ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Great Breathe ลมหายใจที่ยิ่งใหญ่

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter : 2

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ย. 48


    ไม่นานม้าสีขาวตัวงามก็พุ่งทะยานออกจากบ้านมุ่งตรงสู่ทุ่งหญ้ากว้างซึ่งมองเห็นริบหรี่ว่ามีคนจำนวนหนึ่งอยู่บริเวณนั้น หญิงสาวบนหลังม้ามีท่าทีทะมัดทะแมง ผมสีน้ำตาลเข้มสยายไปตามลมทำให้ดึงดูดสายตาผู้คนได้ไม่น้อย อาชาตัวเดิมถูกรั้งบังเหียนสั่งให้หยุดที่หน้ารั่วเตี้ยๆ หญิงสาวกระโดดลงมาจากม้าแล้ววิ่งมาหาผู้เป็นบิดาซึ่งยืนรออยู่นานแล้ว



    “เจ้าไปไหนมา”



    คำถามเดิมทุกครั้งที่เธอมาสาย



    “ข้า...ตื่นสาย”



    หญิงสาวกล่าวแล้วก้มหน้าไม่กล้าสบนัยน์ตาบิดา



    “เจ้าตื่นสายหรือรอส่งจดหมายกันแน่”



    คำพูดจากผู้เป็นพ่อทำให้หญิงสาวนิ่งไปอึดใจก่อนกล่าวว่า



    “ข้าตื่นสาย...ไม่เชื่อท่านพ่อก็ไปถามซาเดียร์ก็ได้”



    นิโคลกล่าวแล้วเงยหน้ามองบิดาช้าๆ ปกติพ่อขิงเธอไม่ใช่คนดุ แม่อายุล่วงเลยเข้าเลขห้าแต่จิตใจ ร่างกาย และความคิดก็ยังทันโลกนัก



    “เอาล่ะ เจ่ารีบไปฝึกเวทย์ไป และจำไว้ด้วยว่า การมาสายไม่ใช่สิ่งที่ลูกสาวหัวหน้าเผ่าพึงกระทำ”



    พ่อของเธอกล่าวกำชับก่อนปล่อยลูกสาวให้เดินหนีไป



        รถม้าคันเดิมที่เต็มไปด้วยข้าวของมากมายเดินทางเข้าสู่แผ่นดินใหม่ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าจะเดินทางข้ามแต่ละแผ่นดิน แต่ในที่สุดชายชราเจ้าของม้าก็มาถึงจุดหมาย “เฟมโตอัส” เขาอ่านป้ายทางเข้าเมืองแล้วขับเคนลื่อนรถม้าเข้าไป



    “อ้าวครั้งนี้มาเร็วนะ ฟองดู”



    ยามที่หน้าป้อมเมือง หน้าทางเข้ากล่าวทักทายอย่างรู้จักกันดี



    “อา...ก็ข้าเป็นพ่อค้า มาช้าก็โดนรายอื่นตัดหน้าแย่งลูกค้าหมดซี”



    ฟองดูกล่าวแล้วยิ้มทำให้ปรากฏเห็นรอยย่นที่มีอยู่ทั่วใบหน้า ยามพยักหน้ารับก่อนเปิดทางให้เขาเข้าเมือง ชายชราขับเคลื่อนม้าไปตามถนนสายเล็กๆท่ข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งหญ้า ลำธาร และร่องรอยของลูกธนู เขากำลังอยู่ในเมืองแห่งนักธนูนั่นเอง



    “ฟองดู”



    เสียงเรียกของชายหนุ่มฉกรรจ์ดังมาจากข้างหลังรถม้า ชายชราหยุดม้าแล้วชะโงกไปดู ชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียวผิวสองสี วิ่งเหยาะๆด้วยความเหนื่อยตรงมาที่เขา



    “แหม ท่านนี่เหมือนจะรู้ว่าข้าจะมาเลยนะ ท่านเดมอนด์ลอร์ด”



    ชายชรากล่าวพลางหัวเราะมองหน้าตาคมสันของชายที่กำลังสนทนาด้วย ใบหน้านี้สามารถบอกอายุที่เพิ่งจะเหยียบยี่สิบอย่างเห็นได้ชัด ผมสีดำขลับของเขาสะท้อนกับแสงแดดวาวเป็นมัน มือขวาถือธนูและที่หลังก็สพายลูกธนูไว้



    “ว่าไง ท่านมีข่าวจากนางหรือไม่”



    ชายหนุ่มกล่าวนัยน์ตาคู่สีม่วงเต้นระริก



    “มีสิ...ไม่เช่นนั้นข้าไม่รีบมาหาท่านเช่นนี้หรอก”



    ชายชราล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อด้านในหยิบซองจดหมายที่ดูจะยับขึ้นหลังจากที่ได้เห็นในตอนแรก



    “นางกำชับว่า ข้าต้องส่งให้ถึงมือท่าน...นี่ข้าให้กับมือท่านแล้วนะ ฉบับหน้าเขียนบอกนางด้วย”



    ฟองดูยื่นจดหมายใหกับชายหนุ่ม ซึ่งเดมอนด์รับมันทันที



    “ขอบใจท่านมาก ท่านฟองดู แต่อย่าลืมว่าอย่าให้ใครรู้นะ”



    ชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีม่วงกำชับ



    “ข้าเคยทำให้ท่า กับท่านนิโคลไม่เชื่อใจหรือผิดหวังด้วยหรือ”



    ชายชรากล่าวแล้วควบม้าเดินทางต่อ



    “ก็อย่างนั้นสิ....ขอบใจมากท่านฟองดู”



    ชายหนุ่มตะโกนไล่หลังแล้ววิ่งเข้าไปในทุ่งหญ้าที่ๆอาร์เชอร์จำนวนไม่น้อยฝึกซ้อมกันอย่างขะมักเขม้น เดมอนด์นั่งลงที่ใต้ต้นไม้ที่เขาคิดว่าปลอดโปร่งจากลูกธนูที่สุดแล้วแกะซองจดหมายอย่างเบามือ เขาคลี่กระดาษออกแล้วอ่านมันอย่างตั้งใจ



    “ท่านเดมอนด์ลอร์ด ใยท่านมานั่งยิ้มหวานตรงนี้ล่ะ หรือว่าท่านได้รับจดหมายจากคนรักแผ่นดินนู้นแล้ว ถึงว่า...”



    เสียงเพื่อนสนิทที่สุดของเขาเดินมาพร้อมร่างที่บึกบันและดูน่าเกรงขาม



    “อะไรกันท่านแดเนียล เออร์เล็ต โบร์แมน ออฟ เฟมโตแลนด์ ท่านกล่าวเช่นนั้น ก็แปลว่าท่านก็รู้อะไรอีกมากเลยย่ะสิ”



    ตาสีม่วงที่แฝงด้วยความขบขันจับจ้องชายร่างบึกบึน ก่อนเผยยิ้มออกมา



    “นางเป็นอย่างไรบ้าง”



    แดเนียลนั่งลงข้างชายหนุ่มที่กำลังพับจดหมายเก็บตามเดิม



    “นางสบายดี อีกสองวันนี่ ข้าจะไปหานาง”



    ชายผมสีดำขลับกล่าวแล้วยิ้ม นัยน์ตาคู่สีม่วงวาวเป็นประกาย



    “ท่านก็รู้ ทุกครั้งที่ท่านไป ข้าจะต้องระวังแทนท่านทุกที เสี่ยงต่อการจับได้ทั้งนั้น”



    แดเนียลกล่าวพร้อมกับใช้มือลูบคลำธนูผ่าหน้าไม่ในมือ



    “แต่ท่านก็ไม่เคยทำให้ข้าผิดหวัง ท่านแดเนียล เราเป็นถึงหัวหน้าทัพ อาร์เชอร์ และโบรแมน ใครจะกล้า”



    เดมอนด์ลุกขึ้นยืดด้วยความพอใจ



    “แล้วราชานาโนไฮเล่า ราชาที่มีอำนาจกุมชีวิตพวกเราไว้ในมือ ท่านก็รู้ว่าทรงไม่ชอบให้คบค้าสมาคมกับพวกแผ่นดิน เดซิคเตอร์เท่าไรนัก”



    แดเนียลลุกขึ้นพูดบ้าง คำพูดของแดเนียลทำให้นัยน์ตาคู่สีม่วงสลดลง



    “ตราบใดที่ข้ายังรักนิโคล และนิโคลยังมีใจต่อข้า...อะไรก็ห้ามไม่ให้ข้าไปพบเธอไม่ได้”



    เสียงหนักแน่นของชายหนุ่มทำให้ชายคู่สนทนาถอนหายใจก่อนกล่าวว่า



    “ถึงแม้ท่านจะโดนประหารชีวิต



    “ใช่ถึงแม้ว่าข้าจะโดนประหารชีวิต”



    เสียงนั้นยังคงหนักแน่นตามเดิม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×