ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [CLOSE] ปิดรีไรท์ชั่วคราว

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่สาม ซื้อสื่อเวทย์

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 766
      3
      7 พ.ย. 53



                    ในร่างของแฟนท่อมวิธ เลม่อนก็เป็นนักล่าผู้มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว หากแต่ในยามที่เขาเป็นเลม่อน เขาคือนักเวทย์ธรรมดาที่แสนจะเปราะบาง
     
                    เลม่อนเดินผ่านฝูงคนไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อครู่ที่เขาออกจากบ่อนคาสิโนนั้น เขาออกมาด้วยการปลอมแปลงเป็นจีเอ็มแอน พอเดินออกมาได้ไกลหน่อยก็เข้าไปในตรอก โปรแกรมแปลงกายถูกใช้งานอีกครั้ง
     
    โดยทุกครั้งที่จะทำการแปลงกาย ร่างกายและข้อมูลจะถูกย้ายไปที่เซิร์ฟเวอร์ของดาร์กโซน ทำให้ดูเหมือนเป็นการล็อคออฟตามปกติแล้วก็มีคนล็อคออนเข้ามาแทนที่ (เกมนี้ล็อคออนนอกโรงแรมได้ แต่จะไม่ฟื้นพลังและต้องจ่ายเงินเป็นค่าล็อคออฟนอกสถานที่ แพงกว่าจ่ายค่าโรงแรมเล็กน้อย)
     
                    ร่างกายหนุ่มแน่นของคนวัยยี่สิบต้นๆ ผมดำสลวยยาวเพียงต้นคอ ด้านหน้าตัดสั้นซอยละเอียดยิบเพื่อให้ไม่รุงรัง ดวงตาสีถ่านดูแปลกตา และเสื้อผ้าบ่งบอกยี่ห้อจอมเวทย์อันบอบบางได้เป็นอย่างดี
     
                    สองเท้าเดินก้าวเข้าหาตลาดที่เต็มไปด้วยผู้คน
     
    แม้ตลาดในเมืองนี้จะเล็กและซุกซ่อนอยู่ในส่วนลึกของเมือง เนื่องจากบรรยากาศไม่เข้ากับบ่อนคาสิโนและสถานเริงรมณ์ ระบบจึงจับไปไกลหูไกลตาไม่ให้ผู้มาท่องเที่ยวเสียอรรถรส
     
    หลังจากคทาอันเก่าถูกทำลายไปเมื่อการปล้นชิงครั้งก่อน จนครั้งนี้ที่ต่อสู้กับจีเอ็มต้องใช้มือเปล่าร่ายเวทย์ซึ่งเปลืองพลังเวทย์มากขึ้นเป็นสองเท่าและร่ายช้าเป็นเงาตามตัว เขาถึงต้องถ่อมาหาภายในตลาดกระหลั่วๆ แห่งนี้
     
                    “พี่ชาย มีสื่อเวทย์ขายบ้างไหม”
     
                    น้ำเสียงสุภาพอ่อนน้อมของเลม่อนพูดต่อเจ้าของร้านอาวุธผิดกับน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ ซุกซนที่ใช้เมื่อครู่ราวกับคนละคนเลยทีเดียว เจ้าของร้านอาวุธหนุ่มส่ายหน้าพร้อมชี้ไปยังเมจิกช็อป (Magic Shop) ที่เปิดข้างๆ กับบาร์
     
                    “ขอบคุณมากครับพี่ชาย”
     
                    นักล่าหนุ่มในคราบลูกแกะเดินเข้าไปด้านในร้านนั้น ร้านเมจิกช็อป เป็นร้านค้าที่ขายสารพัดอย่างที่เกี่ยวกับเวทมนต์โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น น้ำยา คำสาป คาถา คทา ไม้เท้า หรือแม้แต่ไม้กวาด
     
                    “ยินดีต้อนรับค่า รับอะไรดีคะ”
     
                    เสียงสดใสและร่าเริงดังจากด้านบน หญิงสาวในชุดแม่มดตัวน้อยที่นั่งบนไม้กำลังจัดเรียงข้าวของอยู่บนหิ้งที่สูง พอๆ กับชั้นสองของตึกทั่วไป เลม่อนมองขึ้นไปด้านบนโดยไม่มีอาการแปลงใจใดๆ ทั้งสิ้น
     
                    “สื่อเวทย์ครับ”
     
                    “ค่ะ ดูที่หนังสือเล่มสีน้ำเงินตรงโต๊ะนะคะ ถ้าอยากได้น้ำยาดูเล่มสีเขียว ถ้าเป็นคาถาให้ดูเล่มสีแดง ส่วนสีดำจะเป็นคาถาระดับสูง ไม้กวาดก็มีเท่าที่โชว์หน้าร้านนะค่ะ”
     
                    “ขอบคุณครับ” เลม่อนเอ่ยตอบไปโดยที่ใช้นิ้วเรียวยาวพลิกหน้ากระดาษหนังสือเล่มสีน้ำเงิน ภาพคทาจำนวนมากเรียงรายในหนังสือ ขอเพียงจิ้มไปที่รูป หน้าต่างข้อมูลก็ปรากฏขึ้นมาในทันที
     
                    สายตาข้ามผ่านหมวดไม้เท้าไปในทันที จริงอยู่ที่เลม่อนก็ชอบในความเท่และสง่าสมชื่อจอมเวทย์ หากแต่พอเทียบกับความเกะกะที่ตามมาก็ขอผ่านไปดูที่หมวดคทาดีกว่า แต่ที่สำคัญ ต้องไปดูในหมวดอื่นๆ เสียก่อน
     
                    สื่อเวทย์ในประเภทอื่นๆ จะแตกต่างกันไปตามร้านค้าในเมือง และส่วนใหญ่นั้นจะมีจำนวนจำกัดต่อร้านและมีความแตกต่างทางด้านข้อดีข้อเสีย
     
                    ลูกแก้ว ไพ่ ขนนก ดาบ…แหวน?
     
                    ลูกแก้วมีข้อดีที่ใช้ในการทำนายได้เช่นเดียวกับไพ่ ขนนกมีข้อดีที่ความเร็วในการร่ายและน้ำหนักเบา แม้ว่ามันจะเบาและเปราะบางเอามากๆ ดาบเองก็ดีสำหรับพวกนักดาบเวท แต่ก็ไม่น่าสนใจเท่าอันสุดท้าย…แหวน
     
                    “ท่าจะสนใจแหวนนะค่ะ ร้านนี้มีแหวนอยู่สิบสองวง หกธาตุ แหวนมีข้อดีที่ใช้งานง่าย พกสะดวก ร่ายไว แต่ใช้พลังเวทเปลืองกว่าสื่อชนิดอื่นเล็กน้อยและที่สำคัญที่ทำให้มันไม่นิยม คือ ร่ายได้แค่ธาตุเดียวต่อวง และคนหนึ่งใส่ได้แค่สามวงเท่านั้น”
     
                    สรุป เลม่อนซื้อแหวนมาสามวงตามจำนวนที่ใส่ได้ซึ่งประกอบด้วยแหวน น้ำ ไฟและลม ต่อมาก็ซื้อสื่อเวทย์อีกสองชิ้นคือขนนกที่ราคาถูกแสนถูกเอามาใช้เล่นๆ แก้เซงกับคทาที่มีความคงทนสูง ถึงจะช่วยลดการใช้พลังเวทย์และความนานในการร่ายไม่มากนัก
     
                    “ยินดีที่ได้รับใช้ค่า ต้องการอะไรอีกไหมค่ะ”
     
                    “การก่อเกิด(Growing)
     
                    ภูตแสงลอยขึ้นจากฝ่ามือเป็นการทดสอบการใช้เวทมนต์ สื่อเวทย์ทั้งคทาและขนนกถูกเก็บเข้ากระเป๋ามิติจนไม่น่าจะใช้เวทย์แสงโดยผ่านสื่อเวทย์ได้ เพราะสื่อเวทย์ที่เหลือคือแหวนที่ร่ายได้แค่ 3 ธาตุเท่านั้น แต่นี่หมายถึงการผสมเวทย์!!!
     
                    การใช้เวทย์แสงด้วยการผสมธาตุไฟกับธาตุลม!!!
     
                    “แหม เก่งจังเลยนะค่ะ เรียกภูตแสงได้ด้วย เป็น ‘บิชอป’ เหรอค่ะ”
     
                    บิชอป นักเวทย์คลาสสาม ผู้ใช้เวทย์แสง ถนัดทั้งด้านเสริมพลัง ฟื้นพลังพลัง ชุบชีวิตหรือแม้แต่การโจมตีด้วยเวทย์แสงอันร้ายกาจเช่น เจเนซิส
     
                    “เปล่าครับ ผมเป็น…เอเลเมนทัล มาสเตอร์”
     
                    เอเลเมนทัลมาสเตอร์ (Elemental Master) นัก เวทย์คลาสสาม ถนัดการใช้เวทมนต์สี่ธาตุอย่างคล่องตัวทั้งดินน้ำลมไฟ อ่อนแอธาตุแสงและความมืด ไม่มีเวทย์ฟื้นพลังแต่มีสายเสริมพลังและเวทย์โจมตีอันรุนแรงทั้งสี่ธาตุ
     
                    “เห ไม่รู้เลยนะคะว่า เอเลเมนทัลมาสเตอร์จะใช้เวทย์แสงได้”
     
                    “นั่นนะสิครับ” เลม่อนยิ้มให้
     
    แน่นอนล่ะ ไม่มีทางที่จะใช้เวทย์ระดับสามอย่างภูติแสงได้ แต่ถ้าเป็นการหลอมภูติไฟกับภูติลมเข้าด้วยกันย่อมไม่ยากเย็น เพราะพื้นฐานที่ไม่ค่อยมีใครเข้าถึงของอาชีพนี้คือการประยุกต์ธาตุอยู่แล้ว
     
                    นอกจากจะต้องซื้อสื่อเวทย์อันใหม่ที่พึ่งจะได้มาแล้วก็ต้องไปซื้อตั๋วสำหรับ นั่งเรือเหาะไปเมืองหลวง เซ็นทรัล เวทย์ลอยตัวถูกเรียกใช้เพื่อเพิ่มความเร็วในการเดินทาง จากเมืองมูนไลท์ไปเซ็นทรัล ทั่วไปต้องใช้เวลาถึงสามวัน แต่ถ้าไปทางเรือเหาะแล้วแค่หกชั่วโมงก็ถึง
     
                    เลม่อนเข้าแถวต่อคิวสำหรับซื้อตั๋วเดินทาง บัตรราคาแพงลิ่วหากเทียบกับค่าตั๋วรถไฟ แต่ก็ไม่มากนักสำหรับนักเวทย์คลาสสาม คิวยาวเหยียดที่ต้องรออย่างเบื่อหน่าย ขนนก สื่อเวทย์ราคาต่ำถูกหยิบขึ้นมาใช้เป็นของเล่นแก้เซงและเพื่อฝึกการควบคุมเวทย์โดยไม่ผ่านสื่อเวทย์
     
                    ใช่ สื่อเวทย์ช่วยให้ควบคุมอะไรต่างๆ ได้ง่ายขึ้นก็จริง แต่สำหรับนักล่าแล้วทุกสิ่งต้องเฉียบขาด
     
                    เวทย์ลอยตัวที่ปล่อยออกจากมือมาห่อหุ้มขนนกอย่างแผ่วเบา ด้วยน้ำหนักที่น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย การบังคับให้มันลอยตัวโดยที่ไม่ปลิวจำเป็นต้องปล่อยพลังเวทย์ให้หลุดออกมาเพียงน้อยนิดเท่านั้น
     
                    ใน ตอนแรก ขนนกก็ลอยขึ้นๆลงๆจนเป็นเป็นที่น่าขบขัน แต่พอนานหน่อยก็เริ่มชินจนสามารถปล่อยได้ทีละนิดแต่ไม่ติดขัดเช่นเดียวกับ น้ำหยดออกจากท่อ ขนนกลอยนิ่งด้วยแสงสีขาวอ่อนที่แผ่มาห่อหุ้มบางๆ
     
                    เวลาแม้จะผ่านไปแค่กว่ายี่สิบนาที คล้ายว่าจะผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วโมงเต็ม การปลดปล่อยพลังออกมาไปทีละนิดต้องใช้สมาธิในควบคุมการปลดปล่อยพลังมหาศาล จนคิดได้ว่าบางทีบังคับก้อนหินหนักร้อยกิโลยังอาจจะง่ายเสียกว่า
     
                    ในที่สุดก็ได้ตั๋วราคาสองพันเหรียญมา แต่พอนักล่าหนุ่มที่เดินถืออย่างอารมณ์ดีกำลังจะไปเตรียมซื้อข้าวของไปกินเล่นบนเรือ กลับถูกเบรกอารมณ์เข้าจังๆ ด้วยการกระแทกจากด้านหลัง ตั๋วราคาสูงที่กว่าจะได้มาลอยละลิ่วไปตามลมจนแทบจะตกลงไปในท่อน้ำพอดี
     
                    “ชิ สายลม(Wind)
     
                    เวทย์ลมพัดให้ตั๋วกลับมาอยู่ในมืออย่างปลอดภัย พอจะหันไปต่อว่าคู่กรณีของตนกลับดันไปมีเรื่องกับคนอื่นเสียก่อน สองหญิงสาวถืออาวุธของตนในมือเตรียมรบกับชายร่างโตอีกสามคน
     
                    “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ก็ไม่ พวกเราไม่มีทางไปกับแกแน่”
     
                    ไอ้เหยินฟันยื่นหน้าประจวดแสยะยิ้ม พร้อมกับชี้นิ้วอันประดับไปด้วยแหวนเพชรเม็ดโตไปที่ร่างของสาวน้อย “ฮี่ ถึงเธอจะไม่ยอมไปก็ต้องไปอยู่ดี สู้ไปกับเราแต่แรกแล้วเอาเงินไปดีกว่าม้าง เหอๆๆ”
     
                    “ไม่มีทางเสียหรอก” สาวน้อยผมแดงตวาดใส่
     
                    “เหอๆๆ เด็กๆ จัดการ!!!” ไอ้หน้าประจวดสั่งการชายร่างยักษ์สองคนที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม เมื่อคนที่มุงอยู่เห็นก็สงสาร หนึ่งในนั้นตะโกนมา “หยุดนะ!!!”
     
                    ชายทั้งสองชะงักอันมามองหาต้นเสียงแต่กลับมีอีกเสียงดังอย่างแผ่วเบาจนที่นี่เงียบกริบ
     
                    “แกจะบ้าเรอะ นั่นมัน แซ็ค เจ้าของบ่อนรายใหญ่ของที่นี่เลยนะ จะเอาอะไรไปสู้ เดี๋ยวก็เข้าเมืองนี้ไม่ได้พอดี”
     
                    …ชิ ไอ้พวกปอดแหก…
     
                “เฮ้อ ผู้หญิงเค้าไม่เล่นด้วย แล้วคุณจะไปเอาอะไรกับเค้ากันครับ” คำสุภาพๆดังจากปากของเลม่อน โดยทั่วไปนั้นเขาก็ไม่อยากไปแส่เรื่องคนอื่นนักหรอก แต่ดันถือคติ ไม่ชอบใคร ไม่อัด ไม่ใช่เลม่อน น่ะสิ แล้วไอ้หน้าประจวดฟันเหยินนั่นดันตรงคอนเซ็ปคำว่า ไม่ชอบ พอดีเลย
     
                    “แกเป็นใคร ไอ้หนู เฮ้ย อัดมันก่อนค่อยถามอีกที”
     
                    “ผมยังไม่ทันตอบเลยก็ชวนคุยด้วยภาษาเท้าเสียแล้ว นี่พ่อแม่คุณสอนคุณด้วยเท้าเหหรอครับ” คำพูดเรียบๆที่ฟังดูคล้ายจะสุภาพแต่ก็เสียดแทงจิตใจผู้คนจนมันหน้าแดงก่ำ เร่งให้หมาทั้งสองโจมตีนักล่าหนุ่มโดยพลัน
     
                    “บอลน้ำมัน(Oil ball)
     
                    เวทมนต์หายากที่เลม่อนไปขุดมาจากเควสลับสู่ตำนานพ่อครัวจนได้มาอย่างสะใจ ลูกบอลสีทองสวยลอยอยู่เหนือฝ่ามือถูกปาลงพื้นด้านหน้าลูกน้องทั้งสองของมันจนล้มระเนระนาด
     
                    “บอลเพลิง(Fire ball)
     
                    ลูกบอลเพลิงขนาดเท่าลูกฟุตบอลพุ่งเข้าใส่ร่างของหนึ่งในนั้นแล้วลามติดไปตามน้ำมันจนลุกไหม้ติดสถานะไฟลามในทันที สองมนุษย์ร่างโตวิ่งจ้าล่ะหวั่นไปทั่วจนดูตลก เลม่อนชายหนุ่มใจบุญช่วยปาบอลน้ำไปให้เพื่อดับไฟ
     
                    ผู้คนมองดูที่ร่างนักล่าหนุ่มฉงน ‘หรือต้องการแค่สั่งสอนกัน’
     
                    แต่ ความจริงแล้วไม่ใช่ รอยยิ้มเหยียดกว้างเมื่อเวทมนต์ไฟกับลมผสมกันเป็นสายฟ้าเส้นโตตกจากฟ้ามาฟาด ร่างทั้งสองคนที่เปียกแฉะจนเกรียมก่อนจะลอยขึ้นฟ้าไป
     
                    ส่วนไอ้หน้าประจวดฟันยื่นนี่ก็ได้อะไรพิเศษนิสสสนึง
     
                    “ความคมของสายลม (Sharpness of wind)”
                    เวทย์ลมเริ่มต้นที่เรียกสายลมที่คมกริบมาตัดศัตรู แม้มันจะไม่รุนแรงและแทบจะทำอะไรไม่ได้ แต่เมื่อใช้เวทย์ประจำตัวคลาส เอเลเมนทัลมาสเตอร์ ความคมนั้นก็ดูจะรุนแรงไม่น้อย
     
                    “เวิร์นคอนโทรล (Wind control)”
     
                    คมมีดสายลมถูกบังคับให้กรีดเสื้อผ้า และชุดเกราะซ้ำไปซ้ำมาจนฉีกออกเป็นชิ้นๆ เผยอผิวกายของหนุ่มฟันยื่นที่แสนอัปลักษณ์ รูปร่างอุบาทไม่น่ามองโผล่ออกมาพร้อมหนอนน้อยที่เล็กจนไม่น่าเชื่อ
     
                    “อืม.. เล็กจังนะนาย น่าสงสารจริง” แม้ปากจะว่าอย่างนั้นแต่ก็เป็นความตั้งใจในการกลั่นแกล้งและทรมานทั้งสิ้น เกมนี้มันก็ไม่ได้ชาย-หญิงเท่าเทียม ผู้หญิงต่อให้ใช้ระเบิดมาบอมอย่างไร อย่างน้อยๆ ก็มีชุดชั้นในมาปิดบังร่างกาย ต่างกับชายที่กลายเป็นชีเปลือยเช่นเดียวกับคนตรงหน้านี่
     
                    ดูท่าแค่เปลื้องผ้าจะไม่สะใจเลม่อนพอ จึงได้ร่ายเวทย์บอลน้ำอัดหนอนน้อยไม่ยั้งจนคนรอบข้างดูหวาดเสียวแทน พอมันหมดแรงจะใช้มือปิดส่วนสำคัญแล้วเขาก็พูดเบาๆ เป็นการขู่ว่า
     
                    “ถ้าจะตามเอาเรื่อง รับรองจะไม่จบแค่นี้แน่”
     
                    พูดได้แค่นี้ก็ร่ายเวทย์ต่อในทันที
     
                    “แช่แข็ง (Freeze)”
     
                    แล้วก็เกิดประติมากรรมแช่แข็งตั้งตระหง่านอยู่หน้าท่าเรือ
     
                    ...แหม เรานี่มันโคตรโหดเลยฟ่ะ…


     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×