ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter : 2
ไม่นานม้าสีขาวตัวงามก็พุ่งทะยานออกจากบ้านมุ่งตรงสู่ทุ่งหญ้ากว้างซึ่งมองเห็นริบหรี่ว่ามีคนจำนวนหนึ่งอยู่บริเวณนั้น หญิงสาวบนหลังม้ามีท่าทีทะมัดทะแมง ผมสีน้ำตาลเข้มสยายไปตามลมทำให้ดึงดูดสายตาผู้คนได้ไม่น้อย อาชาตัวเดิมถูกรั้งบังเหียนสั่งให้หยุดที่หน้ารั่วเตี้ยๆ หญิงสาวกระโดดลงมาจากม้าแล้ววิ่งมาหาผู้เป็นบิดาซึ่งยืนรออยู่นานแล้ว
“เจ้าไปไหนมา”
คำถามเดิมทุกครั้งที่เธอมาสาย
“ข้า...ตื่นสาย”
หญิงสาวกล่าวแล้วก้มหน้าไม่กล้าสบนัยน์ตาบิดา
“เจ้าตื่นสายหรือรอส่งจดหมายกันแน่”
คำพูดจากผู้เป็นพ่อทำให้หญิงสาวนิ่งไปอึดใจก่อนกล่าวว่า
“ข้าตื่นสาย...ไม่เชื่อท่านพ่อก็ไปถามซาเดียร์ก็ได้”
นิโคลกล่าวแล้วเงยหน้ามองบิดาช้าๆ ปกติพ่อขิงเธอไม่ใช่คนดุ แม่อายุล่วงเลยเข้าเลขห้าแต่จิตใจ ร่างกาย และความคิดก็ยังทันโลกนัก
“เอาล่ะ เจ่ารีบไปฝึกเวทย์ไป และจำไว้ด้วยว่า การมาสายไม่ใช่สิ่งที่ลูกสาวหัวหน้าเผ่าพึงกระทำ”
พ่อของเธอกล่าวกำชับก่อนปล่อยลูกสาวให้เดินหนีไป
    รถม้าคันเดิมที่เต็มไปด้วยข้าวของมากมายเดินทางเข้าสู่แผ่นดินใหม่ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าจะเดินทางข้ามแต่ละแผ่นดิน แต่ในที่สุดชายชราเจ้าของม้าก็มาถึงจุดหมาย “เฟมโตอัส” เขาอ่านป้ายทางเข้าเมืองแล้วขับเคนลื่อนรถม้าเข้าไป
“อ้าวครั้งนี้มาเร็วนะ ฟองดู”
ยามที่หน้าป้อมเมือง หน้าทางเข้ากล่าวทักทายอย่างรู้จักกันดี
“อา...ก็ข้าเป็นพ่อค้า มาช้าก็โดนรายอื่นตัดหน้าแย่งลูกค้าหมดซี”
ฟองดูกล่าวแล้วยิ้มทำให้ปรากฏเห็นรอยย่นที่มีอยู่ทั่วใบหน้า ยามพยักหน้ารับก่อนเปิดทางให้เขาเข้าเมือง ชายชราขับเคลื่อนม้าไปตามถนนสายเล็กๆท่ข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งหญ้า ลำธาร และร่องรอยของลูกธนู เขากำลังอยู่ในเมืองแห่งนักธนูนั่นเอง
“ฟองดู”
เสียงเรียกของชายหนุ่มฉกรรจ์ดังมาจากข้างหลังรถม้า ชายชราหยุดม้าแล้วชะโงกไปดู ชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียวผิวสองสี วิ่งเหยาะๆด้วยความเหนื่อยตรงมาที่เขา
“แหม ท่านนี่เหมือนจะรู้ว่าข้าจะมาเลยนะ ท่านเดมอนด์ลอร์ด”
ชายชรากล่าวพลางหัวเราะมองหน้าตาคมสันของชายที่กำลังสนทนาด้วย ใบหน้านี้สามารถบอกอายุที่เพิ่งจะเหยียบยี่สิบอย่างเห็นได้ชัด ผมสีดำขลับของเขาสะท้อนกับแสงแดดวาวเป็นมัน มือขวาถือธนูและที่หลังก็สพายลูกธนูไว้
“ว่าไง ท่านมีข่าวจากนางหรือไม่”
ชายหนุ่มกล่าวนัยน์ตาคู่สีม่วงเต้นระริก
“มีสิ...ไม่เช่นนั้นข้าไม่รีบมาหาท่านเช่นนี้หรอก”
ชายชราล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อด้านในหยิบซองจดหมายที่ดูจะยับขึ้นหลังจากที่ได้เห็นในตอนแรก
“นางกำชับว่า ข้าต้องส่งให้ถึงมือท่าน...นี่ข้าให้กับมือท่านแล้วนะ ฉบับหน้าเขียนบอกนางด้วย”
ฟองดูยื่นจดหมายใหกับชายหนุ่ม ซึ่งเดมอนด์รับมันทันที
“ขอบใจท่านมาก ท่านฟองดู แต่อย่าลืมว่าอย่าให้ใครรู้นะ”
ชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีม่วงกำชับ
“ข้าเคยทำให้ท่า กับท่านนิโคลไม่เชื่อใจหรือผิดหวังด้วยหรือ”
ชายชรากล่าวแล้วควบม้าเดินทางต่อ
“ก็อย่างนั้นสิ....ขอบใจมากท่านฟองดู”
ชายหนุ่มตะโกนไล่หลังแล้ววิ่งเข้าไปในทุ่งหญ้าที่ๆอาร์เชอร์จำนวนไม่น้อยฝึกซ้อมกันอย่างขะมักเขม้น เดมอนด์นั่งลงที่ใต้ต้นไม้ที่เขาคิดว่าปลอดโปร่งจากลูกธนูที่สุดแล้วแกะซองจดหมายอย่างเบามือ เขาคลี่กระดาษออกแล้วอ่านมันอย่างตั้งใจ
“ท่านเดมอนด์ลอร์ด ใยท่านมานั่งยิ้มหวานตรงนี้ล่ะ หรือว่าท่านได้รับจดหมายจากคนรักแผ่นดินนู้นแล้ว ถึงว่า...”
เสียงเพื่อนสนิทที่สุดของเขาเดินมาพร้อมร่างที่บึกบันและดูน่าเกรงขาม
“อะไรกันท่านแดเนียล เออร์เล็ต โบร์แมน ออฟ เฟมโตแลนด์ ท่านกล่าวเช่นนั้น ก็แปลว่าท่านก็รู้อะไรอีกมากเลยย่ะสิ”
ตาสีม่วงที่แฝงด้วยความขบขันจับจ้องชายร่างบึกบึน ก่อนเผยยิ้มออกมา
“นางเป็นอย่างไรบ้าง”
แดเนียลนั่งลงข้างชายหนุ่มที่กำลังพับจดหมายเก็บตามเดิม
“นางสบายดี อีกสองวันนี่ ข้าจะไปหานาง”
ชายผมสีดำขลับกล่าวแล้วยิ้ม นัยน์ตาคู่สีม่วงวาวเป็นประกาย
“ท่านก็รู้ ทุกครั้งที่ท่านไป ข้าจะต้องระวังแทนท่านทุกที เสี่ยงต่อการจับได้ทั้งนั้น”
แดเนียลกล่าวพร้อมกับใช้มือลูบคลำธนูผ่าหน้าไม่ในมือ
“แต่ท่านก็ไม่เคยทำให้ข้าผิดหวัง ท่านแดเนียล เราเป็นถึงหัวหน้าทัพ อาร์เชอร์ และโบรแมน ใครจะกล้า”
เดมอนด์ลุกขึ้นยืดด้วยความพอใจ
“แล้วราชานาโนไฮเล่า ราชาที่มีอำนาจกุมชีวิตพวกเราไว้ในมือ ท่านก็รู้ว่าทรงไม่ชอบให้คบค้าสมาคมกับพวกแผ่นดิน เดซิคเตอร์เท่าไรนัก”
แดเนียลลุกขึ้นพูดบ้าง คำพูดของแดเนียลทำให้นัยน์ตาคู่สีม่วงสลดลง
“ตราบใดที่ข้ายังรักนิโคล และนิโคลยังมีใจต่อข้า...อะไรก็ห้ามไม่ให้ข้าไปพบเธอไม่ได้”
เสียงหนักแน่นของชายหนุ่มทำให้ชายคู่สนทนาถอนหายใจก่อนกล่าวว่า
“ถึงแม้ท่านจะโดนประหารชีวิต
“ใช่ถึงแม้ว่าข้าจะโดนประหารชีวิต”
เสียงนั้นยังคงหนักแน่นตามเดิม
“เจ้าไปไหนมา”
คำถามเดิมทุกครั้งที่เธอมาสาย
“ข้า...ตื่นสาย”
หญิงสาวกล่าวแล้วก้มหน้าไม่กล้าสบนัยน์ตาบิดา
“เจ้าตื่นสายหรือรอส่งจดหมายกันแน่”
คำพูดจากผู้เป็นพ่อทำให้หญิงสาวนิ่งไปอึดใจก่อนกล่าวว่า
“ข้าตื่นสาย...ไม่เชื่อท่านพ่อก็ไปถามซาเดียร์ก็ได้”
นิโคลกล่าวแล้วเงยหน้ามองบิดาช้าๆ ปกติพ่อขิงเธอไม่ใช่คนดุ แม่อายุล่วงเลยเข้าเลขห้าแต่จิตใจ ร่างกาย และความคิดก็ยังทันโลกนัก
“เอาล่ะ เจ่ารีบไปฝึกเวทย์ไป และจำไว้ด้วยว่า การมาสายไม่ใช่สิ่งที่ลูกสาวหัวหน้าเผ่าพึงกระทำ”
พ่อของเธอกล่าวกำชับก่อนปล่อยลูกสาวให้เดินหนีไป
    รถม้าคันเดิมที่เต็มไปด้วยข้าวของมากมายเดินทางเข้าสู่แผ่นดินใหม่ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าจะเดินทางข้ามแต่ละแผ่นดิน แต่ในที่สุดชายชราเจ้าของม้าก็มาถึงจุดหมาย “เฟมโตอัส” เขาอ่านป้ายทางเข้าเมืองแล้วขับเคนลื่อนรถม้าเข้าไป
“อ้าวครั้งนี้มาเร็วนะ ฟองดู”
ยามที่หน้าป้อมเมือง หน้าทางเข้ากล่าวทักทายอย่างรู้จักกันดี
“อา...ก็ข้าเป็นพ่อค้า มาช้าก็โดนรายอื่นตัดหน้าแย่งลูกค้าหมดซี”
ฟองดูกล่าวแล้วยิ้มทำให้ปรากฏเห็นรอยย่นที่มีอยู่ทั่วใบหน้า ยามพยักหน้ารับก่อนเปิดทางให้เขาเข้าเมือง ชายชราขับเคลื่อนม้าไปตามถนนสายเล็กๆท่ข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งหญ้า ลำธาร และร่องรอยของลูกธนู เขากำลังอยู่ในเมืองแห่งนักธนูนั่นเอง
“ฟองดู”
เสียงเรียกของชายหนุ่มฉกรรจ์ดังมาจากข้างหลังรถม้า ชายชราหยุดม้าแล้วชะโงกไปดู ชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียวผิวสองสี วิ่งเหยาะๆด้วยความเหนื่อยตรงมาที่เขา
“แหม ท่านนี่เหมือนจะรู้ว่าข้าจะมาเลยนะ ท่านเดมอนด์ลอร์ด”
ชายชรากล่าวพลางหัวเราะมองหน้าตาคมสันของชายที่กำลังสนทนาด้วย ใบหน้านี้สามารถบอกอายุที่เพิ่งจะเหยียบยี่สิบอย่างเห็นได้ชัด ผมสีดำขลับของเขาสะท้อนกับแสงแดดวาวเป็นมัน มือขวาถือธนูและที่หลังก็สพายลูกธนูไว้
“ว่าไง ท่านมีข่าวจากนางหรือไม่”
ชายหนุ่มกล่าวนัยน์ตาคู่สีม่วงเต้นระริก
“มีสิ...ไม่เช่นนั้นข้าไม่รีบมาหาท่านเช่นนี้หรอก”
ชายชราล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อด้านในหยิบซองจดหมายที่ดูจะยับขึ้นหลังจากที่ได้เห็นในตอนแรก
“นางกำชับว่า ข้าต้องส่งให้ถึงมือท่าน...นี่ข้าให้กับมือท่านแล้วนะ ฉบับหน้าเขียนบอกนางด้วย”
ฟองดูยื่นจดหมายใหกับชายหนุ่ม ซึ่งเดมอนด์รับมันทันที
“ขอบใจท่านมาก ท่านฟองดู แต่อย่าลืมว่าอย่าให้ใครรู้นะ”
ชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีม่วงกำชับ
“ข้าเคยทำให้ท่า กับท่านนิโคลไม่เชื่อใจหรือผิดหวังด้วยหรือ”
ชายชรากล่าวแล้วควบม้าเดินทางต่อ
“ก็อย่างนั้นสิ....ขอบใจมากท่านฟองดู”
ชายหนุ่มตะโกนไล่หลังแล้ววิ่งเข้าไปในทุ่งหญ้าที่ๆอาร์เชอร์จำนวนไม่น้อยฝึกซ้อมกันอย่างขะมักเขม้น เดมอนด์นั่งลงที่ใต้ต้นไม้ที่เขาคิดว่าปลอดโปร่งจากลูกธนูที่สุดแล้วแกะซองจดหมายอย่างเบามือ เขาคลี่กระดาษออกแล้วอ่านมันอย่างตั้งใจ
“ท่านเดมอนด์ลอร์ด ใยท่านมานั่งยิ้มหวานตรงนี้ล่ะ หรือว่าท่านได้รับจดหมายจากคนรักแผ่นดินนู้นแล้ว ถึงว่า...”
เสียงเพื่อนสนิทที่สุดของเขาเดินมาพร้อมร่างที่บึกบันและดูน่าเกรงขาม
“อะไรกันท่านแดเนียล เออร์เล็ต โบร์แมน ออฟ เฟมโตแลนด์ ท่านกล่าวเช่นนั้น ก็แปลว่าท่านก็รู้อะไรอีกมากเลยย่ะสิ”
ตาสีม่วงที่แฝงด้วยความขบขันจับจ้องชายร่างบึกบึน ก่อนเผยยิ้มออกมา
“นางเป็นอย่างไรบ้าง”
แดเนียลนั่งลงข้างชายหนุ่มที่กำลังพับจดหมายเก็บตามเดิม
“นางสบายดี อีกสองวันนี่ ข้าจะไปหานาง”
ชายผมสีดำขลับกล่าวแล้วยิ้ม นัยน์ตาคู่สีม่วงวาวเป็นประกาย
“ท่านก็รู้ ทุกครั้งที่ท่านไป ข้าจะต้องระวังแทนท่านทุกที เสี่ยงต่อการจับได้ทั้งนั้น”
แดเนียลกล่าวพร้อมกับใช้มือลูบคลำธนูผ่าหน้าไม่ในมือ
“แต่ท่านก็ไม่เคยทำให้ข้าผิดหวัง ท่านแดเนียล เราเป็นถึงหัวหน้าทัพ อาร์เชอร์ และโบรแมน ใครจะกล้า”
เดมอนด์ลุกขึ้นยืดด้วยความพอใจ
“แล้วราชานาโนไฮเล่า ราชาที่มีอำนาจกุมชีวิตพวกเราไว้ในมือ ท่านก็รู้ว่าทรงไม่ชอบให้คบค้าสมาคมกับพวกแผ่นดิน เดซิคเตอร์เท่าไรนัก”
แดเนียลลุกขึ้นพูดบ้าง คำพูดของแดเนียลทำให้นัยน์ตาคู่สีม่วงสลดลง
“ตราบใดที่ข้ายังรักนิโคล และนิโคลยังมีใจต่อข้า...อะไรก็ห้ามไม่ให้ข้าไปพบเธอไม่ได้”
เสียงหนักแน่นของชายหนุ่มทำให้ชายคู่สนทนาถอนหายใจก่อนกล่าวว่า
“ถึงแม้ท่านจะโดนประหารชีวิต
“ใช่ถึงแม้ว่าข้าจะโดนประหารชีวิต”
เสียงนั้นยังคงหนักแน่นตามเดิม
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น