ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [CLOSE] ปิดรีไรท์ชั่วคราว

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่เก้า ซื้อของ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 574
      2
      7 พ.ย. 53

                    กว่าจะเข้าเกมเวลาก็เลยมาถึงหนึ่งทุ่ม หากเทียบเวลาในเกมแล้วก็ประมาณตกดึกของวันที่สองหลังจากแยกกับสายฟ้า เลม่อนย่ำเท้าลงบันไดของโรงแรมเพื่อเช็คเอ้าท์
     
                    นัยน์ตาสีเทาหม่นเหลือบไปยังพนักงานสาวที่เคาเตอร์ สาวร่างบางในชุดพนักงานโรงแรมทั่วไป เพียงแต่ผมนั้นมีสีแดงสดและดวงตาสีเดียวกัน ใช่แล้ว อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนี้…
     
                    “โคโคนัทนี่เอง” เลม่อนร้องทักเมื่อเดินเข้ามา
     
                    สาวน้อยผู้ถูกเรียกเบ้ปากทำหน้าไม่พอใจเต็มที่ “นายมะนาวมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง…”
     
                    ดวงตาเบิกกว้างของเธอแสดงถึงคำว่าตื่นตกใจเต็มที่ ชายหนุ่มนัยน์ตาถ่านทำเป็นไม่เห็นแล้วถามไปคนละทาง
     
                    “แล้วใบชาอยู่ไหนล่ะเนี่ย”
     
                    โคโค่แลบลิ้นใส่ “บู ! ไม่บอกหรอก”
     
                    “ฮะฮ่า” เลม่อนหัวเราะขบขันจนใบหน้าของพนักงานสาวกระตุกนิดๆ นัยน์ตาแดงตวัดใส่ “หัวเราะอะไรกันย่ะ”
     
                    ชายหนุ่มหยุดหัวเราะชั่วครู่แล้วหันมาพูดพร้อมใบหน้าดำใบหน้าแดง “ก็ดันไปนึกอะไรนิดหน่อย ประมาณว่า…ถ้าเธอทำงานแคชเชียร์เสร็จแล้วไปเป็นแม่บ้านต่ออะไรเงี้ย”
     
                    พนักงานจำเป็นคล้ายจะข่มอารมณ์ให้มากที่สุด แต่ท้ายก็อดตวาดใส่ไม่ได้
     
                    “ไปตายซะ”
     
                    แต่ยังไงคนกวนอารมณ์ก็ยังกวนต่อไป เลม่อนแสร้งหูทวนลมไม่สนใจ “แล้วทำยังไงถึงได้มาทำงานที่นี่ได้ล่ะเนี่ย”
     
                    “เฮ้อ เพราะอะไรก็ไม่รู้ยัยใบชาถึงได้ลากฉันมาที่เซิร์ฟเวอร์นี้ เงินค่าบัตรมาสองคนก็กินกันไปจนเกลี้ยงตอนนี้ก็เลยต้องมาหาเงินก่อน นายอาจจะไม่รู้แต่สำหรับสาวน้อยน่ารักแล้ว ที่โรงแรมร้านอาหาร ร้านกาแฟน่ะ เขาจ้างพวกเราในราคาสูงเลยล่ะ พวกเราก็เลยมาทำงานที่นี่ แต่งานอะไรก็ไม่รู้ น่าเบื่อก็น่าเบื่อ แถมยังต้องมาเจอพวกลูกค้าของแอดเฟรนด์นู่นี่อีก น่ารำคาญจะตายชัก…ว้าย แล้วฉันมาบ่นให้นายฟังทำไมเนี่ย”
     
                    โคโคนัทพึ่งนึกได้ก็มองหน้าเลม่อนเขม็ง “…ทำเป็นลืมมันไปล่ะกัน”
     
                    ง่ะ เจ้ครับ เอางี้เลยเหรอเลม่อนอ้าปากพะงาบๆ มองความคิดคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจเท่าไร
     
                    “นี่ เลยมาเป็นชั่วโมงๆแล้วยังมามัวจีบสาวอีกนะ แอลเอ็ม” เสียงเฮี้ยบดังวาบด้านหลังพร้อมกับความรู้สึกเย็นๆ แผ่ออกมา สายฟ้าที่ถูกเบี้ยวเป็นห้าหกชั่วโมงจ้องนักล่าหนุ่มตาเขียว
     
                    จำเลยเกาหัวแกรกๆแบบหาทนายไม่ได้ “เอาเป็นว่านายเลเวลเท่าไรแล้วล่ะ สายฟ้า”
     
                    อัจฉริยะ หนุ่มในชุดผู้เริ่มต้นใช้ดวงตาสีม่วงจ้องเขม็ง เส้นผมสีดำสนิทปลิวไสวเหนือใบหน้าหวาน “ฉันเลเวลสิบห้าแล้ว กำลังรอว่าเมื่อไรนายจะพาไปเลือกอาชีพเสียที ความจริงฉันก็ไปได้เลยนะ แต่กลัวนายจะร้องไห้ หาต่างหูไม่เจอ”
     
                    เลม่อนหัวเราะแก้เก้อเมื่อเจอคนตรงหน้าใช้นิ้วทั้งสองบีบต่างหูรูปตัว L.M.
     
                    “เอาน่า เรามาคุยเรื่องทีมกันก่อน นายน่าจะมีข้อมูลเยอะนี่”
     
                    อัจฉริยะหนุ่มวัย 16 ปี ถอนหายใจใส่คนอายุมากกว่าหลายปี “นายนี่อยากชนะภารกิจยี่สิบสี่ประการจริงๆ รึเปล่าเนี่ย ทีมหนึ่งสร้างได้สูงสุดแปดคน ควรจะประกอบไปด้วยอาชีพหลากหลายอาชีพแตกต่างกันไป โดยที่ควรมีระยะใกล้ กลาง ไกล หรือฟื้นพลังรวมอยู่ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่จะจัดกันยังไง แต่ที่สำคัญที่จะต้องมีผู้มีไอดีโค้ทอยู่หนึ่งคนเป็นอย่างต่ำ ซึ่งก็คือนาย”
     
                    เลม่อนเบ้หน้า “นายต่างหากผู้มีไอดีโค้ท ว่าแต่ไปตั้งทีมได้ที่ไหนล่ะ”
     
                    “แค่บอกเอไอประจำตัวก็ได้แล้ว” สายฟ้าตอบ
     
                    “งั้น นายก็ตั้งทีมเลยสิ ใช้ชื่อนายเนี่ยแหละ ดังนักดังหนาไม่ใช่เรอะ” เลม่อนแอบเหน็บแหนมเล็ก แต่คนมากไอคิวไม่ใส่ใจแล้วก็ตั้งทีมตามที่ว่าทันที
     
                    “ทีนี้ก็ขาดอยู่อีกหกคน” สายฟ้าพูดเรียบๆ
     
                    “อืม”…ก็มีจองไปแล้วอีกหนึ่ง น้องไอ้เค…เลม่อนคิด
     
                    “ให้เราเข้าด้วยได้ไหมค่ะ” เสียงหวานใสดังจากด้านหลังของสายฟ้า เลม่อนปรายตามอง สาวน้อยผมฟ้าดวงตาสีเดียวกันที่แขนข้างหนึ่งถูกหญิงสาวสีผมแดงเพลิงพยายาม รั้งไว้แต่ความสามารถ
     
                    “เดี๋ยวไม่ทำงานแล้วเหรอ” เลม่อนถาม
     
                    “หมดกะแล้วค่ะ ได้เงินแล้วด้วย” ใบชาตอบพร้อมกับชูซองเงิน “ว่าแต่ของเข้ากลุ่มด้วยได้ไหมค่ะ”
     
                    ความจริงใบชาก็ไม่อยากรวมกลุ่มกับใครนักหรอก ถ้าไม่ใช่ว่าไม่มีเงินซื้อไอดีโค้ท และก็เคยรู้จักกับเลม่อนมาก่อน และนิสัยของเขาก็ใช้ได้ด้วย
     
                    “ได้/ไม่” เลม่อนกับสายฟ้าตอบพร้อมกันแต่ตรงข้ามกัน
     
                    สายฟ้าปราดขึ้นมากระชากคอเสื้อนักล่าหนุ่ม “นายมาความว่าไง เอาผู้หญิงมาถ่วงเนี่ยนะ”
     
                    “สายฟ้า นายไปอยู่หลังเขามารึไง เดี๋ยวชายหญิงเท่าเทียมกันแล้วรู้ไหม” เลม่อนพูดเสียงเอื่อยโดยที่มีเสียงจากโคโคนัทให้ชายหนุ่มส่งสายตาเขียวปั้ดกลับไปให้ “นานๆทีนายก็พูดอะไรดีๆเป็นเหมือนกันนิ มะนาว”
     
                    “ชิ ถ้างั้นก็เอาค่าสถานะมาดูสิ” สายฟ้าว่า
     
                    หน้าต่างข้อมูลของทั้งสองคนโผล่มาข้างหน้าก่อนจะลากมาให้ชายหนุ่มสองคนดู…
     
                   …ห่วยชะมัด…เลม่อนกับสายฟ้าคิดตรงกัน
     
                    นัยน์ตาคมกริบสีม่วงสบกับสายตาที่เฉไปทางด้านข้างที่จงใจหันหนี ใบหน้าเจื่อนๆ คิดอะไรมาแก้ไม่ถูก ค่าสถานะมันก็พอใช้ได้อยู่หรอก เพียงแต่มันไม่สมดุลแบบสุดๆเท่านั้นเอง ของใบชามีแต่ค่าปัญญา ส่วนของโคโคนัทก็มีแต่พลัง…ไม่รู้เธอเอาสมองไปยัดในหน้าอกรึเปล่า
     
                    “ง่า…เอาเป็นว่าเดี๋ยวชั้นพาเธอสองคนนี้ไปฝึกให้เจ๋งเองล่ะกัน ว่าแต่ ขอดูค่าสถานะของนายหน่อยสิสายฟ้า”
     
                    พูดนิดหน่อยก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที…เจ้าเล่ห์นักนะ แอลเอ็ม…สายฟ้าคิด
                   
                    “เอาไป” หน้าต่างข้อมูลอีกอันมาวางเรียงกัน แม้จะมีเลเวลสิบห้าเท่ากันหมดแต่กลับมีอะไรที่ต่างกันสิ้นเชิง คนที่นำด้านพลังกลับเป็นผู้หญิงบ้าเลือดอย่างโคโคนัท ทางด้านปัญญาเป็นสิ่งไม่น่าเชื่อที่ใบชาเฉือนชนะสายฟ้าไม่กี่แต้ม ส่วนทางด้านความอดทน โคโคนัทก็กินขาดตามด้วยสายฟ้า ทางความเร็วเป็นของสายฟ้า
     
    ดูกันโดยรวมแล้วก็ อ่อนแอ ในสายตาของเลม่อนพอกัน [ดันเผลอเอาสถานะคลาสสามไปเทียบนี่หว่า]
     
    “เอาล่ะ โคโคนัทเป็นสายโจมตีระยะประชิด นักรบก็ดี ไม่สิ ถึงยังไงกำลังก็แพ้ผู้ชาย เอาเป็นนักดาบแล้วไปเล่นสายตะวันตก ส่วนสายฟ้ากับใบชายังไงก็ต้องเป็นนักเวทย์ ใบชามีเลือกอะไรพิเศษรึเปล่า”
     
    สายฟ้าเผลอนิดเดียวก็ถูกเลม่อนแย่งซีนตัดสินให้ทั้งสองร่วมทีมแบบไม่มีช่องว่างให้แย้ง ใบชารีบบอกอาชีพที่คิดไว้ทันที “อาชีพสายฟื้นพลังแล้วไปจบคลาสสามที่ปราการแห่งแสงค่ะ”
     
    “อาชีพใหม่นี่นา” เลม่อนพูดเอื่อยๆตามนิสัยผิดกับสายฟ้าที่เลิกคิ้ว “อาชีพใหม่? งั้นก็ต้องมีอาชีพเก่าสิ หมายถึงอะไร แอลเอ็ม”
     
    ในโลกใหม่[New World] สามารถแบ่งอาชีพง่ายเป็นสองแบบคือเก่ากับใหม่ เก่าเป็นอาชีพเริ่มต้นของเกมที่ผู้สร้างให้กำเนิดมาพร้อมตัวเกม อาชีพเก่าเป็นอาชีพที่แทบจะไม่มีความยืดหยุ่นแตกต่างกับอาชีพใหม่ เนื่องจากเวลาเลือกอาชีพแล้วจะต้องเลือกตามสายไปเลย มีแค่ทางเลือกไม่กี่ทางของแต่ละคลาสเท่านั้น ไม่สามารถปนข้ามสายพันธ์ได้ผิดกับอาชีพใหม่ที่เลือกอันนี้ คลาสต่อไปอันนู้น
     
    หากยกตัวอย่างอาชีพใหม่ก็เป็นคาวบอย เลือกคลาสสองเป็นนักปลุกเสก แล้วมาเลือกเป็นนักล่ามังกรก็ได้ ทั้งที่แต่ละอันแทบจะคนละโลกกันเลย แต่ในทางกลับกัน อาชีพเก่ามีแค่ Swordsman, Ranger และ Magician ซึ่งแต่ละอันก็มีการเลือกไปทีละลำดับเท่านั้น นักดาบไม่สามารถอัพคลาสของอาชีพใหม่หรือนักเวทย์ได้
     
    กล่าว คือ อาชีพเก่า ไม่สามารถพัฒนาเพิ่มเติมได้แม้แต่น้อย และแต่ละอาชีพจะมีขีดกำจัดมากกว่าอาชีพใหม่มากมาย อย่างนักเวทย์เมื่อเลือกคลาสสองประกอบด้วย White Magician กับ Black Magician ซึ่งหากเลือกนักเวทย์ดำก็ไม่สามารถใช้เวทย์แสงได้นอกจากเวทย์ระดับหนึ่ง ดังนั้นจะพัฒนาเป็นนักบวชก็เป็นไปไม่ได้
     
    ทำให้อาชีพเก่าไม่ได้รับความนิยมอย่างแรง…แต่ใครเล่าจะรู้ความลับข้อนี้
     
    “แต่ นักเวทย์อาชีพเก่ามีข้อดีเยอะนะ ผมก็เป็นคนเล่นอาชีพเก่า” คำพูดของเลม่อนทำให้สาวน้อยทั้งสองตาค้าง เมื่อความคิดที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เข้าเกมคือ อาชีพเก่าห่วย ถูกลบจากหัวฉับพลันทำให้หัวตื้อ
     
    “ความ จริง หน้าต่างตอนเลือกอาชีพเก่ามันมีหน้าหลัง ผมที่บังเอิญตบไปโดนเลยได้อาชีพ ผู้ใช้ธาตุ ตอนคลาสสอง ทำให้ใช้ธาตุได้สี่ธาตุคือ ดินน้ำลมไฟ ถึงมันจะน้อยกว่านักเวทย์ดำ แต่มันก็ทำให้ผมรู้ถึงหลัก แอเรีย การควบคุม และได้ทักษะพิเศษที่อาชีพใหม่ไม่มี ทักษะ Magic Control
     
    Magic Control ทักษะเสริมที่ช่วยให้สามารถประยุกต์เวทมนต์ระดับหนึ่งและสองได้ เช่นกันร่ายเวทย์กำแพงลมซึ่งจะสามารถทำให้มันเอียงได้หรือเปลี่ยนรูปร่างได้
     
    “ถ้างั้นครั้งนี้ฉันจะเอาอาชีพเก่าบ้าง” โคโคนัทพูดขึ้นหลังจากถูกล้างสมอง
     
    “อืม” เลม่อนตอบอย่างไม่ยินดียินร้าย
     
    “แอเรียคืออะไร” สายฟ้าถามต่อ
     
    เลม่อนเบ้หน้า “ไม่บอก วันนี้ฉันบอกความลับไปมากแล้ว ไปเลือกอาชีพกันดีกว่า”
     
    นักเปลี่ยนเรื่อง ไม่ว่าตอนไหนก็สามารถเปลี่ยนเรื่องได้เสมอ อัจฉริยะหนุ่มทำหน้าไม่สบอารมณ์แล้วคิดในใจว่าเกมนี้มีความลับมากจริงๆ
     
    ทีมพิชิตภารกิจยี่สิบสี่ประการทำใหม่ในชื่อ สายฟ้า ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกจำนวนสี่คนนำทีมด้วยนักล่าจอมซ่าที่ก้าวอาดๆเข้าสู่ ส่วนของการแนะนำอาชีพ พนักงานที่วุ่นวายกับการส่งคนโน้นคนนี้ไปสำนักอาชีพ ณ ทวีปใหญ่เงยหน้าขึ้นมองมาก็รีบจัดแจงทำงานในส่วนนั้นจนหมดแล้วค่อยเรียกให้ กลุ่มนี้เข้าไป
     
    “สวัสดีค่ะ” คำทักทายนำหน้าขึ้นมาก่อนจะถามจุดประสงค์ “ต้องการสมัครอาชีพรึเปล่าค่ะ?”
     
    ไม่แปลกใจที่เธอถามอย่างนั้น เพราะคนที่เดินนำเป็นชายหนุ่มนัยน์ตาสีเทาที่เปลี่ยนเป็นชุดนักเวทย์เต็มยศ
     
    “ใช่ครับ ผู้ชายกับผู้หญิงคนนี้เป็นนักเวทย์ ส่วนตัวนี้เป็น นักดาบ”
     
    เลม่อนพูดคล่องปรื๋อก่อนจะโดนตัวนี้หยิกเนื้อเขียว พนักงานสาวเงยหน้าขึ้นถามพร้อมกับความสงสัย “อาชีพนักเวทย์กับนักดาบนี่ไม่ทราบว่าเป็นอาชีพเก่าหรือใหม่คะ”
     
    “เก่าทั้งหมดครับ ”
     
    “งั้นเหรอคะ แปลกใจจัง ถ้างั้นให้แต่ละคนมายืนยันตรงนี้ก็เปลี่ยนได้แล้ว สำหรับนักเวทย์ที่ต้องซื้อเวทมนต์ให้ไปซื้อที่ห้องถัดไปตรงด้านนั้น สำหรับการพัฒนาคลาสต่อไปให้ยืนยันกับเอไอเพื่อเคลื่อนย้ายมาตรงจุดนี้ อัตโนมัติหรือจะเดินทางมาที่นี่เองก็ได้ค่ะ”
     
    เมื่อเลม่อนทำท่าคล้ายจะคุยเรื่องสัพเพเหระเรื่อยเปื่อย มือของสายฟ้ากับโคโคนัทก็พร้อมใจกันลากร่างหนาออกมาโดยที่มีรอยยิ้มเจื่อนจากใบชาส่งไปให้พนักงาน
     
    เข้ามาในห้องถัดไปที่คุ้นเคยสำหรับเลม่อน เขาเคยมาซื้อของที่นี่อยู่หลายครั้ง เนื่องจากคาถาแต่ละคาถามีราคาสูง ทำให้ต้องใช้เวลาเก็บเงินและซื้อสะสมทีละนิด
     
    “สำหรับ ใบชากับสายฟ้าฉันจะเลือกซื้อคาถาให้เอง ดังนั้นก็ไปเลือกเสื้อผ้าซะ ส่วนโคโคนัทเลือกเสื้อผ้าก็พอ ดาบฉันมีให้ เดี๋ยวจ่ายเงินทีเดียวเลยนะ”
     
    เลม่อนจัดแจงหน้าที่ของแต่ละคนโดยที่ตนเองเดินไปที่มุมสำหรับขายเวทมนต์ มือหยิบคาถาออกมาอย่างคล่องแคล่วจนน่าตกใจ แต่ใบชาที่เดินเข้ามาใกล้ไม่ได้ใส่ใจในจุดนั้น
     
    …เลม่อนคะ คือซื้อคาถาขนาดนี้…” จะมีเงินพอไหมนะ ใบชาคิด
     
    เพราะ จำนวนคาถาที่เลม่อนหยิบมานั้นหากเรียงกันเป็นชั้นก็เป็นตั้งสูงทีเดียว ดูๆไปไม่ต่ำกว่ายี่สิบบทแน่ๆ ถ้าเวทย์ระดับหนึ่งก็ดีหน่อยราคาประมาณห้าถึงหกพัน ระดับสองประมาณห้าถึงหกหมื่น แล้วก็คูณสิบขึ้นมาเรื่อยๆ
     
    ถึงจะมีระดับหนึ่งอยู่มาก แต่เธอมีเงินไม่พออย่างแน่นอน และถ้าดูๆ ไปเงินของเธอตอนนี้คงซื้อได้ไม่ถึงหนึ่งในสิบที่เลม่อนหยิบแน่ๆ
     
    “อ้อ ผมจ่ายเองไม่ต้องห่วง สำหรับเงินผมล่าบอสหน่อยเดียวก็ได้แล้ว” เลม่อนตอบแบบไม่ยี่หระ ใช่ คนที่ยี่หระคงมีแค่ใบชาคนเดียว ถึงสายฟ้าจะซื้อของเงียบๆ และเลือกทีละนิด แต่แต่ละชิ้นนั้นมีแต่ของดีๆ ส่วนทางโคโคนัทนั้นหนักยิ่งกว่า ชอบชิ้นไหนหยิบชิ้นนั้น จนกลายเป็นว่าหยิบดะไปหมด
     
    “แต่…”
     
    “ไม่มีแต่นะครับ หากคุณใบชาอยากจะชดใช้ก็ให้ผมเรียกว่าน้องละกัน ผมอยากมีน้องมานานแล้ว และก็เวลาที่สายฟ้าสั่งอะไรก็พยายามฟังหน่อยล่ะกัน ถึงหมอนั่นจะปากเสียแต่ก็พึ่งพาได้ ที่เหลือก็พยายามเพื่อทีมและตัวเองก็พอ”
     
    เลม่อนพูดด้วยภาพลักษณ์พระเอกเต็มที่ซึ่งใบชาก็รับน้ำใจนี้อย่างเต็มใจ
     
    “ค่ะ พี่เลม่อน”
     
    เลม่อนขยับยิ้ม “ดีมากน้องใบชา ทีนี้ก็ไปเลือกชุดสำหรับนักเวทย์ได้แล้ว ให้เสริมธาตุแสง ลมหรือไฟนะครับ แนะนำให้เป็นชุดที่กระฉับกระเฉงจะดีกว่า ชุดกระโปรงยาวตัดไปเลยนะครับ ถ้าให้ดีก็ประมาณกางเกงขาสั้นอะไรประมาณเนี้ย”
     
    “ค่ะ” ใบชารับคำแล้วก็เดินไปเลือกของอย่างอารมณ์ดี
     
    หึหึหึ เคเอ๋ย งานที่นายจ้างวานมาเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วล่ะ ตอนนี้ก็มีเหตุผลที่จะอยู่ข้างๆน้องนายแล้วเลม่อนคิดในใจพร้อมกับแสยะยิ้ม
     
    เมื่อเวลาผ่านไปราวๆครึ่งชั้วโมง ข้าวของแต่ละคนก็มากองบนเคาเตอร์ ที่นี่ไม่มีลูกค้านัก เพราะเป็นของสำหรับอาชีพเก่าซึ่งคนที่มาที่นี่ส่วนใหญ่มาถึงก็วาร์ปไปทวีปใหญ่หมดเลย
     
    หากให้นับจำนวนว่าใครเลือกซื้อเยอะกว่าใครก็ต้องเรียง สายฟ้า น้อยสุดไปใบชาแล้วจบลงที่กองพะเนินของนักดาบสาว โคโคนัท
     
    ร่างเพรียวของสาวผมแดงอ้าเสียงแข็งว่าเป็นผู้หญิงเลยต้องซื้อเยอะหน่อย แต่ก็เถียงไม่ขึ้นเมื่อเอาของใบชาเทียบ พอจะบอกว่าเป็นนักดาบก็เลบต้องสวมหลายชิ้นเพื่อป้องกัน แต่เมื่อเลม่อนตรวจสอบดูกว่าครึ่งเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นที่ไม่บวกสถานะ
     
    แถมไอ้ที่บวกดันบวกมั่วหยิบของอาชีพอื่นมาใส่อีก
     
    สองหนุ่มแสดงหน้าตายได้ราวกับเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน เพื่อนสนิทของเธอเองก็ทำหน้าเจื่อนๆแบบไม่รู้จะพูดอะไร ไอ้คนเจ้าปัญหาเลยต้องหันหน้าหนีเสียเพราะไม่มีสิ่งใดเหลือไว้ให้ แก้ไข(เนื่องจากเสียไปหมดแล้ว)
     
    “มานี่ ฉันเลือกใหม่ให้ สายฟ้านายเลือกเกราะหนัก ฉันเลือกเกราะเบา” เลม่อนสั่ง เกราะหนักส่วนมากจะใส่เฉพาะตอนสู้เท่านั้น จึงเน้นที่ความสามารถมากกว่ารูปร่าง ส่วนเกราะเบามักจะใส่ตลอดทำให้ต้องสวยงามเหมาะกับคน ถึงเลม่อนจะไม่ได้ติดตามแฟชั่น แต่ก็เป็นถึงนักศึกษาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งสาขาออกแบบเครื่องแต่งกาย
     
    กองพะเนินเทินทึกจึงถูกเปลี่ยนเป็นเกราะที่สานจากโซ่ขนาดเล็กโดยมีเสื้อขนาด เล็กที่มีปริมาณการปิดเนื้อหนังมากว่าบิกินี่เล็กน้อย ตามด้วยกางเกงขาสั้น รองเท้าโลหะที่ติดกับส่วนเกราะขายาวถึงหัวเข่า ตามด้วยผ้าพันคอที่ทอจากใยหนังงูสามหัวขนาดใหญ่
     
    ส่วนทางเกราะหนักที่สายฟ้าเลือกก็เป็นแบบเกราะขนาดเล็กที่เน้นด้านความคล่องตัวมากกว่าการป้องกันซึ่งเหมาะสมกับโคโคนัทไม่น้อย
     
    เมื่อคนทั้งสามดูจำนวนเงินรวมเงินหลักล้านมาหลายอยู่ก็แทบจะตาลุกวาว แต่ชายหนุ่มก็จ่ายเงินไปอย่างไม่ใส่ใจ จนคนที่พึ่งเริ่มเล่นอย่างสายฟ้าข้องใจ
     
    ในกระดานข่าวบอกเกมนี้หาเงินยากไม่ใช่เหรอ หรือจะมีวิธีพิเศษ
     
    ใน เกมนิวเวิลด์ เงินจะหายากหรือง่ายขึ้นอยู่กับวิธีเล่นของคน หากเอาแต่ตีมอนสเตอร์ก็ต้องตีบอสอย่างเดียวหรือล่าพวกสายพันธุ์สูงอย่าง มังกรที่รักพวกเยี่ยงชีพ
     
    นอกนั้นก็เป็นการเข้าโลกมืดของเกม เช่นการพนัน การต่อสู้แบบฟรีสไตล์ หรืออีกวิธีคือการเป็นพนักงานตามที่ต่างๆซึ่งคนสมัครต้องมีคุณสมบัติมากมาย พอสมควร (โดยเฉพาะหน้าตา)
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×