คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : chapter 1
CHAPTER 1
I’m so glad you made time to see me
How’s life ? Tell me, how’s your family ?
I haven’t seen them in a while
. . .
You’ve been good, busier than ever
We small talk, work and the weather
บนลานน้ำพุใจกลางโรงเรียนเอชฟอร์ด เด็กหนุ่มผู้มีเส้นผมสีดำสนิทกำลังนั่งรอคอยอะไรบางอย่างอยู่ เขากำลังหลับตา ลมหายใจนั้นเข้าออกเป็นจังหวะ ดูนิ่งสงบเหมือนกำลังอยู่ในห้วงนิทรา แม้แต่สภาพอากาศก็ดูเหมือนจะเป็นใจด้วยท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งและสายลมที่พัดเอื่อยๆ ตลอดเวลา
ทว่า ในใจของเขานั้นกำลังปั่นป่วนด้วยอารมณ์ความรู้สึก ทั้งยินดีแต่ก็โกรธแค้น กราดเกรี้ยวแต่ก็ยังคงความเยือกเย็นอยู่
... มาสักทีสิ
แม้จะคิดอย่างนั้นแต่อันที่จริงเขาเองก็ไม่รีบร้อนอะไร เข็มนาฬิกายังคงเดินต่อไปด้วยจังหวะเดิม
แต่แล้วสายลมก็กรรโขกแรงพัดเอาใบไม้หลุดจากกิ่งปลิวว่อนไปทั่ว และยังปลิวไปโดนใบหน้าของเด็กหนุ่มจนต้องใช้มือปัดออก เปลือกตาที่เปิดขึ้นเผยให้เห็นถึงนัยน์ตาสีม่วงสวยที่วาววับดุจอเมธิสต์
แล้วนั่นก็ทำให้เขาได้เห็นถึงการปรากฏตัวของคนที่เขากำลังรออยู่
... มาแล้วสินะ
ริมฝีปาของเขาเผยออกเป็นรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวแต่ก็หายไปในพริบตา
อีกฝ่ายมีร่างที่สูงกว่าเขา ร่างกายดูสมส่วน แข็งแรง ไม่ขี้โรคและเหมือนไม่มีวันจะล้มลง ซึ่งต่างกับเขาโดยสิ้นเชิง เส้นผมสีน้ำตาลดูยุ่งเล็กน้อยแต่เจ้าตัวก็ไม่มีที่ท่าว่าจะใส่ใจ ใบหน้าดูเคร่งขรึม อาจเพราะด้วยกำลังเม้มปากและดวงตาที่ถูกปิดบังด้วยแว่นกันแดด
เด็กหนุ่มเดินเข้าไปหาผู้มาเยือนพร้อมกับยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เขาทักทายและเอ่ยชื่อของคนๆ นั้นออกมา
“ไม่ได้เจอกันนานนะ สุซาคุ”
อีกฝ่ายถอดแว่นกันแดดออกทำให้เห็นใบหน้ารุ่นราวคราวเดียวกัน และแม้จะยิ้มตอบแต่นัยน์ตาสีมรกตก็ปราศจากซึ่งร่องรอยแห่งความรู้สึกโดยสิ้นเชิง เสียงแหบพร่าตอบรับเบาๆ
“นั่นสินะ ลูลูช”
เขาเดินนำหน้าแล้วจึงเรียกให้สุซาคุตามมา หรืออีกจุดประสงค์หนึ่งเพื่อซ่อนรอยยิ้มแสยะอย่างกลั้นไม่ได้
...
...
ฉันรู้ว่านายต้องมาหาฉัน คุรุรุกิ สุซาคุ
...
ฉันรู้ว่านายต้องมาสักวัน
ฉันรอนายมานานมาก
...
ในที่สุดนายก็มา ฉันล่ะดีใจจริงๆ เจ้าคนทรยศ
...
ลูลูชเดินนำหน้าพร้อมกับเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนตลอด 1 ปีที่ผ่านมาให้คนข้างหลังฟัง แต่เสียงที่ตอบกลับมานั้นเป็นเพียงคำรับสั้นๆ ที่ฟังดูเย็นชา เฉยเมย และไร้อารมณ์ซะเหลือเกิน จนเมื่ออยู่หน้าตึกของสภานักเรียนลูลูชก็หยุดเดินและหันกลับมามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าจริงจัง
“สุซาคุ นายโกรธอะไรฉันอยู่รึเปล่า” ลูลูชถามพลางจ้องหน้าสุซาคุเขม็ง
ฝ่ายที่ถูกถามชะงักไปชั่วครู่แล้วจึงหัวเราะออกมาเบาๆ ตอบกลับไปว่า “ฉันแค่อิจฉานายน่ะ อยู่ที่กองทัพไม่ค่อยมีเรื่องสนุกๆ นักหรอก”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้ลูลูชจึงถอนหายใจด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย เขาพูดด้วยน้ำเสียงต่อว่าเล็กน้อย
“เจ้างี่เง่าเอ๊ย ฉันเป็นห่วงแทบแย่ ... นั่นสินะ ฉันก็เอาแต่พูดอยู่ฝ่ายเดียว นายล่ะเป็นไงบ้าง”
ลูชูชถามแล้วก็เดินต่อ สุซาคุเองก็เดินตามพร้อมกับเล่าเรื่องของตนเองบ้าง น้ำเสียงนั้นฟังดูไม่กระด้างเช่นตอนแรก
“ฉันอยู่ที่กองทัพก็สบายดีน่ะนะ ส่วนใหญ่ก็จะขับไนท์แมร์แล้วก็ทำภารกิจตามที่ได้รับคำสั่งมา ...”
ลูลูชพูดขัดขึ้นมา “เรื่องนั้นฉันรู้น่า เรื่องอื่นล่ะ”
“... บางครั้งก็ได้เจอกับองค์รัชทายาทด้วย” สุซาคุพูดต่อเหมือนไม่ใส่ใจ แต่แววตานั้นแข็งกร้าวขึ้นมา
เขาทำท่าเหมือนเพิ่งจะนึกขึ้นได้จึงเอ่ยขึ้นมา “แล้วน้องสาวนายล่ะ เป็นไงบ้าง”
ลูลูชที่กำลังก้าวขึ้นบันไดหยุดเดิน เขารู้สึกถึงรังสีคุกคามจากคนข้างหลัง แต่ก็หันกลับมาสบตากับนัยน์ตาสีเขียวที่มีแววคาดคั้นด้วยรอยยิ้มขบขัน
“นายคงฝึกมากไปจนลืม ฉันมีแต่น้องชายนะ สุซาคุ”
“นั่นสินะ”
สุซาคุก้มลงเป็นฝ่ายหลบสายตาซะเอง
“ที่ EU หนาวมากเลยล่ะ ... “ เขาเล่าเรื่องของเขาต่อ แต่กระนั้นแววตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความระแวดระวังที่จ้องมองไปยังแผ่นหลังของลูลูช
จนกระทั่งทั้งสองยืนอยู่ตรงหน้าห้องสภานักเรียน
...
...
นายยังกล้าพูดถึงนันนาลี่กับฉันอีกงั้นหรือ
...
ทั้งๆ ที่รู้ว่าฉันไม่ได้เจอน้องสาวมานานแล้วแท้ๆ
...
ทั้งๆ ที่นายเป็นคนทำให้มันเป็นอย่างนั้นเองแท้ๆ
เจ้าคนหน้าด้าน
…
Your guard is up, and I know why
Because the last time you saw me
Is still burned in the back of your mind
. . .
You gave me roses, and I left them there to die
ประตูห้องสภาเปิดออกทำให้คนที่อยู่ข้างในซึ่งกำลังเตรียมพร้อมขยับตัวทันที
พลุอันเล็กถูกยิงออกเมื่อสุซาคุก้าวเข้าไปในห้อง ริบบิ้นหลากสีลอยอยู่เหนือหัวและร่วงลงมาติดอยู่บนเส้นผมสีน้ำตาล
เหล่าสภานักเรียนตะโกนออกมาพร้อมกัน
“ยินดีต้อนรับกลับ”
สุซาคุยิ้มกว้าง แต่หลังจากนั้นรีวัลก็กระโดดรัดคอสุซาคุเต็มแรงจนล้มลงไปทั้งคู่ แล้วประธานนักเรียนมิเร แอชฟอร์ด ก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับของในมือที่วินาทีต่อมาได้ประทับอยู่บนใบหน้าเขา แล้วสองคนนี้ก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
เชอร์ลี่กอดอกขมวดคิ้วบ่นเบาๆ “ประธานนี่ล่ะก็ ลูลู่อุตส่าห์ทำ”
ลูลูชที่ยืนอยู่ข้างหลังสุซาคุในตอนแรกก้าวเข้ามาในห้อง แค่เห็นใบหน้าที่มุ่ยลงของเชอร์ลี่ก็รู้ว่าเธอนั้นกำลังคิดอะไรอยู่
“ไม่เอาน่า ยังมีอีกตั้งเยอะ” ลูลูชกล่าวอย่างไม่จริงจัง แต่เชอร์ลี่ก็อดบ่นต่อไม่ได้ “ก็แหม เสียดายนี่นา”
ลูลูชยิ้มอย่างขำๆ เขาโยกหัวเชอร์ลี่เบาๆ “ยัยบ๊อง”
สุซาคุที่ยังคงมึนงงอยู่ยันตัวลุกขึ้นยืนแล้วปาดสิ่งที่ติดอยู่บนใบหน้าออก มันคือครีมสีขาวที่มีรสหวานและแยมสีแดงที่เลอะอยู่บนแก้ม
“เค้กนี่นา”
“ถูกต้องจ้า”
มิเรขยิบตาให้สุซาคุ เธอชี้นิ้วออกมาแตะครีมที่ยังติดอยู่จรงมุมปากของสุซาคุแล้วจิ้มเข้าปากเป็นเชิงชิม
“เห หวานกำลังดีเลยนี่ลูลูช”
ลูลูชยิ้มกว้างกอดอกรับคำอย่างภาคภูมิใจ
“แน่นอนสิครับ ฝีมือของผมนั้นไม่มีใครทาบได้ ถ้าประธานทำก็คง ...”
แล้วรอยยิ้มนั้นก็ถูกปิดทับด้วยเค้กอีกก้อนโดยฝีมือรีวัลที่กำลังโวยวายอยู่ บนมือของเขายังมีเค้กอีกจาน “ห้ามว่าประธานนะ!”
เชอร์ลี่ที่ยืนอยู่ข้างลูลูชอกมาห้ามปรามก่อนที่จะมีสงครามเค้ก เนื่องจากมิเรเองก็กำลังทำท่าจะโยนเค้กอีกครั้ง เธอเดินเข้าไปหาสุซาคุแล้วพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มจริงใจของเธอ
“ยินดีต้อนรับอีกครั้งนะ พวกเราดีใจจริงๆ ที่เธอกลับมา โดยเฉพาะลูลู่ถึงกับอาสาเป็นคนทำเค้กให้เลยนะ”
“ลูลูชน่ะหรอ”
เชอร์ลี่พยักหน้ารับแต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อมิเรก็ปรบมือเรียกความสนใจ “อ้าวๆ อย่าเพิ่งคุยกัน มาจัดโต๊ะกันเถอะ”
ทุกคนเริ่มขยับตัวอีกครั้ง สุซาคุเดินเข้ามาหาลูลูชที่ยังคงเช็ดหน้าเช็ดตาของตนอยู่โดยไม่สนใจสิ่งอื่น
“ขอบใจนะ ลูลูช”
เป็นครั้งแรกที่สุซาคุเผยรอยยิ้มที่เขาคุ้นเคยที่สุดนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน ลูลูชหันหน้าหนีกล่าวเหมือนไม่ใส่ใจ
“เรื่องเค้กน่ะเหรอ เล็กน้อยน่า”
มิเรโผล่เข้ามาแทรกกลางแล้วดันตัวสุซาคุไปที่โต๊ะ “เธอน่ะ ไปนั่งรอซะ”
หลังจากนั้นมิเรและรีบัลจึงไปยกจานเค้กในห้องครัวออกมา ในขณะที่ลูลูชชงชาโดยมีเชอร์ลี่จัดวางถ้วยอยู่ข้างๆ
สุซาคุทำได้เพียงนั่งรออย่างจำใจ เขาชำเลืองมองไปทางลูลูชที่ดุเชอร์ลี่จนหน้ามุ่ยแล้วหัวเราะออกมาว่า “เธอนี่นะ”
สุซาคุพูดกับตนเองเบาๆ
“แบบนี้น่ะ ดีสำหรับนายแล้ว ลูลูช”
…
คนที่ถูกพูดถึงเหมือนจะได้ยินเสียงคนที่นั่งอยู่เรียกชื่อตนเองจึงหันไปมอง แต่สุซาคุกำลังคุยโทรศัพท์อยู่เขาจึงหันกลับไปโดยที่พยายามเงี่ยหูฟัง
“ครับ ... ดูเหมือนจะยังครับ ... แต่ผมยังไม่แน่ใจ ... ครับ”
แม้จะได้ยินแค่นั้นแต่เขาพอจะรู้ว่าสุซาคุกำลังพูดถึงอะไร และยิ่งแน่ใจเมื่อเห็นภาพสะท้อนบนช้อนเงินว่าสุซาคุแอบชำเลืองมองมาทางเขา
ลูลูชบีบแก้วในมือด้วยความโกรธที่พลุ่งพล่านจนเชอร์ลี่ที่สังเกตเห็นถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“ลูลู่ เป็นอะไรรึเปล่า”
และคำถามนี้เรียกความสนใจจากสุซาคุได้เป็นอย่างดี เขาลุกขึ้นยืนทำท่าว่าจะสาวเท้าเข้ามาหา ลูลูชรู้สึกถึงรังสีคุกคามนั้นอีกครั้ง เขาแกล้งทำเป็นไม่เห็นและยิ้มตอบให้เชอร์ลี่
“ชามันขมไปน่ะ เดี๋ยวขอชงใหม่ก่อน เธอไปนั่งรอก่อนก็ได้”
“จ้ะ”
สุซาคุที่เห็นดังนั้นจึงถามเชอร์ลี่ที่เดินเข้ามาในทันที เขาและเธอนั่งลงพร้อมกัน
“ลูลูชเป็นอะไรหรอ”
“ไม่มีอะไรหรอก ชาขมไปน่ะจ้ะ”
สุซาคุพยักหน้ารับแล้วเหลือบไปมองอีกครั้งหนึ่ง เชอร์ลี่จึงพูดทับอีกครั้ง “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกจ้ะ”
มิเรและรีวัลที่จัดการส่วนของจนเรียบร้อยก็นั่งบ้าง แล้วสุดท้ายลูลูชจึงเสิร์ฟชาให้ทุกคนและนั่งลงระหว่างสุซาคุและที่ว่างของใครอีกคนหนึ่ง
รีวัลถามหาคนที่ยังไม่มา
“ลูลูช แล้วโรโล่ล่ะ”
... โรโล่ แลมเพอรูจ
“เมื่อเช้าแห็นบอกว่าอาจารย์วิเลตต้าเรียกตัวน่ะ เดี๋ยวฉันไปหาหน่อยดีกว่า”
ลูลูชทำท่าจะลุกขึ้นแต่รีวัลที่นั่งถัดไปคว้าแขนเสื้อเค้าไว้ “ลูลูชนี่ล่ะก็ ทำเหมือนน้องชายจะหลงทางได้ตลอดเวลา โรโล่เองก็อยู่ที่นี่นานแล้วนะ”
“น้องชายฉันยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ อยู่ต่างหาก”
ลูลูชบ่นออกมาแต่ก็ยอมนั่งลงโดยดี เขาควักมือถือออกมากดโทรออกอย่างรวดเร็ว
ทุกการกระทำนั้นล้วนอยู่ในสายตาของสุซาคุตลอดเวลา
…
ฉันจะเชื่อนายไม่ได้ลูลูช
ไม่สิ จะเชื่อซีโร่จอมโกหกหลอกลวงไม่ได้เป็นอันขาด!
...
“โรโล่ตัดสายฉัน!” ลูลชทุบเสียงดังก่อนจะลุกขึ้นอย่างไม่ฟังเสียงห้ามปราม
ลูลูชก้าวอย่างเร่งรีบแต่เมื่อเปิดประตูออก คนที่เขากำลังจะไปหาก็พุ่งเข้ามาพอดีทำให้หน้าผากของทั้งสองคนชนกันและล้มลงไปทั้งคู่
“พี่ฮะ”
น้องชายผู้คร่อมตัวอยู่ด้านบนดึงปกเสื้อของผู้เป็นพี่ขึ้นมาทำให้ใบหน้าทั้งสองใกล้ชิดกัน แล้วเมื่อมองจากมุมของคนที่นั่งอยู่ซึ่งเห็นแต่เพียงด้านหลังแล้วภาพนั้นมันช่าง ...
“พี่ไม่เป็นไร เราปลอดภัยก็ดีแล้ว ... ลุกขึ้นก่อนเถอะ”
“เอ่อ ขอโทษฮะพี่”
คนที่มองอยู่รู้สึกราวกับว่ารอบกายสองพี่น้องแลมเพอรูจมีออร่าเปล่งประกายออกมา หนึ่งในผู้ที่มองอยู่นั้นอดกระแอมออกมาอย่างขัดเขินมิได้ “เท่านี้ก็มากันครบแล้วสินะ”
“ขอโทษที่มาช้าฮะ” โรโล่ก้มหัวลงเล็กน้อย เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงเห็นว่ามีใครอีกคนที่เขาไม่เคยเจอในห้องนี้นั่งอยู่ด้วย ลูลูชพยักหน้าไปทางนั้นแล้วหันกลับมา “จำได้ไหม”
“ฮะ ... คุรุรุกิ สุซาคุ สินะ”
คนที่ถูกเรียกชื่อพยักหน้ารับด้วยใบหน้าที่ขรึมลง บรรยากาศเริ่มน่าอึดอัดอย่างประหลาด จนกระทั่งลูลูชที่นั่งลงแล้วดึงตัวโรโล่ให้นั่งเช่นกัน
น้ำเสียงของลูลูชเต็มไปด้วยความอ่อนโยนเมื่อพูดกับน้องชายของเขา ทุกคนต่างรับรู้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยของลูลูชที่มีต่อโรโล่เป็นอย่างดี มีเรและเชอร์ลี่อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“มากินกันเถอะ”
…
สุซาคุก้มลงมองเค้กที่เคลือบด้วยครีมสีขาวซึ่งแต่งด้วยครีมสีชมพูและแดงเป็นรูปดอกกุหลาบที่ประณีต มันทำให้เขานึกถึงใครบางคน โดยเฉพาะยามที่พี่ชายของคนๆ นั้นนั่งอยู่ข้างๆ
“ยูฟี่”
เสียงกระซิบแผ่วเบาทำให้ลูลชที่กำลังป้อนเค้กให้โรโล่นั้นชะงัก ความเสียใจฉายเข้ามาในแววตาแล้วจางหายไปทิ้งไว้เพียงความหม่นหมองในดวงตาสีม่วงคู่นั้น
“พี่ฮะ” โรโล่เรียกเบาๆ เมื่อช้อนคันเล็กนั้นยังไม่ถูกดึงกลับ
“หืม อร่อยมั๊ย”
“ฮะ”
โรโล่แม้จะสงสัยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
บรรยากาศรอบข้างนั้นยังคงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ยกเว้นก็แต่คนสองคนที่แม้จะยิ้มนั้นแต่ภายในตรงข้ามโดยสิ้นเชิง … ลูลูชสบตากับสุซาคุที่หันมามองเขาพอดี นัยน์ตาสีมรกตนั้นมีแววรวดร้าวอยู่ภายใน ซึ่งไม่ต่างจากจิตใจของเขาในเวลานี้แม้แต่น้อย
รูปวาดของสวนดอกไม้ที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีแดงในความทรงจำวัยเยาว์ผุดขึ้นมา
เขาในยามเด็กที่ยืนดูอยู่นิ่งเฉย กับยูเฟเมียที่เงยหน้าขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มที่คลี่ออก ... เป็นดั่งดอกกุหลาบที่งดงามที่สุด
...
...
ยูเฟเมีย
...
ทั้งๆ ที่เธอไว้ใจฉันแท้ๆ
แต่กลับเป็นฉันที่ทำให้เธอต้องตาย
...
ขอโทษ
...
ในค่ำคืนที่น่าจะเป็นวันแห่งความสุข คนสองคนกำลังคิดทบทวนในสิ่งที่เคยเกิดขึ้น ...เพื่อน? มิตรภาพ? ความสัมพันธ์? ความไว้ใจ? การลวงหลอก? คนทรยศ? ... ไม่ว่าอดีตนั้นจะขมขื่นเพียงใด มันยังมีอดีตที่หอมหวานซ่อนอยู่เช่นกัน
แต่ทว่า ภาพสุดท้ายก่อนที่จะปิดตาลงยังคงเป็นวันที่ความสัมพันธ์นั้นถูกสะบั้นลง วันที่เหมือนมือทั้งสองข้างสะบัดออกจากกันและเป็นปืนสองกระบอกที่ถูกหันเข้าหากันแทน
คำถามสุดท้ายที่ยังเพียรเฝ้าถามตนเองนั้นคือ เขาคือคนผิดหรือ ?
ความคิดเห็น