ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Proxy War Online (สงครามแห่งอำนาจ)

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 8 งานประจำ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15.38K
      69
      2 ก.ย. 56

    05.03 นาที เฟตลืมตาตื่นด้วยความเคยชิน

    สมจริงสุดๆเลยแหะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเกมสมัยนี้จะทำได้เหมือนจริงขนาดนี้เฟตบ่นพึมพำแล้วขณะเดิน เข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัว ตลอดการทำภารกิจส่วนตัว เฟตนึกถึงเรื่องเกมที่ตนพึ่งออฟไลน์ไปด้วย ทั้งๆที่เหมือนความฝัน แต่ความรู้สึกกลับบอกว่าเป็นจริงอย่างแน่นอนในสิ่งที่เขาพึ่งเจอมา

    เมื่อเสร็จธุระส่วนตัวในยามเช้า เฟตก็ไม่ลืมที่ออกคำสั่งเสียง ให้ระบบรายงานภารกิจของวันนี้สำหรับเขา

    หืม 7 โมงเช้าเลยเหรอหลังจากเห็นตารางงาน เฟตก็พึมพำออกมา วันนี้มีกิจแต่เช้าจริงๆด้วย ดีนะที่ออฟไลน์ออกมาก่อน

    เมื่อเห็นว่าตนเองมีงานเช้า ชายหนุ่มก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดนอนเป็นชุดทำงานใส่สูทผูกไททันที เพื่อไม่ให้เสียเวลา

    อ้าว วันนี้คุณเฟตไปทำงานเหรอครับชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าๆหรือลอยเอ่ยถาม เมื่อเห็นเฟตเดินออกมาจากบ้านหลังใหญ่ มุ่งหน้ามาที่ประตูหน้าที่ตนกำลังกวาดใบไม้อยู่

    ครับ งานตามปกติล่ะชายหนุ่มที่ถูกถามตอบเสียงเรียบ จากนั้นก็เดินไปออกทางประตูเล็ก แล้วยืนรอรถเหมือนพนักงานกินเงินเดือนทั่วไป

    แต่ลอยที่กวาดลานหน้าบ้านอยู่ นั้น กลับมีน้ำใจจะขับรถไปส่ง โดยเอารถเบนซ์ของบ้านออกมาเตรียมจะไปส่ง แต่ติดที่เฟตกระโดดขึ้นรถ 2 แถวหายไปซะก่อน ลอยจึงทำได้แค่นั่งอึ้งอยู่หลังพวกมาลัยตาปริบๆ แม้จะรู้ว่าเฟตไม่อยากรบกวน แต่ไม่เห็นจะต้องกระโดดขั้นรถ 2 แถวไปแบบพระเอกหนังบู๊เลย

     

    เฮ้อ พี่ลอยจะเอารถออกมาส่งซะงั้นเฟตที่พึ่งแสดงบทบู๊เสี่ยงตายมาบ่นงึมงำ จากนั้นก็หาที่นั่งของรถ 2 แถวคันนี้ ซึ่งดูเหมือนว่าจะว่างทั้งคัน เพราะเป็นรถที่ออกรอบแรก ตอน 05.30 น.

    รถ 2 แถวคันนี้ใช้เวลาวิ่งเข้าวินใช้เวลากว่า 30 นาที เมื่อรถมาถึงจุดจอด เฟตก็ลงจากรถเหมือนผู้โดยสารทั่วไปหน้าตาเฉย ต่างกับคนขับรถที่อึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มให้กับเฟตอย่างอ่อนโยน

    ไปทำงานเช้าอีกแล้วเหรอครับ ถึงกับแอบขึ้นมาบนรถเลย

    ครับ รบกวนหน่อยนะเฟตเอ่ยจบก็กระโดดซ้อนวินมอเตอร์ไซตรงท่ารถแล้วพากันออกตัวไปทันที

    การกระทำของเฟตตามสายตาของคน ทั่วๆไป เหมือนกับเป็นคนที่ไม่มีมารยาท และเร่งรีบจนไม่รู้กาลเทศะ แต่สำหรับชาวบ้านที่นี่ การกระทำของเฟตช่างดูน่าชื่นชมจริงๆ

    เฟตนั่งวินมอเตอร์ไซมาจนถึงบ้านหลังหนึ่ง จากนั้นก็จ่ายเงินแล้ว เดินมาหยุดตรงทางเข้าประตูของบ้านหลังนั้น ที่เหมือนกับจะเปิดต้อนรับเขา เฟตจึงอมยิ้มแล้วเดินเข้าบ้านไปหน้าตาเฉย

    เมื่อเฟตเดินเข้ามาถึงลานจอดรถ ที่กว้างใหญ่ของบ้านหลังนี้ เขาพบกับรถเก๋งคันงามจอดอยู่ จากนั้นชายมีอายุก็เดินลงมาจากบ้านหลังใหญ่ มุ่งมาที่รถพร้อมกับกระเป๋าเอกสารสีดำ

    จะให้ผมไปส่งเหรอครับเฟตค้อมหัวกล่าวกับชายมีอายุคนนี้เสียงเรียบ ต่างกับชายวัยกลางคนที่เห็นเฟต แล้วมีอาการอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มให้เฟตแล้วเอ่ยเสียงเมตตา

    ไม่ใช่กับผมหรอก ผมจะให้คุณเฟตมาช่วยดูแลรับส่งลูกผมทั้ง 2 คน วันนี้น่ะครับ พอดีเช้านี้ผมมีกิจต้องไปประชุมที่เมืองหลวงใหญ่ชายมีอายุเอ่ยขณะเดินมาเปิดรถ แล้วโยนกระเป๋าเอกสารไปไว้ จากนั้นชายวัยกลางคนก็ยื่นซองเอกสารปิดผนึกสีน้ำตาลให้เฟต

    จ่ายเลยเหรอครับเฟตเอ่ยเสียงฉงน ปกติผู้ว่าจ้างจะจ่ายเงินหลังจากเห็นผลงานนี่นา

    สำหรับคุณ ผมไว้ใจว่าจะดูแลลูกผมได้ครับชายวัยกลางคนว่าจบก็เปิดรถขึ้นไปนั่ง แล้วออกตัวไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เฟตถือซองสีน้ำตาลด้วยสภาพงงๆ

    เอาเถอะ คงจะได้เวลาแล้วล่ะมั้งเมื่อเวลาล่วงเลยมาหลายนาที เฟตก็เอ่ยกับตัวเอง แล้วเดินขึ้นบ้านใหญ่ไปด้วยท่าทางห่อเหี่ยว

    เมื่อเฟตเข้ามาถึง เขาก็เดินตามทางเดินไปตามความเคยชิน เหมือนกับบ้านนี้เป็นบ้านของเขาเอง ชายหนุ่มเดินมาหยุดที่ห้องๆหนึ่ง ที่ด้านหน้าห้องเป็นประตูไม้ทาสีชมพูหวานแวว ชายหนุ่มเคาะเรียกสักพัก ก็รู้ได้ว่าคนข้างในยังไม่ตื่น ตนเลยถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปทันที

    คุณหนูครับ เช้าแล้วนะครับเฟตทำตัวเป็นพ่อบ้านที่ดี เดินเข้าไปเปิดม่านรูดสีชมพูกับเตรียมน้ำล้างหน้าให้กับคนบนเตียง ที่ยังไม่ลุกขึ้นมาเลย

    หืม พี่เฟตเหรอคะเสียง เด็กสาวร้องถามขณะลุกขึ้นนั่งด้วยสภาพหัวกระเซอะกระเซิง ถ้าเป็นผู้ชายมาเห็นคงหัวเราะตายพอดี แต่เฟตที่คุ้นเคยกับหญิงสาวคนนี้ดีกลับค้อมหัวลงเล็กน้อย แล้วเอ่ยเสียงอ่อนโยน

    ใช่แล้วครับคุณหนู วันนี้คุณพ่อของคุณไปทำงานแต่เช้าน่ะครับ ผมเลยรับหน้าที่รับส่งคุณเองขณะที่เฟตรายงานให้ฟัง เด็กสาวกลับล้มตัวลงไปนอนต่อ เมื่อเห็นว่าเวลาพึ่งหกโมงกว่าๆเอง

    คุณหนูครับ วันนี้วันสำคัญไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่แต่งตัวสวยๆ จะอายเพื่อนๆได้นะครับเฟตเอ่ยเสียงเนิบเหมือนเคย แต่หญิงสาวที่พึ่งนอนกลับสะดุ้งลุกขึ้นนั่งแล้วตรงดิ่งมาหาเฟต แล้วใช้บริการน้ำล้างหน้าของเฟตอย่างว่องไว

    ในขณะที่หญิงสาวเดินตรงเข้าห้องน้ำ เฟตก็เอ่ยเสียงอ่อนโยนเหมือนเดิม

    ผมเตรียมผ้าขนหนูไว้ให้แล้วนะครับ ถ้าคุณหนูพร้อมแล้ว ก็ลงมารับประทานอาหารเช้าที่โต๊ะอาหารใหญ่นะครับ เดี๋ยวผมจะไปตามคุณหนูเล็กก่อนเฟตว่าจบก็ปิดประตูตามหลัง พร้อมกับเสียงขานรับคำยาวของหญิงสาว ที่ถูกเฟตสั่งเป็นชุดๆ

    เฟตปิดประตูบานสีผมพู แล้วหันไปมองที่ประตูบานถัดไป ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

    คุณหนูเล็กครับ เช้าแล้วนะครับ วันนี้ต้องไปโรงเรียนไม่ใช่เหรอเฟตเคาะประตูถาม เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับ เฟตก็ทำเหมือนห้องเมื่อสักครู่ ซึ่งผู้ถูกปลุกก็มีปฏิกิริยาเหมือนกับหญิงสาวคนเมื่อสักครู่เปรียบ

    ผลสุดท้ายเฟตก็ต้องใช้ไม้ตายเรื่องความสวยความงามเหมือนเดิม เรื่องถึงได้ง่ายขึ้น

    กว่าเฟตจะเสร็จธุรการเตรียมตัวของลูกสาวผู้ว่าจ้าง ก็กินเวลาไปกว่า 20 นาทีแล้ว

    ชายหนุ่มเดินลงมาดูที่ห้องอาหาร แล้วก็พบว่าแม่บ้านของผู้ว่าจ้างเตรียมอาหารไว้ให้ ชายหนุ่มจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่ไม่ต้องมาทำครัวคนอื่นเขาไหม้

    2 สาวลูกของผู้ว่าจ้างเดินลงมาจากชั้นบนด้วยชุดนักเรียนหญิงกระโปรงสั้นจู๋ แต่ช่างดูเข้ากับถุงเท้ายาวสีขาวจริงๆ

    เมื่อเห็นว่าเวลากระชั้นชิด 2 เด็กสาวก็กินข้าวเช้าด้วยความรวดเร็ว แล้วตรงเข้ามาหาเฟตที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์รอ เมื่อพวกเธอทานข้าวเช้าเสร็จ

    พร้อมแล้วใช่มั้ยครับ ไม่ลืมอะไรแล้วนะเฟตถามเสียงนิ่มเหมือนเดิม 2 สาวก็พยักหน้าพร้อมเพรียงเหมือนเดิม อืม ช่างเหมือนฝาแฝดขึ้นมาหน่อย

    คุณหนู งั้นได้เวลาไปโรงเรียนแล้วนะครับเฟตเอ่ยเสียงเรียบแล้วยิ้มให้ เล็กน้อยตามแบบฉบับ แต่หญิงสาวทั้ง 2 กลับไม่สนใจรอยยิ้มนั้น พวกเธอเดินเข้ามาเกาะเฟตหนึบเหมือนตุ๊กแกติดฝาบ้าน

    เฟตที่ถูกตุ๊กแกเกาะ เอ๊ย ถูกลูกสาวของผู้ว่าจ้างเกาะ ถอนหายใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ทำอะไรที่รุนแรงไป เขาแค่อุ้มเด็กสาวอายุ 15 ทั้ง 2 คนขึ้นมาที่แขน แล้วเดินลงจากบ้านหน้าตาเฉย

    ดูเหมือนเด็กสาวทั้ง 2 จะชื่นชอบเป็นพิเศษ เมื่อพวกเธอหัวเราะกันคิกคักอย่างดีใจ

    เฟตอุ้มเด็กสาวทั้ง 2 คนมาหยุดที่รถอเนกประสง ที่เขาได้รับกุญแจจากซองเงิน จากนั้นก็พาเด็กหญิงทั้ง 2 คนขึ้นรถแล้วช่วยจัดแจงดูแลพวกเธอก่อนจะออกตัว

    หลังจากตรวจดูว่าไม่มีอะไรผิด พลาดแล้ว ชายหนุ่มก็ขึ้นนั่งที่ฝั่งคนขับ แล้วขับรถออกจากบ้านหลังนั้นด้วยความเร็วที่ปลอดภัย พอที่เขาจะควบคุมได้

     

    07.40 น. โรงเรียนเอกชนหญิงล้วนแห่งหนึ่ง

    รถอเนกประสงสีขาวคันงามจอดที่ ด้านหน้าทางเข้าโรงเรียนอย่างนิ่มนวล จากนั้นคนขับรถก็เดินมาเปิดประตูเพื่อให้เด็กสาว 2 คน ลงจากรถเหมือนกับคุณหนูจริงๆ

    ขอให้โชคดีนะครับ คุณหนูเฟตเอ่ยเสียงเรียบ ต่างกับเสียงเอะอะรอบข้าง ที่เกิดจากการมองเห็นหน้าตาที่ดูหล่อเหลาสวยงามของเฟต (?)

    พี่เฟตจะมารับพวกหนูตอนไหนเหรอหญิงสาวว่าแล้วกระโดดเกาะเฟตไม่อายสายตาใคร หรือจริงๆจะเรียกว่าต้องการเรียกสายตาอิจฉาจากคนรอบข้างก็ได้

    คงจะเป็นตอนเย็นตามเวลาปกติล่ะครับคุณหนู ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดล่ะก็เฟตว่าจบ สายตาก็เหลือบไปเห็นอาจารย์คนหนึ่งเดินตรงมาด้วยท่าทางโกรธๆ เฟตเดาไม่ยากเลยว่า ตนกำลังจะเจอความซวยในข้อหาพากผู้เยาว์แน่ๆ

    แล้วเจอกันนะครับ คุณหนูเฟตว่าจบก็อุ้มหญิงสาวที่เกาะไม่ปล่อยลง จากนั้นก็กระโดดขึ้นรถแล้วขับออกไปท่ามกลางเสียงกรี๊ดของนักเรียนหญิงล้วน และเสียงบ่นตามหลังของเหล่าอาจารย์ ที่บ่นในข้อหาทำให้นักเรียนเสียสมาธิกับหนุ่มหล่อเพียงคนเดียว

     

    ณ สนามยิงปืน อย่าเหลิง

    เฟตเดินตามทางมุ่งหน้าไปยังจุด ที่ตนคุ้นเคย เจ้าหน้าที่ของสนามเองก็คุ้นเคยกับเฟตเป็นอย่างดี ตลอดการเดินทางเฟตจึงได้รับการต้อนรับที่อบอุ่น (?)

    เฟตเดินเข้ามาได้ไม่นาน ก็มาหยุดที่ทางขึ้นชั้น 2 ซึ่งมีป้ายว่า ‘Only Staff’

    ชายหนุ่มเดินขึ้นไปอย่างไม่ลังเล ซึ่งไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนสนด้วย เพราะเป็นเรื่องปกติ

    จนกระทั่ง เฟตมาหยุดที่ห้องๆหนึ่ง ซึ่งการที่จะเข้าได้ ต้องมีการ์ดพิเศษเสียก่อน ชายหนุ่มหยิบการ์ดสีดำในเสื้อสูท จากนั้นก็รูดจนแสงสีแดงตรงกระตูเปลี่ยนเป็นสีเขียว

    เมื่อประตูเปิดขึ้น คนภายในห้องที่เดินวุ่นกันอยู่ก็หันมามองที่ผู้มาใหม่เป็นตาเดียวกัน เมื่อพวกเขาเห็นว่าเป็นใครแล้ว ก็หันกลับไปทำงานที่เร่งรีบของตนต่อ โดยไม่สนชายหนุ่มที่หันซ้ายหันขวาอย่างแปลกใจ ที่เช้านี้ดูวุ่นวายเป็นปกติ

    อ้าว นายมาทำอะไรเนี่ยอยู่ๆก็มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นที่ด้านหลัง เฟตจึงขยับตัวห่างเพราะนึกว่าตนยืนขวางทาง

    อ้าว ครูเองเหรอครับเฟตอุทาน เมื่อเห็นหน้าชายคนที่ทักเขา ซึ่งชายมีอายุในชุดสูทดำแว่นตาดำขยับเน๊กไท ตัวเองเป็นเชิงตอบรับคำทัก แต่ก็ยังทำหน้าเคร่งครึมอยู่เหมือนเดิม

    เช้านี้เรามีปัญหานิดหน่อยน่ะผู้ที่ได้ชื่อว่า ครู ของเฟตเอ่ยแล้วเดินนำเฟตไปยังโต๊ะของตัวเอง ที่มีป้ายข้างหน้าว่า ครูผู้ฝึกสอน

    นี่นายมาเพราะรู้ปัญหาหรือเปล่าหลังจากนิ่งคิดสักพัก ครู ของเฟตก็หันมาถามชายหนุ่มหน้าตาย

    รู้สิแปลกคนที่อยู่รอบๆด้านตอบแทนคำถามของเฟตได้ ซึ่งแน่นอนครูฝึกเองก็ตอบได้แบบนี้เช่นกัน

    เอาเถอะ ไม่ต้องตอบ มาเข้าเรื่องเลยดีกว่าครูของเฟตเอ่ยออกมาก่อนที่เฟตจะตอบแบบที่ทุกคนคิด

    ตอนนี้ทางบอสใหญ่เรากำลังมีปัญหากับทางการเล็กน้อยน่ะ กำลังต้องการความช่วยเหลือด้วยเมื่อได้ยินว่าเป็นบอส เฟตก็ขยับกายเล็กน้อย แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของครูอย่างรวดเร็ว

    บอสเป็นอะไรครับเฟตถามอย่างร้อนรน ซึ่งแน่นอน คนรอบๆข้างอมยิ้มแบบมีเลศนัยกันทั้งสิ้น เมื่อเห็นเหยื่อติดกับ

    อยากรู้ใช่มั้ยล่ะ นายลองเข้าไปดูที่ห้องบอสสิว่าจบก็ชี้มือไปยังทางเดิน ที่สุดทางเดินมีประตูไม้ขนาดใหญ่ปิดอยู่

    เมื่อได้ยินคำอนุญาตเช่นนั้น เฟตก็ไม่รอช้ารีบก้าวฉับๆเข้าไปที่ห้องบอสใหญ่ทันที

    บอส เกิดอะไรขึ้ครับเฟตร้องถามทันที เมื่อเปิดประตูเข้ามาได้ ต่างกับคนข้างในห้องที่สะดุ้งตกใจที่สิทธิส่วนบุคคลถูกล่วงละเมิด

    อ่ะ เฟตนี่บุคคล ที่อยู่ในห้องอุทานอย่างแปลกใจ จากนั้นก็กดปุ่มสีเขียวที่อยู่ตรงโต๊ะทำงานตรง ทำให้สัญญาณจากสีเขียว เปลี่ยนเป็นสีแดง พร้อมกับประตูห้องที่ถูกปิดลงอย่างช้าๆ

    อ่ะเฟต เหมือนจะรู้ตัวว่าพึ่งเสียท่า แต่เมื่อหันไปจะเปิดประตู ก็พบว่าระบบได้ล็อกมันแล้ว ทำให้ชายหนุ่มไม่อาจจะออกจากห้องนี้ได้ถ้าเจ้าของห้องไม่อนุญาต

    และแล้ว นายก็ยอมเข้ามาหาพี่สินะบุคคลที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่เอ่ยออกมาเสียงเย็น

    เอ่อบอส ...... เอ่อ พี่ครับ ไม่เห็นจะต้องทำถึงขนาดนี้เลยเมื่อพูดว่าบอสแล้วคนตรงหน้าแสดงท่าทีโกรธ เฟตก็เปลี่ยนสรรพนามตามที่เขาต้องการ

    ถ้าไม่ทำแบบนี้ คนที่เข้ามาที่ทำงาน แต่ไม่ยอมเข้าหาหัวหน้าใหญ่อย่างนาย จะยอมมาพบฉันมั้ยล่ะไม่พูดเปล่า พี่ที่เฟตเรียก ก็เดินตรงเข้ามาโอบแขนคล้องคอเฟต จนหน้าของชายหนุ่มเข้ามาซุกอยู่ที่หน้าอกของ เธอ

    เอ่อพี่ คงไม่เหมาะมั้งครับ ในห้องนี้มี คนอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอเฟตกล่าวย้ำคำว่า คน แต่มือกลับไม่ดันหญิงสาวทรงโตตรงหน้าออก ต่างกับหญิงสาวที่กอดเฟตแบบไม่ยอมปล่อย

    ช่างมันสิ ก็เพราะมันนั่นล่ะ ที่ทำให้พี่ต้องมาลำบากตอนเช้านี่หญิงสาวกล่าวเสียงเย็นชา ต่างกับบุคคลอีกผู้หนึ่ง ที่แค่นเสียงกลับมาเช่นกัน

    ไม่ใช่ความผิดฉันซะหน่อย ความผิดไอ้พวกตำรวจงี่เง่านั้นต่างหากบุคคลอีกผู้หนึ่งที่อยู่ในห้อง เปลี่ยนจากนอนอยู่ที่โซฟาเป็นลุกขึ้นนั่ง

    แต่สิ่งที่ทำให้เฟตสะดุ้งได้ที่สุดก็คือ เธอไม่ได้ใส่เสื้อนอก

    นี่ เธอจะใส่เสื้อให้ปกติได้มั้ยเนี่ยหญิงสาวที่กอดเฟตแห้วเสียงแหลม เพราะกลัวว่าเฟตจะปันใจให้เพื่อนตนเอง

    ผิดด้วยหรือไง หรือกลัวแฟนหนุ่มจะหลงหุ่นฉันว่าแล้วหญิงสาวคนนั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วทำท่าเหมือนจะเดินมา แต่ร่างกายเธอกลับไม่ยอมเชื่อฟัง ทิ้งตัวล้มลงไปนอนที่โซฟาเหมือนเดิม

    เชอะ สมน้ำหน้า เมาไม่สร่างแล้วดันมากร่างอีกหญิงสาวที่กอดเฟตไว้แน่นยังคงแห้วใส่เหมือนเดิม ต่างกับเฟตที่ต้องลอบหอบ หลังจากจมูกถูกมาสเมโล่อุดจนเกือบหายใจไม่ออก

    เหอะ แต่ก็ยอมรับแล้วใช่หรือเปล่า ว่าอดีตผู้พันอย่างเธอมีแฟนเป็นเด็กหนุ่มหน้าอ่อนแบบนั้นหญิงสาวคนเดิมยังคงร้องเถียงกลับมาอย่างไม่ยอมแพ้

    ใช่แล้วทำไม เป็นแฟนกันสิดี จะได้....ว่าจบก็หันมายิ้มหวานให้กับเฟต แต่คนที่ถูกยิ้มให้ตอนนี้ หน้ากลับเขียวเพราะไม่มีอากาศหายใจ

    ว้ายยย น้องฉันหญิงสาวที่กอดเฟตรีบคลายอ้อมกอด แล้วอุ้ม (?) เฟตไปนอนที่โซฟาคู่กับเพื่อนตนเอง ที่หัวเราะให้กับหน้าอกมหากาฬ ที่เกือบจะฆ่าเฟตตาย

    แล้วมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับเฟตที่ได้อากาศเข้าเต็มปอดรีบถาม

    ก็ อย่างที่พูดแบบเปรยๆนั่นล่ะ เพื่อนของพี่คนนี้ ไปมีปัญหากับตำรวจน่ะพี่ของเฟตเอ่ยขณะชี้ไปที่หญิงสาวอีกคนที่นอนอยู่

    ปัญหาอะไรครับ ถ้าผมเดาไม่ผิด น่าจะเป็นเพราะอาการเมานี่หรือเปล่าเฟตคาด เพราะคนที่มีปัญหากับตำรวจ ก็น่าจะมีเหตุผลนี้ล่ะเข้าเค้าที่สุด

    อืม ถูกต้องตามนั้น แหม มีไหวพริบเหมือนกันนะเนี่ย นึกว่าจะ ซื่อบื่อกว่านี้เสียอีกคำที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคำชม ดังมาจากคนที่มีปัญหากับตำรวจ

    ขอบคุณที่ชมน้องฉัน แต่ช่วยพูดให้มันเหมือนคำชมหน่อยได้มั้ยเนี่ยพี่สาวของเฟตแห้วอีกครั้ง แล้วกลับไปนั่งที่โต๊ะตัวใหญ่ ที่บนนั้นมีป้ายบอกตำแหน่งตัวใหญ่สลักไว้อยู่ ผู้บัญชาการเจ้าหน้าที่พิเศษ เยียน

    เอาล่ะ ที่นี้มาเข้าเรื่องจริงๆจังๆเถอะ เวลาของเธอมีไม่มากแล้วนี่”‘พี่เยียนของเฟตกล่าวกับเพื่อนสาวเสียงเรียบเป็นการเป็นงาน เพื่อนของพี่เยียนเองก็ลุกขึ้นนั่งแล้วทำหน้าจริงจัง

    จากนั้นการประชุมที่เคร่งเครียดก็เริ่มขึ้น ส่วนคนที่เผลอติดมาในห้องประชุมด้วย กลับไม่สนใจ หัวข้อ ของการประชุมสักนิด เขาหันไปมองซ้ายทีขวาที จากนั้นก็หันมาจับจ้องที่หญิงสาวหลังโต๊ะทำงาน

    หญิงสาวผมดำสนิทกุมมือทั้ง 2 ด้วยท่าทางเคร่งเครียด แม้คิ้วจะขมวดมุ่น แต่ใบหน้าของเธอยังคงสวยเหมือนเดิม ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะอายุถึง 21 แล้ว แต่ถ้าพูดกันจริงๆ อายุจริงของเธอกับหน้าตาที่อ่อนเยาว์ไปด้วยกันไม่ได้เลย

    เหมือนจะรู้ว่าเฟตมองอยู่ พี่เยียนของเฟตก็หันมายิ้มหวานให้เหมือนเดิม แล้วก็หันไปคุยตาม หัวข้อเหมือนเดิม

    เอาเป็นว่า น้องชายฉันตกลงเฟตที่ไม่ได้ฟัง หัวข้อ ประชุม ได้ยินเช่นนั้นก็หันขวับไปมองที่เยียนอย่างมึนงง เขาไปตกลงตอนไหนกัน

    อืม เมื่อกี๊น้องเธอก็พยักหน้ารับแล้วสินะ อย่างนั้นก็ได้ ถ้าน้องเธอตกลง ฉันก็ไม่มีปัญหาแล้วล่ะเพื่อนของเยียนเองก็ตอบรับเช่นกัน

    ตกลงอะไรฟะคนที่ไม่ได้ฟัง ย่อมไม่รู้หัวข้อของการประชุม เฟตเลยนิ่งอึ้งกับรอยยิ้มมีเลศนัยของ พี่ที่จริงๆแล้วเป็นผู้บัญชาการโดยตรงของเขา กับเพื่อนของเธอ ที่ดูหุ่นแล้ว ชวนหื่นจริงๆ

     

    เอ่อ แล้วจะให้ผมไปไหนเหรอครับเฟตที่นั่งอยู่หลังพวกมาลัยถามอย่างงงๆ หลังจาก พวกเธอ ตกลงโดยมีเขาเป็น เหยื่อแล้ว เหล่าพี่ๆร่วมงานก็กรูกันเข้ามาลากเฟตแล้วจับมานั่งหลังพวกมาลัยนี้ทันที

    ก็ไปส่งเพื่อนพี่ตามที่ตกลงไงเยียนที่ใส่สูทสีดำชุดด้านในสีแดงเอ่ยยิ้มๆ

    เอ่อ ผม….”เฟตกำลังจะถามว่าตนไปตกลงตอนไหน แต่ก็ไม่ทันแล้ว เมื่อผู้ที่ร่วมเป็นผู้ว่าจ้างในข้อตกลงขึ้นมานั่งที่หลังเก๋งเป็นที่เรียบร้อย

    มีเวลาแค่ 3 ชั่วโมงนะ ไปให้ถึงค่ายล่ะขึ้นรถมาได้ก็รีบบอกเป้าหมายทันที ต่างกับเฟตที่ยังนั่งเอ๋ออยู่เหมือนเดิม

    เอ่อ บอสครับ ผมขอค้านครับครูของเฟตเอ่ยกับเยียนเสียงเรียบ แต่นั่นทำให้เฟตหันไปส่งสายตาอ้อนวอนกับครูตัวเอง ที่เขาคาดว่าน่าจะช่วยเหลือเขาได้

    ถ้าจะไม่ดีนะครับ ถ้าไม่ให้เขารู้เป้าหมายเลยสิ้นเสียงถาม เฟตกลับรู้สึกเหมือนถูกมัดมือชกเหมือนเดิม

    นั่นสินะ สรุปเลยละกันเยียนเอ่ยยิ้มๆ แล้วเดินมาเกาะที่หน้าต่างฝั่งคนขับของเฟต จากนั้นก็โน้มตัวจนริมฝีปากเกือบจะประชิดกับแก้มของเฟต

    ไปส่งเธอให้ทันก่อนกำหนด 3 ชั่วโมง จากนั้นก็คุ้มกันไม่ให้เธอถูกตำรวจจับเสียก่อน รายละเอียดต่างๆจะรู้ทีหลังอีกทีว่าจบเยียนก็เป่าหูเฟตเบาๆ แต่นั่นก็เรียกสายตาอิจฉาจากเพื่อนร่วมงานได้แล้ว เพราะเยียนถือเป็นเทพธิดาสำหรับหน่วยงานนี้เลยทีเดียว ตลอดมาเธอมักทำตัวเหมือนบอสใหญ่จริงๆ จนกระทั่งมาเจอเฟต ตั้งแต่นั้นมา เธอก็ทำตัวเหมือนพี่สาว หวงน้องกับเฟตตลอด

    เฟตได้ยินดังนั้นก็อึ้งเล็กน้อย ที่ตนถูกมัดมือชก แต่ความหวังของเขาก็ยังไม่สิ้น เมื่อรองผู้บัญชาการชายหนุ่มอีกคนขึ้นมานั่งที่ข้างๆตน

    เอาแผนที่ไปเสียงนี้แม้จะฟังดูเหมือนโกรธเคือง ที่ตนไม่ได้งานนี้ไป แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความสมน้ำหน้าแบบแปลกๆ

    เมื่อเห็นว่าตนถูกรวมหัวแกล้ง เฟตก็เลยยอมรับที่จะทำงานนี้ แต่เมื่อเห็นแผนที่เป้าหมายที่อยู่ห่างไกลจากที่นี่ไปหลายร้อยโล เฟตก็ถึงกับอุทานออกมา

    ไกลขนาดนั้น จะทัน 3 ชั่วโมงเหรอเมื่ออุทานเสร็จ เฟตก็มองที่รถเจ้าของพวกมาลัยที่เขาจับอยู่

    แต่จะให้ผมเอารถคันนี้ไปจะดีเหรอครับ นี่มันรถของพี่ ไม่ใช่เหรอเฟตที่เห็นป้ายชื่อเจ้าหน้าที่ของเยียนร้องถาม

    ทำไม นายไม่อยากใช้ของร่วมกับฉันหรือไง ต่อให้นายขอใส่เสื้อชั้นในฉัน ฉันยังยอมเลยนะเยียนพูดแบบงอนๆ เธอยังคงมุ่งที่จะแกล้งเฟตต่อไป

    เปล่าครับ ผมแค่กลัวว่างานจะไม่สำเร็จ เป้าหมายอยู่ไกลร่วม 300 กิโล จะใช้เวลาแค่ 3 ชั่วโมงมันไม่ทันหรอกครับ ถ้าจะให้ขับแบบ ธรรมดาๆน่ะเฟตที่ถูกงอนเอ่ยเสียงเรียบใบหน้าจริงจัง ทำให้ทุกๆคนที่ร่ายล้อมอยู่ต้องทำใบหน้าจริงจังตามไปด้วย

    งั้น จะใช้ ไอ้นั่นจริงๆเหรอเยียนถามเสียงหวาดหวั่น เหมือนกลัว ไอ้นั่นมาก

    ครับ ผมคิดว่า ถ้าผมใช้ มันน่าจะเวิร์กที่สุดเฟตตอบอย่างมั่นใจ

    แต่ว่า มันผิดกฎหมายนะเยียนพยายามประนีประนอม

    แต่ผู้ว่าจ้างสำคัญที่สุดครับ เธอมีเวลาแค่นั้น ผมก็ควรจะเผื่อเวลาให้เธอด้วย ถึงจะสมควรกับเป็นผู้คุ้มกันเฟตยังคงตอบแบบหนักแน่น เหมือนเดิม ทำให้เยียนถอนหายใจเล็กน้อย แล้วยื่นการ์ดประจำตัวให้กับเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ที่หน้าซีดเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ

    ไม่ถึง 5 นาที รถสปอร์ทซีดานที่มีการตกแต่งเล็กน้อยสีดำก็วิ่งเข้ามาเทียบจอดข้างๆกับรถสปอร์ทสุดหรูคูเป้ของเยียน

    นี่เหรอ ที่คุยกันว่าเป็น ไอ้นี่ไอ้เราก็นึกว่าจะเป็นรถที่ดูน่าจะแรงกว่านี้ซะอีกเพื่อนของเยียนกล่าวเยียดๆ เธอแค่มองดูก็รู้แล้วว่า รถของเยียนกับรถที่พึ่งมา รถที่พึ่งมาประสิทธิภาพต่ำกว่ารถของเยียนมากๆ

    อืม ถ้าเธอว่าอย่างนั้น ก็ขอให้เธอโชคดีนะเยียนหันมากล่าวกับเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงและแววตาที่เป็นห่วงเป็นใยเพื่อนอย่างสุดซึ้ง

    อ่ะ อ้อ อืมเพื่อนของเยียนรับคำอย่างงงๆ แต่เหล่าผู้ร่วมงานของเฟตกลับยืนสวดวิญญาณล่วงหน้าไปแล้ว

     

    20 นาทีต่อมา ที่ถนนใหญ่หลักเข้าเมืองหลวงใหญ่

    ฉันเข้าใจแล้ว ว่าทำไมทุกคนถึงกลัวไอ้นี่กันจังเพื่อนของเยียน ที่มีสมญานามในกองทัพว่า วีเอ่ยเสียงเรียบต่างกับแขนและขาที่เกาะแน่นอยู่กับเซฟตี้เบลว์

    ทำไมเหรอครับ ก็ใช้ได้เลยนี่นาเฟตที่พึ่งเปลี่ยนเกียร์รถหันมาถามหน้าตาเฉย แต่วีหน้าซีดเผือดหนักกว่าเดิม ที่เห็นเฟตเปลี่ยนเกียร์ แถมยังกล้าหันมามองหน้าตนเองอีก

    ใช้ได้ก็จริง แต่นี่มันใช้ได้เกินไปแล้ว รถคันนี้วิ่งได้ยังไงเนี่ย มองรถที่ถูกแซงไม่ทันเลยวีแห้วเสียงแหลมอย่างหวาดๆ เฟตจึงหันมามองอย่างงงๆ ไหนบอกว่ารีบไง พอจะช่วยให้ถึงที่หมายเร็วๆกลับมาว่ากันซะงั้น

     

    09.00 น.

    เอ่อ คุณวี จะให้ผมขับแค่นี้จริงๆเหรอครับผมหันไปถามผู้ว่าจ้างคนงามหุ่นสะบึ้ม ที่พึ่งกระโดดเข้ามานั่งคู่กับผมที่เบาะหน้า

    อืม แค่ 120 ก็พอแล้ว ขับได้ยังไงตั้ง 200 ฉันเองก็กลัวตายเหมือนกันนะวีตอบผมเสียงเขียวแบบโกรธๆ เธอกับบอสผม ช่างเหมือนกันตรงคำพูดนี่ล่ะ

    เมื่อผมเห็นว่าไม่มีอะไรต้องถามแล้ว ก็ขับต่อไปเรื่อยๆด้วยความเงียบ ต่างกับผู้ว่าจ้างของผม ที่ทำหน้าเหมือนคนจะคายของเก่า

    เมารถหรือเมาเหล้าครับแม้ปากจะถามแบบนั้น แต่ผมเดาว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า เพราะก่อนที่จะถูกหิ้วออกมาจากห้องบอสมาถึงที่รถ ผมเห็นเธอยังยกขวดเหล้าขึ้นดื่มปิดท้ายอยู่เลย

    ช่างฉันเถอะน่า ว่าแต่ มีอะไรกินแก้เมามะดูเหมือนเธอจะไม่อยากตอบ ผมเลยเอื้อมมือไปเปิดที่เก๊ะรถ จากนั้นก็เอายาที่ผมใส่ไว้ประจำออกมาให้ จากนั้นก็บอกข้อดี (?) ของยานี้

    ผมคิดว่า ยาแก้เมารถน่าจะใช้ได้นะครับ มันน่าจะดีถ้าคุณหลับไปเลย

    หือ จะลอบทำมิดีมิร้ายฉันหรือไงคุณวีครับ คุณมองผมเป็นคนยังไงเนี่ย

    ถึงเธอจะล้อผมแบบนั้น แต่เธอก็กินยาผมเข้าไปอย่างไม่ลังเลเลย อืม สงสัยเธอจะรู้สึกแย่มากจริงๆ

    ส่งฉันให้ถึงค่ายด้วยล่ะว่าจบ คุณวีก็ปีนกลับไปนอนที่ห้องโดยสารด้านหลังผม แล้วดูเหมือนว่าเธอจะติดนิสัยขี้ร้อนจริงๆ เมื่อเธอนอนได้สักพักก็ถอดเสื้อนอกจนเหลือแต่เสื้อในสีดำเหมือนเดิม

    เอาเถอะ ขอแค่ไม่ชอบเอาอาวุธประจำตัวคู่นั้นมาแกล้งผมแบบบอส ผมก็พอใจแล้ว

    เมื่อคิดได้เช่นนั้นผมก็ขับรถต่อไปเรื่อยๆ ทิ้งให้ผู้ว่าจ้างนอนหลับสบายอยู่ที่ด้านหลัง

    จนกระทั่ง ผมคิดว่าความซวยคงจะมาเยือนแล้วล่ะ

    ก็เพราะตรงที่ด้านหน้ามีด่านตรวจของตำรวจน่ะสิ

    สวัสดีครับ ขอดูใบขับขี่หน่อยครับเป็นคำถามยอดฮิตของตำรวจทั่วเมืองของเราจริงๆ

    เมื่อรถผมเข้าคิวจนมาถึงตำรวจท่านหนึ่ง เขาก็ร้องขอดูใบขับขี่ผมทันที แต่ก็ช่างเถอะ เขาทำตามหน้าที่นี่นา

    เอ่อ นั่นแฟนน้องหรือเปล่ารู้สึกเหมือนคุณตำรวจจะสังเกตเห็นผู้ว่าจ้างของผม เขาร้องถามแล้วชี้นิ้วไปที่คุณวี ซึ่งนอนเปลือยเสื้อเหลือแต่ชุดชั้นใน

    ก็ไม่เชิงครับผมจะกล้าตอบตามความเป็นจริงได้ยังไงกัน ว่าผมเป็นผู้คุ้มกันชั่วคราวของเธอ แล้วอีกอย่างงานของเราก็ไม่มีเอี่ยวกับตำรวจเสียด้วยสิ

    ในขณะที่คุณตำรวจท่านนี้กำลังขมวดคิ้วกับคำตอบของผม ตำรวจอีกหลายๆท่านก็ล้อมเข้ามาที่รถคันนี้แล้ว

    จากนั้นก็ลอบๆมองๆมาทางคุณวี ดูเหมือนหุ่นเธอจะเป็นที่ต้องตาต้องใจจริงๆแหะ แต่ไม่ใช่สิ

    ผมขออนุญาตนะครับ ผมคิดว่าพวกคุณไม่ควรจะมาใช้สายตาหื่นๆแบบนั้น มามองคนของผมนี่ คือหนึ่งในหน้าที่ของผู้คุ้มกัน ผมจึงพูดไปแบบไม่เกรงใจหน้าตาที่บิดเบี้ยวของพวกคุณตำรวจทั้งหลาย ที่ดูเหมือนกับคำพูดของผมจะไปเตะเข้าที่หน้าอย่างแรง

    และแล้ว ก็มีคุณตำรวจท่านหนึ่ง เดินก้าวฉับๆเข้ามา เหมือนกับจะเอาเรื่องกับ คำพูดที่ฟังดูไม่มีความเกรงใจใครของผม

    แต่แล้ว เรื่องที่แท้จริงก็เกิดขึ้น เมื่อมีตำรวจท่านหนึ่งได้รับรายงานอะไรสักอย่าง แล้วส่งสัญญาณมาทางรถของผม

    ว.4 ให้ดำเนินการ ว.20 รถคันนี้เสียงวิทยุของตำรวจดังจากคุณตำรวจที่อยู่ข้างๆ ผมที่นั่งอยู่ถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย เพราะนี่คือคำสั่งจับกุมผมชัดๆ

    ผมขอถามอย่างนะครับ ว่าคุณจะทำอะไรผมเอ่ยทั้งๆที่รู้ภาษาวอ แต่ก็นั่นล่ะ ถ้าทำตัวเป็นผู้รู้ คนอื่นๆย่อมไม่ชอบหน้าเรา

    ตำรวจที่ถูกถามตอนแรกก็ทำหน้างงๆกับเสียงคำสั่งที่ดังจากวิทยุ แต่เขาก็ตอบไม่ได้เช่นกัน เพราะไม่รู้เหตุผลของคำสั่งนี้

    (ว.4 หมายถึง การปฏิบัติหน้าที่ ว.20 หมายถึงการเข้าจับกุม)

    ยังไงก็เถอะ ผมคงต้องขอให้คุณลงมาจากรถด้วยครับเจ้าหน้าที่ตำรวจพูดจบก็ถอยห่างออกไปเล็กน้อย เหมือนจะให้ผมเปิดประตูลงมาแต่โดยดี

    แต่คนที่รู้ว่า ผู้ว่าจ้างของผมไปมีปัญหากับตำรวจอย่างผม มีหรือจะยอมง่ายๆ ผมปิดกระจกด้วยระบบไฟฟ้าสั่งการ จากนั้นก็ใส่เกียร์แล้วดึงเบรกมือลง ส่วนเท้าก็ทำงานแมตร์กับมือ คือเหยียบคันเร่งซะมิดแล้วออกตัวไปทันที

    จากนั้นผมก็เหยียบคันเร่งและ เปลี่ยนเกียร์ไปจนกระทั่งความเร็วของรถคงไว้ที่ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นี่คือความเร็วล่าสุดที่ผมใช้ตอนออกมา แล้วก็แน่นอน คุณวีเขาค้านไม่เห็นด้วยกับความเร็วขนาดนี้ แต่ช่างเถอะ ตอนนี้การคุ้มกันไม่ให้ผู้ว่าจ้างถูกจับไปสำคัญที่สุด

    แต่ดูเหมือนว่า ความเร็วขนาดนี้ยังไม่ใช่ปัญหาของรถฉลามขาวที่ตามจี้ผมมาติดๆนะ อืม.... เอายังไงดีนะ

    สวัสดีครับ บอส..... เอ่อพี่......... พอดีผมจะขอใช้ความเร็วมากกว่านี้ครับ..........คุณวีเขากินยาจนเพลียแล้วนอน ไปแล้วครับ ผมเลยขออนุญาตจากเธอไม่ได้ ต้องมาถามพี่แทน.........ขอบคุณมากครับพี่ ผมจะขับให้ดีที่สุดเลย ผมสัญญาเมื่อหาทางรอดได้แล้ว ผมก็ไม่รอช้า ขึ้นเกียร์ 4 แล้วเหยียบเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีกทันที

     

    ไม่รู้ว่าเวลาผ่านมาได้เท่าไหร่ หรือฉันเรามาได้นานแค่ไหน แต่รู้สึกตัวอีกที ก็เกิดรู้สึกม้วนท้องเสียแล้ว ฉันเลยต้องลุกขึ้นมานั่งด้วยสภาพอ่อนเพลีย

    นี่ กี่โมงแล้วอ่ะฉันร้องถามคนขับรถหน้าหวานของฉัน ที่กำลังจดจ่อกับรถตำรวจข้างหน้า

    ตำรวจ!!! เมื่อฉันเห็นว่าเป็นรถตำรวจฉลามขาวก็หันไปมองซ้ายขวาด้วยความตกใจ

    คุณวีพึ่งหลับไปได้แค่ 30 นาทีเองครับคนขับรถคุ้มกันชั่วคราวของฉัน อุตส่าห์หันมาตอบด้วยรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มของเขากลับให้ความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก มันเหมือนกับเป็นอะไรสักอย่าง ที่ไม่ใช่รอยยิ้ม

    เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ทำไมรถตำรวจถึงนำอยู่อย่างนั้นล่ะฉันรีบแห้วถาม เมื่อเห็นว่า เขา คนนี้พึ่งแซงรถตำรวจหน้าตาเฉย รู้จะพูดให้ถูกก็คือ รถตำรวจเมื่อสักครู่ตั้งด่านสกัดอยู่ ส่วนรถคันนี้ก็พึ่งฝ่าด่านมา

    พอดี คุณตำรวจ เขาน่าจะจำคุณวีได้น่ะครับตอนที่อยู่ด่านตรวจ ถ้าผมจำไม่ผิด บอสผมสั่งไว้ว่าไม่ให้คุณถูกจับ ผมเลยต้องหนีอยู่อย่างนี้ว่าจบมือซ้ายของชายหนุ่ม ก็ขึ้นเกียร์ ถ้าฉันดูไม่ผิดเหมือนกับว่าจะเปลี่ยนจากเกียร์ 5 เป็นเกียร์ 6 แล้ว แถมความเร็วที่หน้าปัดจะขึ้นมาที่ 200 Km/H (กิโลเมตรต่อชั่วโมง) กว่าๆแล้ว

    ไม่ใช่สิ ความเร็วน่าจะมากกว่านั้นอีก เพราะฉันรู้สึกได้เลยว่า แม้แต่รถตำรวจขาวที่ว่ามีความเร็วมากที่สุดในถนนหลวง ยังไม่อาจตามความเร็วแค่ 200 นี้ทันเลย

    เอ่อ ขอถามอย่างได้มั้ยหลังจากสังเกตสักพัก ฉันก็ร้องถามคนขับรถหน้าหวานของฉันเสียงหวาดๆ

    ครับ ได้ทุกอย่างในหัวข้อที่ผมตอบได้แหม ยังมีกั๊กข้อมูลอีก

    ความเร็วนั้นมันอะไรน่ะฉันชี้ไปที่เกรย์วัดความเร็ว ที่ดูเหมือนจะสุดแค่ 260 Km ซึ่งตอนนี้ตัววัดมันกำลังไต่มาที่เลข 210 แล้ว

    ก็ ตัววัดความเร็วไงครับ เพียงแต่ผมปรับแต่งมันนิดหน่อย อืม ไม่สิ พูดว่าผมคงฟังดูโอ้อวดเกินไป ต้องบอกว่าเป็นผู้สนับสนุนผมดีกว่าชายหนุ่มนักซิ่งตอบด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม

    เดี๋ยวนะ ปรับแต่ง มันคืออะไรฉันรู้สึกเอ๊ะใจกับคำว่าปรับเปลี่ยนมากๆ จึงถามต่อ

    ก็คือ พวกเขาเปลี่ยนจากสุดความเร็วที่ 260 กิโลเมตร เป็น 260 ไมล์ไงครับนักขับของฉันหันมาตอบหน้าตายเหมือนเดิม

    อืม นี่ฉันพึ่งสังเกตนะเนี่ย ว่าหน้าตาเขาค่อนข้างนิ่ง ต่อให้เจอกับเหตุการณ์อะไร หน้าตาก็จะเป็นแบบนี้ตลอด ตอนเจอเรื่องตกใจ คิ้วก็แค่ขมวด หรือตอนที่เจอฉันเปลือยเสื้อนอก ถ้าเป็นคนทั่วไปคงจะจ้องหน้าอกฉันไม่วางตา แต่หมอนี่กลับมองด้วยสายตาเฉยๆ แถมยังเมินอีก อืม.....เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่หน้าอกที่ฉันภูมิใจถูกเมิน

    ไม่ใช่สิ.... ความเร็วสุดที่ 260 ไมล์  มันคือ 420 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนี่ เมื่อคิดได้เช่นนั้นฉันก็ไม่แปลกใจเลย ที่ด้านหลังจะเห็นเพียงแต่เส้นสายของสิ่งที่ถูกแซงไป

    แต่เสียดายนะครับ ต่อให้ความเร็วสุดของกล่องจะถูกจัดไว้ที่ 260 ไมล์ แต่รถของผม ก็ทำได้ 245 เท่านั้นเองหนุ่มหน้าตายตอบเสียงเหมือนเสียดายที่ความเร็วมันหายไป แต่ทำไมฉันถึงยังรู้สึกไม่พอใจกับคำว่าแค่ของเขาเลยนะ อืม.... ก็เพราะความเร็วมันมากกว่ารถทั่วๆไปหลายเท่าเลยน่ะสิ แถมอีกอย่าง คนที่เอาความเร็วของรถขนาดนี้อยู่ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆนะ

    รถนายทำได้ยังไงจริงๆฉันจะถามว่านายทำได้ยังไง แต่เอาเถอะ ถามเลี่ยงๆน่าจะดีกว่า

    รถคันนี้ถูกประกอบร่วมจากหลายบริษัทรถน่ะครับ เครื่องเป็นแบบ 8 สูบแถวคู่ แต่บอดี้นอกกลับเป็นของค่ายรถฝั่งเอเชีย อ้อ ช่วงล่างเบรกและยางเอง ก็ถูกสั่งทำพิเศษเหมือนกันครับ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ผิดพลาดในกรณีที่เกิดอะไรขึ้นเมื่อเขาตอบจบ ก็เบรกจนเกือบจะมิดเท้า เพราะที่ด้านหน้ามีด่านวางแผงตะปูยาวกั้นไว้ การเบรกเมื่อสักครู่การันตีสิ่งที่ชายหนุ่มคนนี้พูดได้จริงๆ ขนาดขับมาด้วยความขนาดนั้นแท้ๆ แต่เมื่อเบรกแล้ว รถกลับไม่สะบัดเลยสักนิด

    แล้วนอกจากนี้ โครงสร้างบอดี้ที่ประกอบเข้ามาของรถคันนี้ก็ถูกประกอบขึ้นจากเหล็กกันกระสุน ที่ทำพิเศษจากทางเจ้าหน้าของประเทศพันธมิตร ด้วยมาตรฐานเดียวกับเครื่องบินรบ มันจึงทนกระสุนปืนได้ทุกชนิดเขายังคงอธิบาย ประกอบคู่จากทางด้านนอกที่พยายามยิงปืนสกัด

    นี่พวกตำรวจนึกว่ารถคันนี้ขนส่งผู้ร้ายข้ามชาติหรือไง! ฉันทำผิดแค่เมาแล้วขับเองนะยะ!!!

    ดูเหมือนหน้าตาที่ซีดเผือดของฉัน จะไม่กระทบเซลแมนเลย เมื่อชายหนุ่มเอ่ยปากอีกครั้ง พร้อมกับออกรถพุ่งเข้าชนที่ท้ายรถตำรวจ จนเปิดทางหนีได้อีกครั้ง

    ส่วนกำลังของรถคันนี้ ก็พอที่จะเอาเจ้ารถที่มีน้ำหนักกว่า 2 ตันคันนี้ให้วิ่งได้เป็นธรรมชาติจนไม่มีใครรู้ครับ ว่ามันเป็นรถที่แปลงจนผิดกฎหมายว่าจบเขาก็ขึ้นเกียร์ 2,3,4,5,6 ช่างเป็นการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วจริงๆ ........อ่ะ ไม่ใช่แล้ว ช่างเป็นรถที่มีกำลังม้าสูงจริงๆ การที่รถซึ่งถูกประกอบขึ้นมาจากเหล็กแทนไฟเบอร์ จะออกตัวได้เร็วและคงความเร็วได้สูงขนาดนี้ มันจะต้องมีม้าหลายตัวมากแน่เลยตรงเครื่องยนต์ที่อยู่ใต้กระโปรงนั่น

    ดูเหมือนเขาจะมีการ ติดต่อเข้ามา เมื่อเห็นเขาก้มรับโทรศัพท์ แล้วดึงหูฟังไร้สายมาเสียบหูหน้าตาเฉย ทั้งๆที่รอบๆด้านไม่ปกติอย่างนี้เนี่ยนะ ช่างเป็นคนที่ไร้ความตื่นเต้นทุกสถานการณ์จริงๆ

    ครับ.....แล้วคุณชิออ นล่ะครับ........ผมออกข่าวหน้าหนึ่งเลยเหรอครับ ว้าว ดังใหญ่เลยแหะ.......ขอโทษครับ ผมแค่แปลกใจที่ออกข่าวหน้าหนึ่งแถมยังถ่ายทอดสดเท่านั้นเอง.............. หืม นี่ผมหนีใช้เวลาไปเกือบ 40 นาทีแล้วเหรอเนี่ย ไม่ได้แล้วแหะ ต้องรีบแล้ว..........อ้อใช่ครับ ผมรับงานส่งคนให้บอสน่ะครับ มีเวลาแค่ 3 ชั่วโมง ตอนนี้เหลือแค่ 2 ชั่วโมงเองครับ...........เส้นทางเหลือประมาณ 50 กิโล ได้ครับ พอดีต้องเปลี่ยนเกียร์ขึ้นๆลงๆจากการถูกสกัดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เสียเวลามากเลย..........ครับ แค่นี้ครับเมื่อตอบจบ ชายหนุ่มก็ยังมีหน้าหันมายิ้มให้ฉันอีก นี่เธอไม่เห็นหน้าตาที่ซีดเผือดกับความเร็วและการทำเวลาแข่งแลนลี่ของเธอเลย หรือไงนะ

    ไม่ต้องห่วงนะครับ ทันก่อนเวลาแน่นอนน่าน ไม่สนใจฉันจริงๆด้วย

    เอาเถอะ ต่อจากนี้ฉันคงต้องนั่งเกร็งไปอีกสักพักสินะ ไม่สิ..... พ่อแก้วแม่แก้ว พวกท่านจะรับเอาหนูไปจริงๆเหรอคะ ....ฮือๆ ครั้งหน้าหนูจะไม่ขึ้นกับคนๆนี้อีกเลย หนูสาบานได้ขอโปรดให้โอกาสหนูอีกทีด้วยนะคะ

    ดูเหมือนคำขอของฉันจะไม่เข้าหูท่านพ่อท่านแม่ที่เสียไปเลยแหะ เพราะฉันรู้สึกวิ้งๆที่หู จากนั้นก็หลับไปด้วยอาการเพลียๆจากยานั่น

     

    10 นาที ต่อมา ที่ค่ายทหารกองพันที่ 1

    ถึงแล้วครับคุณวีผมเอ่ยขณะขยับตัวหญิงสาวที่นอนสลบตรงเบาะหลัง

    หือ ถึงสวรรค์แล้วเหรอนี่คุณ ผมมาส่งคุณที่ค่ายทหารตามที่บอสผมสั่งนะ ผมจะไปส่งคุณได้ยังไงที่สวรรค์ แล้วมันมีทางให้ผมขึ้นไปหรือเปล่าล่ะ

    ถึงแล้วครับ โชคดีจริงๆ ที่พวกตำรวจไม่กล้าก้าวก่ายกับพวกทหารผมตอบตามจริง หลังจากผมแจ้งความจำนงกับเจ้าหน้าที่ทหารเฝ้าทางเข้าค่ายทหารหลักนี้ พวกเขาก็ปิดด่านจนพวกตำรวจเข้ามาไม่ได้ แม้แต่เฮริคอบเตอร์ ที่พึ่งจะมาถึงจากทั้ง 3 เขต ยังห้ามบินเหนือน่านฟ้าของกองทัพทหารเลย

    หะ นี่ฉันถึงแล้วจริงๆเหรอว่าจบ คุณเธอก็ก้มลงกราบที่พื้นดิน อืม.... ผมรู้สึกเหมือนกับจะคุ้นๆ ว่าคนที่ขึ้นรถของผมคันนี้ จะทำแบบนี้ทุกรายเมื่อมาถึงเป้าหมายจริงๆ

    เอ่อ ว่าแต่ ผมหมดธุระหรือยังครับผมไม่สนหน้าตาที่ดีใจเมื่อเห็นพื้นดินเหลือเกินของคุณวี ผมยังมีงานตอนเย็นที่ต้องไปรับส่งลูกของนักธุรกิจท่านนั้นอยู่อีก เพราะงั้นผมเลยดึงดันที่จะเอารถของผมคันนี้มาไงล่ะ

    เดี๋ยวก่อน นายตามฉันมาก่อนดูเหมือนตอนแรกเธอเกือบจะไล่ผมไปแล้ว แต่สักพักเหมือนเธอจะจำเป้าหมายได้ จึงเบรกผมไว้ก่อน แล้วดึงมือลากผมตามเข้าไปในทางเข้ากองพันทันที โดยไม่สนใจสายตาของทหารนับร้อยนาย ซึ่งยืนมองผมกับเธอแบบงงๆ แล้วยิ่งงงหนักไปอีก เมื่อเห็นว่าข้างนอกค่ายต่างเต็มไปด้วยตำรวจนับร้อย แถมรถของผมก็มีแต่รอยขีดข่วนจากกระสุนและการกระแทกเต็มไปหมด

    คุณเธอพาผมเดินมาจนถึงห้องๆหนึ่ง ถ้าผมดูไม่ผิด เหมือนจะเป็นห้องทำงานของ ร้อยเอก วี อะไรสักอย่างนี่ล่ะ

    ผมเข้ามาที่ห้องนี้ตามแรงฉุดของหญิงสาวผู้ว่าจ้าง จากนั้นเธอก็ทำในสิ่งที่ผมต้องเบือนหน้าหนี

    ผมรู้ว่าคุณขี้ร้อน แต่ไม่เห็นจะต้องแก้ผ้าจนเหลือแต่กางเกงในเลยนี่ถูกแล้ว เธอแก้เสื้อผ้าทั้งตัวจนเหลือแต่กางเกงในจริงๆ ....นี่ถ้าหน้าเธอไม่แดงด้วยความอายเหมือนกัน ผมจะถือว่าเธอกับผมสัญญาการว่าจ้างโมฆะ ในข้อหาจะทำอนาจารแล้วนะเนี่ย

    ฉันไม่ได้อยากทำหรอก แต่เมื่อเห็นนายรีบ ฉันก็ต้องรีบเหมือนกันเธอพูดจบก็เดินด้วยหน้า แดงแบบอายๆไปที่ตู้ที่อยู่ตรงสุดห้อง จากนั้นก็หยิบชุดทหารออกมาแล้วรีบใส่ด้วยความเร็วแสง แหะๆ ไม่ใช่สิ รีบใส่ด้วยความอาย

    อืม หุ่นคุณเธอ สู้กับบอสได้เลยนะเนี่ย เฮ้ย ไม่ใช่

    จริงๆจะเปลี่ยนชุดแล้วให้ผมรอข้างนอกก็ได้นะครับแน่นอน เป็นคำถามตามมารยาท แต่ดูเหมือนคุณเธอจะไม่สนใจคำถามที่ฟังดูไร้สาระ ก็จริงล่ะนะ เธอเล่นเกือบจะเปลือยให้ผมดูแล้วนี่

    เอาล่ะ ฉันมีงานต่อไปให้นายเมื่อคุณเธอสวมหมวกเบลเล่สีแดงเสร็จ ก็หันมาพูดกับผมด้วยท่าทางที่ต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง ว้าว.. อยากให้คุณเธอถือโซ่แส้กุญแจมือจริงๆ คงจะเข้ากับชุดทหารที่รัดแน่นได้พอดี

    ขอแค่อยู่ในจุดที่ผมปฏิบัติได้ เชิญสั่งมาได้ครับผมค้อมหัวกล่าวกับผู้ว่า จ้าง ดูเหมือนเธอจะลดอาการเกร็งๆจากการที่ผมเห็นเธอกึ่งโป๊ได้แล้วล่ะมั้ง เพราะผมไม่ได้ล้ออะไรเธอ หรือส่งสายตาหื่นๆไปให้นี่

    พาฉันไปที่ กระทรวงกลาโหม ฉันมีเรื่องที่จะต้องทำว่าจบคุณเธอก็เดินไปดูที่ด้านนอกหน้าต่าง ดูเหมือนว่าพวกตำรวจจะถอยกันไปแล้ว

    ห๊า!!”ผม อุทานลั่น เพราะนั่นเป็นสถานที่อันดับต้นๆที่ผมไม่อยากไปเหยียบเหมือนห้องบอสจริงๆ ให้ตายเถอะโรบิน นี่พวกเขารวมหัวกันหลอกผมหรือเปล่าเนี่ย

    ได้ครับแต่ คำสั่งของผู้ว่าจ้างต้องมาก่อน ผมจึงค้อมหัวกล่าวแบบไม่มีเงื่อนไข ทั้งๆที่ใจจริงๆแล้วอยากจะกระโดดออกจากหน้าต่างบานนั้น แล้ววิ่งหนีไปแบบไม่รับรู้อะไรเลยก็ตาม

     

    11.00 น. ที่หน้าทางเข้ากระทรวงกลาโหม

    เอ่อ ไม่เห็นจะต้องควงแขนเลยก็ได้นี่ครับผมร้องถามหญิงสาวผมดำที่ใส่หมวกเบลเล่แดง นี่คุณเธอกะจะมาควงเขาชอบปิ้งที่หน่วยงานราชการหรือไงนะ

    อืมยังเป็นคำตอบที่ไม่ให้ความรู้อะไรเลยเหมือนเดิม ผมจึงจำใจต้องเดินตามแรงควงของเธอ

    จนกระทั่งเธอพาผมไปหยุดที่ทางเข้าห้องประชุมแห่งหนึ่ง ที่ผมรู้สึกได้ว่า มีแรงกดดันอะไรบางอย่างจากข้างในนั้น

    แต่ก่อนที่จะเข้าไปได้ เจ้าหน้าที่ที่ยืนคุมอยู่ก็เดินเข้ามาหา แล้วยื่นมือมาขออาวุธปืนที่ผมพกอยู่ที่ในเสื้อสูทราคาถูกเลหลัง แน่นอน พวกเขารู้ว่าผู้คุมกันแบบผมต้องมีปืนแน่นอน ผมจึงยื่นไปให้แบบไม่แปลกใจ

    จนกระทั่ง

    นี่นาย พกอะไรไว้ในตัวนักหนาคุณวีหันมาถามตาโต เมื่อผมยังคงเอาปืนกระบอกที่ 7-8 ออกมายื่นให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งทำหน้าเอ๋อๆเหมือนกับจะงงกับที่ซ้อนปืนอันมากมายมหาศาลจากเสื้อตัวนี้ เลย

    แหม เห็นราคาถูกแบบนี้ แต่เขาทำให้ผมดีนะผมตอบไปงั้นๆแหละ เพราะไม่อยากบอกว่านี่เป็นเสื้อที่ได้จากคุณพ่อของชิออน ที่เป็นผู้มีพระคุณที่สุดของผม

    หรือจะตอบตรงๆว่าผมก็ไม่รู้เหมือนกันก็ได้ แต่นั่นมันน่าขายหน้าเกินไปล่ะมั้ง

    เอาเถอะ หมดแล้วใช่มั้ยคุณวีถามเมื่อเห็นผมยื่นแมกกาซีนอันที่ 20ให้กับเจ้าหน้าที่

    ยังครับแน่ นอน ห้องที่มีผู้ประชุมคนสำคัญๆอยู่เยอะ ผมไม่ควรจะพกอาวุธเข้าไป ไม่อย่างนั้นจะถูกตั้งข้อหาจะกระทำการที่ไม่ควร ผมเลยปลดมีดที่อยู่ในกางเกงออกมาด้วย

    แต่ดูเหมือนคุณเจ้าหน้าที่ ที่รับฝากอาวุธจะดูโล่งใจมากๆ เมื่อผมเอามีดออกมาจากที่ซ่อนแค่ 2 เล่มเอง

    แหมถ้าพกมากกว่านี้เดี๋ยวมันก็บาดขาผมเจ็บกันพอดี

    เอาล่ะ ตามมาคุณวีเอ่ยเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ปล่อยตัวแล้ว จากนั้นเธอก็พาผมเข้าไปในห้องประชุมที่รู้ว่าบรรยากาศจะเคร่งเครียดกันเหลือเกิน

    ทันทีที่ผมเข้ามา ห้องทั้งห้องที่เงียบจนบรรยากาศอึมครึ้มอยู่แล้ว ก็ดูเหมือนจะเป็นมากกว่าเดิม เหมือนกับรอคอยการมาของผมอย่างใจจดใจจ่อ

    นี่นายทำอย่างนี้หมายความว่าไงดูเหมือนจะมีคนไม่ชอบหน้าผมมาก ทันทีที่ประตูห้องประชุมปิดลงก็มีชายคนหนึ่งลุกขึ้นตวาดแบบที่ภาษาทหารเขา ใช้กัน พร้อมกับมีภาพไฮโรแกรม 3 มิติ ปรากฏขึ้นที่กลางห้องโถงประชุม

    ว้าว นี่รถผมแซงได้แม้แต่เครื่องบินเลยเหรอเมื่อเห็นภาพแบบ 3 มิติแสดงถึงภาพที่รถผมวิ่งแซงเครื่องบิน ไม่ใช่ซิ เฮริคอบเตอร์ ผมก็อุทานออกมาอย่างดีใจ ต่างกับคนที่พึ่งถามผม ที่ดูเหมือนจะโกรธผมมากจนรู้สึกถึงความร้อนที่หัว

    อุ๊บ ฮ่าฮ่าฮ่าเสียงหัวเราะที่คุ้นเคยดังขึ้นที่มุมนึงของห้อง ถ้าผมจำเสียงนี้ไม่ผิด เสียงนี่คือ

    เป็นไง น้องฉันแน่นอน เขาคือบอสของผม หรือพี่เยียนขี้แกล้งนั่นเอง

    สุดยอดจริงๆ ไม่กลัวกับบรรยากาศที่เหล่าทหารยศสูงทั้งหลายทำขึ้นเสียด้วยเจ้าของเสียงคือชายหนุ่มรูปหล่อที่นั่งอยู่ตรงจุดที่สูงที่สุด งั้นเขาก็คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสินะ

    แต่แบบนี้จะไปรอดเหรอ น้องรักว่าจบ ท่านรัฐมนตรีที่ผมเข้าใจก็หันไปพูดกับบอสของผมเสียงอ่อนเสียงหวาน โดยไม่สนเจ้าหน้าที่คนอื่นๆในห้องที่ยังทำหน้าเครียดจนเห็นความคมเข้มของใบ หน้าแล้ว อืมหรือตอนนี้เป็นที่นิยมของห้องนี้นะ

    แม้เขาจะดูเหมือนซื่อบื่อ แต่ฉันยอมรับเรื่องใจการทำงานของเขา เขาไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังเลย แถมยังเคยช่วยฉันตอนที่ฉันตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายด้วย จำไม่ได้หรือไง ......... ว่าแต่ น้องฉันไปทำหน้าตาคมเข้มแบบนั้นแข่งกับใครน่ะว่าจบบอสก็หันมามองผมที่กำลังทำหน้าเข้มจนเห็นสัดส่วนที่คมเข้มของหน้าตา

    เมื่อถูกถามแบบนั้น แสดงว่าผมทำไม่ถูกสินะ งั้นเลิกทำก็ได้

    อืม เมื่อเธอว่าอย่างนั้น ผมก็ไม่มีอะไรคันค้าน ซึ่งทุกคนในห้องก็คงไม่คัดค้านในความสามารถต่างๆและไหวพริบสินะว่าจบท่านรัฐมนตรีก็เดิน ลงมาหาผม ท่ามกลางเสียงที่เงียบจนได้ยินแม้แต่เสียงหอบแบบหื่นกระหายของเจ้าหน้าที่ใน ห้องบางคน ที่ดูเหมือนจะหื่นให้กับชุดสูทรัดรูปของบอสผม

    จริงๆผมก็รู้สึกว่ามันชวนหื่น จริงๆ แต่ชีวิตที่ต้องทำงานกับหุ่นชวนหื่นของบอสมานานกว่า 3 ปีแล้วของผม ย่อมไม่มีอาการอะไรอยู่แล้ว หรือจริงๆจะตายด้านแล้วก็ไม่รู้ เพราะผมไม่มีอาการหื่นกับผู้หญิงคนใดอีกเลย

    ยินดีด้วย นายสอบผ่านภาคปฏิบัติ ฉันขอรับนายเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษติดยศร้อยเอกให้กับกองทัพของเรารัฐมนตรีหนุ่มว่าจบเมื่อเดินมาถึงข้างหน้าผม พร้อมกับยื่นมือมาให้ผมจับ นี่เห็นว่าผมเป็นหมาแล้วจะมาขอมือหรือไง

     เฮ้ยๆ ไม่ใช่สิ การเลื่อนยศแบบนี้บ้านไหนเขามีกันบ้างฟะ เอาเถอะ ถ้าถามแบบนั้นไปจะดูเป็นการเสียมารยาทมากเกินไป ผมจึงเอื้อมมือไปจับมือเขาตอบจากนั้นก็พูดในสิ่งที่ตอบสนองน้ำใจพวกเขา

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×