ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : กระดาษขาดขาด
ตุบ ตุบ ตุบ ตุ บ......................
เสียงเคาะประตูไม้ สุดแสนจะเก่าเต็มไปด้วยรูกัดกินของแมลงที่ชาวบ้านเรียกว่า ปลวก
เด็กชายหัวดำสกปรก ผู้นอนอยู่หลังประตู ทนต่อเสียงเคาะแสนจะกังวาลไม่ไหว จนต้องตื่นลุกขึ้นนั่งกอดเข่าบนผ้าขี้ริ้วขาดๆ แสนจะเหม็นเน่า
."พี่ต้อม เซฮาโหล ตื่นได้แล้ว " เสียงแป๋น แป้น สุดจะน่าเบื่อที่เด็กชายต้องทนฟังทุกวี่ทุกวัน รวมทั้งวันนี้ด้วย
" ไอ้พี่ต้อม ตื่น จากินข้าวไหมเนี่ย ไม่กินจาเอาไปเทให้บักอึดมันแล้วนะ"
ต้อมลุกขึ้น หยิบผ้านอนที่เก่าจนใช้การไม่ได้ มาพับแล้ว วางไว้ข้างห้องที่แสนจะแคบมีเพียงหีบผ้ากับโตะเขียนหนังสือเป็นของประดับห้อง
"จาออกมาแล้ว ไอตื่นสาย มันจาออกมาแล้ว." เสียงแจ้ว แจ้ว ของเด็กสาว หน้าห้องดังไม่หยุด เธอพูดพร้อมกระโดดไปมา แล้ววิ่งลงบันได้ดัง ตึง ตึง ไปนั่งที่โตะอาหาร
"ต้อมเมื่อไรจาลงมาเนี่ย ซุบข้าวโพดมันเย็นหมดแล้วนะ แม่ขี้เกรียด เอาไปอุ่นด้วย." คำสั่งจากผู้เป็นมารดาที่ถือเป็นอาญาสิทธื์ในเครอบครัว
ต้อมได้ยินแม่พูดดังนั้น จึงรีบ เปลี่ยนจากกางเกงนอนเป็นกางเกงขายาว แล้วดึวคอเสื้อมาดม
"คงยังไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อหรอกมั้ง ยังไม่เหม็นเลย" เด็กชายกล่้าวพร้อมทำปากแหย๋ แหย๋
หลังจากเสร็จกิจจากการเปลี่ยนอาภรณ์ที่สุดเก่า ต้อมก็รีบประตูออกไป เพื่อทานอาหารเช้า แต่แล้วเด็กชายกับผงะ เมื่อมีลมเย็นพัดวูบเข้าปะทะร่าง
"โอย นี่มันหน้าหนาวเหรอ เมื่อไรพวกเบียร์ ปลากระป๋อง จะมาบริจาคสักที" เด็กชายรีบกอดอก วิ่งลงบันได ตัวสั่นๆ
เมื่อต้อมลงมาถึงก็รีบเข้าไปผิงไฟที่เตาอย่างปลา ส่วนที่โตะอาหารก๊มีสมาชิกครอบครับนั่งกินมื้อเช้าพร้อมเสื้อกันหนาว
"รีบ รีบ มากินเร็ว ต้องไปไร่อีก วันนี้เวรลูกรดน้ำนะ" ผู้เป็นพ่อพูดอย่างขรึม ขรึม
บ้านของต้อมทำไร่ข้าวโพดเป็นอาชีพหลัก อันที่จริงแล้วต้องพูดว่าทำได้เพียงไร่ข้าวโพด มนุษย์ในยุคนี้ โดนแบ่งแยกด้วยคำว่าชนชั้น ซึ่งท่านอาจคิดว่า คงเหมือนกับ คนรวยกับคนจน ความเป็นจริงมันแย่ยิ่งกว่านั้น คนที่อยู่ภายในเมืองหลวง หรือ ที่พวกเด็กชนบทเรียกว่าดินแดนสวรรค์ จะอยู่อย่างสบายเหมือนนายชีวิต พวกทีี่อยู่ตามไร่ตามสวน ส่วนพวกที่ทำไร่ทำนา เหมือนครอบครัวนี้จะไม่มีวันลืมตาอ้าปากได้ แม้กระทั่งลูกก้อไม่ได้รับการศึกษาเพราะพวกเขาถูกกำหนดให้ทำแค่ เกษตรกรรมตลอดไป
ไม่มีคนใดในดินแดน แม่น้ำ หรือหุบเขาแถบนี้ ที่เคยไปเมืองหลวงเลยสักครั้ง พวกเขาได้แต่เพียงจินตนาการว่า มันคงเหมือนก้อนเมฆสีขาวที่ลอยไปมาบนฟากฟ้า มีบ้านเรือนสร้างจากทอง ที่นอน หมอนมุ้งคงทำจากขนแกะ หรือ หนังเสือเป็นแน่ๆ
และมันคงมีน้ำให้เขาดื่มกินได้ตลอดปี
แม้กระทั่งพ่อของต้อมที่ดูเป็นคนทรงภูมิที่สุดในหมูู่่บ้านไร่ข้าวโพด ซึ่งเป็นคนเดียวที่เคยติดต่อกับผู้คนภายในเมืองหลวง แต่ก็ยังไม่เคยไปเลยสักครั้ง
พ่อของต้อมเคยได้หนังสือเล่มหนึ่งจากเจ้าหน้าที่ ที่มีหน้าที่มารับข้าวโพดจากหมู่บ้านเข้าเมือง ภายในหนังสือบรรยายความสิวิลยของเมืองหลวงต่างๆนานา ทั้งบ้านเรือน สะพาน ผู้คน แต่สิ่งที่กล่าวปิดท้ายในเล่มกับดูแน่สนใจกว่าที่คำว่า "ที่นี่มิใช่ฟากฟ้า แต่เป็นเพียงหนทาง ที่เทพเจ้าผู้นำสาสน์ ทรงมาเลือกผู้ไปสู่ฟากฟ้าที่แท้จริง" ต้อมที่ได้หนังสือจากพ่ออ่านประโยคนี้วนไปวนมา และเขาก็คิดจนสรุปว่ามนุษย์เมืองหลวงกับชนบท อาจจะแตกต่างกันมากที่จุดเริื่ม หรือ พวกเราอาจถูกสร้างมาเพื่อเป็นทาสพวกเขาตลอดไป
่
หากความคิดของต้อมถูกมนุษย์ในยุคนี้อาจจะไม่ใช่มนุษย์ในยุคที่คุณรู้จัก หรืออาจเป็นมนุษย์ต่างดาวในเมืองหลวงที่มาชิงอิสระภาพจากชาวโลกก้อเป็นได้
.....................................................................................
ยังไม่จบตอนนะครับ
เสียงเคาะประตูไม้ สุดแสนจะเก่าเต็มไปด้วยรูกัดกินของแมลงที่ชาวบ้านเรียกว่า ปลวก
เด็กชายหัวดำสกปรก ผู้นอนอยู่หลังประตู ทนต่อเสียงเคาะแสนจะกังวาลไม่ไหว จนต้องตื่นลุกขึ้นนั่งกอดเข่าบนผ้าขี้ริ้วขาดๆ แสนจะเหม็นเน่า
."พี่ต้อม เซฮาโหล ตื่นได้แล้ว " เสียงแป๋น แป้น สุดจะน่าเบื่อที่เด็กชายต้องทนฟังทุกวี่ทุกวัน รวมทั้งวันนี้ด้วย
" ไอ้พี่ต้อม ตื่น จากินข้าวไหมเนี่ย ไม่กินจาเอาไปเทให้บักอึดมันแล้วนะ"
ต้อมลุกขึ้น หยิบผ้านอนที่เก่าจนใช้การไม่ได้ มาพับแล้ว วางไว้ข้างห้องที่แสนจะแคบมีเพียงหีบผ้ากับโตะเขียนหนังสือเป็นของประดับห้อง
"จาออกมาแล้ว ไอตื่นสาย มันจาออกมาแล้ว." เสียงแจ้ว แจ้ว ของเด็กสาว หน้าห้องดังไม่หยุด เธอพูดพร้อมกระโดดไปมา แล้ววิ่งลงบันได้ดัง ตึง ตึง ไปนั่งที่โตะอาหาร
"ต้อมเมื่อไรจาลงมาเนี่ย ซุบข้าวโพดมันเย็นหมดแล้วนะ แม่ขี้เกรียด เอาไปอุ่นด้วย." คำสั่งจากผู้เป็นมารดาที่ถือเป็นอาญาสิทธื์ในเครอบครัว
ต้อมได้ยินแม่พูดดังนั้น จึงรีบ เปลี่ยนจากกางเกงนอนเป็นกางเกงขายาว แล้วดึวคอเสื้อมาดม
"คงยังไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อหรอกมั้ง ยังไม่เหม็นเลย" เด็กชายกล่้าวพร้อมทำปากแหย๋ แหย๋
หลังจากเสร็จกิจจากการเปลี่ยนอาภรณ์ที่สุดเก่า ต้อมก็รีบประตูออกไป เพื่อทานอาหารเช้า แต่แล้วเด็กชายกับผงะ เมื่อมีลมเย็นพัดวูบเข้าปะทะร่าง
"โอย นี่มันหน้าหนาวเหรอ เมื่อไรพวกเบียร์ ปลากระป๋อง จะมาบริจาคสักที" เด็กชายรีบกอดอก วิ่งลงบันได ตัวสั่นๆ
เมื่อต้อมลงมาถึงก็รีบเข้าไปผิงไฟที่เตาอย่างปลา ส่วนที่โตะอาหารก๊มีสมาชิกครอบครับนั่งกินมื้อเช้าพร้อมเสื้อกันหนาว
"รีบ รีบ มากินเร็ว ต้องไปไร่อีก วันนี้เวรลูกรดน้ำนะ" ผู้เป็นพ่อพูดอย่างขรึม ขรึม
บ้านของต้อมทำไร่ข้าวโพดเป็นอาชีพหลัก อันที่จริงแล้วต้องพูดว่าทำได้เพียงไร่ข้าวโพด มนุษย์ในยุคนี้ โดนแบ่งแยกด้วยคำว่าชนชั้น ซึ่งท่านอาจคิดว่า คงเหมือนกับ คนรวยกับคนจน ความเป็นจริงมันแย่ยิ่งกว่านั้น คนที่อยู่ภายในเมืองหลวง หรือ ที่พวกเด็กชนบทเรียกว่าดินแดนสวรรค์ จะอยู่อย่างสบายเหมือนนายชีวิต พวกทีี่อยู่ตามไร่ตามสวน ส่วนพวกที่ทำไร่ทำนา เหมือนครอบครัวนี้จะไม่มีวันลืมตาอ้าปากได้ แม้กระทั่งลูกก้อไม่ได้รับการศึกษาเพราะพวกเขาถูกกำหนดให้ทำแค่ เกษตรกรรมตลอดไป
ไม่มีคนใดในดินแดน แม่น้ำ หรือหุบเขาแถบนี้ ที่เคยไปเมืองหลวงเลยสักครั้ง พวกเขาได้แต่เพียงจินตนาการว่า มันคงเหมือนก้อนเมฆสีขาวที่ลอยไปมาบนฟากฟ้า มีบ้านเรือนสร้างจากทอง ที่นอน หมอนมุ้งคงทำจากขนแกะ หรือ หนังเสือเป็นแน่ๆ
และมันคงมีน้ำให้เขาดื่มกินได้ตลอดปี
แม้กระทั่งพ่อของต้อมที่ดูเป็นคนทรงภูมิที่สุดในหมูู่่บ้านไร่ข้าวโพด ซึ่งเป็นคนเดียวที่เคยติดต่อกับผู้คนภายในเมืองหลวง แต่ก็ยังไม่เคยไปเลยสักครั้ง
พ่อของต้อมเคยได้หนังสือเล่มหนึ่งจากเจ้าหน้าที่ ที่มีหน้าที่มารับข้าวโพดจากหมู่บ้านเข้าเมือง ภายในหนังสือบรรยายความสิวิลยของเมืองหลวงต่างๆนานา ทั้งบ้านเรือน สะพาน ผู้คน แต่สิ่งที่กล่าวปิดท้ายในเล่มกับดูแน่สนใจกว่าที่คำว่า "ที่นี่มิใช่ฟากฟ้า แต่เป็นเพียงหนทาง ที่เทพเจ้าผู้นำสาสน์ ทรงมาเลือกผู้ไปสู่ฟากฟ้าที่แท้จริง" ต้อมที่ได้หนังสือจากพ่ออ่านประโยคนี้วนไปวนมา และเขาก็คิดจนสรุปว่ามนุษย์เมืองหลวงกับชนบท อาจจะแตกต่างกันมากที่จุดเริื่ม หรือ พวกเราอาจถูกสร้างมาเพื่อเป็นทาสพวกเขาตลอดไป
่
หากความคิดของต้อมถูกมนุษย์ในยุคนี้อาจจะไม่ใช่มนุษย์ในยุคที่คุณรู้จัก หรืออาจเป็นมนุษย์ต่างดาวในเมืองหลวงที่มาชิงอิสระภาพจากชาวโลกก้อเป็นได้
.....................................................................................
ยังไม่จบตอนนะครับ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น