเองแล้วกัน”
“เอ๋ … ?”
...
ในเมืองตอนเช้านั้นผู้คนยังไม่คับคั่ง เชอร์ลี่เดินนำหน้าโดยมีลูลูชและสุซาคุเดินคู่กันตามหลัง เด็กสาวเดินผ่านร้านโน้นร้านนี้พร้อมกับชี้ของโชว์หน้ากระจกอย่างตื่นเต้น เธอคอยหันมาถามเด็กหนุ่มทั้งสองว่าอันนี้เป็นไงบ้าง แล้วอันนี้ล่ะ ซึ่งทั้งสองก็ตอบอย่างเออออ
เมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนเริ่มหนาแน่นขึ้นทำให้ทั้งสามตัดสินใจนั่งพัก
เชอร์ลี่ที่ดูดน้ำอยู่เงยหน้าขึ้นแล้วชี้ขึ้นไป
“นั่งกระเช้ากันเถอะ ฉันยังไม่เคยนั่งเลย”
เธอเอ่ยชวนอย่างเริงร่า
สุซาคุพยักหน้ารับ ส่วนลูลูชก้มหน้าลงดูดน้ำในแก้มตัวเองไม่ตอบไม่กล่าว
“ลูลู่ไม่อยากไปเหรอ” เชอร์ลี่เอ่ยเสียงอ่อย
“เปล่าสักหน่อย ตามใจเธอสิ” ลูลูชปฏิเสธอย่างไม่ใส่ใจ
ลูลูชมองตามมือของเชอร์ลี่ที่ชี้ไปที่กระเช้าลอยฟ้า มันทำให้เขานึกถึงคราวก่อนที่เขามาที่นี่
ลูลูชมองกระเช้าที่เคลื่อนที่ไปจนสุดสายตาอย่างเย็นชา
...
เขาเคยมาที่นี่กับเชอร์ลี่
เขาเคยนั่งบนกระเช้านั้นกับเชอร์ลี่
…
เขาเคยพรากรอยยิ้มนั้นไปจากเชอร์ลี่
เขาเคยพรากความทรงจำนั้นไปจากเชอร์ลี่
..
เขาอาจจะเป็นคนที่เชอร์ลี่ไม่อยากอยู่ด้วยมากที่สุดก็เป็นได้ เพียงแค่เธอจำเรื่องพวกนี้ไม่ได้เท่านั้นเอง
…
กระเช้าออกจากสถานีต้นทางซึ่งตัวกระเช้าที่สั่นสะเทือนเป็นจังหวะๆ ทำให้เชอร์ลี่อดที่จะสะดุ้งตกใจไม่ได้ เธอจับแขนเสื้อคนข้างๆ ซึ่งก็คือลูลูช ไว้แน่น เมื่อกระเช้าเคลื่อนที่ได้สักพักมันถึงจะเป็นการเดินทางไปอย่างราบรื่น แต่ถึงอย่างนั้นเชอร์ลี่ก็อดที่จะบ่นไม่ได้
ลูลูชหัวเราะเล็กน้อย เขาโยกหัวเชอร์ลี่เบาๆ แล้วพูดอย่างคุ้นเคยว่า
“ยัยบ๊อง”
เชอร์ลี่หันหน้ามาค้อนใส่ลูลูช เธอเพิ่งรู้ตัวว่ายังไม่ปล่อยมือออกจากแขนของอีกฝ่ายจึงแก้เก้อด้วยการหันหน้าออกไปมองทิวทัศน์ข้างนอกต่อ
“ว้าว ดูนั่นสิ น่ารักจัง”
เชอร์ลี่เขย่าตัวลูลูชแรงๆ ด้วยความชอบอกชอบใจ แต่แรงนั้นก็ทำให้กระเช้าลอยฟ้าสั่นสะเทือน โยกไปโยกมาเช่นกัน
ครั้งนี้แม้แต่ลูลูชเองยังหน้าถอดสี
เชอร์ลี่กอดแขนลูลูชไว้อีกครั้ง เธอหลับตาแน่นและเริ่มสวดภาวนา
“คุณพ่อคุณแม่ช่วยหนูด้วย ... “
แล้วมืออุ่นก็วางบนหัวของเธออีกครั้ง เชอร์ลี่เงยหน้าขึ้นจึงพบกับลูลูชที่มองเธออย่างเยาะเย้ยล้อเลียน
“ลูลู่!”
เชอร์ลี่ปัดมือของเด็กหนุ่มออกแล้วกอดอกหันหน้าไปทางอื่น ท่าทางนั้นทำให้ลูลูชระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
...
สุซาคุที่นั่งตรงข้ามกับคนทั้งสองก็มองออกไปข้างนอกหน้าต่างเช่นกัน จนกระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะของลูลูชจึงหันหลับมา
สุซาคุจ้องลูลูชไม่วางตา เสียงหัวเราะของลูลูชนั้นไร้เดียงสา ... ไร้เดียงสาเหมือนกับตอนที่ยังเป็นเด็ก
ทุกครั้งที่อยู่ใกล้ลูลูช ความทรงจำในวัยเด็กมักจะไหลเข้ามาในหัว อาจเป็นเพราะพวกเขาต้องจากกันทั้งที่เพิ่งจะเป็น ’เพื่อน’ กันก็ได้
เจ็ดปีก่อน ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายชุลมุนและอลหม่าน เด็กชายผู้มีท่าทีหยิ่งยโสปรากฏตัวต่อหน้าเขา บนหลังคือด็กหญิงตัวน้อยที่มีสีหน้ากังวล ไม่ว่าเรื่องตอนนั้นจะเลวร้ายเพียงใด แต่แล้วความสงบสุขก็มาเยือนในที่สุด
วันไหนกันนะที่เขาได้ยินเสียงหัวเราะแบบนั้น
วันที่เขาได้เห็นลูลูชหัวเราะอย่างสบายใจเป็นครั้งแรก
มุมปากของสุซาคุยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ
คงเป็นวันที่ฤดูกาลใหม่มาถึง วันที่ใบไม้กลายเป็นสีส้ม ค่อยๆ ร่วงลงมาจากกิ่งก้าน เหมือนกับความเศร้าที่หลุดลอยออกมา ... และวันนั้น เป็นวันที่เขาสัญญากับตัวเองว่าจะดูแลและปกป้องเด็กคนนี้ไว้ให้ได้
เขาเคยสัญญาไว้แล้วไม่ใช่หรอ ?
...
นัยน์ตาสีมรกตฉายแววปวดร้าวออกมา สุซาคุส่ายหน้าสะบัดความคิดนั้นออกจากหัว ความรู้สึกทรมานแล่นไปทั่วร่างกาย ทั้งอึดอัดและหายใจไม่ออก
...
ไม่มีฤดูใบไม้ร่วงแบบนั้นอีกแล้ว
...
จะมีก็แต่ฤดูหนาวที่มาเยือน
…
บนที่นั่งอีกฝั่งหนึ่ง ลูลูชและเชอร์ลี่ไม่สังเกตเห็นท่าทีของสุซาคุ คนทั้งสองยังคงหัวร่อต่อกระซิกกันอยู่ ... จนกระทั่งเด็กสาวหยุดนิ่งแล้วเห็นอะไรบางอย่าง
เชอร์ลี่ขมวดคิ้วให้ลูลูช อดประหลาดใจไม่ได้ว่าทำไมสายตาของลูลูชที่มองเธอนั้นมีความโศกเศร้าและความโหยหาอยู่มากมาย และแม้แต่ลูลูชเองก็คงไม่รู้ตัว
ทั้งๆ ที่กำลังยิ้มอยู่แท้ๆ
“ลูลู่”
“หืม”
เชอร์ลี่สัมผัสแก้มของคนตรงหน้าด้วยมือทั้งสองข้างแล้วพลิกให้ใบหน้านั้นหันมามองตรงกับเธอ น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นเต็มไปด้วยความจริงจัง
“ฉันนั่งอยู่ตรงนี้นะ”
ลูลูชมองตอบด้วยใบหน้านิ่ง เกือบเหมือนกำลังเหม่อลอย
“... นั่นสินะ”
คำตอบรับเหมือนก็เหมือนจะเป็นคำพูดลอยๆ มากกว่า แต่เชอร์ลี่คลี่ยิ้มแล้วก็ปล่อยมือออก แล้วเธอก็ต้องค้างนิ่งเมื่อใบหน้าของลูลูชเคลื่อนเข้ามาใกล้ ... ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่น
...
“นี่ลูลูช ฉันก็นั่งอยู่ตรงนี้นะ”
สุซาคุพลันขัดขึ้นเรียกให้คนทั้งสองรู้สึกตัว เขาเหล่ตามองไปทางอื่นแต่บนใบหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ เชอร์ลี่หันมาด้วยใบหน้าแดงก่ำอย่างไม่แพ้กันแล้วโบกมือปฏิเสธ
“เปล่านะ ไม่ได้จะทำอะไรทั้งนั้นนะจ๊ะ”
ยิ่งพูดเหมือนคนทั้งสองจะยิ่งเกิดอาการเขินอาย ไม่มีใครกล้าสบตากับใคร ยกเว้นอีกหนึ่งคนสร้างเรื่องที่หันหน้าไปทางอื่นพร้อมกับเอามือปิดปากแน่น
แล้วทั้งกระเช้าก็เงียบกริบ ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีก
And then the cold came, the dark days
When fear crept into my mind
…
You gave me all your love and all I gave you was goodbye
ลูลูชก้าวออกมาจากกระเช้าเป็นคนที่สองแล้วตามมาด้วยสุซาคุซึ่งออกมาเป็นคนสุดท้าย
“ก็ใกล้จะสิ้นปีแล้วนี่นา”
ลูลูชเหลียวไปมองผู้พูด ก่อนที่เขาจะเอ่ยออกมาบ้าง นัยน์ตาสีม่วงราบเรียบไม่ฉายอารมณ์ใดๆ เมื่อสุซาคุหันมามองเขาก็ดึงสายตากลับมา
“ก็แค่ ... เป็นการสิ้นสุดของอะไรสักอย่าง”
สุซาคุหันไปทางลูลูชที่ยักใหล่เหมือนไม่ใส่ใจ เขาพยักหน้าเอ่ยเสียงเบาเหมือนพูดกับตนเอง
“... ใช่”
เชอร์ลี่ที่เสยผมที่ถูกลมตีพัดของตัวเอง เธอหันกลับมามองเด็กหนุ่มทั้งสองอย่างงุนงงเล็กน้อย
“พวกเธอทั้งคู่เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็กๆ เลยรึเปล่า”
“หืม แบบไหนหรอ” ลูลูชถามกลับอย่างสงสัย
“ก็แบบ จะว่าไงดีล่ะ ลูลู่เป็นพวกสันโดษบางทีก็เย็นชา ส่วนสุซาคุคุงเป็นพวกร่าเริงสดใสแต่ก็จริงจัง ดูไม่เหมือนจะเข้ากันได้สักนิด ... แต่ก็ยอมรับและเข้าใจในตัวอีกฝ่าย ประมาณนี้มั้ง”เชอร์ลี่เหลือบตาขึ้นอย่างครุ่นคิดก่อนตอบ
ลูลูชถอนหายใจ “เชอร์ลี่ ไม่มีใครที่จะรู้จักตัวเองดีไปกว่าตัวเองหรอกนะ”
ทันทีที่พูดจบ เชอร์ลี่เถียงขึ้นมาทำให้เขาต้องมองดูเธออย่างประหลาดใจ
“ฉันน่ะ ... รู้จักลูลู่ดี ดีกว่าที่เธอรู้จักตัวเองอีกนะ ... ในบางมุมน่ะ”
เชอร์ลี่ก้มหน้าลงเพื่อซ่อนแก้มที่ร้อนผ่าวขึ้นมา เธอรู้สึกว่าคำพูดของเธอฟังดูคุกคามมากเกินไป แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นจึงเห็นว่าลูลูชกำลังยิ้มให้ และในดวงตาของเขา ... มีไม่กี่ครั้งที่เธอรู้สึกว่าดวงตาคู่นั้นกำลังสะท้อนเพียงภาพของเธออยู่จริงๆ
ลูลูชลูบหัวเธอเบาๆ
“ขอบใจนะ”
“จ้ะ!”
…
น้ำเสียงอ่อนโยน รอยยิ้มนี่ก็อ่อนโยน
...
แต่ทำไมเธอถึงดูเศร้านักล่ะ
...
ความเงียบโรยตัวขึ้นอย่างไม่มีใครสังเกต ลูลูชพิงตัวกับราวกำแพงที่กั้นแล้วทอดมองตึกที่ตั้งตระหง่านเบื้องล่าง ในขณะที่สุซาคุนิ่งเงียบเหม่อมองออกไปอย่างไม่มีจุดหมาย เชอร์ลี่ที่เห็นดังนั้นก็ก้าวไปยืนคู่กับลูลูชโดยที่ไม่พูดอะไรปล่อยให้สายลมเย็นพัดปะทะใบหน้าตลอดเวลา
บรรยากาศล่องลอยพาคนทั้งสามจมลงสู่ห้วงความคิดของตนเอง
...
หนึ่ง เด็กสาวที่แอบมองคนข้างๆ
...
ฉันชอบเธอนะ
ฉันอยากให้เธอเล่าเรื่องที่เธอคิดอยู่ให้ฉันฟังบ้าง แบ่งความทุกข์ที่เธอเก็บอยู่มาให้ฉัน
เธอกำลังปิดบังอะไรไว้กันนะ?
แต่ถึงฉันจะอยากรู้มากเท่าไร ถ้ามันทำให้เธอสบายใจขึ้น เธอจะซ่อนมันไว้จากฉันไปตลอดเลยก็ได้
...
…
หนึ่ง เด็กหนุ่มผู้หลีกหนีจากทุกสิ่งทุกอย่าง … ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเรื่องโกหก
ใต้เปลือกตาที่ปิดสนิทมีเพียงภาพของเด็กสาวผู้เป็นที่รักเพียงหนึ่งเดียว ... เรื่องจริงเพียงหนึ่งเดียว
...
นันนาลี่
...
...
และอีกหนึ่ง เด็กหนุ่มที่อยู่ในห้วงคำนึงในอดีต
...
‘ ตัวตนของนายคือความผิดพลาด! ‘
‘ สุซาคุ! ’
เหตุการณ์เมื่อหนึ่งปีก่อน ในตอนนั้นลูลูชที่แม้จะเร่งนีบแต่ก็ยังใจเย็นอยู่กลับขาดสติทันทีที่เขาพูดประโยคนั้นออกไป แล้วที่เขาได้เห็นก็คือใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยโทสะ ... ลูลูชโกรธจัดอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
...
แล้วเขาก็คิดถึงก่อนหน้านี้ที่ซีโร่มาช่วยและชวนให้เขาเข้าร่วมภาคีอัศวินดำ
มือข้างนั้นถูกหยิบยื่นให้หลายต่อหลายครั้ง แล้วเขาก็พร่ำปฏิเสธมาโดยตลอด
...
ไม่ว่าซีโร่จะเป็นศัตรูกับเขา แต่ก็ไม่เคยคิดจะกำจัดแม้แต่น้อย
ฉันตั้งคำถามว่าทำไม สงสัยมาโดยตลอด
…
นั่นเป็นเพราะนายยอมรับตัวตนของฉันรึเปล่า ลูลูช
...
เด็กหนุ่มหลับตาลง ทุกครั้งที่คิดเรื่องนี้เขารู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน
...
...
ลมหนาวพัดอีกวูบหนึ่งสั่นคลอนจิตใจของคนที่ยืนอยู่ให้สั่นไหว
สุซาคุหันไปมองแผ่นหลังของลูลูช คำพูดเมื่อสักครู่ไหลย้อนกลับมาอีกครั้ง
‘ ก็แค่การสิ้นสุดของอะไรสักอย่าง ‘
...
หลังจากตอนนั้นฉันก็มองนายเป็นซีโร่ แม้กระทั่งตอนนี้
ทำไมกันนะ ... นายที่ยิ้มอยู่ก็ยังดูเหมือนภาพลวงตา
...
คำตอบนั้นง่ายดาย
...
เพราะเขาปฏิเสธตัวตนของลูลูช
...
...
ถ้าเป็นแบบนั้น ในฐานะเพื่อนที่ยอมรับในตัวเขาแล้วล่ะก็ ...
ความอึดอัดพลุ่งพล่านไปทั่วร่าง สุซาคุหอบหายใจให้กับอาการที่อยู่ๆ ก็กำเริบขึ้นมา
เขาหายใจไม่ออก ... มันประดังเข้ามาไม่หยุดหย่อน
ความคิดเห็น