ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic LSK : Love me, Masochist boy

    ลำดับตอนที่ #3 : ไวเออร์และลูก้า

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ค. 55


    บทที่ 3 : ไวเออร์และลูก้า
                     เพียงได้เคียงข้างเทพอัศวินอาร์เทมิสผู้เปล่งราศีสูงส่งเสียยิ่งกว่าพระราชาตั้งแต่รุ่งอรุณถึงราตรีกาล  เด็กน้อยไวเออร์ก็ยอมถวายกายและใจเป็นลูกศิษย์ของเขาอย่างศิโรราบ  ดวงตาที่จับจ้องร่างสูงโปร่งของผู้เป็นอาจารย์ซึ่งแผ่ความทระนงตนออกมาโดยมิต้องแสดงอากัปกิริยาอื่นนั้นเปี่ยมด้วยความยกย่องถึงขั้นหลงใหล  ...  ยิ่งกว่าที่ผู้ถูกมองคิดว่าเด็กน้อยคนนี้จะใช้สายตาเดียวกันมองคนรักเสียด้วยซ้ำ

    “ลูกเอ๋ย  เจ้ามิควรมองผู้อื่นแบบนั้น  อย่างที่เจ้ารู้  มันเป็นการเสียมารยาท”

    “แต่ท่านอาจารย์ขอรับ  ท่านควรจะปลาบปลื้มที่ได้รับสายตาแห่งความนับถือจากผู้มีสิทธิชนชั้นเดียวกันนะขอรับ”  ไวเออร์มีสีหน้าตื่นตระหนกและรีบแก้คำของผู้กล่าวอย่างรวดเร็ว

    “ลูกเอ๋ย  ข้ารู้สึกเป็นเกียรติมาก  แต่...”

    “ท่านอาจารย์ขอรับ!  ท่านไม่จำเป็นต้องแสดงความซาบซึ้งถึงเช่นนั้น  ข้าต่างหากที่ต้องรู้สึกเป็นเกียรติที่สามารถส่งสัญลักษณ์สายตาอภิชนนี้ถึงท่านได้”

    “ลูกเอ๋ย  ข้าต้องการบอกว่า...”

    “ท่านอาจารย์ขอรับ!  ข้าเข้าใจว่าท่านต้องการพูดอะไร  ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ  ท่านไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองคำพูดพวกนั้นแม้แต่น้อย”

    “...”

    เทพอัศวินอาร์เทมิสมองศิษย์ของตนด้วยสายตานิ่งๆ  ในใจนั้นอับจนด้วยคำพูดที่จะใช้สอนเด็กคนนี้ด้วยลักษณะแบบคนปกติ  หลังจากไล่มองหัวจรดเท้าของเด็กคนนี้อีกครั้ง  เทพอัศวินอาร์เทมิสก็ถอนหายใจเบาๆแบบที่ถ้าไม่สังเกตก็จะไม่เห็น  ...  แต่ไม่ใช่กับไวเออร์

    เด็กชายใบหน้าบิดเบี้ยวเสียยิ่งกว่าครั้งถูกม้าพระราชทานถีบหลังซึ่งคิดว่าเจ็บปวดที่สุดในชีวิต  การมองไล่ตั้งแต่ปลายตีนขึ้นมาเหนือกระหม่อมโดยอาจารย์ผู้เหนือใครอื่นทั้งปวงนั้น  มันช่าง...  ช่าง...

    “ข้าขอตายเสียดีกว่า!!

    เด็กชายตะโกนลั่นกำปั้นแนบอกเหมือนตั้งปณิธาน  ว่าแล้วก็วิ่งอย่างสลัดภาพพจน์แบบที่ไม่คิดอะไรอีกแล้วไปที่รูปปั้นอัศวินสูงเกือบสามเมตรซึ่งมีดาบแหลมคมขนาดใหญ่กว่าปกติอยู่ในมือ  รวดเร็วจนแม้แต่เทพอัศวินอาร์เทมิสคว้าไว้ไม่ทัน  ยิ่งเมื่อเห็นรูปปั้นนั้นก็ถึงกับต้องตะโกนว่า  “รูปปั้นนั่น!  ไวเออร์  อย่า!!

    ตึงงงง !

    เหตุการณ์ฉายอย่ารวดเร็ว  --  เด็กน้อยกระโดดขึ้นไปดึงดาบออกมา  --  รูปปั้นเริ่มปริออกเป็นสองส่วน  --  เริ่มร้าวเป็นเศษๆ  --  และแหลกเป็นส่วนๆในที่สุด  ล่มลงมาเป็นเศษหินฟุ้งฝุ่นตลบ

    เทพอัศวินอาร์เทมิสรีบถลาเข้าไปหาลูกศิษย์ตนซึ่งยืนอยู่หน้าฐานรูปปั้นสภาพช็อคนิ่งแล้วรีบฉุดออกมาก่อนที่หินยักษ์ซึ่งเป็นส่วนหัวของรูปปั้นจะร่วงลงมาพอดี

    “ข้า...  ข้า...  ข้า...”

    “ไม่เป็นไร  เจ้าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น  จงไปทำความสะอาดร่างกายเสีย”

    “ข้า...  ขอรับ”

    ไวเออร์หันหลังกลับออกเดินเหมือนหุ่นชักใย  ปากยังคงพึมพำว่า  ข้า...  ข้า...  ไม่หยุด

    เทพอัศวินอาร์เทมิสมองตามด้วยความเป็นห่วง  เขาควรจะอยู่กับลูกศิษย์ของตนอย่างใกล้ชิดสินะ  คิดแล้วก็ก้าวตามโดยที่เหลือบกลับไปมองซากอดีตความงามที่เป็นเศษๆอยู่ที่พื้นแล้วทิ้งท้ายคำอาลัยไว้ว่า

    “น่าสงสาร  เทพอัศวินครีอุสอุตส่าห์ใช้กาวต่อตั้งนาน”

    เทพอัศวินอาร์เทมิสรุ่นที่สามสิบเจ็ดรู้สึกเวียนเกล้าอย่างที่สิบปีจะมีครั้ง  เรื่องรูปปั้นที่กลับเป็นอย่างเดิมได้ยาก  เรื่องที่วุ่นวายในบ้านเมืองขณะนี้  และโดยเฉพาะเรื่อง ว่าที่ตำแหน่งของเขา

    ไวเออร์  ข้าควรสอนเจ้าอย่างไรดีนะ ?

    อีกด้านหนึ่ง    ยอดวิหารเทพแห่งแสงสว่าง  สองผู้แต่งกายมิดชิดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าราวกับเกรงกลัวต่อรังสีของแสงอาทิตย์ที่รุนแรงที่สุดในรอบปี  ทั้งสองต่างค่อยๆปลดผ้าพันกายออกทีละชิ้น  ทีละชิ้น  ...  จนเหลือเพียงชั้นในส่วนบนเบาบางและชั้นล่างหนาแน่น  คนตัวเล็กกว่าเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงกว่าอย่างสงสัย

    “เอ่อ  ท่านอาจารย์  ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องทำเช่นนี้ด้วย”  ลูก้าหรี่ตาลงด้วยแสงทิ่มแทงตา

    “ในเมื่อเจ้ากำลังจะกลายเป็นเทพอัศวินแล้ว  แม้แต่แสงอันงดงามของเทพเจ้าแห่งแสงสว่างเจ้ายังรับไม่ได้ก็จงจากไปเสีย”  เทพอัศวินเอกอนรุ่นที่สามสิบเจ็ดทอดสายตามองลูกศิษย์ของตนด้วยแววตาเย็นชา

    “ข้าขอโทษ  ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว”  ลูก้าตอบเสียงสั่นเครือ  หลบสายตาของอีกฝ่าย

    “เจ้าพูดคำขอโทษมากจนข้ามิอยากฟัง”  เทพอัศวินเอกอนดึงสายตากลับมองลงไปเบื้องล่างที่ซึ่งเทพอัศวินมากมายกำลังเดินขวักไขว่  บางส่วนเริ่มชี้มาที่พวกเขา  ไม่สิ  เฉพาะลูก้าเท่านั้น

    แน่นอนว่าลูก้าเองก็เริ่มสังเกตเห็นเช่นกัน  หน้าที่แดงด้วยความร้อนอยู่แล้วยิ่งแดงจัดเข้าไปอีก  แถมแดงไปทั้งตัว

    “ท่านอาจารย์  ข้าสงสัยว่าทำไมเราต้องถอดเสื้อผ้าออกด้วยเล่า”

    “แล้วใส่กับถอดมันต่างกันตรงไหนเล่า”

    เทพอัศวินเอกอนยังคงกระแสความนิ่งในน้ำเสียง  ลูก้าที่ชะงักกับคำพูดนั้นก้มหน้าตอบเสียงแผ่ว

    “คือ  ข้าอายน่ะ”

    คำตอบกลับที่ราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆนั้นทำให้ลูก้าแทบร้องไห้ออกมา

    “จงไปซะ  วันนี้เจ้าไม่ได้เข้าใจการพลางตัวแม้แต่น้อย  เช่นนั้นจงไปฝึกใช้วาจาดุจเทพอัศวินเอกอนมาซะ  หากวันนี้ข้ายังไม่เห็นเจ้าเหมาะกับการเป็นเทพอัศวินผู้ทรงเกียรติอีกล่ะก็  ...  เจ้าคงเข้าใจ”

    แล้วท่านอาจารย์ก็หายตัวไปทันที

    . . .

    . . .

    ลูก้าน้ำตาปริ่มพร้อมกับคำพูดนั้น  เขาทำอะไรผิดหนอท่านอาจารย์จึงได้โกรธขนาดนั้น  แล้วเด็กน้อยจึงเริ่มเห็นว่าคนข้างล่างโบกมือทักทายเขาเต็มไปหมด  โดยเฉพาะเด็กผู้มีเส้นผมสีทองคนหนึ่ง  ...  อายสุดๆ!

    เขาค่อยๆปีนหลังคาวิหารลงมาอย่างน่ากลัวจะพลาด  กลั้นใจแล้วกระโดดลงสู่พื้นดิน  คนรอบข้างต่างจ้องมองเขาอย่างประหลาดใจ

    เขาลืมอะไรบางอย่างไป

    เขาลืม 

    ใส่เสื้อผ้า

    ลูก้าหน้าตายยิ่งกว่ามะเขือเทศพร้อมกับวิ่งกระโดดข้ามกำแพงไปเรื่อยๆราวกับนักกระโดดข้ามรั้ว  ในใจแทบลืมทุกสิ่ง  หากคำสั่งของเทพอัศวินเอกอนผู้เป็นอาจารย์นั้นยังสถิตอยู่ในหัว ใช้วาจาดุจเทพอัศวินเอกอน

    แล้วเขาจะทำได้หรือ?  ยากเหลือเกิน

     -ตัดมาอีกครั้งที่ทางเดินสักที่ในวิหารเทพแห่งแสงสว่าง-
     

    “ยิ่งเจ้าสามารถเชิดหน้าให้สูงได้เท่าไหร่ เจ้าจะเหนือกว่าชาวบ้านสามัญธรรมดาเท่านั้น!

    “ขอรับ ท่านอาจารย์” ข้าตอบพลางเชิดคางขึ้น

    “ยิ่งเจ้าสามารถเหยียดตามองให้ต่ำได้เท่าไหร่ เจ้าจะสูงส่งกว่าชาวบ้านสามัญธรรมดาเท่านั้น!

    “ขอรับ ท่านอาจารย์” ข้าตอบพลางเหลือบตาลง

    “หากเจ้าอยากให้ผู้อื่นเคารพนับถือ จงนับพวกนั้นเป็นหนอนแมลงไร้ค่าซะ!!

    ... หนอนแมลงไร้ค่า ... หนอนแมลงไร้ค่า ... หนอนแมลงไร้ค่า!

    “ขอรับ!” ข้ายัดข้อมูลที่ได้เข้าไปในสมองส่วนที่ลึกที่สุด

    . . .

    . . .

     ขณะที่ว่าที่เทพอัศวินอาร์เทมิสทบทวนคำพูดจากบทเรียนของท่านอาจารย์ของตนในใจ เสียงขัดจังหวะจากคนที่เดินมาอยู่ข้างหลังเขาเมื่อไหร่ไม่รู้ดังขึ้น เขาจึงต้องหันไปเหลือบมอง ... รู้สึกจะเป็นว่าที่เทพอัศวินสักคน

    “เจ้า ... เจ้ายืนได้ไม่ถูกที่เป็นยิ่งนัก! ช่าง ... ช่างเป็นผู้ที่มีเสน่ห์จนประดับทางเดินได้”

    เจ้าหนอนแมลงตัวนี้กำลังพูดเรื่องอะไร ?

    ลูก้าพยายามทำหน้าเคร่งเครียดขึ้นแต่แอบลอบดีใจเพราะนึกว่าตนทำปากเสียใส่เด็กชายตรงหน้าได้สำเร็จ ข้าด่าเขาว่าเกะกะขวางทางเหมือนเสาประดับ เขาจึงอารมณ์เสียสินะ

    ไวเออร์เชิดหน้าสูงขึ้นกว่าเดิมแล้วพยายามเหยียดตาลงให้สุด รอดูปฏิกิริยาตอบสนองของอีกฝ่าย ...  เจ้านี่ ถึงจะดูไม่พอใจแต่ในดวงตาเป็นประกายปิติยินดี ... หึ คงกำลังชื่นชมข้าอยู่ในใจล่ะสิ

    “ถึงข้าจะยืนอยู่ตรงนี้ คง ... คงไม่อาจเทียบเสน่ห์นิ่งๆของเจ้าได้”

    ลูก้าเฟ้นสมองอย่างหนักเพื่อสรรหาคำพูดที่ทำให้ประโยคข้าไม่อยากยืนเป็นเสาคู่กับเจ้าหรอกนะดูร้ายกาจขึ้นในความคิดของตน สุดท้ายจึงค่อยเดินผ่านไปเหมือนไม่สนใจ ... ในขณะที่ไวเออร์ยังพยายามเชิดคางให้สูงขึ้นอีกจนไม่ได้มองคนที่จากไปจากตรงนั้นแล้ว 

    หลังจากนั้นไม่กี่นาทีที่ไวเออร์หักคอตนเองจนเกือบถึง180 องศาแล้ว เขาก็ค่อยกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง  และเมื่อเขาไม่เห็นเทพอัศวินฝึกหัดอีกคน  เขาก็ต้องขมวดคิ้วและสบถในใจว่า ไร้มารยาท!  แต่เดี๋ยวก่อน

    ถึงข้าจะยืนอยู่ตรงนี้ คง ... คงไม่อาจเทียบเสน่ห์นิ่งๆของเจ้าได้

    ไวเออร์นึกถึงคำพูดเมื่อสักครู่ของว่าที่เทพอัศวินอีกคน ... นั่นคงเป็นการกล่าวอำลาแบบเคารพของเด็กคนนั้นสินะ

    หึหึหึหึหึ ๆๆๆๆๆ”

    ว่าที่เทพอัศวินอาร์เทมิสหารู้ไม่ว่าเสียงหัวเราะของตนดังข้ามกำแพงซึ่งมีว่าที่เทพอัศวินเอกอนที่เพิ่งปีนลงมาได้ยืนอยู่  ...  แน่นอนว่าสำหรับคนที่เพิ่งได้รับการสั่งสอนมาจากอาจารย์ของตนหมาดๆย่อมอยู่ในอารมณ์เดียวกัน

     ลูก้านึกถึงใบหน้าเมื่อสักครู่ของว่าที่เทพอัศวินอีกคนและคิดขึ้นมาได้ว่า ... เด็กคนนั้นหัวเราะแปลกๆแบบนี้ คงเพราะแค้นใจข้าจนเป็นบ้าล่ะสิ

    “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ๆๆๆๆๆ”

    ทั้งสองหัวเราะออกมาอย่างปลาบปลื้มเมื่อรู้สึกประสบความสำเร็จในการฝึกภาคปฏิบัติของตน  โดยไม่รู้ว่าความจริงแล้วนั้น  มันเป็นเพียงความเข้าใจผิดๆที่เกิดจากการคิดไปเองเท่านั้น  ...   อย่างไรก็ตาม  การกระทำทั้งหมดล้วนอยู่ในสายตาของเทพอัศวินครีอุสและเทพอัศวินผู้เป็นอาจารย์ของทั้งสองที่แอบซุ่มดูอยู่  ---  ซึ่งในขณะนี้  มือกุมท้อง  กอดคอกันหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและไร้เสียงในความไร้เดียงสาของลูกศิษย์ตน

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ สักวันหลังEntเสร็จจะมาRewrite (TT) 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×