คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #47 : ตอนที่ 47 การต่อสู้ในป่าอาถรรพ์
“ชะ ชะ ช่วยมีสาระก่อนได้มั้ย”ลีเวียธานหน้าแดงว่า ไม่รู้หน้าแดงเพราะโกรธ หรืออายกันแน่ หลังจากถูกลวนลามทางวาจา
เมื่อถูกกล่าวเช่นนั้น เฟตจำต้องอธิบายถึงความคิดจริงๆของตนเอง
“เหมือนกับที่ผมคิดไว้ครับ อสูรตัวนี้สามารถใช้พลังของอสูรที่ตนกลืนกินได้ด้วย”ชายหนุ่มอธิบายออกมา พละกำลังของศัตรูมีมากมายมหาศาลเฉกเช่นอันเดสทั่วไป ส่วนพลังที่พุ่งเข้ามาโจมตีเขากลับเป็นพลังของอสูรทรีบากส์ ช่างเป็นความผสมผสานที่ลงตัวจนน่ากลัวจริงๆ
“ของสิ่งนี้ช่างน่ากลัวจริงๆนะคะ”จาเนียอุทานเบาๆ สายรยางค์เหล่านี้กินผู้อื่นจริงๆด้วย ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ มัมมี่หรือทรีบากส์
“เหมือนกับปรสิตนั่นล่ะครับ”เฟตพยักหน้าให้กับคำพูดของเอลฟ์สาว อสูรตัวนี้มีหลักการทำงานเหมือนพยาธิ คือไม่มีประโยชน์ต่อเจ้าของร่าง มีแต่จะช่วยให้แย่ลงเท่านั้น หรือก็คือกาฟากนั่นเอง
ในขณะที่เฟตพูดคุยกับกลุ่มของเขา ปรสิตที่อยู่ตรงหน้าก็หันไปมองทางป่าลึกด้วยความสนใจ เมื่อรับรู้ถึงแหล่งอาหารใหม่ ที่ยิ่งใหญ่กว่ากลุ่มตรงหน้า ปรสิตที่ไม่มีความคิดซับซ้อน มีแต่ความต้องการอาหารมันก็พุ่งตัวหายเข้าป่าไปด้วยความรวดเร็ว
ลีเวียธานเห็นปรสิตวิ่งหายไปตนก็ใช้สมาธิจับสัมผัสดู หลังจากใช้สมาธิอย่างมากลีเวียธานก็บอกออกมา
“อืม ด้านนั้นมีพลังที่รุนแรงกระจายออกมาเป็นพักๆ”ทำให้เฟตหันไปมองสาวผมน้ำเงินด้วยความแปลกใจ ตั้งแต่พวกเขาเข้าป่าอาถรรพ์มา พวกเขาจับพลังอะไรไม่ค่อยได้เลย
จริงๆแล้วที่เฟตจับสัมผัสพลังไม่ได้นั้นก็เป็นเพราะว่า ป่าแห่งนี้มีอาถรรพ์ของมันเอง แล้วยังมีมหาเวทสายความตายอีกชั้นอีก จึงไม่แปลกเลยที่จะจับพลังของใครที่อยู่ไกลกว่าสายตาไปไม่ได้ ยกเว้นแต่ว่าจะรู้ทิศทางและส่งคลื่นความถี่ไปตรวจสอบเองเช่นลีเวียธานที่เห็นความผิดสังเกตของปรสิต
“พี่เฟตคะ”แฟร์สะกิดเรียกชายหนุ่มเบาๆ ทำให้เฟตต้องเลิกมองลีเวียธานแล้วหันไปมองผู้ที่เรียกแทน
“เป็นอะไรครับ”ชายหนุ่มอุทานอย่างแตกตื่น หลังเห็นสาวๆ เหงื่อออกมากจนน่าตกใจ ขนาดพรอมที่เลเวลสูงกว่าใครยังมีอาการเลย ถึงเหงื่อจะออกมากไม่เท่าก็ตาม
“พวกฉันไปต่อไม่ไหวแล้ว ถ้าไปลึกมากกว่านี้ ต้องเสีย HP แน่ๆ”เป็นเทียร่าที่อธิบายออกมา ตอนแรกๆเธอก็ผนึกพลังไม่มากหรอก แต่พอเธอเข้ามาลึกเรื่อยๆ พลังแค่พื้นๆ กลับไม่พอซะแล้ว จึงต้องผนึกพลังเข้าร่างมากยิ่งขึ้น จนอาการเหนื่อยเมื่อยล้าแสดงออกมาทางร่างกาย นี่ถ้าไม่ใช่ผู้เล่นที่มีความละเอียดในการเล่นเกมที่สูงละก็ คงตายไปตั้งแต่ทางเข้าแล้ว
“พักที่นี่ก่อนนะครับ”เฟตกล่าวอย่างเป็นกังวล เขาไม่อยากเห็นผู้หญิงมาทุกข์ทรมานกับอะไรแบบนี้เลย ให้ตายซิโรบิ้น
“แค่ตรงนี้ไม่พอหรอก นายต้องพาไปส่งนอกป่า พวกเธอถึงจะได้พัก”ลีเวียธานแนะนำออกมา จริงๆแล้วตัวเธอก็มีระดับเดียวกันกับพรอม แต่ด้วยความใช้งานพลังที่ละเอียดกว่า ส่งผลให้พลังของเธอไม่สูญเปล่า ต่างกับผู้เล่นพวกนี้ ที่ผนึกพลังทิ้งๆ ขว้างๆ ไม่ยอมเก็บมาใช้บ้างเลย แต่จะว่าไปก็ไม่ได้หรอกนะ เพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจวิธีการใช้พลังแบบละเอียด
เฟตได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกหนักใจ ด้วยรู้สึกเสียดายว่าเป้าหมายอุตส่าห์อยู่ไม่ไกลแล้ว แต่จะให้พวกเธอออกไปเองก็ใช่ที เพราะพวกเธอเลเวลยังไม่สูงพอสู้ที่จะสู้กับทรีบากส์ตามลำพัง ที่ผ่านๆมาก็ได้ลีเวียธาน จาเนีย และพรอมที่ออกหน้าให้
“ก็ได้ครับ”ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ ผู้หญิงสำคัญกว่าผู้ชาย หรือกระทั่งความแค้น เฟตเลยเลือกที่จะช่วยพวกเธอแทนการจะเคลียร์ปัญหากับศัตรู แค้นนี้ สิบนาทีไม่สาย
“จาเนียพาไปส่งให้ก็ได้นะคะ”จาเนียอาสาแทน เธอรู้ว่าเจ้านายอยากจะจบปัญหาให้เร็วที่สุด และการแบ่งเบาภาระของเจ้านาย ก็คือสิ่งที่อสูรควรพึงกระทำ
“นั่นสิ ให้จาเนียไปส่งก็ดีแล้ว”ลีเวียธานเห็นด้วย แต่เฟตกลับรู้ว่าเธอแค่ไม่อยากมีคู่แข่งก็เท่านั้น เหมือนกับตอนที่พวกอสูรทรีบากส์บุกเข้าโจมตี ลีเวียธานนั้นโวยวายใหญ่ใหญ่เลย ว่าจาเนียแย่งความสนุกของตนไป
ชายหนุ่มไม่อาจปฏิเสธความหวังดีได้ ตนจึงมองเลยจาเนียไป จนกระทั่งไปเห็นพวกริเรียน่าและพรอม ที่เก็บอาการได้ดี แต่สภาพเหงื่อที่ออก กลับบ่งบอกว่า สูญพลังไม่ต่างกับใคร
“ออกไปพร้อมกับพวกเธอเลยดีกว่ามั้ยครับ”เฟตถามดู
“จะบ้าเหรอ ในนี้ฉันได้เปรียบเรื่องสภาวะพลังอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องมาห่วงเลย”แม้จะพูดแบบนั้น แต่ชายหนุ่มก็ยังมองออกว่าริเรียน่ากับพรอมใช้พลังไปเยอะ ตอนที่สู้กับฝูงอันเดส พวกเธอออกแรงมากจนเกินไป สงสัยจะเป็นเพราะเห็นว่าตนมีเลเวลที่มากกว่า แล้วควรนำหน้าล่ะมั้ง
และความจริงอีกข้อที่เฟตรู้จากพลังแห่งความตายนั่นก็คือ ในขอบเขตมหาเวทนี้ ไม่ใช่พลังความตายสายปกติของที่นี่ จะเป็นไปได้ยังไง ที่ริเรียน่ากำลังได้เปรียบ
ซึ่งความจริงแล้ว ในเขตมหาเวทของแบรนคอลนั้น เป็นเวทเผ่าความตายของอนูบีส พลังที่กระจายอยู่จึงเป็นพิษต่อคนที่ตกอยู่ในอาณาเขต เพราะคุณสมบัติของมหาเวทนี้ 1 ในนั้นก็คือ การหักค่าพลังชีวิตของผู้ที่อยู่ในเขตอำนาจมหาเวท
พวกเฟตจึงต้องใช้พลังมาป้องกันเป็นอาณาเขตไว้รอบตัว ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้ตัวต้นตอพลังมากเท่าไหร่มหาเวทนี้ก็แสดงผลมากขึ้นเท่านั้น ทำให้พลังของพวกสาวๆ ลดลงจนเกือบจะหมดหลอด
ซึ่งต่างกันกับกลุ่มของแบรนคอล ด้วยอยู่ในอาณาเขตของตนเอง พวกเขาเลยดึงพลังจากรอบๆพื้นที่มาผนึกใส่ร่างได้เรื่อยๆ โดยไม่ต้องเปลืองค่าพลังจิตของตน ฝ่ายริเรียน่าที่เป็นยมทูตของฮาเดสจึงไม่มีสิทธิ์ไปแย่งพลังของอนูบีสมาป้องกัน ซึ่งต่างกับเฟตที่ทักษะจอมมารแสดงผลการเรียนรู้ ด้วยการไม่ให้พลังพวกนี้มาทำร้ายตนได้อีกเป็นครั้งที่ 2 จึงเป็นเหตุให้เฟตไม่มีอาการเหมือนกับใคร ทั้งๆที่มีเลเวลต่ำกว่าพรอมแท้ๆ
ส่วนด้านตัวร็อคเอง เขาก็ใช้เวทฝนมาเป็นตัวชะล้างอำนาจเวทของแบรนคอล ด้วยในอานาเขตม่านฝน พลังของเขาจะมีอำนาจมากขึ้น ผลที่ได้จึงไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบใคร
“อย่าฝืนเลยครับ”เฟตกล่าวใบหน้าเย็นชา แต่แววตาไม่ได้เย็นชาตาม พวกเทียร่าที่วิธีอ่านความคิดจริงๆ ของชายคนนี้ ได้แต่หันไปมองหน้ากันไปมา เป็นห่วงแล้วไหงปากไม่ตรงกับใจล่ะฟะ
“ก็ได้”หลังจากทบทวนตัวเองดูแล้ว พวกพรอมก็ไม่อยากฝืนสู้ เมื่อไม่พร้อมก็ควรถอยไปตั้งหลักก่อน ใครเดินหน้าไหวก็ควรปล่อยไปก่อน
“ผมฝากด้วยนะครับจาเนีย ผมจะจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดครับ”เฟตกล่าวเหมือนให้กำลังใจ แต่จริงๆ ให้ตัวเองด้วยนั่นแหละ ลีเวียธานที่ได้ยินทำหน้าเป็นกังวลแทน เพราะรับรู้ว่า พลังที่อยู่ด้านในไม่ใช่ของเทพอสูรเพียงตนเดียว
เฟตยืนส่ง 5 สาวที่เดินออกห่างไป หลังจากพวกเธอลับตาไปแล้ว เขาก็หันมามองลีเวียธานที่จ้องมองตนเองอยู่
“ไม่ต้องไปด้วยก็ได้นะ นี่เป็นเรื่องของผมเอง”ชายหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ ที่ลีเวียธานติดตามเขานั้นมันเป็นเพราะอำนาจที่เขาไปกลั่นแกล้งเธอมากกว่า
“ฉันชอบการต่อสู้ ส่วนนายก็มีสิ่งที่ดึงการต่อสู้มาให้ฉันได้”แต่อสูรสาวกลับยิ้มแย้มตอบกลับมา พร้อมกับชี้ไปยังใบหน้าที่เป็นปัญหาดึงเรื่องยุ่งๆให้เฟต และหัวใจที่เป็นจุดกักเก็บสิ่งต่างๆเอาไว้
เฟตเห็นลีเวียธานชี้มาก็เข้าใจว่าเป็นการให้กำลังใจในแบบของเธอ ตนเลยทำคืนบ้าง ด้วยเป็นคนที่มีความสูงมากกว่า มือของเขาเลยยาวกว่า และจับสิ่งที่อยู่ล้ำหน้าตัวของหญิงสาวมาแบบเต็มๆมือ
ตอนแรกชายหนุ่มจะปล่อยอยู่หรอก แต่พอมือจับไปแล้วก็รู้สึกอยากจะสัมผัสให้มากกว่านี้มือของเขาเลยจับไปมากกว่าที่เป็นอยู่
“อืม ไซน์ไหนนะ” ชายหนุ่มพึมพำ ในขณะที่ลีเวียธานกัดฟันกรอดด้วยความโกรธแบบสุดๆ
“หน้าอกฉัน”หญิงสาวร้องพร้อมกับต่อยหมัดตรงเข้าสู่ใบหน้าของชายหนุ่ม แต่ด้วยปฏิกิริยาตอบสนองระดับสัตว์ประหลาด เฟตเลยโยกหลบเป็นวงอย่างงดงาม โดยที่มือไม่ได้ปล่อยสักนิด แถมยังไม่ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บอีกต่างหาก
“อย่าขยับสิครับ”ชายหนุ่มดุเบาๆ ก่อนจะละมือออกมาเหมือนพึ่งนึกได้ว่า ตนทักทายผิดแบบไปแล้ว
“มันมือไปหน่อย”เฟตกล่าวขอโทษก่อนจะชิ่งเดินนำไป โดยปล่อยให้ลีเวียธานยืนหน้าแดงอยู่คนเดียว
“อ้อ นั่นไซค์ F นะครับ จริงๆควรจะซื้อชั้นในมาใส่ก็ดีนะครับ”ชายหนุ่มที่ไปไม่ได้ไกล หันกลับมาตะโดนบอก ส่งผลให้ลีเวียธานหน้าแดงหนักกว่าเดิมเสียอีก
“นายนะนาย”ลีเวียธานคำราม ส่งผลให้เฟตต้องเดินกลับมาฟังใกล้ๆ จะพูดอะไรกับเขาหรือเปล่านะ
“อ้อ สงสัยเมื่อกี้ผมจะทำให้เสื้อขยับผิดรูปไปนิด”ชายหนุ่มนึกออก ก่อนจะช่วยจัดชุดของเธอให้เข้ารูป ในขณะที่หญิงสาวได้แต่กัดฟันกรอด นี่ถ้าไม่ติดที่มันเป็นเจ้านายล่ะก็ ถูกจับถ่วงน้ำไปแล้ว
“ไปเถอะครับ เดี๋ยวว่างๆ ผมจะหาซื้อชุดให้ใหม่ และให้ดีกว่านี้เลย”เฟตเห็นหน้าอารมณ์ไม่ดีของหญิงสาว ก็รีบออกตัว เดินนำไปทันที
ชายหนุ่มผมดำเดินเข้าสู่ป่าชั้นในด้วยความเงียบงัน เนื่องจากสาวผมน้ำเงินที่เดินร่วมทางด้วยอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่
“ผมขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”เฟตพยายามขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น ที่เขาบังอาจไปล่วงล้ำเขตหวงห้ามอาวุธส่วนตัวสำหรับผู้หญิง จริงๆตอนนั้นนึกว่าเป็นพวกอนาตาเซีย เลยผิดแผนไปหน่อย
“หือ”ลีเวียธานรับคำด้วยจมูก ในขณะที่สายตาก็จับจ้องไปยังป่าชั้นในที่อยู่ด้านหน้า
“เฮ้อ”เฟตถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกผิด ลูกผู้ชายไม่ควรทำให้ผู้หญิงโกรธ ควรจะทำให้เธอมีความสุขให้ถึงที่สุดนั่นแหละ คือความเป็นผู้ชายสำหรับเขาล่ะ
“ไม่ต้องกังวลหรอกน่า ฉันไม่ได้หวงตัวอะไรขนาดนั้นหรอก ปกติฉันก็ไม่ได้อยู่ในร่างมนุษย์อยู่แล้ว การโดนจับอะไรนิดอะไรหน่อยฉันไม่สนใจหรอก”ลีเวียธานหันมากล่าว เมื่อรับรู้ว่าเจ้านายเป็นกังวลเรื่องของเธอจนเดินหลงๆไป นี่ถ้าเธอไม่มาด้วย สงสัยอาทิตย์หน้าก็คงไม่ถึงที่ หรืออาจจะโผล่กลับมาอีกทีพร้อมกับลูกเมียก็เป็นได้ .....
“ครับ”เฟต ขานรับเสียงเบา แต่ความรู้สึกผิดก็ยังคงมีอยู่ ในส่วนลึกของจิตใจ
ลีเวียธานปรายตามาเห็นหน้าตาของเฟตก็ทนไม่ได้ ตนเลยเดินเข้าไปหาแล้วกุมจับมือของชายหนุ่มมาวางไว้ที่หน้าอกของตน
“ฉันบอกแล้ว ว่าฉันไม่ได้หวงตัว”ลีเวียธานพูดจบก็ทิ้งมือของเฟตลง
“ขอบคุณนะครับ”เฟตกล่าวด้วยรอยยิ้ม นี่เธอเป็นห่วงความรู้สึกของเขามากขนาดไม่หวงตัวเองเลยเหรอ
“ไม่เป็นไร แต่กลับไปถึงเมืองเมื่อไหร่ นายต้องเลี้ยงข้าวให้ฉันเป็นการไถ่บาป และต้องพาฉันไปซื้อชุดใหม่ด้วย อ้อ สิ่งที่นายเรียกว่าบลาด้วยนะ ฉันไม่รู้จัก ตอนนั้นเห็นชุดใส่ง่าย เลยเอาใส่เลย มิน่าล่ะ ทำไมพวกตัวผู้ชอบมอง”สิ่งที่หญิงสาวกล่าว เป็นเหตุให้เฟตต้องหุบยิ้มทันที โห นึกว่าจะห่วง ที่ไหนได้ มีข้อแลกเปลี่ยนซะงั้น
“อืม ว่าแต่ นายมีความคิดด้านมืดของแอสโมนิวมากเลยนะ สนใจไปทัวร์บ้านของเธอมั้ยล่ะ”ลีเวียธานกล่าวเหมือนหยอก ถ้าเกิดเธอพาเฟตไปหาแอสโมนิวได้ การกลับไปเอาพลังอำนาจของเธอกลับคืนมาคงไม่ยาก
“แอสโมนิว ที่เป็นแฟนของซาตานเหรอครับ”ชายหนุ่มได้ยินชื่อคุ้นหูก็ถามกลับไป ซาตานเคยบอกแล้วว่าเคยนัดเดทกับแอสโมนิว
“หือ ไอ้บ้าพลังนั่น แอบไปกิ๊กกับยัยหื่นอีกแล้วเหรอ เดี๋ยวฉันจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องลิลิธ ว่าตอนที่เธอไม่อยู่ซาตานแอบนอกใจ”ลีเวียธานพึมพำคนเดียวเบาๆ โดยไม่สนใจคำถามของเฟต ชายหนุ่มเลยต้องถามเป็นรอบที่ 2
“ใช่มั้ง แต่ตอนนี้สนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าดีกว่า”ลีเวียธานตัดบทแล้วมองไปยังป่าด้านหน้า แต่แล้วเมื่อทั้ง 2 เดินพ้นเขตป่าโปร่งเข้าสู่เขตป่าชั้นใน ทั้ง 2 ก็ต้องหยุดมองภาพที่ด้านหน้าด้วยความแปลกใจ
“นี่มัน อะไรกัน”เฟตพึมพำออกมา เมื่อเห็นซากอสูรทรีบากส์ ถูกอะไรบางอย่างทะลวงกลางลำต้นในครั้งเดียว ส่วนมัมมี่เองก็ถูกโจมตีในลักษณะแบบเดียวกัน คือกลางหน้าอกถูกทะลวงจนเป็นรูโหว่ขนาดกำปั้นมือ
จริงๆแล้วแค่อสูรเพียงตัวสองตัว เฟตจะไม่แปลกใจกับการที่ได้มาเจอซากอสูร ไอ้ที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือซากอสูรที่พวกเขาพบนั้น มีอยู่เป็นจำนวนมากและนอนกองกระจัดกระจายกันอยู่ในบริเวณเป็นจุดๆเป็นหย่อมๆ
‘ลองเข้าไปดูใกล้ๆ แล้วใช้พลังแห่งความตายกระจายเข้าไปดูซิ’อนาตาเซียบอกให้เฟตทำตาม ซึ่งชายหนุ่มก็เข้าไปดูใกล้ๆและทำตามที่เธอบอก
‘พลังแห่งความมืด’หลังจากพลังไหลผ่านซากมัมมี่จนกลับมาแล้ว อนาตาเซียก็กล่าวออกมาเสียงเครียด
“พลังแห่งความมืด”เฟตอุทาน เพราะไม่เคยได้ยินใครพูดถึงพลังสายนี้อีกเลย นับแต่ได้มังกรต้องสาป อนาตาเซียมาเนี่ย
‘มีสิ ฉันไม่ได้ใช้ได้เพียงคนเดียวซะหน่อย แต่ว่า ฉันอยากให้นายระวังตัวไว้ด้วย พลังแห่งความมืดของอสูรตนนี้เหนือกว่าฉันเยอะ’มังกรในร่างแนะนำออกมา
ตูม! ตูม!! ตูม!!! เสียงดังขึ้นที่ป่าด้านใน ทำให้พวกเฟตหันไปมองด้วยความสนใจ ด้วยรับรู้ว่าเป้าหมายคงอยู่ไม่ไกลแล้ว
เฟตและลีเวียธานหันมามองตากันเล็กน้อย แล้ววิ่งเข้าป่าลึกไปอย่างรวดเร็ว คนหนึ่งกลัวเป้าหมายหนี อีกคนกลัวการต่อสู้จะจบลงซะก่อน
เมื่อเฟตและอสูรมาถึงจุดที่เคยเกิดเสียง พวกเขาก็ต้องจ้องมองสถานที่ด้วยความมึนงง ชายหนุ่มเห็นร็อคศัตรูคู่อาฆาต กับอัศวินเกราะเงินที่ตนเคยพบในป่ากำลังต่อสู้กันอยู่ โดยพวกเขาถูกม่านพลังสีดำบางๆ ล้อมอยู่ในอาณาเขต 50 เมตร
ในมุมมองของเฟตต่างกันกับลีเวียธานตรงที่เธอมองเห็นแต่ความมืดที่กว้างใหญ่มองไม่เห็นจุดหมายอีกด้านเลย
“แหมๆ มาถึงเร็วกว่าที่คิดนะครับ”เสียงต้อนรับพวกเฟตดังขึ้น หลังจากมาถึง พวกเขาจึงมองตามเสียงขึ้นไป
“หมายความว่าไง”เฟตถามกลับเสียงเรียบตามสไตล์ ขณะจ้องมองชายผมสีน้ำตาลที่ยิ้มแย้มให้เขาอยู่บนต้นไม้
“ก็หมายความอย่างที่พูดล่ะครับ ไม่เห็นต้องตีความหมายให้ยุ่งยากเลย”ชายผมน้ำตาลหรือไมเคิลตอบอย่างอารมณ์ดี ขณะชี้ชวนให้พวกเฟตหันมองการต่อสู้ของร็อค
“คุณเห็นด้วยเหรอครับ”คำถามนี้ดังออกมาจากปากไมเคิล เมื่อเฟตหันไปมองได้ตามที่ตนบอก ซึ่งไม่มีควรจะมีมองเห็นได้นอกจากเขา แถมชายคนนี้มองยังไงก็เป็นแค่เผ่ามนุษย์ การมองฝ่าพลังเข้าไปเห็นได้ถือเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมาก
“ตาไม่ได้บอดนี่”เฟตปรายตามาตอบอย่างเย็นชา
‘เป้าหมายมาถึงแล้ว’ไมเคิลคิดอย่างยินดีพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก
ลีเวียธานที่จ้องไมเคิลอยู่นานนั้น อยู่ๆก็พุ่งตัวเข้าโจมตีบุคคลที่จ้องอยู่ หลังสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่ในโลกมนุษย์
“โอ้ๆ อย่าใจร้อนสิครับ สาวสวย”ไมเคิลกล่าวก่อนจะสะบัดมือใส่ลีเวียธาน พลังสีดำปรากฏตัวขึ้นแล้วพุ่งเข้าหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว สิ่งที่พุ่งเจ้าหาลีเวียธาน เป็นพลังสีดำที่อยู่ในลูกบอล จำนวน 3 ลูก โดยที่พลังนี้พุ่งเข้าหาหญิงสาวได้เหมือนกับมีตาแถมมีความเร็วที่สูงมากด้วย
ลีเวียธานที่พุ่งเข้าชนกับปัญหาเองนั้น ยิ้มเยาะที่มุมปาก ด้วยตนเป็นอสูรที่ผ่านการต่อสู้มาเยอะ ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอจึงเยอะตามไปด้วย หญิงสาวใช้อำนาจของตนเองดึงน้ำฝนที่อยู่โดยรอบมาป้องกันตัวพร้อมกับใช้เท้าถีบตัวถอยออกมา
บอลพลังสีดำ 3 ลูกพุ่งเข้าชนกับม่านน้ำที่ลีเวียธานตั้งไว้ โดยลูกบอลลูกที่ 1 ถูกหยุดอยู่กับม่านพลัง ลูกที่ 2 สามารถทำลายม่านน้ำของลีเวียธานได้ พอลูกที่ 3 มันก็ไม่มีอะไรให้หยุดแล้ว บอลพลังเลยพุ่งเข้าหาลีเวียธานตรงๆ จนหญิงสาวได้แต่มองบอลพลังที่พุ่งเข้าหมาตาค้าง ไม่นึกว่าจะมีพลังใดทำลายม่านพลังของเธอได้ง่ายดายแบบนี้
แต่ก่อนที่พลังจะโดนตัวลีเวียธาน เฟตที่คอยสังเกตการอยู่ก็พุ่งตัวเข้าไปแทรกพร้อมกับยกดาบทั้ง 9 ที่มีออร่าสีขาวบางๆ มาป้องกันการปะทะ ทว่า พลังทำลายล้างของลูกบอลมีมากมายกว่าที่ผู้เล่นระดับล่างอย่างเฟตจะเอาไหว ชายหนุ่มจึงกระเด็นไปไกลพร้อมกับดาบที่กระจายตัวไปรอบๆ
“โห้ โดนพลังของผมไปขนาดนั้น ไม่เป็นอะไรเลยเหรอเนี่ย”ไมเคิลอุทานแบบเสแสร้ง หลังเห็นเฟตไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย ทั้งๆที่พลังสีดำหนึ่งลูก สามารถสังหารอสูรทรีบากส์ได้ 1 ตัว
เฟตไม่ตอบรับคำ ด้วยรู้ว่าศัตรูตรงหน้าแข็งแกร่งกว่าที่เห็นมาก ชายหนุ่มจึงต้องทำสมาธิป้องกันตัวให้ดีที่สุด
“หืม แม้จะเป็นการยืนที่ดูแล้วน่าจะทำลายได้ง่ายๆ แต่ความรู้สึกกลับบอกว่าอย่าประมาท นายนี่เป็นคนที่น่ากลัวนะ”ไมเคิลวิเคราะห์สถานการณ์ด้วยรอยยิ้ม แต่เฟตผู้ถูกพูดถึงกลับทำหน้างง เขาก็แค่ยืนนิ่งอย่างสงบ เพราะกำลังเก็บขาต่างหาก เมื่อกี้ถอยมาแรงเกินไปหน่อย เส้นมันกดเลยหน้าตาเคร่งเครียดไปหมดแล้ว
‘พูดมากน่ารำคาญ รีบๆไปได้แล้ว’เสียงอันทรงอำนาจดังกึงก้องไปทั่วบริเวณ แม้แต่ลีเวียธานยังตัวสั่นเมื่อได้ยิน
“ได้ครับๆ”ไมเคิลขานรับเสียงที่ดังอย่างเนือยๆ แล้วหันมามองเฟตด้วยนัยน์ตายิ้มหวาน
“เตรียมตัว” ไมเคิลพูดไม่ทันจบ เฟตกลับกระเด็นไปกระแทกต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังเสียก่อนแล้ว
“อะไรกัน”เป็นครั้งแรกที่เฟตตามความเร็วของคนอื่นไม่ทัน จึงอุทานออกมา
“นายเลเวลเท่าไหร่กันแน่เนี่ย”ไมเคิลที่มายืนแทนจุดที่เฟตเคยยืนอยู่ถามอย่างมึนงง โดยมือที่พึ่งต่อยศัตรูไปยังยกค้างในท่าออกหมัดอยู่เลย
สิ่งที่ไมเคิลถาม มีเหตุผลในตัวเอง เมื่อเลเวลผู้เล่นสูงขึ้น การเคลื่อนไหวและปฏิกิริยาตอบสนองนั้นจะสูงตามไปด้วย ตอนที่ไมเคิลพุ่งเข้าโจมตีนั้นเป็นการพุ่งเข้าโจมตีด้วยความเร็วเต็มกำลัง การที่เฟตมองตามไม่ทันนั้น มันมีเหตุผลอยู่ข้อเดียว นั่นก็คือ ระดับความเคลื่อนไหวของผู้ถูกโจมตี น้อยกว่าการเคลื่อนไหวของเขามาก แถมเท่าที่ต่อยไปเมื่อกี้ น่าจะหลายขุมเลยทีเดียว
“อะไรกันฟะ ไหนบอกให้ระวังตัว แต่ยังไม่ทันขาดคำเลย ไหงโผล่มาแล้ว โกงนี่หว่า”เฟตส่ายหัวพึมพำไปคนละเรื่อง ขณะนวดที่หน้าท้องของตัวเองไปด้วย เนื่องจากเมื่อสักครู่ตนโดนต่อยเข้าที่ท้องไปเต็มๆ ยังดีที่ตนถอยหนีตามสัญชาตญาณกับมีเกราะมาช่วยป้องกัน ไม่งั้นได้ท้องทะลุไปนานแล้ว
“น่าแปลกนะ ทั้งๆที่นายมีดวงตาที่มองผ่านพลังความมืดแห่งความลวงของฉันได้ แต่นายกลับมีเลเวลไม่สูง แปลกจริงๆเลย”ไมเคิลยืนพล่ามโดยไม่กลัวลีเวียธานที่ยืนอยู่ข้างๆ จะโจมตีเข้ามาหรือไม่
ลีเวียธานที่ยืนเงียบอยู่นั้นพยายามรวมพลังเข้าสู่ร่างกายให้มากที่สุด เพื่อใช้ในการโจมตีในครั้งต่อไป แต่ก่อนที่เธอจะทำสำเร็จ เงาของไมเคิลก็หมุนวนมารวมตัวกันจนกลายร่างเป็นมังกรเงาขนาดใหญ่ซะก่อน
‘ไม่ได้เจอกันนานนะ จ้าวแห่งความริษยา ลีเวียธาน’เงาดำมืดทักทายลีเวียธานเฉกเช่นสหายสนิท จนไมเคิลต้องเหล่ไปมองอย่างสนใจ ว่าไอ้เงานี่จะย้ายไปอยู่ฝั่งศัตรูหรือเปล่า
“ฉันไม่ใช่ร่างหลัก”ลีเวียธานตอบออกไปเสียงเครียด ตอนแรกเธอว่าพอมีสิทธิ์ที่จะลุ้นได้ว่าตนจะลอบสังหารไมเคิลได้ แต่พอมาเจอกับอสูรต้นเผ่าของไมเคิลแล้ว เธอต้องคิดซะใหม่
‘โอ้ น่าแปลกใจจริงๆ ทั้งๆที่ความงดงามนี้จะอยู่แต่ในร่างจริงๆเท่านั้น ว่าแต่ ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ในร่างนี้ได้’เงามังกรดำยังคงสนทนาต่อไป
“ฉันมีเหตุผลของฉัน ว่าแต่นายทำไมถึงกล้าข้ามอาณาเขตมาถึงเพียงนี้”ลีเวียธานถามออกไป การที่อสูรจะข้ามถิ่นทวีปมานั้นมีความเสี่ยงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพลังที่เหมือนกันแต่เอามาใช้ไม่ได้ กฎของเทพนานาชาติ ที่บัญญัติร่วมกันไว้ถึงวีซ่าเข้าประเทศ ถ้าไม่มีเหตุผลพอ คงมีการส่งกลับผ่านทางกงสุลแน่
‘ข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎทุกข้อ เธอไม่ต้องห่วง อีกอย่าง จีอาคงมาเดินเรื่องนู่นนี่นั่นไล่พวกต่างด้าวกลับบ้านไม่ได้แล้วล่ะ ในเมื่อนางถูกจองจำไว้แล้ว’เงาสีดำพูดขณะเลื้อยมาหยุดมองดูลีเวียธานด้วยความสนใจ
“จีอาถูกจองจำรึ ใครจองจำนาง”ลีเวียธานอุทานออกมาตามคาด การที่อสูรระดับอดีตกาลถูกจองจำได้ เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากๆ
‘เจ้าอย่ารู้เลยดีกว่า มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเจ้า ว่าแต่ เจ้าคิดถูกแล้วรึ ที่เลิกรวบรวมพลัง’เงามังกรดำถามเสียงเรียบพร้อมกับเลื้อยกลับไปอยู่ในเงาของไมเคิล
‘แย่แล้ว’ลีเวียธานอุทานออกมาเมื่อไมเคิลพุ่งเข้าหาเธอด้วยความเร็ว การพูดคุยเมื่อกี้ของเงามังกรดำอาเป๊ปทำการถ่วงเวลาไว้ เพื่อที่จะเล่าประวัติของลีเวียธานให้ไมเคิลฟังได้หมดและจะได้เตรียมแผนได้ทัน
หมัดซ้ายของไมเคิลต่อยตรงเข้าสู่กลางอกของลีเวียธานเต็มกำลังเลเวล แต่ด้วยเลเวลที่เคยถึง 150 ความเร็วของหญิงสาวจึงเหนือกว่าหลายขุม ลีเวียธานจึงใช้เท้า เตะสกัดต้นขาของไมเคิลอย่างรวดเร็ว(เจาะยาง) พอศัตรูเสียหลักแล้ว หญิงสาวก็เสียบศอกสั้นเข้าสู่ปลายคางที่เปิดโล่ง (ศรสั้นทะลายประตู) แต่ไมเคิลก็ชำนาญการต่อสู้อยู่บ้าง จึงผนึกพลังเข้ามาป้องกันที่ใบหน้าได้ทันท่วงที ลีเวียธานเลยต้องถอยออกห่าง เผื่อเกิดอะไรผิดพลาด
“โอ๊ะ โอ๋ ไม่นึกว่าจะเป็นมวยไทด้วยแฮะ”ไมเคิลตะลึงกับการต่อสู้ระยะประชิดตัวของลีเวียธาน ตอนแรกเขาได้ยินอาเป๊ปบอกแล้วว่า ลีเวียธานเป็นมังกรแห่งท้องทะเล การต่อสู้ระยะประชิดตัว ในร่างมนุษย์เธอไม่มีทางชนะเขาได้
ลีเวียธานได้ยินเช่นนั้นก็แอบเหล่ไปยังหัวหน้าเผ่าตัวแสบ ที่พึ่งร้องเชียร์ให้ตนล็อคคอตีเข่าศัตรู การต่อสู้ระยะประชิดของเธอเมื่อสักครู่ เป็นการลอบสังเกตมาจากตอนที่เฟตสู้อยู่ในเมืองทั้งนั้น
แต่ตัวเฟตกลับไม่ได้คิดละเอียดขนาดนั้น เมื่อกี้เขามองเห็นแค่เส้นแสงมาปะทะกัน เห็นกันอีกทีก็ถอยออกมาแล้ว แต่ด้วยความที่เคยดูมวยมาก่อน จึงรู้วิธีร้องเชียร์ที่ถูกต้องตามหลักผู้ชมที่ดี
“ฉันเก่งกว่าที่นายคิดละกัน”ลีเวียธานละความสนใจจากเจ้านายแล้วหันมาข่มไมเคิล แต่ความเป็นจริงเธอรู้ดีว่าตนเองไม่อาจเอาชนะศัตรูได้ ถ้าเกิดไมเคิลใช้พลังของอาเป๊ปแบบเต็มกำลังเมื่อไหร่ เธอที่อยู่ในร่างอันมีแต่ขีดจำกัด คงแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
“นั่นสินะ คงต้องลองดูหน่อยแล้ว”ไมเคิลได้ทีก็พุ่งตัวเข้าหาลีเวียธานด้วยความเร็วสูง แต่ก่อนที่เขาจะถึงตัว ก็มีอะไรบางอย่างพุ่งผ่านหน้าไปด้วยความเร็วสูง จึงต้องหยุดเท้าแล้วหันมองไปในทิศทางที่ของสิ่งนั้นพึ่งผ่านหน้า
“อย่ายุ่งกับผู้หญิง”เฟตที่ถือปืนสั้นขนาดเท่าแขนกล่าวเสียงเย็นชา ก่อนที่พริบตาต่อมาจะมาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าของลีเวียธาน เป็นการโชว์ว่า จะแตะต้องเธอได้ ต้องผ่านศพตรูไปก่อน
ไมเคิลเห็นเฟตมาหยุดที่ด้านหน้าก็รู้สึกแปลกใจ แต่เขาไม่ให้ความสนใจเท่าไหร่ เพราะเป้าหมายที่น่ากลัวที่สุดในขณะนี้ คือคนที่ตามความเร็วของเขาทัน ไมเคิลเลยหมุนตัวแล้วทิ้งศอกใส่หน้าของศัตรูตรงหน้าเต็มแรง แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับเป็นไมเคิลที่ต้องถอยไปแทน หลังเฟตยกศอกขึ้นมากันกาอนจะสวนกลับอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่ มองตามไม่ทันแท้ๆ
“น่าแปลกใจจริงๆ”ไมเคิลอุทาน ทำไมเฟตถึงตามความเร็วและโต้ตอบเขาได้ทันล่ะ แต่พอไมเคิลมองศัตรูดีๆ ก็พบว่าชายคนนี้หลับตาไม่ได้มองไปยังทางใดทางหนึ่งเลย
“แปลกใจอะไร ถ้าสัมผัสทางสายตาแย่ ก็ใช่สัมผัสทางหูซิ”เฟตตอบขณะเก็บปืนเข้าซองที่ข้างขา อันเป็น 1 ในคอลเล็คชั่นชุดเกราะ
“สัญชาตญาณมันจะช่วยได้สักแค่ไหนเชียว”ไมเคิลพูดจบก็หายตัวจากจุดปัจจุบัน มาหยุดที่ด้านหลังของเฟตพร้อมกับแทงศอกสั้นไปกลางหลัง
ความรู้สึกแลสัญชาตญาณของเฟตร้องบอกให้ระวังที่ด้านหลัง ชายหนุ่มเลยหมุนตัวพร้อมกับยกการ์ดตามไปด้วย แต่พอเขายกค้างไว้ การปะทะที่ควรจะเกิดกลับไม่เกิดซะงั้น
“ติดกับแล้ว”เสียงของไมเคิลดังขึ้นที่ด้านบน พร้อมกับมีพลังขนาดใหญ่ทะลวงลงมา ก่อนที่เฟตจะทรุดนอนอยู่กับพื้นโดยมีไมเคิลยืนอยู่ในท่าวางมืออยู่เหนือหลังของเขา
ลีเวียธานเห็นดังนั้นก็พุ่งตัวเข้าไปหวังจะช่วยเจ้านาย แต่พอเธอเข้าไปใกล้ไมเคิลเท่านั้น เงาของชายตรงหน้าก็พุ่งเข้ามาหาเธอพร้อมกับพลังสีดำขนาดใหญ่ จนลีเวียธานต้องถอยก่อนจะถูกทำลายจากพลังที่ยิ่งใหญ่
ไมเคิลปรายตามามองลีเวียธานเล็กน้อย แล้วหันไปมองเฟตที่จมอยู่ใต้เท้าต่อ ถ้าเกิดอาเป๊ปลงมือเองเขาก็ไม่ต้องห่วงว่าใครจะฝ่าการป้องกันของเงาเข้ามาได้
“สัญชาตญาณคุณดีมากก็จริง แต่การต่อสู้ไม่ได้มีแค่การโจมตีเพียงทีเดียวหรือครั้งเดียวหรอกนะ”ไมเคิลพูดจบ ไอความมืดที่กดทับตัวเฟตอยู่ก็หมุนกลับคืนมาสู่เจ้านาย ก่อนจะมาวนรอบแขนขึ้นไปหัวไหล่ แล้วกลับมาสู่มือ พลังนี้หมุนวนยังกับสว่าน หลังจากพลังพร้อม ไมเคิลผู้เรียกใช้พลังก็ต่อยหมัดสังหารมังกรเข้ากลางหลังของศัตรูที่นอนอยู่แบบเต็มๆ
ตูม!!! เฟตและพื้นดินถูกกระแทกเข้าใส่อย่างแรงจนปรากฏหลุม ลึก 2 เมตร กว้าง 2 เมตร โดยเฟตนั้นนอนจมซากดินอยู่ในหลุมนั้น
‘หมอนี่มีสัญชาตญาณการต่อสู้ที่ดีมากนะ’อาเป๊ปส่งเสียงคุยกับจิตของไมเคิล เมื่อสักครู่ถ้าตนไม่ช่วยรวบรวมพลังให้ใช้ได้เร็วขึ้น เสี่ยววินาทีก่อนหน้านี้ เฟตคงตอบโต้ได้ทันก่อนแล้ว
“ใช่ แต่มันไม่มีประโยชน์หรอก เมื่ออยู่ในเกมสิ่งสำคัญก็คือ ความแข็งแกร่งที่แท้จริง”ไมเคิลพูดจบก็เดินออกมาโดยไม่สนใจชายหนุ่มผมดำที่นอนจมหลุมเลย
แม้เฟตเก่งกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ ในโหมดไร้พลัง แต่โลกแห่งนี้ความจริงช่างโหดร้าย เมื่อมีคนเก่ง ก็ย่อมมีคนที่เก่งกว่า สิ่งสำคัญในเกมก็คือ พลัง อำนาจ และความสามารถต่างหาก มีแค่ความเก่งน่ะ มันไม่พอหรอกนะ
ไมเคิลเดินห่างจากเฟตเพื่อเข้าไปหาลีเวียธาน แต่พอเขาละสายตามามอง ก็ต้องฉงนใจ เมื่อเห็นร่างจริงของลีเวียธานที่อยู่บนบกได้โดยไม่อาศัยน้ำทะเล
แต่ความแปลกใจก็หายไปทันที เมื่อชายหนุ่มมองเห็นว่านี่คือการเรียกร่างปลอมด้วยการจำแลงน้ำฝนให้มาเป็นร่างแทนตน
“เล่นอะไรแปลกๆนะครับ”ไมเคิลพูดจบก็รวบรวมพลังแห่งความมืดมาทำลายร่างน้ำของลีเวียธานจนสลายไปหมด แต่แล้วสิ่งที่ชายหนุ่มไม่คาดคิดก็ตามมา เมื่อดาบน้ำนับล้านเล่มหมุนวนอยู่ในบริเวณนั้นจนเขามองไม่เห็นอะไรนอกจากดาบ
“ไม่นึกเลยนะครับ ว่าเธอจะทำได้ถึงขนาดนี้”ไมเคิลกล่าวกับอสูรที่อยู่ในตัวของตน ส่วนมือก็ลอบปาดเหงื่อกับจำนวนดาบที่มากเกินกว่าที่เขาจะจิตนาการถึง
“ตายซะเถอะ”เสียงของลีเวียธานดังลอดม่านดาบมา ทำให้ไมเคิลต้องรีบผนึกพลังของตัวเองเข้าร่าง
พอดาบน้ำของลีเวียธานแทงเข้ามา ร่างของไมเคิลถูกล้อมด้วยม่านพลังสีดำ ซึ่งมีรูปทรงคล้ายกับไข่ยักษ์ที่เปลือกมืดสนิท จนมองหาจุดโฟกัสสายตาไม่ได้ หลังจากทักษะดาบน้ำของลีเวียธานหมดฤทธิ์ สิ่งที่หลงเหลืออยู่ ณ ใจ กลางทักษะคือความว่างเปล่า
“แฮ่ก แฮ่ก”ลีเวียธานหอบออกมาด้วยความเหนื่อยอ่อน ทักษะที่พึ่งใช้ไปเป็นสิ่งที่สิ้นเปลืองเป็นอย่างมากในร่างมนุษย์ ถ้าใช้ในร่างจริง คงจะไม่เหนื่อยแบบนี้ อีกอย่างน้ำที่เธอควบคุมมีคุณสมบัติที่ต่างไปจากน้ำทะเล ซึ่งมีผลต่อพลังที่ฝืนดึงน้ำสายอื่นมาใช้เป็นอาวุธ
“ยอดเยี่ยม”เสียงดังขึ้นโดยรอบตัวของลีเวียธาน ทำให้มังกรแห่งท้องทะเลสะดุ้งด้วยความตกใจ
“เป็นการโจมตีที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา”เสียงพูดดังออกมาอีก ในขณะที่หญิงสาวพยายามมองหาต้นตอเสียง
“มาแล้วรึ”เสียงดังขึ้นที่ด้านหลัง ทำให้ลีเวียธานต้องรีบหันไปมอง แล้วเธอก็พบว่าเจ้าของเสียงเป็นชายหนุ่มในชุดเกราะสีทอง มีผมสองสี ออร่ารอบกายเป็นของเทพ
“นายเป็นใคร”ลีเวียธานถามขณะใช้เท้าเตะสกัดชายที่พุ่งเข้ามาให้ถอยออกไป เธอไม่เคยเห็นหน้าร็อคมาก่อน
“กล้าถามได้ยังไง ว่าฉันเป็นใคร ทั้งๆที่แกกล้ามาท้าทายฉันแล้วแท้ๆ”ร็อคตะโกนใส่หน้าหญิงสาว สายตาของร็อคในขณะนี้ ลีเวียธานก็คือไมเคิลนั่นเอง
ลีเวียธานเห็นท่าไม่ดี ตนก็ไม่รอช้า ต่อยก่อนได้เปรียบ ตนจึงออกอาวุธระยะประชิดใส่แบบเต็มที่ ส่งผลให้ร็อคต้องถอยห่าง เนื่องจากการออกอาวุธแต่ละครั้งของหญิงสาวคนนี้หนักหน่วงเอามากๆ ถ้าผลาดไปทีมีหวังกรรมการหามลงเวทีแน่นอน
แต่ชายหนุ่มยังถอยไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ ที่ด้านหลังของร็อคกลับปรากฏมือสีดำที่ถูกผ้าสีขาวพันเอาไว้ โผล่พรวดมาคว้าจับแขนของร็อคด้วยความรวดเร็ว
“ชิ ไอ้เจ้าแบรนคอล”ร็อคสบถพร้อมกับระเบิดพลังของตนออกมา จนมือที่จับแขนเขาสลายไปเมื่อทนพลังเทพไม่ได้
ลีเวียธานจ้องมองร็อคสลับกับแขนที่โผล่ออกมาเรื่อยๆ ด้วยความมึนงง นี่เธออยู่ที่ไหนกันแน่เนี่ย
ในขณะที่ลีเวียธานกำลังมึนงง ที่ภายนอกโดมความมืดสีดำ ชายผมน้ำตาลยืนจับจ้องการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในโดมพลังเวทของตนอย่างใจเย็น
‘ไม่นึกเลยล่ะสิ ว่ายัยนั่นจะทำได้ถึงเพียงนี้’เงาสีดำถามขณะเลื้อยไป จนหยุดอยู่ตรงเลือดที่นองพื้นอยู่
“อืม นึกไม่ถึงเลยจริงๆ”ไมเคิลรับคำ ขณะใช้มือกดแผลที่เกิดจากถูกดาบนับล้านทิ่มแทงเข้ามา แม้เกราะเวทแห่งความมืดของอาเป็ปจะยอดเยี่ยมแค่ไหน แต่ช่วงขณะหนึ่งมันต้องมีขีดจำกัด แล้วยิ่งขีดจำกัดนั้นเกิดขึ้นในขณะต่อสู้ด้วยแล้ว ก็ไม่แปลกอะไรที่เขาจะพลาดท่าให้กับศัตรูบ้าง
ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังคุยกับเงาตัวเอง เขาก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างบนพื้น ซึ่งพอใช้พลังตรวจสอบดูจะก็พบว่าเป็นมนุษย์ แต่พอใช้สายตาปกติมองดู กลับมองเห็นเป็นเพียงก้อนหินเท่านั้น ไมเคิลสลัดข้อสงสัยด้วยการโจมตีเข้าใส่อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้หินก้อนนั้นกลิ้งหลุนๆ หลบพลังสีดำแทบไม่ทัน
“นายทำอะไรฟะ คนกำลังนอนสบายๆเลย”เฟตที่พึ่งกลิ้งหลบลุกขึ้นมาโวยใส่ โดยในมือนั้นถือปืนสไนเปอร์แบบโบล (ลูกเลื่อน) อยู่ 1 กระบอก
“นี่แก ไม่เป็นอะไรเลยเหรอ”ไมเคิลชี้นิ้วถาม เมื่อเห็นชายตรงหน้ายังคงชิวๆได้อยู่ เฟตถูกถามเช่นนั้นถึงกับทำหน้าจริงจังเหมือนเครียดแค้น ก่อนจะตอบในสิ่งที่ผู้ถามอยากจะบ้าตาย
“เป็นซิ นอนหลับสบาย เต็มอิ่มดีด้วย”
“อย่ามาตลกหน่อยเลย”ไมเคิลชี้นิ้วไปยังลีเวียธานที่อยู่ในโดมพลังลวงตาของตัวเอง ส่งผลให้เฟตมองตามมือ แล้วพริบตาที่เขาเห็นอสูรของตนเองอยู่ในนั้นก็หันขวับมามองหน้าศัตรูพร้อมกับถลึงตาใส่
“แหม อย่าทำเป็นโกรธซิ แค่เล่นๆเองนะ”ไมเคิลเริ่มกลับมาฟอร์มเก่าได้ ตามปกติศัตรูต้องโมโห โกรธ โง่จนไร้สติ เขาถึงจะได้เปรียบ แต่ดูเหมือนว่า รอบนี้จะไม่ใช่ทีของเขา เมื่อชายหนุ่มตรงหน้ากลับมีปฏิกิริยาที่เกิดคาดไปหน่อย เมื่อเห็นเส้นผมของเฟตเปลี่ยนไปเป็นสีแดง ส่งผลให้เขาต้องถอยออกห่าง คนที่มีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ มักจะนำพาเรื่องตะลึงมาเสมอๆ
“เปลี่ยนพลังโกรธให้เป็นพลังในนามธรรมและรูปธรรมได้ คุณผ่านภารกิจของจอมมารแห่งความโกรธ (ซาตาน) หรือเทพแห่งความชั่ว (โลกิ) กันล่ะ”ไมเคิลชวนเฟตคุยเล็กน้อย ขณะลอบสำรวจพลังของตนไปด้วย ว่าพอมีเหลือสู้กับศัตรูบ้างไหม
“....”เฟตเงียบเป็นคำตอบ แต่ปืนในมือถูกยกขึ้นมาประทับบ่ายิงใส่ทันที ส่งผลให้ไมเคิลต้องหลบอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ว่าจะหลบไปทางไหน ก็ถูกยิงดักทางได้ถูก ตนจึงเข้ามาอยู่ในระยะประชิด ในระยะนี้เขาได้เปรียบในด้านความเร็วและกำลัง เนื่องจากเลเวลสูงกว่ามาก แถมเผ่าพันธุ์ยังแข็งแกร่งกว่าด้วย
อาเป๊ปคือมังกรแห้งความมืด ที่เป็นศัตรูที่แท้จริงต่อเทพเจ้าราห์ หรือพระอาทิตย์แห่งแสงของแดนใต้ ถ้าราห์คือผู้ครองแสงสว่างทั่วโลก อาเป๊ปก็คือผู้ปกครองความมืดที่เป็นอริร้ายที่ราห์ไม่อาจกำจัด และไมเคิล ก็ถือผู้เล่นหนึ่งในส่วนน้อยที่ผ่านภารกิจสุดยากขอเทพอสูรตนนี้นั่นเอง
แต่ช่างน่าเสียดาย ที่วันนี้ไมเคิลมาสู้กับสิ่งที่ผิดปกติและแตกต่างออกไปจากตำนานต่างๆโดยสิ้นเชิง เฟตไม่ใช่ผู้เดินตามทางใคร แม้เขาจะมีพลังของตำนานอยู่บ้าง แต่สิ่งพวกนั้นก็เป็นได้แค่ของแถมที่เกมมอบให้ สิ่งสำคัญจริงๆ คือเทคนิคและความสามารถในการต่อสู้ร่วมกับอาวุธต่างหาก
“ยอดเยี่ยม”ไมเคิลกล่าวชื่นชม หลังจากตนเข้ามาสู้ในระยะประชิดตัวแล้ว แต่เฟตกลับป้องกันตัวได้ทันท่วงที ต่างจากก่อนหน้านี้ หน้ามือเป็นหลังเท้าเลยทีเดียว
“ยังไม่ได้เข้าโรงพยาบาล ไม่ต้องให้ยอดมาเยี่ยมก็ได้”เฟตสวนกลับขณะหมุนตัวเตะใส่ศัตรู แต่ไมเคิลกลับหลบได้ เขาจึงคว้าปืนสั้นออกมายิงเสริมไปหลายสิบนัด แต่ศัตรูก็ยังเคลื่อนที่ได้เร็วกว่ากระสุนเหมือนเดิม
‘พลังแห่งความมืดของจ้าวมังกรอาเป๊ป ช่วยในหลายๆอย่าง หนึ่งในนั้นคือช่วยฟื้นสภาพร่างกายและบาดแผล’อนาตาเซียแนะนำออกมาอย่างร้อนรน อสูรตนนี้อยู่ในระดับสูงที่สุดแห่งแดนใต้ ถ้าให้เธอเทียบแล้ว ก็คงเป็นได้แค่เล็บล่ะนะ
“แหม อย่าเสียงเศร้าแบบนั้นซิ เอาคนอื่นมาเทียบกับตัวเองทำไม คุณน่ะ ดีที่สุดสำหรับผมแล้ว”เฟตที่พึ่งเปลี่ยนแม็กกาซีนปืนสั้นกล่าวกับตัวเอง เนื่องจากรับรู้ว่ามังกรแห่งความมืดของตนเองกำลังน้อยเนื้อต่ำใจ
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าน่ะ”ไมเคิลที่ได้รับการรักษาจนแผลหายหมดแล้ว ถามอย่างมึนงง เมื่อเห็นศัตรูคุยตัวคนเดียว
‘เจ้านายต้องหยุดเขาด้วยแสงเท่านั้นค่ะ เนื่องจากธาตุแห่งความมืดมีแสงเป็นศํตรู’ไรน่าแนะนำออกมาแทนอนาตาเซียที่พึ่งเงียบไป หลังจากได้รับกำลังใจชั้นเยี่ยมจากเจ้านาย
“แล้วผมจะหาได้จากไหนล่ะ รอบด้านมืดซะขนาดนี้ อีกอย่าง คนอย่างผมไม่ใช่คนมีไฟเสียด้วยซิ”เฟตยังคงสนทนากับอสูรตนเองต่อไป แม้ตนจะพึ่งคว้าปืนยิงใส่ศัตรูเป็นว่าเล่นสลับกับคว้าดาบไปฟันก็เถอะ
“เฮ้ย”ไมเคิลร้องลั่น หลังจากถูกสารพัดการโจมตีของเฟตรุกไล่จนต้องถอยหลังหนี นี่ยังไม่นับพวกดาบที่มีออร่าแบบเทพออกมาด้วยนะ
แต่นั่นยังไม่น่าตกใจเท่ากับลูกระเบิดที่เฟตพึ่งปล่อยออกมา ตกลงไอ้หมอนี่ใช้อาวุธอะไรกันแน่ล่ะเนี่ย
“ไม่เลวเลยนะครับ”ไมเคิลกล่าวอย่างยินดี หลังจากหายตะลึงไปแล้ว แม้อาวุธของเฟตจะแปลกไปบ้างในเกมแห่งนี้ แต่ทุกอย่างต้องพึ่งค่าระดับและประสบการณ์ที่สะสมมา และเขาก็ยังเป็นผู้เล่นที่อยู่ในเผ่ามังกรระดับสูงของแดนใต้เสียด้วย การโจมตีที่ผ่านมาทั้งหมดของเฟต รวมกัน ยังไม่อาจเทียบได้กับพลังการโจมตีของมังกรอาเป๊ปเลย
เปรี้ยง!!! เสียงปืนของเฟตดังขึ้นอีกครั้ง โดยไม่สนใจในความพร้อมของศัตรู แต่พริบตาที่เขาลั่นไก เป้าหมายกลับหายไปจากวิถีกระสุนเสียแล้ว
ตูม! เสียงหมัดเปล่าๆ กระแทกเข้าใส่เต็มๆท้องของเฟต พอมองดูอีกครั้ง ก็พบว่าไมเคิลย่นระยะเข้ามาประชิดแล้วส่งหมัดสู่ดาวเข้าใส่เขานั่นเอง
ร่างของเฟตลอยละลิ่วไปข้างหลัง ก่อนจะปะทะเข้ากับต้นไม้จนหักโค่นไปตามๆกัน นี่ถ้าไม่มีต้นไม้ เฟตคงกระเด็นไปไกลกว่านี้แน่ๆ
หลังจากตั้งสติได้แล้ว เฟตก็ลุกขึ้นมายืนอีกครั้งพร้อมกับกระอักเลือดออกมาเล็กน้อย ไมเคิลที่จ้องอยู่ทำหน้าเข้าใจขึ้นมาทันที ว่าทำไมมนุษย์ที่โดนเขาต่อยถึงไม่ยอมตาย ทั้งๆที่หมัดนั้นสามารถล้มมังกรได้เลยทีเดียว
“เพราะเสื้อเกราะนั่นซินะ”ไมเคิลชี้นิ้วไปยังชุดของเฟต พริบตาที่เขาต่อยหมัดเข้าใส เขารู้สึกได้เลยว่า มีพลังอะไรบางอย่างมากันหมัดของเขาไว้ ไม่ให้โจมตีได้เข้าถึงตัวเป้าหมาย นอกจากพลังลึกลับนั่นแล้ว ยังมีเกราะกันกระสุนแปลกๆ นั่นอีก ที่ช่วยดูดซับพลังการโจมตีเอาไว้ได้เกือบทั้งหมด
“ขอบคุณมากนะครับ ไรน่า”เฟตไม่ตอบคำของศัตรู เขากล่าวขอบคุณอสูรของเขาแทน แม้ปกติจะใช้ดาบคุ้มกัน แต่พอศัตรูมีความเร็วที่เหนือกว่าจนเข้ามาประชิดตัวได้ เขาก็ได้รับรู้ว่า เกราะที่ไรน่าแทรกซึมอยู่มีความสามารถในการป้องกันสูงขนาดไหน ดูอย่างตอนที่ถูกไมเคิลอัดเข้าที่กลางหลังซิ นั่นถ้าไม่ได้เกราะนี้ช่วย กระดูดสันหลังคงหักจนได้แต่นอนรอความตายเท่านั้นแหละ
ไมเคิลเห็นตนเองถูกเมินก็ลอบใช้ทักษะตรวจสอบศัตรูตรงหน้า
‘เป้าหมายชื่อเฟตค่ะ เลเวล 60 เลือด คงเหลือ ???/14,000 ค่ะ’เสียงของระบบรายงานที่ข้างหูไมเคิล ส่งผลให้ชายหนุ่มได้แต่สังเกตเป้าหมายต่อไปด้วยตัวเอง ปกติผู้เล่นเลเวล 60 ค่าพลังเลือดควรจะขึ้นไปมากกว่านี่สิ หรือไม่ก็ต้องขึ้นไปเกิน 20,000 แล้ว
แม้เกมนี้พลังพวกนี้จะไม่มีประโยชน์เมื่อนำมาเทียบกับปัจจัยการต่อสู้อื่นๆ แต่ในหลักความเป็นเกมแล้ว สิ่งพวกนี้ผู้เล่นควรให้การเอาใจใส่เสียหน่อย หากพบอะไรไม่ชอบมาพากลจะได้คุยกับทางระบบของเกมได้
ปกติเมื่อเลเวลผู้เล่นมาถึงที่เลเวล 50 เลือดจะถึงหยุดอยู่ที่ 9,999 ซึ่งพอผู้เล่นผ่านเควส เปลี่ยนระดับ จากชั้นชำนาญ (20-50) ไปยังชั้นขุนนางแล้ว (50-100) เลือดก็จะไปแตะที่ 10,000 ทันที เพื่อบ่งบอกว่านี่ล่ะ คือคนที่ผ่านชั้นมาแล้วนะ จากนั้นร่างกายจะค่อยๆปรับสภาพความแข็งแกร่งให้เพิ่มตามไปด้วย ใครมีค่าที่แข็งแกร่งแต่เริ่ม พอเลื่อนชั้นไป ความหนาแน่นของกำลังร่างกายก็จะเพิ่มขึ้นตามความฝึกฝนของผู้เล่นนั้นๆ
แต่เหตุที่เฟตมีอะไรไม่ปกตินั่นก็เป็นเพราะว่า เขาเลื่อนระดับเร็วเกินไป จนร่างกายปรับสภาพตามระดับความแข็งแกร่งไม่ทัน ค่าพลังต่างๆจึงรวนไปหมด แต่ไม่เป็นไรของแค่นี้ใช้เวลานิดหน่อยทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติแล้ว แม้จะนานกว่าคนที่ผ่านภารกิจแบบทั่วๆ ไป มากไปหน่อยก็ตาม
“เลเวลแค่ 60 แต่สู้กับผมที่มีเลเวล 120 ได้ขนาดนี้ คุณเก่งมากเลยนะครับ ฉะนั้น จนยิ้มรับอย่างยินดีเถอะ ที่ได้ตายเพราะผมที่เอาจริงกับผู้เล่นระดับที่น้อยกว่ามากเถอะ”ไมเคิลกล่าวชื่นชมจากใจจริง คนที่ทำให้เขาเอาจริงได้ ตอนนี้มีเฟตเพิ่มมาอีกคนแล้ว
เฟตที่ได้ยินกลับเอามือแคะหูเหมือนกับมีแมลงบินเข้าไปเต้นบีบอย เขาเป็นคนไม่สนใจอยู่แล้ว จะทำอะไรก็ทำเถอะ
ไมเคิลเห็นเช่นนั้นก็นึกชมชายตรงหน้าในใจ ที่ศัตรูไม่ท้อให้กับเลเวลของตนที่พึ่งบอกให้รู้ การที่ผู้เล่นจะมาถึง เลเวลนี้ได้ ต้องผ่านอะไรต่อมิอะไรมามากมาย เลเวลยิ่งเยอะการเก็บเลเวล เลื่อนระดับ และเงื่อนไขต่างๆก็มีมากตามไปด้วย ซึ่งนี่คือมนตร์เสน่ห์ของเกมนี้เลย ที่การเล่นผ่านระดับหรือเลเวลไม่ง่ายและไม่ยากจนเกินไป ยกเว้นแต่ว่าผู้เล่นจะมีไหวพริบพอหรือเปล่าเท่านั้น ผู้เล่นบางคนยังต้องอยู่ระดับขุนนางไปตลอด ทั้งๆที่เล่นมาเป็นปีๆ นั่นก็เป็นเพราะคนบางคนไม่มีไหวพริบที่จะเลื่อนระดับน่ะซิ
พลังสีดำของไมเคิลไหลวนรอบๆ ป่าบริเวณนั้นอย่างรุนแรง เป็นเชิงขู่ให้จิตใจเฟตสั่นไหว
แม้เอฟเฟ็คของไมเคิลจะน่ากลัวขนาดไหน แต่จิตใจของเฟตกลับนิ่งสงบ เพราะตามนิสัยปกติเขาเป็นคนไม่สนโลกอยู่แล้ว ตายเป็นตาย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สักวันหนึ่งเดี๋ยวก็ตาย งั้นตายตอนไหน ก็ตายตอนนั้นก็แล้วกันนะ
ไมเคิลจ้องมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างสนใจยิ่งขึ้นไปอีก แม้อาเป๊ป (ตัวจริง) จะมีภารกิจให้เขามาทดสอบความสามารถของเฟต แต่พอเอาเข้าจริงๆ เขากลับรู้สึกอยากจะเอาชนะชายคนนี้เข้าจริงๆ เสียแล้ว
หลังจากพายุพลังก่อตัวขึ้นจนคล้ายกับพายุจริงๆ ที่รอบตัวของเฟตก็มีประกายแสงโผล่ออกมาจากตัวเรื่อยๆ จนชายหนุ่มเริ่มจมหายไปกับแสงหลากสีที่หมุนวน พอพายุเริ่มเบาบางลง สิ่งที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าไมเคิล ก็ถึงกับทำให้เขาอ้าปากค้าง เมื่อศัตรูมีปีกสุดประหลาด แถมยังมีถึง 3 คู่เลยด้วย
เฟตขยับคอไปมาเป็นการวอมอัพ จากนั้นก็เริ่มทอสอบปีกของตัวเองเพื่อเสริมความมั่นใจ หลังจากเห็นว่าปีกขยับได้ดั่งใจคิด ชายหนุ่มจึงเผลอยิ้มออกมา ก่อนจะหันมาทางศัตรูด้วยนัยน์ตาที่ว่างเปล่าเย็นชา
เฟตไม่สนใจรูปธรรมที่ดูไร้เทียมทานของไมเคิล เพราะเขาได้มองเห็นถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของศัตรูแล้ว ไมเคิลไม่อาจสู้ได้เพียงลำพัง หากไร้ความมืดที่อยู่รอบตัว
ไมเคิลเห็นดวงตาของเฟตเปร่งประกายสีทองแบบเทพ ตนจึงรู้สึกว่าไม่น่าไว้วางใจ ตนเลยพุ่งหมัดและเรียกปีกพร้อมกับกรงเล็บมังกรออกมา พอเข้ามาในระยะออกอาวุธ ชายหนุ่มก็ตวัดกรงเล็บเข้าใส่ ก่อนจะอ้อมไปที่ด้านหลังแล้วแทงมือเข้าใส่หัวใจหวังทำลายเฟตให้สิ้นซาก แต่พอมือของไมเคิลได้เข้าไปใกล้จะถึงแผ่นหลัง เฟตหมุนตัวแล้ววกมือมาจับเข้าที่ข้อมือไว้ของเขาไว้อย่างรวดเร็ว
“ฉันเห็นนายแล้ว”เฟตแสระยิ้มกล่าวอย่างเย็นชา ก่อนจะคว้าดาบที่อยู่ในความมืดแล้วฟาดใส่ศัตรูอย่างรวดเร็ว แต่ผู้เล่นระดับสูงอย่างไมเคิลหรือจะพลาด เขารีบรวมพลังมาไว้ที่ด้านหน้าตนเอง จนปรากฏเป็นลูกลองพลังสีดำที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ยังไม่ทันที่จะถึงจุดกำหนด ไมเคิลก็รีบสั่งการให้มันทำงาน เพราะเห็นดาบของเฟตกำลังจะฟาดโดนหัวอยู่แล้ว
ตูม!!! เสียงระเบิดของบอลพลังสีดำ ก่อนที่เฟตและไมเคิลจะกระเด็นออกห่างจากกัน เหมือนแม่เหล็กขั้วเดียวกันดีดกันเอง
“ทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ”เฟตถามอนาตาเซีย แต่ไมเคิลกลับเข้าใจว่าถามตน
“ผมได้พลังนี้มานานแล้ว การฝึกฝนให้ชำนาญมันก็เป็นเรื่องปกติ”ไมเคิลยิ้มรับอย่างภูมิใจ การนำพลังของเทพอสูรมาใช้ได้อย่างใจชอบ มันเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แม้จะเผ่าเดียวกัน แต่ระดับการใช้ก็ต่างกันเสียนี่อะไร ทว่า ถ้าใช้ได้เหมือนแค่เศษเสี่ยว แค่นั้นผู้เล่นก็น่ายินดีแล้วล่ะ
“ลองมั่งดีกว่า ทำยังไงนะ กดพลังบีบอัด ก่อนจะกระจายออกมาในจุดที่อิ่มตัวเหรอ ยากเหมือนกันแหะ”เฟตพึมพำตามที่อสูรตนเองบอก ก่อนที่เขาจะหลับตาลงเพื่อทำสมาธิ ของในเกมนี่ มันทำยากจริงๆแหะ
ไมเคิลเห็นศัตรูกำลังมีสมาธิจดจ่อ ตนก็พุ่งเข้าหาหวังจะทำลายให้สิ้นซาก เฟตตามความเร็วของเขาทันแล้ว ถ้าให้ดี ควรจะฆ่าให้ตายให้ไวที่สุด มนุษย์คือเผ่าที่ปรับตัวได้เร็วที่สุดแล้ว แม้จะอ่อนแอในด้านสมรรถนะ แต่ด้านความปรับตัวต้องยกให้เลยจริงๆ
ยังไม่ทันที่ไมเคิลจะได้เข้าถึงตัวศัตรู เฟตกลับกระทืบเท้าใส่พื้นเหมือนคนโมโห ถ้าเป็นคนทั่วไปคงพุ่งเข้าไปต่อ แต่ผู้เล่นระดับสูงอย่างไมเคิลกลับรู้ถึงอันตราย ตนจึงหยุดก่อนที่จะเข้าถึงตัว แต่นั่นดูเหมือนจะช้าไปแล้ว เมื่อพลังสีดำโผล่พ้นจากจุดที่เฟตกระทืบ มันกระจายตัวเป็นวงออกจากรอบตัวผู้เป็นนาย ก่อนจะพุ่งเข้ามาปะทะกับร่างของไมเคิลอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ผ่านมากลับไม่ได้มีแค่หนึ่ง ภายในความมืดกลับมีพลังสีแดงโผล่ออกตามมาติดๆด้วย
ไมเคิลร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของชายหนุ่มปรากฏคำถามว่าทำไมชายคนนี้ถึงมีพลังแห่งมืด แล้วทำไมพลังแห่งความตายถึงแฝงอยู่ภายในกลายได้ล่ะ แต่นั่นยังไม่น่าตกใจเท่ากับพลังความมืดธรรมดาๆ ทำไมถึงทำร้ายเขาที่มีเศษเสี้ยวพลังของจ้าวมังกรความมืดแห่งแดนใต้ล่ะ
ด้วยอาเป๊ปเคยอยู่ในนรกของอียิปต์มาก่อน จ้าวมังกรจึงชินชากับพลังแห่งความตายของอนูบิส พอมันได้มาเจอพลังของอนูบีสมันก็สามารถดึงใช้ได้อยู่แล้ว เพราะรู้จักกันดีและอีกอย่าง ตัวของมันก็เป็นถึงจ้าวมังกรแห่งความมืดด้วย แต่เมื่อไมเคิลได้มาเจอกับพลังแห่งความตายของแดนตะวันออก (ฮาเดส) ความมั่นใจที่อาเป๊ปมีจึงส่งผลร้ายอย่างรุนแรงให้ไมเคิล เมื่อทั้ง 2 ไม่ได้ผนึกพลังต้านเลยสักนิดพอพลังแห่งความตายที่ไม่คุ้นเข้ามาในร่าง พลังต่างสายก็รีบพุ่งเข้าไปทำลายสิ่งที่อยู่ภายในทันที
“อ๊อก”ไมเคิลสำรอกเลือดออกมาเป็นลิ่มๆ เมื่อพลังของเฟตพุ่งเข้ามาทำลายอวัยวะภายในของเขา แม้ชายหนุ่มจะผนึกพลังเข้าต่อต้านตอนที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว แต่นั่นดูเหมือนจะช้าไป เพราะการผนึกพลังทำได้ก็แค่ภายนอก มันเข้าไปช่วยอะไรข้างในไม่ได้หรอก ด้วยเหตุฉะนี้การต่อสู้ในวงการเทพอสูรจึงห้ามเผลอหรือมั่นใจพลังของตัวเองหรือเทพอสูรจนเกินไป ผลร้ายที่ได้ตอบรับกลับมา อาจจะร้ายกว่าที่คิดก็เป็นได้
เฟตที่มองอยู่ ก้มมองอาวุธในมือ ก่อนจะพยักหน้าให้กับดาบที่เป็นฝ่ายชนะ จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปหาศัตรูพร้อมกับดาบในมือ เมื่อมาถึงในระยะหวังผลของดาบเฟตก็ถูกยกขึ้นก่อนจะฟาดลงมาเพื่อบั่นคอไมเคิลเป็นการยุติเหตุขัดแย้งที่เกิดขึ้น
แต่แล้วบุรุษที่ดิ้นเป็นหนอนถูกลวกอยู่ที่พื้นกลับระเบิดพลังสีดำออกมา ส่งผลให้เฟตต้องรีบถอยหนี เพราะผลเสียในการไม่เตรียมพร้อมรับมือ เขาได้เห็นจากศัตรูแล้ว
ไมเคิลเห็นว่าถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป อาจจะพ่ายแพ้ต่อเฟตได้ จึงเอ่ยปากออกมาอย่างยากลำบาก
“ในน้ำแห่งมังกรผู้ซื่อสัตแห่งอาเป๊ป ข้าขอพลังเศษเสี้ยวของท่าน โปรดสถิตต่อตัวข้า”ไมเคิลอัญเชิญพลังของอาเป๊ปมาอีกครั้ง
วูม!!! พลังสีดำพุ่งผ่านฟากฟ้าลงมาสู่ใจป่าอาถรรพ์โดยทะลุวงมหาเวทของแบรนคอลลงมา แสงสีดำที่ปกคลุมอย่างอ่อนๆ รอบป่าอาถรรพ์สลายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเจอพลังแห่งความมืดที่มีค่าความหนาแน่นที่มหาศาล แต่ถึงอย่างนั้นเมฆหมอกสีดำก็ยังคงป้องกันไม่ให้แสงอาทิตย์ลอดผ่านลงมาได้อยู่ดี เพราะในเขตนี้ยังมีจ้าวแห่งความมืดอยู่
เมื่อพลังแห่งความตายรอบป่าสลายไป พลังสีดำของอาเป๊ปก็หมุนวนรอบป่าอาถรรพ์เป็นการแทนที่ก่อนจะพุ่งเข้ามาหาไมเคิล บุรุษที่เรียกหาพลังจากเจ้านาย
เฟตจ้องมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความสนใจ เมื่อเห็นความแฟนตาซีอันน่าตื่นเต้น ร่างของไมเคิลถูกพลังแห่งความมืดห่อหุ้มเอาไว้คล้ายกับเปลือกไข่ขนาดมหึมาที่ตั้งอยู่ใจกลางป่า เฟตจ้องมองอยู่นานเมื่อไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง ตนเลยหันไปดูอย่างอื่นฆ่าเวลาแทน และนั่นก็คือลีเวียธานที่ถูกขังอยู่ในโดมพลังสีดำที่ยังไม่แตกสลายไป
หลังจากดูไปได้สักพัก เฟตก็เรียกพลังออกมาเตรียมทำลายม่านพลังทิ้ง เพื่อช่วยอสูรของตนเองที่กำลังนั่งจิบชาดูการต่อสู้ของพวกร็อค แต่แล้ว เปลือกไข่ที่กำลังห่อตัวดักแด้กลับระเบิดออกมาซะก่อน ส่งผลให้เฟตต้องหันกลับมามองก่อน เพราะสถานการณ์ของเขาดูจะอันตรายกว่าเยอะ
“ไม่นึกเลยจริงๆ ว่าจะได้พลังของอาเป๊ปมาใช้ตรงๆ”ไมเคิลที่เปลี่ยนสภาพไปโดยสิ้นเชิงกล่าวเสียงเรียบ ก่อนจะเดินออกจากหลุมมิติที่อยู่ในไข่ ไมเคิลที่มีผมกับดวงตาสีดำสนิทมองฟ้าด้วยความเซ็ง ก่อนจะหันมามองศัตรูที่ทำให้เขาต้องเอาจริงถึงเพียงนี้
“เตรียมตัว ตอนนี้ผมมีพลังของอาเป๊ปแล้วนะ”ชายหนุ่มกล่าวเสียงเย็นชา ใบหน้านิ่งเรียบเหมือนคนตาย
การที่ผู้เล่นจะมีพลังของเทพอสูรได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากผู้เล่นคนนั้นๆ อยู่ภายใต้ข้อกำหนด ยกตัวอย่างเช่นไมเคิล ที่เป็นผู้เล่นภายใต้การปกครองของอาเป๊ป ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ผู้นำเผ่าจะให้ยืมพลัง แต่ทว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูที่ดุลพินิจของอสูรด้วย หากทำตัวไม่ดี หรือภารกิจไม่ถึงเป้า จะไม่แปลกใจอะไรเลย หากผู้นำเผ่าจะถีบออกจากกลุ่ม
แต่ถ้าเป็นการอัญเชิญอสูร ระบบจะเปลี่ยนไปอีกเล็กน้อย แต่ไม่ต่างอะไรมาก ถ้าเทียบก็เหมือนกับตอนที่ร็อคอัญเชิญโพไซดอลมานั่นแหละ หากไม่ใช่ผู้เล่นที่อยู่ภายใต้คอนโทรล หัวหน้าเผ่าอาจจะใจร้าย ส่งลูกน้องมาเก็บก็ได้ เป็นการลงโทษในกรณีที่ดันเสือกข้ามเผ่าไปขอร้องกัน แต่ในระบบนี้ อสูรที่ถูกอัญเชิญจะต้องเสียพลัง หรือผู้อัญเชิญส่งกลับ เท่านั้น ถึงจะกลับได้ หากไม่มีขีดจำกัด คงจะโกงกันน่าดูล่ะนะ
หลังจากพูดได้ไม่ทันไร ไมเคิลก็ต่อยหมัดตรงเข้าหาแล้ว เฟตเลยยกการ์ดขึ้นกัน พร้อมกับปีกเหล็ก ซึ่งพริบตาที่ปะทะกัน เฟตถึงกับกระเด็นไปไกลเลยทีเดียว
“แม้คุณจะมีเทคนิคหลากหลาย แต่น่าเสียดาย ที่คุณไม่มีท่าใหญ่เหมือนใครๆเลย”ไมเคิลกล่าวพร้อมกับเดินเข้าไปหาเป้าหมายอย่างใจเย็น
“ท่าใหญ่ อย่างคลื่นเต่าน่ะเหรอ”เฟตถามกลับอย่างฉงนใจ เขาจำต้องมีด้วยเหรอ ไอ้ท่าใหญ่เนี่ย
“ยังหน้าตายได้เหมือนเดิมเลยนะครับ เย็นชาเกินไปแล้ว”ไมเคิลพูดจบ เฟตก็กระเด็นไปอีกครั้ง การเคลื่อนไหวของไมเคิลเพิ่มสูงขึ้นอีกหลายเท่าตัว เมื่อเขาได้มีพลังของอาเป๊ปอยู่ในร่าง
เฟตที่พึ่งล้มตัวนอนหลังจากกระแทกกับต้นไม้ กระพริบตามองฟ้าปริบๆ นี่เขาจะแพ้เหรอเนี่ย ช่างน่าเศร้าใจจริงๆ เอาอะไรออกมาใช้ หรืองัดอะไรออกมาเท่าไหร่ ถูกไอ้หมอนี่ชนะได้ทุกที คิดแล้วเครียดเฟ้ย นอนดีกว่า
“คุณเป็นคนที่เก่งจริงๆนะครับ”ไมเคิลยังคงปากมากได้ทุกทีทุกเวลาจริงๆ เขาเดินเข้าหาศัตรูนิ่มๆ
“แต่ว่า แค่ความเก่งเอาชนะคนที่มีเลเวลมากกว่าไม่ได้หรอกครับ ในโลกแห่งนี้ ยังมีคนที่เก่งกว่าผมอีกมากมาย ถ้าคุณยังก้าวผ่านผมไปไม่ได้ คุณก็อย่าหวังว่าจะไปได้ไกลกว่านี้เลย”ไมเคิลยังคงพร่ำสอนต่อไป
“ZZZzzzz!!!”นี่เป็นเสียงคำตอบที่ได้รับจากคนที่นอนอยู่ ส่งผลให้คิ้วของไมเคิลกระตุก ไอ้ผู้เล่นคนนี้ มันเคยมีความตื่นเต้นใดในหัวใจบ้างมั้ยเนี่ย
แขนของไมเคิลปรากฏรอยสักขึ้นเต็มไปหมด ก่อนที่เขาจะง้างหมัด โดยมีเป้าหมายอยู่ที่เฟต รอยสักสีดำค่อยๆหลุดออกจากหนัก ก่อนจะมาหมุนรอบแขนของไมเคิลจนดูเหมือนสว่านที่พร้อมทะลวงได้แม้กระทั่งสวรรค์
“ถ้าตายในครั้งนี้ กลับมาหัดมีความตื่นเต้นบ้างนะ”ไมเคิลกล่าวพร้อมกับต่อยหมัดตรงลงมาอย่างรวดเร็ว หมัดสังหารทะลุกำแพงเสียงในอากาศจนเกิดโซนิคบูมหลายชั้น แสดงให้เห็นว่าหมัดๆนี้ ทั้งเร็วและรุนแรงขนาดไหน
เปรี้ยง!!! เสียงดังเหมือนฟ้าผ่าพร้อมกับพลังของไมเคิลที่แตกสลายไป ทำให้ชายหนุ่มที่พึ่งเสียทักษะไปต้องถอยห่างออกมาด้วยความตกใจ ตลอดมาภาวะการจู่โจมของท่านี้ยังไม่เคยมีใครทำลายได้มาก่อนเลย แล้วทำไมครั้งนี้มันถึงสลายไปได้
“อะไรกันๆ ทำไมถึงทำอะไรข้ามหน้าข้ามตากันขนาดนั้น”เสียงของบุคคลที่ 3 ดังขึ้น พร้อมกับลมพายุพัดโหมกระหน่ำเข้ามาสู่สมภูมิที่เฟต (หลับ) และไมเคิลต่อสู้กันอยู่
“พลังนี้มัน”ไมเคิลอุทานแล้วสลายเวทลวงตาของตนออก ด้วยเห็นว่าไม่มีประโยชน์แล้วที่จะมารอให้ร็อคและแบรนคอลหมดกำลัง ในเมื่อบุคคลที่จะมาจบสงครามจริงๆได้มาถึงแล้ว
เมื่อม่านพลังเวทของไมเคิลสลายไป ภาพลวงตาต่างๆก็หายไปด้วย พวก 3 หนุ่มสาวจึงทำหน้ามึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“อะไรเนี่ย”ทั้ง 2 หนุ่มอุทานออกมาพร้อมกัน หลังเห็นเป้าหมายห่างกันไปเพียง 5 เมตร เป็นรูป 3 เหลี่ยม แม้ลีเวียธานจะใจเย็นนั่งจิบชาอยู่ แต่เมื่อหญิงสาวเห็นใครบางคนนอนจมซากต้นไม้อยู่ ก็ถึงกับลุกพรวด พุ่งเข้าไปหาโดยไม่สนใจใครหน้าไหนเลย
“นายทำไม”ลีเวยธานอุทานอย่างแปลกใจ ใจจริงๆเธอเชื่อว่าเฟตต้องชนะ เพราะเขาเคยชนะเธอในร่างจริงมาแล้ว แต่นี่อะไรกัน มาสู้กับผู้เล่นด้วยกันไหงถึงแพ้ได้ล่ะเนี่ย
“อ้าว นั่นคุณเหรอ”เฟตงัวเงียลุกขึ้นมานั่งอย่างสะลืมสะลือ นี่เขาหลับไปแล้วลืมดูเหตุการณ์อะไรไปหรือเปล่าเนี่ย
“เล่ามา”ลีเวียธานกระชากคอเสื้อถาม หลังจากหน้าแตกเป็นห่วงแก้เก้อ ในขณะที่ตัวแสบต้องยกมือห้าม ก่อนจะยอมเล่าเหตุการณ์เท่าที่ตนเห็นให้ฟัง แม้สาระสำคัญส่วนใหญ่จะจมหายไปกับความไม่สนโลกของเขาก็ตาม
“จริงเหรอ”หญิงสาวตะลึงอุทาน แล้วหันไปมองไมเคิลที่ไม่ได้มองมา ชายคนนั้นจับจ้องไปที่ชายป่า ซึ่งมีบุรุษลึกลับกำลังเดินเข้ามา
“จริงซิครับ”เฟตพยักหน้าอย่างจริงจัง ก่อนหญิงสาวจะดึงเข้ามากระซิบถาม ว่าทำไมไม้เอาร่างมังกรแบบตอนที่สู้มาด้วยเลยล่ะ
เมื่อถูกถามเช่นนี้ ชายหนุ่มก็เลยอธิบายให้ฟังว่า ร่างนั้นต้องเป็นร่างที่ได้ความช่วยเหลือจากอนาตาเซีย ส่วนจะออกมาเป็นแบบนั้นอีกหรือเปล่า นั้นตอบไม่ได้หรอก เพราะมันไม่ใช่ของตาย แต่ที่แน่ๆ อนาตาเซียต้องรวบรวมพลังแล้วส่งมอบ (จูบ) ให้กับเขามากกว่านี้ ถึงจะดึงร่างจำแลงออกมาได้อีกครั้ง
“แล้วเราจะทำยังไงต่อ”ลีเวียธานหมดเรื่องกังวลไปอย่าง ก่อนจะหันไปมอง 3 ผู้เล่นหนุ่มที่จ้องไปยังบุรุษลึกลับเป็นตาเดียวกัน
“นอนต่อไงครับ กำลังสบายเลย”เป็นเฟตที่ตอบ ก่อนจะเนียนนอนไปบนตัวของอสูรสาว แหม มีหมอนรองตั้ง 2 อัน ไม่มีพื้นที่ไหนน่านอนเท่านี้อีกแล้ว -*-
ความคิดเห็น