ลำดับตอนที่ #18
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : บทที่สิบแปด แฝดนรก
ผืนฟ้าอึมครึมมืดครึ้มครึกครามเป็นยามอาทิตย์ตกดิน ฝูงวิหกผกบินขึ้นนภากว้าง
คงเป็นคำบรรยายของภาพตรงหน้าเลม่อนเป็นอย่างดี ท้องฟ้าดำมืดมีเพียงแสงจันทร์ส่องทอพอให้มองเห็น และฝูงนกบินว่อนขึ้นฟ้า เอิ่ม
แต่มันก็ไม่ได้บรรยายถูกทั้งหมดเสียทีเดียว
เพราะนกนั้นมีอยู่สองสีคือขาวกับดำ และมันยังบินพัวพันกันจนดูวุ่นวาย ยิ่งได้สังเกตเข้าไปให้ชัดเจนจะเห็นว่ามันนั้นไม่ได้บินใกล้กันเพื่ออิงแอบ แนบชิดกัน แต่อันที่จริงคือเข้าไปจิกตบขบกันเป็นสงครามกีฬาสีเสียมากกว่า
ถึงฝูงนกสีดำจะเป็นอีกาที่ไม่ค่อยเข้าไปจิกกับใครนั้นจะมารวมกันเป็นฝูงคล้ายจะมาเพื่อยกพวกตีกันจะดูน่าตกใจ แต่อีกฝั่งหนึ่งกลับน่าตกใจยิ่งกว่า
ฝูงนกสีขาวไม่ใช่ใครที่ไหน พวกมันคือนกที่ได้เป็นตัวแทนของคำว่า สันติภาพ นั่นเอง
และมันก็กำลังทำลายคำว่าสันติอยู่กับอีกานี่แหละ
ปากอ้าค้างเหวอเมื่อไม่นึกมาก่อนของกลุ่มสมองมากเผยให้เห็นอย่างแปลกใจ แต่ทันควันที่นักล่าหนุ่มปรับตัวได้ก่อนใครก็หุบปากหันไปดูคนอื่นกลบเกลื่อนท่าเหวอ
น่าแปลก
กลุ่มสมองน้อยไม่มีใครทำท่าตกใจสักเล็กน้อย
เนื่องจากพวกเขานั้นมาจับจ้องด้วยดวงตาเป็นประกายราวกับสุขสมเสียเต็มประดา แถมอควอ เงือกผลัดถิ่นมาเป็นภูตให้นักล่าหนุ่มกำลังจดจำคำว่า นก ในฐานะสัตว์ดุร้ายเสียด้วย
ครั้นเลม่อนนึกขึ้นได้ดวงตาก็ตวัดด้านในบ้านพร้อมเค้นเสียงเหี้ยมลอดไรฟัน
“คนผิดต้องรับผิดชอบ
ใช่ไหม!!!”
ท่อนสุดท้ายคล้ายตวาดดังเข้าด้านใน ซึ่งก็มีการตอบรับเป็นอย่างดี เป็นเสียงวิ่งตึกๆๆ ดังออกจากด้านหลังประตูสีชมพูแปร๊ดแล้วปรากฏร่างเล็กๆสองร่างพุ่งถลาออกมา
“เยสเซอร์”
เสียงดังประสานกันเป็นเสียงเดียวจากทั้งสองร่าง นักล่าหนุ่มกวาดสายตาจ้องตาทั้งสองคู่สลับไปมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ ที่ นานๆทีจะมีหลุดออกมา
“จัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อยด้วย
ทั้งสองคนเลย”
“เยสเซอร์” แม้เสียงตอบที่พ้องเป็นเสียงเดียวนั้นจะหนักแน่น แต่จิตใจของเด็กน้อยทั้งสองคนนั้นแกว่งราวกับพายุแล้ว ซึ่งสังเกตได้จากจำนวนน้ำใสที่คลอในดวงตาทั้งสองคู่ และปากที่แอบแบะเล็กๆ คล้ายจะสะอึกสะอื้นออกมาดังๆ
“ไม่เห็นต้องดุเด็กมันขนาดนั้นเลยก็ได้นี่ พี่เลม่อน” เสียงเนือยๆปนคำว่าเอ็นดูของลูซี่ดังจากด้านหลัง ชายหนุ่มผู้ถูกกล่าวหายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“ไม่งั้นพวกมันก็ไม่โตเสียที เป็นเด็กโข่งมาตั้งยี่สิบปีแล้วเนี่ย
”
เลม่อนพูดเอื่อยๆ
รูปร่างของเด็กน้อยทั้งสองที่ดูยังไงก็มีใบหน้าเนียน สมองน้อย กล้ามเนื้อนิ่มๆและส่วนสูงที่ควรเรียกว่าส่วนเตี้ยมากว่านั้น ยังก็สรุปได้คำเดียวว่าเด็กประถมและยังขัดกับคำว่า เด็กโข่งมาตั้งยี่สิบปี แบบสุดๆ
กลุ่มสมองน้อยทั้งสามไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งนั้นแต่หันไปดูการละเล่นเพื่อจัดเก็บฝูงนกที่ตีกันอย่างสนใจในขณะที่หนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวกลุ่มสมองมากที่เหลือขมวดคิ้วอย่างสงสัย
เลม่อนหันไปสบสายตาคาดคั้นจากสายฟ้าและใบชาก็หัวเราะแหะแบบว่า ขี้เกียจอธิบาย ซึ่งคนตอบก็เป็นเด็กสาวตัวเตี้ยไม่แพ้คู่แฝดเท่าไรนักพูดอย่างฉะฉานแต่ก็มี คำว่าเจ็บจี้ดๆเป็นผลตอบแทน
“โลกิกับโลกะเป็นบุคคลในการดูแลพิเศษของบริษัทในฐานะของหนูทดลองในการศึกษาด้านการรักษาทางสมองผ่านทางระบบเกม ซึ่งโรคนี้เป็นโรคหายากหน่อยตรงที่ไม่ใช่โรคปัญญาอ่อนธรรมดาแต่เป็นโรค ประเภทที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโตทางร่างกายซึ่งมีผลทำให้ร่างกายและสมอง หยุดการเจริญเติบโต เห็นร่างกายเตี้ยๆ อย่างนี้แต่ก็มีอายุขึ้นเลขสองแล้ว ซึ่งก็พอๆ กับพี่เลม่อนเนี่ยแหละ
อ้อ ไม่ต้องมองมาแบบขอบคุณอะไรนัก เพราะดิฉันแค่ไม่อยากเห็นใบหน้ามึนงงของพวกสมองน้อยสักเท่าไรหรอกค่ะ
”
ลูซี่พูดระรัวด้วยใบหน้าแสดงถึงความเหยียดหยามเสียเต็มประดา ความจริงตอนแรกนั้นเธอก็คิดแค่ว่าคน 2 คนนี้เป็นแค่เด็กแฝดธรรมดาแต่เมื่อได้ยินชื่อ โลกิโลกะ ก็พอจะคุ้นหูเหมือนเคยได้ยินจากพี่ๆ จีเอ็มที่ร่วมงานด้วยนิดหน่อยเท่านั้น
ทางสายฟ้าที่ถูกว่าด้วยคำต้องห้ามอย่างสมองน้อยก็ฉุนกึกขึ้นมาทันตา
“โอ้! ว้าว”
แต่ก็มีเสียงจากทางโคโคนัทดังขึ้นมาดึงความสนใจให้อัจฉริยะหนุ่มตวัดสายตามองโดยที่คาดโทษเด็กปากเสียไว้ในใจ ‘ให้ตายเถอะ ไอคิวนี้มันแปรผกผันกับอีคิวจริงๆนะเนี่ย
ถ้ามีครั้งต่อไปนะ ฮึ่ม!’
เมื่อสายตามองไปทางนั้นก็ต้องเบิกกว้างขึ้นเป็นเท่าตัว นกพิราบเจ้าของสมญานามสันติภาพแปรเปลี่ยนเป็นฟองน้ำใสปลิวว่อนไปทุกทิศ ส่วนอีกาดำทมิฬผู้นำสาสน์แห่งความตายกลายเป็นนกกระดาษร่วงหล่นลงพื้น
โลกะใช้วิชาอะไรไม่รู้เปลี่ยนนกพิราบเป็นฟองน้ำก็สบายหน่อยไม่ต้องไปไล่เก็บ แต่โลกินี้ซวยไม่น้อยต้องคอยมาเก็บกวาดกองนกกระดาษลงหน้าต่างไอเท็ม
“ทำไมนายไม่เอาไปทิ้งล่ะ” โชกุนถามอย่างสงสัยด้วยความอยากถามไม่อยากรู้เป็นธรรมชาติ
โลกิที่ไล่เก็บอยู่ก็หันมาตวัดสายตาจ้องเขม็งใส่ “ถามโง่ๆ ก็เพราะโลกิยังเก็บได้ไงล่ะ”
เจอคำตอบแบบขวานผ่าซากไปทำเอาคนอยากถามเล่นถึงกับนิ่งค้าง ทางอัจฉริยะหนุ่มวัยสิบหกที่มองดูตลอดก็ต้องเบ้ปากตามไปติดๆ
’เลม่อน นี่นายรู้จักแต่เด็กปากเสียเหรอเนี่ย’
ถึงคิดไปอย่างนั้นแต่มันก็ไม่ได้รู้เลยว่าตัวเอง
สายฟ้าก็เป็นเด็กเช่นเดียวกัน
“เก็บเสร็จแล้วใช่ไหม
”
“โลกิเก็บเสร็จแล้วนะ เลม่อน” สำหรับคนทั่วไปอาจจะดูว่าเป็นเด็กไม่มีสัมมาคารวะ แต่หากนับอายุดูจริงๆคนที่ใกล้เคียงไร้สัมมาคารวะมากที่สุดก็เป็นเด็กน้อยไอคิวสูงสุดๆอย่างลูซี่มากกว่า
“ดีมาก โลกิ” เลม่อนตอบคำแล้วเดินไปลูบหัว ซึ่งโลกะเองก็เข้ามาอ้อนแบบเด็กๆ(ซึ่งสมจริงสุดๆ)
ลูซี่คล้ายพึ่งนึกขึ้นได้ “ว่าแต่พวกนี้มาอยู่กับพี่เลม่อนได้ยังไงกันคะ” พร้อมกับที่เธอเข้ามาเบียดเด็กโข่งทั้งสองให้ตกกระป๋องทันที
“โอ๊ะ นั่นสินะ ยังไม่แนะนำตัวกันดีๆเลย เอาล่ะ เริ่มจากคนสำคัญกันก่อน คนผมดำตาม่วงนี่สายฟ้า คนผมฟ้าตาฟ้านี่ก็ใบชา อ้อ เป็นน้องสาว(ไม่แท้)ของผมนะ ผมเขียวก็คือ อควอ ภูตของผมเอง ส่วนผมแดงก็โคโคนัท ผมหยักตาเขียวก็ชื่อ โชกุน เราเป็นทีมภารกิจเดียวกันน่ะ ส่วนนี่เด็กผมทองนี่ก็ ลูซี่ น้องสาว(ไม่แท้)อีกคน และสุดท้ายแฝดคู่นี้ โลกิ-โลกะ เพื่อนที่รู้จักกันน่ะ”
ถ้าจะให้ถามว่าเลม่อนรู้จักกับโลกิ โลกะได้ยังไงก็ต้องบอกว่าเจอกันในโลกมืดอีกแล้ว ทั้งสองคนนี้ยังเป็นนักฆ่ามือดีที่จีเอ็มส่งมาสืบในโลกเบื้องหลังอีกด้วย ซึ่งนักล่าหนุ่มเองก็สงสัยจะได้ข้อมูลอะไรไปบ้างในเมื่อเป็นเด็กปัญญานิ่ม อย่างนี้
ครั้งแรกที่เจอก็ต้องนับว่าชะตาลิขิตให้พบกัน เหยื่อที่แฟนท่อมวิธเลือกไว้ดันเป็นเป้าที่แฝดคู่นี้รับงานมาพอดี ด้วยเงื่อนไขข้อแรกๆของแฟนท่อมวิธที่ว่าจะแปลงใบหน้าไปตาเหยื่อเสมอทำให้โลกิโลกะสับสนแล้วเบนเป้ามาจะจัดการเลม่อนก่อน ซึ่งแฟนท่อมวิธก็เก็บไปได้อย่างลำบากเพราะวิธีการสู้ ระดับสมองและการตัดสินใจแปลกประหลาดเกินคนทั่วไปทำให้ชายหนุ่มอ่านทางไม่ออก
“นายมะนาว/พี่เลม่อน”
เสียงดังประสานกันจากสองสาว หนึ่งเตี้ยหนึ่งสูง คนถูกเรียกเบนสายตาไปยังทั้งสองคน ลูซี่มองมาเขม็งในขณะที่โคโคนัทก็จ้องมาด้วยตาดุไม่แพ้กัน
“เอ่อ
ให้โคโคนัทก่อนก็ละกันนะ”
“ได้ค่ะ” ลูซี่พูดเบาๆ
“ชั้นชื่อ โคโค่ ไม่ใช่ โคโคนัท แก้ใหม่ให้ด้วย!!!” โคโคนัทท้วงด้วยเรื่องที่เลม่อนตัดสินใจว่า
“เรื่องเล็กๆ” พูดจบก็เมินไปในทันที “เอาล่ะ ลูซี่มีอะไรจ๊ะ”
เด็กสาวสูงเพียงอกเชิดหน้ามองเขม็ง “พี่เลม่อน ทีมภารกิจนี่หมายความว่าไงคะ”
“ก็ทีมพิชิตภารกิจในเซิร์ฟเวอร์นี้ไง”
ว่าแล้วลูซี่ก็เข้ามาทุบอกชายหนุ่มปักๆๆโดยมีเสียงหัวเราะหะๆดังตอบเท่านั้น “ทำไมไม่ชวนลูซี่บ้างห๊ะ”
“อืม ทีมเราก็มีเหลืออีกสามคนนี่เนอะ ไม่นับอควอไป
”
เลม่อนเปรยเบาก่อนที่สายฟ้าจะฉุกคิดกับคำพูดนี้ขึ้นมาทันที “เลม่อน อย่าบอกนะว่านายจะ
” สายฟ้าพูดเสียงดังและแหลมปรี๊ด
นักล่าหนุ่มพยักหน้ารับ “ใช่ น้องลูซี่มาอยู่ด้วยกันไหม”
“ไม่น้า~~~” สายฟ้าร้องเสียงสูง ให้ตายยังไงเขาก็ไม่เอาไอ้เด็กปากเสียคนนี้เข้าทีมแน่ๆและนักเวทย์ทีมนี้ก็มีสามคนแล้วด้วย “ฉันไม่เอา ยัยเปี๊ยกปากดี เข้าทีมแน่”
เลม่อนยิ้มเจื่อนๆ เหมือนนึกไว้ก่อนแล้วว่าสายฟ้าจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้
“หึ ดิฉันก็ไม่สนใจคนอ่อนแอ แถมยังเป็นพวก Newbie แบบคุณหรอกค่ะ และถ้าดิฉันเป็นคนปากดีอย่างที่คุณว่า มันก็ยังดีกว่าพวกดีแต่ปากอย่างคุณด้วย”
“
หนอยแน่ ยัยเปี๊ยกอีคิวติดลบเอ๊ย”
วันนี้เป็นวันที่สายฟ้าฟิวส์ขาดมากที่สุดในรอบห้าปีเลยทีเดียว
เลม่อนมองแล้วหัวเราะขื่นๆ สายตาของอัจฉริยะทั้งสองจ้องกันจนจะมีสายฟ้าแล่นแปล๊บๆออกมาทีเดียว ชายหนุ่มนัยน์ตาถ่านถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เอาเถอะ ลูซี่ ทีมของผมมีสายฟ้าเป็นหัวหน้ายังไงก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเขานะ” เพียงแค่นี้ลูซี่ก็อ้าปากค้างส่วนคนมีอำนาจก็ยืดอกจ้องมองแบบเป็นต่อ
แต่มีขึ้นสวรรค์มีหรือจะไม่ตกลงมา..
เลม่อนหันมาพูดกับสายฟ้าเบาๆแต่ก็พอให้ลูซี่ได้ยิน “แต่สายฟ้า บอกตามตรงนายสู้ลูซี่ไม่ได้หรอกนะ”
ทีนี้เป็นตาลูซี่เป็นต่อบ้าง
ไปๆมาๆ เห็นท่าการแข่งจ้องตาจะไม่จบลงง่ายๆ เลม่อนเลยถอนหายใจอีกเฮือกแล้วบอกให้คนที่เหลือไปพักในบ้านแล้วตนจะช่วยกำหนดกติกาตัดสินเอง
“อืม
เอา งี้ นายก็มาลองต่อสู้กับลูซี่ดู ถ้าเธอชนะก็ให้เข้าทีม อ้อ นายยังเป็นมือใหม่อยู่ ถึงเลเวลจะอัพมาเยอะพอสมควรแล้วก็เถอะ ดังนั้น ลูซี่ใช้เวทย์ได้แค่ครั้งเดียวและก็ระดับหนึ่งเท่านั้นนะ”
ถือเป็นการต่อให้แบบสุดๆทีเดียว เพราะเวทย์ระดับหนึ่งถือเป็นการเก็บพลังจนเหลือประมาณหนึ่งในร้อย ทั้งยังใช้ได้แค่ครั้งเดียวอีกด้วย
ความจริงสายฟ้าก็ฉุนกับกติกาบ้าๆ นี่ไม่น้อยจึงตอบตกลงด้วยอารมณ์ ส่วนทางโลกิ โลกะที่กำลังจะเข้าไปด้านในได้ยินเข้าก็อยากเล่นด้วยขึ้นมา ทีนี้เลม่นก็เลยยิ้มกว้าง
“เหลือที่ตั้งสามที่ เอาโลกิ-โลกะมาจะได้ครบๆเลยเป็นไง”
สายฟ้าถลึงตาใส่รอบสอง ดูยังไงทั้งสองก็เป็นสายโจมตีระยะใกล้คล้ายนักเวทย์ซึ่งน่าจะเป็นอาชีพใหม่สายเวทมนต์ที่ก้นบาง(DEFต่ำ)เสียด้วย แต่ทีมนี้ถ้าเอาลูซี่มานับด้วยก็มีนักเวทย์สี่คนไปแล้ว หากมีอีกสองก็มีหกซึ่งเป็นอะไรที่ไร้สมดุลสุดๆเลยทีเสียวเชียว
“เฮ้ย จะบ้าเรอะ!!!”
“โลกิ/โลกะ เอาด้วย จาเข้าด้วยอ่า เลม่อน เลม่อน เลม่อน
”
ทั้งสองพูดโดยที่แต่ละประโยคจะมีชื่อตัวเองปนอยู่ด้วย เลม่อนคลี่ยิ้มก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาแบบง่ายๆ ที่ทำให้คืนนี้สายฟ้าอ่วมไปทั้งตัว
“เอางี้ล่ะกัน ทั้งสามคนก็มาโจมตีสายฟ้ากันคนละครั้งถ้าสายฟ้ารับไม่ได้ก็ผ่านการคัดเลือกครั้งที่หนึ่ง”
“ครั้งที่หนึ่ง
” คนสงสัยไม่ใช่ใครคือสายฟ้านั่นเอง
“ถ้าผ่านแล้วก็ให้เข้ามาในทีมในฐานะว่าที่ แล้วก็ไปพิชิตภารกิจสักภารกิจมา ถ้าทำได้ก็มาเป็นทีมจนครบ ถ้าไม่ได้ก็อดไป” เลม่อนพูดเรื่อยๆ โดยที่ส่งสายตามาที่สายฟ้าประมาณว่า ‘มีแต่ได้กับได้นายจะไม่เอาก็ต้องเอา’
แน่ล่ะยังไงสายฟ้าก็ต้องยอมรับ เพราะแต่ละภารกิจนอกจากภารกิจแรกที่ง่ายๆพิเศษยังถูกเลม่อนทำให้ยาก ส่วนที่เหลือก็ยากแบบสุดๆทั้งนั้น
สุดท้ายก็มีคำเตือนสั้นๆจากเลม่อนว่า “ถึงทั้งสามจะเห็นเป็นเด็กกะเปี๊ยกแต่ก็เป็นผู้เล่นเก่าทั้งนั้นนะ แล้วยังมีทะลุกำแพงร้อยสามสิบมาแล้วด้วย ลูซี่อาจจะไม่เท่าไรแต่สองคนนั้นมันยั้งมือไม่ค่อยเป็นนี่สิ
”
ในเกมนี้ผู้เล่นส่วนใหญ่อาจจะไม่รู้ แต่หากเป็นผู้เล่นเก่าหรือผู้เล่นเลเวลสูงๆแล้ว อัพเลเวล1-120 ยังง่ายกว่าอัพเลเวล120-131 เสียอีก!!! เพราะมีเงื่อนไขยุ่งยากที่เป็นข้อบังคับซึ่งสุ่มมั่ว และจำนวนฆ่าและค่าประสบการณ์ที่ต้องการยังมากผิดมนุษย์มนาอีกด้วย
เอาง่ายๆ เลเวล 120 ก็หาง่ายๆในกิลด์ใหญ่ๆ แต่เลเวล130+ หายากสุดๆ แบบว่าถ้าไม่นับมือเก่าที่เลิกกับมือเก๋าในโลกมืด ก็แทบจะไม่มีเลยทีเดียว
เฮ้อ หวังว่านายจะไม่กลับเซิร์ฟเวอร์ไปก่อนนะ
สายฟ้า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น