ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ก๊วนจิ๋วผจญภัย กับ ภารกิจพิทักษ์จอมมาร

    ลำดับตอนที่ #1 : กองโจรเงาปีศาจ

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ย. 54


    “ไปให้พ้น” “ออกไปไกลๆ” “อย่าไปยุ่งกันมันลูก” “เอาหินปามันเร็วเข้า”

    “ไม่นะ” ผมตระโกนสุดเสียง ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงที่ทำมาจากเศษใบไม้ และใช้มือปาดเหงื่อที่ไหลอยู่บนใบหน้าออก นี่ไม่ใช่เป็นครั้งแรกที่ผมฝันแบบนี้ ผมฝันเรื่องแบบนี้แทบทุกวัน

    “ฝันร้ายหรอไอต้น เรื่องเดิมๆอีกหละสิ” จูลสายเลือดสุดท้ายของตระกูล เนโครแมนเซอร์ (ผู้ไม่มีวันตาย) และเป็นเพื่อนสนิดของผมถามขึ้น

    “อืม” ผมตอบด้วยสีหน้าที่เหนื่อยอ่อนเต็มที

    “เอาน่าอย่าไปคิดมากเลย ยังไงชั้นกับแกก็เป็นเหมือนเดียวกันนั้นหละ หลับซะพรุ่งนี้ยังต้องลุยกันอีกเยอะ” จูลพูด

    “ด้วยมนต์ดำ ความตาย และความเศร้าแห่งข้าเอ๋ย จงไป เหล่าวิญญาณสหายแห่งข้า” และผมก็หลับลง

    เช้าวันถัดมา

    “ไปเล่นน้ำที่ลำธารกัน เร็วจูล” ผมฉุดกระชากลากจูลให้วิ่งตามผมไป

    “ดูนั้นสิ กระต่ายกับลูกของมัน นั้นๆม้าเปกาซัส ก็อบลิน อีกฝูงหนึ่ง” ผมชี้ไปทางนู้นทีทางนี้ที

    “ก็เห็นกันอยู่ทุกวันไม่ใช่หรอ” จูลพูดและทำหน้าเบื่อๆใส่ผม

    “เห้ยๆๆ นั้นๆๆ ราชา สลัม น่ากอดจังเลย” ผมยังคนเพ้อต่อไป //-- ราชาสลัมมีลักษณะตัวกลมอ้วน สวมมงกุฎอยู่บนหัว ตัวมีสีทองอร่าม มีลูกน้องสลัมหลายๆสีตัวเล็กๆอยู่รอบกายเสมอ --//

    “ไปปล้นเอามงกุฎของมันมาขายดีกว่า เอาปะ” จูลพูดขึ้น

    “ไม่เอาน่าสงสารมัน”

    พอพวกเรามาถึงน้ำตกก็ได้เล่นน้ำชำระร่างกายกันพอเล่นน้ำไปได้ซักพักหนึ่ง

    “ไอต้นมีคนมา ไปกันเถอะ เดียวได้ฆ่าพวกนั้นปล่าวๆ” จูลกระซิบบอกผมเบาๆ

    “อื้อ” พวกเราค่อยๆย่องหนีจากจุดนั้นมา

    “เอาไงต่อ วันนี้จะไปปล้นบ้านไครดี” จูลพูดและยิ้มอย่างมีเจ้าเล่ห์

    “แปปนะ” ผมนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง

    “ด้วยมนต์ดำ ความตาย และความเศร้าแห่งข้าเอ๋ย เหล่าวิญาณสหายของข้าจงมาปรากฏตัว ณ บัดนี้” ทันทีที่ผมท่องจบก็มีลมพัดวูบเล็กๆมาจากหลายทิศทาง และก็มีเด็กสองสามขวบตัวเล็กๆน่ารัก หลายคนปรากฏขึ้น ตรงข้างหน้าของผมและจูล

    “ว่าไงลูกเพ่ ต่อยตัวๆผมป่าว” เด็กคนหนึ่งพูดขึ้น

    “โหย เรียกมาทำไมเนี่ยกำลังแอบดูสาวอาบน้ำอยู่ ไม่เกรงใจกันบ้างเลย” เด็กอีกคนพูดขึ้นและใช้มือเล็กๆทุบมาแถวๆขาของผม

    “ใช้งานจริงค่าจ่างก็ไม่เคยจ่าย เดียวไม่อยู่ให้ใช้งานเลย” เด็กอีกคนพูดบ้าง

    “ทำไม่พี่จูลไม่ดูแลคู่ขาตัวเองบ้างเนี่ย ปล่อยให้ใช้งานเด็กอยู่ได้ เดียวฟ้องปวีณาเลย” “โป๊ก !!” ไอนี่พูดยังไม่ทันจบโดนจูลเขกกะโหลกไปทีนึง

    !@#@$#%$$%#!@#!@$#%@# และมีเสียงบ่นจากเด็กเปรตพวกนี้อีกหลายคน

    “ไอผีเด็กพวกนี้ หน้าตาก็น่ารัก แต่นิสัยละ ตูจะตายเอา เงียบๆหน่อยสิโว๊ย” จูลโวยวายไปกับพวกเด็กๆทำให้ยิ่งเสียงจอแจ วุ่นวายไปกันใหญ่

    “ครึกครื่นดีจัง ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ผมหัวเราะชอบใจ //-- เด็กพวกนี้เป็นเด็กที่เกิดจากเวทมนต์ อยู่ในเผ่าปีศาจ --//

    “เอาหละ ด้วยมนต์ดำ ความตาย และความเศร้าแห่งข้าเอ๋ย ขอสาบให้เด็กพวกนี้มีวิญญาณ ความคิด และร่างกายรวมกัน” ทันได้นั้นก็มีหมอกสีดำออกมาคลุมเหล่าเด็กพูดมากเอาไว้ ผ่านไปซักพักก็เหลือเด็กเล็กอยู่สามคน

    “เราชื่อนัทนะ เราชื่ออ้วนนะ และเรามีน” ผมตั้งชื่อให้เด็กพวกนี้

    “โหยลูกเพ่ ไม่ครึกครื้นเลยมีกันสามคนเนี่ย” ไอนัทพูดขึ้น

    “นั้นสิครับลูกพี่” ไออ้วนพูดเสริม มันอ้วนกว่าคนอื่นผมเลยตั้งชื่อมันว่าไออ้วน

    “โหย ไม่ใจเลยพี่เนี่ย” ไอมีนมองค้อนผม

    “นิสัยยังคนเส้นคงว่าไม่เปลี่ยนเลยนะเด็กนรกพวกนี้”

    “พี่จูลชมพวกผมแบบนี้พวกผมก็เขินแย่สิคับ” ไออ้วนทำท่าเขินใส่

    “ตูด่าเว๊ย ไอพวกปัญญาอ่อน”

    “พอละน่าๆ เอาพวกเด็กไหนลองบอกมาว่าบ้านเศรษฐีคนไหนที่เราจะปล้นง่ายที่สุด” ผมถามตัดบทการทะเราะกันทันที

    “มีสองหลังคับลูกเพ่ หลังแรกบ้านของเศรษฐีกันย์ พ่อมดแห่งอาหาร และอีกหลังเป็นของเศรษฐีกาฟิวส์ นักดาบสายฟ้า” เด็กๆตอบ เศรษฐีพวกนี้รีดไถเงินจากประชาชนในเขตของตนเองทำให้ตนเองรวยขึ้นทุกวันแต่ประชาชนจนลงทุกวันเช่นกัน ผมและจูลหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าจะไปปล่นบ้านไครดี

    “ไปบ้านเศรษฐีกันย์ไหม ท่าทางจะปล่นได้ง่ายๆ” ผมเสนอ

    “จัดไป ไอต้น” จูลตอบ

    “เดียวพวกผมไปช่วยเตะตูดมันนะ ลูกเพ่” ไอนัทและพักพวกทำท่าชกอากาศแสดงความฟิตให้เห็น

    “พวกแกไม่ต้องเจ๋อไปเลย ชิ่วๆ” จูลทำท่าไล่

    “ลูกพี่ก๊าบ ให้พวกเราไปด้วยนะ แง่ๆ ๆ” พวกเด็กๆร้องไห้วิ่งเข้ามากอดขาผม

    “อืม ไปก็ไปสิ” ผมตอบ

    “เย้ๆ ๆ ลูกเพ่เราง่าว(โง่)ที่สุดอะ โดนหลอก” จากเด็กที่เคยร้องไห้อยู่เปลี่นมาดีใจในทันที

    “ด้วยพลังอำนาจแห่งข้า เนโครแมนเซอร์ผู้ไม่มีวันตาย ขออัญเชิญกาเดียนที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งตระกูล จงออกมาจากขุมนรกอันมือมิดและน่าเบื่อหน่าย ออกมา เฮจซ์”

    มีวงแหวนเวทมนต์สีดำขนาดใหญ่ลอยอยู่บนท้องฟ้าและค่อยๆมีตัวอะไรบางอย่างออกมาจากวงแหวนเวทนั้น

     “วันนี้จะไปปล่นบ้านไครหละเจ้านาย” มังกรตัวใหญ่ยักษ์ ที่มีในตาย์สีแดงเพลิง และส่วนอื่นนั้นเป็นสีดำสนิดเอ่ยถามขึ้น //-- เฮซจ์ เป็นเผ่าพันธุ์มังกร ที่ตระกูลเนโครแมนเซอร์เคยเลี้ยงเอาไว้ และผ่าตัดแปลงให้เป็นดารกอนเนโครโมแมนเซอร์ เพราะเผ่าพันธุ์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ฉลาด และหายากมากๆ --//

    “เศรษฐีกันท์” จูลบอกพร้อมกับลูบหัวมังกรของตนเองไปด้วย

    “เดียวให้เด็กพวกนี้นำทางไปนะ เฮซจ์” ผมชี้ไปทางเด็กๆ ที่กำลังทำหน้าเล่นลิ้นปรินตาใส้เฮซจ์อยู่

    “บินไปเร็วๆละกันนะพวกเด็กกาก ถ้าแกช้ากว่าข้า ข้าจะจับกินไม่ให้เหลือซากเลย” เฮจซ์แย่เขี้ยวขู่พวกเด็กๆ

    “ไปกันได้ละ”

    ผมและจูลนั้งอยู่บนหัวของเฮจซ์โดยที่มีพวกเด็กๆบินนำไป พวกเราบินเข้าก้อนเมฆกันเพื่อเป็นการพลางตัว ผมเงื้อมือไปคว้าปุยก้อนเมฆมาแล้วฉีกเป็นชิ้นเล็กๆและนำเข้าปาก

    “กินกี่ทีๆก็ไม่เบื่อจริงๆน้า ปุยก้อนเมฆเนี่ย หอมหวานละมุนจริงๆ กินไหมจูล” ผมฉีกปุยเมฆละยื่นให้

    “ไม่เอาหละ ยังไงก็ไม่ค่อนชอบกินหวานจริงๆนั้นแหละไอต้น แต่พูดถึงของกินละอยากกินสะเก็ดดาวตกหวะ กลอบๆมันๆ อร่อยที่ซู๊ดดดดดด” จูลทำหน้าเคริ้มในรถชาติของสะเก็ดดาวตก

    “เดียวปล่นเสร็จละดึกไป บินไปเก็บกินกันนะ ไอต้น”

    “ได้เลย”

    “ลูกเพ่ตรงขั้งหน้านั้นไง ปราสาทที่เศรษฐีกันท์อยู่” เด็กๆชี้ให้ผมและจูลดู

    “หึหึ ได้เวลาลุยละนะ”

    “อย่าฆ่าคนนะ จูลสงสารพวกลูกและเมียของคนพวกนั้นหละ”

    “ฆ่าถ้าจำเป็นละกันนะไอต้น”

    “ตามใจ” ผมตอบไปอย่างนั้นแหละความจริงเราสองคนปล่นมานักต่อนักละ และทุกครั้งที่เราปล่นเราไม่เคยฆ่าคนเลยซักครั้งเดียว ถึงจะจำเป็นยังไงพวกเราก็จะไม่ฆ่าคนเด็ดขาด เพราะเมื่อเริ่มฆ่าคนครั้งแรกนั้นแหละคือหาทางสู้ความเป็นปีศาจ

    “ครั้งนี้จะเศกให้ผมเป็นอะไรอีกครับเจ้านาย” เฮจซ์ทำหน้าคอนๆไปทางจูล

    “เป็นปืนสายฟ้าละกัน ถ้าให้แกเป็นร่างฮีโร่ละเดียวคนจะมีคนตายฟรีเอาซะปล่าวๆ” //-- จูลมีคาถาเกี่ยวกับเฮจซ์มากมายเพราะเป็นกาเดี่ยนประจำตระกูลมานาน เฮจซ์มีร่างจริงที่เรียกว่าร่างฮีโร่อยู่โดยร่างนี้จะเปลี่ยนให้เฮจซ์เป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่าฝันร้ายที่สุดเท่าทีทุกสรรพสิ่งจะฝันร้ายได้ --//

    จูลนำมือไปวางไว้บนหัวของเฮจซ์

    “ย๊ากกก” ทันไดนั้นเฮจซ์ก็เปลี่ยนกลายเป็นปืนที่รายล้อมด้วยสายฟ้าสีน้ำเงินเล็กๆเต็มไปหมด

    “เป็นเวทมนต์ที่ใช้ง่ายจิงๆผมแซวเล่น” //-- ความจิงเวทมนต์เปลี่ยนร่างเป็นมนต์ที่ใช้ค่อนข้างยากเพราะต้องอาศัยพลังของการจินตนาการ และพลังสมาธิขั้นสูงเลยทีเดียว ยิ่งถ้าไม่ได้เปลี่ยนร่างตัวเราเองแต่ไปเปลี่ยนร่างคนอื่นยิ่งยากเพราะถ้าผู้ร่ายมนต์และผู้ถูกมนต์ถ้าสมาธิไม่ดีและจิตใจไม่สื่อถึงกัน จะทำให้เกิดอันตรายขั้นร้ายแรงได้ --//

    “ลุยละนะ” จูลพูดจบก็เดินไปปริเวณหน้าปราสาทและเล็งปืนไปที่หน้าประตูปราสาทและยิงทันที เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณ ปะตูถูกทำรายอย่างสิ้นซาก

    “เราก็ไปกันบ้างเด็กๆ”

    “พร้อมตั้งนานแล้วลูกเพ่”

    “ไออ้วน ไอมีน คอยลากคนที่อยู่ในปราสาทออกมานะ อย่าให้มีไครตาย เข้าใจไหม ไอนัทมากับชั้น” เด็กๆบินเข้าไปในปราสาทหลังจากสิ้นคำสั้งผม ผม จูล และเหล่าเด็กๆได้เข้ามาในปราศาท จูลค่อยยิงทหารที่จะเข้ามาทำร้ายเราโดยที่ใช้กระแสไฟฟ้าต่ำเพื่อให้แค่สลบ ทันทีที่เหล่าทหารสลบ ไออ้วน แลไอมีนก็รีบรากซากทหารพวกนั้นออกจากปราสาททันที ผมและนัทคอยระวังหลังให้ แต่เหล่าทหารมีมากเหลือเกิน ทำให้สลบเท่าไหร่ก็ยังมากันอีกเยอะ

    “ไหนบอกว่าไอเศรษฐีนี่มันป้องกันน้อยวะ ไอพวกเด็กกาก ทหารเยอะสุดๆ เริ่มเหนื่อยละเนี่ยใช้พลังเวทมนต์ไปมาก” จูลบ่น

    “เนี่ยน้อยสุดละลูกเพ่จูล” ไอนัทตอบ

    “หอกน้ำแข็งทะลวง” สิ้นเสียงคาถา ก็มีหอกน้ำแข็งนับร้อยผุดขึ้นมาจากพื้นและพุ่งตรงมาที่พวกเรา

    “กรงขังสายฟ้า”

    “ตูม !! เสียงเวทมนต์ทั้งสองเข้าปะทะกันและระเบิดออกเป็นวงกว้าง

    “เข้ามาไอพวกโจร” ทหารที่ใช้เวทมนต์น้ำแข็งกล่าว

    “งั้นไม่เกรงใจนะลุง” จูลวิ่งเข้าไปหาทันที

    “ดาบน้ำแข็งออกมา” ในมือของทหารผู้นั้นก็มีดาบที่สร้างจากน้ำแข็งออกมาทันที

    “ท่าจะคมน่าดู ไหวรึป่าว เฮจซ์” จูลถามเฮจซ์ที่อยู่ในรูปแปปที่เป็นปืน

    “กลัวที่ไหนครับเจ้านาย”  เฮจซ์ตอบ

    ทหารคนนั้นฟันดาบน้ำเข็งที่คมกริบลงมาที่จูล แต่จูลได้ใช้ปืนมาปกป้องได้ทันควัน

    “อู๊ยยย คมมากเลยนะครับเจ้านาย อย่าใช้ผมรับอีกนะครับมันเจ็บ” เฮจซ์บ่น

    “งั้นจัดการละนะ กรงขังสายฟ้า” ทันไดนั้นเองรอบตัวของทหารคนนั้นก็มีกรงขั้งที่ทำมาจากสายฟ้าสีน้ำเงินล้อมไว้ทุกด้าน

    “ลาขาด” สายฟ้าที่เคยเป็นกรงขั้งได้พุ่งตรงใส่ทหารคนนั้นทันที

    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก”

    จูลเดินมาหาผม

    “ไม่ตายหรอกน่า ชั้นประเมินพลังไว้แล้วหละ”

    ไม่ทันไรก็มีเวทมนต์อีกหลายอย่างพุ่งมาทำร้ายเรา ทำให้เกิดเสียงระเบิดอีกหลายครั้ง

    “แย่ละทหารมากันอีกเพียบเลย ทำไงดีเนี่ยไอต้น”

    “เอางี้เด็กๆมานี้ให้หมด” ผมเรียกเด็กน้อยทั้งสามคนมา

    ด้วยมนต์ดำ ความตาย และความเศร้าแห่งข้าเอ๋ย ขอสาบ........

    “เห๊ย ลูกเพ่จะทำอะไรพวกผมเนี่ย” พวกเด็กๆโวยวายเมื่อได้ยินว่า ขอสาบ

    “เงียบๆและเชื่อใจชั้น” ผมทำสีหน้าเครียดอย่างที่พวกนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน

    ด้วยมนต์ดำ ความตาย และความเศร้าแห่งข้าเอ๋ย ขอสาบให้พวกเจ้าเป็นกระตายแห่งกาลเวลา แมวเจ้าเล่ห์ และกบเวทมนต์” ฟูม ควันสีดำครุ่มร่างเด็กทั้งสามคนไว้และเปลี่ยนเด็กพวกนั้นให้เป็นดั่งคำสาบ

     “ไม่มีเวลาแล้วๆ” กระต่าย(ไอนัท)พูดซ้ำไปซ้ำมา

    “ส.บ.ม. เดียวจัดให้” แมวเจ้าเล่ห์(ไออ้วน)ยิ้มกว้างเกือบจะถึงใบหู ลอย และหายตัวไปทันที

    “เจ้าหญิงจ๋าอยู่ไหน มาให้จูจุ๊บซะดีๆ” กดเวทมนต์(ไอมีน)ตัวสีเขียวเป็นเงากระโดดไปอยู่ข้างๆกระต่าย

    “แกเปลี่ยนพวกมันเป็นอะไรเนี่ยไอต้น โอ๊ยยยยจะบ้าตาย”

    “เดียวก็รู้แต่เก่งละกันน่า” ผมอมยิ้ม

    “ระเบิดอากาศ” ทหารคนหนึ่งร่ายมนต์มายังพวกเรา

    “หลบไป” เจ้ากบกระโดนขึ้นไปเอาหลังไปกระแทกกับเวทมนต์ทำให้เวทมนต์นั้นสะท้อนกลับไปยังผู้ใช้และทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก //-- ความสามารถของกบเวทมนต์คือสะท้อนเวทมนต์กลับไปโดยทวีความรุนแรงขึ้น --//

    “หึ หึ” เสียงของแมวดังขึ้นด้านหลังทหารคนหนึ่ง ทหารรีบหันกลลับไปดูทันทีแต่ก็ไม่มีอะไร

    “หึ หึ” เสียงของแมวยังดังขึ้นอีกหลายครั้ง

    “ออกมาสิวะ” ทหารหันไปท้าในทิศทางที่มีเสียง

    ทันใดนั้นเองร่างแมวก็ปรากฎขึ้นมาตรงหน้าของทหารนายนั้นทันที

    “จงหลับฝันร้าย nightmare” สิ้นเสียงเวทมนต์ของแมว ทหารบริเวณนั้นก็หลับลงไป

    //-- ความสามารถของแมวเจ้าเล่ห์คือทำให้คนในบริเวณนั้นหลับลงไปได้ --//

    “เก่งนั้กใช่ไหมพวกโจรชั่วตายซะให้หมด” ทหารเกือบสามสิบคนวิ่งกรูเข้ามาจะโจมตีพวกเรา

    กระต่ายรีบกระโดดมาบริเวณที่พวกเราอยู่ทันที และหยิบนาฬิกาเลือนโตสีทองออกมา

    time stop” กระต่ายกดปุ่มที่บริเวณหัวนาฬิกาทำให้เวลาในบริเวณนั้นหยุดเดินทันที ยกเว่นคากระต่ายคนเดียวเท่านั้นที่เวลาชีวิตไม่หยุดเดิน กระต่ายค่อยๆกระโดดเอานาฬิกามาแตะตัวพวกเราทีละคนเพื่อจะให้หลุดจากเวทมนต์นี้

    “ทำได้ดีมากเด็กๆ”

    “เก่งนี่กว่าไอพวกเด็กกาก” ดูเหมือนว่าจูลยอมรับในพลังของเด็กพวกนี้

    “ข้าจะยอมไม่กินพวกเจ้าก็ได้เดียวเจ้านายเจ้าจะเสียใจ” เฮจซ์เสริม

    “หึหึ ข้าไม่นึกเลยว่าพวกเจ้าจะผ่านเหล่าทหารมาได้ เจ้าพวกโจรเงาปีศาจ พวกเจ้าเก่งสมคำร่ำลือจิงๆ แต่ข้าขอฆ่าพวกเจ้าและเอาเงินรางวันมาเสพสุขละกันนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เศรษฐีร่างท้วมที่ทั้งตัวถูกประดับไปด้วยทองคำและเพชรชปรากฎตั้วขึ้นมา ตรงบริเวณบันไดทางขึ้นของปราสาท

    “แกไอเศรษฐีกันท์ ก็รู้นี่ว่าเราคือ โจรเงาปีศาจ ยังกล้าปากดีกับเราอีกนะเดียวฆ่าซะนี่” จูลแกล้งขู่

    “ชั้นไม่ใช่เศรษฐีกันท์ไอพวกโง่ ชั้นเศรษฐีป๊อบ พ่อค้าแห่งทองคำและใช้พลังแห่งทองคำ ชั้นเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งไม่ใช่เศรษฐีกระจอบแบบไอกันท์จำไว้”

    “ชั้นขอเอาคำชมพวกแกคืนนะ ไอพวกเด็กกาก เดียวจบงานนี้มีเคลียร์” จูลหันมาขู่พวกเด็กๆ

    “งานนี้มีกินเด็กกันละหวะ” เฮจซ์แลบลิ้นออกมาจากกระบอกปืนเลียปืนแผลบๆ

    “เอาน่าถือเป็นการปล่นครั้งใหญ่ที่สุด ฮ่า ฮา ฮ่า” ผมลูบหัวเด็กๆ

    “ทองเอ๋ยจงมอบพลังบริสุทธิ์ให้แก่ค่า จ่ายไปหนึ่งสองร้อยบาท ออกมา golden giant ด้วยมูลค่าทองที่เสียไปมากทำให้ได้ยักษ์สีทองที่ตัวใหญ่และแข็งแกร่งมากออกมาเป็นค่าตอบแทน

    “ตายละหว่า” ผมพูดออกมา

    ”กรงขังสายฟ้า” สายฟ้าสีน้ำเงินได้ไปร้อมรอบตัวยักษ์ไว้และผ่าไปที่ตัวยักษ์ ควันขโมงเต็มไปทั้วบริเวณนั้น

    “ได้ผลรึป่าว” จูลผู้เป็นเจ้าของเวทมนต์พูดเบาๆ

    “อั๊ก” หมัดของgolden giant แหวกฝุ่นนออกมาปะทะเข้ากับร่างของจูลอย่างจัง ทำให้จูลกระเด็นไปติดกำแพง

    “เจ็บบรรลัยโลกเลยหวะ ต้นใช้พลังที่แท้จริงดิโว๊ย” จูลลุกขึ้นยืนและใช้มือปาดเลือดที่ปาดของตัวเอง และหันมาโวยวายใส่ผม

    “ไม่หละ เดียวคนจะตายเยอะกันปล่าวๆ” ผมโบกมือเชิงปฎิเสธไป

    “ระยำเอ๊ย!!  เข้ามาไอยักษ์” จูลหันปากกระบอกปืนไปทาง golden giant ที่พุ่งมายังตนเองด้วยความเร็วสูง

    “กระสุนพันสายฟ้าฟาด” เมื่อท่องเวทมนต์จบกระสุนนับพันนัดพุ่งออกจากกระบอกปืนไปสู่ golden giant ที่กำลังวิ่งเข้ามา

    “ก๊าย ก๊าย”  golden giantร้องด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ไม่มีแผลรุนแรงแต่อย่างไร เพียงแค่ทำให้ golden giant หยุดชงั้กเท่านั้น

    “กระสุนพันสายฟ้าฟาด”

    “กระสุนพันสายฟ้าฟาด”

    “ตายละหว่า ชักจะไม่สนุกละสิเนี่ย” จูลทำท่าหอบเพราะใช้เวทมนต์ระดับสูงไปหลายครั้ง

    “ทองเอ๋ยจงมอบพลังบริสุทธิ์ให้แก่ค่า จ่ายไปหนึ่งร้อยบาท ออกมา golden sword ดาบผ่าทองคำ” ดาบขนาดใหญ่ไปปรากฎที่มือของ golden giant

    “ก๊าย” golden giant ชูดาบขึ้นเหนือศีรษะฟาดฟันไปดาบสีทองขนาดใหญ่ยักษ์ไปทั่ว ทุกครั้งที่ golden giant ฟาดฟันดาบจะมีทองที่แหลมคมกระจายไปยังทิศทางที่มันฟันดาบลงไป

    “ฆ่าพวกมันให้ตายเจ้าลูกน้องของข้า และเสกทองให้ข้าเยอะๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เศรษฐีหน้าเงินหัวเราะอย่างชอบใจ

    “ปิดบัญชีเลยละกันนะไอพวกโจรสวะ ตายไปซะเหอะ”

    “จะจริงหร๊อ แกนั้นแหละที่จะตาย แมวเวทมนต์จัดการ”

    “หึ หึ จงหลับฝันร้าย nightmare” เหมือนเวลาหยุดลงในทันที golden giant ที่เคยบ้าครั่งได้หยุดลงและค่อยๆแตกสลายลงไปอย่างช้าๆหลังจากผู้ที่ใช้เวทมนต์เรียกตนเองออกมาได้หลับลง //-- เวทมนต์ที่ใช้เรียกกาเดี่ยนบางชนิดไม่สามารถควบคุมกาเดี่ยนได้เมื่อคนใช้เวทมนต์หมดสติ --//

    “ไอต้น ทำไมแกไม่รีบให้เจ้าแมวมาจัดการตั้งแต่แรก” ผมหันไปมองตามเสียงก็เห็นเพื่อนรักของผมมีบาดแผลและเลือดเต็มไปหมด

    “โทษที ชั้นให้พวกเด็กๆไปเอาคนออกจากปราสาทให้หมดหนะ ยังไงนายก็ไม่เจ็บปวดและไม่มีวันตายอยู่ละนี่นาจะกลัวอะไร”

    “แกนี่มันไม่เห็นใจ เนโครแมนเซอร์เลย ให้ตายสิ”

    “ไปเอาสมบัติกันเถอะ ยิ่งวันนี้เป็นบ้านเศรษฐีอันดับหนึ่งนี่นา ลั้นลา ~ ~ ผมวิ่งอย่างร่าเริงไปยังห้องเก็บสมบัติ

                    ภายในห้องเก็บสมบัติล้วนมีแต่ทองตั้งอยู่เป็นภูเขาหลายๆลูก มีเพชรหลากสีสัน มีแร่หายากชนิดต่างๆ มีอาวุธระดับ s อยู่หลายชิ้น และที่สำคัญยังมีตำราเวทมนต์ และคาถาพิธีกรรมอยู่หลายชิ้น //-- ตำราเวทมนต์เป็นหนังสือเล่มหนาๆที่ข้างในมีเวทมนต์หลายระดับถูกเขียนเอาไว้โดยมนุษย์ คาถาพิธีกรรมมีลักษณะเป็นกระดาษใบเดียวเป็นเวทมนต์ที่ถูกทำขึ้นมาจากพลังของเผ่าปีศาจ เผ่าเทพ หรือเผ่าอื่นๆที่ไม่ใช่มนุษย์ มีมาแต่สมัยโบราณ ผู้ใดยอมทำพิธีกรรมเวทมนต์จะต้องสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปเช่นจิตวิญญาณ ความสารถบางสิ่งบางอย่างหรืออื่นๆ พิธีกรรมเวทมนต์มีความรุนแรงกว่าตำราเวทมนต์มาก --//

    “เอาไปหมดนี่หละ พวกเด็กๆคงดีใจแย่เลย” จูลหันมามองหน้าผม

    “เอาสิแต่ชั้นขอคาถาพิธีกรรมนะ มันเป็นของที่อันตรายเกินไปสำหรับคนพวกนั้น”

    “อืมตามใจแก”

                    พวกเราทั้งหมด(รวมทั้งไอนัท ไออ้วน ไอมีน ที่กลับร่างแล้ว)ช่วยกันนำสมบัติใส่ถุงและเอาไปไว้บนหลังเฮจซ์ที่กลับมาเป็นมังกรเหมือนอย่างเคยจบครบทุกชิ้น ผมและจูลขึ้นไปนั้งบนหัวเฮจซ์เหมือนเคย จูลหันมามองหน้าผมและพยักหน้าให้

    “ไปกันเลย”

                    เฮจซ์พาเราบินขึ้นไปบนท้องฟ้าสีคราม ลมเย็นๆประทะเข้าหน้าของพวกเรา อะไรจะมีความสุขเท่านี้นะ ปล่นก็ได้เงินมามาก ไม่มีไครตาย แถมยั้งได้คาถาพิธีกรรมและ อาวุธระดับ s มาอีกหลายชิ้น ฮ่า ฮ่า ฮ่า พวกเราหัวเรากันอย่างมีความสุข

    “ถึงละครับเจ้านาย ย่านคนจนที่ไม่มีไครเหลียวแล” เฮจซ์พูดขึ้นเมื่อคนเองบินอยู่เหนือลักษณะเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ที่ซอมซ่อ ดูสกปรก และไม่มีไครเคยช้องแวะด้วยนอกจากจะมาเรื่องเก็บฏาษีที่แสนแพงเท่านั้น

    “เอาหละนะ” จูลตวักเหรียญทองที่มีอยู่เต็มถุงและโปรยลงไปทั่วบริเวณนั้น

    “เด็กๆรับ และเอาไปแจกให้ถึงพื้นนะ” ผมเปิดถุงที่มีตำราเวทมนต์และโยนหลังสือให้พวดเด็กเวทมนต์ของผม ทั้งสามคนเมื่อได้หนังสือกันคนละหลายเล่มก็ได้อุ่มเอาหนังสือบินลงไปแจกให้แกพวกประชาชน จนหมดและบินกลับขิ้นมา

    “ลูกเพ่ผมเอาไปให้ผู้หญิงที่เค้ากำลังอาบน้ำอยู่ด้วยแหละ เค้ากรี๊ดใหญ่เลย ผมคงหล่อมากแน่เลย” ไอนัทพูดไปยืดไปด้วยความมั่นใจ

    “พวกเราอะหล่ออยู่แล้ว สาวๆที่ไหนเห็นต้องกรี๊ด” ไออ้วนและไอมีนพูดด้วยความมั่นใจ

    “เฮจซ์เดียวไปย่านคนจนซักสองสามเมืองนะ จะเอาไปแจกให้หมดเลย” ผมบอกเฮจซ์และลูบหัวมัน

    “ได้ครับเจ้านาย แต่เจ้านายบอกให้ไอพวกเด็กกากเงียบซักแปปได้ไหมครับ เดียวจะจับกินเลย”

    “..........” ทันทีที่เฮจซ์พูดจบพวกเด็กเวทมนต์ก็เงียบลงทันที เมื่อบินไปได้ซักพัก

    “เด็กๆมานี่ซิ...ซุบซิบๆ...ไปซื้อมานะ”

                    พวกเราบินเอาของมีค่าที่ปล่นมาได้ไปแจกจนหมกเกลี่ยงเหลือไว้แค่คาถาเวทมนต์และอาวุธบางขนิดเท่านั้น

    “นี่ก็ดีกมากละเราไปนอนที่บนดวงจันทร์กันเถอะ ชั้นอยากไปเล่นกับกระต่ายและอยากไปกินขนมที่พวกเค้าทำหนะมันอร่อยมากๆเลย” ผมชวนทุกๆคนที่ดูจะเหนื่อยเต็มที

    “ไปสิ ไปกินสะเก็ดดาวตกด้วย ของชอบชั้นเลยแหละ”

                    ด้วยความสามารถของเฮจซ์เพียงแค่ไม่นานนักพวกเราก็บินมาถึงดวงจันทร์ที่เต็มไปด้วยดอกทานตะวันสีเหลืองสุดลูกหูลูกตา แต่ดอกทานตะวันพวกนี้จะสวยไม่ได้เลยถ้าขาดกระต่ายบนดวงจันทร์คอยดูแลลดน้ำพวนดินให้ทุกวัน มีกระต่ายตัวน้อยตาแดงขนปุยสีขาวบริสุทธ์ กระโดดเข้ามาพวกเราหลายตัว และเอาจมูกเล็กๆของมันมาดมฟุ๊ดฟิ๊ดที่แถวๆขาของเรา

    “พวกปี้มาจากโลกหรอกั๊บ เอาแครอทมาฝากพวกผมรึป่าวกั๊บ” กระต่ายน้อยหลายตัวกระโดดไปมารอบตัวเรา

    “นี่ไง” ผมคว้าแครอทที่อยู่ในถุงใบใหญ่ให้พวกกระต่ายน้อย

    “แกไปเอามาจากไหนวะ ไอต้น”

    “อ๋อชั้นให้พวกเด็กๆไปซื้อมาให้ตอนเราเอาสมบัติไปแจกหนะ”

    “งั่ม งั่ม งั่ม” เสียงกระต่ายที่กำลังเพริดเพรินกับการกินแครอทสีส้มสดใสชิ้นแล้วชิ้นเล่า

    “โอ๊ย ปี้ทำอะไรเนี่ย เจ็บนะกั๊บ”

    “ไอพวกเด็กกากอย่าไปแกล้งกระต่ายดิวะ เดียวปัดหักแขนทิ้งซะนี่” จูลขู่และก็ได้ผลซะด้วย พวกเด็กๆต่างยืนตัวตรงแข็งทื่อกันไปหมด

    “เฮจซ์ นายกลับไปก่อนนะ เดียวกระต่ายจะกลัวกันซะปล่าวๆ”

    “ได้ครับเจ้านาย จะเรียกใช้เมื่อไหร่ก็ได้นะครับ”

    “ด้วยพลังอำนาจแห่งข้า เนโครแมนเซอร์ผู้ไม่มีวันตาย จงเปิดออกประตูนรกอันมือมิด” ขอบเขตเวทมนต์ปรากฎขึ้นบนฟ้าอีกครั้ง เฮจซ์ได้บินเข้าไปในขอบเขตเวทมนต์นั้นและขอบเขตเวทมนต์นั้นก็หายไปทันที

    “พวกนายก็กลับไปกันบ้างนะ” ผมหันไปมองเด็กๆที่กำลังตัวแข็งทื่ออยู่

    “ไม่อาวววววววววว พวกเราไม่ไป แง่ๆๆ” กอดแข้งกอดขา

    “พวกเราอยากอยู่ปกป้องลูกเพ่ กับลูกเพ่จูล”

    “พวกแกไม่ต้องมาเจ๋อปกป้องชั้น เฮจซ์เก่งกว่าพวกแกตั้งหลายเท่า”

    “ฮ่า ฮ่า ฮ่า งั้นก็อยู่ด้วยกันนี่หละ ครึกครื้นๆ”

    “เย่ เย่” พวกเด็กๆวิ่นซนไปทั่ว

    “ครึกครื้นกับผีดิไอต้น ปวดหัวตุบๆเนี่ยอยู่กับไอเด็กพวกนี้”

                    คืนนั้นพวกเราได้เข้าไปร่วมโต๊ะอาหารกับเหล่ากระต่ายน้อยใหญ่ บนโต๊ะอาหารมีอาหารหลากหลายชนิดเช่น ซุบผักเททอรที่ปลูกได้เฉพาะบนดวงจันทร์เท่านั้นมีรถชาติละมุลลิ้น หอมติดจมูก ข้าวผัดระอองเกสรดอททานตะวันที่มีสีทองอร่ามกินละให้รสอร่อยสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก กินเคียงกับแครอทย่างสูตรกระต่ายบนดวงจันทร์ เมื่อกัดไปคำแรกก็ได้รถชาติความหวานของแครอทชุ่มฉ่ำทั่วทั้งปาก เมื่อเคี้ยวไปซักพักก็จะได้รับรสชาติของเครืองเทศที่เหล่ากระต่ายขนปุยบรรจงปลุงรสกันอย่างสุดฝีมือ และปิดท้ายด้วยของหวานอีกหลายชนิด

    “อิ่มจังและมีความสุขจังเลยวันนี้ ราตรีสวัสดิ์นะทุกคน”

    ZZZzzz........”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×