ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Proxy War Online (สงครามแห่งอำนาจ)

    ลำดับตอนที่ #81 : ตอนที่ 81 อาวุธเทพ และเรือใหม่ (ทบทวน)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.75K
      32
      11 ก.ค. 58

    ปราสาทหนึ่งเดียวแห่งเกาะเทพผู้สร้าง

    เฟตเดินออกมาจากห้องพักที่เขาใช้ออฟไลน์ล่าสุดด้วยอาการงงๆ เขานอนไปตอนไหนกันนะ ... พอนึกถึงเรื่องนี้ ก็ดันนึกถึงคำกล่าวของอาธีน่า ทุกสถานที่ในโลกแห่งเกมนี้ จะเหมือนๆ กันหมด ถ้าเป็นเผ่าอสูรที่รู้ความ เรื่องเงินทองรวมไปถึงอาคารออฟไลน์ก็จะมีให้เห็นอยู่ทั่วไปหมด .. ไม่แตกต่างกันแม้เมืองนั้นจะไม่มีผู้เล่นมาอยู่ก็ตาม

    ผู้เล่นหนุ่มเดินอย่างเหม่อลอยจนมานั่งที่ม้านั่งข้างลานอะไรสักอย่างที่ไม่ได้สนใจจะอ่านชื่อมากนัก

    อ้าว มาแล้วเหรอ ลืมไปเลยว่าจะขอเลือดด้วยในขณะที่กำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ที่ด้านหน้าของเขาก็มีชายหนุ่มผมทองหน้าตาดีที่ค่อนไปทางหล่อเดินเข้ามาทักทาย ... อาการหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ นั่น ทำให้เขาต้องหรี่ตามองอย่างฉงน

    เหมือนจะจำกันไม่ได้แหะ ฮีเฟสตัสเอง พอดีข้าขี้เกียจเปลี่ยนไปร่างอัปลักษณ์นั้นเพื่อหนีการจับตามองน่ะชายหนุ่มตรงหน้าตอบก่อนจะหัวเราะแห้งๆ เหมือนเบื่อหน่ายอยู่ไม่น้อย ...

    แล้ว จะเอาเยอะไหมเฟตถามกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดนิดๆ เรื่องจำคนตรงหน้าหรือคนตรงหน้าเป็นใครนั่นเขาไม่ได้สนใจอีกต่อไปแล้ว

    โห ข้าไม่โหดแบบนั้นหรอก แต่แค่เต็มแก้วนี้ก็พอแล้วเทพผู้สร้างกล่าวก่อนจะวางแก้วเปล่าขนาด 3 ลิตรมาให้

    ตามปกติมนุษย์ทั่วไป จะมีการสูญเสียเลือดในระดับอันตรายที่ 2 ลิตร นั่นสำหรับผู้ใหญ่ แต่ถ้าเป็นเด็ก แค่ลิตรครึ่งก็ถึงตายแล้ว

    แค่นี้ใช่มะผู้เล่นหนุ่มตอบแล้วใช้มีดฟันที่ข้อมือจนเลือดพุ่งเป็นน้ำพุ

     ........ฮีเฟสตัสอึ้งพูดไม่ออก พูดเล่นๆ ไอ้หมอนี่ดันเอาจริงๆ หลังจากเลือดบรรจุลงไปในแก้วจนแทบล้น เฟตก็เปิดขวดยาขึ้นดื่มจนทำให้สถานะเสียเลือดกับ HP ลด หายกลับมาเป็นปกติ

    สนใจมาดูอาวุธของตัวเองหน่อยไหมเทพหนุ่มกล่าวขึ้นลอยๆ พร้อมกับถามตัวเองอย่างงงๆ ว่าอะไรถึงทำให้เขาดลใจถามมันกันนะ ....

    เฟตนิ่งคิดไปพักก็พยักหน้ารับคำก่อนจะลุกขึ้น เทพผู้สร้างเห็นเช่นนั้นก็นำทางไป

    ห้องแล้วห้องเล่า ชั้นแล้วชั้นเล่าที่ฮีเฟสตัสพาเฟตเดินผ่าน ถ้าเป็นคนอื่นคงบ่นว่าปวดขาไปแล้ว แต่มนุษย์ผู้นี้กลับเดินตามได้อย่างทรหดอดทน แถมยังไม่ปริปากถามถึงระยะทางเลยสักนิด ก็แหงล่ะ ต่อให้ถามไป ผลสุดท้ายก็ต้องเดินตามอยู่ดี เพราะเดี๋ยวจะหลงเองได้

    ถึงแล้วล่ะเทพหนุ่มกล่าวหลังจากมาถึงประตูบานใหญ่ที่มีความสูงและกว้างเท่ากับประตูเมืองหลวงทั่วๆไป เฟตมองมันด้วยความสนใจ เนื่องจากในตัวปราสาททำไมถึงมีที่แบบนี้ แต่ความสงสัยนั่นก็เกิดขึ้นเพียงพริบตาเดียว เมื่อฮีเฟสตัสพาเขาเข้าไปเยือนสถานที่ทำงานศักดิสิทธิ์ ที่ขนาดซูสยังไม่อาจได้เข้าเยี่ยมชม

    ตึง!!! เสียงประตูที่กระทบเข้ากับตัวกั้น พร้อมกับสถานที่อันสุดแสนยิ่งใหญ่ และกว้างแบบสุดๆ ปรากฏต่อสายตาของผู้เล่นหนุ่ม ที่ไม่รู้สึกตื่นใจเลยสักนิด แม้ภายในห้องนี้จะมีสารพัดสิ่งประดิษฐ์แบบแปลกๆ เต็มไปหมดก็ตาม

    อ้าว ท่านฮี อนุญาตให้มนุษย์เข้ามาได้แล้วเหรอเสียงของหญิงสาวทักทายจากโต๊ะทำงานตัวหนึ่ง ที่บนนั้นมีสารพัดสิ่งของวางจนมองไม่เห็นว่ามีใครอยู่แต่แรก

    อืม แต่จริงๆ ไม่เคยมีใครสนใจจะมาดูอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ นอกจากนั้น อย่าเรียกว่า “ฮี” เฉยๆ ซิเฟ้ยครับฮีเฟสตัสที่มีชื่อเล่นว่าฮีตอบสั้นๆ ก่อนจะปัดสารพัดสิ่งประดิษฐ์และอาวุธลง จนเห็นถึงใครบางคนที่อยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ตัวนั้น

    อ้อหญิงสาวที่นั่งอยู่หลังโต๊ะร้องอ้อทันทีเมื่อเห็นหน้าตาของเฟต

    “……”แต่คนที่ถูกจำได้กลับไม่ร้องออกลับ เมื่อเห็นหน้าตาที่สละสลวยของหญิงสาวที่นั่งอยู่หลังโต๊ะ เส้นผมที่ถูกมัดรวบเป็นหางม้า ลูกตาตรงกึ่งกลางหน้าขนาดใหญ่ มองยังไงเขาก็ไม่รู้สึกคุ้นเลย จนกระทั่งนึกไปถึงความนึกคึกอยากที่จะต่อสู้ ภาพของยักษ์ตาเดียวขนาดใหญ่ก็เข้ามาแทนที่ทันที

    หรือว่าเฟตเริ่มคุ้นแล้ว แต่ยังไม่มั่นใจ ยักษ์ที่ตัวใหญ่กว่าเขาหลายเท่า จะเป็นหญิงสาวหน้าตาสละสลวยแบบนี้เหรอ คิดอีกที เธอคนนี้อาจจะเป็นลูกสาวของยักษ์นั่นก็ได้ ว่าแต่ ใครเป็นแม่ฟะ ขยันทำกันน่าดูเลย

    อืม จำได้แล้วเหรอ ข้าไซครอปเองหญิงสาวลุกขึ้นทักทาย ก่อนจะเห็นฮีเฟสตัสปรายตามามอง เป็นเชิงให้หยุดการทักทายก่อน ตอนนี้งานจะเริ่มแล้ว

    เรื่องทักทายค่อยว่ากันทีหลัง เข้าเรื่องกันเถอะ อ้อ ถ้าเจ้าอยากดูอาวุธให้มาทางนี้ ส่วนไซ เรียกให้คนอื่นๆเข้ามาได้แล้ว จะได้เริ่มงานสักทีเทพผู้สร้างสั่งงานอย่างจริงๆจังๆ พร้อมกับอสูรไซครอปในร่างหญิงสาวรีบออกไปจากห้อง ก่อนกลับมาพร้อมกับหญิงสาวอีก 2 คน ที่มีลักษณะทางใบหน้าที่คล้ายกัน เพียงแต่ต่างกันที่สีของดวงตา โดยไล่ระดับความเข้มไม่เท่ากัน

    อย่าบอกนะว่าเฟตคิดที่จะถามว่าใช่อสูรจำพวกเดียวกันหรือเปล่า แต่ 2 อสูรที่เข้ามาถึงกลับไม่สนใจ พวกเธอรีบตรงเข้าไปยังห้องด้านในสุด ที่มีป้ายติดว่า อันตราย ผู้ไม่มีความสามารถห้ามเข้า

    เฟตที่เป็นมนุษย์หนึ่งเดียวในปราสาทแห่งนี้เดินตามหลังฮีเฟสตัสที่ชักชวนให้ตนเข้ามาดูวิธีการผลิตแบบนักหนา ซึ่งหลังจากเข้ามาในห้องแล้ว เขาก็พบกับห้องที่มีขนาดใหญ่โตกว่าห้องเมื่อสักครู่นี้ โดยที่ใจกลางห้องมีอะไรบางอย่างที่ใหญ่โตมโหฬารตั้งอยู่

    นี่ล่ะ อาวุธของนายเทพหนุ่มยิ้มกล่าว ในขณะที่เฟตปรายตามองหน้า เป็นเชิงถามว่าพูดจริง?

    ฮีเฟสตัสรู้ว่าคู่สนทนาไม่เชื่อ จึงพยักหน้าให้กับบรรดาอสูรผู้ช่วย ส่งผลให้พวกเธอกดกลไกบางอย่างที่อยู่ในห้อง ทำให้มีประกายสายฟ้าวิ่งตรงจากด้านบนลงมาปะทะเข้าใส่กับวัตถุลึกลับที่กลางห้อง

    แต่สายฟ้านั้นไม่ได้มีแค่ครั้งเดียว พริบตาต่อมา ห่าสายฟ้าเกือบพันครั้งก็ผ่าใส่วัตถุนั้นอย่างรุนแรงและถี่ยิบจนหน้ามืดตามมัวไปชั่วขณะ

    เทพผู้สร้างเดินเข้าไปใกล้ “อะไรบางอย่าง” ที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะความร้อนนั่นอย่างไม่เกรงกลัว แล้วเงื้อค้อนขนาดเล็กฟาดเข้าใส่เต็มแรง

    เปรี้ยง!!! เสียงที่เกิดจากการกระแทกของค้อนกับวัตถุลึกลับดังลั่นไปทั้งเกาะ เฟตที่อยู่วงนอก หรี่ตามองอย่างสนใจไม่น้อย

    วัตถุลึกลับหลังจากถูกฟาดด้วยน้ำมือของเทพผู้สร้าง ขนาดของมันก็เล็กลงเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่เห็น ถ้าไม่มองขีดการวงที่อยู่บนโต๊ะ จากนั้นห่าสายฟ้าก็ผ่าเข้ามาเหมือนกับที่เห็นเมื่อกี้ แล้วตามมาด้วยค้อนของฮีเฟสตัส ที่รอจังหวะในการลงค้อนอยู่

    เปรี้ยง!! วิธีการผลิตทุกอย่างอยู่ในสายตาของเฟตทั้งสิ้น แต่ชายหนุ่มกลับเลิกสนใจในไม่กี่ครั้งต่อมา เพราะเขาเห็นแล้วและเข้าใจได้ว่านี่คือวิธีสร้างของเทพผู้สร้าง เขาเลยเดินไปยืนที่มุมห้องพร้อมส่งสายตามองลอดช่องไปดูสภาพอากาศที่ค่อนข้างปลอดโปร่ง

     “เสร็จขั้นที่ 3 แล้ว ต่อไปเป็นขั้นที่ 4 แล้วซินะเสียงดังแว่วๆ เข้าหูมา เฟตเลยหันกลับไปมอง ซึ่งเขาก็พบว่าวัตถุลึกลับนั่นถูกลดขนาดลงมา จนเหลือขนาดเท่าลูกบอลแล้ว

    เฟตมองตามอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเงยหน้ามองรูตรงกลางห้อง ที่ส่องตรงขึ้นท้องฟ้าไป สายตาของเขาสั่นไหวเพราะความคิดต่างๆ ที่กำลังวิ่งอยู่ในหัว

     

    อีกด้านของปราสาท ที่เกาะชั้นนอก บรรดาผู้เล่นที่หวังได้อาวุธเทพต่างตั้งแค้มป์กันอยู่บริเวณโดยรอบ ซึ่งรอบๆเกาะมีเรือจอดอยู่เกือบร้อยลำ ... นี่เป็นการยกพลขึ้นบกที่ใช้งบประมาณอย่างมหาศาลเลยทีเดียว

    ทำไงดีล่ะคะ มาเยอะกว่าเมื่อวานอีกจาเนียร้องถามเทพีสงครามที่กอดอกมองสถานการณ์อยู่ห่างๆ

    ทำใจค่ะอาธีน่าหันมาตอบด้วยรอยยิ้ม ต่างกับอสูรของเฟตตนอื่นๆ ที่ทำหน้าเอ๋อ พวกเธอไม่ได้หวังอะไรมากอยู่แล้ว เพราะ 6 วันที่ผ่านมานี้ เทพสาวผู้นี้ใช้สติปัญญาและทุกสิ่งทุกอย่างในการช่วยป้องกันเกาะไว้อย่างเต็มที่ หากทำไม่สำเร็จภายในวันนี้ พวกเธอจะไม่โทษอะไรเลย

    คิกๆๆ อย่าพึ่งท้อซิคะ แค่บอกให้ทำใจ ไม่ใช่ยอมแพ้นะอาธีน่ายิ้มกล่าวหลังจากเห็นสีหน้าผิดหวังของบรรดาอสูรทั้งหมดแล้ว

    แล้วทำยังไงต่อดีล่ะคะเงือกสาวรีบถาม เมื่อเห็นทางผู้เล่นกำลังจัดตั้งกองกำลังแล้ว

    ตอนนี้มุขที่เหลือพอจะใช้ได้ ก็คงเป็นการวางกับดักล่ะค่ะ แต่เราไม่มั่นใจนะ ว่ามันจะสำเร็จหรือเปล่าเทพสาวตอบก่อนจะกอดอกอีกครั้ง อสูรแค่ 7 ตน จะให้รับมือกับผู้เล่นนับพันตลอดหลายวันได้ยังไงกันล่ะ เฮ้อ เป็นศึกที่ยากเกินจะวางแผนจริงๆ

    ทำไมไม่ใช่แผนการแตกแยกเหมือนวันก่อนล่ะเมดูซ่าถามค้านออกมา แผนเมื่อวันก่อนๆของอาธีน่าถือว่าใช้ได้เลย ทำให้ความโลภเข้าครอบงำผู้เล่น ก่อนจะให้พวกนั้นฆ่ากันเองเพื่อแย่งอาวุธ ซึ่งหลังจากนั้นจะเข้าไปจัดการปิดฉากต่อเอง

    แผนนั้นเราใช้ไปทีแล้ว หากนำมาใช้อีก ทำไมคนพวกนี้จะไม่รู้ล่ะคะเทพสาวหันมาตอบก่อนจะมองดูสถานการณ์ให้ทั่วอีกครั้ง ความจริงแล้วเธอหนักใจกับการรับมือพวกผู้เล่นเป็นอย่างมาก ไหนจะความสามารถที่เฉพาะผู้เล่นเท่านั้นที่มี ความไม่กลัวตายเพราะกลับไปเกิดใหม่ได้ การต้องป้องกันพื้นที่ ซึ่งคนแค่นี้ไม่อาจจะป้องกันอะไรได้หมด ทำลายทาง เดี๋ยวอีกทางก็โผล่เข้ามา พูดแล้วช่างยุ่งยากจริงๆ ส่วนการจะใช้แผนถ่วงเวลา ก็ดูจะไม่สำเร็จแล้วด้วยซิ

    เปรี้ยง!!! เสียงฟ้าผ่าพร้อมกับประกายสายฟ้าวิ่งแล่นผ่านไปทั่ว ส่งผลให้พวกอาธีน่าหันมามองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้าเพราะรู้กันว่าการสร้างอาวุธขั้น 3 ถูกเริ่มขึ้นแล้ว แต่ก่อนที่พวกเธอจะได้ยินดีที่ขั้นตอนได้เดินหน้า เหล่าบรรดาผู้เล่นก็ดันเริ่มโห่ร้องเนื่องจากรู้ว่าเสียงนั้นเกิดเฉพาะตอนที่ผลิตอาวุธ

    รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง นี่คือคำที่พวกผู้เล่นเอามาเปรียบเทียบกับตัวเองและอสูร พวกเขาสามารถหาข้อมูลเพิ่มได้ ต่างกับพวกอสูรที่ต้องเตรียมรับมือเอง โดยใช้ประสบการณ์มาเป็นตัวพลิกผันการต่อสู้เอาเอง

    ซึ่งตอนนี้ พวกอาธีน่าก็ต้องคอยรับมือกับห่าผู้เล่นนับสิบนับร้อย ที่ดาหน้ามาตามค่าจ้าง จากคนที่หวังจะเอาอาวุธเทพมาไว้ในกำมือ ... มันเป็นการดรอปของคลาสสูงที่แลดูเห็นแก่ตัวไปนิด แต่ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าผิดกฎนักหรอก

    บุกเข้าไปเลยเสียงโห่ร้องดังแว่วๆขึ้นมา ในขณะที่พวกอนาตเซียต้องเตรียมตัวรับมือ เครื่องทุ่นแรงเบอร์ 1 อย่างเรือของพวกคนแคระก็ดันอยู่ในช่วงบรรจุอาวุธใหม่อยู่ พวกอาธีน่าจึงต้องหาวิธีรับมือเองเพื่อถ่วงเวลาให้ได้นานมากที่สุด

    แผนโจรค่ะเทพแห่งปัญญากล่าวสั้นๆ ก่อนจะโรยตัวจากบนต้นไม้ หายลับไปกับผืนป่า หลังจากนั้นไม่นานก็ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนของพวกผู้เล่น ที่โดนสารพัดกับดักจัดการจนหมดสภาพ

    อสูรตนอื่นๆ ของเฟตเองก็ไม่รอช้า พริบตาที่อาธีน่าลงมือ พวกเธอก็กระจายตัวไปตามจุดต่างๆ ที่ได้รับมอบหมาย ก่อนจะลงมือตลบหลังด้วยแผนกองโจร คนหมู่น้อยสุดๆ สู้คนหมาหมู่

    การต่อสู้ระหว่างผู้เล่นนับร้อยกับอสูรแค่ 7 ตน ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เนื่องจากแผนการกับดักกับกองโจรลอบโจมตียังใช้ได้ดีอยู่

    แต่ผ่านไปแค่ 6 ชั่วโมง แผนการของอาธีน่าก็เริ่มเป็นหมัน หลังจากผู้เล่นเริ่มอ่านวิธีการและแนวทางออก ก่อนจะกระจายกำลังแล้วช่วยกันทำลายกับดักทั้งหมด

    1 ชั่วโมงต่อมา พวกอาธีน่าก็ถูกต้อนกลับมาที่ปราสาทกลางของเกาะ ซึ่งต้องปิดประตูก่อนพากันถอยเข้าตัวปราสาท

     

    หลังจากสะพานถูกดึงกลับไปจนไม่มีทางไปต่อ ผู้เล่นหลายกองร้อยจึงมาตั้งกองทัพรออยู่ข้างนอกปราสาทอย่างช่วยไม่ได้

    ทำยังไงดีล่ะเนี่ย ไม่มีทางไปอื่นนอกจากท้องฟ้าแล้วด้วยผู้เล่นหนุ่มกล่าวถามตัวเอง พร้อมใช้ความคิด ถ้าจะใช้สะพานหนุนลอย ขนาดความกว้างของเหวก็ดันมากเกินกว่าจะทำได้ไหว ดังนั้นวิธีเดียวที่เหลือก็คือสิ่งที่เขาเสนอออกมา

    บินซินะด้วยความสิ้นคิด วิธีการโฉบเข้าไปก็คือวิธีการที่ดีที่สุด ผู้เล่นหนุ่มจึงเรียกหาผู้เล่นที่มีอสูรบินได้ เพื่อใช้ในการขนส่งกำลังพลทางอากาศ

    หลังจากได้อสูรที่พอจะขนกำลังพลไปได้แล้ว ผู้เล่นหนุ่มก็สั่งการ ให้กองทัพฟ้าบุกเข้าไปตามที่ได้วางแผนไว้

    อสูรมีปีกจึงเริ่มเทคออฟขึ้นกันเป็นแถวอย่างสวยงาม เพื่อทำหน้าที่ในการขนส่งกำลังพลทางอากาศ ทว่า

    ขณะที่อสูรตัวแรกโผล่พ้นขอบกำแพงปราสาท สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาก็คือแท่งเหล็กสีขุ่นที่พุ่งตรงเข้ามาหาพร้อมกลุ่มควันขนาดเล็กที่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นไอการสันดาปความร้อนที่มีในอุปกรณ์ไฮเทคในยุคปัจจุบัน .. ถ้ามาแค่อันเดียวคงจะไม่น่ากลัวเท่าไหร่ ทว่า มันดันโผล่ขึ้นมาตั้งเป็นสิบๆ แท่ง แถมยังพุ่งเข้าหาอสูรตัวอื่นๆ เหมือนมีตาเป็นของตัวเอง

    บึ้ม!!! เสียงระเบิดดังก่อนจะตามด้วยเสียงร้องของอสูรกับผู้เล่นโดยสาร ซึ่งผู้ที่ร้องก็ทำได้แค่โหยหวนต่อไป พอตกลงมาจากความสูงขนาดนั้นก็นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นไม่ยอมขยับ อีกหลายชีวิตที่โดยสารมาด้วยก็โดนลูกหลงถูกแรงระเบิดอัดกระเด็นลอยตกลงไปในเหวลึกพร้อมกับเสียงร้องอันสิ้นหวังที่แสนจะน่าสงสาร

    หัวหน้า การขนส่งทางอากาศล้มเหลวครับ ตอนนี้เราต้องการ......ผู้เล่นหนุ่มคนหนึ่งเข้ามารายงานทั้งๆที่เห็นกันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เขาได้เห็น ส่งผลให้ต้องหุบปากลง ก่อนจะร้องอย่างตกใจ

    หัวหน้าตายแล้ว”!!! แค่นี้ล่ะ บรรดาผู้เล่นที่เป็นเพียงผู้เล่นรับจ้าง ต่างพากันหนีไปกันคนละทิศละทาง เนื่องจากหัวหน้าผู้รับงานถูกอะไรบางอย่างทะลวงหัวจนเหลือแต่เพียงร่างที่ไร้ศีรษะเท่านั้น ในพริบตาเมื่อกี้ เขายังเห็นหัวหน้าอ้าปากเหมือนจะสั่งการอยู่เลยแท้ๆ

     

    กริ๊ก!!! ชุดลั่นไกทำงานพร้อมการผลักดันปลอกกระสุนสีดำออกจากรังเพลิงพร้อมการดันกระสุนนัดใหม่ให้กลับเข้าไปประจำการเพื่อพร้อมยิงในนัดต่อไป ผลการทำงานอันสมบูรณ์แบบของชุดลั่นไกนั่นทำให้ผู้ถืออยู่พยักหน้าอย่างภูมิใจในผลงาน พร้อมกับ ลดฐานปืนที่ติดขาทรายลง

    ใช้ได้เหมือนกันแหะผู้เล่นหนุ่มพึมพำ ก่อนจะกลับหลังมามองเหล่าพวกพ้องที่กระพริบตามองฟ้ากันตาปริบๆ

    คุณเฟต ไอ้นั่นคือเอลฟ์สาวร้องถาม ก่อนจะชี้ไปยังแท่นขนาดใหญ่ ที่แหงนส่วนหัวขึ้นฟ้าไป ซึ่งแท่นพวกนี้คือสิ่งที่ส่งจรวดแซมออกไปทำลายอสูรบินได้ของพวกผู้เล่น

    แท่นยิงแซมไงครับ ระบบบอกไว้ว่าอาวุธประจำตัวของผมแบบใหม่นี้ สามารถสร้างอาวุธเทคนิค ได้โดยไม่ต้องพึ่งพลังอย่างเดียวชายหนุ่มที่มีนามว่าเฟตตอบก่อนจะหันกลับมาหยิบปลอกกระสุนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 12.7 มม. ขึ้นมาพิจารณา จากนั้นก็เก็บมันไว้ในกระเป๋าข้างตัว เหล่าอสูรสังเกตเห็นแต่ไม่ได้ท้วงอะไรเพราะดูจากหน้านิ่งๆ นั่นแล้ว คงมีความคิดอะไรอยู่แน่ๆ

     “อืม ความสามารถเหมือนเดิม หด ยืน ขยาย แต่แฝงความสามารถตามลักษณะการใช้งานฮีเฟสตัสที่กลับมาใช้ร่างของชายอัปลักษณ์กล่าว หลังจากพวกอาธีน่าหันมามองเหมือนอยากจะถาม

    หืม รอบๆเกาะเลยเหรอเนี่ยเป็นเสียงของเฟตที่บ่นพึมพำ ก่อนที่ชายหนุ่มจะยกมือไปยังฐานยิงแซม (จรวดพื้นสู้อากาศ) พร้อมกันนั้นอาวุธสุดแปลกก็ค่อยๆ ลดขนาด จากที่ใหญ่ถึง 9x9 เมตร ก็กลายมาเป็นเสื้อคลุมสีดำที่มีฐานยาวลงไปจนถึงเข่า

    หลังจากอาวุธเปลี่ยนรูปลักษณ์ตามที่ต้องแล้ว ผู้เล่นหนุ่มก็กระโจนข้ามจากบนกำแพงออกไปด้านนอกของป่า ซึ่งก่อนจะออกไป เขาไม่ลืมหันมาบอกให้เหล่าอสูรได้พักผ่อน ในทีแรกพวกเธออยากเข้าร่วมสู้ด้วย แต่พอเจอคำกล่าวที่บ่งบอกถึงการขอร้องมากกว่าสั่งก็ทำได้แค่จ้องมองตอบอย่างอึ้งๆ ไปเท่านั้น

    เทพผู้สร้างมองอยู่ห่างๆ พร้อมชี้ให้อสูรผู้ช่วยนำโต๊ะน้ำชามาตั้ง ก่อนจะตั้งวงน้ำชากลางปราสาท โดยไม่สนใจสถานการณ์ของเกาะที่ถูกบรรดาผู้เล่นโอบล้อมจนหนีออกไปไม่ได้

     

    ว่าไงนะ หัวหน้ากองกำลังรับจ้างชั้นแรกถูกทำลายแล้วเหรอเป็นเสียงอุทานของหญิงสาวในชุดคลุมยาว เธอพากันยกกองทัพมาเพื่อหวังเงินรางวัลจากการล่าอาวุธเทพ แต่ไม่ได้หวังว่าจะมาตายแบบนี้

    ใช่ครับ แต่เรายังไม่รู้เลยว่าทำไมหมอนั่นถึงตาย ระบบจะบอกเฉพาะคนที่ถูกฆ่าเท่านั้นด้วยผู้มารายงานรีบกล่าว ก่อนที่หญิงสาวผู้นี้จะอารมณ์ขึ้น แหมสวยซะเปล่า ขี้วีนชะมัด

    งั้นก็ส่งพวกทีมไล่ล่าอสูรระดับแนวหน้าออกไปซิ ฉันจ้างให้พวกมันมาฆ่าพวกยักษ์อัปลักษณ์ตาเดียวโดยเฉพาะเลยนะ ไหงถึงยังไม่ได้รับรายงานเรื่องผลงานเลยล่ะหญิงสาวยังคงวีนได้ต่อ แม้ใบหน้าจะงดงาม ชุดที่แต่งจะทอประกายออร่าขนาดไหน แต่เมื่อผู้สวมมีนิสัยแบบนี้ ยังไงคนที่พบปะก็รับไม่ไหวอยู่ดี

    แต่เรายังไม่มั่นใจเลยนะครับ ว่าเป็นอสูรหรือเปล่าชายหนุ่มย้อนกลับ แต่หญิงสาวหันขวับมามอง ก่อนจะตวาดใส่

    ฉันไม่สน ฉันจะเอาอาวุธเทพ ส่งใครก็ได้ไปล่า และเอาของมาให้ฉันให้ได้ อยากได้เท่าไหร่ก็บอกมา ฉันมีเงินมากพอจะโอนให้ทั้งในเกมและนอกเกมเป็นความเอาแต่ใจของพวกลูกคุณหนูจริงๆ ส่งผลให้ชายหนุ่มได้แต่น้อมรับคำ ก่อนจะวิ่งออกไปสั่งงาน

     

    บนเกาะเทพผู้สร้าง ผู้เล่นทั้งหลายที่มาตั้งแค้มป์ต่างได้รับรายงานแล้วว่า ทางผู้ว่าจ้างทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อให้ได้อาวุธเทพ จึงมีการวางแผนและจัดตั้งกองกำลังเตรียมรับมือกันอย่างเต็มที่ แต่ทว่า

    ตูม!!! เสียงระเบิดจากอีกฟากของเกาะแว่วเมาจนถึงที่นี่ ส่งผลให้บรรดาผู้เล่นทำหน้าเอ๋อ หลังจากรู้ตัวว่านั่นคือเสียงของระเบิด ก็รีบส่งคำถามไปยังกลุ่มอื่นๆ ที่ตั้งค่ายป้องกันการหลบหนีอยู่ในเกาะ ณ จุดต่างๆ

    ตอนนี้ฝั่งเหนือถูกถล่มหมดแล้ว การโจมตีกำลังไล่ลงมายังทิศตะวันออก อีกไม่นานคงจะมาถึงที่ป่าทิศใต้แห่งนี้เป็นคำอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกที่ถูกโจมตีไม่สามารถบอกได้ว่าตนถูกอะไรลอบทำร้าย เพราะไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่เท่าที่บอกได้แน่ๆคือ รีบเตรียมตัวรับมือให้พร้อมก็แล้วกัน

    ฟุบ!! ฟุบ!! ฟุบ!!! เสียงเหมือนลูกธนูแหวกอากาศดังแว่วๆ เข้าหูบรรดาผู้เล่นที่อยู่ในแค้มป์ตรงทิศใต้แห่งนี้ แต่เสียงที่ตามมากลับไม่ใช่เสียงของคนร้องอย่างที่เข้าใจ มันกลับเป็นเสียงระเบิดที่ค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมองเห็นถึงจุดที่เกิดเสียงได้ด้วยตาเปล่า

    ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!! ตูม!!! บรึ้ม!!!!  นั่นคือเสียงที่ดังพร้อมกับภาพของบรรดาผู้เล่นที่หนีตายจากการโจมตีลึกลับจากบนท้องฟ้า ส่งผลให้ผู้เล่นในแค้มป์ทางใต้เงยหน้าขึ้นไปมอง หวังจะพบกับต้นตอของสิ่งที่เกิดขึ้น แต่กลับไม่พบกับสิ่งที่หวัง สิ่งที่ตามมากลับเป็นห่าลูกอะไรบางอย่างที่พุ่งลงมาอย่างไม่ขาดสาย ก่อนจะส่งผู้เล่นระดับต่ำๆ ล้มหายตายจากไปโดยไม่รู้ตัวว่าถูกวัตถุปริศนาเข้าทำลายร่างกายจนจำซากเดิมไม่ได้

    นอกจากห่าฝนเหล็กแล้ว ยังตามมาด้วยแท่นอะไรบางอย่างที่พุ่งตรงลงมาด้วยความเร็วสูง ก่อนจะปะทะเข้ากับพื้นดินส่งแรงจล แรงอัด และแรงระเบิดจนทำให้ผู้เล่นที่ไม่ทันตั้งตัวได้ล้มตายลงไปตามๆ กันกับรูปแบบการโจมตีแบบใหม่ที่ไม่คาดคิด

    นักเวท ร่ายโล่เวทป้องกันด่วนเลย ส่วนทีมบินได้ รีบส่งอสูรขึ้นไปดู ว่ามันเกิดขึ้นจากอะไรผู้เล่นหนุ่มที่มีสติพอจะตอบรับสถานการณ์ได้รีบร้องบอก ซึ่งผลตอบรับจากผู้นำมีสติก็ดูจะส่งผลดีเกินคาด เมื่อพวกผู้เล่นตามสายต่างๆ เข้ามารับมือสถานการณ์ได้ตามที่สั่ง แต่ทว่า การโจมตีนั้นก็ดูจะปรับได้ตามสถานการณ์เช่นกัน เมื่อมีโล่เวทป้องกัน การระเบิดที่เคยมีรัศมีเพียง 10 เมตร ก็ถูกพัฒนาขึ้นเป็น 30 เมตร โดยการระเบิดขนาดใหญ่นี้ส่งบรรดาผู้เล่นสายเวทกับผู้เล่นที่อยู่ในม่านพลังล้มตายไปพร้อมๆกัน แหงล่ะ แม้ม่านพลังจะป้องกันวัตถุหรือพลังได้ แต่แรงระเบิดที่เกิดขึ้นม่านพลังไม่ได้ดูดซับมันไว้ทั้งหมด มันป้องกันได้แต่ผู้ใช้หลักเท่านั้น คนที่เหลือก็ถูกแรงอัดของมันเข้าไปจนเลือดลดฮวบฮวบไปตามๆ กัน

     ผู้เล่นที่สั่งการได้แต่มองด้วยความตกตะลึง ภาพพวกพ้องที่ล้มตายเหมือนใบไม้นั่นเป็นภาพที่เขายังไม่เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งการโจมตีลึกลับนั้นยังคงไล่ลามไปทั่วทั้งค่าย จนกระทั่งค่ายแตกก็ยังไม่ยอมหยุด ... เป้าหมายของการโจมตีนี้คือเน้นที่ผู้เล่นกลุ่มใหญ่ๆ เป็นหลัก ตรงไหนที่มีการรวมกลุ่ม พื้นที่นั้นจะถูกโหมโจมตีจนแตกไปคนละทาง .. แต่ว่าทำไมถึงโจมตีได้ล่ะ ทั้งที่นี่มันเริ่มมืดแล้วแท้ๆ ขนาดพวกเขาที่เข้ามารวมกลุ่มกันยังมองกันแทบไม่เห็นเลย แล้วทำไมการโจมตีมันถึงมาถึงตัวได้ล่ะ ... และนี่คงเป็นความคิดสุดท้ายเมื่อเขาได้เงยหน้าขึ้นไปตามเสียงแหลมเล็ก ก่อนที่ประสาทรับรู้ทั้งหมดจะหมดไปเมื่อวัตถุลึกลับขนาดใหญ่ตกลงกลางหัวพอดี

    Headshot!!! Critical!! Heavy damage!! ช่างเป็นผู้เล่นที่ตายด้วยการโจมตีแบบครบรูปแบบจริงๆ

     

    อีกด้านหนึ่ง แม้ผู้สั่งการแรกจะตายไปเพราะยืนโง่เป็นเป้าไปแล้ว ก็ยังมีผู้เล่นกลุ่มอื่นที่พอมีสติร้องสั่งงานกันอย่างไม่ขาดสาย และ 1 ในนั้นคงเป็นผู้เล่นหนุ่มสายอาชีพโจรสลัดที่มีความเชี่ยวชาญในการรบพอตัว

    หัวหน้า เราบินขึ้นมาสูงเกือบกิโลแล้ว ยังไม่เจอเป้าหมายเลยเสียงจากหน่วยบินรายงานเข้าหูมา ในขณะที่ชายหนุ่มรีบสั่งให้ค้นหาต่อไป ซึ่ง 5 นาที ต่อมา ความต้องการก็บรรลุผล เมื่อทีมบินได้เจอวัตถุที่ปล่อยวัตถุลึกลับลงมาสู่พื้นโลก โดยมีความสูงไปเกือบกิโล แต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มผู้สั่งการต้องเอะใจที่สุด นั่นก็คือ

    มันเหมือนกับเครื่องบินมากเลย ลำตัวสูงยาวสีดำเมี่ยมยังกับเหล็ก ปีกกว้างกว่ามังกรไวเวิร์ดทั่วไป ไม่ใช่แค่นั้น ตรงปีกมันยังมีสิ่งที่เหมือนใบพัดอีก 4 ปีกกำลังทำงานอยู่ ข้างตัวของมันมีแท่นอะไรก็ไม่รู้ยื่นออกมา และนั่นคือสิ่งที่กำลังโจมตีพวกเราครับ ... แต่มันเหมือนกับเครื่องบินจริงๆนะหัวหน้า

     อย่าตลกน่า เครื่องบินเหรอชายหนุ่มพึมพำ ก่อนจะเงยหน้ามองฟ้า ถามว่าแปลกมั้ยที่เกมนี้มีเครื่องบิน เขาคงต้องตอบว่า ไม่แปลกอะไรเลย เพราะใครมีความสามารถ มีสติปัญญาพอจะสร้างมาได้ ก็ทำไปเถอะ เกมนี้ให้อิสระอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ขนาดเรือประจัญบานมันยังมีกันแล้วในหลายๆเมืองเลย แต่ทว่า ตั้งแต่เล่นเกมมา ยังไม่เคยได้ข่าวว่ามีเครื่องบินที่ไหนมีประสิทธิภาพสูงขนาดถล่มกองทัพทหารรับจ้างได้เลย ถึงจะน่าเสียดายที่ไม่รู้วิธีสร้าง แต่ก็ช่างเถอะ

    สอยมันให้ร่วง มีเท่าไหร่ ใส่มันให้หมดผู้เล่นหนุ่มสั่งการลงไป ก่อนจะประกาศที่หน้าระบบ ส่งผลให้ผู้เล่นเผ่าบินได้บินขึ้นท้องฟ้าไปเหมือนนกออกล่าเหยื่อ

    ฝูงผู้เล่นบินได้นับร้อยตรงขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยมีเป้าหมายคือ สอยเครื่องบินลึกลับนั่นให้ร่วง แต่ 10 นาทีต่อมา เป้าหมายที่ว่ากลับเปลี่ยนไป เมื่อทีมที่ไล่ล่านั้นรอดกลับมาแค่ไม่กี่สิบตัวเท่านั้น ส่วนไอ้การโจมตีลึกลับนั่นก็กลับมาทำงานอีกครั้งหลังทีมไล่ล่าถอยหนีจนหมด

    มันอะไรกันหนักหนาวะชายหนุ่มคำรามลั่นอย่างไม่พอใจ ก่อนจะระเบิดพลังออก ออร่าแห่งระดับชั้นลอร์ดทอประกายมาเป็นเส้นสาย ส่งผลให้พวกลูกน้องได้ร้องเฮที่ลูกพี่เอาจริงแล้ว แต่ทว่า

    วี๊ด!! เสียงแหวกอากาศมาพร้อมกับห่าฝนเหล็ก ยังดีที่ชายหนุ่มเอาจริงแล้ว ตนจึงหลบได้ทัน ถึงจะตื่นตระหนกไม่น้อยที่เห็นห่าฝนเหล็กจำนวนมากกำลังปะทะกับพื้นที่ที่เขายืนอยู่เมื่อกี้

    เปรี้ยะๆๆๆๆ!!!  เสียงการไล่มาเป็นทางของฝนเหล็ก ทำให้รู้สึกถึงสายฟ้าที่กำลังกระหน่ำผ่าใส่ศัตรู ส่งผลให้ผู้เล่นหนุ่มต้องเบิกตาด้วยความไม่เชื่อ พร้อมสอยเท้าหลบไปมาอย่างรวดเร็ว ความเร็วที่เพิ่มขึ้นจากการเอาจริง ช่วยให้เขาหลบพ้นมาได้ ทว่า นอกจากห่าฝนเหล็กแล้ว ยังมีลูกเหล็กระเบิดได้ไล่ตามเขาเข้ามาเหมือนกับการไล่ต้อนอีก ทำให้เขาต้องใช้ทักษะก้าวเท้าหลบระดับสูง เพราะไม่อย่างนั้นมีหวังโดนระเบิดอัดเละคาที่แน่

    แฮก แฮก แฮก!!”ชายหนุ่มที่หลบห่าฝนเหล็กกับระเบิดมาลอบหอบหายใจอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง เขาไม่รู้หรอกว่ามาไกลจากจุดนั้นกี่กิโล รู้อยู่อย่างเดียวว่า ไอ้การโจมตีนั่นตื้อชิบหาย ไม่ว่าจะไปทางไหนมันก็ไล่ดักจนหมด ยังดีที่เป็นผู้เล่นระดับสูงมาก เลยไม่เสียท่าง่ายๆ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะลืมอะไรไปอย่าง กว่าจะรู้สึกตัวได้ แรงสั่นสะเทือนที่เท้าก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่จะเกิดการระเบิดที่หน้าถ้ำ จากนั้นก็ตามมาด้วยแรงระเบิดอันมหาศาลที่ทำลายจนถ้ำถล่มลงไปทับคนข้างใน ชีวิตของผู้เล่นหนุ่มก็จบลงด้วยประการฉะนี้แล เอวัง

     

    ระบบสนับสนุนภาคพื้นพร้อมแล้ว ต้องการเป้าหมายไหนต่อเสียงของเอรีสดังแว่วอยู่ภายในหัวเหมือนกับคนใช้วิทยุสื่อสารติดต่อหากัน ถึงความจริงแล้วมันจะเป็นสิ่งที่ไม่สมควรเกิดขึ้น แต่สำหรับเฟตที่กำลังทำความคุ้นเคยกับการบังคับอาวุธของตัวเองกลับไม่สนใจเท่าไหร่นัก แถมยังตอบกลับไปเหมือนกับคุยกับคนอื่นทั้งที่ความจริงแล้วคุยกับตัวเองจนเหมือนคนโรคประสาท

    ยังดีที่คุณพอจะสื่อสารกับผมผ่านอาวุธได้บ้าง ไม่งั้นล่ะก็ เหอะๆ ปวดหัวตายเฟตบ่นก่อนจะบังคับให้เครื่องบินขนาดใหญ่บินหักซ้าย เป็นการเพิ่มเป้าหมายในการเล็งยิงของปืนใหญ่ขนาด 120 มม. ซึ่งผู้ยิงจะเป็นหน้าที่ของเอรีสหรือก็คือตัวเขาอีกนั่นเอง ... เพราะเหตุผลที่ว่านี้ เขาเลยไม่สนใจว่าตนเองจะคุยกับใครอยู่ ขอแค่ใช้การได้ก็เป็นพอ

    เหอะ ไม่รู้จะขอบคุณหรือฆ่ามันทิ้งดีนะ เจ้าฮีหน้าหล่อนั่น แหม อุตส่าห์สร้างอาวุธประจำตัวระดับเทพให้ทั้งที แต่ดันพ้วงของแถมสุดแสบมาด้วยซะนี้เสียงบ่นแว่วๆ มาในหู ส่งผลให้เจ้าของร่างได้แต่หัวเราะแหะๆ ก่อนจะใช้กล้องอินฟาเรดที่ด้านนอกของตัวเครื่องบินมาแทนตาตัวเอง มองสังเกตการณ์สภาพภายนอก

    เป้าหมายที่มีพลังมากที่สุด ถูกเก็บไปเรื่อยๆ แล้ว ดีนะที่กล้องตรวจจับความร้อนช่วยวัดสนามพลังได้ เลยไม่ต้องควานหาตัวยากหลังจากแพนกล้องไปทั่วเกาะจนไม่เห็นผู้เล่นที่มีพลังความร้อนไหลทะลักออกมาจากกายแล้ว เฟตก็พึมพำก่อนจะเอาหัวพิงเบาะที่นั่งตรงใจกลางเครื่องบิน

    อาวุธของเขาในครั้งนี้ต่างไปกว่าเดิมเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นขนาดการใช้ หรือวิธีการใช้ ล้วนแต่ลำบากลำบนทั้งนั้น แต่หลังจากทำความคุ้นเคยมากว่าชั่วโมง ชายหนุ่มก็พบว่า มันลำบากก็แค่ตอนต้น จากที่เขาเคยเปลี่ยนสภาพเล็กๆ ให้กลายเป็นอาวุธที่พอใช้ได้ในจำนวนเท่ากับอาวุธ ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นอาวุธขนาดใหญ่ ที่มีลักษณะการโจมตีเหมือนเดิม แต่ต่างกันที่ระบบครอบคลุมได้ทั่วถึง

    จากที่เคยมีเพียงแท่นยิงโผล่ออกมาจากใต้ปีกตัวเอง ตอนนี้ก็ได้เครื่องบินมาเลยทั้งลำ แถมเกราะยังอยู่ในระบบ 2 In 1 เสียด้วย

    นอกจากอาวุธจะเปลี่ยนมาเป็นเต็มรูปแบบแล้ว มันยังมีระบบสั่งยิงที่ค่อนข้างวุ่นวาย นี่ถ้าเฟตไม่มีใครอีกคนในร่างช่วย เขาก็คงจบเห่ได้แค่บินวนนั่นแหละ เนื่องจากตอนสั่งบินต้องใช้สมาธิในการควบคุมทิศทางที่ค่อนข้างสูง ส่วนตอนยิงก็ต้องใช้ระบบความคิดที่ซับซ้อนเข้าไปอีก

    แต่ในตอนนี้ ชายหนุ่มได้ค้นพบแล้วว่า อาวุธที่ฮีเฟสตัสสร้างให้ เข้ากับเขาได้ดีขนาดไหน เหตุที่เอาเลือดไป คงเป็นการให้อาวุธทำความคุ้นชินกับผู้เป็นนาย หรือไม่ก็ ให้เอรีสได้รู้จักกับของชิ้นนี้ ก่อนจะเข้าควบคุมเหมือนกับอดีตที่เคยควบคุมพลังของเขา

    หยุดคิดไร้สาระก่อนได้มั้ย เอาไง มืดแล้วนะเอรีสว่ากลับเข้ามา เธอเหนื่อยกับการสั่งอาวุธทั้ง 4 ไล่ยิงอย่างมาก นอกจากเฟตจะต้องมีสมาธิในการควบคุมและดูแลอาวุธให้คงร่างแล้ว เธอเองก็ยังต้องเหนื่อยกับการควบคุมการยิงที่ละเอียดยิบในแต่ละรอบด้วย นี่ถ้าสั่งผิดไป คงจะยิงระเบิดปืนใหญ่ไปแทนที่จะเป็นปืนแกตลิ่งล่ะนะ

    งั้นก็ กลับก็แล้วกัน พวกนั้นถอนกำลังแล้วด้วยเฟตใช้กล้องที่อยู่ด้านนอกตัวเครื่องบินแทนตาตน หลังจากสังเกตเห็นว่าพวกผู้เล่นด้านล่างกำลังถอนกำลังขึ้นเรือหายไป ตนก็เลยสั่งการให้อาวุธตัวเองกลับฐานที่มั่น เพราะสงครามนี้ยังอีกยาวไกล เนื่องจากด้านนอกออกไปจากเกาะเขาเห็นเรือธงขนาดใหญ่มาจอดรออยู่มากมาย ที่เขาจัดการนี่เป็นเพียงศัตรูส่วนน้อยเท่านั้นเอง

     

    เหล่าอสูรยืนรอสักพักก็เห็นเครื่องบิน 4 ใบพัด ขนาดใหญ่ที่มีนามว่า C130 Gunship กำลัง landing ลงมา พอส่วนล้อยักษ์แตะพื้น ตัวเครื่องบินก็สลายตัวเป็นอนุภาคขนาดเล็กแล้วแปรเปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมสีดำตัดลายขอบน้ำเงินเข้าไปคลุมที่ตัวของเฟตซึ่งกำลังผ่อนกำลังการวิ่งลงมาเหมือนกับเครื่องบินที่กำลังลง .... ลักษณะก็เหมือนกับเครื่องบินไร้ลักษณ์ล่ะนะ

    เจ้านาย/นายท่าน/ท่านเฟตเสียงการต้อนรับอันแสนอบอุ่นดังขึ้นที่ด้านหน้าทำให้เฟตที่หน้าซีดอยู่ยิ้มขึ้นได้

    ด้วยท่าทางนั้นทำให้เหล่าอสูรมึนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มยิ้มได้ พวกเธอก็พากันยิ้มอย่างปลอดโปล่งเช่นกัน ก่อนพากันเดินเข้ามาดูชายหนุ่มที่เดินเข้ามากลางวงแบบรู้งาน

    จัดการหมดแล้วเหรอฮีเฟสตัสที่มาในรูปอัปลักษณ์ร้องถาม ซึ่งเขานั่งจิบชาอยู่คนเดียวบนโต๊ะ หลังอสูรของเฟตไม่ให้ความสนใจเขาเลย

    อืม บนเกาะไม่เหลือแล้วล่ะเฟตตอบเรียบๆ

    แล้วบนเรือพวกนั้นล่ะเทพหนุ่มยังคงถามต่อ เขารู้จากความที่ถูกบุกอยู่บ่อยๆ

    เรื่องนี้เป็นเรื่องของนายกับผู้เล่น ฉันไม่เกี่ยวเฟตกล่าวเสียงเฉื่อยชาไม่สนใจอะไร แม้คำพูดนั้นจะฟังดูโหดร้ายไปหน่อยก็ตาม

    หึหึ อย่าตอบแบบนั้นเลย อาวุธของข้า ทำไมข้าจะไม่รู้ว่า เจ้ายังใช้ไม่เป็น

    ฮีเฟสตัสกล่าวตัดขึ้นมา สภาพที่เห็นตอนนี้คือผลกระทบที่เฟตได้จากอาวุธของเขานั่นเอง ส่งผลให้พวกอสูรต่างหันไปมองหน้ากัน แล้วหันมามองผู้เป็นนายเพื่อรอดูว่าเขาจะเฉลยอะไรให้ฟังบ้าง

    ฉันใช้ไม่เป็นเหรอ

    เฟตเลยถามเจ้าของอาวุธไปตรงๆ ซึ่งผู้ผลิตเองก็พยักหน้าให้ ก่อนจะดีดนิ้วเพื่อเรียกให้อสูรรับใช้ออกมา

    ในครั้งอดีต อาวุธที่เจ้าใช้ เป็นแบบเปลี่ยนเฉพาะด้าน คือเปลี่ยนเป็นอาวุธ หรือไม่ก็เกราะเท่านั้น ซึ่งการใช้พลังกับอาวุธแต่ละครั้ง เจ้าจะใช้ในเฉพาะส่วนที่ต้องใช้

    เทพผู้สร้างตอบก่อนจะยกแก้วชาให้ไซครอปในร่างหญิงสาวเติมชาให้ หลังจากจิบชาเสร็จ เขาก็หันกลับมาถามคู่สนทนาตรงๆ

     “ตอนนี้เจ้าพลังหมดแล้วใช่ไหมล่ะ

    สิ่งที่ถาม ส่งผลให้พวกอสูรหันขวับมามองผู้เป็นนาย ที่พยักหน้าให้แบบไม่ปิดบัง

    นั่นไง เฮ้อ เพราะเจ้าคิดว่าขนาดของมันใหญ่ขึ้น จึงเพิ่มพลังให้มันมากขึ้นไปกว่าปกติซินะ แต่จะว่าไป ก็โทษเจ้าไม่ได้หรอก ในเมื่อตัวอาวุธเองก็กินพลังได้แบบไม่มีลิมิตด้วย

    ฮีเฟสตัสกอดอกกล่าว

    แบบนั้นมันดีที่ไหนกันเล่า

    อนาตาเซียกับลีเวียธานวีนเสียงแหลมใส่ ส่งผลให้เทพหนุ่มต้องอุดหู ก่อนจะหันมามองอย่างงงๆ ไอ้คนใช้พลาดมันยังไม่เดือดร้อนเลย แล้วพวกเธอมาร้องโวยวายทำไมล่ะเนี่ย

    ไม่ๆ อย่าเข้าใจผิด อาวุธของข้าคืออาวุธเทพที่ผลิตออกมาได้ตรงใจลูกค้าที่สุด ข้าเอาใบประกาศนียบัตรพ่อค้าดีเด่น สองพันปีซ้อนมายืนยันเลยก็ได้ ว่าข้าเป็นพ่อค้าที่ทำอาวุธมาได้ดี ถูก และตรงกลุ่มเป้าหมายที่สุด

    เทพผู้สร้างกล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง ในขณะที่อาธีน่าต้องพยักหน้าเสริมให้ แม้การต่อสู้ของเทพผู้นี้จะห่วยแตกแม้แต่ทหารเทพเข้าใหม่ยังสามารถเอาชนะได้ แต่ความสามารถในการสร้างอาวุธ ต้องยกให้เป็นที่หนึ่งในโลกเลยล่ะ

    งั้นตอบมาซิคะ ว่ามันดีตรงไหน ที่อาวุธกินพลังของผู้ใช้ไปจนหมดเกลี้ยงแบบนั้น

    ไรน่าเอียงคอถามยิ้มๆ ในขณะที่หางก็โบกไปมาเหมือนกำลังจะขู่ จนเฟตที่อยู่ด้านหลังเผลอโน้มตัวเข้าไปกอดจนเธอถึงกับเหลียวมามองแล้วกระพริบตาปริบๆ .... จะเล่นบทโหดทั้งที เจ้านายก็ดันมาขัดเธอซะได้ ... แต่ก็ไม่ใช่จะไม่ชอบหรอกนะ

    อืม ก็ดีตรงที่อาวุธมันมีที่เก็บพลังแบบอันลิมิตน่ะซิ ในกรณีที่ผู้เป็นนายใช้พลังจนหมด หากอาวุธยังมีพลังเหลืออยู่ จะสามารถนำมาใช้ทดแทนกันได้ แต่ว่า ต้องเป็นพลังของเจ้าของที่แท้จริงเท่านั้นนะ เอาอะไรมาใช้แทนไม่ได้หรอก

    เทพหนุ่มอธิบายถึงข้อดี ในขณะเจ้าของอาวุธยังกอดไรน่าแล้วซุกหน้าไว้แน่นจนเจ้าของหางต้องร้องออกมาด้วยความเขินหลังถูกสายตาทิ่มแทงเข้ามา

    หลังโดนเบรกเฟตก็หันหน้ามากล่าวกับเทพผู้สร้างอย่างไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่

    เรื่องนั้นช่างมันเถอะ เสร็จนี่ ผมจะไปแล้วล่ะ

    ทั้งๆ ที่ท่านฮี สร้างอาวุธเทพให้ ทำไมถึง.......ยักษ์ไซครอปในร่างหญิงสาวคำรามว่าแบบไม่พอใจ คำพูดของเฟตเห็นแก่ตัวสุดๆ แต่เทพผู้สร้างกลับยกมือโบกอย่างเข้าใจ ก่อนจะพูดถึงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

    ไม่เป็นไรหรอก ที่นี่เป็นบ้านของข้า และข้าจะดูแลมันเอง ส่วนหน้าที่ของเจ้าหนุ่มนี่ก็มี แถมยังไกลกว่าพวกเรามากนัก ฉะนั้น จงไปพักผ่อนให้สบายเถอะ ข้าคิดว่า สงครามโอลิมปิกที่มนุษย์เรียกนั่น น่าจะเป็นสถานที่ที่สงครามรอเจ้าอยู่

    เฟตพยักหน้ารับคำอย่างเรียบเฉย เขาไม่ยอมให้อสูรต้องมาเหนื่อยกับเรื่องที่ไม่ใช่เรื่อง เพราะจำนวนศัตรูที่เห็นนั้นไม่ใช่ง่ายๆ ที่จะจัดการได้หมดในเวลาอันสั้น และไม่มั่นใจด้วยว่า พวกเขาจะชนะจริงหรือไม่ ดังนั้นการหนีออกไปไกลๆ คือหนทางที่เหมาะสมสำหรับคนนอกอย่างเขา .... อย่าเป็นพระเอกที่ทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อน

    งั้นพวกเรา ขอลาก่อนนะคะ ท่านเทพผู้สร้างจาเนียค้อมหัวลาอย่างอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ เธอเข้าใจในความคิดของผู้เป็นนายดี จึงไม่คิดติเตียนใดๆ พร้อมทั้งยังให้กำลังใจด้วยการบีบมือส่งไปนิดๆ อีกด้วย ส่วนพวกเมดูซ่ากับคาเรนก็ทำตามในรูปแบบฉบับของสาวอ่อนหวาน ต่างกับสาวเถื่อนอย่างพวกอนาตาเซียที่ซึนจนไม่กล้าพูดขอบคุณ

    จะว่าไปแล้ว แล้วพวกมาขวิส (หัวหน้าคนแคระ) ล่ะครับเฟตที่พึ่งก้าวเท้าออกมาได้ไม่ไกลถามด้วยความสงสัย เขาหาเรือลำนั้นไม่เห็นจะเจอเลย หรือว่าถูกจมไปแล้วหว่า

    นำเรือไปพัฒนาอยู่ที่กลางป่าค่ะอาธีน่าค้อมหัวกล่าว เธออ่อนน้อมต่อเฟตและบิดาเท่านั้น คนอื่นอย่าฝันว่าจะเห็นท่าทางนี้ของเธอเลย

    กลางป่า เรือ พัฒนา ฟังดูไปกันไม่ได้เลยนะครับชายหนุ่มทวนคำ ก่อนจะมองดูท้องฟ้าที่มืดสนิท พูดคุยกัน สู้กัน แป๊บๆ ค่ำซะแล้ว เวลาเดินไวชะมัด

     

    2 ชั่วโมงต่อมา ในป่าทึบอับชื้น อาธีน่าพาพวกเฟตมาจนถึงสถานที่ซ่อนของพวกคนแคระจนได้

    ไม่น่าเชื่อ ว่าใจกลางป่าจะมีเขตน้ำทะเลไหลผ่านแบบนี้เลยนะครับเฟตกล่าวชื่นชมธรรมชาติ โดยตัวเขาเดินจูงมือจาเนียกับไรน่าไปด้วย ถึงข้างบนจะมืด แต่ในป่ากลับสว่างไสวได้ด้วยพวกอสูรประเภทภูติ อสูรเหล่านี้เป็นเหมือนตัวประกอบของเกมส์ที่มีให้เห็นได้ทั่วไป จนผู้เล่นส่วนใหญ่นั้นละเลย .... แต่สำหรับผู้เล่นที่ชอบความเงียบสงบอย่างเขา กลับสามารถบอกได้เลยว่า ที่นี่อุดมสมบูรณ์จนมีภูติอาศัยอยู่เยอะกว่าปกติ

    เป็นความต้องการของเขาน่ะคะเทพแห่งปัญญาตอบก่อนจะมองตามหลังผู้เป็นนายที่ไปนั่งข้างลำน้ำ ซึ่งเป็นแม่น้ำสายเดียวกับที่พวกมาขวิสเอาเรือมาเทียบจอด

    หึ หมอนั่น รักความสงบซะจริงนะ

    ชายหนุ่มบ่นคนเดียว เขาเริ่มรู้สึกชอบธรรมชาติแบบนี้มากๆแล้วนะเนี่ย แล้วยิ่งอยู่กับอสูรของตนเองด้วยแล้ว เขายิ่งอยากจะนอนอยู่ที่นี่ตลอดไป โดยไม่อยากออกไปพบใครอีกเลย แต่ความเป็นจริงช่างโหดร้ายนัก เมื่อพวกเขารับรู้ได้ถึงศัตรูที่กำลังเข้ามาบุกเกาะแห่งนี้อีกแล้ว

    “ความโลภนี่นะ ทำให้คนเรายอมเสียเวลากันขนาดนี้เลยเหรอ”

    เขาพูดว่าได้ไม่เต็มปากนัก เพราะรอบกายเขานั้นก็มีของเหนือกว่าชาวบ้านเขาอยู่พอสมควร ถ้ามีคนมาด่าว่าเทพทรู เขาก็คงเถียงคนอื่นเขาไม่ออก แต่ถ้านำเรื่องอื่นๆ มาถกประเด็นล่ะก็ เขาคงวินๆ อย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อยเขาก็ไม่วิ่งเต้นตามกระแสของโลกอย่างแน่นอน

    สิ่งมีชีวิตทุกอย่าง ล้วนแต่มีทางเลือกเป็นของตัวเอง ดีก็มี เลวก็มี มันอยู่ที่คนค่ะ

    เทพสาวที่อยู่มานานกล่าวเพื่อให้ข้อคิด แต่เฟตไม่ใช่คนบื้อเหมือนที่อสูรเข้าใจ เขาจึงพยักหน้ารับคำ แล้วมองพวกคนแคระที่มารอต้อนรับอยู่บนเส้นทางเดินขึ้นเรืออย่างพร้อมเพรียง ผู้เล่นหนุ่มเดินหน้าไปนิดพร้อมกับกล่าวออกมา

    งั้นผมขอเลือก -”

    ภาพการเปิดเส้นทางนั้นทำให้อสูรติดตามเหม่อมองอย่างเหม่อลอยไปนิด เฟตในยามนี้ถูกแสงของดวงจันทร์ส่องจนเด่นเป็นประกายอยู่เหนือแผ่นไม้ที่เชื่อมต่อไปยังเรือที่เหล่าคนแคระมาจอดรอตรงท่าเพื่อต้อนรับ แต่ก่อนที่ผู้เล่นหนุ่มจะเดินไปบนนั้นก็หันหลังมาหาพวกตนพร้อมผายมือก้มหัวลงแบบให้เกียรติ

    “เพื่อพวกคุณก็แล้วกันนะ

     

    เรือของคนแคระเริ่มออกจากท่าที่มีการพรางอย่างดีอย่างช้าๆ เป้าหมายอยู่ที่ทวีปกลางเหมือนเดิม

    จะว่าไป ฮีเฟสตัสจะรับมือยังไงเหรอ

    ลีเวียธานถามขึ้นอย่างสงสัย คนแค่ 4 คน จะไปสู้กับผู้เล่นนับร้อยนับพันได้ยังไง

    คงจะเป็น แผนการเรียกทหารของเขานั่นแหละค่ะ

    เป็นเทพสาวที่ตอบตามคาด จนอนาตาเซียต้องถามอย่างแปลกใจ

    เรียกทหาร ไหนเจ้านั่นไม่ชอบความวุ่นวายไง

     “มันอยู่ที่สถานการณ์ค่ะ อีกอย่าง เขามีความสำคัญกับเผ่าเทพเป็นอันดับต้นๆ ไม่ต่างอะไรกับเทพอย่างเราเลยนะคะ

    อาธีน่าอธิบายยิ้มๆ แหงล่ะ ผู้สร้างผลิตภัณฑ์ต่างๆให้กับสวรรค์ หากตายหรือหายไปล่ะก็ สภาเทพได้ป่วนแน่

    เมดูซ่ากำลังจะถามต่อว่า แล้วพวกนั้นจะมายังไงแล้วทำได้ยังไง แต่แสงสว่างที่ส่องวูบลงมาจากท้องฟ้า ลอบวงรอบตัวปราสาทกลับบ่งบอกได้เป็นอย่างดีแล้วว่า ทหารเทพได้มาถึงแล้ว ถึงจะไม่รู้ว่ากี่ร้อยนาย แต่คิดกันได้เลยว่า เยอะและแกร่งมากแน่นอน

    คุณเฟตคะจาเนียที่เห็นเฟตนั่งเหม่อลอยอยู่นานกระซิบเรียกเบาๆ ส่งผลให้ชายหนุ่มหันมามองเธออย่างช้าๆ ด้วยอารมณ์เหมือนเหม่ออยู่ แต่ด้วยเอลฟ์สาวโน้มตัวเข้าไปเรียกเขาด้วย ส่งผลให้การหันกลับมานั้นกลายมาเป็นฉากประจันหน้าระหว่างนายหนุ่มกับอสูรสาวที่กำลังมองเขาด้วยความเป็นห่วง

    อื้อเอลฟ์สาวร้องเบาๆ หลังจากตัวแสบเป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาหาเธอที่ดันเผลอเข้าไปใกล้ซะได้ จึงกลายเป็นการเสริมพลังให้กันแบบไม่ทันตั้งตัว แต่นั่นยังไม่ใช่ปัญหาเท่ากับมือที่ดึงให้เธอลงมานั่งที่ตัก

    ฮ้า!!!”

    จาเนียหอบถี่อยู่บนตักของผู้เป็นนายที่ยิ้มบางๆ อย่างพึงพอใจ ถึงจะมีน้ำใสๆ ไหลยืดออกมาเล็กน้อยที่มุมปาก แต่เขากลับไม่สนใจเพราะไม่ได้รังเกียจในตัวของอสูรตนเองอยู่แล้ว

    อารมณ์ไหนไม่ทราบได้ จู่ๆ เฟตก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกที่ข้างหู

    ตั้งแต่วันแรก ที่ผมเล่นเกมมา ผมก็พบคุณเป็นคนแรกเลยนะครับจาเนียคำพูดเหล่านั้นทำให้ผู้ถูกกล่าวถึงต้องเงยหน้าแล้วเหม่อมองเขาด้วยความเป็นห่วง ... เขาต้องมีอะไรแน่ๆ ถึงได้เกริ่นคำเหล่านี้ออกมา

    จากวันแรก จนถึงวันนี้ ผมอาจจะพูดไม่ได้ว่า ผมโตขึ้นแล้ว แต่สิ่งที่ผมสามารถพูดกับคุณได้ คือผมดีใจนะ ที่มีพวกคุณมาเป็นอสูรของผม

    เฟตกล่าวพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองพวกอนาตาเซียที่ซุ่มดูอยู่ พวกเธอหูไวตาไวจะตาย ตอนที่เขาจูบกับจาเนีย พวกเธอก็พรวดเข้ามารุมส่งสายตาอาฆาตแต่แรกแล้ว

    พวกเราก็ดีใจ ที่ได้นายเป็นเจ้าชีวิตเช่นกัน

    อนาตาเซียกอดอกกล่าวแทนอสูรตนอื่นๆ แม้จะพูดได้ไม่เต็มปากว่าเขาเป็นคนดี หรือบ้าเกมส์ เนิร์ด หรือโกง แต่การปฏิบัติตัวของชายคนนี้ ต่อพวกเธอที่เป็นอสูร ก็สามารถรับประกันได้แล้วว่า ชายคนนี้มองพวกเธอเป็นมนุษย์คนหนึ่งเช่นกัน แม้จะฟังดูไร้สาระสำหรับคนทั่วไป แต่ในความคิดของพวกตนที่เป็นแค่เศษโปรแกรมเล็กๆ ในเกมส์อันกว้างใหญ่นี้แล้ว แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทุ่มตัวให้แล้ว ...

    ชายหนุ่มขยับอ้อมกอดจาเนียที่ส่งคำถามมาทางสายตาอย่างแนบแน่นแล้วซุกหน้าลงกับใบหูของเธอ พร้อมถอนถอนหายใจบ่น เขาเองก็หนักใจที่อสูรมีความคิดเหมือนมนุษย์เช่นกัน เฮ้อ เพราะโต้ตอบได้เหมือนคนแบบนี้ไง ใครมันจะไปคิดทำร้ายไหว

    ..... ไม่ซิ พวกเธอเคยเป็นมนุษย์มาก่อนนี่นา มิน่าล่ะ ด้านความคิดหรืออะไรพวกนี้ถึงไม่ต่างกับมนุษย์ทั่วไปเลย แล้วการที่เขาให้ความใส่ใจกับพวกเธอแบบไม่ต่างกับผู้เล่นทั่วไป ก็สมควรมากแล้วด้วย

    เจ้านายไรน่าที่เก็บอาการดีใจไม่อยู่ กระโจนเข้าไปหาพร้อมกับคลอเคลียจนคนที่มองอยู่รู้สึกเหมือนเห็นลูกหมาประจบเจ้านาย แต่ตัวเฟตที่ถูกประจบกลับไม่คิดเช่นนั้น เขาแพ้ทางคนอ้อน และยิ่งอ้อนได้ตรงจุดแบบไรน่าด้วยแล้ว เลยทำให้เขาทนไม่ไหวคว้าเธอมาคลอเคลียด้วยอีกคน

    ขี้โกงนี่

    อนาตาเซียไม่เคยยอมไรน่าอยู่แล้ว ร้องว่าก่อนจะกระโจนเข้าใส่ อาธีน่าที่ร้องห้ามก็พูดอะไรไม่ออก

    กร็อบ!!! จริงดั่งคาด เมื่อเก้าอี้ไม้หักคาที่ พร้อมกับตัวปัญหาที่ลงไปนอนบนพื้นโดยมีสาวๆ นั่งอยู่บนตัว

    เอ่อ ไม่เป็นอะไรนะคะเทพสาวร้องถาม ขณะดูอสูรทั้ง 3 ที่ยังคลอเคลียไม่เลิก โดยตัวผู้เป็นนายได้แต่โบกมือว่าไม่เป็นไร

    กลิ่นนี้ เลือด!!!”อนาตาเซียกับไรน่าอุทานพร้อมกัน เป็นผลให้อสูรตนอื่นๆ ตกใจ ก่อนจะมองตัวปัญหา ที่หัวแตกตอนที่หัวกระแทกพื้น แหงล่ะ เล่นบทพระเอกมากไปหน่อย โดยไม่ดูเลยว่า น้ำหนักของอสูรทั้ง 3 เมื่อรวมกันบวกกับแรกกระแทกแล้ว ผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง

    แต่แค่เลือดออกไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลเท่ากับ 2 อสูรสาว ที่คุ้นเคยกับการทำแผลแบบลิ้นถึงเลือด พวกอนาตาเซียช่วยกันเลียอย่างไม่สนใจสายตาใคร ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่หลงชอบเลือดสีแดงของมนุษย์ธรรมดาๆ ผู้นี้

    ฉากเลิฟซีนหน้าเรือยังคงดำเนินต่อไป ในขณะที่คนแคระที่อยู่ด้านหลังก็ได้แต่ทำหน้าสลด เจอฉากหวานแววนี้ใครมันจะไปทนทำเข้มแข็งได้ไหวกันล่ะ

    แต่ดูเหมือนข่าวดีของพวกคนแคระจะมาเยือน หลังจากเฟตได้รับข้อความอะไรบางอย่าง ก่อนจะบอกให้พวกคนแคระได้เปลี่ยนทิศทางเรือ จากไปทวีปกลางที่อยู่ในทิศตะวันตก เป็นขึ้นเหนือเพื่อไปทวีปเหนือแทน

    ทำไมล่ะคะ

    นี่คือสิ่งที่พวกอสูรถามเป็นเสียงเดียวกัน อยู่ๆ เฟตก็ลุกพรวดพร้อมกับบอกให้คนแคระเปลี่ยนพื้นที่ที่จะไป

    เพราะมีใครรอผมอยู่น่ะซิครับ

    ชายหนุ่มตอบพร้อมกับมองข้อความจากระบบพิเศษ (เหมือนจะได้แต่ไม่ได้) ที่มีชื่อผู้ส่ง สถานที่ แต่ไม่มีข้อความใดอีกเลย

    นาช่า

    ชื่อนี้คือสิ่งที่เฟตมั่นใจว่าใช่คนที่เขารู้จัก ถึงจะยังไม่ได้คุยกันว่าชื่ออะไรที่พวกเธอใช้ในเกม แต่ความรู้สึกของเขาได้บอกว่า ไปยังจุดหมายนี้ รับรองไม่ผิดหวัง

    แต่ดูเหมือนพวกเฟตจะลืมไปเลยว่า ตอนนี้เกาะเทพผู้สร้างถูกล้อมไว้อยู่ ทันทีที่พวกเขาโผล่พ้นตัวเกาะโดยใช้แม่น้ำที่ผ่ากลางเกาะ ก็มาปะกับเรือรบต่างๆ ซึ่งเป็นเรือรบที่ผู้เล่นพอจะสรรหากันมาได้ และดีที่สุดเท่าที่ทำได้

    หยุด อย่าขยับ แล้วกรุณาแสดงตัวด้วย!!!”เสียงแว่วๆ มาจากเรือที่อยู่ตรงหน้า ส่งผลให้คนเรือของเฟตยอมหยุดเรือ ก่อนจะปรึกษากันว่า ให้เอาไงต่อดี

    เขาต้องการเจรจา เราก็ต้องทำตัวเป็นคนดีของสังคมครับ

    เฟตที่อารมณ์ดีขึ้นมาเยอะหันมายิ้มตอบ แล้วเดินไปที่หัวเรือ จนแสงไฟจากเรือของศัตรูส่องถึง

    คนดีของสังคมคำนี้เกิดคำค้านขึ้นในใจของบรรดาอสูร คนอย่างเจ้านายพวกเธอเนี่ยนะ ที่จะเป็นคนดีของสังคม เวลาลุยแต่ละที ไม่ค่อยจะเหลือซากศัตรูให้เห็น

    มาจากที่ไหน แล้วมาทำอะไรบนเกาะนี้!!!”เสียงขยายนั้นยังคงดังลั่นมาเหมือนเดิม แต่เฟตที่เป็นผู้เจรจากลับไม่ได้สนใจฟังเท่าไหร่ ถามอะไรทำไมชอบไร้สาระกันจังเลย

    “……..”

    ความเงียบเกิดขึ้นจากความกวนของเฟต ทุกอย่างอยู่ในความสงบ แต่ชายหนุ่มตัวปัญหารู้ดีว่า หลังความสงบจะต้องมีพายุใหญ่ และดูเหมือนจะจริง เมื่อเรือพวกนั้นกำลังเข็นปืนใหญ่ออกมาประทับที่ตัวเรือ แล้วเล็งมาเพื่อเตรียมรับคำสั่งยิง ... รูปแบบการรบเหมือนสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ใช้ปืนใหญ่มาวางต่อกันที่กราบเรือจนมีร่วม 30 กระบอก .. หากยิงใส่ถล่มกันจริงๆ พวกเขาที่ไม่ทันเตรียมพร้อมมีหวังได้แพ้ก่อนออกไปสู่ทะเลเป็นแน่

    แหม สงสัยจะเป็นคนดีไม่ขึ้นเฟตหันมายิ้มกับกลุ่มตัวเอง แต่บรรดาอสูรได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้ อย่างเจ้านายพวกเธอเนี่ย ไม่ใช่ว่าเป็นคนดีไม่ขึ้นหรอก แค่เป็นคนดีแล้วเขาไม่รู้ว่าดีเท่านั้นเอง นิสัยเย็นชาแบบนี้นี่นา

    ยิงเสียงคำสั่งแว่วๆ มา ประมาณว่าจมเรือมันเลย ส่งผลให้อสูรของเฟตต้องออกมาแนวหน้า ก่อนจะสร้างม่านพลังขึ้นมาป้องกันตัวเรือ สงครามบนผิวน้ำนี้ จะอันตรายมากเลยหากเรือแตก

    ทำอะไรกันน่ะ

    หัวหน้าเรือหรือมาขวิสหัวหน้าคนแคระถามอย่างแปลกใจ ขณะมองดูห่ากระสุนปืนใหญ่ที่มากระทบกับม่านพลังที่พวกอนาตาเซียสร้างขึ้น

    ซักผ้ามั้งครับ

    เฟตหันมาตอบหน้าตาย เห็นๆอยู่แล้วถามทำไมฟะ

    ไม่ใช่อย่างนั้น ข้าถามถึงว่า จะป้องกันทำไม เรือลำนี้ไม่ใช่กระจอกอย่างที่เห็นหรอกนะ

    คนแคระสูงวัยกล่าวก่อนจะเดินมาที่กลางเรือ จากนั้นก็ใช้เท้ากระทืบเบาๆ พร้อมกับส่งพลังลงไปด้วย ส่งผลให้ตัวเรือเกิดการเปลี่ยนแปลง ยืดขยายออกและเปลี่ยนสภาพจากเรือไม้กลายเป็นเรือเหล็กที่มีความยาวหลายร้อยเมตร มีความกว้างกว่ามากกว่าเดิมหลายเท่าตัวนัก

    นี่คือเรือที่ข้าพัฒนาขึ้นมาจากแบบแปลนของเจ้า ส่วนระบบต่างๆ ยังต้องใช้เวลาอีกนิดหน่อยกว่าจะเข้ารูป แต่ในตอนนี้ก็ช่างมันเถอะเนอะ

    มาขวิสกล่าวก่อนจะหยักไหล่ ทั้งๆที่กราบเรือแทบจะไปเกยชายป่าอยู่แล้ว แต่นั่นยังไม่ใช่ปัญหาเท่ากับศัตรู ที่เลือกเป้าหมายยิงได้สะดวกยิ่งขึ้น

    เรือลำเบ้อเร่อ มีคนขับเรืออยู่ 20 ผู้โดยสารอีก 8 เรือจะรบไหวเหรอ

    เฟตถามอย่างข้องใจ ขณะหันไปมองกองเรือของศัตรูที่ยิงปืนใหญ่มาไม่ขาดสาย นอกจากปืนใหญ่แล้ว ยังมีเรือเร็วขนาดย่อมลงมา ที่บรรทุกระเบิดมาเต็มลำอีกด้วย มันมีแม้กระทั่งระเบิดเรือพลีชีพด้วย ... ช่างสรรหากันดีจริงๆ น่าชื่นชม

    ถึงเรือจะใหญ่ แต่ความแข็งแกร่งทนทานนั้น ระดับสูงสุดของเรือเลยนะ อีกอย่าง ระบบของเราก็แค่เดิมๆ ไม่เห็นจะพัฒนาอะไรเพิ่มขึ้นเลย นอกเสียจากอาวุธที่เจ้าได้สปอร์ยไว้นั่นแหละ ที่ข้ายังไม่รู้วิธีใช้คนแคระกล่าวก่อนจะนิ้วไปยังตัวเรือด้านหน้า ที่กำลังเปิดแผ่นเหล็กด้านใต้ ส่งอาวุธหลายๆชนิดเพิ่มขึ้นมา

    แล้วห้อง CIC อยู่ไหนล่ะเฟตหันมาถามหลังหันไปเห็นสารพัดอาวุธที่ถูกนำขึ้นมาติดตั้งแบบอัตโนมัติ แม้จะดูล้าหลังไปหน่อยที่นำมาติดตั้งกับเรือใหญ่แบบนี้ แต่ถ้าพูดถึงความพร้อมรบแล้วล่ะก็ ตอนนี้เรือลำนี้คงเป็นที่หนึ่งล่ะนะ

    ห้องควบคุมสั่งยิงอาวุธซินะ รู้สึกจะอยู่ที่ด้านในนั้น ข้าพัฒนาตั้งแต่วันที่เจ้าไป แต่ยังไม่ได้ทดสอบระบบเลย ลองไปดูก่อนก็แล้วกันมาขวิสกล่าวก่อนจะสั่งให้ลูกน้องไปเปิดระบบป้องกัน ซึ่งเป็นการส่งพลังขับของเรือให้มาเป็นม่านพลังแบบที่พวกอนาตาเซียทำ แม้เรือจะถูกพัฒนาให้กลายเป็นเหล็กแล้ว แต่ถ้าเหล็กถูกแรงระเบิดมากๆ มันอาจจะปริแตกจนขี้เกียจซ่อมงานได้

    เฟตได้ยินดังนั้นก็เดินเข้าสู่ห้องโถงกลางสูงที่อยู่ใจกลางค่อนไปข้างหลังเรือ ซึ่งทันทีที่เข้ามาข้างใน ชายหนุ่มก็ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ เมื่อทุกอย่างใช้ระบบอนาล็อค (ควบคุมด้วยมือและเทนิค) ทั้งๆที่อาวุธต่างๆที่อยู่ด้านนอก ส่วนใหญ่เป็นระบบที่ทำมาเพื่อดิจิตอล (ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์และแผงวงจร) แต่ก็เอาเถอะ ยังดีกว่าที่ต้องไปไล่จับยิงแต่ละป้อมล่ะนะ

    คิกๆ เอ๋อเลยซินะ มา! เราช่วยเองเอรีสที่โผล่มาตอนไหนไม่รู้กล่าวก่อนจะเข้าไปนั่งยังระบบส่วนกลาง แน่นอน เธอทำหน้าที่เป็น CIC มาตลอด ระบบเรือแค่นี้ทำไมเธอจะทำไม่ได้ ไอ้ตอนที่อยู่ในร่างเฟต สั่งยิงยากกว่านี้อีก

     

    ตูม!! ตูม!!! เสียงระเบิดยังคงดังแบบต่อเนื่อง พร้อมกับเรือของมาขวิสสั่นไหวไปตามแรงระเบิด แต่โชคดีจริงๆ ที่พลังงานส่วนกลางมีมากกว่าที่คิด มันเลยป้องกันแรงระเบิดได้ดี

    แล้วเจ้านายจะไปรอดไหมคะนั่นไรน่ากล่าวด้วยความเป็นกังวล เธอพอจะรู้นิสัยว่าชายคนนั้นชอบใช้อะไรที่มันควบคุมง่าย อะไรยากๆ มักจะนำพามาซึ่งความปวดหัว

    เราว่า น่าจะรอดนะเมดูซ่าหันมาตอบก่อนจะชี้นิ้วมาที่ดวงตาของตัวเอง หากเฟตเข้าแฮกดวงตาเธอเมื่อไหร่ เธอจะรู้ตัวทันทีว่าชายคนนั้นกำลังใช้มันแทนตาตัวเองอยู่ และครั้งนี้ก็เช่นกัน ดวงตาของหญิงสาวทอประกายแสงแบบอ่อนๆ ก่อนที่ระบบปืนต่างๆที่ติดอยู่รอบๆ เรือจะหันไปเล็งเป้าหมาย

    ปัง!!! ตูม!! เสียงสารพัดอาวุธรอบเรือทำงานพร้อมกับห่ากระสุนที่พ้นจากตัวเรือพุ่งเข้าไปหาศัตรู

    ปืนใหญ่หลักทำการยิงลูกปืนระดับ 100+ มม.ออกไปยังเป้าหมายที่ส่วนใหญ่เป็นเพียงเรือไม้แบบสงครามโลกครั้งที่ 1 เท่านั้น ทำให้การกระทบแตกในนัดนั้นสร้างความเสียหายแก่ศัตรูอย่างมหาศาล นอกจากกราบเรือฝั่งนั้นจะแตกออกแล้ว ยังส่งร่างของผู้เล่นให้สลายกลายเป็นแสงไปได้ในพริบตา

    ตูม!!! เสียงระเบิดเกิดขึ้นตามหลังจากเสียงขับดินระเบิดไม่นาน ความแม่นยำไม่ต้องพูดถึง สั่งยิงตรงไหนก็เข้าตรงนั้นทันที

    ว้าว ทำได้ยังไง

    มาขวิสที่รอดูผลงานการสร้างของตัวเองเอ่ยออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา ระบบปืนแต่ละอย่างใช้การควบคุมเฉพาะจุด การจะสั่งยิงพร้อมกันได้ นั่นหมายความว่า เฟตต้องมีมือกว่าพันมือเลยทีเดียว

    อยากรู้ค่อยว่ากัน ตอนนี้ช่วยส่งคนไปรีโหลดกระสุนหน่อย

    เฟตที่โผล่หัวมาร้องสั่งดังลั่น ปืนพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นระบบอนาล็อก นั่นหมายความว่า ทุกอย่างต้องบริหารด้วยมือ ไม่มีหรอกไอ้คำว่าอัตโนมัติน่ะ

    รับทราบ

    เหล่าลูกเรือคนแคระรับคำก่อนจะหายไปจากตัวเรือ ซึ่งทันทีที่อาวุธตัวไหนถูกเปลี่ยนกระสุนใหม่ ปืนใหญ่ตัวนั้นจะยิงออกไปทันทีเพื่อไม่ให้ขาดตอน

    สงครามละหว่างกองเรือรบนับสิบ กับเรือรบเพียง 1 ลำยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แม้เรือรบ 1 เดียวจะเป็นต่อเรื่องความแข็งแกร่งกับอาวุธ แต่ผลสรุปเรื่องจำนวนกับการถูกโจมตีก็ยังเป็นตัวแปรของสงครามอยู่ดี ส่งผลให้เรือรบลำนี้ต้องฝ่าฝูงชนที่หวังลายเซ็นหนีออกมาจากน่านน้ำแห่งสงคราม แล้วในระบบขับเคลื่อนต้องขอขอบคุณลีเวียธานจริงๆ ที่เปลี่ยนระบบใบพัดธรรมดาให้กลายเป็นระบบเจ็ทขับน้ำ ภายใน 2 ชั่วโมง เรือรบขนาดใหญ่ก็สามารถหลุดพ้นการไล่ล่าได้

    ผู้เล่นเฟตจมเรือของศัตรูได้หลายระดับชั้น ค่าระดับผู้บัญชาการเรือเพิ่มขึ้นค่ะ

    เสียงระบบรายงานหลังจากจบสงครามการรบที่ชวนเหนื่อย

    ผู้เล่นได้รับค่าประสบการณ์จากการจมเรือของศัตรูค่ะ

    เลเวลของผู้เล่นเลื่อนจาก 138 เป็น 145 ค่ะ

    เอลฟ์วัลคิวรี่ได้รับค่าประสบการณ์ตามผู้เป็นนายค่ะ เลเวลเลื่อนระดับ จาก 125 เป็น 139 ค่ะ

    มังกรแห่งความมืดมีร่างกาย จึงได้รับค่าประสบการณ์ตามผู้เป็นนายค่ะ เลเวลเลื่อน จาก 100 เป็น 127 ค่ะ

    จิ้งจอกทิวเมสเซียสมีร่างกาย จึงได้รับค่าประสบการณ์ตามผู้เป็นนายค่ะ เลเวลเลื่อน จาก 100 เป็น 127 ค่ะ

    เทพีแห่งปัญญาได้รับค่าประสบการณ์ตามผู้เป็นนายค่ะ แต่เนื่องจากเลเวลอยู่ที่ 150 และตันระดับชั้น (ออกจากตำแหน่ง ลดชั้นลงมาเป็นลอร์ด) อยู่ ระบบจึงไม่อาจเพิ่มเลเวลให้ได้ค่ะ

    มังกรแห่งท้องทะเลได้รับค่าประสบการณ์ตามผู้เป็นนายค่ะ เลเวลเลื่อน จาก 125 เป็น 139 ค่ะ

    ซีบิชอปได้รับค่าประสบการณ์ตามผู้เป็นนายค่ะ เลเวลเลื่อน จาก 80 เป็น 113 ค่ะ

    เมดูซ่าได้รับค่าประสบการณ์ตามผู้เป็นนายค่ะ เลเวลเลื่อนระดับจาก 100 เป็น 127ค่ะระบบมอบค่าประสบการณ์ให้แบบมหาศาลจริงๆ บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า กองกำลังของศัตรูที่สู้ด้วยเมื่อสักครู่ ต้องมีเลเวลที่สูงและมีค่าพื้นฐานกลางที่สูงถึงร้อยแน่ๆ ระบบถึงมอบค่าประสบการณ์ให้ถึงขนาดนี้ แต่นั่นช่างมันเถอะ

    เฮ้อเฟตผู้รับบทบัญชาการเรือรบครั้งแรกถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

    เฮ้อเอรีสก็ถอนหายใจบ้าง ก่อนจะเอาหลังพิงหลังของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ ทุกคนเหนื่อยกันหมดนั่นแหละ แม้แต่เธอก็ยังเหนื่อยเลย การสั่งยิงปืนใหญ่ทั้งหมด โดยใช้ระบบบริหารด้วยมือนี่มัน ลำบากชะมัด ไหนจะต้องย้ายระบบเข้ามาในโซนเดียวกัน จำระบบปืนทั้งหมดที่มี และต้องรู้ว่าอาวุธปืนตัวไหนแล้วที่ได้รับการบรรจุกระสุนใหม่ การทำงานห้อง CIC (สั่งยิงอาวุธ) นี่มันสุดยอดแห่งความเหนื่อยเลย

    ไปเถอะ ออกไปดูความสำเร็จกันเฟตที่มีคนช่วยแบ่งเบาภาระกล่าวก่อนจะลุกขึ้นแล้วดึงมือให้เอรีสตามเขามา ซึ่งตัวเขาเองก็ดึงตัวตามมาด้วย

    ชายหญิงคนเดียวกันเดินออกมาจากห้องสั่งยิงด้วยสภาพเหนื่อยเล็กน้อย แต่เมื่อพวกเขาออกมาเห็นพวกอสูรคนแคระที่นอนกันเกลื่อนกราด ก็รู้สึกดี พวกเขาเหนื่อยใจ แต่พวกนี้เหนื่อยกายเพราะต้องวิ่งเปลี่ยนกระสุนตั้งแต่โซนปืนหัวลำเรือ มาจนถึงกลางลำเรือ อันมีระยะทางกว่าร้อยเมตร และมีจำนวนไม่ต่ำกว่า ห้าสิบกระบอกปืนใหญ่

    เป็นไงล่ะ เรือข้า สุดยอดมั้ยมาขวิสที่หันมาเห็นรีบเอ่ย แหม ไม่นึกเลยว่าเรือลำนี้จะโหดขนาดนี้

    สุดยอดในจุดที่มีการป้องกันครบ แต่ยังขาดเรื่องระบบบริหารจัดการอาวุธ ต้นหน ต้นกล และต้นปืน หากยังมีไม่ครบ ก็อย่าคิดว่าเรือลำนี้จะสุดยอดเลยเอรีสกล่าวอย่างเย็นชา และตรงจุดสุดๆ แม้เธอจะรู้สึกชื่นชอบอาวุธแบบเฟต แต่ของที่ยังใช้การได้ไม่ดีจริง ไม่ควรจะนำมาใช้แบบนี้ หากนี่เป็นสงครามที่ต้องใช้ชีวิตเข้าแลก จะไม่ตายกันเหมาลำไปก่อนหรือ

    คนแคระสูงวัยทำหน้างงตอนที่ถูกหญิงสาวที่มาพร้อมกับเฟตแขวะ เขาไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร แต่เท่าที่ฟังดูก็เหมือนจะจริง เขาสร้างเรือลำนี้ขึ้นมาจากต้นแบบที่ชายคนนี้บอกเอาไว้ แต่วิทยาการที่เขามี มันมีแค่อย่างเดียว นั่นก็คือปืนใหญ่ขนาด 150 มม. ซึ่งนั่นคือปืนที่ประจำเรือลำนี้และลดหลั่นกันลงมาตามขนาด แล้วยิงระบบยิงปืนด้วยแล้ว เขาแค่พอจำได้ว่ามันควรมีสถานที่ควบคุมการยิง ตนก็เลยสร้างมั่วๆ โดยยังไม่ได้คิดว่าจะทำยังไงให้มันพร้อมรบจริงๆ

    ในด้านประสิทธิภาพเรือ ดีจริงครับ ทั้งด้านความเร็วด้านกำลังขับ หรือความพร้อมเรื่องกระสุน แต่ที่ผมเป็นกังวลคือ คนของเรามีไม่ถึงร้อย ทั้งๆที่เรือรบขนาดนี้ลำจริงๆ จะต้องมีถึงพันคน ผมเกรงว่าหากอนาคตจะใช้เรือลำนี้จริงๆ ต้องมีคนมากกว่านี้

    เฟตเองก็สอนด้วย ตอนที่สร้างแปลนต้นแบบ เขาแค่บอกว่าเรือลำนี้มีสถานที่กว้างพอจะติดอาวุธในระดับต่างๆ ดังนั้นความพร้อมของเรือจะสุดยอดมากๆ แต่ใครจะนึกว่ามาขวิสจะสร้างเรือลำนี้ขึ้นมาจริง แถมยังนำมาใช้ในสถานการณ์นี้ด้วย ถ้าเป็นเรือลำเล็กนั้น จะสามารถหนีออกมาได้เร็วกว่านี้ เพราะมันบินได้ด้วย

    แย่ซินะมาขวิสส่ายหัวกล่าวเสียงเศร้า การผลิตของเขายังมีช่องว่างเยอะเกินไป แต่สิ่งที่เขากล่าวต่อมา ก็ทำให้ 2 หนุ่มสาว ความคิดเดียวกันอุทานลั่น

    กลับเป็นเรือขนาดปกติไม่ได้แล้ว!!!!”

    ตามนั้น ข้าพัฒนาเรือให้มีศักยภาพยิ่งขึ้น ทั้งเสริม เพิ่มเติมแต่ง โดยเอาเรือลำนั้นของข้าเองมาพัฒนาน่ะ และที่น่าเศร้าอีกอย่าง เรือลำนี้ถูกลดความสามารถในการบินได้ลง ฉะนั้น ต้องใช้การล่องเรือตามทะเลแทนแล้วอ่ะหัวหน้าคนแคระที่ทำแบบไม่ปรึกษาใครกล่าวเสียงเบา แหม ก็ตอนทำมันสนุกดีนี่ แต่ใครจะคิดว่าทำแล้ว จะได้ใช้ในสงครามใหญ่เลยแบบนั้น

    .........เฟตกับเอรีสหันมามองหน้ากัน ก่อนที่หญิงสาวจะลากตัวชายหนุ่มเลี่ยงออกมา เพราะพูดว่ากันไปผลสุดท้ายก็ไม่มีอะไรดี แถมพวกเขาก็โดยสารเรือลำนี้มาตั้งแต่แรก การจะโทษก็ควรโทษตัวเอง

    อ่ะ ท่านเฟตจาเนียที่นั่งอยู่บนโต๊ะชาหัวเรือร้องทักเมื่อเห็นเจ้านายตัวเองเดินพ้นจากห้องบัญชาการตรงตัวเรือมา แม้จะมีระยะห่างถึงร้อยเมตร แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเรื่องสายตาล่ะนะ

    อ่ะพริบตาที่ได้ยินเสียงทัก เฟตก็ดึงเอรีสมาไว้ข้างตัว จากนั้นก็ใช้ทักษะท่าเท้าโผล่มาจนถึงจุดหมายปลายทาง

    อ้าว ลีเวียธานล่ะครับชายหนุ่มร้องถามทันที

    เธอไปอยู่ที่ท้ายเรือค่ะ เห็นว่าช่วยขับดันน้ำให้เรือมีความเร็วมากขึ้น

    ไรน่าตอบยิ้มๆ ก่อนจะหันมาเชิญชวนให้ 2 ผู้มาใหม่นั่ง แล้วไม่ลืมที่จะเสิร์ฟน้ำให้ดื่มแก้กระหาย

    อ่ะ เธอมานั่นแล้วไง

    ยังไม่ทันขาดคำดีเมดูซ่าก็ชี้นิ้วไปที่ตึกบัญชาการกลางเรือ ที่มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินมาด้วยสภาพอ่อนแรง และพริบตาต่อมาเธอก็ถูกเฟตอุ้มไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะพามาที่โต๊ะ เพราะทนดูสภาพนี้ไม่ได้

    โห เหงื่อออกมาเชียว สงสัยจะงานหนัก

    อนาตาเซียวิเคราะห์ ส่งผลให้ชายหนุ่มที่อุ้มอยู่ต้องรีบช่วยเหลือ ด้วยการเสริมพลังให้เธอจนเกินแสงสว่างไปทั่วบริเวณ

    อื้อเสียงร้องครางจากในลำคอ

    หายยังครับ

    ชายหนุ่มที่ถอนตัวออกมารีบถาม ในขณะที่หญิงสาวได้แต่หอบ ไอ้หมอนี่ชักชำนาญการจูบจนน่ากลัวขึ้นไปทุกที

    ฉันไม่ได้พลังหมด แถมที่เห็นเป็นน้ำนี่ เป็นเพราะตอนควบคุมน้ำฉันต้องอยู่ในร่างจริง ก็เลยลงไปแช่น้ำมา ยัยพวกนี้ก็รู้นี่

    ลีเวียธานหันขวับไปมองพวกอนาตาเซียตาขวาง ซึ่งอสูรตนอื่นๆ ก็ทำเนียนไม่รู้ไม่เห็น เพราะการแกล้งประสบผลสำเร็จแล้ว

    เหอะๆ สงสัยจะสามัคคีกันดีนะ

    เฟตหัวเราะหึหึ โดยมือไม่ได้ปล่อยไปจากตัวของอสูรเลย เขาโอบกอดเธอไว้อย่างอ่อนโยน เหมือนแม่ผู้ดูแลลูกน้อย ซึ่งความอ่อนโยนที่ลีเวียธานได้รับก็เป็นผลให้เธอค่อยๆหลับตาลง แล้วพร้อยหลับลงไปด้วยความเหนื่อย การใช้พลังไปเปลี่ยนเป็นแรงดันน้ำขับเรือที่มีน้ำหนักมหาศาลเป็นเวลา 2 ชั่วโมงติดกัน นี่มันเหนื่อยล้าอยู่เหมือนกัน ก็อย่างว่า คนจำนวนแค่นี้ไม่เพียงพอที่จะใช้เรือรบประจำบานชั้นครุยเซอร์แบบนี้หรอก

     

    หรือต้องหาลูกเรือจริงๆ หากจะต้องอยู่กับลุงมาขวิสต่อไปนั่นคือคำถามที่เกิดขึ้นในหัวของชายหนุ่ม ความคิดนี้ตรงใจกับเอรีสเช่นกัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×