คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 (1)
CHAPTER 2
These days, I haven’t been sleeping
Staying up, playing back myself leaving
. . .
When your birthday passed, and I didn’t call
หลายวันที่ผ่านมานี้ เด็กหนุ่มผู้เป็นอัศวินของบริททาเนียแล้วยังควบตำแหน่งนักเรียนของแอชฟอร์ดต้องตื่นเช้ามาเรียนทุกวันแต่ก็ต้องกลับไปทำงานที่ฐานทัพตอนเย็นทุกคืนเช่นกัน แม้เจ้าตัวจะยืนยันว่าตนไม่เหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย ทว่าคนรอบข้างต่างส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
และนี่ก็เป็นเช้าอีกหนึ่งวัน ...
“เดี๋ยวสิ สุซาคุ! เธอยังไม่ได้กินข้าวเลยนะ” เซซิลคว้าคนที่กำลังวิ่งผ่านหน้าไป
สุซาคุที่เซเล็กน้อยหันกลับมาหัวเราะแหะๆ พร้อมกับเกาหัว แม้นัยน์ตาสีมรกตนั้นจะกระจ่างใสแต่ใต้ตาของเขาเริ่มคล้ำเล็กน้อยจากการที่อดหลับอดนอนมาหลายวัน
“ขอโทษฮะ ผมต้องรีบไปแล้วเดี๋ยวไม่ทันคาบแรก” ว่าแล้วก็วิ่งออกไปทันทีปล่อยให้เซซิลยืนบ่นอยู่คนเดียว หลังจากนั้นไม่นานท่านเอิร์ลลอยด์ก็เดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางสบายๆ เขาพูดขึ้นพร้อมกับบิดขี้เกียจ “ไฟแรงกันจริงๆ”
“อ๊ะ ลองชิมหน่อยมั๊ยคะ ฉันทำให้สุซาคุคุงแต่เขาไม่ได้กินเลย”
เซซิลยื่นจานที่อยู่ในมือไปตรงหน้าโดยไม่สังเกตว่าใต้กรอบแว่นทรงกลมนั้นมีความขยาดปนหวาดผวาสะท้อนอยู่ มือที่ยกขึ้นมาเพื่อจะจับช้อน เป็นอันชะงักเมื่อเห็นว่าใต้ของเหลวสีประหลาดที่เหมือนซอสราดนั้นเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังขยับอยู่ ลอยด์เปลี่ยนเป็นยกมือขึ้นปฏิเสธแทน
“ขอผ่านดีกว่า”
เซซิลถอนหายใจและพูดอย่างเสียดายกับตัวเอง “มื้อเช้าวันที่สิบ วันนี้ก็ต้องทิ้งอีกแล้วเหรอเนี่ย แย่จัง”
เมื่อลอยด์ได้ยินดังนั้นเขาก็อ้าปากเหมือนจะส่งเสียงร้องว่า ‘อ้อ’ แล้วยังทุบมือตัวเองเป็นเชิงว่าเข้าใจแล้ว “เพราะงั้นสุซาคุถึงยังไปไหนมาไหนปกติได้สินะ”
“พูดว่าอะไรนะคะ”
“เปล่าจ้า”
...
สุซาคุที่รีบวิ่งเข้าห้องเรียนกลับต้องประหลาดใจเมื่อในห้องนั้นไม่มีใครอยู่เลย เมื่อเขาออกมาเดินดูตามระเบียงจึงพบว่าไม่ใช่แค่ในห้องแต่ทั้งโรงเรียนที่ไม่มีใครอยู่เลย เขาเกาหัวตัวเองเบาๆ สงสัยเขาจะรีบมากไปหน่อยจึงไม่ทันได้สังเกตระหว่างทาง แล้วคนอื่นหายไปไหนกันล่ะ
แล้วเงาของใครคนหนึ่งก็ผ่านหลังเขาไป
“นั่นใครน่ะ”
มีเพียงความเงียบที่เป็นคำตอบ สุซาคุรู้สึกแปลกใจจึงเดินตามไปแต่ก็ไม่พบใคร แล้วเงาสีทำที่ทอดยาวก็ผ่านเขาไปอีกครั้งจากข้างหลัง เขาตัดสินใจวิ่งตามทันทีแต่ผลเป็นเช่นเดิม เขาไม่เจอใครทั้งนั้น
“ใครน่ะ” เขาตะโกนถามอีกครั้ง ... แต่ก็มีเพียงความว่างเปล่า
แต่แล้วก็มีเสียงร้องเบาๆ แม้จะเบามากแต่ก็ก้องอยู่ในหูของสุซาคุ
“ใครกัน”
สุซาคุเดินตามหาเสียงนั้นจนกลับมาอยู่หน้าห้องเรียนตนเองอีกครั้ง อยู่ๆ เขาก็รู้สึกหายใจไม่ออกขึ้นมา เสียงร้องนั้นชัดเจนขึ้น ... ใครบางคนกำลังร้องไห้
สุซาคุเปิดประตูออกแล้วก็ต้องพบกับคนที่ทำให้เขารู้สึกหมดแรง
ลูลูชผู้อยู่ในชุดของซีโร่แต่ไม่ได้สวมหน้ากากสีดำไว้ ในมือของลูลูชมีปืนที่กำลังหันกระบอกมาทางเขาอยู่ เขาเอ่ยเสียงเรียบติดจะเย็นชาก่อนจะยิงว่า
“ฉันไม่มีวันยกโทษให้นาย”
ปัง!
…
สุซาคุสะดุ้งสุดตัว เขาหายใจหอบถี่ก่อนที่จะมองไปรอบๆ ทั้งที่ยังเบลอๆ อยู่
“ตื่นแล้วหรอ คุรุรุกิ สุซาคุ” เป็นเสียงของอาจารย์ที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน แต่นั่นก็เรียกสติของคนเพิ่งตื่นได้เป็นอย่างดี
... เป็นแค่ฝัน
สุซาคุถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่วินาทีต่อมาเขาก็หันไปทางที่นั่งของลูลูช สีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้นทันทีเมื่อพบว่านั่นเป็นที่นั่งเปล่า เจ้าของของมันหายไปไหน?
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจนคนทั้งห้องหันมามองสุซาคุอีกครั้ง เขาก้มหัวป็นเชิงขอโทษทุกคนแล้วจึงมองดูสายที่โทรเข้า
... ลูลูช
เขากดรับทันที
“ฮัลโหล”
“สุซาคุ เลิกเรียนมาที่ห้องสภาด้วยนะ เป็นคำสั่งของประธาน”
“...”
“ได้ยินรึเปล่า”
“อื้อ นายอยู่ที่นั่นหรอ”
“ใช่ มีอะไร ...”
“แล้วเจอกัน”
สุซาคุตัดสายทิ้ง เขาไม่อยากคุยกับลูลูชนานกว่านี้หลังจากที่ฝันแบบนั้น นัยน์ตาสีเขียวปิดลงอย่างเหนื่อยอ่อน เขารู้สึกอ่อนล้าจนไม่มีจิตใจจะนั่งเรียนต่อ
รู้ตัวอีกที ก็ไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว
...
เมื่อสุซาคุเดินมาถึงหน้าห้องสภานักเรียน เขายิ้มแล้วอดที่จะนึกถึงวันแรกที่กลับมาไม่ได้ อย่างน้อยที่นี่ก็ยังมีคนที่คิดถึงเขาอยู่ แล้วเขาก็เปิดประตูเข้าไปข้างในอีกครั้งหนึ่ง
ที่อยู่ในห้องมีเพียงลูลูช โรโล่ และเชอร์ลี่เท่านั้น
สุซาคุมองรอบๆ ห้องอย่างงุนงง
“นั่งก่อนสิ” คนที่เขายังไม่อยากได้ยินเสียงกลับเป็นฝ่ายเอ่ยก่อน เขาก็ทำตามอย่างว่าง่าย แล้วเชอร์ลี่ก็นั่งลงข้างๆ ด้วยใบหน้าจริงจัง
“พรุ่งนี้ว่างมั๊ยจ๊ะ”
เมื่อเจอคำถามดังกล่าว สุซาคุลองคำนวณในใจก็ตอบกลับ
“น่าจะว่างนะ”
“ฉันบอกแล้วใช่มั๊ย พรุ่งนี้วันอาทิตย์นะ” เสียงดังกล่าวรบกวนจิตใจเขาเล็กน้อย เชอร์ลี่ค้อนใส่คนพูดแล้วหันกลับมาทางสุซาคุ
“ลูลู่นี่ ... พอดีเลย พรุ่งนี้เรากะจะไปเที่ยวกันน่ะ”
ลูลูชขัดขึ้นอีกครั้ง “ไปซื้อของจัดงานโรงเรียนต่างหาก”
“ก็นั่นแหละ ไปด้วยกันมั๊ยจ๊ะ” เชอร์ลี่ชวนด้วยท่าทางที่ปฏิเสธยาก ใบหน้าที่ยิ้มแย้มนั้นเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง
สุซาคุเหลือบไปมองลูลูช แวบหนึ่งนั้นมีความไม่ไว้ใจปรากฏอยู่ เขาหันกลับมาพยักหน้าตอบรับคำชวนของเชอร์ลี่ซึ่งทพให้เธอร้องออกมาว่าดีใจจัง
“พรุ่งนี้เจอกันหน้าโรงเรียนตอนหกโมงนะ”
“เช้าขนาดนั้นเลยหรอ”
“เอ๊ะ ไม่สะดวกสินะจ๊ะ” เชอร์ลี่ปั้นหน้ายุ่งขึ้นมาทันที เธอกำลังคิดว่าหรือจะไปเจอกันที่นั่นเลยดี แต่ลูลชก็เสนอทางออกขึ้นมาก่อน
“ทำไมนายไม่พักที่นี่เลยล่ะ”
สุซาคุได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ ตอบกลับด้วยท่าทีที่แตกต่างจากตอนที่คุยกับเชออร์ลี่
“เดี๋ยวนายจะลำบากใจน่ะสิ ลูลูช”
ลูลูชนิ่วหน้า เอ่ยเสียงเย็น
“ไม่เลยสักนิด”
พวกเขาสองคนมองกันด้วยใบหน้าเรียบเฉย ต่างฝ่ายต่างพยายามอ่านสีหน้าอีกฝ่าย แล้วเชอร์ลี่ที่มองโลกในแง่ดีก็กล่าวขึ้นมา
“นั่นสิ พวกเธอก็ไม่ได้คุยกันตั้งนานแล้ว อยู่ด้วยกันสักคืนก็ดีนะ”
คำกล่าวนี้เป็นดั่งคำตัดสิน สุซาคุและลูลูชหันไปพยักหน้าให้กับคำพูดนั้น เมื่อทุกอย่างเหมือนจะเรียบร้อยแล้ว โรโล่ที่เงียบไปนานตั้งแต่สุซาคุเข้ามาในห้องก็ขัดขึ้น
“ไม่ได้นะ คุณกำลังจะแทรกแซง”
ทุกคนหันไปมองโรโล่ สองในสามเข้าใจความหมายของคำพูดนั้นดี แต่ไม่ใช่กับอีกหนึ่งเด็กสาวผู้ยิ้มแย้ม
“แทรกแซงอะไรเหรอจ๊ะ”
โรโล่ยังไม่ทันจะเอ่ยตอบ ลูลูชก็ขัดขึ้นมา
“โรโล่ อย่าห่วงเลย คืนนี้ฉันจะไปนอนกับนายแล้วกัน”
“อ๋อ แทรกแซงพวกเธอพี่น้องนี่เอง โรโล่นี่หวงพี่ชายจริงน้า” เชอร์ลี่เป็นอันเข้าใจตามที่ลูลูชวางแผนไว้ เธออดที่จะส่งสายตาอิจฉาเล็กๆ ไปให้ลูลูชไม่ได้
ลูลูชที่เห็นสายตานั้นก็ยิ้มแล้วลูบหัวเชอร์ลี่เบาๆ “ยัยบ๊อง”
“งั้นฉันค้างที่นี่ได้สินะ” สุซาคุถามย้ำอีกครั้ง
“แน่นอน”
...
ตกค่ำ ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆยามกลางวันกลับไร้ร่องรอยของสิ่งปิดบัง รัตติกาลที่เคยมืดมิดในราตรีก่อนกลับสว่างไสวด้วยแสงจันทร์ เป็นค่ำคืนที่ให้ความรู้สึกสงบอย่างประหลาด
เด็กหนุ่มขยี้ผมสีน้ำตาลที่เปียกชื้นของตนเอง เขากำลังยืนอยู่ที่ระเบียงนอกห้องนอนเพื่อรับสายลมเย็น แล้วเสียงเคาะประตูและเรียกให้ไปกินข้าวก็ดังขึ้นจากข้างใน เขาจึงเดินออกไปพบกับสองพี่น้องแลมเพอรูจที่นั่งรออยู่บนโต๊ะ
“หวังว่านายจะกินได้นะ”
“ฉันกินทุกอย่างอยู่แล้วล่ะ” สุซาคุตอบรับพร้อมกับมองอาหารที่จัดวางอยู่
... อย่างน้อยก็ดีกว่าของคุณเซซิลเยอะ
โรโล่มีสีหน้าไม่พอใจ เขาแสร้งทำเหมือนสุซาคุไม่อยู่ตรงนั้นเริ่มตักข้าวกินทันที ลูลูชที่เห็นดังนั้นก็หัวเราะเบาๆ พยักหน้าให้สุซาคุเป็นว่า ‘กินเถอะ’ แล้วก็เริ่มตักกินบ้าง
สองพี่น้องพูดคุยกันเรื่อยเปื่อยในขณะที่อีกคนนิ่งเงียบคอยฟังเรื่องที่คุยกันอย่างจดจ่อและจับผิดอยู่ปรายๆ มีบ้างที่ลูลูชพยายามลากสุซาคุเข้ามาในวงสนทนาแต่เหมือนจะถูกโรโล่ตัดออกไปทุกที สุซาคุเริ่มไม่ใส่ใจและหันกลับมาสนใจจานข้าวของตนเพราะมันพูนขึ้นตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ จนกระทั่งโรโล่เปิดประเด็นเรื่องที่ผ่านมาสองสัปดาห์ก่อนซึ่งเขายังไม่ได้มาเรียน
“ของขวัญที่ผมให้พี่เอาไปไว้ไหนฮะ”
สุซาคุที่ได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้น “ของขวัญ?”
“ของขวัญวันเกิดลูลูช วันที่ห้าธันวาคม” โรโล่หันไปตอบด้วยท่าทางรำคาญเต็มแก่ แต่คนที่ได้รับคำตอบนั้นไม่ใส่ใจ
สุซาคุนิ่งไป เขาก้มหน้าลงซ่อนสีหน้า
...
ปกติเขาจะเขียนวันต่างๆ ไว้บนปฎิทินเพื่อเตือนตัวเอง
แต่ครั้งนี้ เขาจงใจแกล้งที่จะลืม
ใช่ ... เขาวงวันเกิดของลูลูชไว้แล้ว แต่เมื่อใกล้จะถึง เขาก็ใช้ปากกาป้ายจนมองไม่เห็นตัวอักษรเหล่านั้น แล้วทำเหมือนนึกไม่ออกว่าเคยเขียนอะไรไว้
…
สุซาคุคิดมาตลอดว่าการกระทำของตัวเองในครั้งนี้น่ารังเกียจสิ้นดี เขาเงยหน้าขึ้นเรียกลูลูช แต่เมื่ออีกฝ่ายหันมามอง เขาก็ไม่อาจกล่าวอะไรออกไปได้
เขาไม่อาจอวยพรให้อีกฝ่ายได้จริงๆ
สุซาคุก้มหน้าลงกินข้าวจนหมดโดยไม่สนใจสิ่งอื่นอีก แล้วเขาก็ขอตัวเข้าห้องนอนโดยไม่ฟังคำทักท้วงของลูลูชแม้แต่น้อย แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เขาหันหลังให้กับลูลูช
...
เมื่อปีที่แล้วเขายังโทรหาลูลูชในวันเกิด ด้วยคำพื้นๆ อย่างขอให้มีความสุข
...
แต่นั่นเป็นเพียงไม่กี่วันก่อนที่นายจะทรยศฉัน
…
ความคิดเห็น