ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Proxy War Online (สงครามแห่งอำนาจ)

    ลำดับตอนที่ #64 : ตอนที่ 64 กองเรือปะทะ กองบิน ศึก A10 vs. Battle Ship

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.96K
      26
      16 ก.ย. 56

     

     

    ท่านแม่ทัพ เสาหลักกองเรือส่วนใหญ่เกิดการเสียหาย ต้องการความซ่อมแซมโดยด่วนทหารที่กองเรือรีบวิ่งมารายงานหญิงสาวผมขาวอย่างตื่นตระหนก

    งั้นก็ซ่อมเสียซิเธอตอบแบบไร้ความกังวล ส่วนสายตาจับจ้องมองไปที่ชายฝั่ง ซึ่งมองตรงไปยังอาธีน่า เทพสาวที่มองมาเช่นกัน

    เราซ่อมไม่ได้หรอกครับ มันโดนอะไรไม่รู้โค่นลงชายคนเดิมกล่าว ทำให้หญิงสาวหันขวับมามอง กองเรือของพวกเธอสามารถซ่อมแซมได้ด้วยความเร็วสูง จนได้ชื่อว่ากองเรือปีศาจ แต่นี่อะไร ดันมาบอกว่าเสาหลักเรือถูกโค่น แต่ไม่มีปัญญาซ่อมอย่างนั้นเหรอ

    ในขณะที่คิดอย่างตื่นตกใจ หญิงสาวก็สังเกตเห็นแสง 2 สายวิ่งตรงจากท้องฟ้า มุ่งสู่เสาค้ำเรือ จนเมื่อกระโดงเรือหักแสงสีส้มนั้นก็ยังลามไปทั้งลำ ทำให้เรือเกิดการเสียหาย แต่ยังดีไม่มีคนตาย ไม่ซิ เหมือนกับแสงนั้นละเว้นชีวิตทหารเธอไว้ต่างหาก

    นั่นมัน หรือว่าหญิงสาวมองไปบนฟ้า ตามเส้นสายนั้นไป เมื่อเธอเห็นว่ามันเกิดจากอะไรก็ถึงกับทำหน้าเหวอเป็นครั้งแรก แม้แต่นายทหารที่อยู่ด้วยกันมานานยังตกใจกับสีหน้านั้น

    มีอะไรหรือเปล่าครับ ท่านแม่ทัพชายหนุ่มที่ติดตามมานานรีบถาม ทำให้หญิงสาวผมขาวเก็บอาการได้ จึงก้มหน้าลงมามองผืนน้ำด้วยความคิดหนัก แต่สายตาเธอกลับจับจ้องไปทางอาธีน่าอย่างไม่รู้ตัว

    ความคิดของยัยนี่ซินะไม่ต้องสืบว่าใครสามารทำได้ถึงขนาดนี้ หญิงสาวผมขาวระเบิดพลังออกมาจนผืนน้ำที่อยู่ห่างออกไป แตกกระจายออกเพราะแรงกดดันของพลัง แม้แต่ลูกน้องที่อยู่ด้วยกันมานานยังตกใจเลย

    ส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่อยู่ท่าเรือกลับมา เราจะเปิดการเจรจาถอยทัพหลังจากใช้สติมากกว่าอารมณ์ หญิงสาวผมขาวก็สั่งคำสั่งที่ไม่มีใครคาดคิด แต่นั่นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วสำหรับพวกเธอ การกระทำที่เฟตทำและที่อาธีน่าหวัง ก็คือการนี้นั่นแหละ ขอเจรจาสงบศึก เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียกำลังพลทั้ง 2 ฝ่าย ถึงแม้จริงๆแล้วฝ่ายเมืองเริ่มต้นจะเสียเปรียบมากกว่าหลายเท่า แต่เมื่อนำมารวมกับสถานการณ์ที่เฟตสร้าง ส่งผลให้ความคิดนั้นตกเป็นฝ่ายของอาธีน่าไปโดยปริยาย

     

    ว้าว เรือสวยจังแหะเฟตที่เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับเชิญให้ขึ้นมาประชุมผู้ร่วมลงสัญญาสงบศึกกล่าวอย่างดีใจ

    เอ่อนายทหารที่เดินตามเป็นขบวนจะกล่าวให้เฟตเข้าไปร่วมประชุมกับคนอื่นให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่ดูเหมือนเฟตจะไม่สนใจประชุมสักเท่าไหร่ เขามาเพื่อสำรวจเรือลำนี้โดยเฉพาะเท่านั้น

    เมื่อแขกเป็นเช่นนั้น เหล่าทหารก็พูดอะไรไม่ออก เพราะแม่ทัพใหญ่สั่งการว่าให้ดูแลชายผู้นี้อย่างใกล้ชิดที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้านหลังของเฟตจึงมีทหารระดับสูงเดินตามเป็นขบวน

    ทางด้านชายหนุ่มเมื่อเห็นว่ามีคนตามเยอะก็รอให้คนมาเป็นไกด์ แต่เมื่อไม่มี เขาก็จัดการเรียกอสูรทั้ง 2 ของตนเองออกมา จากนั้นก็เดินวนรอบเรืออย่างสนอกสนใจ

    เป็นแบบนี้เองซินะเฟตพึมพำขณะมองปากลำกล้องปืนขนาดใหญ่ประจำเรือ ซึ่งด้านหน้ามี 2 ชุด 6 ลำกล้อง ด้านหลังมีอีก 1 ชุด 3 ลำกล้อง โดยยังไม่รวมปืนกลและปืนใหญ่ไซน์อื่นๆ ที่ประจำตามจุดต่างๆนะ

    หืม สวยใช้ได้เลย ทำไมนายไม่ทำออกมามั่งล่ะอนาตาเซียหันมาถาม ทำให้เฟตต้องแหงะมามองเธอเล็กน้อย เมื่อหันไปข้างหลังเห็นคนคอยฟังกันหูกางก็เดินเข้าไปประชิดแล้วกระซิบอย่างอ่อนนุ่มทุ่มลึกสุดเหวี่ยง

    ผมขับเรือไม่เป็นแค่นั้นแหละ สาวผมดำก็หัวเราะลั่น ส่วนไรน่าที่มองอยู่ถึงกับทำหน้าฉงนไม่เข้าใจ

    แล้วเขาไปที่ไหนกันแล้วล่ะครับเฟตหันมาถามผู้ติดตาม (?) ที่ตอนนี้กำลังทำหน้าเครียดเพราะกลัวเฟตจะสร้างเรือแบบนี้ขึ้นมาได้จริงๆ พวกเขาใช้เรือนี้สู้ศึกมาหลายร้อยสนามแล้ว จึงรู้ว่าความน่ากลัวของมันเป็นยังไง

    ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ ผมสร้างเรือพวกนี้ไม่เป็นหรอก เรือที่มีเกราะด้านข้างหนาขนาดนี้ ผมทำไม่ได้แน่ๆเฟตเสริมอย่างรู้ความคิดของคนพวกนี้ ซึ่งจริงๆแล้วมองไม่ยากอะไรเลยว่าคนพวกนี้เป็นกังวลเรื่องของเขาขนาดไหน ถ้าไม่กังวลจริงไม่ส่งคนมาคุ้มกันมากขนาดนี้หรอก

    งั้น เชิญที่ห้องประชุมใหญ่ครับชายที่เฟตคาดว่าน่าจะเป็นผู้พันกล่าวแล้วผายมือเชิญ ส่วนเฟตก็จ้องเครื่องแบบคนพวกนี้เล็กน้อย เท่าที่ดู เครื่องแบบเหล่านี้เป็นเครื่องแบบที่เคยมีใช้มานานแล้วในยุคของเขา ซึ่งปัจจุบันนี้ถูกส่งเข้าศูนย์พิพิธภัณฑ์เพื่อโชว์ความเก่าแก่แล้วเสียเป็นส่วนใหญ่

    ผมขอถามเล่นๆได้มั้ยครับ ว่าใครเป็นคนออกแบบเครื่องแบบให้เฟตถามขณะเดินตามหลังคนชายที่เป็นถึงผู้พันกองเรือ

    ท่านจักรพรรดิ ของพวกเราน่ะซิชายที่ถูกถามหันมาตอบอย่างภูมิใจมาก

    แล้วจักรพรรดิที่พวกคุณเทิดทูนนี่ เป็นทหารมาก่อนหรือเปล่าครับเฟตเริ่มแผนล้วงข้อมูล ซึ่งฝ่ายตรงข้ามก็ตอบมาได้บ้างไม่ได้บ้าง ตามลักษณะข้อมูลที่เฟตถาม

    สรุปง่ายๆก็คือ เขามีความรู้ด้านวัตถุสงครามและวิชัยยุทธ์เยอะซินะ อืมเฟตพึมพำ ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเริ่มคิดแล้วว่าเป็นพวกเขาหรือเปล่าที่โอ้อวดเจ้านายจนมากเกินพอดี

    ห้องนี่แหละชายที่เป็นไกด์พาเฟตมาถึงประตูเหล็กบานหนึ่ง จากนั้นก็เปิดให้อย่างรวดเร็ว พอเฟตมองเข้าไปก็พบกับกลุ่มคนที่เป็นตัวแทนจากเมืองเริ่มต้น ซึ่งหนึ่งนั้นก็มีอาธีน่า และ 2 กิลด์ปกครองเมือง หัวหน้ากิลด์จัสติซกับดรากอนนั่นเอง

    ผู้นำของพวกคุณไม่มีมารยาทเลยนะคะ ที่มาสายแบบนี้หญิงสาวผมขาวตาสีแดงที่นั่งอยู่หัวโต๊ะกล่าวเสียงเย็นชาสายตาจับจ้องไปที่เทพสาว

    ผมไม่ใช่ผู้นำนี่ครับ ไม่ต้องนับรวมก็ได้เฟตตอบขณะหาที่นั่ง แต่ไม่ว่าหาเท่าไหร่ก็ไม่มีที่ดีกว่านั้นนอกจากหัวโต๊ะซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามกับหญิงสาวผมขาวคนนี้

    ฉันมีนามว่าโยรุ เป็นแม่ทัพกองเรือนี้หญิงสาวประกาศตัวให้ทราบอีกครั้ง คนอื่นๆพยักหน้ากันเฉยๆ แต่เฟตกลับจับจ้องเธอด้วยความสนใจ

    คุณไม่ใช่มนุษย์งั้นเหรอ อยู่เผ่าไหนล่ะเป็นคำถามที่เสียมารยาทมาก แต่ก็สมกับเป็นเฟตที่สุดแล้ว

    หุบปาก!!”หญิงสาวนามโยรุตวาดแบบไม่พอใจ แค่นั้นเฟตก็จับจุดได้แล้วว่าน่าจะแทงใจดำเป็นแน่นอน จึงหุบปากอย่างว่าง่าย โดยเขาไม่รู้เลยว่าภายในห้องตอนนี้บรรยากาศถือว่าตึงเครียดมาก เนื่องจากโยรุปล่อยพลังออกมา ถ้าไม่มีเฟตที่มีพลังในรูปแบบคล้ายๆกัน และปล่อยออกมาแบบชิลๆ มีหวังคนในห้องได้ช็อกตายเป็นแน่

    โยรุเหมือนจะไม่พอใจมากที่เฟตมีพลังสายมารเหมือนกัน แต่เธอก็รู้ดีว่าการแสดงอารมณ์ออกมาแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่สมควรกระทำ จึงกระแอมไอเล็กน้อยพร้อมกับพลังที่ค่อยๆลดหายลง จนเหลือแต่พลังของเฟตที่ยังไม่ยอมลด กลับกัน มันกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเหมือนถ่านที่ได้ไฟแล้วไม่มีวันมอดดับ

    เจ้านาย พอได้แล้วมั้งคะจาเนียหันมากล่าว เมื่อเห็นว่าผู้ร่วมประชุมคนอื่นๆตาค้างไปกันหมดแล้ว

    อ่อ โทษทีๆเฟตกล่าวแล้วพยายามสูดลมหายใจเพื่อควบคุมพลัง หลังจากควบคุมพลังได้แล้ว คนในห้องก็หันมามองเฟตด้วยความหวาดกลัวมากกว่าที่จะกลัวโยรุที่เป็นแม่ทัพใหญ่เสียอีก

    ต้องขอโทษแทนขุนพลพิเศษของฝ่ายเราด้วยนะคะ เขามีพลังเยอะเกินกว่าที่จะควบคุมได้หมดน่ะอาธีน่ากล่าวแบบมอบเครดิตให้เฟตเต็มที่ ผลที่ได้ก็สมใจจริงๆ เมื่อฝั่งตรงข้ามหน้าซีดเผือดกันหมด ยกเว้นแต่โยรุ ซึ่งใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกใดๆ แต่ประกายตากลับเด่นชัดจนเฟตเห็นว่ามันแดงขึ้นมากกว่าปกติ

    แล้ว .....เฟตอยากจะถามว่าถึงไหนกันบ้างแล้ว แต่คนในห้องกลับเงียบไม่ยอมตอบอะไรสักคำ ทำให้เขาต้องมองไปยังโยรุที่ยังคงจ้องมองมาด้วยดวงตาสีแดงฉานไม่ต่างกัน โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่า เมื่อพลังถูกระตุ้น ดวงตาแห่งมารของเขาเองก็ออกมาเช่นกัน ทำให้หญิงสาวฝ่ายตรงข้ามจ้องเขาด้วยความสนอกสนใจ

    ท่านแม่ทัพ ที่ด้านหลังกองเรือเรา มีทัพเรือของชาวใต้มาครับประตูห้องประชุมถูกเปิดออกมาพร้อมกับข่าวใหญ่ ที่ทำให้คนทั้งห้องตกอยู่ในอาการตะลึง

    ฝ่ายตรงข้ามมีจำนวนเท่าไหร่ แล้วส่วนใหญ่เป็นเรืออะไรโยรุหันไปถาม แต่ด้วยดวงตาที่ส่งแสงเป็นประกาย ทำให้ลูกน้องเลี่ยงที่จะสบตาด้วย

    ส่วนใหญ่เป็นเรือศึกแบบยุโรปครับหลังได้ยินว่าเรือศึก หญิงสาวผู้ที่เป็นกองบัญชาการเรือใหญ่ลุกขึ้นยืนแล้วสั่งการอย่างรวดเร็วทันที

    สั่งการให้เตรียมรับมือให้พร้อม พวกมันกลับมาแก้มือแล้วหลังบอกเสร็จ ทหารคนนั้นก็วิ่งหายไป ทิ้งให้คนอื่นๆในห้องทำหน้าเหลอ นี่น่านน้ำของเมืองเริ่มต้นเหมาะแก่การทำสงครามขนาดนั้นเลยเหรอ

    ซึ่งแท้จริงแล้ว เป็นเพราะกองเรือในครั้งนี้ไม่มีเซยะมาด้วยต่างหาก ทำให้ผู้เล่นทั่วไปกล้าหือ ถ้าจมกองเรือพวกนี้ได้ยิงดีเข้าไปใหญ่เลย

    ดูเหมือนคุณจะเจอล้อมแล้วนะคะอาธีน่ากล่าวยิ้มๆ แม้เธอจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็เดาว่าน่าจะเกี่ยวกับการแก้แค้นอะไรสักอย่าง เพราะชื่อของเซยะไม่ได้ฟังดูน่ากลัวอย่างเดียว มันยังเรียกศัตรูมาได้ด้วยอีกนี่ซิ

    แล้วจะจมพวกเราด้วยหรือเปล่าล่ะโยรุหันมาถามแบบไร้ความกังวล

    โอ้ ไม่ๆค่ะ ถ้าเราทำเช่นนั้นคงเป็นการโง่มากทีเดียว กลับกัน เราอยากจะช่วยเหลือท่านซะมากกว่าว่าจบเทพสาวก็แหงะไปมองเฟต ที่กำลังลูบไล้เรืออย่างโหยหา ประมาณว่าจะต้องจากกันอีกแล้วเหรอเนี่ย

    ว่าอะไรของเธอโยรุชักสีหน้าถาม พูดแบบนี้มีความกำกวมพอสมควร

    ก็เอาตรงๆนะคะ เจ้านายของเราต้องการข้อมูลเรือลำนี้ แลกกับช่วยเหลือคุณในการศึก ในขณะเดียวกัน เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเมืองเริ่มต้นแน่นอนค่ะเทพสาวกล่าวจบก็ปรายตาไปมอง 2 กิลด์หลักของเมืองเริ่มต้น ที่ทำหน้าเหลอหลาเหมือนถูกลอยแพ

     

    มันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ยเฟตที่พึ่งรู้ตัวว่าภายในห้องประชุมเกิดการเปลี่ยนแปลงหันมาพึมพำ โดยไม่ได้หวังคำตอบอะไรมากนัก ก็รู้ๆกันอยู่ว่ามีศึกกองเรือกำลังจะเกิดขึ้น

    คุณรับหน้าที่โจมตีไกลหรือเปล่าครับชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาเฟต ทำให้คนที่ยังไม่รู้ว่าตนเองได้ร่วมไปกับกองเรือพวกนี้แล้วถึงกับหน้าเอ๋อแต่ก็ยังพยักหน้าให้ เพราะตนยิงไกลได้จริงๆ

    ถ้างั้นขอเชิญทางนี้ด้วยครับชายคนเดิมเดินนำออกจากห้องประชุมไปทันที เฟตเห็นว่าคนในห้องหายไปจนหมดแล้วก็เลยเลือกที่จะเดินตามไป จนมาถึงห้อง CIC (Combat Information Center) ชายที่เป็นคนนำมาก็รีบเปิดประตูให้เฟตเข้าไปทันที ซึ่งเฟตก็พบกับกลุ่มที่ประชุมย้ายมาอยู่ที่นี่กันจนหมด

    มีอะไรกันหรือเปล่าครับ หน้าตาเครียดกันดีจังเลยเฟตถามยิ้มๆ อาธีน่ายิ้มตอบ แต่คนอื่นกลับไม่ยิ้มตาม ในสถานการณ์แบบนี้ใครเขายิ้มกันได้อีกมั้งเนี่ย

    ตอนนี้เรือของทางนี้กำลังอยู่ในสถานการณ์ Cross the T น่ะศรสายฟ้าหลงทิศเป็นฝ่ายบอกตามสิ่งที่ได้ยิน โดยไม่รู้ความหมายของมันเลยสักนิด

    ข้างหน้าหรือข้างหลังล่ะครับนั่นเฟตย้อนถาม ขณะมองดูแปรนการวางแผนเรือของกองเรือนี้

    ข้างหลัง กองเรือของชาวทวีปใต้มาจากข้างหลังเป็นโยรุที่บอกออกมา อาการที่ศรสายฟ้าว่านั่นก็คือ การที่เรือลำหนึ่งไม่สามารถโจมตีเรือของศัตรูได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในขณะที่ศัตรูสามารถโจมตีกลับมาได้อย่างเต็มรูปแบบ

    หะ อ้อเฟตพอจะเข้าใจอยู่บ้าง เพราะเรื่องนี้ถือว่าไม่ค่อยได้หากันได้ง่ายๆในยุคของเขา เนื่องจากเรือส่วนใหญ่ไม่ว่าจะชั้นไหนคลาสไหนก็ล้วนใช้ระบบการยิงตรงแบบดิ่ง (Vertical Launch System) หรือที่จะพอมีก็เป็นแบบฮาพูล (Harpoon) ไปซะเกือบหมด แต่ก็พอจะรู้ว่าศัตรูอยู่ข้างหลัง แล้วเรือลำนี้ดันหันหน้าผิดฝั่งนั่นเอง

    แล้วมันดูน่ากังวลขนาดไหนกันล่ะครับ ในเมือฝั่งนี้ก็มีเรือที่น่าหวาดกลัวอย่างลำนี้อยู่ทั้งลำชายหนุ่มย้อนถาม แต่ฝ่ายแม่ทัพกองเรือกลับจ้องมองเขาตาเขียวปัด ในขณะที่อาธีน่าก็เดินเข้ามากระซิบให้ฟัง

    ท่านยิงเรือลำอื่นๆ จนส่วนใหญ่ใช้การไม่ได้ไม่ใช่เหรอคะ แล้วที่สำคัญก็คือ เรือลำนี้ไม่สามารถหันหน้าไปสู้ได้ เนื่องจากเรือที่อยู่รอบๆกำลังอยู่ในช่วงอัมพาต เพราะฝีมือท่าน ต้องรอเวลาซักครู่ใหญ่ๆ น่ะคะหลังได้ยินคำตอบ เฟตหัวเราะแห้งๆออกมา แล้วเมื่อนึกถึงเรืออีกลำนึงได้ก็รีบร้องถาม

    แล้วเรือบรรทุกเครื่องบิน ไม่ซิๆ เรือที่บรรทุกอสูรบินได้นั่นล่ะ ไม่ให้พวกเขาเข้าไปลุยก่อนเหรอ เรือส่วนใหญ่ป้องกันการโจมตีจากอากาศไม่ได้นี่นาการรบที่เซยะคิดทำเอาไว้ก็เหมือนกับการรบในสมัยปกติ นั่นก็คือมีเรือบรรทุกเครื่องบินเป็นตัวหลัก ส่วนเรือประจัญบานลำนี้ก็รับหน้าที่เป็นป้อมปืนคอยยิงเข้าชายฝั่ง

    ปกติแล้ว ชาวทวีปใต้เน้นใช้พลังเวทกับอสูร ซึ่งในที่นี้ความหมายก็คือ ของศัตรูเป็นอสูรที่มีระดับสูงมากกว่า ไม่เหมือนกับของทวีปเราที่ส่วนใหญ่จะเป็นลูกกระจ๊อกน่ะค่ะอาธีน่าอธิบายขณะปรายตาไปมองโยรุ ที่คุณเธอกัดฟันกรอดเถียงไม่ได้

    งั้น จะทำยังไงล่ะครับ จะให้ผมไปจัดการพวกนั้นให้งั้นเหรอเฟตย้อนถามขณะชี้นิ้วมาที่ตัวเอง ซึ่งเขาเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เหตุการณ์เป็นแบบนี้

    ฉันไม่ได้ขอให้นายช่วยอยู่แล้ว จะไปไหนก็ไปโยรุว่าอย่างไม่ค่อยพอใจ อาธีน่าไปทาง เฟตก็ไปอีกทาง แต่ละคนทำให้เธอหงุดหงิดทั้งนั้น

    ให้ผมไปใช่มั้ยครับ งั้นไปก็ได้ไม่ว่าเปล่า ชายหนุ่มจับมืออาธีน่าเดินออกจากห้องบัญชาการการรบหน้าตาเฉย ทิ้งให้โยรุอ้าปากค้าง ด้วยนึกว่าเฟตจะเห่ออย่างที่อาธีน่าเดา อสูรตนอื่นที่มองอยู่ก็เดินตามออกไปด้วยแบบติดๆ ถ้าเฟตไม่อยู่ พวกเธอจะอยู่ทำไมกันล่ะเนี่ย

    เฟตจูงมืออาธีน่าจนออกมาด้านนอกตัวเรือ ซึ่งตอนนี้เขาสังเกตมองไปยังกองเรือที่อยู่รอบๆ

    รู้หรือเปล่าครับ ว่ากองเรือพวกนั้นมาทำอะไรน่ะแม้เฟตจะไม่รู้ว่าเทพสาวต้องการอะไร แต่ก็พอเดาได้ว่าน่าจะเป็นการล้วงข้อมูลแบบหนึ่ง

    คาดว่าน่าจะเป็นการแก้แค้นกับเมืองที่เคยพ่ายให้กับจักรพรรดิเซยะน่ะค่ะ

    แล้วพวกนั้นมีอะไรเด่นๆนอกจากอสูรบินได้อีกมั้ยล่ะ

    ก็พอจะมีเรือรบชั้น BB (battleship) เพียงหนึ่งลำค่ะ เพราะนี่ถือว่าเป็นของล้ำสมัยที่สุดที่จะหาได้ นอกจากอาวุธของท่านแล้ว ส่วนเรือชั้นที่เหลือก็เป็นชั้นดาดๆ อย่างเรือบรรทุกอสูรบินได้ หรือไม่ก็เป็นเรือชั้น CG (Cruiser) ที่มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 20 ลำ โดยรวมแล้วถือว่าน่ากลัวกว่ากองเรือของเซยะ ณ ปัจจุบันค่ะแค่การรับฟังข้อมูลมาเพียงเล็กน้อย อาธีน่าก็สามารถแยกชั้นขนาดของกองเรือได้ จนเฟตเริ่มคิดว่าอย่างเธอไม่น่าจะใช่เอไอแล้วล่ะ น่าจะเรียกว่าผู้พันเสนาธิการทหารเลยดีกว่า

    แล้วจะเอายังไงดีล่ะครับแม้เฟตจะถามแต่อาธีน่าก็รู้แล้วว่าเฟตกำลังชั่งใจว่าจะทำตามความชอบหรือเป็นห่วงพรรคพวกของตัวเองดี

    ตามใจท่านเถอะค่ะ ทางนี้จะช่วยเป็นกำลังใจให้อีกแรงอาธีน่ายิ้มบอก ทำให้เฟตถึงกับดีใจที่มีแม่ (?) ดีๆ แบบนี้ จึงรวบตัวหญิงสาวมากอดแน่นๆ หนึ่งครั้ง จากนั้นก็วิ่งไปทางท้ายเรือ ที่มองเห็นกองเรือฝ่ายตรงข้ามที่ริมขอบฟ้า

    ดีใจจนไร้ซึ่งความเกรงใจเลยนะคะอาธีน่าพึมพำขณะใบหน้าที่แดงก็ค่อยๆ กลับมาเป็นใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มแบบเดิม หลังจากทำใจให้สงบได้ เทพสาวก็เดินเข้าห้อง CIC อีกครั้ง โดยครั้งนี้เธอจะต้องทำงานของเธอให้เฟตต้องพึงพอใจแบบถึงที่สุด

     

    ณ กองเรือแห่งทวีปใต้ ทหารคนหนึ่งวิ่งมารายงานชายในชุดกัปตัน ที่ดูแล้วล้ำยุคสมัยกว่าของกองเรือเซยะเยอะ

    ท่านครับ กองเรือของเซยะยังคงนิ่งไม่เคลื่อนไหวครับ

    เตรียมโจมตีเข้าไปเลย ไม่ต้องห่วงว่ามันจะซ้อนแผนจมกองเรือเรา ตอนนี้ไอ้เจ้านั่นไม่อยู่ แล้วก็คงคิดไม่ถึงว่าเราจะสร้างเรือแบบมันขึ้นมาได้ชายที่สวมชุดกัปตันกล่าวขณะตีมืออย่างยินดี ที่พวกตนลงทุนไปหลายล้านเหรียญทองก่อนจะได้เรือรบที่มีประสิทธิภาพแบบเดียวกับเซยะกลับมา

    ข่าวด่วนครับ กองเรือของข้าศึกส่งอสูรบินได้ขึ้นมาแล้วทหารอีกคนหนึ่งเข้ามารายงาน เรือลำนี้มีหน้าที่หลายอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือการรวบรวมข่าวสาร

    พวกมันโง่หรือเปล่าวะ ที่ส่งอสูรบินได้มาโจมตี พวกมันก็รู้ๆกันอยู่ว่าอสูรของแดนใต้แข็งแกร่งขนาดไหนชายในชุดกัปตันขมวดคิ้วสงสัย พร้อมกับสั่งการไปให้ปล่อยอสูรโจมตี

    ฝั่งนู้นมาเพียงตัวเดียวเองครับลูกน้องรายงานจบ กัปตันกับพวกพ้องก็หลุดหัวเราะออกมาลั่น เนื่องจากเป็นเรื่องที่โจ๊กมากเมื่ออสูรบินเพียงตัวเดียวจะสามารถจมกองเรือทั้งหมดนี้ได้ ถ้าอสูรตนนั้นไม่เป็นถึงอสูรสงคราม ย่อมไม่มีทางจะจมกองเรือนี้ได้แน่นอน แต่ถ้าพวกเขาได้เจอเองกับตัวก็คงจะหัวเราะไม่ออกเหมือนกัน

     

    หือเฟตที่บินมาได้ครึ่งทางมองเห็นอสูรบินได้ของฝ่ายตรงข้ามแล้ว

    ฟีนิกซ์เพลิงค่ะเสียงระบบรายงานเข้าหูพร้อมกับกองบินอสูรฟีนิกซ์ไล่โจมตีเฟต แต่ชายหนุ่มที่มีชั่วโมงบินสูงแล้วนั้น ไม่มีทางเสียท่าง่ายๆ ตนจึงบินเอียงซ้ายเอียงขวา จนกระทั่งมาพบว่าตัวเองถูกล้อมก็เลยดึงอาวุธออกมาที่ใต้ปีก แล้วกราดยิงเพื่อเปิดทางให้ตัวเอง

    แกว๊ก!! ฟีนิกซ์เพลิงหลายตัวที่โดนยิงต่างร้องกันระงมเนื่องจากไม่ทันตั้งตัว แต่เมื่อเจ้านายสั่งมาให้เพิ่มความร้อนรอบตัวก็รีบทำตาม หลังจากพวกมันเพิ่มความร้อนของตัวเองแล้ว เฟตก็พบว่าหัวกระสุนของคนไม่สามารถเข้าถึงตัวอสูรพวกนี้ได้เลย

    เอาแล้วไงล่ะทีนี้ งานงอกเฟตพึมพำขณะบินหลบการพุ่งชนและทักษะขนลูกไฟที่ถูกส่งออกมาจากใต้ปีกพวกนกฟีนิกซ์เพลิง

    หลังเห็นว่าน่านฟ้าชักพาหวั่น เฟตก็พาตัวเองไปทำระบบ Sea Skimming หรือก็คือการบินราบไปกับท้องทะเล ซึ่งรูปแบบนี้เขาพบว่าพวกนกฟีนิกซ์ไม่กล้าบินตามมาเท่าไหร่ นอกเสียจากจะใช้ลูกไฟไล่โจมตีตามหลังมาเท่านั้น

    นกฟีนิกซ์ไม่ไล่โจมตีข้างหน้า ไม่ได้หมายความว่าเรือไม่โจมตีมา หลังจากเฟตลดเพดานบินมาบินเรียบกับน้ำทะเล เขาก็พบกับการต้อนรับที่สุดแสนจะอบอุ่น นั่นก็คือ ธนูเพลิงนับพันดอกที่ยิงมาทันทีหลังจากเขาลงมาบินเรียบพื้นแบบนี้

    อ้าว อาจารย์โม้เรานี่หว่า ไหนบอกว่าพอบินเรียบพื้นแล้วศัตรูจะตรวจจับยากขึ้นไง ไอ้เราก็หลงทำตาม แล้วไหงมาเจอเยอะกว่าเดิมอีกล่ะเนี่ยเฟตพึมพำขณะบินแบบควงสว่านซ้ายขวาเพื่อหลบห่าฝนธนูที่ไม่มีทีท่าว่าจะหมดลงง่ายๆ

    ยิงเข้าไปอีกเสียงร้องดังจากบนเรือ พอเฟตมองไปก็พบว่าผู้เล่นสายธนูนับร้อยกำลังถือธนูในท่าเตรียมและยกขึ้นเหนือหัวตั้งเป้าให้ตกมาทางเขาพอดี สิ้นคำสั่งของหัวหน้ากองเรือ ห่าธนูจากเรือลำนั้นก็ผสมร่วมวงเขากับห่าฝนที่มาจากธนูเรือลำอื่นๆพอดี

    สุดยอดจริงๆ เป็นการทำงานที่เข้ากันจริงๆ ถ้าไม่ใช้กองเรือกับกองเรือ ไม่มีหวังที่จะโจมตีเรือพวกนี้ได้จากบนฟ้าเป็นแน่เฟตเริ่มชมเชย กองเรือพวกนี้ปิดจุดอ่อนของตัวเองได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้จะไม่มีระบบเท่าเรือขับไล่เอจีส แต่ก็มีความสามารถในการเข้าหาและตรวจจับไม่ต่างกันนัก มันเป็นการปิดจุดอ่อนของกองเรือได้อย่างน่าอัศจรรย์สุดๆ

    ทว่า การทำแบบนี้ก็มีจุดอ่อนใหญ่ นั่นก็คือ ถ้าเครื่องบินพวกนั้นสามารถหลบการโจมตีจนเข้าถึงจุดที่จัดตั้งกองเรืออยู่ได้ ประสิทธิภาพในการโจมตีก็จะลดลงมากจนไม่น่าเชื่อ ซึ่งเฟตก็เป็นตัวทดลองที่ดี เมื่อเขาเข้าไปใกล้เรือลำหนึ่ง ห่าการโจมตีหลายพันรูปแบบก็หยุดลงไป คล้ายกับมันถูกตั้งโปรแกรมห้ามโจมตีพวกเดียวกัน

    เป็นการเซฟพวกเดียวกันซินะเฟตที่บินเรียบบริเวณกราบเรือของข้าศึกพึมพำ เรือพวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเรือที่ประกอบจากไม้ทั้งนั้น มันจึงเป็นเรื่องปกติที่ไม่กล้าจะใช้ฝนธนูเพลิงโจมตีเข้ามาในระยะอันตราย เพราะการโจมตีที่ผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจทำให้พวกเดียวกันจบสิ้นและแดดิ้นก่อนสิ้นใจได้

    แต่ดูเหมือนนี่จะไม่ใช่เวลามาชื่นชมระบบของศัตรู เมื่อเฟตแหงะไปข้างหลังแล้วเห็นเรือเล็กไล่ใช้หอกจิ้มก็รีบถีบตัวออกจากเรือที่ตนเกาะ บินหนีวนกองเรือพวกนี้ไปเรื่อยๆ

    ฆ่ามันให้ได้ซิฟะ กะอีแค่อสูรบินเพียงตัวเดียวทำไมกำจัดไม่ได้เสียงร้องสั่งจากไหนไม่รู้ดังแว่วเข้าหูมา ทำให้เฟตพอรู้ว่าคนพวกนี้คงจะหัวเสียกับเขาพอสมควรแล้ว

    แต่ก็ช่างเถอะ ตอนนี้เขากำลังสำรวจโลกอยู่ จึงไม่สนใจที่จะโต้ตอบสักเท่าไหร่ เลยเอาแต่บินวนรอบกองเรือพวกนี้เล่น เพื่อเก็บข้อมูลที่ตนสนใจ

     

    ไหนว่าเจ้านายของเธอเก่งมากไงล่ะ ตอนนี้ไม่เห็นพวกนั้นจะเป็นอะไรสักอย่างเลยโยรุว่าอย่างหัวเสีย หลังจากรอเวลามานานแล้วยังไม่เห็นว่าศัตรูจะเป็นอะไรเลย นอกเสียจากหยุดการเดินเรือไปเสียดื้อๆเท่านั้น

    ตอนนี้ก็คง กำลังสำรวจพิพิธภัณฑ์สัตว์โลกอยู่ล่ะมั้งอสูรทั้งหมดของเฟตหันมาตอบโดยรู้ความนัยกันและกัน แต่แค่นั้นก็ทำให้โยรุหน้าเครียดลงอย่างเห็นได้ชัด อาธีน่าที่ได้ยินยิ้มบางๆให้ ก่อนจะหันกลับมาดูแปรนการรบทางทะเลของยุคใหม่ต่อ จนกระทั่งได้ยินคำๆหนึ่ง

    ตอนนี้กองเรือของฝ่ายตรงข้ามเริ่มจมแล้วครับอาธีน่าหันขวับมามอง แล้วพอมองดูที่กล้องส่องทางไกลที่จับภาพมาเปิดไว้ที่กลางห้อง เธอก็ยิ้มที่มุมปาก เพราะเฟตนั้นเบื่อการสำรวจ แล้วเปลี่ยนมาเป็นการสังหารคนที่ขวางโลกแทนแล้ว

     

    หลังจากเฟตยิงเรลกันใส่เรือในระยะประชิดจนอับปางไปแล้ว เขาก็บินขึ้นน่านฟ้า เนื่องจากการยิงในระยะประชิดส่งผลร้ายให้เขามากเกินไป ใช่แล้ว เศษไม้กระเด็นย้อนกลับมาแทงเนื้อจนเลือดไหลโกรกน่ะซิ

    มีเวลาในการทำลายน่าจะไม่นานเท่าไหร่แหะเฟตพึมพำขณะเพิ่มความเร็วของตนเองจนไปอยู่ที่ 0.85 มัค ซึ่งถือว่าเท่ากับมิซไซน์นำวิถีทั่วๆไป และอีกอย่าง นี่มันเป็นชั้นความเร็วที่เขาสามารถเอาตัวเองไม่ให้ปลิวหรือเละไปซะก่อนด้วย

    เฟตไม่รีรอทำเป็นเล่นอีกแล้ว เขารู้ตัวแล้วว่าตัวเองมีพลังเหลือไม่มาก คงจะไม่เป็นการดีเท่าไหร่ที่จะมัวมาบินดูศัตรู เนื่องจากพลังงานในการบินหนึ่งวิจะเท่ากับกระสุน 1 นัด หรือก็คือ 1 EP ต่อวินั่นเอง

    ชายหนุ่มเริ่มสรรหาอาวุธมาใช้ เมื่อเห็นว่าตนมีปืนกลแบบ 7 ลำกล้องซึ่งมีอัตราการยิงที่สูงเหมาะแก่การสังหารกองเรือ ก็จัดการบินวนแบบเครื่องบินเจ๊ตเอ-10 ธันเดอร์โบลท์ ไล่กราดยิงอย่างโหดเหี้ยมทารุณ

    ปร๊อดๆๆๆ !!! เสียงลำกล้องปืนของเฟตยิงลั่นไกด้วยอัตราการยิง 4,200 นัด/นาที ซึ่งนี่หมายถึงว่าคนที่อยู่ในเส้นทางการบินของเฟตไม่สามารถรอดพ้นไปจากวิถีการยิงของกระสุนขนาด 30 มม.ไปได้

     

    กัปตัน ตอนนี้กองเรือส่วนใหญ่กำลังอับปางแล้วครับข่าวร้ายรายงานเข้าสู่เรือรบชั้น BB ที่วางแถวการเดินเรืออยู่ในระหว่างเรือคุ้มกันอื่นๆ

    มันเป็นไปได้ยังไง ทำไมยังสอยมันไม่ได้อีกวะกัปตันเรือร้องแบบหัวเสียสุดๆ

    เอ่อ การบินของศัตรูถือเป็นการบินสมัยใหม่ครับ กองเรือเรารับมือไม่ได้เลยชายที่เป็นต้นข่าวรายงานจบก็หันไปเห็นเฟตที่บินมาทางเรือลำนี้พอดี กระสุนขนาด 30 มม. ถูกกราดยิงไล่ตั้งแต่หัวเรือยันท้ายเรือ

    คิดจะจมเรือประจัญบานที่มีเกราะหนากว่า 27มม.เรอะ ฝันไปเถอะกัปตันคำรามขณะร้องสั่งให้ลูกน้องของตนออกไปใช้ปืนแบบติดตั้งไล่ยิงเฟตให้ตก

     

    หืม เมื่อตะกี้ใช่เรือประจัญบานเปล่าวะนั่นเฟตที่พึ่งเงยหน้าขึ้นจากเรือชั้น BB พึมพำ สายตาของเขาตอนนี้กำลังมืดลงไปเรื่อยๆ เนื่องจากพลังในร่างส่วนใหญ่ยังอยู่ในขั้นตรวจสอบ และที่สำคัญ เฟตเล่นยิงกระสุนออกไปจนแทบจะนับไม่ได้แล้วว่ายิงไปกี่พันกี่หมื่นนัด

    อ๊อกอยู่ๆกำลังของเฟตก็ลดหายไปพร้อมกับกระอักเลือดออกมา พอเขาหันไปมองก็พบว่าตนถูกปืนกลต่อสู้อากาศยานประจำเรือรบไล่ยิงตามหลังมา แต่โชคของเฟตยังดีที่กระสุนส่วนใหญ่ติดที่ปีกเครื่องบิน (?)  แต่ถึงอย่างนั้น ร่างกายของเขาก็ยังเป็นมนุษย์ที่กระสุนถือเป็นของร้ายของร่างกาย ชายหนุ่มจึงรู้สึกหมดแรง แต่ก็ยังพยายามเงยหน้าบินขึ้นสูง เพื่อให้พ้นจากวิถีกระสุนศัตรูอยู่

    หัวรบนาปาร์มเฟตพึมพำเรียกพลังอันร้อนแรงของตนออกมา เหตุที่เขาไม่ใช่ไฟทมิฬเนื่องจากสกิลนั้นมันถูกบล็อกไปพร้อมร่างผู้หญิง ในร่างผู้ชายเหลือแต่ทักษะสายจิตของอพอลโลเท่านั้นเอง

    พลังความร้อนทั้งหมดไหลวนออกมารวมอยู่ในลูกบอลลูกเดียว หากมองผ่านกล้องจุลทัศจะพบกับโมเลกุลความร้อนนับพันนับหมื่นอัดแน่นอยู่ภายในแน่นอน มันเป็นพลังงานที่อัดแน่นเพื่อรอการแตกตัวคล้ายๆ กับปรมาณู อัตราระยะทำลายล้างอื่นๆอาจสู้กับปรมาณูไม่ได้ แต่รัศมีการทำลายล้างในตอนระเบิดไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน

    เรลกันเมื่อมีหัวรบแล้ว ก็ต้องมีแท่นยิง แม้ในตอนนี้เฟตจะอยู่บนอากาศและกำลังร่วงสู่พื้นน้ำโดยมีความสูงกว่า 3,000 เมตรเป็นตัวรองรับก็ตาม

    หลังแท่นยิงโผล่ออกมา เฟตก็ใช้ดวงตาที่เต็มไปด้วยเลือดของตัวเองเล็งไปยังเรือที่มีขนาดใหญ่ที่สุด จากนั้นก็กลั้นหายใจสูดหายใจลึกๆเข้าไว้ พอบรรจุกระสุนเข้าไปแล้วก็เริ่มชาร์ตพลังกับหัวปืนข้างขวา โดยครั้งนี้เขาใช้พลังที่มีทั้งหมดในการยิง

    เมื่อตนพร้อมและศัตรูไม่พร้อม เฟตก็เริ่มปล่อยพลังจนลำกล้องปืนเปลี่ยนเป็นสีฟ้า จากนั้น ด้วยการอัดแน่นของธาตุพลังและพลังงาน ปืนเรลกันก็ประกาศศักดาให้คนทั้งแถบได้รู้ว่าตอนนี้มันกำลังทำงานแล้วนะ ด้วยการระเบิดเสียงขับและแรงอัดที่สุดจะรุนแรงออกมา กระสุนพุ่งไปทาง ส่วนไอ้คนยิงก็กระเด็นไปทาง เนื่องจากเป็นการยิงแบบไม่มีฐานรับ ทำให้เฟตนั้นลอยไปไกลพร้อมกับสลบเหมือดเนื่องจากไม่ได้เกราะของไรน่ามาช่วยป้องกัน เพราะเขาปล่อยคุณเธอไว้กับเรือ BB ยามาโตะน่ะซิ

    วี๊ด!!! เสียงแหวกหลังจากเสียงคำรามอันน่าหวาดกลัว พร้อมกับกองเรือเล็กใหญ่นับร้อยของชาวใต้หายไปพร้อมกับระเบิดนาปาร์มความร้อนสูง ที่ส่งไอความร้อนสูงเฉียดฟ้าคล้ายปรมาณู ไอความร้อนเปลี่ยนบรรยากาศเป็นสีดำและค่อยๆลามเลียจนสูงเฉียดฟ้าและค่อยๆบานออกเป็นดอกเห็ด ส่งผลให้คนเกือบทั้งทวีปสามารถมองเห็นมันได้

    ส่วนไอ้คนยิงตอนนี้ไม่รู้ถูกแรงถีบดีดไปไหน แต่ก็ปล่อยให้มันไปนอนตายกลางทะเลเอาแล้วกันนะ

    ดีนะครับ ที่เราไม่ได้ฝืนโจมตีเขาหัวหน้ากองเรือท่านหนึ่งกระซิบกับโยรุซึ่งคุณเธอตอนนี้อ้าปากค้างมองผลงานที่เฟตฝากไว้ให้ นั่นก็คือความร้อนของระเบิดนาปาร์มที่ส่งความรุนแรงมาจนพวกเธอรู้สึกคอแห้งได้อย่างน่าประหลาด

    หึ ก็แค่นั้น ท่านเซยะทำได้อยู่แล้วโยรุพยายามเอาเจ้านายตัวเองมาข่ม แต่ความเงียบของอสูรของเฟตทำให้เธอต้องปรายตาไปมอง

    เป็นอะไรกัน ทำไมหน้าเครียดแบบนั้นล่ะโยรุเป็นคนถาม แต่ยังไม่ทันสิ้นคำเท่าไหร่ ก็รู้สึกว่าเรือสั่นไหว พอแพนกล้องตามไปดูก็เห็นมังกรน้ำตัวยักษ์ใหญ่ว่ายน้ำลอดใต้เรือพวกเธอไป ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่เกินใครในโลกของลีเวียธาน ทำให้พวกทหารบนเรือตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว และคิดตามๆกันไปว่า ถ้าเฟตมีของดีถึงขนาดนี้ ทำไมไม่ส่งออกมาแต่แรกกัน

    ไปตอนนี้ทำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ นายท่านเล่นยิงไปทั้งๆแบบนั้น ปล่อยให้ลีเวียธานค้นหาเถอะอาธีน่าเป็นฝ่ายห้ามอสูรตนอื่นๆของเฟต เธอรู้ว่าพวกอสูรเป็นห่วงเจ้านายตัวเองมาก อาวุธเรลกันเป็นสิ่งที่ทรงอานุภาพก็จริง แต่ขณะเดียวกันมันก็เป็นดาบ 2 คม ที่เฟตไม่สามารถใช้คนเดียวได้ เนื่องจากความรุนแรงขณะยิงกับความรุนแรงของแรงถีบกลับ ล้วนไม่น่าอภิรมย์จนกระทั่งต้องมีการลดอานุภาพมันจนมาเป็นกระสุนเรลกันธรรมดานั่นเอง

    3 อสูรได้ยินเช่นนั้นก็เงียบหยุดความคิดที่จะออกไปแบบลีเวียธาน แต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกเป็นห่วงก็ยังมากเกินกว่าที่จะยืนดูได้อยู่ดี ทำให้พวกเธอต้องเดินออกมาดูอยู่ที่นอกเรือ ท่ามกลางสายตาของผู้เล่นหนุ่มที่จ้องมองความสวยระดับดาราตาเป็นมัน

    อาธีน่าเองก็รู้สึกเป็นห่วง แต่เธอรู้ดีว่าผู้เล่นกับอสูรมันต่างกัน พวกเธอตายแล้วอาจจะตายเลย แต่สำหรับเฟตถ้าตายแล้ว ก็ยังมีหน้ากลับมาได้อีก การไปห่วงแบบนั้นไม่ใช่เรื่องจำเป็นเลยสักนิด

    ดูเหมือนคุณเธอก็จะหลงเหมือนกันนะครับนั่นทหารหนุ่มที่อยู่ในห้องกระซิบกับโยรุเมื่อเห็นอาการเป๋อๆ ของอาธีน่า ที่วนโต๊ะเพื่อหาปากกามาจดบันทึกการเดินเรือทั้งๆที่ปากกาก็อยู่ในมือ จากนั้นยังไม่พอ ยังมีเรื่องเอ๋อๆโผล่มาอีกเพียบ ถ้าหญิงสาวผู้นี้ไม่ใช่เทพสงครามและมีเจ้านายเป็นเทพสงครามพวกเขาก็คงหลุดหัวเราะกันมาแล้ว

    จิตใจผู้หญิงก็แบบนี้แหละเป็นครั้งแรกของโยรุเช่นกันที่เห็นอาธีน่าเป็นแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เธอเองก็ไม่กล้าที่จะพูดดังออกไป เนื่องจากกลัวทั้งอาธีน่าและกลัวทั้งเฟต การลงมือครั้งสุดท้ายของชายคนนั้น สั่นคลอนจิตใจพวกเธอได้มากสมกับที่อาธีน่าต้องการจริงๆ

     

    หลังจากการค้นหาร่างวีระบุรุษผู้สูญเสียชีวิตได้ผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมง ลีเวียธานที่รับบทเป็นหน่วยกู้ชีพก็กลับมารวมพลกับกลุ่มฮาเร็มที่เรือยามาโตะ

     “เป็นไงบ้าง เจอบ้างมั้ยอนาตาเซียถามอย่างรวดเร็ว แต่หญิงสาวผมน้ำเงินกลับส่ายหน้าอย่างไม่มีความหวังเลยซักนิด

    แรงถีบขนาดนั้นไปตกอยู่ที่ไหนแล้วเนี่ยไรน่าพึมพำ เธอพอจะรู้ว่าแรงถีบของการยิงเรลกันแต่ละนัดนั้น รุนแรงขนาดถีบช้างล้มเลย แล้วคนตัวเปล่าๆอย่างเฟตน่ะเหรอ จะเอาปืนแบบนั้นในสภาพเท้าลอยพ้นจากพื้นอยู่

    4 อสูรเงียบตอบอะไรไม่ได้ นอกจากมองดูน้ำทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตา ส่วนอาธีน่าที่อยู่ด้านในกลับไม่ได้สนใจมากนัก เพราะเธอกำลังร่างสัญญาสงบศึกกับกองทัพของเซยะอยู่

     

    ในขณะที่อสูรกำลังวุ่นวายกันอยู่ ตัวปัญหาที่ถูกตามหาตอนนี้กำลังถูกเรือประมงลำหนึ่งลากขึ้นมาพร้อมกับอวนหาปลาที่ชาวประมงจับขึ้นมาได้

    ไต๊เรือครับ เราจับตัวประหลาดได้ครับประมงหนุ่มเดินไปรายงานเจ้าของเรือ ที่รีบเดินมาดูตามที่ลูกน้องบอกทันที

    มันกินได้มั้ยครับนั่นลูกน้องถามขณะชี้ไปยังซากอะไรสักอย่างที่ไหม้เกรียมเสียจนไม่รู้จะอธิบายว่าเป็นตัวอะไรดี

    เฮ้ย อย่าเลย ขายไม่ได้หรอก ปล่อยมันลงน้ำไปซะ สภาพเละแบบนั้นขายไปก็ไม่ได้ราคา เดี๋ยวการออกเรือของเราในครั้งนี้จะขาดทุนเปล่าๆเจ้าของเรือกล่าวจบ ลูกน้องผู้ภักดีก็ถีบร่างอะไรบางอย่างที่คล้ายมนุษย์แต่มองสภาพว่าเป็นมนุษย์ไม่ออกลงทะเลไปทันทีอย่างไม่เหลียวแล

    ร่างของชายหนุ่มลอยตุบป่องๆไปตามแรงคลื่นแรงทะเล จนกระทั่ง มีมือๆหนึ่งมาคว้าร่างนั้นลงไปในน้ำ อ้า ชีวิตพระเอกนิยาย จบลงที่จมน้ำเนี่ยนะ (= =)

     

    ชายหนุ่มผู้อาภัพลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับมองดูโลกที่สวยงามด้วยความมึนงง ในเมื่อโลกกว้างที่คิดถึงและถวินหา กลับกลายเป็นเพดานอะไรซักอย่างที่เต็มไปด้วยตะกอนน้ำสีเขียว มองยังไงก็ชวนให้หลับตาลงไม่อยากมองต่อจริงๆ

    เราอยู่ที่ไหนล่ะเนี่ยเฟตพึมพำขณะลุกขึ้นนั่งด้วยสภาพอ่อนปวกเปียก จากนี้ไปเขาต้องคิดให้ดีแล้วล่ะเรื่องการใช้แคนนอนเรลกันเนี่ย ปืนอะไรก็ไม่รู้ ถีบแรงชะมัด ดีนะที่แขนไม่หลุดไปพร้อมกับลูกกระสุนด้วย

    ถ้ำ งั้นเหรอหลังจากสำรวจรอบๆตัวดีๆ ชายหนุ่มก็พบว่าตอนนี้เขาอยู่ในถ้ำอะไรสักอย่าง ที่ทางเข้าปากถ้ำต้องเข้ามาทางทะเลเท่านั้น

    ตื่นแล้ว .....เหรอคะเป็นคำถามที่ดังมาจากในน้ำ พอเฟตก้มลงมองลงไปมอง เขาก็พบว่าขาข้างหนึ่งของตัวเองราน้ำอยู่ ส่วนในน้ำนั้นก็มีร่างอสูรตนหนึ่งที่เฟตเคยเห็นมองตอบกลับมา

    ครับชายหนุ่มรับคำสั้นๆ ส่วนอสูรสาวที่ถามก็หลบไปอยู่ในน้ำเหลือแต่ส่วนหัวกับลูกตาโผล่พ้นน้ำขึ้นมา

    นักบวช งั้นเหรอเฟตลองถามขณะมองดูหมวกที่คล้ายกับนักเวทที่อยู่บนหัวของอสูรตนนี้

    รู้ได้ไงคะ ปกติแล้วพวกมนุษย์มักจะเรียกเราว่าเงือกนี่นาคุณเธอโผล่พ้นน้ำขึ้นมาถาม แต่เฟตก็รู้สึกว่าสิ่งที่เธอบอกก็น่าจะตรงดีนี่ เพราะท่อนล่างของคุณเธอก็เป็นของปลาแบบพวกเงือกจริงๆ นั่นแหละ

    เฮ้อ ผมอาจจะตอบไม่เป็นนะ แต่ก็คิดไว้ว่าเพราะวรรณคดีของผมเขาบอกกันว่าอย่างนั้น คนที่เล่นเกมก็มักจะคิดว่างั้น หรือว่าผมเรียกผิดเฟตย้อนถามในขณะที่อสูรเงือกสาวส่ายหน้า

    ก็ถูกต้องนะคะ แต่ดิฉันไม่ใช่เงือกเสียทั้งหมดหรอกค่ะเงือกสาวบอก

    แล้วเป็นอะไรครับ เงือกนักเวทเหรอเฟตลองว่าแบบขำๆ แต่เงือกสาวกลับพยักหน้าอย่างจริงจังจนเฟตขำไม่ออก

    ใช่ค่ะ ฉันเป็นเงือกสายนักบวช เรียกตามสายพันธุ์ก็คือ ซีบิชอปค่ะ (Sea Bishop)”เงือกสาวแนะนำตัวแบบจริงๆจังๆ ทำให้เฟตที่พึ่งฟื้นขึ้นมาล้มตัวลงไปนอนมองเพดานถ้ำอีกครั้ง แล้วเริ่มทบทวนว่าตนเองมาที่นี่ได้ยังไง จะบอกว่าความจำเสื่อมมั้ย มันก็ไม่น่าจะใช่ ในเมื่อความทรงจำตอนที่ปืนถีบยังคงอยู่อยู่เลย

    พอคิดถึงตรงนี้เฟตก็จับตามเนื้อตามตัว เมื่อไม่พบบาดแผลไฟไหม้ก็จ้องมองไปที่เงือกสาวอย่างสงสัย

    ดิฉันเป็นคนช่วยเองค่ะเงือกสาวตอบเมื่อรู้ว่าเฟตคิดจะถามว่าทำไมแผลตนเองหายไป

    ช่วยผมได้ยังไงเหรอครับเฟตลองถามดู แผลในตอนที่ได้มาครั้งแรกใช้เวลาในการฟื้นตัวเกือบครึ่งวัน แต่พอมาครั้งนี้น่าจะผ่านไปไม่ถึง 4 ชั่วโมงเลย มันหายไปหมดจนไม่รู้มาก่อนว่าเคยมีคราบ

    ก็เงือกสาวกะว่าจะตอบแต่สักพักก็บิดซ้ายบิดขวา

    ก็?”เฟตทวนคำพร้อมกับคิ้วซ้ายกระตุกเหมือนจะมีเรื่อง

    แบบว่า เอ่อเงือกสาวยังคงอ้ำอึ้ง ซึ่งเฟตเริ่มตงิดๆกับท่าทางนี้ชอบกล จนกระทั่งเมื่อเงือกสาวเตรียมใจที่จะบอกได้ เฟตก็นึกถึงท่าทีพวกนี้ที่หาได้จากอสูรตัวเองทันที

    จูบค่ะเงือกสาวตอบพร้อมกับเฟตล้มตัวลงไปนอนดูเพดานอีกครั้ง จูบแต่ละครั้งนี่พาจนตลอดเลยแหะ

    หรือว่าเรามีบุญกับแค่อสูรฟะเฟตพึมพำ ทำไมจูบของเขาไม่เห็นจะมีกับผู้เล่นมั่งเลยล่ะเนี่ย

    แม้เฟตจะฟื้นขึ้นมาได้ แต่เขาก็พบว่าร่างกายยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ เมื่อมันยังวิ่งไม่ได้นั่นก็หมายความว่าตนเองยังไม่พร้อมที่จะลุย ส่วนซีบิชอปสาวก็อาสาเป็นฝ่ายไปหาอาหารมาให้ เมื่อได้ยินท้องของชายหนุ่มร้องประท้วงขอทานอาหาร

    เอ่อ ให้ผมออกไปหาอะไรกินเองดีกว่ามั้งครับเฟตลองถามดูขณะมองดูสารพัดอาหารที่ซีบิชอปหามาให้

    ไม่ได้หรอกค่ะ ร่างกายของคุณยังไม่พร้อมที่จะลุยต่อเลย ต้องพักฟื้นมากกว่านี้นะคะเงือกสาวก็ช่างเป็นคนดีจริงๆ เธอยัดอาหารทะเลแบบสดๆให้เฟตกิน ชายหนุ่มที่ถูกยัดเยียดก็ไม่ปฏิเสธความมีน้ำใจของเงือกสาว เพราะอย่างน้อยเขาก็เคยกินลีเวียธานมาก่อน ดังนั้น การมากินกุ้งหอยปูปลาแบบสดๆก็คงจะไม่เท่าไหร่แล้วล่ะ มั้ง

    หลังจากผ่านมือเที่ยงไป ชายหนุ่มก็พบว่าร่างกายของตัวเองกำลังฟื้นตัวได้เร็วจนน่าตื่นตระหนกหลังจากท้องอิ่ม นี่เขาลืมไปได้ยังไงว่าร่างกายของผู้เล่นต้องเติมพลังตลอดเพื่อจะได้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

    แล้วคุณมาช่วยผมได้ยังไงเหรอครับหลังจากร่างกายดีขึ้นเรื่อยๆ เฟตก็ลองถามเงือกสาวดูเป็นการฆ่าเวลา

    ฉันเห็นคุณตั้งแต่ตกลงมาจากฟ้าแล้วล่ะค่ะ แต่เสียดายที่ไปช่วยไม่ทัน เพราะคุณโดนอวนหาปลาของมนุษย์ลากไปกินเสียก่อน อ้อ แต่สักพักดิฉันก็เจอคุณลอยเล่นอยู่นะคะ เลยช่วยมาได้ซีบิชอปสาวอธิบายถึงเหตุการณ์ตอนที่เฟตตกลงมาจากฟ้า และหลังจากที่ถูกเรือหาปลาถีบตกน้ำไป

    ปกติเงือกนี่ นิสัยแบบคุณหมดเลยหรือเปล่าครับเฟตถามอีกครั้งขณะนึกไปถึงลูกชายของโพไซดอนตัวแสบ

    เป็นเฉพาะสายพันธุ์ค่ะ สายพันธุ์เวทอย่างดิฉันก็จะเป็นอย่างที่เห็น ชอบไปไหนมาไหนคนเดียว ไม่มีพวกพ้องหรอกค่ะซีบิชอปสาวอธิบายถึงความแตกต่างของเผ่าพันธุ์

    แล้วที่นี่ที่ไหนครับ ผมจะหาเรือกลับไปที่เมืองนั้นได้หรือเปล่าอ่ะชายหนุ่มพยายามทำเป็นไม่สนใจน้ำเสียงที่ฟังดูเศร้าๆของซีบิชอป เขาเลยถามหาเรื่องของตัวเองเสียเลย

    ที่เกาะนี้ก็มีนะคะ แต่คุณต้องผ่านจุดอันตรายไปเสียก่อนเงือกสาวตอบพร้อมกับทำหน้าเหมือนหวาดกลัวอะไรสักอย่าง

    ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ มันไม่ดีขนาดนั้นเลยเหรอชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าเหมือนหวาดกลัวนั่น

    ก็เพราะว่าเกาะแห่งนี้ได้ชื่อว่าเกาะแห่งความตายนี่คะหลังจากซีบิชอปบอก เฟตก็เริ่มทบทวนว่าคุ้นๆกับชื่อเกาะแห่งนี้ที่ไหน แต่เมื่อคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกก็เลยบอกว่าช่างเถอะ เดี๋ยวไปเจอแล้วค่อยว่ากันอีกที

     

    หลังจากออกมาจากถ้ำกลางทะเลได้ ชายหนุ่มก็ลองเดินเรียบชายหาดไปเรื่อยๆ ซึ่งเขาก็พบว่ารอบๆเกาะนั้น ณ เวลานี้กำลังมีพายุลูกใหญ่

    เพราะแบบนี้ซินะครับ ถึงไม่อยากพาผมไปฝั่งนู้นเฟตหันไปพูดกับซีบิชอปที่ว่ายน้ำตามมา ส่วนตัวเขาก็เดินเรียบทะเลเพื่อซึมซับบรรยากาศดีๆแบบนี้เอาไว้

    ไม่ใช่หรอกคะ ถ้าดิฉันจะพาไปก็พาไปได้ แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่ได้มีนิสัยแบบคุณนี่ค่ะเงือกสาวบอก ซึ่งเหตุผลของเธอก็ฟังเข้าที ถ้าต้องช่วยเฟตโดยเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยง งั้นเธอเลือกที่จะช่วยเฟตแต่ให้ตัวเองปลอดภัยแบบนี้ดีกว่า

    เฟตพอจะรู้ว่านิสัยของมนุษย์ส่วนใหญ่นั้นโลภมาก การที่ได้เจอกับอสูรหายากอย่างซีบิชอปก็คงจะเหมือนกับการได้พบเจอขุมสมบัติ คนพวกนั้นไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่ถ้าเห็นเธอเข้าล่ะก็

    ยังไงผมก็ขอบคุณนะครับ แต่ตอนนี้ผมต้องไปก่อนแล้วล่ะ จะได้กลับไปเมืองเริ่มต้นได้ทันก่อนที่จะข้ามวันเสียก่อน

    เอ่อ ค่ะๆ ไม่ทราบว่าขอทราบชื่อคุณได้มั้ยคะซีบิชอปสาวรีบถามในตอนที่เฟตหันหลังเดินจะขึ้นเกาะไป

    เฟตครับ Fate ที่แปลว่าโชคชะตาชายหนุ่มหันมาตอบยิ้มๆ เขาซาบซึ้งกับความช่วยเหลือของเงือกตนนี้จริงๆ ถ้ามีโอกาสเขาจะลองพาเธอเข้าฮาเร็มแล้วเที่ยวในเมืองมนุษย์ดูสักครั้ง

    หลังจากแยกกับซีบิชอปที่ริมทะเล เฟตก็เดินลัดข้ามเขาตามที่ซีบิชอปบอก

    ถ้าเจอตรงจุดที่มีรูปปั้นเยอะๆ ให้รีบผ่านไปให้เร็วที่สุดเลยนะคะนั่นเป็นคำแนะนำสุดท้ายที่ถูกฝากมา

    ใช่จุดนี้หรือเปล่าล่ะเนี่ยดูเหมือนเฟตจะมาถึงจุดที่ซีบิชอปบอกแล้ว ซึ่งจุดๆนี้มีแต่รูปปั้นมนุษย์กับสัตว์อสูรเต็มไปหมด เท่าที่เฟตลองนับเล่นๆดูจะพบว่ามีไม่ต่ำกว่าห้าร้อยตัวเลย

    ชายหนุ่มทำตามคำแนะนำของซีบิชอปเขาเดินตัดผ่านจุดนี้ไปโดยเร็วที่สุด แต่ทว่า หูของเขากลับหาเรื่องมาให้ ไม่ซิ กลับทำหน้าที่ได้ดี จนความอยากรู้อยากเห็นมันมาแทนทีความเป็นห่วง

    ช่วยด้วยเสียงร้องที่ดังแว่วๆ มา ทำให้เฟตที่อยู่ใจกลางดงรูปปั้นหยุดชะงัก จากนั้นก็ลองเนียนเดินเรียบๆกลุ่มรูปปั้นเพื่อไปให้ใกล้กับจุดที่ได้ยินเสียงที่สุด

    นี่มัน ถ้ำไม่ใช่เหรอเนี่ยหลังจากเดินมาจนถึงจุดที่เฟตคิดว่าเป็นต้นเสียง เขาก็พบว่าจุดๆนี้เป็นถ้ำสูง ที่ปากทางเข้ากว้างใหญ่เสียจนเขาต้องคาดเดาถึงเจ้าของถ้ำไปต่างๆ นาๆ

    กรี๊ด!!!”เสียงหวีดร้องจากในถ้ำทำให้เฟตที่ยืนทบทวนตัวเองอยู่สะดุ้งเล็กน้อย

    หรือแถวนี้เขาเปิดเป็นถ้ำผีสิงวะ ลองรับจ็อบพาร์ทไทม์ดีหรือเปล่านะชายหนุ่มเริ่มคิดหาเงินเข้ากระเป๋าแบบไม่ต้องลงทุน แต่เมื่อมาคิดดูดีๆแล้วพื้นที่แถวนี้ไม่ใช่สวนสนุก จะมีคนมาเล่นหรือเปิดถ้ำผีสิงได้ยังไงกัน

    อ้ากกกก!!!”เสียงที่ดังออกมาอีกครั้งทำให้เฟตเริ่มคิดว่ามันน่าจะเป็นการขอความช่วยเหลือจริงๆแล้วล่ะ ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจขอโทษซีบิชอปในใจที่ไม่เชื่อเธอ ส่วนเท้าก็ก้าวเข้าไปในถ้ำนั้นอย่างห้ามขาไม่อยู่

    เฟตเดินเข้ามาจากทางปากถ้ำได้สักพัก เขาก็พบว่าพื้นที่แถวทางเข้านี้มีแต่รูปปั้นในอิริยาบถต่างๆ ไม่ว่าจะวิ่ง กลิ้ง นอน หรือกระทั่งแพร้งกิ้งก็ยังมี ทำให้ชายหนุ่มคิดว่าเจ้าของถ้ำนี้น่าจะศิลปินพอสมควร

    ตอนแรกเฟตก็คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น แต่เมื่อเขาเดินลึกเข้าถ้ำเรื่อยๆ เสียงร้องที่เคยได้ยินในครั้งแรกๆก็ดังถี่มากกว่าเดิมเสียอีก ทำให้เฟตคิดว่าเจ้าของถ้ำน่าจะเป็นพวกคอซอง ที่ชอบฟังเสียงคนร้องแบบหลายระดับ

    จะร่วมแสดงโอเปร่ากับเขาดีมั้ยเนี่ย มีเสียงหลายระดับดีจังเลยชายหนุ่มพึมพำขณะเดินตามเสียงร้องของมนุษย์เข้ามาเรื่อยๆ

    กรี๊ดดด ปล่อยนะเสียงร้องขอความช่วยเหลือแบบนี้ ทำให้เฟตต้องรีบพรางตัวให้เข้ากับความมืด จากนั้นก็รีบวิ่งซิกแซกเป็นแมลงสาปเข้าไปจุดที่ใกล้เสียงที่สุด

    ชอบมาถ้ำข้ามากไม่ใช่เหรอไงกัน เจอแค่นี้ก็ร้องกันแล้วรึเป็นเสียงผู้หญิงที่เฟตคิดว่าฟังไพเราะดี แต่ถ้าไม่ติดที่ว่าสำเนียงการพูดเป็นแบบนางร้าย เขาก็คงจะชื่นชมในใจไปแล้ว

    ก็แกมันอัปลักษณ์นี่เป็นเสียงผู้ชายที่เฟตได้ยินการแหกปากตั้งแต่อยู่ที่หน้าถ้ำ

    อ้ากกกกชายคนนั้นร้องเสียงหลง ทำให้เฟตเริ่มคิดว่าจะโผล่ขึ้นไปดูดีมั้ย แต่เมื่อคิดดูว่าถ้านี่เป็นดันเจี้ยนหรือบอสอะไรสักอย่าง การโชว์ตัวออกไปคงจะไม่ดีแน่ จึงทำเนียนนั่งนิ่งฟังไปเรื่อยๆ

    การโต้ตอบของกลุ่มคน 2 กลุ่มยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเฟตเริ่มจับความได้ว่า เสียงหญิงสาวที่เขาคิดว่าไพเราะนั้น เป็นเจ้าของถ้ำแห่งนี้ และเป็นผู้ที่ทำให้เกิดรูปปั้นประดับที่หน้าถ้ำ ส่วนกลุ่มที่ถูกจับได้ก็เป็นพวกลองของ หรือไม่ก็พวกที่มาทำภารกิจแลกของรางวัลราคาสูง โดยไม่สนเลยว่าเจ้าของถ้ำจะยินดีต้อนรับหรือไม่

    หึ ถ้าพวกแกกลับไปเกิดใหม่ที่นั่นก็ช่วยบอกกันและกันด้วยนะว่า อย่ามาวุ่นวายกับฉันอีกหลังจากเสียงนี้พูดจบ เฟตก็ได้ยินเสียงร้องเบาๆในปาก จากนั้นเสียงของกลุ่มผู้บุกรุกก็หายไปเลย

    เชอะ กลุ่มที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย ไม่เบื่อกันมั่งเลยหรือไงกันเจ้าของถ้ำบ่นพึมพำ ส่วนเฟตที่นอนฟังอยู่ก็ผงกหัวขึ้นอย่างนึกขึ้นได้ ว่าตนเองก็เป็นผู้บุกรุก และเจ้าของถ้ำก็คงไม่ต้อนรับเป็นแน่ เมื่อคิดได้อย่างนั้นเขาก็เริ่มคลานต่ำเพื่อให้ตัวเองออกจากถ้ำไป แต่แล้ว เสียงคำพูดที่ดังแว่วมาก็คล้ายกับเป็นเสียงสัญญาณเตือนภัยว่า ความซวยมาเยือนแล้วพี่น้อง

    สัมผัสได้ถึงไอความร้อนของมนุษย์สิ้นเสียงแค่นั้นแหละ เฟตวิ่งป่าราบ ไม่ซิ วิ่งถ้ำถล่มออกมาอย่างรวดเร็ว เขาไม่สนว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นใคร แต่สนที่ว่าเขากำลังเป็นผู้บุกรุก และศัตรูก็สามารถฆ่าเขาได้โดยไม่ผิดเสียด้วย

    อย่าหนีนะเป็นคำห้ามที่สุดแสนจะคลาสสิค แต่มีหรือที่โจรชั้นนำอย่างเฟตจะยอมหยุดง่ายๆ เขายังคงวิ่งหน้าตั้งเพื่อให้ตัวเองหนีไปให้พ้นจากข้อหาบุกรุก

    ในขณะที่วิ่งชายหนุ่มก็ภาวนาว่าขออย่าให้ตนหลงเลย เนื่องจากถ้าหลงในถ้ำแล้ว การหาทางออกคงเป็นไปได้ยากซะเหลือเกิน

    ดูเหมือนคำภาวนาของเฟตจะส่งไปถึงหูเหล่าเทพผู้นำทาง หลังจากวิ่งมาได้ไม่ถึง 3 นาที ชายหนุ่มก็เห็นแสงสว่างจากปากถ้ำ แม้ด้านหลังจะได้ยินเสียงคนตามมาเขาก็ไม่สนแล้ว เฟตซิ่งผ่านจุดเช็คพอร์ยไปอย่างรวดเร็ว ไม่วายหันไปมองข้างหลังเล็กน้อยเป็นเชิงผู้ได้ชัย

    เพียงแค่สบตาทีแรกเฟตรู้สึกว่าขาตัวเองแข็งค้าง ไม่ซิ มันแข็งจริงๆด้วย ไม่ว่าจะก้าวยังไงก็ไม่ยอมขยับ พอก้มลงไปดูก็พบว่ามันแข็งเป็นหินไปแล้ว

    หึหึ โง่มากจริงๆ ที่หันมาสบตากับฉันเสียงเยาะเย้ยจากด้านหลังในขณะที่เฟตดึงขาให้ตัวเองขยับไปให้ไกลกว่านี้

    อย่าพยายามที่จะหนีไปจากคำสาปได้เลย ตราบใดที่ฉันไม่ยอม นายก็ไม่มีทางหลุดไปจากคำสาปนี้ได้หรอกเสียงนั้นยังคงดังมาเหมือนกับต้องการเยาะเย้ยเฟต

    เชอะ ไปทางฟ้าก็ได้ฟะเฟตสวนพึมพำขณะสยายปีกเครื่องบินของตนออกมา เมื่อเครื่องพร้อมและนักบินพร้อม ชายหนุ่มก็เริ่มออกตัวบิน แต่บินขึ้นไปได้เพียง 3 เมตร ร่างกายที่ยังไม่หายดีและพลังหลักที่ยังฟื้นตัวมาไม่หมดของเฟตก็ล้มลงไปนอนเป็นท่าแพรงกิ้งอยู่บนพื้น

    คำสาปของฉันมีผลทั้งหมดกับสิ่งมีชีวิต ตั้งแต่ภายในถึงภายนอก พลังของนายใช้ไม่ได้หรอกเสียงนางมารร้ายยังคงเสียดแทงเข้าหูมา เฟตที่กำลังหยัดยืนตัวขึ้นถึงกับกัดฟันกรอด ดูเหมือนคำพูดของนางมารจะเป็นจริง ตอนนี้เขารู้สึกว่าระบบทางเดินหายใจกำลังติดขัด และที่สำคัญ ขาที่เป็นหินตอนนี้มันลามมาถึงช่วงกลางอกแล้ว

    ยินดีต้อนรับสู่คอลเลคชั่นรูปปั้นหินของฉัน เหล่ามนุษย์ผู้ละโมบโลภมากเอ๋ยคุณเธอยังคงกล่าวเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ

    เฟตที่รู้สึกทรมานจากการหายใจไม่ออก หันหน้าไปมองศัตรูเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งภาพที่เห็นนั้นก็เป็นภาพสุดท้ายที่ติดตาของเขาจริงๆ เมื่อคำสาปนั้นลามมาจนถึงใบหน้าจนไม่อาจทำอะไรได้อีกนอกจากเบิกตาดูศัตรูเป็นครั้งสุดท้าย

    หญิงสาวที่มีผมสีฟ้าอ่อนเพียงครึ่งหัว โดยมีส่วนทีเหลือเป็นงูสีเดียวกับเส้นผม ดวงตาสีเหลืองกลมโตชวนพาให้จมสู่โลกอันมืดมิด เฟตรับรู้จากสายตาว่าดวงตานั้นต้องการที่จะพบเจออะไรบางอย่าง แต่เขาไม่มีวันที่จะรู้ความนัย ในเมื่อดวงตานี้นั้นแฝงไปด้วยคำสาปร้าย คำสาปที่อาธีน่าสาปส่งเธอ และตอนนี้มันก็เริ่มสาปส่งเฟตแล้วเช่นกัน

    ผู้เล่นเฟตถูกคำสาปหินจากเมดูซ่าค่ะ ผู้เล่นเฟตจะอยู่ในสภาพจำศีลในร่างหินไปจนกว่าจะออฟไลน์ค่ะนั่นเป็นเสียงระบบสุดท้ายที่เฟตได้ยิน ก่อนที่โลกอันกว้างใหญ่จะถูกโฟกัสให้มาอยู่แค่จุดๆเดียว นั่นก็คือความมืดมิดของดวงตาอันมืดบอดนั่นเอง

     

    ติ๊ดๆๆๆๆ!!!! เสียงนาฬิกาปลุกดังแว่วๆเข้าหูผมมา ทำให้ผมต้องลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับลุกดขึ้นนั่งด้วยความมึนงง

    นี่เรา ตายยาวเลยใช่มั้ยเนี่ยผมจำเสียงระบบที่รายงานครั้งสุดท้ายได้ดี ที่มันบอกไว้ว่า ผู้เล่นจะถูกคำสาปแข็งเป็นหินจนกว่าจะออฟไลน์ ซึ่งตอนนี้ผมก็ออฟไลน์มาแล้วจริงๆด้วย แต่ก็ดีใจอยู่เรื่องหนึ่ง ที่เวลาจำศีลอย่างที่ระบบว่าก็คือการปล่อยให้นอนหลับไปต่ออย่างสุขสบายนั่นเอง

    เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ที่ผมตายยาวแบบนี้ ปกติเวลาตายผมจะใช้ทักษะหนีความตายจนไม่เคยตายอีก และลืมไปแล้วว่านรกที่เจ้าหัวหงอกฮาเดสปกครองอยู่เป็นยังไง

    ในขณะที่คิดไปเรื่อยๆเปื่อยๆ ตัวผมก็เดินตามโปรแกรมชีวิตประจำวัน พอรู้สึกตัวอีกทีก็มานั่งอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์พร้อมกับกาแฟแก้วใหญ่แล้ว

    สวัสดีค่ะ คุณเฟต ตื่นเช้าเหมือนเดิมเลยนะคะแม่บ้านที่มีหน้าทีทำกับข้าวยามเช้าทักผม

    ครับผมรับคำสั้นๆ จริงๆแล้วก็ไม่ได้เช้าอะไรนักหนาหรอก เวลาตีห้าถือเป็นเวลาตื่นประจำของผมอยู่แล้ว ส่วนที่จะเห็นผมมาลงไวหรือช้านั่นขึ้นอยู่กับอาการง่วงหรือตารางงาน

    รับอาหารเช้าแบบไหนดีคะแม่บ้านหันมาถามในตอนที่ผมจิบกาแฟเข้าปากพร้อมกับอ่านข่าวออนไลน์ไปด้วย

    ไม่ล่ะครับปกติอาหารเช้าถือเป็นสิ่งที่แปลกมากสำหรับผม การปฏิเสธไปจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

    แต่คุณเฟตถูกยิงนะคะแม่บ้านค้าน อ้าว แล้วจะถามทำไมล่ะเนี่ย

    ไม่เป็นไรหรอกครับ ร่างผมมันประหลาดๆแบบนี้แหละใช่ ร่างกายผมประหลาดจริงๆนะ เวลามีแผลหรือสิ่งที่ทำให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงไป ร่างกายของผมจะปรับสภาพไม่นาน มันก็จะกลับมาเป็นปกติในเวลาเพียงไม่นาน ขนาดแผลที่ถูกยิงมันยังหายโดยใช้เวลาไม่ถึง 48 ชั่วโมงเลย

    ว่าแล้วผมก็เปิดแผลที่ถูกยิงให้ดู ซึ่งก็ทำให้แม่บ้านอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก เมื่อแผลของผมปิดจนเหลือแต่รอยแผลเป็นเท่านั้น

    แต่ถึงอย่างงั้นก็ควรที่จะทานอะไรบ้างนะคะว่าแล้วแม่บ้านวัยกลางคนก็วางจานอาหารมาไว้ที่ด้านหน้าของผม ผมจึงมองเธอตาปริบๆ ไม่รู้ว่าคุณแม่บ้านทำมาให้ตอนไหน แต่เมื่อไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจกัน ผมจึงจัดการสังหารสิ่งที่อยู่ข้างหน้าลงท้องไปอย่างรวดเร็ว

    เอ่อคุณเฟตคะ นั่นแก้วค่ะคุณแม่บ้านรีบบอกในตอนที่ผมจะเอาสิ่งที่เหลือเข้าปากตามไปด้วย

    ผมหัวเราะในลำคอให้กับคำพูดนั้นเล็กน้อย หลังจากผมกินข้าวเช้าเสร็จคุณแม่บ้านก็เอาจานผมไปล้าง

    หลังเห็นว่าไม่มีอะไรทำแล้ว ผมก็ลุกออกจากเก้าอี้ไปเดินเล่น หลังจากเดินได้สักพักผมก็พบว่ามันยังเช้าอยู่มาก แต่ก็เอาเถอะ เวลายามเช้ามันต้องแบบนี้แหละ

    ไม่ใช่ซิ เวลาคือสิ่งที่มีค่าผมเอะใจถึงชีวิตของตัวเอง เมื่อคิดได้แล้วก็เดินออกไปจากบ้านพร้อมกับชุดประจำของตัวเอง

     

    เสื่อผืนหมอนใบนั่นคือคำนิยามในร่างกายผม แม้ในขณะนี้ผมจะยืนอยู่หน้ากองบังคับการเรือของเมืองหลวงอยู่ก็ตาม

    ติดต่ออะไรครับพี่ชายหน้าตาหล่อคนหนึ่งทักทายผมทันที จริงๆผมว่าเขาก็หล่อดีนะ ถ้าหน้าตาไม่เหมือนคนพึ่งตื่นนอนจนเห็นรอยคราบน้ำลายที่มุมปากแบบนี้ สงสัยจะหิวข้าวเป็นแน่เลย

    ผมมาชมกองเรือของทหารเรือหน่อยน่ะครับผมบอกความประสงขณะยิ้มหวาน ส่วนผู้ที่ได้รับคำตอบก็ดูเหมือนจะอึ้งไปหลายวินาที กว่าจะอ้าปากออกมาได้ก็ตอนที่เห็นนายทหารคนหนึ่งเดินออกมาแล้ว

    ค่ายทหารไม่ใช่ที่ท่องเที่ยวนะครับพี่ชายท่านนี้ตอบผมอย่างสุภาพ ทำให้ผมต้องมองข้ามไหล่ไปที่ชายอีกคนหนึ่ง ที่ดูเหมือนจะมีอายุมากกว่าและอยู่ในชุดครึ่งท่อน ผมจึงเดาเอาว่าตำแหน่งต้องสูงกว่าพี่หน้าหล่อตรงหน้าผมแน่นอน

    มีอะไรเหรอ ไอ้หนุ่มชายวัยกลางคนถามขณะเดินเข้ามาใกล้ ทำให้ชายหน้าหล่อขยับหลบเปิดทางให้เข้าหาผมได้สะดวกที่สุดเท่าที่จะทำได้

    ผมมาดูกองเรือและถ้าเป็นไปได้ อยากจะขอให้ช่วยสอนการขับเรือหน่อยครับนั่นแหละ จุดประสงค์ที่ผมมาในวันนี้

    พี่ชายหน้าหล่ออึ้งป้าปากค้างไปเลย ส่วนชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าก็อึ้งค้างไปเหมือนกัน แต่คำตอบที่ออกมากลับทำให้ลูกน้องของเขาอ้าปากค้างมากยิ่งกว่าเดิม

    เชิญซิ ไม่มีใครห้ามนายได้อยู่แล้วว่าจบก็ผายมือเชิญให้ผมตามเข้าไป เอาล่ะ ไม่รบกวนล่ะนะ

     

    ผมเดินตามหลังจ่ามาเรื่อยๆ จนเข้ามาถึงตึกบัญชาการ ที่มีเหล่าเจ้าหน้าที่ทหารเดินกันขวักไขว่ ซึ่งทุกสายตาก็มองมาทางผมหมด เพราะผมเป็นชายเพียงคนเดียวที่ใส่สูทภายในค่ายทหาร

    รอตรงนี้ซักแป๊ปนะ เดี๋ยวจะเข้าไปขออนุญาตออกเรือฝึกซ้อมก่อนพี่จ่าหันมาบอกพร้อมกับเดินเข้าห้องที่มีป้ายหน้าห้องว่า กองบัญชาการเรือ

    อืม เป็นระบบดีมากแหะ การนำเรือออกก็ต้องมีการขออนุญาตมันถูกต้องที่สุดแล้ว เพราะเรือพวกนี้คือเรือที่ขึ้นตรงกับหลวง ในกรณีที่เรือเป็นอะไรไปใครจะรับผิดชอบ โซฮอร์ไม่รับแน่นอน อย่าไปหวังโทษเขาล่ะ

    ติดต่ออะไรคะในขณะที่ผมยืนรอนานเสียจนเกือบจะเกาะประตูห้องเป็นตุ๊กแก เสียงทักทายที่ดังขึ้นทำให้ผมถึงกับสะดุ้งตกใจ พอมองย้อนหลังมาก็เห็นทหารหญิงในชุดเครื่องแบบท่านหนึ่งมองผมอยู่ โดยข้างหลังของเธอนั้นก็มีเหล่าทหารกองเรือยืนจ้องมาพร้อมกับชี้มือชี้ไม้ ประมาณว่ามาดูตัวประหลาดเร็วๆเข้า

    พอดี ผมมาขออนุญาตอะไรบางอย่างน่ะครับผมตอบเธอไป แต่ดูเหมือนเธอจะสงสัยว่าผมเป็นใคร จึงมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า แถมก่อนที่จะละสายตาไปก็มองภายในเสื้อสูทผมตาเป็นมัน

    คุณพกอาวุธเข้าค่ายทหารเหรอคะคุณเธอถามเสียงเรียบสุดเย็นชา ....อ้า รางร้ายมาเยือน

    ผมฝากไว้ที่ป้อมหน้าแล้วครับผมรีบปฏิเสธ พร้อมกับโชว์ซองปืนพกที่อยู่ภายใต้เสื้อสูท สิ่งที่เหลืออยู่มันเป็นเพียงแม๊กกาซีนเปล่าๆเท่านั้น

    ทหารหญิงตรงหน้าขมวดคิ้วมองผมอย่างไม่พอใจ ปนสงสัยว่าผมเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงกล้าพกของแบบนี้มาในค่ายทหาร

    อ้า ได้ข่าวว่านายสนใจจะขับเรือเหรอประตูห้องที่ข้างหลังเปิดออกมาพร้อมกับคำทักที่ทำให้ผมสะดุ้งในใจ เมื่อมองไปตามเสียงก็พบกับชายวัยกลางคนผมสีดองเล้า ดูท่าเมื่อคืนจะนอนที่นี่แน่ๆเลย เพราะผมเห็นสภาพการพึ่งจัดเสื้อผ้าที่ยับอยู่เลย

    ครับ พอดีอยากจะหาความรู้ ถ้าเป็นห้องฝึกซ้อมบังคับการเรือก็ได้ครับผมอธิบายพร้อมกับเหล่ไปมองที่ผู้หญิงด้านหลัง ดูเหมือนเธอจะสงสัยมากกว่าเดิมเสียอีก เมื่อเห็นว่านาวาโททักทายผมแบบสนิทชิดเชื้อแบบนั้น

    เฮ้ย ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ เรือกองทัพเราต้อนรับนายเสมอพูดจบผบ.เรือสูงอายุก็เดินนำผมไป พร้อมกับพยักหน้าเป็นเชิงเชื้อเชิญ

    สนใจลูกสาวฉันมั้ยอยู่ๆท่านนาวาเรือก็ถามเสียจนผมเกือบจะหยุดเดิน

    ไม่ครับผมกล่าวปฏิเสธโดยไว

    เฮ้ย ฉันได้ยินว่านายไปปักธงกับลูกสาวผบ.บกแล้วไม่ใช่เรอะ ยังมีลูกสาวชั้นอีกตั้งคนนึง รับๆไปหน่อยน่าท่านครับ ฝากลูกสาวเหมือนฝากบ้านไว้ดับตำรวจเลยนะ

    คิดว่าผมอยากมีนักเหรอครับผมย้อนถามเสียงแข็ง ชอบมาฝากนู่นฝากนี่ไว้ พอช่วยตอบสนองให้ไม่ได้ก็ชอบมาโวยวาย แล้วผลสุดท้ายมาหนักที่ใครล่ะ ถ้าไม่ใช่ที่ผม เหตุการณ์ตอนที่โดนยิงนั้นบอกได้เป็นอย่างดีแล้ว

    โอ้ ลืมไป ว่านายมีห่วงผูกคออันเบ้อเริ่มอยู่แล้วนี่นาชายสูงวัยยิ้มแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี นี่ถ้าไม่รู้จักกันมาจากตอนที่ร่วมงาน มีหวังผมไม่เชื่อชายผู้นี้เป็นแน่

     

    หลังจากเดินมาจนถึงอู่เรือ ผมก็เห็นเรือเล็กจอดอยู่หนึ่งลำ โดยบนนั้นก็มีพี่ทหารที่รับหน้าที่ทำความสะอาดประจำการอยู่

    เมื่อชายคนนั้นเห็นชายสูงวัยที่ยืนข้างหน้า ก็รีบยืนตรงทำความเคารพตามระบอบทหาร

    พี่จ่านำผมลงเรือไปพร้อมกับตน ซึ่งชายวัยกลางคนก็ยืนยิ้มพร้อมกับโบกมือลา

    เอ่อ แน่ใจนะครับ ว่าไม่เป็นอะไรพี่ชายผมเกรียนใส่ชุดครึ่งท่อนหันมาถามชายวัยกลางคนหรือจ่าที่ยืนอยู่ข้างๆผม เขาคงจะสงสัยมากตอนที่ได้ยินว่าให้ออกเรือไปเพื่อให้ผมได้ฝึกการขับจริงๆที่กลางแม่น้ำสายหลักของเมืองเลย

    ไม่เป็นไร หมอนี่เป็นคนพิเศษ ช่วยเรามามากแล้วพี่จ่าใจดีกล่าวจบก็ตบไปที่ไหล่พี่ชายผมเกรียน

    พี่ชายท่านนี้ทำหน้าหนักใจเล็กน้อย ผมเองก็เข้าใจว่าทำไม การจะขับเรือได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย ต้องผ่านโรงเรียนนายเรือ (ในกรณีที่เป็นเรือรบ) ผ่านสาขาวิชาสุดโหด และอะไรต่างๆนาๆที่ผมส่งคืนอาจารย์ไปหมดแล้วตอนที่ออกจากห้องเรียนมา เนื่องจากผมถือหลักชีวิตคือการเรียนรู้ ไม่ใช่มีไว้นั่งเรียน

    ครับเมื่อจ่าว่ายังไงเขาก็ต้องตามนั้น แถมนาวาโทก็ยืนคุมขนาดนั้นแล้วด้วย แสดงว่าต้องได้รับคำอนุญาตในระดับหนึ่งล่ะนะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×