คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : -howl-
ณ ป่าอาโอกิงาฮาระ ที่ตีนเขาฟูจิอันโด่งดัง กลุ่มนักเรียนหญิงกลุ่มเล็ก กลุ่มหนึ่งเดินทางไปเที่ยวในป่าอาโอกิงาฮาระ....ดูประมาณ ม. 3-5 น่าจะได้... 5คน เป็นเพื่อนสนิทกันหมด... ตอนเดินจากตีนภูเขาฟูจิพวกเขาได้ผ่านทางที่มีหมู่บ้านเล็กๆ ร้านขายและพอห่างไกลออกมาเรื่อยๆ จนเข้ามาในป่า...ป่าที่มีชื่อเสียง...ในเรื่องคดีฆ่าตัวตาย ที่ญี่ปุ่นนั้นคนมักมาฆ่าตัวตายในป่านี้มาเป็นเวลานานมากแล้ว จะมี่ป้ายติดทั้งภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษบอกเตือนสติอยู่ตลอดว่าให้คิดถึงชีวิตตนและครอบครัว
จูไค หรือทะเลแห่งต้นไม้คือชื่อของป่าที่เงียบ อากาศ นิ่งๆ และ เย็นๆ ป่าแห่งนี้ถูกเรียกอย่างนั้นเพราะมีต้นไม้ที่หนาแน่นและเต็มไปหมด และความเงียบเหงาและง่ายที่จะหลงของมันและชื่อเสียงของป่าแห่งความตายที่นี้ได้นำไปถึงคำร่ำรือ ถืงการพบเห็นของวิญญาญของผู้ที่ได้มาเจอจุดจบที่นี่ นั่นก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่กลุ่มสาว5คนนี้ได้เดินทางมา...เผื่อมาตามหาความน่าตื่นเต้นของชีวิตในป่าอันโด่งดังที่ตีนภูเขาฟูจิ พวกเธอไปเดินถ่ายรูปกัน คุยนู่นคุยนี่ ปิกนิคและสุดถ้ายเข้านอน ในคืนนั้นเองที่ในความมืดมิดได้เกิดเสียงในพุ่มไม้ได้บ่งบอกว่าในกลุ่มพวกเธอมีผู้บุกรุกอยู่เงามืดใหญ่ๆ รางๆ ที่จู่ๆ ก็โผล่มาได้เริ่มวิ่งรอบวงสาววัยรุ่นทั้ง5และจู่ๆ คนที่อยู่ใกล้พุ่มไม้ที่สุด เอริกะ ซาโอริ ก็ถูกกระชากเข้าไปในพุ่มไม้และลึกลงไปในความมืดมิดพร้อมเสียงกรี่ดร้องด้วยความกลัว แต่ไม่ทันจะนาทีเดียวที่เธอหายไปเสียงนั้นก็หยุดลงและความเงียบสงัดก็กลับคืนสู่ป่า
เพื่อนๆ ที่เหลือนั่งกลัวตัวสั่นร้องไห้กันเหมือนมองจ้องความตายอยู่....ยี่ิิสิบนาทีได้ผ่านมา สาวๆทั้ง4ที่รวมตัวกันอยู่ตรงกลางก็ได้แต่ร้องไห้ตัวสั่น ถามกันเองไปมาว่าใครพอจะรู้เห็นอะไรบ้างและควรทำอย่างไรต่อไป.... สติที่พอเหลืออยู่คอยเตือนพวกเธอไม่ให้ก้าวออกจากแสง จนกระทั่ง..แสงได้ดับลง.... พวกเธอเริ่มตกใจ ตื่นตระหนก และกลัวจนถึงที่สุด ทุกคนต่างร้องไห้และตื่นตูมและพยายามหาอะไรมาจุดไฟเป็นแสงสว่าง... ก้าวนาทีของการนั่งกระวนกระวายอยู่ในความมืด แสงจากไฟแช็คก็ได้ส่องให้ในป่าได้สว่างอีกครั้ง หลังจากพวกเธอนำน้ำมันมาราดบนกลองไม้ที่รวมๆเอาใว้ตั้งแต่หัวค่ำและจุดสร้างกองเพลิงอีกกอง หินที่ร้อมรอบทำให้เพลิงไม่ออกไปเผาสิ่งอื่นในป่าและอยู่กับที่ แต่แสงนั้นนอกจากจะช่วยพวกเธอออกจากความมืดแล้ว ยังทำให้พวกเธอเห็นอีกด้วยว่าพวกเธอนั้นเหลืออยู่แค่สาม เมื่อมีร่างมานอนอยู่อย่างไร้หัวที่ข้างๆ พวกเธอ....ร่างของ อาโอกิมาซึมิ ที่นอนไร้วิญญาญ ไร้ชีพจร และ...... ไร้หัว...... สาวทั้งสามได้ร้องสุดเสียงและเข้าไปกอดกันเมื่อเห็นร่างอันไร้ชีวิตของเพื่อนนอนกองเลือดอยู่ข้างๆ ไม่น่านะถึงไม่ได้ยินเสียงร้อง เพราะเธอไม่มีโอกาศนี่เอง แต่มันก็ทำให้สาวๆ ที่เหลือรู้ว่าไม่ว่าอะไรจะมา เมื่อมืดปุปมันมาถึงตัวพวกเธอได้ทันทีแต่ทำไมมันฆ่าทีล้ะคนล่ะ ตัวอะไรมาทำอย่างงี้ ทำแบบนี้ทำไม และมันคืออะไร ด้วยสติที่ได้สลายไปเรียบร้อยแล้ว ยามานากะ นินิกิ ได้กรี่ดร้องออกมา แหกป่างสุดรำคอ และโดนตบให้สติกลับคืนโดยเพื่อนของเธอ แต่ในความเงียบนั้น ก็มีเสียงตอบนินิกิกลับมาเหมือนกัน เสียงหอนดังๆ ยาวๆ ที่ทำให้รู้สึกได้ว่าไม่ว่าจะอะไรก็ตาม มันไม่ได้อยู่ห่างพวกเธอเลย... "หมาป่า?" นาซาโน๊ะ ยู เอ่ยถาม....ไม่มีเสียงตอบกลับ แต่จู่ๆ คำตอบของเธอก็มาพร้อมเสียงฝีเท้าที่เบาๆ หนักๆและมันก็เริ่มดังขึ้นและเร็วมากขึ้น ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึกตึกตึตกตึกตึกตึตกึตึตกึตึกตึกตกึตกตึกต และจู่ โอยามะ ฮิรูโกะก้อได้หันมาและพร้อมกับเพื่อนเธออีกสอง....................กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
"ทั้งสองนอนตายเลือดนอง เครื่องในหาย แขน ขา ตัว เหวอะ มีร่องรอยกันกัด ข่วน และชีก.....สัตว์ป่า? หมาป่า?.... ไม่สิ รอยกลงเล็บใหญ่กว่าหมาทั่วไปเยอะเลย...ใหญ่กว่าหมีส้ะอีก...."ชายหนุ่มตาสีเทา ขอบตาดำ และขนตาสั้นๆ มองไปรอบๆ ศพของสาวทั้งสามพร้อมกับจดรายละเอียดลงไปในสมุดของเขา เขาเป็นผู้ชาย ผมตั้งสูงยาวสีขาวเทาเป็นประกาย เหมือนเหล็กที่ถูกขัดมาอย่างดี เช่นเดียวกับดวงตาเขา เขาเป็นชายตัวเตี้ย ผอม หน้ายังเด็ก และแขนไม่มีวี่แววของกล้ามไดๆ "คุณพอจะบอกได้ใหมว่ามันมีลักษณะอย่างไร?" ผู้ชายร่างเล็กหันไปถามผู้หญิงที่นั่งอยู่กับพื้น ถือถ้วยชาอยู่ในมือ เธอยังนั่งสั่นอยู่ หน้าซี่ด และดวงตาเธอไร้ซึ่งประกายแห่งชีวิต...เธอส่ายหน้า... "เฮ้ออออ.... ไม่ได้เรื่อง.... " ชายหัวเทาพูดขึ้นด้วยความสงสารกับผู้รอดชีวิตคนเดียวของเหตุการนี้ แต่แล้วชายคนนั้นก็ต้องตกใจสะดุ่งเมื่อโทรสัพของเขาสั่น "nobody nobody but chu~" เสียงริงโทนเขาดังขึ้น หญิงสาวที่นั่งสั่นอยู่แอบอมยิ้มเล็กน้อย เขายิบมาดูที่หน้าจอที่เขียนว่า "ไอ้แก่ขี้บ่น" ก่อนจะกดรับ...."สวัสดีครับเจ้านาย...มีอะไรหรอครับ..." ชายเตี้ยตอบอย่างเบื่อหน่าย "ฮาโหยยย~~ ซิลเวอร์คุง....คดีเป็นไงบ้างง่าา" เสียงชายวัยกลางคนที่ดูท่าสติจะไม่เต็มหรือติ๋งต๋องดังขึ้นมา ซิลเวอร์ทำหน้าเซ็งโลกพร้อมกับตอบกลับไป "มีผู้รอดคนเดียวครับ ตำรวจยังมาไม่ถึง และผมกำลังจะออกจากพื้นที่ครับ" ชายหนุ่มตอบ "ดีมวากส์~ สืบสวนต่อไปนะ ฉันมีความรู้สึกว่าคดีนี้จะมีผลที่ยิ่งใหญ่กับนายเลยทีเดียวนะ เจ้าเด็กอัจฉริยะ" เจ้านายของเขาพูดเสร็จก็วางหูแบบกระทันหันโดยไม่ได้เตือนอะไรก่อน ซิลเวอร์ได้แต่มองโทรสัพอย่างรำคาณและเดินไปหาผู้หญิงสาวที่นั่งอยู่ "เฮ้อออ... เสียใจเรื่องเพื่อนเธอด้วยนะ สวยอย่างงี้ไม่น่าเลย.... เอาละ... ถ้าใครถาม...บอกว่าฉันไม่ได้มาก็แล้วกันนะ..." เขาเอานิ้วชี้ที่มีแสงสีขาวเปรงประกายตรงปลายไปจิ้มที่หัวเธอ...และนาซาโน๊ะ ยู ก็ได้สลบลง....
ซิลเวอร์ค่อยๆ เดินลงมาจากภูเขาและออกจากป่ามา ตลอดทางที่เขาเดิน วิญญาญและผีของผู้ที่ร่วงรับในบริเวณนั้นต่างจ้องเขาอยู่ห่าง มีทั้งผู้สูงอายุ วัยกลางคน วัยรุ่น จนเด็กทารก ทุกเพศทุกวัยต่างได้กลายเป็นเจ้าที่ให้แก่ป่าอาโอกิงาฮาระ หนุ่มน้อยเดินลงไปตามทางและเมินสายตาของผู้จับจ้องไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาไปยืนอยู่ข้างๆ วิญญาณดวงหนึ่ง เป็นวิญญาณของป้าแก่ๆ ตัวเล็กๆดูเป็นคนนิสัยน่ารักดี นั่งอยู่คนเดียว... แกนั่งอยู่บนหินก้อนใหญ่ไต้ต้นไม้...ที่มีเชือกที่ขาดห้อยอยู่.... "ว่าไงละหนุ่มน้อย.." ป้าหันมาถามซิลเวอร์... "เรื่องที่เกิดเมื่อคืน กับผู้หญิงทั้ง5นั่น...ป้าพอรู้ไรบ้างป่าวครับ?" เขาหันไปถามอย่างไม่เกรงกลัว "หืมมม.... พอรู้ไรบ้างหรือ?...ก็แค่ว่ายัย5คนนั้นเมาท์กันเสียงดังมากเลยนะสิ ผีแถวนี้รำคาณกันแทบแย่...รั่นป่ากันเลยทีเดียว...เด็กสมัยนี้นิไม่ได้เรื่องจริงๆ" ซิลเวอร์หาวกับคำตอบที่ไม่ตรงกับคำถาม และหันมาถามต่อ "ป้าพอรู้ใหมครับว่าใครเป็นคนทำร้ายพวกเธอ?" "และทำไมเอ็งไม่ไปถามวิญญาญของแม่พวกนั้นดูหล่ะ คุณนักสืบ..." ซิลเวอร์มองลงที่เท้าของเขา "นั่นแหละปัญหา...วิญญาณพวกเธอก็หายไปด้วยนะสิครับ..." วิญญาณคุณป้าทำหน้าคุ่นคิด "มันก็มีคำเล่าต่อปากมาอยู่เรื่องนึงน่ะ......" ซิลเวอร์หันมามองป้าอย่างสนใจ ตาสีเทาคู่นี้เริ่มเกิดความสงสัยมากขึ้นทันที และป้าก็พูดต่อ "เรื่องที่ว่า มีปีศาจเก่าแก่ที่หลับใหลได้ถูกปลุกขึ้นมานะสิ....และหลังจากเหตุการนั้น วิญญาณและมนุษย์เป็นๆ ที่เป็นหญิงสาววัยรุ่นก็เริ่มถูกโจมตีและหายไปมากขึ้นนะสิ" ซิลเวอร์นึกกลับไปยังรอยแผลบนตัวศพ ปีศาจ...ก็อาจจะเป็นไปได้... "ปีศาจอะไรหรอครับป้า?" ซิลเวอร์ก้มลงมองป้าแล้วถาม "กัปปะมั้งไอ้หนู เอ็งไม่รุเรื่องจริงๆหรือ?" ซิลเวอร์ส่ายหน้า.... "ก็ปีศาจจิ้งจอกยังไงเล่า.... bakekitsune!" ซิลเวอร์ตาโต เขาเคยได้ยินมาเหมือนกันเกี่ยวกับเทพเหล่านี้ หรือปีศาจ....จิ้งจอกที่เป็นวิญญาณบ้าง....พวกนี้ชอบแกล้งมนุษย์เป็นชีวิตจิตใจและโขมยของไปเรือย บางครั้งแปลงร่างเป็นผู้หญิงสาวสวยเผื่อหลอกให้มนุษย์ซื้อเหล้าให้ฟรีๆ "คิทซึเนะ.....พอรู้่ใหมครับว่าจะหาเจอได้แถวไหน?" ซิลเวอร์ถามอย่างตื่นเต้น "ศาลเจ้าอินาริ ไม่ไกลจากที่นี่นะ เดินไปทางนู้นเลยและเจ้าน่าจะเจอถ้าไปขอพรที่ศาลเจ้านั้นอะนะ" และซิลเวอร์ก็หันมาโค้งขอบคุณและเอานิ้วจิ้มที่หน้าผากของป้าพร้อมพูดว่า "จงไปสู่สุขติเทิศ" และป้าก็ได้หันมายิ้มก่อนจะสลายกลายเปนผงสีเขาที่จางหายไป ซิลเวอร์ได้ยินเสียงของป้าอีกครั้งแบบจางๆ "ขอบคุณเน่อ ยมฑูตน้อย" และเสียงก็จางหายไป.... ซิลเวอร์มองไปรอบๆ พร้อมเดินตามทางที่ป้าชี้ไป... แสงพระอาทิตอุ่นๆ ที่ส่องผ่านต้นไม้ลงมาทำให้เขาได้พักสมองกับบรรญากาศสักนิด หินภูเขาไฟที่เกลื่อนเต็มตามทางทำให้เดินแล้วมีเสียง กรึบ กรึบ กรึบ ดังไปเรื่อย....แต่ทำไม...ไอ้ตัวเมื่อคืนนั้น มันถึงขยับได้โดยไร้เสียงกัน... ซิลเวอร์คิดอย่างหนักก่อนจะเจอศาลเจ้าที่ว่า มันเป็นศาลเจ้าเล็กๆ แบบญี่ปุ่นธรรมดา เขาเดินเข้าไปในศาลเจ้าอินาริ อากาศในนั้นแตกต่างกับข้างนอกโดยสิ้นเชิงทั้งๆ ที่ไม่ได้มีหลังคาหรือกำแพงปิดบัง แต่มันแค่รู้สึกร้อนยิ่งขึ้น ซิลเวอร์ยิบทูปเทียนมา และยิบไฟแช๊คที่กระเป๋าเขาเพื่อจะมาจุด แต่ทุกครั้งที่เขากด มันก็ไม่ติด "อุตส่าห์ซื้อมาใหม่แท้ๆ" เขาเริ่มหัวเสียแต่ยังคงพยายามจุดต่อจนมันระเบิดใส่หน้าเขา ทำเขาล้มกระเด็นไปแต่ไม่มีลอยแผลใหม้ เขาตกใจอยู่ที่พื้นจนกระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะแหลมๆ แบบสะใจ ก้องไปทั่วศาลเจ้า..."คิทสึเนะ.." ซิลเวอร์พูดเบาๆ แต่ผู้ที่เขากล่าวถึงก็หูดีพอจะได้ยิน"แหมๆ....ยมฑูต...นักสืบ....ผู้ดูแล.... ตำแหน่งเยอะจังน้ะเรานะ เอาอีกสักอันใหมละ ข้าแต่งตั้งให้ฟรีๆ เลยนะ.... ท่าน...ไอ้งั่งหัวหงอก..." เยาะเย้ยเสร็จเจ้าของเสียงก็ได้หัวเราะดังๆ ขึ้นมาอีกก่อนประกดตัวนั่งอยู่บนหลังคาศาลเจ้าอย่างสบายใจ แกว่งขาเบาๆ พร้อมกับมองลงมาที่เจ้างั่งของเขาที่กำลังลุกขึ้นมา.... "คิทสึเนะ ข้ามีคำถาม เจ้า-" "หล่อขนาดนี้ได้ไงอะหรอ? แหมไม่รุสิ..ข้าเกิดมาแบบนี้อะนะ งั้นถ้าเจ้าจะมาทำบุณเสริมความหล่อก็คงไม่ได้ผลหรอก แต่ชาติน่ายังพอทัน เอาเหล้ามาทำบุญกับข้าเยอะๆ สิ คิกคิก" เทพจิ้งจอกหัวเราะเบาๆ อย่างชอบใจและเอาพัดที่เขาถืออยู่ขึ้นมาปิด เขาเป็นผู้ชายผิวเนียนและหน้าเด็ก ดวงตาร้ายกาจที่ดูดุคมและเจ้าเล่ห์สีส้มเกือบแดงนั้นจ้องเหยื่อหัวหงอกไม่หยุด ทรงผมตั้งๆ เป็นหนามๆ กระเซิงๆ ยาวถึงก้น ที่ชี้ไปทุกทิศทางนั้นเป็นสีส้มสว่าง และยิ่งส่องประกายเมื่อกระทบกับแสงอาทิตย์ แขนที่ดูมีกล้าม รำตัวที่หุ่นฟิตเหมือนนักกีฬา และนิ้วที่มีกรงเล็บสีส้ม และแล้วสิ่งที่เป็นที่สังเกตุและพลาดไม่ได้คือหางยาวสีส้มสี่หางพร้อมกับหูจิ้งจอกยาวๆ สีส้มสองข้างบนหัวเขา กับเขี้ยวที่โดดเด่นและฟันแหลมๆ ทุกสี้นั้นเห็นได้ชัดเจรอย่างที่สุด บ่งบอกการเป็นเทพจิ้งจอกได้ชัดเจร... รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความขี้โกงที่ีเห็นได้ชัดนั้นไม่หุบขณะที่เทพได้มองเหยื่อของเขาอยู่ ลมพัดกิโมโนสีแดงของเขาไปเบา ทำให้เขาดูรื่นรมกับบรรญากาศยิ่งขึ้น มันทำให้ซิลเว่อร์ยิ่งหมั่นใส้ "ข้าจะถามใหม่ล้ะกัน.... ใช่ท่านหรือไม่ที่ฆ่ากลุ่ม-" "สาวๆ น่ารักทั้ง5เมื่อคืนอะนะ?" ถึงจะพูดขัดและทำให้ซิลเวอร์ชักรำคาณแต่ก็ตรงประเด็นทั้งสองมองหน้ากัน จ้องตากันอยู่สักพักก่อนเทพจิ้งจอกจะแสยะยิ้มและเอ่ยปาก... "เจ้าคิดว่าไงหล่ะ...หงอกน้อย.." ชื่อล้อเลียนที่ทำให้ซิลเวอร์ยิ่งรำคาณยิ่งขึ้นแต่ไม่เท่ากับการท้าทายทางปัญญาของเจ้าจิ้งจอกนั้นทำให้ซิลเวอร์เครียดมากขึ้น.... "ข้าคิดว่า...เป็นเจ้า..." และพอพูดขึ้นปุป เทพจิ้งจอกก็หุบพัดในมือของเขาและแสยะยิ้มแบบสะใจ "งั้นก็ถูกสินะ" ซิลเวอร์พูดพร้อมยิ้มนิดๆ อย่างมั่นใจ
"โง่!" เทพจิ้งจอกพูดขึ้นสั้นๆ ทำให้ซิลเวอร์สะดุ้งเพราะน้ำเสียงพร้อมกับสงสัยและทำหน้าเครียดอีกที ปีศาจจิ้งจอกยืนขึ้น คราวนี้แสงที่ส่องมาจากข้างหลังทำให้เขาดูเป็นภาพซิลลูเวท ดูทรงพลังและน่าเกรงขาม "การที่เจ้าตั้งสมมุติทารเดียวและเดาเอาง่ายๆ ทำให้ใจเจ้าตั้งอคติกับคำตอบที่ว่าข้าจะไม่ใช่ฆาตรกรและจากนั้นทำให้เจ้าคิดได้น้อยลงพร้อมกับการที่เจ้ายอมเป็นเหยื่อให้ข้าแหย่อารมณ์ได้เรื่อยๆ ก็ทำให้เจ้าตกเป็นทาสของความโมโหและจากนั้นยิ่งตั้งอคติว่าเป็นข้าผู้ยิ่งใหญ่คนนี้แน่นอน และอย่างแน่นอนพอเจ้าเห็นสัญญาณแม้แต่น้อยเจ้าจะมั่นใจและคิดว่าตนถูกทันทีทำให้เจ้าผิดและโง่ ไอ้มนุษย์ตัวน้อย เจ้าเคยคิดใหมว่านิสัยคิทสึเนะที่แท้จริงคืออะไร... เราไม่ฆ่าผู้บริสุทอย่างไร้เหตุผลหรอกนะ...ยกเว้นจะรุกร้ำอนาเขตและเริ่มเป็นอันตรายต่อพวกเรา...แต่เราเป็นเผ่าพันธุ์ที่ชอบเอาคืนแทนถ้ามีใครมาทำร้ายเราเสียก่อน และเจ้าเคยคิดใหมว่าข้า โดยส่วนตัว เสียดายแค่ไหนที่ต้องเห็นสาวๆ น่ารักน่าฟัดเหล่านั้นถูกฆ่านะ... แหม...แต่ละคน....คิดแล้วมันเสียดายจิงๆ...สวยๆ หุ่นเอ็กๆทั้งนั้นเลย... เพราะฉะนั้น โง่! เจ้ามนุษย์โง่!" เทพจิ้งจอกได้พูดจนเสร็จแล้วชี้มาด่าซิลเวอร์ ผู้ที่ยืนอึ้งอยู่ข้างล่างอ้าปากข้าง.... ก่อนที่จะกลับมามีสติใหม่... "งั้น...ตัวที่ฆ่านั่นคืออะไร และใครกันแน่ที่กลับมาจากการหลับใหล...?" เทพจิ้งจอกส่ายหน้าแบบเซ็งอีกที... "โง่!" เขาชี้หน้าด่าซิลเวอร์ "น่าจะทำการบ้านมาดีกว่านี้นะ...ไอ้นักสืบกระจอก... ข้าเนี่ยแหละที่กลับมาจากการหลับใหล ส่วนไอ้ตัวโง่ที่ฆ่าคนนั่นแหละที่ก่อเสียงดังน่ารำคาณและคลื่นพลังวิญญาญมารบกวนการนอนของข้า..." "และเจ้ารู้ใหมว่ามันคืออะไร หรือใคร..." ซิลเวอร์เริ่มสงสัยมากขึ้น "โง่!" เทพคิทสึเนะชี้หน้าด่าอีกครั้งให้ซิลเว่อร์สะดุ้ง และกระโดดลงมาอยู่ตรงหน้าซิลเวอร์อย่างรวดเร็วและบอกกับหนุ่มหัวทองเบาๆ ว่า....."ข้าไม่รุสิ...ข้าเพิ่งตื่น...." และยิ้มแบบไร้เดียงสาใส่ทำให้ซิลเวอร์มึนกับคำตอบและความคิดเกี่ยวกับจิ้งจอกตนนี้ว่าน่าเชื่อถือหรือไม่... "และถ้าเจ้าเจอมันเจ้าจะทำยังไง...?" คิทสึเนะถาม.... ซิลเวอร์ก้มหน้าคิดสักพักก่อนจะหันมาตอบแต่โดนขัด "เจ้าจะยืนตกใจในความกลัว... โดนมันกระโดดใส่ และมันจะกัดเจ้า ขย่ำเจ้า ชีกเจ้ากินเจ้าช้า และกลืนกินวิญญาญเจ้าให้หมดไป วิญญาญเจ้าจะสลายกลายเปนคลื่นพลังงานวิญญาญให้มันใช้และเจ้าจะสลายไปจากการมีตัวตน ง่ายพอใหม?" เทพคิทสึเนะแสยะยิ้มอีกทีก่อนหันหลังให้และค่อยๆ เดินไป ซิลเวอร์จึงเอ่ยถาม "และเจ้าล่ะ....จะทำยังไง?" เทพคิทสึเนะหันมามองหน้า แต่คราวนี้ด้วยสายตาสีส้มส่ิงสว่างกระหายเลือดที่ทำให้ซิลเวอร์เสียวสันหลัง "ข้าจะตามหามัน และฆ่ามัน... พลังมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และกลิ่นของมันเริ่มใกล้เข้ามาในถิ่นของข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ข้าอยากจะตัดไฟตั้งแต่ต้นลม..." ซิลเวอร์ยืนมองสักพักก่อนเริ่มเดินตามเทพคิทสึเนะลงเขาจากศาลเจ้าไป "ท่านจะไปไหนนะ?" และคิทสึเนะก็หันมายิ้มกว้างๆ ตาปิดและตอบว่า "ไปกินราเม็งในหมู่บ้าน"
-จบบทแรก-
AuthorsNote: ก้อคิดว่าเรื่องนี้น่าจะไปได้ด้วยดีนะครับถ้าทำต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้ ติดตามด้วยหล่ะ บุ๊ยบุย ฝันเด oyasuminasai
ความคิดเห็น