คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro
Axis Power Hetalia : Battle Royale
-[ Intro ]-
แคนาดารีบวิ่งสุดชีวิตเพื่อไปให้ถึงห้องประชุมเร็วที่สุด เขาสายไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ด้วยความรีบร้อนนั้น แว่นตาจึงหลุดออกตกลงไปที่พื้นทำให้เขามองพร่ามัวไปหมด
“อยู่ไหนเนี่ย” เขาคลำมือไปตามพื้น หมีจิโร่ที่เกาะลำตัวอยู่คว้าแว่นกลมนั้นให้เจ้าของ
“อ๊ะ ขอบคุณ”
เขาสวมมันอีกครั้งทำให้รู้ว่าเลนส์กระจกเกิดรอบร้าวจากแรงกระแทกเมื่อสักครู่แต่ก็ทำได้เพียงบ่นงึมงำ
“วันนี้แย่ที่สุดเลย”
แคนาดารีบก้าวอีกครั้งจนกระทั่งไปถึงห้องประชุมที่สุด ... แน่นอนว่าไม่ใครรอเขาอีกตามเคย
เมื่อเปิดประตูเข้าไป เขาอดแปลกใจไม่ได้ที่ห้องประชุมที่เคยเต็มไปด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวายไม่ได้สาระกลับเงียบสงบมีเพียงเสียงจากลำโพงเท่านั้นที่ดังอยู่
…
“ข้าขอสั่งให้พวกแกทุกคนยอมเสียสละชีวิตซะ ... ไม่ใช่สิ พวกแกทุกคนต้องทำอะไรก็ได้จนเหลือเพียงคนเดียวต่างหาก … การหมดไปของสงครามคือความหวังของมวลมนุษยชาติที่แท้จริง ซึ่งจะเกิดก็ต่อเมื่อพวกแกเหลืออยู่เพียงคนเดียว ... จะทำได้หรือเปล่าน้า” น้ำเสียงนั้นยียวนอย่างที่สุด
“พวกแกคงรู้ซึ้งดีกับความหมายของการล่มสลายของประเทศชาติ ... ไม่ว่าจะศิลปะ วัฒนธรรม อารยธรรม วิถีชีวิต การดำรงชีพทั้งหมดจะถูกลบออกจากแผนที่โลก เหลือเพียงที่จารึกไว้บนหน้าประวัติศาสตร์”
ใบหน้าที่ซีดเผือดของทุกคนตอกย้ำคำพูดนั้นดี ... ที่สำคัญกว่านั้นคือประเทศชาติจะหายไปก็ต่อเมื่อถูกประเทศอื่นช่วงชิงอิสรภาพที่มีค่าเท่ากับชีวิตเท่านั้น
“ในตัวพวกแกมีแต่สายเลือดที่รักชาติยิ่งกว่าสิ่งใดไหลเวียนอยู่ แล้วข้าเชื่อว่ามันกำลังพลุ่งพล่านได้ที่เลยล่ะ ... ขอให้โชคดี ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
ห้องประชุมราวกับถูกแช่แข็ง ทุกคนนิ่งอึ้งก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
ฝรั่งเศสเหลือบไปมองคู่แข่งตัวฉกาจของตนเองแล้วก็พบว่าอีกฝ่ายก็กำลังมองเขาอยู่อย่างเย็นชา รัสเซียที่ยังคงยิ้มใสซื่อเช่นเคยแต่ในแววตานั้นมีเพียงความกระหายที่ล้นปรี่ เวเนเซียโนหันไปกุมแขนเยอรมันด้วยมือที่สั่นเทา เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าคนข้างกายกำลังขมวดคิ้วเป็นปมแน่นกว่าที่เคย ฝั่งทวีปเอเชียดูสงบนิ่งกว่าทั้งญี่ปุ่นที่ยังคงใบหน้าไร้อารมณ์และจีนที่ส่ายหน้าอย่างระอาไม่สนใจใคร
อเมริกามองไปรอบๆ ห้องอย่างสับสน เขาอยากจะตะโกนแต่มันก็ออกมาเป็นเพียงเสียงแผ่วเบาที่พูดกับตนเอง “ฉันเป็นฮีโร่นะ”
ในสานการณ์แบบนี้ ทั้งห้องประชุมเงียบกริบด้วยแรงกดดันที่แผ่ปกคลุม
...
บางประเทศเริ่มมองกันและกัน แต่ไม่มีร่องรอยของความเป็นมิตรเหลืออยู่อีกต่อไป
...
เกมแห่งความตายที่เดิมพันคือชีวิตและประเทศชาติ
ไม่ฆ่าก็ถูกฆ่า
(1)
ญี่ปุ่นในชุดยูงาตะกำลังนั่งจิบชาอย่างสงบนิ่งในห้องของตน เขาดูไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องที่เกิดขึ้นสักเท่าไรนัก อันที่จริงญี่ปุ่นก็เตรียมพร้อมตลอดเวลาว่าจะเกิดสงครามระลอกใหม่ขึ้นแค่ไม่คาดว่าจะออกมาในรูปแบบนี้ก็เท่านั้น
เสียงก้าวเท้าดังขึ้นหน้าห้องและใครคนหนึ่งก็ยืนอยู่หลังประตูฉากกั้นบานนั้นเห็นเป็นเงาของร่างสูง ญี่ปุ่นรับรู้ได้โดยไม่ต้องหันไปมอง เขาเพียงถอนหายใจแล้วส่งเสียงร้องออกไป
“กรุณากลับไปเถอะครับ”
แต่ดูอาคันตุกะผู้มาเยือนจะไม่สนใจเพราะเขาเลื่อนประตูเปิดออกพร้อมกับทักทายอย่างอารมณ์ดี “หวัดดีคิคุ”
ญี่ปุ่นถอนหายใจอีกครั้ง แล้วผายมือเชิญนั่ง
“ผมไม่คิดว่าเราควรจะพบกันก่อนที่พรุ่งนี้จะมาถึงนะครับ” เขาเอ่ยเสียงเรียบพลางเทน้ำชาอีกแก้วอย่างบรรจง
อเมริกาหัวเราะอย่างเริงร่า นัยน์ตาสีฟ้ายังทอประกายสดใสเช่นเคย เขานั่งลงตรงข้ามญี่ปุ่นแล้วหยิบชาขึ้นจิบแล้วแอบเบ้ปากกับรสชาติที่ไม่ถูกปาก
“เรื่องวันพรุ่งนี้ ... ซีเรียสเหรอ” อเมริกาวางถ้วยชาลงแล้วเอ่ยถามจริงจัง
ญี่ปุ่นถอนหายใจแล้วอธิบายร่ายยาว
“การที่ประเทศจะหายไปมันไม่ใช่แค่เรื่องของเกียรติยศและศักดิ์ศรีครับ แต่มันเป็นเรื่องที่ว่าประชาชนจะลืมวิถีของพวกเขา โลกใบนี้จะเหลือรากเหง้าอารยธรรมอยู่เพียงแบบเดียว ซึ่งมันจะทำให้สงครามหายไป ... และทั้งหมดนั้นแปลว่าพวกเราต้องหายไป”
“เดี๋ยวก่อน ตอนนี้พวกเราก็อยู่กันอย่างสงบสุขแล้วนี่”
“ไม่ครับ มันคือสันติภาพจอมปลอมที่พร้อมจะแตกหักได้ทุกเมื่อหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา”
“...”
ญี่ปุ่นผ่านอะไรมามากเกินกว่าจะมองโลกในแง่ดี เขาเชื่อว่าที่เขาเห็นและคิดอยู่คือโลกแห่งความจริง และสิ่งที่หมุนเวียนอยู่ในร่างกายนั้นบอกเขาว่าเขาพูดถูก
“ไม่ว่าเจ้านั่นจะเป็นใครก็ตาม แต่ถ้าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการแบบนั้น ผมก็จะทำตาม”
“... คิคุ”
”คุณลองกลับไปคิดดูเถอะครับ แต่ผมจะบอกให้อย่างหนึ่ง ความตายของพวกเราไร้ซึ่งความเจ็บปวด แต่การล่มสลายของประเทศต่างหากเล่าคือความเจ็บปวด”
“นายกำลังจะบอกฉันว่าไม่ต้องกลัวตายหรอกใช่ไหม” อเมริกาหัวเราะเบาๆ เขาลุกขึ้นยืนและโบกมือลาเด็กหนุ่มที่ยังคงนั่งอย่างสงบนิ่ง
“ซาโยนาระ อเมริกาซัง”
...
...
(2)
ฝรั่งเศสหยิบขวดไวน์ชั้นยอดใส่ถาดน้ำแข็งแล้วจึงจุดเทียนไขเชิงสามง่ามที่วางอยู่กลางโต๊ะพร้อมทั้งผิวปากเป็นเพลง กลิ่นหอมของอาหารที่โชยออกมาแตะจมูกทำให้เขายิ้มกว้างแล้วรีบนำมันออกจากเตาอบ เขาคว้าขวดซอสสีน้ำตาลมาราดและคว้ากระปุกเครื่องเทศมาโรยอย่างชำนาญ เมื่ออาหารถูกวัดวางบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว เสียงกระดิ่งประตูก็ดังขึ้นพอดิบพอดี
เขาดูนาฬิกาที่บอกเวลาสองทุ่มตรงแล้วอุทาน “เทรเบียง!*”
ฝรั่งเศสถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วถลาไปเปิดประตู
“ถ้านายเปิดช้ากว่านี้อีกสักวินาทีล่ะก็” คนที่เดินเข้ามาบ่นอย่างอารมณ์เสียเพราะนอกประตูนั้นหิมะกำลังตกหนักจนเสื้อโค้ทเขาเริ่มจะเปียก
“ฮะๆ คุณพี่เตรียมฟัวกราส์ไว้ให้แล้ว น้องคิ้วหนาคงไม่ได้กินอาหารดีๆ มานาน”
อังกฤษสบถให้กับคำกล่าวนั้นแต่ไม่โต้แย้งแต่อย่างใด เขานั่งลงอีกฟากของโต๊ะยาว นัยน์ตาฉายแววพอใจเมื่อเห็นเชิงเทียนที่ไม่มีคราบน้ำตาเทียนแม้แต่น้อยซึ่งแปลว่าเขามาตรงเวลา
อังกฤษหยิบมีดและส้อมขึ้นมาตัดเนื้อบนจานของเขาระหว่างนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “มาว่าเรื่องวันพรุ่งนี้เลยเถอะ”
แต่ฝรั่งเศสตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ
“คุณพี่ไม่มีรสนิยมคุยเรื่องงานบนโต๊ะอาหารเหมือนเยอรมันหรอกนะ”
พูดไปอย่างนั้น เขาก็ไม่รู้หรอกว่าจริงๆ แล้วเยอรมันทำอย่างที่ว่าหรือเปล่า
“แล้วจะคุยตอนไหนล่ะเจ้าบ้า” อังกฤษซึ่งชินกับการทำตัวสบายๆของอีกฝ่ายแล้วก็ถามอย่างไม่ต้องการคำตอบสักเท่าไร
“คุยบนเตียง”
เป็นอีกครั้งที่อังกฤษสบถออกมาโดยที่ฝรั่งเศสหัวเราะหึ
“ฉันรู้ว่านายรู้อยู่แล้วว่าฉันต้องการอะไร ... จับมือกันชั่วคราวจนกว่าจะจัดการประเทศอื่นเสร็จ” อังกฤษพูดเสียงเรียบ กลืนอาหารในปากก่อนจะพูดต่อ “ขอสาบานด้วยเกียรติของทหารราชินีจะไม่มีการบิดพลิ้วอย่างแน่นอน”
“ต้องร่างสนธิสัญญาด้วยไหมเนี่ย” ฝรั่งเศสถามอย่างหยอกเย้าแต่นั่นไม่ได้แปลว่าเขาตอบตกลง
“ถ้านายต้องการ” อังกฤษเอ่ยจริงจัง เขาลุกขึ้นไปหยิบขวดไวน์เปิดออกแล้วรินมันใส่แก้วทั้งสองใบ แก้วในมือชนกันเป็นเสียงกังวานแต่อังกฤษยืนดื่มมันตรงนั้นไม่กลับไปเก้าอี้ของตน
“เสียมารยาทนะหนุ่มน้อย”
“ฉันเป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว ... คำตอบล่ะ” อังกฤษปรายตามองผ่านแก้วไวน์ที่ถูกดื่มจนหมด
“ใจเย็นสิ ที่จริงเราต่างรู้สึกแย่ที่ต้องช่วยเหลือกันไม่ใช่เหรอ ช่วยบอกข้อแม้ของนายให้คุณพี่รู้ก่อนจะได้ไหม” ฝรั่งเศสหมุนแก้วในมืออย่างเลื่อนลอย ในขณะที่อังกฤษเหยียดยิ้มหยันให้กับคำกล่าวรู้ทัน
“นายจะเป็นคนกำจัดอเมริกา แล้วฉันจะจัดการแคนาดาเอง”
ฝรั่งเศสหัวเราะเสียงดังให้กับข้อเสนอนั้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนอังกฤษเริ่มจะหงุดหงิด เขาควรเอาขวดไวน์ฟาดหัวไอหมอนี่ให้จบๆ ณ ตรงนี้ไปเลยดีไหม
“ไม่ต้องมองแบบนั้น มันตลกน่ะ ... สองร้อยปีผ่านไปนายก็ยังฆ่าเจ้าหนูนั่นไม่ลงอยู่ดี”
อังกฤษหน้าบึ้งทันที ไม่น่าตลกสักนิด
“ถึงกับมาขอร้องฉันเพื่อการนี้ ไม่รู้จะบอกว่าใจอ่อนหรือเลือดเย็นดี”
“ไม่ใช่ขอร้อง ข้อแลกเปลี่ยนต่างหาก” อังกฤษแก้ประโยคนั้น
ฝรั่งเศสลุกขึ้นยืนประจันหน้าแล้วยกแก้วไวน์ในมือขึ้นสูงให้เครื่องดื่มสีแดงนั้นไหลลงคอจนหมด เขาเขวี้ยงแก้วใบนั้นลงพื้น เสียงแตกกระทบโสตอย่างน่ากลัว
ฝรั่งเศสยื่นหน้าเข้าไปใกล้อังกฤษ
“ข้อแลกเปลี่ยนนี้น่ะ อืมมม ... ฉันเสียเปรียบรู้ไหม เพราะฉันไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย จะเจ้าหนูคนไหนๆ ฉันก็ฆ่าได้หมดนั่นแหละ ... นอกจากนั้นแล้วฉันควรกังวลว่าแผนจะเสียเพราะความใจอ่อนของนายด้วยไหม อังกฤษ”
คนถูกเรียกชื่อใจหายวาบแม้ว่าภายนอกจะยังสงบนิ่ง เสียงเข็มนาฬิกากระดิกดังก้อง
อยู่ในหัว ดวงตาสีฟ้าของฝรั่งเศสจ้องเขาอย่างคาดคั้น จนในที่สุดอังกฤษก็เอ่ยตอบเสียงเย็น
“ในนามของจักรวรรดิบริทานเนีย ฉันจะไม่อ่อนข้อให้ใครทั้งนั้น”
นี่สิคือคำตอบที่น่าพอใจที่สุด ฝรั่งเศสหยิบขวดไวน์ขึ้นมายัดใส่มืออังกฤษขวดหนึ่งและถือเองอีกขวดหนึ่ง เขาชนไวน์ทั้งสองขวดแล้วจับมันกระแทกเข้าปากดั่งอยู่ในงานเฉลิมฉลอง
น้ำสีแดงเปรอะเสื้อสีขาวจนชุ่ม ฝรั่งเศสหัวเราะร่าราวกับเมามาย แล้วคำตอบสุดท้ายก็เอ่ยออกมาในที่สุด
“ฮ่าๆๆๆ ดี! ยินดีที่ได้ร่วมงานอีกครั้ง สหาย”
“หึ เช่นกัน”
...
...
(3)
รัสเซียยืนอยู่ท่ามกลางหิมะที่ตกลงมาจนท่วมเท้า เขาหายใจออกมาเป็นไอแต่ไม่มีทีท่าต่อสภาพอากาศเช่นนั้นแม้แต่น้อย ผ้าพันคอผืนยาวโบกสะบัดตามลมหนาวที่พัดแรง แม้ว่าเขาจะสามารถยืนเป็นรูปสลักน้ำแข็งได้ แต่ไม่ใช่กับผู้ติดตามทั้งสามคน ... ลิธัวเนีย ลัตเวีย และเอสโทเนีย นั่งกอดกันกลมอยู่ที่พื้นอย่างหมดแรง
“คุณอีวานครับ เรามาทำอะไรกันตรงนี้หรอครับ” ลัทเวียร้องถามเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วไมรู้ คำตอบที่ได้คือใบหน้าเปื้อนยิ้มไม่พูดไม่จาของรัสเซียเสมอ แต่ครั้งนี้ต่างออกไป
“... มาแล้ว”
อีวานเอ่ยหลังจากยืนนิ่งมานับชั่วโมง แต่ลมที่พัดรุนแรงทำให้คนทั้งสามไม่ได้ยิน
“คุณพูดว่าอะไรนะครั ... !!”
ยังไม่ทันจะพูดจบ มีดยาวก็ปาดเข้ากับลำคอทำลายเส้นเสียงทั้งหมด เลือดสีแดงข้นไหลออกมาจากบาดแผลลึกราวสายน้ำ ไม่ว่าใครก็ดูออกว่าลัทเวียหมดโอกาสรอด ลิธัวเนียและเอสโทเนียเบิกตากว้างและหวีดร้องออกมาอย่างตื่นตื่นตระหนก พวกเขาเงยหน้ามองฆาตกรผู้โหดเหี้ยมซึ่งยืนค้ำหัวอยู่
เป็นเด็กสาวผมยาวสวมชุดสาวใช้ที่มีใบหน้าบึ้งตึง ในมือของเธอถืออมีดยาวข้างและมีดสั้นอีกข้าง เลือดสดๆ หยดจากใบมีดเป็นหลักฐานชัดเจน;ว่าเด็กสาวคนนี้คือฆาตกรแม้จะไม่น่าเชื่อก็ตามที
“อย่าเสียงดังสิ พี่ชายไม่ชอบ ... รู้ไหม”
“เบ เบลารุส” ลิธัวเนียกอดร่างของลัทเวียที่โชกด้วยเลือดพลันร้องอย่างหวาดผวา
เบลารุสเผยยิ้มเหี้ยมให้กับเขา เธอก้าวเข้าไปหาอย่างคุกคามพร้อมทั้งเอ่ยช้าๆ “เธอขังฉันไว้ในคฤหาสน์ ไม่ยอมให้ฉันมาด้วย บังอาจพรากพีชายไปจากฉัน”
“คุณรัสเซีย ช่วยด้วย” ทั้งสองคลานไปกอดขารัสเซียอย่างหวาดกลัว
ผู้เป็นเหมือนหัวหน้าใหญ่ก้มลงมองอย่างสงสาร แต่เขาก็ยิ้มอย่างใสซื่อพร้อมกับคำพูดที่ว่า “พรุ่งนี้พวกเธอก็ไม่น่ารอดอยู่ดี จะตายวันนี้หรือวันไหนก็เหมือนกันล่ะนะ”
รัสเซียสะบัดขาออกแล้วเดินไปแตะไหล่ของน้องสาว “ช่วยหน่อยนะ”
เบลารุสยิ้มกว้างตอบรับเสียงหวานก่อนจะสาวเท้าเข้าไปหาเหยื่อทั้งสองที่ทำได้เพียงรอความตายในวินาทีต่อมา เมื่อมัจจุราชหญิงสะบัดเคียวปลิดชีพ ความเงียบก็โรยตัวอีกครั้ง
เบลารุสโยนมีดทั้งสองทิ้งแล้วถลาตัวไปกอดคนร่างสูง เธอเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยนัยน์ตาหยาดเยิ้ม เส้นผมสีอ่อนปลิวไปกับสายลม
“พี่ชาย อีกเดี๋ยวเราก็จะได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว”
รัสเซียลูบหัวของเธอ ... เบลารุส คืออาวุธที่จำเป็นในการที่จะชนะเกมเดิมพันนี้
“เธอจะยอมเป็นหนึ่งเดียวกับพี่ใช่ไหม” รัสเซียถามโดยไม่มองหน้าของเด็กสาวพร้อมทั้งเผยรอยยิ้มชวนผวา ความหมายของคำถามนั้นไม่ต่างจากคำสั่งประหารชีวิต
เบลารุสกอดพี่ชายแน่น ... ถ้าความตายมีความหมายเช่นนั้นแล้วล่ะก็ ...
“ทั้งหัวใจและร่างกายนี้ หนูยกให้ทั้งหมดเลย”
รัสเซียโอบกอดเบลารุสตอบทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน ทั้งคู่ดูเหมือนคู่รักท่ามกลางหิมะเลือด
แต่แล้วเสียงของอะไรสักอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ทั้งสองผละออกจากกัน และนาทีถัดไปยูเครนก็ปรากฏตัวพร้อมกับหน้าอกที่ใหญ่โตของเธอ
“ขอโทษที่พี่มาช้านะ”
พี่สาวคนโตผงกศีรษะเป็นการใหญ่ เธอเองก็อยู่ในชุดสาวใช้ไม่ต่างจากน้องสาวแต่ในมือนั้นถือขวามเล่มใหญ่ที่ใช้ตัดต้นไม้ คาดว่ามันคงเป็นภาระที่ทำให้เธอเดินทางมาหลังเบลารุส
รัสเซียยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับพี่น้องของเขา
“ยินดีต้อนรับฮะ”
พันธมิตรแห่งดินแดนเหนือมารวมตัวกันจนครบ ครั้งนี้พวกเขาแสดงความกระหายเลือดและชัยชนะอย่างไม่ปิดบัง แล้วใครกันเล่าจะหยุดสามพี่น้องนี้ได้
_________________________________________________________________________________________________________ TBC
ความคิดเห็น