ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [APH] Axis Power Hetalia : Battle Royale

    ลำดับตอนที่ #1 : Intro

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ย. 56


    Axis Power Hetalia : Battle Royale


               -[ Intro ]-

     

    แคนาดารีบวิ่งสุดชีวิตเพื่อไปให้ถึงห้องประชุมเร็วที่สุด  เขาสายไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว  ด้วยความรีบร้อนนั้น  แว่นตาจึงหลุดออกตกลงไปที่พื้นทำให้เขามองพร่ามัวไปหมด

    อยู่ไหนเนี่ย  เขาคลำมือไปตามพื้น  หมีจิโร่ที่เกาะลำตัวอยู่คว้าแว่นกลมนั้นให้เจ้าของ

    อ๊ะ  ขอบคุณ

                    เขาสวมมันอีกครั้งทำให้รู้ว่าเลนส์กระจกเกิดรอบร้าวจากแรงกระแทกเมื่อสักครู่แต่ก็ทำได้เพียงบ่นงึมงำ

                    “วันนี้แย่ที่สุดเลย

    แคนาดารีบก้าวอีกครั้งจนกระทั่งไปถึงห้องประชุมที่สุด  ...  แน่นอนว่าไม่ใครรอเขาอีกตามเคย

    เมื่อเปิดประตูเข้าไป  เขาอดแปลกใจไม่ได้ที่ห้องประชุมที่เคยเต็มไปด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวายไม่ได้สาระกลับเงียบสงบมีเพียงเสียงจากลำโพงเท่านั้นที่ดังอยู่

    ข้าขอสั่งให้พวกแกทุกคนยอมเสียสละชีวิตซะ  ...  ไม่ใช่สิ  พวกแกทุกคนต้องทำอะไรก็ได้จนเหลือเพียงคนเดียวต่างหาก  …  การหมดไปของสงครามคือความหวังของมวลมนุษยชาติที่แท้จริง  ซึ่งจะเกิดก็ต่อเมื่อพวกแกเหลืออยู่เพียงคนเดียว  ...  จะทำได้หรือเปล่าน้า”  น้ำเสียงนั้นยียวนอย่างที่สุด

    พวกแกคงรู้ซึ้งดีกับความหมายของการล่มสลายของประเทศชาติ ... ไม่ว่าจะศิลปะ  วัฒนธรรม  อารยธรรม  วิถีชีวิต  การดำรงชีพทั้งหมดจะถูกลบออกจากแผนที่โลก  เหลือเพียงที่จารึกไว้บนหน้าประวัติศาสตร์

    ใบหน้าที่ซีดเผือดของทุกคนตอกย้ำคำพูดนั้นดี  ...  ที่สำคัญกว่านั้นคือประเทศชาติจะหายไปก็ต่อเมื่อถูกประเทศอื่นช่วงชิงอิสรภาพที่มีค่าเท่ากับชีวิตเท่านั้น

    ในตัวพวกแกมีแต่สายเลือดที่รักชาติยิ่งกว่าสิ่งใดไหลเวียนอยู่  แล้วข้าเชื่อว่ามันกำลังพลุ่งพล่านได้ที่เลยล่ะ  ...  ขอให้โชคดี  ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

    ห้องประชุมราวกับถูกแช่แข็ง  ทุกคนนิ่งอึ้งก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง

    ฝรั่งเศสเหลือบไปมองคู่แข่งตัวฉกาจของตนเองแล้วก็พบว่าอีกฝ่ายก็กำลังมองเขาอยู่อย่างเย็นชา  รัสเซียที่ยังคงยิ้มใสซื่อเช่นเคยแต่ในแววตานั้นมีเพียงความกระหายที่ล้นปรี่  เวเนเซียโนหันไปกุมแขนเยอรมันด้วยมือที่สั่นเทา  เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าคนข้างกายกำลังขมวดคิ้วเป็นปมแน่นกว่าที่เคย  ฝั่งทวีปเอเชียดูสงบนิ่งกว่าทั้งญี่ปุ่นที่ยังคงใบหน้าไร้อารมณ์และจีนที่ส่ายหน้าอย่างระอาไม่สนใจใคร

    อเมริกามองไปรอบๆ ห้องอย่างสับสน  เขาอยากจะตะโกนแต่มันก็ออกมาเป็นเพียงเสียงแผ่วเบาที่พูดกับตนเอง  ฉันเป็นฮีโร่นะ

    ในสานการณ์แบบนี้  ทั้งห้องประชุมเงียบกริบด้วยแรงกดดันที่แผ่ปกคลุม

    ...

    บางประเทศเริ่มมองกันและกัน  แต่ไม่มีร่องรอยของความเป็นมิตรเหลืออยู่อีกต่อไป 

    ...

    เกมแห่งความตายที่เดิมพันคือชีวิตและประเทศชาติ 

    ไม่ฆ่าก็ถูกฆ่า

     

     

    (1)

     

    ญี่ปุ่นในชุดยูงาตะกำลังนั่งจิบชาอย่างสงบนิ่งในห้องของตน  เขาดูไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องที่เกิดขึ้นสักเท่าไรนัก  อันที่จริงญี่ปุ่นก็เตรียมพร้อมตลอดเวลาว่าจะเกิดสงครามระลอกใหม่ขึ้นแค่ไม่คาดว่าจะออกมาในรูปแบบนี้ก็เท่านั้น 

    เสียงก้าวเท้าดังขึ้นหน้าห้องและใครคนหนึ่งก็ยืนอยู่หลังประตูฉากกั้นบานนั้นเห็นเป็นเงาของร่างสูง  ญี่ปุ่นรับรู้ได้โดยไม่ต้องหันไปมอง  เขาเพียงถอนหายใจแล้วส่งเสียงร้องออกไป

    กรุณากลับไปเถอะครับ 

    แต่ดูอาคันตุกะผู้มาเยือนจะไม่สนใจเพราะเขาเลื่อนประตูเปิดออกพร้อมกับทักทายอย่างอารมณ์ดี  หวัดดีคิคุ

    ญี่ปุ่นถอนหายใจอีกครั้ง  แล้วผายมือเชิญนั่ง

    ผมไม่คิดว่าเราควรจะพบกันก่อนที่พรุ่งนี้จะมาถึงนะครับ”  เขาเอ่ยเสียงเรียบพลางเทน้ำชาอีกแก้วอย่างบรรจง

    อเมริกาหัวเราะอย่างเริงร่า  นัยน์ตาสีฟ้ายังทอประกายสดใสเช่นเคย  เขานั่งลงตรงข้ามญี่ปุ่นแล้วหยิบชาขึ้นจิบแล้วแอบเบ้ปากกับรสชาติที่ไม่ถูกปาก

    เรื่องวันพรุ่งนี้  ...  ซีเรียสเหรอ”  อเมริกาวางถ้วยชาลงแล้วเอ่ยถามจริงจัง 

    ญี่ปุ่นถอนหายใจแล้วอธิบายร่ายยาว

    การที่ประเทศจะหายไปมันไม่ใช่แค่เรื่องของเกียรติยศและศักดิ์ศรีครับ  แต่มันเป็นเรื่องที่ว่าประชาชนจะลืมวิถีของพวกเขา  โลกใบนี้จะเหลือรากเหง้าอารยธรรมอยู่เพียงแบบเดียว  ซึ่งมันจะทำให้สงครามหายไป  ...  และทั้งหมดนั้นแปลว่าพวกเราต้องหายไป

    เดี๋ยวก่อน  ตอนนี้พวกเราก็อยู่กันอย่างสงบสุขแล้วนี่

    ไม่ครับ  มันคือสันติภาพจอมปลอมที่พร้อมจะแตกหักได้ทุกเมื่อหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา” 

    ...

    ญี่ปุ่นผ่านอะไรมามากเกินกว่าจะมองโลกในแง่ดี  เขาเชื่อว่าที่เขาเห็นและคิดอยู่คือโลกแห่งความจริง  และสิ่งที่หมุนเวียนอยู่ในร่างกายนั้นบอกเขาว่าเขาพูดถูก

    ไม่ว่าเจ้านั่นจะเป็นใครก็ตาม  แต่ถ้าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการแบบนั้น  ผมก็จะทำตาม

    ...  คิคุ

    คุณลองกลับไปคิดดูเถอะครับ  แต่ผมจะบอกให้อย่างหนึ่ง  ความตายของพวกเราไร้ซึ่งความเจ็บปวด  แต่การล่มสลายของประเทศต่างหากเล่าคือความเจ็บปวด

    นายกำลังจะบอกฉันว่าไม่ต้องกลัวตายหรอกใช่ไหม อเมริกาหัวเราะเบาๆ  เขาลุกขึ้นยืนและโบกมือลาเด็กหนุ่มที่ยังคงนั่งอย่างสงบนิ่ง

    ซาโยนาระ  อเมริกาซัง

     

    ...

    ...

     

    (2)

     

    ฝรั่งเศสหยิบขวดไวน์ชั้นยอดใส่ถาดน้ำแข็งแล้วจึงจุดเทียนไขเชิงสามง่ามที่วางอยู่กลางโต๊ะพร้อมทั้งผิวปากเป็นเพลง  กลิ่นหอมของอาหารที่โชยออกมาแตะจมูกทำให้เขายิ้มกว้างแล้วรีบนำมันออกจากเตาอบ  เขาคว้าขวดซอสสีน้ำตาลมาราดและคว้ากระปุกเครื่องเทศมาโรยอย่างชำนาญ  เมื่ออาหารถูกวัดวางบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว  เสียงกระดิ่งประตูก็ดังขึ้นพอดิบพอดี

    เขาดูนาฬิกาที่บอกเวลาสองทุ่มตรงแล้วอุทาน เทรเบียง!*”

    ฝรั่งเศสถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วถลาไปเปิดประตู

    ถ้านายเปิดช้ากว่านี้อีกสักวินาทีล่ะก็  คนที่เดินเข้ามาบ่นอย่างอารมณ์เสียเพราะนอกประตูนั้นหิมะกำลังตกหนักจนเสื้อโค้ทเขาเริ่มจะเปียก

    ฮะๆ  คุณพี่เตรียมฟัวกราส์ไว้ให้แล้ว  น้องคิ้วหนาคงไม่ได้กินอาหารดีๆ มานาน

                    อังกฤษสบถให้กับคำกล่าวนั้นแต่ไม่โต้แย้งแต่อย่างใด  เขานั่งลงอีกฟากของโต๊ะยาว  นัยน์ตาฉายแววพอใจเมื่อเห็นเชิงเทียนที่ไม่มีคราบน้ำตาเทียนแม้แต่น้อยซึ่งแปลว่าเขามาตรงเวลา

                    อังกฤษหยิบมีดและส้อมขึ้นมาตัดเนื้อบนจานของเขาระหว่างนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด  มาว่าเรื่องวันพรุ่งนี้เลยเถอะ

                    แต่ฝรั่งเศสตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ 

    คุณพี่ไม่มีรสนิยมคุยเรื่องงานบนโต๊ะอาหารเหมือนเยอรมันหรอกนะ

                    พูดไปอย่างนั้น  เขาก็ไม่รู้หรอกว่าจริงๆ แล้วเยอรมันทำอย่างที่ว่าหรือเปล่า

     แล้วจะคุยตอนไหนล่ะเจ้าบ้า”  อังกฤษซึ่งชินกับการทำตัวสบายๆของอีกฝ่ายแล้วก็ถามอย่างไม่ต้องการคำตอบสักเท่าไร 

                    คุยบนเตียง 

    เป็นอีกครั้งที่อังกฤษสบถออกมาโดยที่ฝรั่งเศสหัวเราะหึ

    ฉันรู้ว่านายรู้อยู่แล้วว่าฉันต้องการอะไร  ...  จับมือกันชั่วคราวจนกว่าจะจัดการประเทศอื่นเสร็จอังกฤษพูดเสียงเรียบ  กลืนอาหารในปากก่อนจะพูดต่อ  “ขอสาบานด้วยเกียรติของทหารราชินีจะไม่มีการบิดพลิ้วอย่างแน่นอน

    ต้องร่างสนธิสัญญาด้วยไหมเนี่ยฝรั่งเศสถามอย่างหยอกเย้าแต่นั่นไม่ได้แปลว่าเขาตอบตกลง

    ถ้านายต้องการ อังกฤษเอ่ยจริงจัง  เขาลุกขึ้นไปหยิบขวดไวน์เปิดออกแล้วรินมันใส่แก้วทั้งสองใบ  แก้วในมือชนกันเป็นเสียงกังวานแต่อังกฤษยืนดื่มมันตรงนั้นไม่กลับไปเก้าอี้ของตน

    เสียมารยาทนะหนุ่มน้อย

    ฉันเป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว  ...  คำตอบล่ะ”  อังกฤษปรายตามองผ่านแก้วไวน์ที่ถูกดื่มจนหมด 

    ใจเย็นสิ  ที่จริงเราต่างรู้สึกแย่ที่ต้องช่วยเหลือกันไม่ใช่เหรอ  ช่วยบอกข้อแม้ของนายให้คุณพี่รู้ก่อนจะได้ไหม”  ฝรั่งเศสหมุนแก้วในมืออย่างเลื่อนลอย  ในขณะที่อังกฤษเหยียดยิ้มหยันให้กับคำกล่าวรู้ทัน

    นายจะเป็นคนกำจัดอเมริกา  แล้วฉันจะจัดการแคนาดาเอง

    ฝรั่งเศสหัวเราะเสียงดังให้กับข้อเสนอนั้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนอังกฤษเริ่มจะหงุดหงิด  เขาควรเอาขวดไวน์ฟาดหัวไอหมอนี่ให้จบๆ ณ ตรงนี้ไปเลยดีไหม

    ไม่ต้องมองแบบนั้น  มันตลกน่ะ  ...  สองร้อยปีผ่านไปนายก็ยังฆ่าเจ้าหนูนั่นไม่ลงอยู่ดี

                    อังกฤษหน้าบึ้งทันที  ไม่น่าตลกสักนิด

                    ถึงกับมาขอร้องฉันเพื่อการนี้  ไม่รู้จะบอกว่าใจอ่อนหรือเลือดเย็นดี

                    “ไม่ใช่ขอร้อง  ข้อแลกเปลี่ยนต่างหาก อังกฤษแก้ประโยคนั้น

                    ฝรั่งเศสลุกขึ้นยืนประจันหน้าแล้วยกแก้วไวน์ในมือขึ้นสูงให้เครื่องดื่มสีแดงนั้นไหลลงคอจนหมด  เขาเขวี้ยงแก้วใบนั้นลงพื้น  เสียงแตกกระทบโสตอย่างน่ากลัว

                    ฝรั่งเศสยื่นหน้าเข้าไปใกล้อังกฤษ

                    ข้อแลกเปลี่ยนนี้น่ะ  อืมมม  ...  ฉันเสียเปรียบรู้ไหม  เพราะฉันไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย  จะเจ้าหนูคนไหนๆ ฉันก็ฆ่าได้หมดนั่นแหละ  ...  นอกจากนั้นแล้วฉันควรกังวลว่าแผนจะเสียเพราะความใจอ่อนของนายด้วยไหม  อังกฤษ

                    คนถูกเรียกชื่อใจหายวาบแม้ว่าภายนอกจะยังสงบนิ่ง  เสียงเข็มนาฬิกากระดิกดังก้อง

    อยู่ในหัว  ดวงตาสีฟ้าของฝรั่งเศสจ้องเขาอย่างคาดคั้น  จนในที่สุดอังกฤษก็เอ่ยตอบเสียงเย็น

                    ในนามของจักรวรรดิบริทานเนีย  ฉันจะไม่อ่อนข้อให้ใครทั้งนั้น

                    นี่สิคือคำตอบที่น่าพอใจที่สุด  ฝรั่งเศสหยิบขวดไวน์ขึ้นมายัดใส่มืออังกฤษขวดหนึ่งและถือเองอีกขวดหนึ่ง  เขาชนไวน์ทั้งสองขวดแล้วจับมันกระแทกเข้าปากดั่งอยู่ในงานเฉลิมฉลอง

                    น้ำสีแดงเปรอะเสื้อสีขาวจนชุ่ม  ฝรั่งเศสหัวเราะร่าราวกับเมามาย  แล้วคำตอบสุดท้ายก็เอ่ยออกมาในที่สุด

                    “ฮ่าๆๆๆ  ดี! ยินดีที่ได้ร่วมงานอีกครั้ง  สหาย

                    หึ  เช่นกัน

     

                    ...

                    ...

     

                    (3)

     

                    รัสเซียยืนอยู่ท่ามกลางหิมะที่ตกลงมาจนท่วมเท้า  เขาหายใจออกมาเป็นไอแต่ไม่มีทีท่าต่อสภาพอากาศเช่นนั้นแม้แต่น้อย  ผ้าพันคอผืนยาวโบกสะบัดตามลมหนาวที่พัดแรง  แม้ว่าเขาจะสามารถยืนเป็นรูปสลักน้ำแข็งได้  แต่ไม่ใช่กับผู้ติดตามทั้งสามคน  ...  ลิธัวเนีย  ลัตเวีย  และเอสโทเนีย  นั่งกอดกันกลมอยู่ที่พื้นอย่างหมดแรง 

                    คุณอีวานครับ  เรามาทำอะไรกันตรงนี้หรอครับ  ลัทเวียร้องถามเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วไมรู้  คำตอบที่ได้คือใบหน้าเปื้อนยิ้มไม่พูดไม่จาของรัสเซียเสมอ  แต่ครั้งนี้ต่างออกไป

                    ...  มาแล้ว

                    อีวานเอ่ยหลังจากยืนนิ่งมานับชั่วโมง  แต่ลมที่พัดรุนแรงทำให้คนทั้งสามไม่ได้ยิน

                    “คุณพูดว่าอะไรนะครั ... !!” 

                    ยังไม่ทันจะพูดจบ  มีดยาวก็ปาดเข้ากับลำคอทำลายเส้นเสียงทั้งหมด  เลือดสีแดงข้นไหลออกมาจากบาดแผลลึกราวสายน้ำ  ไม่ว่าใครก็ดูออกว่าลัทเวียหมดโอกาสรอด  ลิธัวเนียและเอสโทเนียเบิกตากว้างและหวีดร้องออกมาอย่างตื่นตื่นตระหนก  พวกเขาเงยหน้ามองฆาตกรผู้โหดเหี้ยมซึ่งยืนค้ำหัวอยู่

                    เป็นเด็กสาวผมยาวสวมชุดสาวใช้ที่มีใบหน้าบึ้งตึง  ในมือของเธอถืออมีดยาวข้างและมีดสั้นอีกข้าง  เลือดสดๆ หยดจากใบมีดเป็นหลักฐานชัดเจน;ว่าเด็กสาวคนนี้คือฆาตกรแม้จะไม่น่าเชื่อก็ตามที

                    อย่าเสียงดังสิ  พี่ชายไม่ชอบ  ...  รู้ไหม

                    “เบ  เบลารุส  ลิธัวเนียกอดร่างของลัทเวียที่โชกด้วยเลือดพลันร้องอย่างหวาดผวา

                    เบลารุสเผยยิ้มเหี้ยมให้กับเขา  เธอก้าวเข้าไปหาอย่างคุกคามพร้อมทั้งเอ่ยช้าๆ  เธอขังฉันไว้ในคฤหาสน์  ไม่ยอมให้ฉันมาด้วย  บังอาจพรากพีชายไปจากฉัน

                    “คุณรัสเซีย  ช่วยด้วย  ทั้งสองคลานไปกอดขารัสเซียอย่างหวาดกลัว 

    ผู้เป็นเหมือนหัวหน้าใหญ่ก้มลงมองอย่างสงสาร  แต่เขาก็ยิ้มอย่างใสซื่อพร้อมกับคำพูดที่ว่า  พรุ่งนี้พวกเธอก็ไม่น่ารอดอยู่ดี  จะตายวันนี้หรือวันไหนก็เหมือนกันล่ะนะ

    รัสเซียสะบัดขาออกแล้วเดินไปแตะไหล่ของน้องสาว  ช่วยหน่อยนะ

    เบลารุสยิ้มกว้างตอบรับเสียงหวานก่อนจะสาวเท้าเข้าไปหาเหยื่อทั้งสองที่ทำได้เพียงรอความตายในวินาทีต่อมา  เมื่อมัจจุราชหญิงสะบัดเคียวปลิดชีพ  ความเงียบก็โรยตัวอีกครั้ง

    เบลารุสโยนมีดทั้งสองทิ้งแล้วถลาตัวไปกอดคนร่างสูง  เธอเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยนัยน์ตาหยาดเยิ้ม  เส้นผมสีอ่อนปลิวไปกับสายลม

    พี่ชาย  อีกเดี๋ยวเราก็จะได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว 

    รัสเซียลูบหัวของเธอ  ...  เบลารุส  คืออาวุธที่จำเป็นในการที่จะชนะเกมเดิมพันนี้

    เธอจะยอมเป็นหนึ่งเดียวกับพี่ใช่ไหม”  รัสเซียถามโดยไม่มองหน้าของเด็กสาวพร้อมทั้งเผยรอยยิ้มชวนผวา  ความหมายของคำถามนั้นไม่ต่างจากคำสั่งประหารชีวิต

    เบลารุสกอดพี่ชายแน่น  ...  ถ้าความตายมีความหมายเช่นนั้นแล้วล่ะก็ ...

    ทั้งหัวใจและร่างกายนี้  หนูยกให้ทั้งหมดเลย

    รัสเซียโอบกอดเบลารุสตอบทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน  ทั้งคู่ดูเหมือนคู่รักท่ามกลางหิมะเลือด

    แต่แล้วเสียงของอะไรสักอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ทั้งสองผละออกจากกัน  และนาทีถัดไปยูเครนก็ปรากฏตัวพร้อมกับหน้าอกที่ใหญ่โตของเธอ 

    ขอโทษที่พี่มาช้านะ

    พี่สาวคนโตผงกศีรษะเป็นการใหญ่  เธอเองก็อยู่ในชุดสาวใช้ไม่ต่างจากน้องสาวแต่ในมือนั้นถือขวามเล่มใหญ่ที่ใช้ตัดต้นไม้  คาดว่ามันคงเป็นภาระที่ทำให้เธอเดินทางมาหลังเบลารุส

    รัสเซียยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับพี่น้องของเขา

    ยินดีต้อนรับฮะ

    พันธมิตรแห่งดินแดนเหนือมารวมตัวกันจนครบ  ครั้งนี้พวกเขาแสดงความกระหายเลือดและชัยชนะอย่างไม่ปิดบัง  แล้วใครกันเล่าจะหยุดสามพี่น้องนี้ได้


    _________________________________________________________________________________________________________ TBC

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×