ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic LSK : Love me, Masochist boy

    ลำดับตอนที่ #2 : ครึ่งก้าวแรกของเทพอัศวินเอกอน

    • อัปเดตล่าสุด 6 ธ.ค. 54


     บทที่ 2 : ครึ่งก้าวแรกของว่าที่เทพอัศวินเอกอน        

    ณ ห้องโถงใหญ่ตำหนักเทพอัศวิน อาจเพราะเป็นช่วงวุ่นวายในการคัดเลือกตัวว่าที่เทพอัศวินและพิธีสดุดีพระราชาสามวันสามคืน ทำให้ไม่มีใครสังเกตว่าผนังที่มีรูปปั้นเทพเจ้าแห่งแสงสว่างบังอยู่นั้น แง้มออกเล็กน้อย ... ใช่แล้ว ความจริงนั่นเป็นประตูกลสู่ห้องลับในตำหนักต่างหาก

    เสียงของเทพอัศวินเอกอนรุ่นที่สามสิบเจ็ดลอดออกมาและก้องอยู่ในห้องโถงจนร่างของคนที่กำลังเดินผ่านไปหยุดชะงักฟังด้วยแววตาวาววับ ...

    “”

    “แล้ววันนี้ท่านจะสอนอะไรข้าหรือขอรับ”เด็กชายผู้เป็นว่าที่เทพอัศวินเอกอน นามลูก้าเอ่ยถาม

    “ก่อนอื่น ลูกเอ๋ย เจ้าลองทำให้คำว่า เจ้าสวยมาก กลายเป็นคำน่ารังเกียจอย่างแรงจนคนฟังรู้สึกอยากกระโดดถีบก้านคอเจ้าให้ล้มแล้วกระทืบซ้ำต่อจนกว่าเจ้าจะกระอักเลือดช้ำในตายขึ้นมาดูซิ

    ว่าที่เทพอัศวินเอกอนที่ตั้งใจฟังอย่างกระตือรือร้นเมื่อได้ยินคำว่ากระโดดถีบก้านคอนัยน์ตาของเขาก็ดูเลื่อนลอยคล้ายลุ่มหลง และเมื่อได้ยินคำว่ากระทืบซ้ำต่อริมฝีปากก็กระตุกเป็นรอยยิ้มกระหาย แต่เมื่อได้ยินคำว่ากระอักเลือดช้ำในตายค่อยสะดุ้งคล้ายกับได้สติแล้วปาดเหงื่อที่ไหลลงมา

    เมื่อเห็นท่าทางดังกล่าวของลูกศิษย์ซึ่งไม่น่าใช่กำลังครุ่นคิด เทพอัศวินเอกอนจึงเดินไปตบหน้าเบาๆอย่างเป็นห่วง “ลูกเอ๋ย เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า”

    “เอ่อ ไม่ขอรับ ข้าสบายดีที่สุดแล้ว ... ว่าแต่ท่านอาจารย์ขอรับ เจ้าสวยมากมันเป็นคำชมไม่ใช่หรือขอรับ” ลูก้ากระพริบตาปริบๆอย่างสงสัย

    “หึหึ ลูกเอ๋ย แม้จะเป็นคำที่ไพเราะเพราะพริ้งแค่ไหนก็ตาม เทพอัศวินเอกอนจะต้องพูดให้คำนั้นฟังขัดหูจนต้องคิดว่า อย่าพูดเลยจะดีกว่า”

    เมื่อได้ยินอาจารย์กล่าว ลูก้าร้องออกมาน้ำตาคลอเบ้าว่า“ถ้าเช่นนั้น ข้าคงมีความสามารถไม่พอ”

    เทพอัศวินเอกอนเพียงเอานิ้วแตะริมฝีปาก ยิ้มอย่างมีเลศนัย ก้าวเข้าไปกระซิบข้างหูลูกศิษย์เหมือนกับจะบอกความลับสุดยอดบางอย่าง ซึ่งลูก้าเองก็ลุ้นระทึกสุดขีด คำที่อาจารย์ของเขาพูดออกมาก็คือ “ถ้าเป็นสมองของคนปกติธรรมดาล่ะก็ ทำไม่ได้แน่นอน”

    “อ้าว?” ลูก้ากระพริบตาปริบๆอีกครั้ง ... หรือว่าเมื่อกลายเป็นเทพอัศวินเอกอนแล้ว สมองจะไม่เหมือนคนธรรมดา

    “ดังนั้น ข้าจึงต้องสอนวิธีอัพเกรดคำพูดจากเลเวลนอร์มอลให้กลายเป็นเลวร้ายสุดขีดแก่เจ้า”

    “เป็นเช่นนี้เอง!

    เทพอัศวินเอกอนรุ่นที่สามสิบเจ็ดชูนิ้วขึ้นมา แล้วทำสีหน้าภาคภูมิใจ

    “จงฟัง นี่คือเคล็ดลับที่สืบทอดกันมาสู่รุ่นต่อรุ่น การที่เจ้าจะเป็นเทพอัศวินเอกอนผู้ปากเสียได้ตามที่คนทั้งแผ่นดินต่างรู้ดีนั้น สิ่งที่เจ้าต้องนึกถึงเมื่อปริปากมีสามประการ หนึ่งสถานการณ์ สองสถานภาพ สามสถานะ ... ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ!” กริชทองถูกขว้างออกไปด้วยความเร็วที่มองไม่ทัน มันทะลุผนังกำแพงแล้วชนเข้ากับโลหะอะไรสักอย่างดัง เคร้ง ... เทพอัศวินเอกอนสาวเท้าออกจากห้องลับอย่างรีบร้อน แต่แล้วคนที่อยู่ข้างนอกคือ ...

    “เอกอนที่รัก ช่างเป็นวันที่อรุโณทัยสาดส่องได้สวยงามจับใจเหลือเกิน ข้ารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงของพี่น้องเทพอัศวินสนทนาเรื่องพระเมตตาของเทพเจ้าแห่งแสงสว่างอันงดงามเมื่อข้าก้าวเข้าสู่ที่ซึ่งราวกับเป็นอาณาจักรในอ้อมกอดของพระองค์ หากมิใช่คำอำนวยพรขององค์มหาเทพแล้วไซร้ก็มิอาจเป็นอื่นไปได้ ดังนั้นข้าใคร่จะร่วมสรรเสริญในพระเมตตาอันสว่างไสวสุดสิ่งใดจะเปรียบจึงลองตามเสียงของพี่น้องเทพอัศวินมา แต่การกระทำเช่นนั้นโดยไม่ส่งจิตศรัทธาอันแรงกล้าถึงพี่น้องผู้ที่กำลังกล่าวคำสดุดีองค์มหาเทพก่อนจนทำให้การสนทนานั้นต้องหยุดลงนับเป็นความผิดร้ายกาจที่ไม่อาจให้อภัยได้ แม้กระทั่งการตกลงสู่ห้วงอเวจีพันล้านราตรียังเป็นบทลงโทษที่น้อยเกินไป ... ”

    เทพอัศวินเอกอนกระตุกยิ้มเมื่อคำพูดของเทพอัศวินครีอุสผู้มีรอยยิ้มสว่างไสวอยู่เสมอเอ่ยมาถึงท่อนนี้ ... ครีอุส เจ้าไม่ได้มาขัดจังหวะแต่กำลังแอบฟังอยู่ต่างหาก... ข้าไม่รอให้เจ้าได้พูดจนจบหรอก!
                     เทพอัศวินเอกอนยกมือขึ้นมาเป็นท่า'หยุดก่อน' แล้วจึงเปลี่ยนเป็นชี้ที่อกของเทพอัศวินครีอุส 

    “หึ ถึงเจ้าพูดไปก็ไร้ผู้ฟัง... วจนะวกวนจากคนสับปลับไม่ต่างกับคำรับลวงหลอก

    เชือดเฉือน!

    คนทั้งหมดที่อยู่ที่นั่นสูดหายใจเข้าลึกๆ เมื่อวาจาคมคายจู่โจมกระแทกใจเข้าอย่างจัง

    “เอกอนที่รัก...”

    เทพอัศวินครีอุสที่เพิ่งเริ่มพูดได้เพียงคำเดียวต้องหยุดคำนั้นลงเมื่อบุคคลผู้เป็นผู้นำครึ่งหนึ่งของหัวหน้าเทพอัศวินฝ่ายโคลด์บลัดซึ่งโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้วางมือลงบนไหล่ของเขาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

    หัวหน้าเทพอัศวินครีอุส ... เจ้ากำลังรบกวนหัวหน้าเทพอัศวินเอกอนอยู่ใช่หรือไม่”

    ลูก้าต้องอมยิ้มเมื่อเทพอัศวินครีอุสที่เขาเห็นทีไรจะต้องตกตะลึงในความสง่างาม บัดนี้สีหน้าซีดเผือดจนเห็นได้ชัดและหันไปส่ายหัวดุ๊กดิ๊กปฏิเสธเป็นพัลวันมือไม้โบกสะบัดอย่างแรง

    “ชาเซล ข้าเปล่านะ!

                    เทพอัศวินเทอร์มิสคว้ามือของคนที่ส่อแววพิรุธชัดเจนแต่กลับโดนสะบัดทิ้ง ... นั่นสร้างรอยยิ้มแบบมังกรจ้องเหยื่อบนใบหน้าที่เคยสงบนิ่ง ... และเหยื่อในที่นี้ย่อมเป็นเทพอัศวินครีอุส

    “ข้าขอสาบานด้วยความเฉียบขาดของเทพเจ้าแห่งแสงสว่างว่าจะไม่ปล่อยให้การกระทำผิดๆของเทพอัศวินครีอุสดำเนินต่อไปอย่างเด็ดขาด” ว่าแล้ว เทพอัศวินเทอร์มิสก็หันหลังลากคอเทพอัศวินครีอุสจากไป

    “ม่ายยยยยยยยยยย ”

    เสียงกรีดร้องบาดแก้วหูจนใครๆอาจคิดว่าเป็นเสียงของอมนุษย์นั้นยิ่งทำให้ลูก้าหัวเราะออกมาจนน้ำตาเล็ด
                    “ฮ่าๆๆ ท่านอาจารย์ เห้ย ท่านอาจารย์”

    เทพอัศวินเอกอนบัดนี้หน้ามืดนั่งพิงเสาวิหาร มือควักขวดยาออกจากกระเป๋าอกในเสื้อและหยิบเข้าปากอย่างรวดเร็ว เสียงที่หลุดออกมาเป็นคำพึมพำว่า “ครีอุส ... พระเมตตา ... มากเกินไป ...ไม่ไหวแล้ว”

    ลูก้าที่เห็นดังนั้นเหมือนกับได้รับผลกระทบไปด้วย เมื่อนึกถึงคำกล่าวยาวเหยียดที่เพิ่งได้ฟังเป็นครั้งแรกจากเทพอัศวินครีอุส เขารู้สึกมึนงงสับสนถึงกับจุกจนพูดไม่ออกจนต้องทิ้งตัวลงไปคลานกับพื้นอีกคน  ...

    ลมปากเทพอัศวินครีอุสช่างร้ายกาจยิ่งนัก !

     

     

    “ชาเซล ปล่อยข้านะ !

    นีโอ ครีอุสซึ่งกำลังถูกหิ้วคอและโดนลากไปตามทางเดินในตำหนักเทพอัศวินตะโกนออกมาอย่างไม่สง่างาม คนที่ถูกเรียกชื่อถอนหายใจแรงๆครั้งหนึ่งแล้วจึงปล่อยคนพูดให้เป็นอิสระ ... ทันใดนั้น ร่างที่กำลังดิ้นอยู่ก็เซจนไปชนกับคนที่เดินผ่านมาทางนั้นพอดี เส้นผมสีทองพันเข้ากับเส้นผมสีม่วงเข้มจนดึงไม่ออก

    “ย่อมเป็นเพราะคำเชิญชวนของเทพเจ้าแห่งแสงสว่างเป็นแน่แท้ที่ทำให้ข้าได้สัมผัสอย่างชิดใกล้ดั่งดวงดาราและดวงจันทราในท้องฟ้ายามรัตติกาลกับพี่น้องท่านนี้” นีโอพูดเร็วๆแต่ยังคงความน่าเชื่อถือในน้ำเสียงอยู่ ... มือขาวแตะศีรษะของคนที่ถูกชนเบาๆ แล้วกระชากเส้นผมที่พันกันยุ่งเหยิงนั้นออกอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครมองตามทัน

    “ครีอุส ข้าเอง”

    เสียงกดหนักเน้นๆคล้ายกำลังดูถูกคนฟังนั้น ทำให้นีโอสลัดภาพพจน์ทั้งหมดที่มีอยู่แล้วชี้หน้าว่าคนพูดทันที

    “อาร์เทมิส เจ้ามัวแต่เดินชมเพดานพระวิหารอยู่หรือไง วันหลังหัดมองทางข้างหน้าบ้างเซ่!

    เทพอัศวินอาร์เทมิสถึงกับลืมตัวผงะไปชั่วครู่ก่อนจะกลับมาเหลือบตามองคนพูดอีกครั้ง ... ปากของครีอุสยามหัวเสียไม่ต่างจากปากเน่าเสียของเอกอนเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ตอบกลับอย่างมีมารยาทว่า

    “ข้าต้องขออภัยจริงๆ ข้ากำลังคิดหาทางสอนลูกศิษย์ของข้าจนไม่ทันระวังทางข้างหน้านะ”

    “หืม ลูกศิษย์ของเจ้ามีปัญหานักหรือไง”เทพอัศวินครีอุสเงยหน้าสบตาด้วยความสนใจ ...  คนฟังแอบคิดไม่ได้ว่า เจ้าควรจะสง่างามมิใช่รึ

    “... เขามีปัญหาทางด้านมนุษยสัมพันธ์นิดหน่อยน่ะ เมื่อสักครู่ ข้าลองให้เขาออกไปฝึกปฏิบัติ... ”

    “โอ้ๆ อย่างนั้นรึ งั้นข้าขอไปแกล้ง ... อะแฮ่ม ข้าหมายถึงไปดูตัวลูกศิษย์ของเจ้าได้ใช่มั๊ย” นีโอยิ้มอย่างสว่างไสว สองมือกุมไหล่ของอีกฝ่ายอย่างสง่างาม แล้วจ้องตาเหมือนจะบอกว่าห้ามปฎิเสธข้า ... เทพอัศวินอาร์เทมิสจึงต้องพยักหน้าอย่างลังเล

    แต่ทันทีที่นีโอเริ่มก้าวเดิน มือของเทพอัศวินเทอร์มิสที่ยืนอยู่เงียบๆก็คว้าหมับเข้าที่คอเสื้อราวงูฉกเหยื่อ ...

    ครั้งนี้ นีโอ ครีอุสเพียงฉีกยิ้มอย่างสว่างไสวอีกคราแล้วกล่าวอ้างขึ้นอย่างมีเหตุผล “ชาเซล ข้าขออาร์เทมิสแล้วนะ”  ส่วนในใจนั้นกระโดดเด้งดึ๋งไปไหนต่อไหนแล้ว

    เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชาเซล เทอร์มิสเองก็เพียงฉีกยิ้มอย่างน่ากลัว คำที่กล่าวกลับได้ปิดฉากทุกอย่างลงอย่างสมบูรณ์แบบ

    ก็จริงที่เจ้าได้ขอหัวหน้าเทพอัศวินอาร์เทมิสแล้ว

    “ ...”

    “ แต่ข้าสาบานแล้วว่าจะไม่ปล่อยให้เทพอัศวินครีอุสดำเนินการกระทำที่ผิดใดๆทั้งสิ้น”

     . . .

    “ม่ายยยยยยยย !

     

                                                                                                                                                              TBC ... (3) ไวเออร์และลูก้า
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×