ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [CLOSE] ปิดรีไรท์ชั่วคราว

    ลำดับตอนที่ #18 : บทที่สิบแปด แฝดนรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 419
      1
      11 พ.ย. 53

     
                    ผืนฟ้าอึมครึมมืดครึ้มครึกครามเป็นยามอาทิตย์ตกดิน ฝูงวิหกผกบินขึ้นนภากว้าง…
     
                    คงเป็นคำบรรยายของภาพตรงหน้าเลม่อนเป็นอย่างดี ท้องฟ้าดำมืดมีเพียงแสงจันทร์ส่องทอพอให้มองเห็น และฝูงนกบินว่อนขึ้นฟ้า เอิ่ม… แต่มันก็ไม่ได้บรรยายถูกทั้งหมดเสียทีเดียว
     
                    เพราะนกนั้นมีอยู่สองสีคือขาวกับดำ และมันยังบินพัวพันกันจนดูวุ่นวาย ยิ่งได้สังเกตเข้าไปให้ชัดเจนจะเห็นว่ามันนั้นไม่ได้บินใกล้กันเพื่ออิงแอบ แนบชิดกัน แต่อันที่จริงคือเข้าไปจิกตบขบกันเป็นสงครามกีฬาสีเสียมากกว่า
     
                    ถึงฝูงนกสีดำจะเป็นอีกาที่ไม่ค่อยเข้าไปจิกกับใครนั้นจะมารวมกันเป็นฝูงคล้ายจะมาเพื่อยกพวกตีกันจะดูน่าตกใจ แต่อีกฝั่งหนึ่งกลับน่าตกใจยิ่งกว่า…
     
                    ฝูงนกสีขาวไม่ใช่ใครที่ไหน พวกมันคือนกที่ได้เป็นตัวแทนของคำว่า สันติภาพ นั่นเอง… และมันก็กำลังทำลายคำว่าสันติอยู่กับอีกานี่แหละ
     
                    ปากอ้าค้างเหวอเมื่อไม่นึกมาก่อนของกลุ่มสมองมากเผยให้เห็นอย่างแปลกใจ แต่ทันควันที่นักล่าหนุ่มปรับตัวได้ก่อนใครก็หุบปากหันไปดูคนอื่นกลบเกลื่อนท่าเหวอ
     
                    น่าแปลก…กลุ่มสมองน้อยไม่มีใครทำท่าตกใจสักเล็กน้อย
     
                    เนื่องจากพวกเขานั้นมาจับจ้องด้วยดวงตาเป็นประกายราวกับสุขสมเสียเต็มประดา แถมอควอ เงือกผลัดถิ่นมาเป็นภูตให้นักล่าหนุ่มกำลังจดจำคำว่า นก ในฐานะสัตว์ดุร้ายเสียด้วย
     
                    ครั้นเลม่อนนึกขึ้นได้ดวงตาก็ตวัดด้านในบ้านพร้อมเค้นเสียงเหี้ยมลอดไรฟัน
     
                    “คนผิดต้องรับผิดชอบ…ใช่ไหม!!!”
     
                    ท่อนสุดท้ายคล้ายตวาดดังเข้าด้านใน ซึ่งก็มีการตอบรับเป็นอย่างดี เป็นเสียงวิ่งตึกๆๆ ดังออกจากด้านหลังประตูสีชมพูแปร๊ดแล้วปรากฏร่างเล็กๆสองร่างพุ่งถลาออกมา
     
                    “เยสเซอร์”
     
                    เสียงดังประสานกันเป็นเสียงเดียวจากทั้งสองร่าง นักล่าหนุ่มกวาดสายตาจ้องตาทั้งสองคู่สลับไปมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ ที่ นานๆทีจะมีหลุดออกมา
     
                    “จัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อยด้วย…ทั้งสองคนเลย”
     
                    “เยสเซอร์” แม้เสียงตอบที่พ้องเป็นเสียงเดียวนั้นจะหนักแน่น แต่จิตใจของเด็กน้อยทั้งสองคนนั้นแกว่งราวกับพายุแล้ว ซึ่งสังเกตได้จากจำนวนน้ำใสที่คลอในดวงตาทั้งสองคู่ และปากที่แอบแบะเล็กๆ คล้ายจะสะอึกสะอื้นออกมาดังๆ
     
                    “ไม่เห็นต้องดุเด็กมันขนาดนั้นเลยก็ได้นี่ พี่เลม่อน” เสียงเนือยๆปนคำว่าเอ็นดูของลูซี่ดังจากด้านหลัง ชายหนุ่มผู้ถูกกล่าวหายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
     
                    “ไม่งั้นพวกมันก็ไม่โตเสียที เป็นเด็กโข่งมาตั้งยี่สิบปีแล้วเนี่ย…”
     
                    เลม่อนพูดเอื่อยๆ
     
    รูปร่างของเด็กน้อยทั้งสองที่ดูยังไงก็มีใบหน้าเนียน สมองน้อย กล้ามเนื้อนิ่มๆและส่วนสูงที่ควรเรียกว่าส่วนเตี้ยมากว่านั้น ยังก็สรุปได้คำเดียวว่าเด็กประถมและยังขัดกับคำว่า เด็กโข่งมาตั้งยี่สิบปี แบบสุดๆ
     
    กลุ่มสมองน้อยทั้งสามไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งนั้นแต่หันไปดูการละเล่นเพื่อจัดเก็บฝูงนกที่ตีกันอย่างสนใจในขณะที่หนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวกลุ่มสมองมากที่เหลือขมวดคิ้วอย่างสงสัย
     
    เลม่อนหันไปสบสายตาคาดคั้นจากสายฟ้าและใบชาก็หัวเราะแหะแบบว่า ขี้เกียจอธิบาย ซึ่งคนตอบก็เป็นเด็กสาวตัวเตี้ยไม่แพ้คู่แฝดเท่าไรนักพูดอย่างฉะฉานแต่ก็มี คำว่าเจ็บจี้ดๆเป็นผลตอบแทน
     
    “โลกิกับโลกะเป็นบุคคลในการดูแลพิเศษของบริษัทในฐานะของหนูทดลองในการศึกษาด้านการรักษาทางสมองผ่านทางระบบเกม ซึ่งโรคนี้เป็นโรคหายากหน่อยตรงที่ไม่ใช่โรคปัญญาอ่อนธรรมดาแต่เป็นโรค ประเภทที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโตทางร่างกายซึ่งมีผลทำให้ร่างกายและสมอง หยุดการเจริญเติบโต เห็นร่างกายเตี้ยๆ อย่างนี้แต่ก็มีอายุขึ้นเลขสองแล้ว ซึ่งก็พอๆ กับพี่เลม่อนเนี่ยแหละ…อ้อ ไม่ต้องมองมาแบบขอบคุณอะไรนัก เพราะดิฉันแค่ไม่อยากเห็นใบหน้ามึนงงของพวกสมองน้อยสักเท่าไรหรอกค่ะ…”
     
    ลูซี่พูดระรัวด้วยใบหน้าแสดงถึงความเหยียดหยามเสียเต็มประดา ความจริงตอนแรกนั้นเธอก็คิดแค่ว่าคน 2 คนนี้เป็นแค่เด็กแฝดธรรมดาแต่เมื่อได้ยินชื่อ โลกิโลกะ ก็พอจะคุ้นหูเหมือนเคยได้ยินจากพี่ๆ จีเอ็มที่ร่วมงานด้วยนิดหน่อยเท่านั้น
     
    ทางสายฟ้าที่ถูกว่าด้วยคำต้องห้ามอย่างสมองน้อยก็ฉุนกึกขึ้นมาทันตา
     
    “โอ้! ว้าว”
     
    แต่ก็มีเสียงจากทางโคโคนัทดังขึ้นมาดึงความสนใจให้อัจฉริยะหนุ่มตวัดสายตามองโดยที่คาดโทษเด็กปากเสียไว้ในใจ ‘ให้ตายเถอะ ไอคิวนี้มันแปรผกผันกับอีคิวจริงๆนะเนี่ย…ถ้ามีครั้งต่อไปนะ ฮึ่ม!’
     
    เมื่อสายตามองไปทางนั้นก็ต้องเบิกกว้างขึ้นเป็นเท่าตัว นกพิราบเจ้าของสมญานามสันติภาพแปรเปลี่ยนเป็นฟองน้ำใสปลิวว่อนไปทุกทิศ ส่วนอีกาดำทมิฬผู้นำสาสน์แห่งความตายกลายเป็นนกกระดาษร่วงหล่นลงพื้น
     
    โลกะใช้วิชาอะไรไม่รู้เปลี่ยนนกพิราบเป็นฟองน้ำก็สบายหน่อยไม่ต้องไปไล่เก็บ แต่โลกินี้ซวยไม่น้อยต้องคอยมาเก็บกวาดกองนกกระดาษลงหน้าต่างไอเท็ม
     
    “ทำไมนายไม่เอาไปทิ้งล่ะ” โชกุนถามอย่างสงสัยด้วยความอยากถามไม่อยากรู้เป็นธรรมชาติ
     
    โลกิที่ไล่เก็บอยู่ก็หันมาตวัดสายตาจ้องเขม็งใส่ “ถามโง่ๆ ก็เพราะโลกิยังเก็บได้ไงล่ะ”
     
    เจอคำตอบแบบขวานผ่าซากไปทำเอาคนอยากถามเล่นถึงกับนิ่งค้าง ทางอัจฉริยะหนุ่มวัยสิบหกที่มองดูตลอดก็ต้องเบ้ปากตามไปติดๆ…’เลม่อน นี่นายรู้จักแต่เด็กปากเสียเหรอเนี่ย’
     
    ถึงคิดไปอย่างนั้นแต่มันก็ไม่ได้รู้เลยว่าตัวเอง…สายฟ้าก็เป็นเด็กเช่นเดียวกัน
     
    “เก็บเสร็จแล้วใช่ไหม…”
     
    “โลกิเก็บเสร็จแล้วนะ เลม่อน” สำหรับคนทั่วไปอาจจะดูว่าเป็นเด็กไม่มีสัมมาคารวะ แต่หากนับอายุดูจริงๆคนที่ใกล้เคียงไร้สัมมาคารวะมากที่สุดก็เป็นเด็กน้อยไอคิวสูงสุดๆอย่างลูซี่มากกว่า
     
    “ดีมาก โลกิ” เลม่อนตอบคำแล้วเดินไปลูบหัว ซึ่งโลกะเองก็เข้ามาอ้อนแบบเด็กๆ(ซึ่งสมจริงสุดๆ)
     
    ลูซี่คล้ายพึ่งนึกขึ้นได้ “ว่าแต่พวกนี้มาอยู่กับพี่เลม่อนได้ยังไงกันคะ” พร้อมกับที่เธอเข้ามาเบียดเด็กโข่งทั้งสองให้ตกกระป๋องทันที
     
    “โอ๊ะ นั่นสินะ ยังไม่แนะนำตัวกันดีๆเลย เอาล่ะ เริ่มจากคนสำคัญกันก่อน คนผมดำตาม่วงนี่สายฟ้า คนผมฟ้าตาฟ้านี่ก็ใบชา อ้อ เป็นน้องสาว(ไม่แท้)ของผมนะ ผมเขียวก็คือ อควอ ภูตของผมเอง ส่วนผมแดงก็โคโคนัท ผมหยักตาเขียวก็ชื่อ โชกุน เราเป็นทีมภารกิจเดียวกันน่ะ ส่วนนี่เด็กผมทองนี่ก็ ลูซี่ น้องสาว(ไม่แท้)อีกคน และสุดท้ายแฝดคู่นี้ โลกิ-โลกะ เพื่อนที่รู้จักกันน่ะ”
     
    ถ้าจะให้ถามว่าเลม่อนรู้จักกับโลกิ โลกะได้ยังไงก็ต้องบอกว่าเจอกันในโลกมืดอีกแล้ว ทั้งสองคนนี้ยังเป็นนักฆ่ามือดีที่จีเอ็มส่งมาสืบในโลกเบื้องหลังอีกด้วย ซึ่งนักล่าหนุ่มเองก็สงสัยจะได้ข้อมูลอะไรไปบ้างในเมื่อเป็นเด็กปัญญานิ่ม อย่างนี้
     
    ครั้งแรกที่เจอก็ต้องนับว่าชะตาลิขิตให้พบกัน เหยื่อที่แฟนท่อมวิธเลือกไว้ดันเป็นเป้าที่แฝดคู่นี้รับงานมาพอดี ด้วยเงื่อนไขข้อแรกๆของแฟนท่อมวิธที่ว่าจะแปลงใบหน้าไปตาเหยื่อเสมอทำให้โลกิโลกะสับสนแล้วเบนเป้ามาจะจัดการเลม่อนก่อน ซึ่งแฟนท่อมวิธก็เก็บไปได้อย่างลำบากเพราะวิธีการสู้ ระดับสมองและการตัดสินใจแปลกประหลาดเกินคนทั่วไปทำให้ชายหนุ่มอ่านทางไม่ออก
     
    “นายมะนาว/พี่เลม่อน”
     
                    เสียงดังประสานกันจากสองสาว หนึ่งเตี้ยหนึ่งสูง คนถูกเรียกเบนสายตาไปยังทั้งสองคน ลูซี่มองมาเขม็งในขณะที่โคโคนัทก็จ้องมาด้วยตาดุไม่แพ้กัน
     
                    “เอ่อ…ให้โคโคนัทก่อนก็ละกันนะ”
     
                    “ได้ค่ะ” ลูซี่พูดเบาๆ
     
                    “ชั้นชื่อ โคโค่ ไม่ใช่ โคโคนัท แก้ใหม่ให้ด้วย!!!” โคโคนัทท้วงด้วยเรื่องที่เลม่อนตัดสินใจว่า…
     
                    “เรื่องเล็กๆ” พูดจบก็เมินไปในทันที “เอาล่ะ ลูซี่มีอะไรจ๊ะ”
     
                    เด็กสาวสูงเพียงอกเชิดหน้ามองเขม็ง “พี่เลม่อน ทีมภารกิจนี่หมายความว่าไงคะ”
     
                    “ก็ทีมพิชิตภารกิจในเซิร์ฟเวอร์นี้ไง”
     
                    ว่าแล้วลูซี่ก็เข้ามาทุบอกชายหนุ่มปักๆๆโดยมีเสียงหัวเราะหะๆดังตอบเท่านั้น “ทำไมไม่ชวนลูซี่บ้างห๊ะ”
     
                    “อืม ทีมเราก็มีเหลืออีกสามคนนี่เนอะ ไม่นับอควอไป…”
     
                    เลม่อนเปรยเบาก่อนที่สายฟ้าจะฉุกคิดกับคำพูดนี้ขึ้นมาทันที “เลม่อน อย่าบอกนะว่านายจะ…” สายฟ้าพูดเสียงดังและแหลมปรี๊ด
     
                    นักล่าหนุ่มพยักหน้ารับ “ใช่ น้องลูซี่มาอยู่ด้วยกันไหม”
     
                    “ไม่น้า~~~” สายฟ้าร้องเสียงสูง ให้ตายยังไงเขาก็ไม่เอาไอ้เด็กปากเสียคนนี้เข้าทีมแน่ๆและนักเวทย์ทีมนี้ก็มีสามคนแล้วด้วย “ฉันไม่เอา ยัยเปี๊ยกปากดี เข้าทีมแน่”
     
                    เลม่อนยิ้มเจื่อนๆ เหมือนนึกไว้ก่อนแล้วว่าสายฟ้าจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้
     
                    “หึ ดิฉันก็ไม่สนใจคนอ่อนแอ แถมยังเป็นพวก Newbie แบบคุณหรอกค่ะ และถ้าดิฉันเป็นคนปากดีอย่างที่คุณว่า มันก็ยังดีกว่าพวกดีแต่ปากอย่างคุณด้วย”
     
                    “…หนอยแน่ ยัยเปี๊ยกอีคิวติดลบเอ๊ย”
     
                    วันนี้เป็นวันที่สายฟ้าฟิวส์ขาดมากที่สุดในรอบห้าปีเลยทีเดียว…
     
                    เลม่อนมองแล้วหัวเราะขื่นๆ สายตาของอัจฉริยะทั้งสองจ้องกันจนจะมีสายฟ้าแล่นแปล๊บๆออกมาทีเดียว ชายหนุ่มนัยน์ตาถ่านถอนหายใจเฮือกใหญ่
     
                    “เอาเถอะ ลูซี่ ทีมของผมมีสายฟ้าเป็นหัวหน้ายังไงก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเขานะ” เพียงแค่นี้ลูซี่ก็อ้าปากค้างส่วนคนมีอำนาจก็ยืดอกจ้องมองแบบเป็นต่อ
     
                    แต่มีขึ้นสวรรค์มีหรือจะไม่ตกลงมา..
     
                    เลม่อนหันมาพูดกับสายฟ้าเบาๆแต่ก็พอให้ลูซี่ได้ยิน “แต่สายฟ้า บอกตามตรงนายสู้ลูซี่ไม่ได้หรอกนะ”
     
                    ทีนี้เป็นตาลูซี่เป็นต่อบ้าง
     
                    ไปๆมาๆ เห็นท่าการแข่งจ้องตาจะไม่จบลงง่ายๆ เลม่อนเลยถอนหายใจอีกเฮือกแล้วบอกให้คนที่เหลือไปพักในบ้านแล้วตนจะช่วยกำหนดกติกาตัดสินเอง
     
                    “อืม…เอา งี้ นายก็มาลองต่อสู้กับลูซี่ดู ถ้าเธอชนะก็ให้เข้าทีม อ้อ นายยังเป็นมือใหม่อยู่ ถึงเลเวลจะอัพมาเยอะพอสมควรแล้วก็เถอะ ดังนั้น ลูซี่ใช้เวทย์ได้แค่ครั้งเดียวและก็ระดับหนึ่งเท่านั้นนะ”
     
                    ถือเป็นการต่อให้แบบสุดๆทีเดียว เพราะเวทย์ระดับหนึ่งถือเป็นการเก็บพลังจนเหลือประมาณหนึ่งในร้อย ทั้งยังใช้ได้แค่ครั้งเดียวอีกด้วย
     
                    ความจริงสายฟ้าก็ฉุนกับกติกาบ้าๆ นี่ไม่น้อยจึงตอบตกลงด้วยอารมณ์ ส่วนทางโลกิ โลกะที่กำลังจะเข้าไปด้านในได้ยินเข้าก็อยากเล่นด้วยขึ้นมา ทีนี้เลม่นก็เลยยิ้มกว้าง
     
                    “เหลือที่ตั้งสามที่ เอาโลกิ-โลกะมาจะได้ครบๆเลยเป็นไง”
     
                    สายฟ้าถลึงตาใส่รอบสอง ดูยังไงทั้งสองก็เป็นสายโจมตีระยะใกล้คล้ายนักเวทย์ซึ่งน่าจะเป็นอาชีพใหม่สายเวทมนต์ที่ก้นบาง(DEFต่ำ)เสียด้วย แต่ทีมนี้ถ้าเอาลูซี่มานับด้วยก็มีนักเวทย์สี่คนไปแล้ว หากมีอีกสองก็มีหกซึ่งเป็นอะไรที่ไร้สมดุลสุดๆเลยทีเสียวเชียว
     
                    “เฮ้ย จะบ้าเรอะ!!!”
     
                    “โลกิ/โลกะ เอาด้วย จาเข้าด้วยอ่า เลม่อน เลม่อน เลม่อน…”
     
                    ทั้งสองพูดโดยที่แต่ละประโยคจะมีชื่อตัวเองปนอยู่ด้วย เลม่อนคลี่ยิ้มก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาแบบง่ายๆ ที่ทำให้คืนนี้สายฟ้าอ่วมไปทั้งตัว
     
                    “เอางี้ล่ะกัน ทั้งสามคนก็มาโจมตีสายฟ้ากันคนละครั้งถ้าสายฟ้ารับไม่ได้ก็ผ่านการคัดเลือกครั้งที่หนึ่ง”
     
                    “ครั้งที่หนึ่ง…” คนสงสัยไม่ใช่ใครคือสายฟ้านั่นเอง
     
                    “ถ้าผ่านแล้วก็ให้เข้ามาในทีมในฐานะว่าที่ แล้วก็ไปพิชิตภารกิจสักภารกิจมา ถ้าทำได้ก็มาเป็นทีมจนครบ ถ้าไม่ได้ก็อดไป” เลม่อนพูดเรื่อยๆ โดยที่ส่งสายตามาที่สายฟ้าประมาณว่า ‘มีแต่ได้กับได้นายจะไม่เอาก็ต้องเอา’
     
                    แน่ล่ะยังไงสายฟ้าก็ต้องยอมรับ เพราะแต่ละภารกิจนอกจากภารกิจแรกที่ง่ายๆพิเศษยังถูกเลม่อนทำให้ยาก ส่วนที่เหลือก็ยากแบบสุดๆทั้งนั้น
     
                    สุดท้ายก็มีคำเตือนสั้นๆจากเลม่อนว่า “ถึงทั้งสามจะเห็นเป็นเด็กกะเปี๊ยกแต่ก็เป็นผู้เล่นเก่าทั้งนั้นนะ แล้วยังมีทะลุกำแพงร้อยสามสิบมาแล้วด้วย ลูซี่อาจจะไม่เท่าไรแต่สองคนนั้นมันยั้งมือไม่ค่อยเป็นนี่สิ…”
     
                ในเกมนี้ผู้เล่นส่วนใหญ่อาจจะไม่รู้ แต่หากเป็นผู้เล่นเก่าหรือผู้เล่นเลเวลสูงๆแล้ว อัพเลเวล1-120 ยังง่ายกว่าอัพเลเวล120-131 เสียอีก!!! เพราะมีเงื่อนไขยุ่งยากที่เป็นข้อบังคับซึ่งสุ่มมั่ว และจำนวนฆ่าและค่าประสบการณ์ที่ต้องการยังมากผิดมนุษย์มนาอีกด้วย
     
                    เอาง่ายๆ เลเวล 120 ก็หาง่ายๆในกิลด์ใหญ่ๆ แต่เลเวล130+ หายากสุดๆ แบบว่าถ้าไม่นับมือเก่าที่เลิกกับมือเก๋าในโลกมืด ก็แทบจะไม่มีเลยทีเดียว
     
                    เฮ้อ หวังว่านายจะไม่กลับเซิร์ฟเวอร์ไปก่อนนะ…สายฟ้า
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×