คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #46 : ตอนที่ 46 ป่าอาถรรพ์ กับความเป็นมาของมัน
ในขณะที่เฟตกำลังเบียดเบียนอสูรอยู่ เขาก็พบว่าถูกสายตาจับจ้องมาจากรอบด้าน จึงยืดตัวนั่งตรง แล้วถามสิ่งที่เป็นการเป็นงานขึ้นมาหน่อย
“ข้างในอันตรายมากเลยเหรอครับ”
“ครับ พวกอสูรทรีบากศ์แข็งแกร่งขึ้นมากเลยครับ พอได้กลับไปอยู่ในถิ่นตัวเอง”หัวหน้าทีมวิจัยตอบ แม้จะยังงงว่าชายคนนี้เป็นใครมาได้ยังไงก็ตาม
หลังจากฟังรายงานของหัวหน้าทีมวิจัยจบ พวกเทียร่าต่างทำหน้าลำบากใจ
“อะไรกันเหรอครับ”เฟตหันไปถามเมื่อเห็นพวกผู้เล่นสาวๆ ทำหน้าแบบนั้น จึงหนักที่แฟร์ต้องเป็นผู้อธิบายอย่างเลี่ยงไม่ได้ แล้วชายหนุ่มจึงได้รู้ว่าอสูรทรีบากส์เลเวลปกก็มากอยู่แล้ว แต่พอได้มาอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง พวกนั้นก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไป การที่ลูกกิลด์ของพวกเธอทะเล่อทะล่าเข้าไป ถือว่าเป็นการฆ่าตัวตายอย่างหนึ่งเลยทีเดียว เนื่องจากผู้เล่นปกติในกิลด์ส่วนใหญ่เลเวลไม่เกิน 50
“ถ้าพวกนั้นเก่งขนาดนั้น แล้วทำไมพวกคุณถึงเข้าไปข้างในกันได้ล่ะครับ”เฟตหันมาถาม ถ้าพวกอสูรทรีบากส์เก่งขึ้นมาก แล้วกลุ่มทีมวิจัยเข้าไปได้ยังไง
“ก็ตอนนั้นมีผู้เล่นหลายคนที่จะเข้าไปข้างในไงครับ ทีมของผมเห็นว่าคงเป็นโอกาสดีที่จะบุกเข้าไป เลยตามกลุ่มผู้เล่นเข้าไปด้วย”หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวเสียงเศร้า เพราะ 1 ในทีมสำรวจเป็นแฟนของตน
เฟตได้ยินเช่นนั้นเลยเงยหน้ามองท้องฟ้าด้านนอกที่ยังสว่าง จากนั้นก็หันมามองอสูรตนเองที่นั่งอยู่ข้างๆตัวเอง
“ไปดูเองเลยน่าจะดีกว่ามั้งครับ”หลังจากเห็นว่านั่งมองอยู่ด้านนอก อย่างมากก็แค่คิดไปต่างๆนาๆ สู้เข้าไปพบด้วยตัวเองเลย น่าจะเวิร์คกว่าล่ะมั้ง
หลังจากได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมจากอสูรรอบตัว ชายหนุ่มที่ไม่ค่อยสนใจใครอยู่แล้ว ก็ออกนำทางไป โดยมีเหล่าผู้เล่นสาวๆ เดินตามมาเป็นพรวน ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ชายคนนี้ขึ้นมาเป็นหัวหน้ากลุ่ม
กลุ่มของเฟตเดินทางมาจนถึงชายป่าอาถรรพ์ พวกเขาก็ได้พบกับต้นไม้ยืนต้นขวางทางอยู่ เมื่อชายหนุ่มสังเกตดูดีๆ ก็พบว่าเป็นเพียงต้นไม้เปล่าธรรมดาไม่มีดรายแอดส์สิงอยู่ เขาจึงสงสัยว่าพวกเธอหายไปไหน ทั้งที่เมื่อกี้ยังสิงต้นไม้พวกนี้อยู่เลย แต่ความสงสัยนั้นก็หายไปโดยพลัน เพราะนิสัยส่วนตัวของชายหนุ่มเอง
“อืม เป็นกับดักหรือเปล่านะ”ชายหนุ่มแม้จะไม่สนใจ แต่ก็ยังพึมพำออกมาเป็นการเป็นงานอยู่
“เจ้านาย”เสียงของไรน่าดังเรียกที่ด้านหลัง ทำให้เฟตต้องหันไปมองแล้วพบว่า 2 อสูรสาว ไรน่า กับอนาตาเซียมองมาทางเขาอยู่
“มีอะไรเหรอครับ”ชายหนุ่มถาม ในขณะที่สองสาวก็ก้าวเข้ามาหา
“นี่คงจะเป็นศึกที่หนักหนาสำหรับนาย พวกเราอยากจะให้นายเตรียมพร้อมมากกว่านี้น่ะ”มังกรแห่งความมืดกล่าวก่อน
“หมายความว่า จะกลับเข้ามาในร่างผมเหรอครับ”เฟตรับรู้โดยทันทีว่าพวกเธอหมายความว่ายังไง และจริงดั่งคาด เมื่อ 2 อสูรสาวพยักหน้าหงึกหงัก
“แหม ไม่ดีมั้งครับ เดี๋ยวเอกราชผมจะไม่ยั้งยืน”ชายหนุ่มกลับทำทีบิดตัวไปมา แต่คนที่เย็นชา ทำอะไรออกมาก็ดูแข็งๆไปหมด ภาพที่ออกมาจึงเหมือนกระเทยกำลังเขินอายเวลาถูกผู้ชายที่ชอบจ้องมอง
“ก่อนจะไปสู้กับพวกนั้น ฉันขอกัดนายก่อนได้มั้ยเนี่ย”อนาตาเซียกัดฟันกรอด เมื่อความหมายดีๆ ถูกเจ้านายตัวแสบแกล้งเล่นซะเสื่อมเสียไปเลย แต่จิ้งจอกสาวไรน่ากลับหัวเราะขำขันคู่ไปกับจาเนีย นี่ช่างเป็นภาพที่หาได้ยากยิ่งจริงๆ ที่เฟตจะเล่นอะไรแบบนี้
“ฮะฮะ ล้อเล่นครับ ไม่ขำซินะ”เฟตบ่นงึมงำ อุตส่าห์เล่นอะไรให้ดูแก้เครียด แต่เท่าที่ดู มุขไม่ฮาพากันเครียดล่ะนะ ด้วยความแนบเนียน ชายหนุ่มจึงเข้าไปประชิดตัวของมังกรสาว ก่อนจะกระชับอ้อมกอด ดึงเธอเข้าหากาย
“เอ่อ เรียกกลับดีๆ ก็ได้มั้ง”อนาตาเซียกล่าวเสียงเบา เมื่อรู้ว่าเจ้านายจะใช้วิธีไหนในการเรียกพลังกลับ
“แหม กลับทั้งที่ ก็ต้องเท่หน่อยซิครับ”เฟตไม่รอช้า รีบบรรจงส่งมอบจุมพิตอันอบอุ่นให้กับหญิงสาวทันที เพียงการดูดกลืนไม่กี่ครั้ง ร่างของเธอก็ค่อยๆสลายกลายเป็นไอสีดำเข้าสู่ร่างของชายหนุ่มไปแล้ว
ได้อนาตาเซีย ต่อไปก็เป็นคิวไรน่า แต่ยังดีที่หญิงสาวรู้ตัวอยู่แล้ว จึงเข้ามาหาโดยที่เฟตไม่ต้องเรียก
“เอ่อ ไรน่าว่า หาวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ดีกว่าเหรอคะ”แม้เมื่อก่อนเธอจะอยู่คนเดียว จนชินชากับทุกเรื่อง และไร้ความสนใจกับสิ่งที่ไม่น่าสนใจ แต่โดนแบบนี้มากๆ ก็เขินกันเป็นนะเนี่ย
“ฮะฮะ ไม่เอาหรอกครับ แบบนั้นไม่เห็นจะรู้ถึงความรักและความอบอุ่นเหมือนแบบนี้เลย”เฟตกล่าวขณะกอดจิ้งจอกสาวเข้ามา ด้วยความที่อยู่ในร่างกึ่งจิ้งจอกกึ่งมนุษย์ เสน่ห์ของหูสัตว์จึงมีอยู่มาก ชายหนุ่มจึงหลงใหลไปกับรูปลักษณ์นั้น แต่ยังดีที่เขารู้ว่าต้องทำอะไร เหตุการณ์จึงจบแค่ไอพลังสีขาวถูกดูดเข้าร่างมาก็เท่านั้นเอง
“........”แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันกลับไม่คิดเช่นนั้น การมาสวีทหวานกลางแจ้งแบบนี้ บ่งบอกถึงตัวตนที่แท้จริงของชายผู้นี้ นอกจากนั้นยังเผยความสัมพันธ์ ระหว่างเจ้านายกับอสูรเสียด้วย
“อืม มอบพลังให้พวกอนาตาเซียมามากแล้ว ให้กับจาเนียมั่งดีกว่า”เฟตพึมพำจบ ก็หันไปมองหน้าเอลฟ์สาวที่ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างมึนงง ว่าตนเองต้องมีเอี่ยวด้วยเหรอ
“น่าร้าก”ชายหนุ่มอุทานเบาๆ ขณะกระโจนเข้าไปกอดจาเนีย ด้วยท่าทางใสซื่อ หน้าตาที่อ่อนหวาน เธอช่างได้ใจของเขาไปเต็มๆ
เฟตกอดรัดฟันเหวี่ยงกับจาเนียไปสักพัก เมื่อเห็นว่าตนเองเล่นมามากแล้ว ก็หันกลับมาเข้าเรื่องเก่าเหมือนเดิม จนผู้ที่ชมอยู่ตามอารมณ์ไม่ทันเลย
“ว่าแต่ นั่นมันอะไรกันล่ะครับ”ชายหนุ่มชี้นิ้วไปที่มีดวงไฟสีแดงที่มีขนาดเท่ากับลูกตา 1 คู่ลอยอยู่ จริงๆเขาก็กะจะต่อกับจาเนียให้มากกว่านี้อยู่หรอก แต่ด้วยความรำคาญปนสงสัยกับดวงตาคู่นี้ ตนเลยต้องมาหาความจริงก่อน
“อันเดสเหรอ”ถามเองตอบเอง เฟตเข้าไปไขข้อสงสัยให้ตัวเองทันที แล้วเขาก็ได้พบกับเศษผ้าสีขาวมอๆ พันมันตัวมนุษย์ที่เหลือแต่ส่วนหัว ซึ่งกำลังนอนจมอยู่ใต้กองใบไม้ ส่วนดวงไฟนั้นก็เป็นที่มาของดวงตาที่ถลนออกมาคู่นี้
“นี่มันมัมมี่ของพวกทวีปใต้นี่”เทียร่าพึมพำออกมา ขณะจ้องมองไปยังดวงตาที่ไฟสีแดงกำลังกระพริบ เหมือนพลังงานไฟกำลังหมด
“ฮูม”มัมมี่ที่นอนอยู่เบื้องคำรามลั่น แล้วลุกพรวดขึ้นมา ตอนแรกเฟตกะจะเตะให้คว่ำไปแล้ว แต่เมื่อเห็นมันไม่ได้มองมา ก็เลยเบี่ยงตัวหลบให้ จึงได้เห็นว่ามันกระโจนเข้าใส่ต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังของกลุ่มพวกเขา
“อะไรกันอ่ะ”เฟตถามแบบไม่หวังคำตอบ ขณะจ้องมองมัมมี่ที่โจมตีต้นไม้อย่างบ้าคลั่ง ซึ่งอสูรทรีบากส์เองก็ฟาดมัมมี่จนร่างกายขาดกระจุยเช่นกัน
“พวกนี้มันถูกปลุกชีพให้มาสู้กับปีศาจต้นไม้ล่ะมั้ง”ลีเวียธานเป็นผู้ตอบ แล้วรวบรวมพลังน้ำเตรียมสังหาร ป้องกันลูกหลงที่จะมาถึงตัวเอง แต่แล้ว 2 อสูรต่างทวีปก็สู้กันไปเรื่อยๆ จนหายไปจากสายตาโดยที่ไม่ได้หันมามองพวกเฟตเลยสักนิด นี่มันเมินกันชัดๆ
“ทางนั้นมีเสียงตะโกนอยู่ค่ะ”แฟร์กล่าวกับกลุ่มของตัวเอง หลังจากทำสมาธิลบเสียงฝนไปหมดแล้ว จึงได้ยินเสียงคนเข้ามาแทน
เฟตได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งไปตามทางที่แฟร์บอก แต่ด้วยป่าที่มืดมิดและฝนที่บดบังวิสัยทัศ กว่าจะไปถึงเป้าหมายได้จึงช้ามาก แถมยังเกือบหลงทางอีก ดีที่เอลฟ์สาวคอยเป็นเจ้าหน้าที่ซัพพอร์ตให้ เขาจึงไม่หลงทางตายอยู่ในป่าแห่งนี้
เมื่อมาถึงเป้าหมายที่แฟร์ได้บอกเอาไว้ กลุ่มของเฟตพากันตะลึงกับภาพที่เห็น เมื่อด้านหน้าตนมีสภาพไม่ต่างกับนรกเท่าไหร่ เพราะมันเต็มไปด้วยซากศพอวัยวะของผู้เล่นหลายร้อยหลายหมื่นชิ้น แล้วด้วยความกระจัดกระจายกัน ภาพที่ออกมาจึงดูเหมือนกับเขตแดนอวัยวะมนุษย์ไปแล้ว
“มันอะไรกันเนี่ย”เทียร่ากล่าวด้วยใบหน้าพะอืดพะอมกับสิ่งที่เห็น ต่างกับแฟร์ที่เกือบจะเป็นลมแล้ว ดีที่ได้พรอมพยุงตัวไว้ทัน
“ไอความตายพวกนี้ เป็นของเทพไอยคุปต์”ริเรียน่ากล่าวออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่ถ้าเฟตสังเกตไม่ผิด จะเห็นแววตาที่สั่นระริกของเธอ หือ ขนาดอยู่ในนรกแล้วยังกลัวอีกเหรอเนี่ย
“หมายความว่าไงครับ พวกเขาโดนอสูรจากแดนใต้ฆ่างั้นเหรอ”ชายหนุ่มถามกลับ แต่ยมทูตสาวกลับส่ายหัว แล้วอธิบายถึงหลักความจริง
“ในป่านี้มีเทพแห่งความตาย ของแดนใต้อยู่ต่างหากล่ะ ไอพลังพวกนี้เลยถูกแปลเปลี่ยนไปยังเทพอสูรฝ่ายใต้แทน”หญิงสาวอธิบายพร้อมกับทดลองดึงพลังแห่งความตายให้ชายคนนี้ได้ดู แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่า พลังแห่งความตายพวกนี้ไม่ยอมรับในตัวผู้เรียกใช้
“อืม งั้นหมายความว่า ที่ป่าแห่งนี้ มีเทพแห่งความตายของอียิปต์อยู่สินะครับ”เฟตฟันธงขณะทดลองดึงพลังบ้าง ซึ่งผลก็เหมือนกับริเรียน่า คือเป็นพลังสายเดียวกันแต่ความรู้สึกกลับไม่เหมือนกันเลยสักนิด
“พวกเจ้าเป็นใคร”เสียงพูดดังจากป่ารอบด้าน ทำให้พวกเทียร่าสะดุ้ง แล้วหันไปมองหาต้นเสียง แต่ก็ไม่พบใครแต่อย่างใด
“ผมมาตามหา อัศวินครึ่งเทพ แล้วคุณล่ะเป็นใคร”เฟตที่ไม่สนใจ ย้อนถามกลับไปบ้าง ถ้าจะคุยก็ต้องแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซิ
“ข้า ชื่อว่า เทรนท์”หลังจากเงียบไปสักพัก เสียงสนทนาปริศนาก็ตอบกลับมาเป็นเสียงเหมือนชายวัยชรา
“เทรนท์เหรอ”เฟตได้ยินชื่อนี้ก็เริ่มรู้สึกคุ้นตงิดๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหน แต่หลังจากทบทวนไปถึงเรื่องสาวๆ เขาว่าน่าจะเคยได้ยินมาจากอาธีน่าร้องเรียกพรายสาวดรายแอดส์ว่าบุตรแห่งเทรนท์นะ
“คุณเป็นพ่อของพรายที่อยู่ในเมืองเหรอครับ”
“หือ เจ้ารู้จักเหล่าลูกๆหลานๆของข้าด้วยเหรอ”เสียงตอบกลับมา พร้อมกับต้นไม้ใหญ่รอบด้านขยับกิ่งก้านมาบดบังสายฝนให้ ประมาณว่าคงได้คุยกันอีกยาว
“ผมเจอพวกเธอในเมืองครับ”ชายหนุ่มตอบเรียบๆ ขณะมองต้นไม้ใหญ่ที่อยู่รอบๆด้วยความสนใจ ต้นไม้เหล่านี้ให้ความรู้สึกเป็นมิตรกว่าทรีบากส์เสียอีก
“อืม ถ้าเจ้าพูดเช่นนี้ แสดงว่าเจ้าไม่ได้สังหารบุตรหลานของข้าสินะ ดีแล้ว”ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าขยับอย่างรุนแรง จนเฟตต้องถอยออกห่าง หลังจากต้นไม้หยุดสั่นที่ใจกลางลำต้นก็มีชายแก่ผมสีเขียวเดินออกมาด้วยชุดแบบราชา
“ข้าเป็นจักรพรรดิแห่งดรายแอดส์ชื่อว่าเทรนท์”ชายชราแนะนำตัวอีกครั้ง แต่เสียงระบบไม่รายงานตามที่ชายชรากล่าว เนื่องจากไม่มีความคิดสังหารใคร
“ข้าหมดอำนาจแล้วน่ะ”แค่เห็นสายตาที่มองเลยของชายตรงหน้า เทรนท์เลยชิงตอบออกมา
“หมดอำนาจ?”เฟตทวนคำแบบสงสัย เมื่อคำๆนี้ เรียกความสนใจให้กับเขาได้จริงๆ
“ข้าถูกชายที่เจ้าตามหา ยึดอำนาจน่ะสิ”เทรนท์ตอบเสร็จ ก็ทำหน้าเหมือนคนใกล้ตาย
“อืม ยึดอำนาจงั้นเหรอเนี่ย”เทียร่ากอดอกพึมพำเบาๆ แฟร์เห็นเฟตทำหน้าสงสัย เลยอธิบายถึงวิธีการยึดอำนาจให้ฟัง
การที่ผู้เล่นจะแย่งชิงอำนาจอสูรไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ เพียงแต่ว่ามันทำยากเหมือนกับที่เฟตเป็นผู้รุกรานเมืองของเธอเรียมนั่นแหละ ถ้าเฟตสามารถทำให้เธอเรียมยอมยกเมืองได้ สิทธิ์ในการปกครองก็จะถูกโอนมาที่เขา หรือไม่เขาก็ต้องสังหารเธอเรียมซะ ซึ่งถ้าเฟตใช้วิธีหลังนี้ สิทธิ์จะถูกโอนมาให้เขาโดยอัตโนมัติ ในกรณีที่เธอเรียมไม่มีผู้สืบทอด หรือรัชทายาท
ร็อคเองก็ทำแบบเดียวกันกับที่แฟร์บอก คือการใช้โสมทรีบากส์ที่ถูกโอนมาจากนักการเมืองของเธอเรียม มาเป็นตัวประกันในการต่อรองยึดอำนาจ ด้วยร็อครู้ว่าจักรพรรดิแห่งดรายแอดส์ เทรนท์นั้น รักลูกหลานทุกตน ซึ่งผลลับก็ได้ผลดีเยี่ยมทีเดียว คือเทรนท์ยกอำนาจให้ แม้จะไม่ชอบธรรมก็ตาม
“เป็นเช่นนั่นล่ะ”เทรนท์ที่ฟังด้วย พยักหน้าเน้นย้ำว่าเป็นเช่นนั้น ส่งผลให้เฟตต้องเกาหัวให้กับระบบของเกม ที่ฟังดูแล้ววุ่นวายชอบกลพิลึกดีแท้
“หมายความว่า อสูรทั้งป่านี้ เป็นบริวารของร็อคไปแล้วงั้นซินะ”เฟตหันมาถามเทรนท์ให้แน่ใจ ถ้าเกิดใช่ เขาก็จะตะลุยทรีบากส์ทุกต้นไปเลย แต่ถ้าไม่ เขาจะได้ยกเว้นเป็นบางต้น
“ไม่หรอก เจ้านั่นยังไม่มีเวลาแต่งตั้งตนเองพอ”เทรนท์ตอบ แล้วอธิบายว่า ดรายแอดส์ที่อยู่บริเวณชายป่าไม่ใช่พรรคพวกของร็อค เนื่องจากชายคนนั้นยังไม่ทันได้ประกาศข่าวออกไป อำนาจของตำแหน่งเลยยังไม่แสดงผล
“หมายความว่าไงอ่ะ เวลาไม่พอ”เฟตกระพริบตาถามอย่างมึนงง
เทรนท์เห็นเฟตยังไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมด ตนเลยเดินกลับไปที่ต้นไม้ต้นเดิม แล้วใช้มือตีที่เปลือกต้นเบาๆ หลังจากนั้นกิ่งไม้ก็ขยับมาแหวกทางให้ ซึ่งเทรนท์หันกลับมาผายมือเชิญชวนให้เฟตเข้ามานั่งกับเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ใจกลางต้นไม้
เฟตเห็นว่าการนั่งคุยกันไม่เห็นจะเสียหายอะไร ตนเลยยอมเข้าไปนั่งบนเก้าอี้รากไม้ตามที่เทรนท์เชิญ แม้ว่าพวกแฟร์จะทำหน้าไม่เชื่อใจก็ตาม
“ข้าจะเล่าเหตุการณ์ให้ฟังล่ะกันนะ เมื่อคืนนี้มีเผ่าความตายในร่างมนุษย์เดินทางมาที่นี่ โดยยื่นจุดประสงค์ขอใช้พื้นที่ในการจัดพิธีแห่งเผ่าพันธุ์ ข้าเห็นว่าการที่เผ่าแห่งความมืด การจะมาใช้เวทในป่าอาถรรพ์เป็นเรื่องแปลกดี เลยอนุญาตไป หลังจากข้าอนุญาต เจ้าเผ่ามารเกราะเงินก็ร่ายมหาเวทใส่ที่นี่ไว้”เทรนท์เล่าขณะชี้มือที่เหี่ยวย่นไปยังซากศพ ซึ่งเฟตก็เข้าใจในบัดดลว่า ที่ศพผู้เล่นไม่หายไปคงเป็นเพราะมหาเวทนี้แน่ๆ
“หลังจากพิธีดำเนินไปจนเกือบเช้า ข้าเริ่มรู้สึกว่าไม่ชอบมาพากลแล้ว เลยเรียกลูกหลานข้าให้มาปกป้องบ้านตัวเอง”เทรนท์เล่ามาถึงตอนนี้ก็ถอนหายใจ ถ้าเขาเป็นคนใจดำและไม่อยากรู้อยากเห็น เหตุการณ์นี้คงไม่เกิดขึ้น พวกเทียร่าเห็นเทรนท์ทำใจอยู่ก็เงียบเสียงตามเทรนท์ไป แต่เฟตที่ไม่ได้ฟังแค่หันไปหาจาเนีย แล้วให้เธอมาอยู่ใกล้ๆกัน อยู่ห่างกันมากๆ มันหนาว
หลังจากเงียบไปสักพัก เทรนท์ก็เล่าออกมาโดยพยายามทำเป็นไม่สนใจเฟตกับจาเนียที่ดูจะห่วงกันเกินเหตุ
“แต่แล้ว คำสั่งของข้าก็กลายเป็นว่าเข้าทางเจ้าพวกนั้นพอดี พอลูกหลานของข้ามาถึง มหาเวทแห่งรัตติการก็แสดงผลแทนอาถรรพ์ของป่า”ชายชราพูดขณะชี้ไปยังท้องฟ้าที่มืดมิด เมฆพวกนี้ถูกอัศวินแห่งความตายเรียกมานั่นเอง
“หลังจากมหาเวทแสดงผล พวกข้าก็เริ่มอ่อนกำลังลงและเวทมนตร์พวกข้าก็ไม่อาจใช้ได้อีก เมื่ออำนาจแห่งป่าอาถรรพ์หายไป ซึ่งนี่คือความต้องการของเจ้าพวกนั้น ถ้าเกิดข้าอ่อนแอลง ขอแค่พวกมันสังหารข้าอำนาจก็จะถูกโอนไปยังลูกหลานรุ่นต่อๆไป แต่แล้ว ก่อนที่ข้าจะโดนรุมสังหาร อัศวินที่เจ้าตามหาก็เข้ามาซะก่อน เมื่ออัศวินเทพคนนั้นมาถึง เขาก็ใช้เวทแห่งสายน้ำ”เทรนท์เล่าให้ฟังเป็นฉากๆ ขณะชี้นิ้วไปยังสายฝน ซึ่งนี่เป็นเวทสายน้ำที่ร็อคร่ายไว้
“ทำไมถึงทำแบบนั้นได้ล่ะครับ”เฟตที่พอจะจับใจความตรงหลังๆ ได้ ลองถามดู ทำให้เทรนท์หันขวับมามองด้วยความรำคาญ ไอ้หมอนี่จะถามทุกอย่างเลยเหรอไงกัน
“เป็นการเปลี่ยนพื้นที่ให้ได้เปรียบกันน่ะสิ”ชายชรากลั้นใจตอบอย่างอารมณ์เสียสุดๆ
เฟตได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ถามต่ออีก เพราะตนเองก็พอจะจำได้อยู่บ้าง ว่าร็อคพอจะควบคุมน้ำได้ การเรียกฝนให้ตกลงมาคงเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว
“หลังจากนั้น เจ้าเทพนั่นก็มากดดันข้าแทน กลุ่มอัศวินแห่งความตาย ผลก็กลายเป็นว่าทั้ง 2 ฝ่าย เริ่มอารมณ์เสีย จากตอนแรกเห็นจะคุยกันดีๆ ไปๆมาๆกลับสั่งให้ไพร่พลสู้กันเองซะงั้น”เทรนท์ยังคงอธิบายต่อ โดยที่เฟตไม่ได้สนใจฟังเลยสักนิด ทั้งๆที่นี่คือที่มาของการต่อสู้ระหว่างอสูรมัมมี่ กับอสูรทรีบากส์
“แล้วพวกเขาไปทางไหนกันล่ะครับ”แต่ด้วยสปิริตเขายังคงจับจุดสำคัญได้อยู่ จึงถามหาตัวเจ้าร็อคที่คาดว่าต้องติดพันใครอยู่แน่ๆ
“ด้านในสุดป่า ถ้าข้าเดาไม่ผิด คงเป็นทิศติดทะเล”เทรนท์กล่าวแล้วชี้ไปทางป่าด้านหนึ่ง ที่มืดสนิทมิตรสหาย
“ผมถามคำถามสุดท้าย ทำไมที่นี่ไม่มีผู้เล่นแบบผมในสายพันธุ์คุณเลย หรือทำไมคุณถึงมาดูเป็นมิตรกับผม”สิ้นคำถาม จ้าวแห่งดรายแอดส์ก็หันมามองเขาอย่างช้าๆ แล้วตอบเสียงเนือยๆ
“ในคำถามแรก ข้าขอตอบว่า ใครจะชอบอสูรที่อยู่แต่กับป่า หาความสวยงามไม่ได้กัน คำถามหลัง ข้าเห็นว่าเจ้ามีเป้าหมายเดียวกับข้า การที่ข้าจะมาช่วยฝ่ายเดียวกัน คงไม่ผิดใช่ไหม”เทรนท์กล่าวจบ ก็เดินกลับไปที่ต้นไม้ที่ตนเดินออกมา
เฟตสังเกตใบหน้าอมทุกข์ของเทรนท์นิ่งๆ จากนั้นก็คิดว่า นี่เป็นเรื่องตามธรรมชาติของโลก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม สัตว์อสูรก็ไม่แพ้กัน ในเมื่อมาอยู่ในวงเวียนการต่อสู้แล้ว ไม่อาจจะเลี่ยงการสูญเสียได้อีก
“ไปได้แล้ว ไม่ต้องมามอง”หลังจากต้นไม้ใหญ่กลับเป็นปกติ เสียงเอ๊คโคก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ชายหนุ่มได้รู้ว่า นี่คือความน่ากลัวอย่างเดียวของเทรนท์ในเวลานี้ แต่ก่อนที่เฟตจะได้ไปอย่างที่ถูกไล่ เสียงซาวเอฟเฟ๊กของเทรนท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ข้าว่าพวกนางๆ รออยู่ที่ด้านนอกจะดีกว่านะ”
“อืม คำของเขาก็น่าคิดตามนะครับ ทำตามคำพูดของผู้มีประสบการณ์ก็ดีเหมือนกัน”เฟตเนียนหันมาบอกกับกลุ่มตัวเอง
“ไม่มีทางยะ ฉันเลือกจะมาของฉันเอง นายไม่มีสิทธิ์ไล่”ลีเวียธานออกตัวแล้วก็เดินเข้าป่าไปโดยไม่รอเฟต
“จาเนียไม่ปล่อยให้เจ้านายไปคนเดียวหรอกค่ะ จาเนียขอไปด้วยนะคะ”เอลฟ์สาวกล่าวกับชายหนุ่มอย่างอ้อนวอน เฟตเห็นดังนั้นก็กัดฟันกร็อด ไม่ใช่โกรธที่อะไรไม่ได้ดั่งใจ แต่กำลังห้ามใจให้ไม่เผลอตัวเข้าไปอุ้มจาเนียขึ้นมากอดเล่น
“ฉันมาด้วยงานของเมือง”พรอมออกตัวก่อนอีกเช่นเดิม ส่งผลให้ 3 สาวที่เหลือพยักหน้าให้ ทิ้งให้เฟตได้แต่หันไปกระพริบตาปริบๆ พวกเธอมีสิทธิ์เลือกอยู่แล้วนี่ เขาจะไปห้ามทำไม
“คร้าบๆ”เฟตรับคำเสียงยานคาง เป็นผลให้ 4 ผู้เล่นจ้องเขม็งเป็นเชิงถามว่าตกลงยังไง
“ไปกันได้แล้วครับ”ชายหนุ่มตัดบทเมื่อเห็นว่า สาวๆยังไม่ยอมเดินไปไหน มัวแต่จ้องหน้าเขาเหมือนยักษ์กำลังจะกินเนื้อวัวอันหนุ่มแน่นอยู่นั่นแหละ
‘คอยดูเถอะ ข้าเตือนไม่เชื่อ’เทรนท์ที่ยืนนิ่งเป็นต้นไม้พึมพำ ขณะมองกลุ่มของเฟตที่เดินเข้าป่าลึกไป
ขณะที่เฟตเดินทางเข้าป่าลึก ที่มุมมืดของป่า สายตาที่แดงฉานดุดสายเลือดและสายตาสีเขียวมรกต ได้จ้องมองกลุ่มผู้เล่นนี้ด้วยสายตาเฉกเช่นเสือจ้องมองเหยื่อ
เฟตเดินทางเข้าสู่ป่าชั้นในด้วยความตื่นตาตื่นใจ เขาจะหลงทางมั้ยน๊า ในเมื่อบรรยากาศมันมืดแบบนี้ แต่เรื่องนั้นค่อยว่ากันทีหลัง เมื่อเรื่องที่เทรนท์เล่ามากลับมาวนเวียนอยู่ในหัวอีกครั้ง ในเมื่อเกิดการต่อสู้ระหว่างเจ้าร็อคกับคนอื่นๆ ไหงถึงไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยละ ด้วยความสงสัย จึงหันไปมองมังกรแห่งสายน้ำ ที่กำลังกินบรรยากาศของสายฝนอยู่
“นายจะถามว่า จับความรู้สึกของพลังอำนาจได้หรือเปล่าสินะ”ลีเวียธานชิงตอบขึ้นมาก่อน เดาได้ไม่ยากเลยว่าเฟตจะถามอะไร มังกรสาวแยกเขี้ยวให้ชายหนุ่มเล็กน้อย ก่อนจะดึงพลังน้ำให้ได้ดู
“ขนาดฉันใช้อำนาจขนาดนี่ ยังไม่รู้ถึงพลังของตัวเองเลย”ลีเวียธานกล่าวจบก็บังคับน้ำให้พุ่งไป แต่พอพลังห่างจากเธอไปได้แค่ 5 เมตร น้ำสายนั้นก็แตกการควบคุม กระจายเป็นหยดน้ำทั่วไปทันที
“อาณาเขตของมหาเวท มันกินพื้นที่เยอะเกินไป ฉันใช้พลังมากขนาดนี้ยังใช้ได้ไม่กี่เมตรเลย”ลีเวียธานยังคงอธิบายต่ออีก พร้อมกับหันไปมองรอบๆด้านด้วยความสนใจ เมื่อเห็นว่าบริเวณนี้พื้นที่โล่งกว่าที่คิด
“จาเนียเป็นอะไรเหรอครับ”เฟตที่ปรายตาสังเกตเห็นอาการของหญิงสาวรีบถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเอลฟ์สาวหูตก เอ่อ หน้าซีดลงมาก
“จาเนียเริ่มรู้สึกว่า ด้านในมีอะไรบางอย่างค่ะ”จาเนียกล่าวจบก็ชี้ไปที่ด้านหน้า เธอรับรู้ถึงพลังที่ยิ่งใหญ่ ใหญ่ยิ่งกว่าเธอเสียอีก
“ไม่ไหวก็รออยู่ที่นะครับ”เฟตพูดออกมา เขาพึ่งสังเกตว่ากลุ่มของเขาผนึกพลังตลอดตั้งแต่พ้นจากจ้าวป่าอาถรรพ์เทรนท์มา ซึ่งจะมีก็แต่ลีเวียธานและริเรียน่าเท่านั้น ที่ไม่ได้รับผลกระทบสักเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงพวกเธอก็ยังผนึกพลังไว้อยู่ดี
ในขณะที่เฟตกำลังหันไปดูอาการหอบของกลุ่มเทียร่า ที่ป่ารอบด้านก็มีดวงไฟสีแดงนับสิบดวง โผล่ขึ้นมาเรื่อยๆ
“อะไรกันน่ะ”แฟร์อุทานปนหอบ ตั้งแต่เข้าสู่ป่ามาเธอผนึกพลังยาวเลย พอมาถึงนี่ก็หอบพอดี ซึ่งไม่ต่างอะไรกับเพื่อนคนอื่นๆ แต่พอดีพรอมเป็นผู้เล่นที่มีระดับสูงกว่า จึงดูไม่ออกว่าจริงๆ ร่างกายของเธอกำลังฝืนเช่นเพื่อนๆ
“เป็นพวกเผ่าอันเดส แต่ไม่น่าจะใช่ของทวีปกลาง”ริเรียน่าเป็นผู้ตอบ ก่อนจะเรียกอาวุธประจำตัวออกมา พร้อมกันนั้นก็เปลี่ยนร่างกลับไปเป็นเผ่าเดิม นั่นคือแห่งความตาย เท้าลอยได้ไม่ต้องแตะพื้น ผิวสีซีด ผมดำสนิท ดวงตากลายเป็นสีแดงฉานปานเลือด
“มาจากไหนไม่สำคัญหรอก ตอนนี้พวกมันเข้ามากันแล้ว”เทียร่าชี้นิ้วให้ดูว่า เจ้าของดวงตาเริ่มโชว์ตัวแล้ว ซึ่งหญิงสาวรีบชักดาบเรเปีรย์ข้างเอวออกมาทันที
ในขณะที่บรรยากาศกำลังเคร่งเครียด พวกเทียร่าก็หันมามองชายหนุ่มหนึ่งเดียวในกลุ่ม ที่มองกันไปคนละทาง จนริเรียน่าผู้ถูกจ้องต้องถาม
“มีอะไร”
“น่ารักดีนะครับ ปกติก็เป็นคนสวยอยู่แล้ว พอมาอยู่ในรูปลักษณ์แปลกตาไปแบบนี้ ยิ่งมีเสน่ห์เข้าไปใหญ่เลย”เฟตยิ้มตอบ เขาไม่ค่อยเป็นกังวลกับเรื่องอื่น เท่ากับความน่ารักของผู้หญิงอีกแล้ว
แต่ก่อนที่พวกเทียร่าจะได้ถอนหายใจกับความคิดสุดแปลกและไร้ความตื่นเต้นนี้ พวกเธอก็หันไปเห็น มนุษย์ซึ่งเป็นเจ้าของดวงตาสีแดงโผล่หัวออกมาเรื่อยๆ ในขณะที่เฟตพึ่งละสายตาไปดู เสียงธนูแหวกอากาศก็ดังมาจากด้านข้าง แต่ดีที่ลีเวียธานอยู่ในบริเวณนั้น อาวุธระยะไกลจึงเข้ามาไม่ถึงกลุ่ม
“นี่มัน อะไรกันเนี่ย”เฟตพึมพำออกมา เมื่อมนุษย์ที่โผล่ตัวออกมา ใช้อาวุธที่เหมือนกับผู้เล่นทั่วๆไป แต่ต่างกันตรงที่ อาวุธเหล่านี้มีสายระโยงรยางค์เหมือนหนอนเหมือนไส้เดือน โดยเชื่อมโยงอยู่กับตัวของมนุษย์ผู้ใช้
ซูม!! อยู่ๆ พลังสีแดงก็แหวกอากาศตรงเข้าหาเฟตตรงๆ โดยที่ผู้ใช้ก็ยืนอยู่ที่ด้านหน้านั่นแหละ
แต่ด้วยปฏิกิริยาระดับสัตว์เซลล์เดียว ชายหนุ่มจึงกางปีกทั้ง 9 แล้วดึงมาป้องกันที่ด้านหน้าของตัวเอง โดยใช้มืออีกข้างคอยยกเป็นด่านกันให้คนข้างหลังไว้ด้วย แต่ทันทีที่เกิดแรงปะทะ ดาบที่ป้องกันอยู่ถึงกับกระเด็นออกจากกัน โดยที่ตัวผู้เป็นนายก็เกือบจะหลุดออกจากจุดเช่นกัน ดีที่จิกเท้ากับพื้นได้ทัน
“ใช้พลังได้ด้วย”เฟตอุทาน ขณะลอบบีบนิ้วตัวเอง พลังที่ฝ่ายตรงข้ามโจมตีเข้ามา มันรุนแรงมากๆเลย นี่ถ้าเขาไม่เอามือดันไว้อีก มีหวังพลังนั่นแตกเข้ามาถึงตัวแน่นอน
“พลังพุ่งออกมาจากเจ้านั่นค่ะ”จาเนียที่สังเกตเห็นแต่แรกร้องบอกเจ้านายตัวเอง พร้อมกับชี้ไปยังอาวุธที่มีสายระโยงรยางค์ติดอยู่กับมนุษย์
เฟตเห็นว่าท่าจะไม่ดีแน่ที่ตนจะตั้งรับฝ่ายเดียว เขาเลยพุ่งตัวเข้าไปหามนุษย์ที่อยู่ใกล้ที่สุด ชายหนุ่มคว้าดาบแล้วฟาดใส่เข้าไปตรงๆ มนุษย์ธรรมดาเมื่อมาเจอการโจมตีของมนุษย์ที่เต็มไปด้วยพลังพิเศษ มีหรือร่างกายจะทดได้ พริบตาเดียวที่พลังเข้ากระแทกพร้อมกับดาบ เลือดและร่างกายก็สลายไปทันที
แต่เมื่อเลือดหยดแรกไหลรินสู่พื้น กระดูกของมนุษย์ก็ทิ่มแทงโผล่พ้นตัวเองออกมา จนกลายเป็นว่าสิ่งที่เหลือต่อเบื้องหน้าของเฟตก็คือ อาวุธที่เชื่อมต่ออยู่กับกระดูกมนุษย์นั่นเอง
“บ้าอะไรกันเนี่ย”ลีเวียธานเองก็บุกโจมตีเช่นเดียวกับเฟต ซึ่งผลรับก็เป็นเช่นเดียวกับผู้เป็นนาย เมื่อพวกมันสูญสิ้นร่างเนื้อไปแล้ว แต่ยังเหลือร่างกระตูกติดอาวุธไว้อยู่
พวกเทียร่าเห็นท่าไม่ดีก็ออกตัวมาบ้าง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ต่างกันเลย พอกระดูกแตกไป เศษขี้เถ้าก็ไหล่วนกลับมาประกอบกันเหมือนเช่นเดิม จนในที่สุด กลุ่มของพวกเขาก็ได้ต่อสู้กับทัพกระดูกอมตะ
“คิดถึงกราด่อนขึ้นมาทันตาเลยแหะ”เฟตพึมพำขณะมองดูดาบสีทองในมือของตัวเอง ดาบเล่มนี้เป็นของราชาโครงกระดูก ภาพเก่าๆในอดีตจึงย้อนมา แต่สำหรับชายหนุ่ม มันกลับมาแค่ 2 วินาที เขาก็ลืมไปเสียแล้ว ว่าเจ้าของดาบเล่มนี้เป็นใคร แต่สิ่งที่จำได้ ก็คือการขอบคุณที่มอบดาบอันคงทนแข็งแรงนี้ให้กับเขาล่ะนะ
หลังจากสู้ได้สักพัก พวกเฟตก็ลองเปลี่ยนเป้าหมายจากโครงกระดูก ไปโจมตีที่ตัวอาวุธแทน แต่ผลที่ได้ก็ช่างน่าสิ้นหวังนัก เมื่อมันไม่เป็นอะไรเลย
“พวกนี้เป็นเผ่าอันเดสที่ประหลาดมากเลย”ริเรียน่าร้องบอกขณะหมุนตัวโจมตีไปรอบๆ ซึ่งพวกมันก็ยังคงกลับมารวมร่างแล้วรุกกลับได้ต่อเรื่อยๆ เหมือนกับไม่มีวันหมดสิ้น จนพวกแฟร์ท้อไปตามๆกัน
“…….”เฟตเงียบไม่ตอบคำ เพราะแค่มองก็รู้แล้วว่าพวกแฟร์น่าจะไม่ไหว ใจแห่งความเป็นสุภาพบุรุษ เขาก็อยากที่จะช่วยให้พวกเธอได้หนีไป แต่จะทำได้ยังไงล่ะ ในเมื่อโดนรุมล้อมจากรอบด้านยังกับดารากำลังถูกรุมขอรายเซ็น
“จาเนียเปิดทางให้เองค่ะ”เอลฟ์สาวที่สู้อยู่ข้างๆ ร้องบอกเหมือนรับรู้ความต้องการของผู้เป็นนาย
“ช่วยหน่อยนะครับ”เฟตหันมากล่าวกับจาเนีย เอลฟ์สาวมีประสบการณ์ในโลกนี้มากกว่าเขา ถ้าเขาให้เธอช่วยเหลือ น่าจะดีกว่าไปลองผิดถูกเอาเองล่ะนะ
“ในน้ำแห่งวัลคิวลี่ แห่งสวรรค์ วัลฮารา ข้าขอพลังแห่งแสงโปรดประทานแสงสว่าง มอบแด่ข้าผู้เป็นผู้ใช้พลังแสงแห่งท่าน”จาเนียกล่าววิงวอนขณะหมุนตัวฟันเป็นวง
หลังจากจาเนียกล่าวไปเกือบ 1 นาที ท้องฟ้าที่มืดมิดก็เปิดออกเป็นช่องทางเล็กๆ ที่แสงพอส่องถึงพื้น เอลฟ์สาวพุ่งตัวเข้าไปหยุดตรงกลางแสง เมื่อเธอมาถึง ก็ดึงพลังที่แสงส่งผ่านมาสู่ร่างตน เมื่อเธอกักเก็บพลังได้พอเพียง ปีกแบบนางฟ้าสีขาวก็กางออกมา
“ว้าว”พวกเทียร่าอุทานอย่างลืมตัว เมื่อปีกของจาเนียมีสีขาวใสบริสุทธิ์ ชวนให้มองอย่างน่าหลงใหล แต่สักพักก็ประหลาดใจ เมื่อเห็นว่ามันมีเพิ่มมาอีกคู่หนึ่ง
เฟตที่มองอยู่ละความสนใจในเอฟร์เฟคของจาเนีย เขาควรจะปกป้องอสูรของตนเองให้ถึงที่สุด จึงสู้หน้าตั้งโดยไม่สนใจว่าตนเองจะเลเวลน้อยกว่าหรือมากกว่าใคร แต่แล้วในตอนที่สู้อยู่ เขากลับพบว่าพวกศัตรูมีทีท่าที่แปลกไป โดยพวกโครงกระดูกพยายามจะเดินเข้าไปหาจาเนีย แต่อาวุธที่ติดอยู่กลับเสียบแทงลงพื้นปักหลัก ยึดร่างเอาไว้
“คุณลีเวียธาน คิดว่าไง”เฟตหันไปถามมังกรแห่งท้องทะเล ที่จ้องมองไปทางเดียวกันตน
“อาหารหมา (กระดูก) พวกนี้พยายามจะเดินเข้าหาแสงจากฟ้านั่น แต่อาวุธกลับไม่ยินยอมให้มา เหมือนกับว่า ไอ้ 2 สิ่งนี้ จะมีความคิดที่ต่างกัน”ลีเวียธานวิเคราะห์ตามที่ตนเห็น
“จาเนีย ลองใช้แสงนั่นโจมตีไปที่กระดูกหน่อยครับ”เฟตหันไปบอก ขณะที่เอลฟ์สาวยังคงรวบรวมพลังอยู่
“ค่ะ”จาเนียขานรับแล้วฟันดาบไปที่ด้านหน้าสุดแรง พลังออร่าดาบสีขาวพุ่งผ่านตัวโครงกระดูกไปอย่างง่ายดาย เพราะพวกโครงกระดูกไม่มีความคิดอะไรซับซ้อน
หลังจากพลังการโจมตีของจาเนียสว่างจ้าและต่อมาก็สลายหายไปกับความมืด ผลงานที่ได้รับไปช่วยการันตีถึงความรุนแรงของทักษะเมื่อสักครู่ โดยตัวโครงกระดูกนั้นหายไปจนหมด เหลือแต่เพียงสายระโยงรยางค์สีแดงเต็มอาวุธไปหมด
“หืม แพ้แสงงั้นเหรอ”ชายหนุ่มกอดอกกล่าว ขณะดูเศษซากผลงานของอสูรตนเอง พวกเขามาถูกทางแล้วซินะ แต่ว่า แล้วมีใครใช้พลังสายนี้อีกบ้างเนี่ย
ดูเหมือนพรอมจะพึ่งรู้ตัวสายตาของเฟตที่ปรายมามอง ตนจึงพยักหน้าว่าตนก็ใช้พลังสายนี้ เพียงแต่ในสถานการณ์ปกติ จะไม่ใช้พลังพร่ำเพรื่อ เพราะมันเปลืองพลังมากกว่าปกติหลายเท่า
พรอมออกหน้ามาจากกลุ่มของตนเอง เฟตที่ไม่ชอบให้ผู้หญิงปกป้องจึงเดินนำออกมาบ้าง
“ลุยกันเถอะครับ ลีเวียธาน”ชายหนุ่มหันไปส่งซิกกับมังกรแห่งท้องทะเล ผู้สร้างด่านน้ำคอยป้องกันให้กับทีมมาตลอด
“นายอ่ะ ช้ากว่าฉันซะอีก”ลีเวียธานแสระยิ้มกล่าวแล้วสลายม่านน้ำที่เป็นโดมคลื่นกว่า 4 เมตรลงมา จากนั้นหญิงสาวก็ใส่พลังอัดเข้าใส่สายน้ำที่ตนบังคับได้แบบเต็มที่ จนมันเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม
ลีเวียธานสะบัดมือวูบเดียว คลื่นน้ำสีฟ้าก็ถาโถมเข้าใส่กลุ่มโครงกระดูก จนพวกอันเดสถูกกดทับจนจมหายไปกับสายน้ำสีน้ำเงิน
“ก็บอกแล้ว ฉันเร็วกว่า”ลีเวียธานหันมาพูดยิ้มๆ การจะรวมพลังนี้ได้ เธอต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากพลังเวทที่มีอยู่มันมาครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดเอาไว้ จึงต้องใช้พลังและเวลามากกว่าปกติ
หลังจากลีเวียธานสลายพลังไปจนน้ำกระจายไปหมด พื้นที่ที่เคยมีโครงกระดูกก็เหลือแต่เพียงอาวุธที่มีสายรยางค์สีแดงติดพันอยู่
“เอ๋ ทำไมพวกนั้นถึงหายไปได้ล่ะครับ ไม่ใช่ว่าต้องใช้แต่พลังแสงเหรอ”เฟตหันมาถามหญิงสาวอย่างมึนงง ตอนแรกเขานึกว่าต้องใช้พลังแสง ที่ได้ชื่อว่าเป็นธาตุอริแห่งความมืดซะอีก
“จะบ้ารึไง ขอแค่มีพลังมากกว่า จะทำลายพวกเดียวกันที่มีพลังน้อยกว่ายังไงก็ได้”ลีเวียธานตอบพร้อมกับโชว์โจมตีโครงกระดูกตัวอื่นๆ ด้วยอาวุธแห่งน้ำให้ดู ซึ่งการโจมตีด้วยอาวุธธรรามดาของลีเวียธานไม่อาจจะทำให้โครงกระดูกกระทบกระเทือนได้ แต่พอเธอใช้อาวุธที่มีพลังสีน้ำเงินอัดแน่นเท่านั้นล่ะ การโจมตีเลยกลายเป็นหนังคนละม้วนไปเลย
“พื้นฐานพลังของฉันก็คือ ความริษยา ที่เป็นพลังด้านลบของมนุษย์ พลังธรรมดาๆของผู้เล่นน่ะทำอะไรพวกมันไม่ได้หรอก”ลีเวียธานหันมากล่าวกับพวกเทียน่า ที่กำลังจะรวมพลังเช่นเธอ
“ทำไมล่ะ”4 สาวถามพร้อมกันนานทีจะได้รับคำแนะนำจากอสูรระดับสูงซะทีนะเนี่ย ลีเวียธานเห็นพวกผู้เล่นอยากได้คำตอบจริงๆ เลยหันนิ้วมาชี้ใส่ริเรียน่า
“พลังของมนุษย์เกิดมาจากธรรมชาติ ต่างกับพลังของพวกฉันที่เกิดมาจากความมืดของมนุษย์ ซึ่งพวกกระดูกเหล่านี้ก็เช่นเดียวกัน พวกมันเกิดจากความมืด พวกเธอต้องใช้ความมืดที่รุนแรงกว่าหรือไม่ก็พลังธาตุแสงขั้นสูง และพลังแห่งเทพเท่านั้นที่จะจัดการมันได้”ลีเวียธานสอนแบบคนที่เชี่ยวชาญ การใช้พลังด้านลบเธอมีความรู้ เพราะตัวตนที่แท้จริงของเธอ ก็คือ จ้าวแห่งนรก ลีเวียธาน (ความริษยา)
ในขณะที่ลีเวียธานอธิบายให้สาวๆฟัง เฟตกับจาเนียกลับวิ่งเข้าไปลุยกับพวกโครงกระดูกก่อนแล้ว โดยไม่สนใจฟังเลย เอลฟ์สาวแม้จะใช้พลังธาตุแสงโดยตรง แต่ผลกลับไม่เหมือนกับที่ลีเวียธานอธิบาย นั่นก็เป็นเพราะว่าพลังของเธอเป็นพลังของธรรมชาตินั่นเอง
ส่วนด้านเฟต แม้จะไม่รู้ว่าต้องทำยังไง แต่แค่มองดูการต่อสู้ของลีเวียธาน ร่างกายก็สอนให้ทำตามเอง ดาบทั้ง 9 ของชายหนุ่มหมุนวนอยู่รอบตัว พร้อมกับดึงพลังบางอย่างที่อยู่ในร่างกายเจ้านายออกไปใส่ตัวของพวกมัน จนอาวุธมีออร่าสีขาวบางๆ ติดอยู่ การโจมตีของอาวุธที่มีออร่า จะแตกต่างกับที่สู้ในครั้งแรกๆ ลิบลับเลย เมื่ออาวุธฟาดตรงจุดไหนแตกหรือหักไป ร่างกายตรงส่วนนั้นจะกลับมาประกอบกันไม่ได้อีกเป็นครั้งที่ 2
“ถ้าเธอไม่มีพลังแห่งเทพด้วย ผลสุดท้าย แสงของเธอก็ไม่สำคัญ”ลีเวียธานที่พึ่งอธิบายให้ผู้เล่นสาวฟังจบ ก็หันมามองศัตรู ซึ่งตอนนี้เหลือแค่เฟตที่ค้ำซากโครงกระดูกอยู่คนเดียว
เฟตที่เห็นว่าตนตกเป็นจุดสนใจ เลยยิ้มให้ลีเวียธานบางๆ ในขณะที่กลุ่มผู้เล่นสาวพากันอ้าปากค้าง ไหนบอกว่าพวกนี้ต้องใช้ความสามารถระดับสูงไงล่ะ แล้วทำไมชายคนนี้ถึงล้มได้หมดเลยล่ะเนี่ย
“นายนะนาย ฉันยังอธิบายกับแสดงตัวอย่างให้พวกเธอดูเลย”ลีเวียธานวีนใส่ชายหนุ่ม เมื่อเฟตล้มศัตรูไปหมด จนไม่เหลือใครไว้ให้เธอได้โชว์ความจริงตามที่สอนไปเลย
“ช่างเถอะๆ แล้วพวกนี้มันอะไรอ่ะ รู้จักมั้ยครับ”เฟตตัดบทหญิงสาวแล้วชี้มาที่ซากอาวุธ ที่เหลือแต่สายรยางค์ติดหนึบยังกับตุ๊กแก
“อืม พลังด้านลบเลยนะเนี่ย แต่เป็นอะไรฉันก็ไม่รู้สิ”ผู้เชี่ยวชาญพลังด้านลบส่ายหัวปฏิเสธ ทำให้เฟตต้องกลับมามองสายรยางค์ที่อยู่ตรงหน้าต่อด้วยความสนใจ เมื่อเห็นว่าพวกสายรยางค์ยังคงขยับไปมา เหมือนกับเส้นเลือดมนุษย์
“มองฉันอย่างนั้นหมายความว่าไงยะ”ลีเวียธานตะโกนกรอกหูเฟต หลังเห็นหางตาของชายหนุ่มเมื่อสักครู่นี้
“เปล่าๆ ผมแค่สงสัยว่า ทำไมคุณถึงไม่รู้ ทั้งๆที่คุณบอกว่าตัวของคุณอีกคนเป็นถึง จ้าว อะไรสักอย่าง”เฟตรีบหันมาอธิบาย เมื่อเห็นลีเวียธานโกรธจนลมออกหู เวทกระจายเป็นหย่อมๆ
“เหอะ ถึงฉันจะเป็นอีกภาคหนึ่งของลีเวียธานแห่งแดนความริษยา แต่ความรู้อะไรฉันก็ได้เท่าที่จำเป็น ฉันเลยรู้แค่เศษเสี้ยวเล็กๆแค่นั้นล่ะ”หญิงสาวอธิบายเขินๆ เมื่อกี้เธอพูดซะดิบดี ไปๆมาๆ ดันต้องมาเฉลยซะแล้ว ว่าเธอไม่ได้รู้ด้วยตัวเองจริง
“ช่างเถอะครับๆ แล้วรู้หรือเปล่า ว่าความรู้สึกของพลังด้านมืดนี้คืออะไร”เฟตกลับโบกมือไม่สนใจความคิดนั้น แล้วชี้นิ้วมาที่อาวุธต่อ เขาจับความรู้สึกจากพลังนี้ไม่ค่อยได้เลย
“คงเป็นคำสาปล่ะมั้ง”ลีเวียธานตอบด้วยใบหน้าไม่มั่นใจ เธอไม่ใช่จะรู้ไปทุกอย่างซะหน่อย
“คำสาปเหรอ”เฟตทวนคำเสียงเรียบ แล้วคิดไปถึงชื่อป่านี้ จากนั้นก็รีบหันไปถามไกด์ประจำกลุ่มอย่างรวดเร็ว
“เทียร่าครับ ไม่ทราบว่า ป่านี่ มีอาถรรพ์อะไรเหรอครับ”
“อาถรรพ์เหรอ? ตำนานเล่าไว้ว่า ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือใครก็ตาม เมื่อเข้ามาป่านี้ จะไม่สามารถออกจากป่าได้อีกเป็นครั้งที่ 2 ยกเว้นแต่ตายไปเอง”เทียร่าอธิบายแบบไม่ค่อยมั่นใจ คำว่าตำนานเชื่อถือไม่ค่อยได้ ในความคิดเธอ
“แล้ว อาวุธพวกนี้ล่ะครับ คิดว่าน่าจะนานครบปีมั้ย”เฟตถามต่อ ขณะใช้กิ่งไม้จิ้มไปที่ตัวดาบ ซึ่งสนิมกินจนมองอายุจริงไม่ออก
“ก็ไม่แน่นะ”พรอมกอดอกตอบ ขณะที่กลุ่มของเธอก็เดินไปสังเกตอาวุธอื่นๆ ด้วยความสนใจ
“พี่เฟตคะ อาวุธพวกนี้ ดูๆไปแล้วก็เก่ามากเลยนะคะ”แฟร์บอกออกมาลอยๆ หลังใช้มีดสั้นเขี่ยเชือกขึงธนู แล้วพบว่ามันเก่ามาก จนเธอแทบจะไม่ต้องแตะมันก็จะขาดอยู่แล้ว
“พวกเขาน่าจะเป็นมนุษย์ในเมืองของพวกคุณที่โดนอาถรรพ์ของป่านี้นะครับ”เฟตสันนิษฐานออกมา ขณะชี้จำนวนอาวุธที่กระจายเกลื่อนพื้น
“ทำไมพี่เฟตถึงคิดแบบนั้นล่ะคะ”แฟร์ถามเมื่อเห็นเฟตคิ้วขมวดจนเกือบจะติดกัน พวกพรอมเห็นเช่นนั้นก็เลยหันมามองหน้ากันบ้าง เป็นเรื่องที่แปลกมาก ที่ใบหน้าของชายคนนี้มีการเปลี่ยนแปลง
“ผมเดาเอาครับ”แม้จะตอบแบบนั้น แต่สายตาของชายหนุ่มกลับจับจ้องไปที่ตราร้านค้าที่ติดอยู่ตรงด้ามจับของดาบ ถ้าเขาเดาไม่ผิด มันเป็นตราประจำเมืองของเธอเรียม ซึ่งเขาพบเห็นมันแทบจะทุกมุมของเมืองเลย แม้จะไม่อยากจำ แต่อะไรที่ผ่านตามากๆ แล้วกลับมาเจอกันอีกครั้ง สมองก็ดันจดจำได้จนน่าโมโห
“แล้ว จะเอายังไงกันดีกับอาวุธพวกนี้ดีล่ะ”ริเรียน่าขอความเห็น ตอนนี้เธอไม่ได้ฉายเดี่ยวแบบเมื่อก่อนแล้ว ควรจะหาความเห็นจากคนอื่นบ้าง
“ปล่อยไว้แบบนี้ ดีกว่ามั้งครับ”เฟตแนะนำ แล้วโยนกิ่งไม้ไปใส่รยางค์ พอกิ่งไม้แตะโดนเท่านั้นแหละ สายรยางค์ทั้งหลายก็เกาะติดเหมือนสุนัขหิวอาหาร เป็นผลให้พลังงานของกิ่งไม้ลดลงแล้วก็เหี่ยวแห้งอย่างรวดเร็ว
“กินพลังเป็นอาหาร และใช้ร่างในการแฝงตัวค่ะ”จาเนียที่เงียบมานานอธิบายให้เจ้านายฟัง ขณะที่กลุ่มสาวๆก็ทำหน้าประหลาดใจกับปีกของจาเนียที่ยังคงกางอยู่เช่นเดิม ทั้งๆที่แสงหายไปหมดแล้ว
“ทำไมล่ะครับ”เฟตถามเพื่อเก็บข้อมูล เผื่อเขาไปเจอเองจะได้คิดได้โดยไม่ต้องไปเสี่ยงวัดดวงเอาเอง
จาเนียยิ้มหวานให้เจ้านายแล้วชี้ไปยังสายรยางค์
“ในสายสีแดงนั้น เต็มไปด้วยพลังที่ไม่คุ้นค่ะ ส่วนอันนี้ ก็อย่างที่บอกล่ะคะ ใช้ร่างในการแฝงตัว”เอลฟ์สาวอธิบายพร้อมกับชี้ไปยังดาบเก่าๆ เล่มหนึ่ง
เฟตฟังจาเนียบอกพร้อมกับลองคิดตามไปด้วย ถ้าเกิดเป็นอย่างที่อสูรตนเองบอกจริงๆ พวกรยางค์เหล่านี้คงอยู่มานานและเป็นอมตะแน่ๆ ถ้าเกิดมันใช้ของแค่ของ 2 อย่างในการดำรงชีวิต
“จะทำลายเลยได้มั้ยน๊า”จาเนียได้ยินเฟตบ่นอย่างนั้นก็ยิ้มออกมา
“ขนาดฉันโจมตีด้วยพลังของฉันในระยะประชิด มันยังไม่เป็นอะไรเลย แล้วนายคิดว่านายที่มีพลังและใช้เป็นแบบแบบบ้าๆบอๆ จะใช้ได้ดีขนาดไหนกันเชียว”ลีเวียธานชิงตอบออกมาก่อนที่เอลฟ์สาวจะอ้าปาก
“โห ว่าซะเสียเลยอ่ะ”เฟตบ่นงึมงำแล้วหันไปมองมังกรแห่งท้องทะเลที่แสระยิ้มที่มุมปาก
“อืม ทางที่ดี นายปล่อยให้แสงอาทิตย์ทำลายมันดีกว่า”ลีเวียธานตัดบทแบบไม่สนใจ แล้วเดินหนีไปเลย ซึ่งก็ทำให้เฟตต้องหันไปมองหน้าคนอื่นๆ เพื่อขอความเห็น
“ทางเลือกหลังน่าสนใจดี ไปกันเถอะ”พวกพรอมกลับเห็นด้วย แล้วเดินตามมังกรแห่งท้องทะเลไปซะงั้น ทิ้งให้เฟตได้แต่ยืนมองจาเนียที่จ้องมาทางตน เหมือนขอความเห็นว่าจะเอายังไง
“เอ่อ อย่าเสี่ยงเลยครับ”ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้มั่นใจในตัวเองขนาดนั้นหรอก สู้กับคนน่ะง่าย แต่อะไรที่ไม่รู้จัก อย่าทำเป็นอวดเก่งหรือฉลาด ไม่งั้นจะขายหน้าเอาได้
“ค่ะ”จาเนียพยักหน้าแล้วเดินตามหลังผู้เป็นนายไม่ห่าง อันเป็นนิสัยปกติของเธอล่ะนะ แต่เฟตไม่ชอบคนตามหลัง เขาจึงชะลอเท้าก่อนจะจับมือกับเอลฟ์สาวเดินป่า เหมือนกับคนพาแฟนมาเดินช็อปปิ้งกลางตลาด โดยไม่สนใจสายตาสีแดงและเขียวที่ โผล่ขึ้นมาจับจ้องหลังของพวกเขาเหมือนเดิม จริงๆก็เห็นอยู่หรอก แต่เมื่อเห็นคนอื่นไม่ถาม เขาก็เลยขี้เกียจพูด จึงอยู่ข้างหลังเพื่อคอยระวังหลังให้อย่างงี้นี่ไง
ณ ป่าอาถรรพ์ เขตป่าลึก
พื้นที่ที่เคยเป็นป่าได้หายไปหมด ในพื้นที่แห่งนี้เหลือแต่หลุมลึกและผู้เล่นเพียง 20 คนเท่านั้น
“หึหึ ผู้เล่นที่ได้พลังของโพไซดอน ไม่ได้เก่งเหมือนที่คิดเลยนะ”ชายผมน้ำตาลยาวถึงบ่ากล่าวพร้อมกับกระตุกยิ้มดูถูกที่มุมปาก
“ฉันเก่งหรือไม่ นายก็ลองเข้ามาดูสิ”ร็อคตอบโต้ โดยไม่หันไปมอง เพราะสายตาของเขาในขณะนี้ กำลังจ้องชายในชุดเกราะสีเงิน ที่อยู่เบื้องหน้าตนเอง
“ไม่ล่ะๆ การต่อสู้ของพวกนาย ฉันไม่อยากยุ่ง เดี๋ยวจะหาว่าฉันทำลายการต่อสู้ ที่มีค่า”ชายผมน้ำตาลพูดจบก็ยิ้มแย้มให้อีกครั้ง
ชายเกราะเงินหรือแบรนคอลรองหัวหน้าสมาคม Heavy Knight ปรายตาไปมองชายผมสีน้ำตาลอย่างหวาดระแวง ชายคนนี้สามารถเข้ามาใกล้พวกเขาที่กำลังสู้กันอยู่ได้ โดยที่พวกตนไม่รู้ตัวเลยสักนิด
“หัวหน้า เราขอจัดการมันเอง”ลูกน้องของแบรนคอลขอความเห็น แล้วจ้องมองไปยังชายผมสีน้ำตาลแบบเอาเรื่อง
“อย่าทำเป็นเก่งไปเลย พวกนายมันก็แค่ลูกน้อง อย่าเอาตัวเองมาขึ้นเขียงเลย”ชายผมน้ำตาลชิงกล่าวออกมา ส่งผลให้กลุ่มของแบรนคอล รู้สึกเหมือนว่ากำลังโดนหยาม
“ปากดี”ลูกกิลด์ของแบรนคอลพุ่งตัวเข้าไปหาชายผมน้ำตาลด้วยความรวดเร็ว เนื่องจากพวกเขาอยู่ในอาณาเขตได้เปรียบ หรือก็คืออำนาจแห่งความตายที่แบรนคอลร่ายไว้ จึงทำให้ความเร็วเหนือกว่าผู้เล่นทั่วไป เกือบ 5 เท่าตัว
“ฉันว่าฉันพูดแล้วน้า!!! ว่าอย่าเอาตัวเองมาขึ้นเขียง”ชายผมน้ำตาลแสระยิ้มแล้วสะบัดมือไปข้างหน้าเล็กน้อย ออร่าสีดำที่รายล้อมรอบตัวชายหนุ่มก็สยายออกมาตามที่ชายหนุ่มสะบัดมือ
กลุ่มของแบรนคอลยังคงพุ่งตัวเข้าหาชายผมสีน้ำตาลด้วยความรวดเร็วเหมือนเดิม โดยไม่สนใจว่าชายที่ตรงหน้าจะพูดอะไรหรือทำอะไร เพราะออร่าสีดำที่กำลังกระจายออกมาพวกเขามองไม่เห็น ต่างกับแบรนคอลและร็อคที่มองเห็นมันได้อย่างชัดเจน
“หยุด”แบรนคอลรีบร้องห้ามลูกน้องตน แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว เมื่อพวกเขาเหล่านั้น ล้มลงไปนอนกับพื้นเหมือนกับหุ่นเชิดที่สายเชือกขาดไป
ชายผมน้ำตาลเดินเข้าไปหากลุ่มที่พึ่งล้มลงกับพื้นด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก
“ฉันบอกแล้ว อย่าเอาตัวเองมาขึ้นเขียง”ชายผมน้ำตาลพูดจบก็ถอยห่างออกมา ออร่าสีดำจากตัวชายหนุ่มขยายออกมากินพื้นที่จนลามไปถึงกลุ่มผู้เล่นที่นอนรอความตายอยู่ หลังจากออร่าสีดำคลุมตัวมิดแล้ว ลูกน้องของแบรนคอลก็ร้องโหยหวนออกมา ไม่ถึง 5 วิ เสียงร้องก็เงียบหายไป โดยที่แบรนคอลไม่ทันได้เข้าไปช่วยเหลือลูกน้องเลย
“แกเป็นใคร”ร็อคและแบรนคอลหันมาถามชายผมน้ำตาลอย่างพร้อมเพรียงกัน การลงมือฆ่าคนได้รุนแรงและรวดเร็วขนาดนี้ ผู้ที่ทำได้จะต้องมีพลังของเทพอสูรในตำนานเท่านั้น
“แหม ถามกันอย่างนี้ได้ยังไง ผมเขินนะ”ชายหนุ่มผมน้ำตาลพูดจบก็บิดตัวไปมาเล็กน้อย จน2 หนุ่มที่มองอยู่อยากจะวิ่งไปกระโดดถีบจริงๆ
“โอเคๆ ผมบอกก็ได้ว่าผมชื่ออะไร ผมชื่อว่า ไมเคิล เรียกว่า ไมค์ก็ได้”ชายหนุ่มผมน้ำตาลแนะนำตัวเองอย่างอารมณ์ดี โดยไม่ยอมบอกว่าตนเองอยู่เผ่าใด หรือเป็นลูกน้องของเทพอสูรตนใด
“อ่ะอ้า เรื่องเทพเป็นความลับครับ อย่ามาถามกันซะให้ยากเลย”ไมเคิลพูดออกมาลอยๆเมื่อเห็นว่า 2 หนุ่มกำลังสงสัยในสิ่งที่ตนยังไม่ได้บอก
“ไม่ถามก็ได้ ฉันจะถามด้วยตัวเองดู”ร็อคคำรามแล้วขยับเข้าไปโจมตีไมเคิลเป็นคนแรกหลังจากทนการพล่ามไม่ไหว
“ทะเลดาบ”ร็อคเรียกสกิลประจำตัวออกมา โดยพลังของชายหนุ่มไปรวมรวบน้ำฝนทั้งหมดในบริเวณนั้นมาอยู่ในคอนโทรลของเขาเอง หลังจากสายน้ำรวบรวมจนได้มากพอสมควร รอบๆตัวของร็อคก็มีแต่สายน้ำที่กลายเป็นดาบเต็มไปหมด
“ว้าวๆ”ไมเคิลร้องออกมาอย่างอารมณ์ดี โดยไม่มีความกังวลอยู่เลย ต่างกันกับร็อคที่รู้สึกเป็นกังวลซะเอง เมื่อเห็นศัตรูไม่หวาดกลัวกับทักษะนี้
“อะไรกัน ไม่โจมตีมาล่ะ”ไมเคิลร้องโวยวาย เมื่อเห็นร็อคไม่ยอมโจมตีมาสักที
“อ้อ หรือว่ากลัวความพ่ายแพ้”ไมเคิลยังคงพล่ามต่อไป
“หุบปากซะ”ร็อคตะโกนลั่นแล้วสะบัดดาบน้ำเข้าโจมตีไมเคิลทันทีเมื่อถูกแทงใจดำ การต่อสู้ของเขาที่เมืองเริ่มต้นได้กลับมาหลอกหลอนอีกแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ตาย แต่ความจริงก็รู้ๆกันว่า เขาพ่ายแพ้แบบเต็มๆ
“แทงใจดำสินะ”ไมเคิลยังคงร้องเพลงเยาะเย้อย่างอารมณ์ดี
ร็อคยืนมองผลงานของตนอย่างพึงพอใจ แม้ดาบของเขาจะสร้างมาจากสายน้ำ แต่พอมันถูกสร้างมาเป็นทักษะพิเศษเฉพาะตัวแล้ว ความแข็งแกร่งของมันก็จะพิเศษตามไปด้วย
“แกอย่ามายุ่ง ให้ฉันจัดการมันให้เสร็จก่อน”ร็อคพูดกับแบรนคอลโดยสายตายังคงจับจ้องไปยังม่านอาวุธดาบสายน้ำของตนอยู่ เมื่อรับรู้ว่าแบรนคอลกำลังจะรวบรวมพลังมาสู้ด้วย
“มันฆ่าลูกน้องฉัน แล้วอีกอย่าง นายเอาชนะมันไม่ได้หรอก”แบรนคอลพูดจบ ดาบน้ำของร็อคก็แตกกระจายเป็นหยดน้ำไปหมด โดยที่ไมเคิลไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
“แหมๆ อย่ามาสู้กันเองสิครับ คนกันเองทั้งนั้น”ไมเคิลขยับมือขยับไม้อย่างสนุกสนาน ต่างกับร็อคที่หน้าตาเคร่งเครียดไปแล้ว
2 หนุ่มยืนจับจ้องกันเองด้วยความหวาดระแวง ด้วยไม่รู้ว่าใครจะนึกคึกหันมาโจมตีกันก่อน ซึ่งต่างกันกับไมเคิลที่ยืนยิ้มอย่างอารมณ์ดี เพราะรู้ว่าต่อให้ 2 หนุ่มนี้ร่วมมือกัน ก็ไม่ใช่คู่มือของเขา
ตูม ตูม!!! เสียงระเบิดดังลั่นป่าอาถรรพ์ในขณะที่ชายผมน้ำตาลยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เฉกเช่นเหตุการณ์เมื่อสักครู่ไม่เกี่ยวข้องกับตน
“ใจร้ายจังนะ ใช้เวทลวงตาไปแบบนั้น”เสียงพูดตัดพ้อดังขึ้นที่ด้านหลัง ทำให้ไมเคิลหันไปมองรอบตัวเล็กน้อย
“ช่วยไม่ได้ อยากทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง”ไมเคิลตอบออกไปอย่างอารมณ์ดีเหมือนเดิม แล้วหันไปมองการต่อสู้ของร็อคและแบรนคอลที่ยังคงเดินวนอยู่ในฝ่ามือของเขา เหตุการณที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่เป็นส่วนหนึ่งที่เขาจัดฉากขึ้นมา
“เวทที่ได้มา ใช้ดีมั้ยล่ะ”เสียงเดิมยังคงถามออกมาโดยหาตัวไม่เจอ
“อืม หลอกได้ดีเลยทีเดียว พวกเขาไม่เอะใจเลยสักนิด ว่านั่นไม่ใช่ตัวของผมจริงๆ”ไมเคิลตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก
“นั่นสินะ ทั้งๆที่เจ้าใช้ข้าไปจัดการไอ้พวกลิ่วล่อนั่นเองแท้ๆ”เสียงเดิมยังพูดสนทนากับไมเคิลตลอด
“อย่าพูดมากนะครับ เดี๋ยวผิดแผนผมหมด”ไมเคิลพูดตัดบท
“แผนอะไรของเจ้า แค่จะให้เจ้า 2 คนนั้นสู้กันจนหมดแรง ไม่เห็นจะต้องเข้าไปทำอะไรให้วุ่นวาย”เสียงเดิมยังคงตอบกลับมา
“ตอนแรกพวกเขาสู้กันแบบสหายสารมิตรภาพ ผมก็เลยต้องไปกระตุ้นกันซะหน่อย ว่าแต่ คุณอาเป๊ป ช่วยอยู่นิ่งๆหน่อยได้มั้ย การที่คุณแฝงตัวได้ดีจนไม่มีใครเห็น มันก็ดีอยู่หรอก แต่ไอ้ที่คุณพูดออกมามากๆนี่มันเป็นปัญหาเลยนะ”ไมเคิลว่าออกไป ทำให้เงาของเขาขยับได้เช่นสิ่งมีชีวิต
“พูดอะไรแบบนั้นเล่า นานทีข้าถึงจะอยากออกมาซะที พอข้าออกมา ข้าก็มาช่วยเจ้าเลย นี่ถือเป็นบุญมากแล้วนะ”เสียงที่สนทนากับไมเคิล หรือจ้าวมังกรแห่งความมืดอาเป๊ปสวนออกมา โดยเงาของชายหนุ่มก็เริ่มเปลี่ยนตัวกลายเป็นเงามังกรขนาดใหญ่
“ว่าแต่ เมื่อไหร่เจ้าจะไปจัดการเจ้านั่นซะที”เงาของไมเคิลขยับมาที่ด้านหลังชายหนุ่มแล้วถามออกมาเบาๆ
“ถ้าเป็นผู้เล่นเผ่าความตายของเทพอนูบีส ท่านก็ต้องรอสักหน่อยนึงนะครับ รอให้เขาอัญเชิญเทพแห่งความตายลงมาก่อน”ไมเคิลตอบออกไป ขณะจ้องมองการต่อสู้ที่เขาพึ่งไปชงมา
“อืม”เมื่อได้ยินคำตอบ อาเป๊ปก็เงียบเสียงลงไป พร้อมกับเงาของไมเคิลที่กลับไปอยู่ในรูปลักษณ์ปกติ
‘คิดถูกหรือเปล่านะ ที่ทำภารกิจจนได้ถึง 50%แบบนี้’ไมเคิลคิดออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ขณะมองไปยังมังกรแห่งความมืดที่แฝงร่างอยู่ในเงาของตน
การผ่านภารกิจของเทพอสูรระดับสูงของเผ่านั้นๆ โดยแต่ล่ะองค์หรือแต่ละที่ จะได้พลังตอบแทนมาไม่เหมือนกัน เช่นอาเป๊ปที่ไมเคิลผ่านภารกิจไปเกินครึ่งแล้ว อาเป๊ปจึงมอบเวทมนตร์ให้และสารจิตวิญญาณให้ส่วนหนึ่ง ผลก็คือเมื่อจ้าวมังกรมาเจอพื้นที่ซึ่งมีแต่พลังแบบของตน (ด้านลบหรือความมืด) จ้าวมังกรจะสามารถออกมาได้โดยที่ไมเคิลไม่สูญเสียพลังในการเชิญร่างแฝง
การสารจิตวิญญาณระหว่างผู้เล่นและอสูร คือการนำจิตวิญญาณของอสูรมาใส่ในร่างผู้เล่น (เช่นเฟต ที่มีไรน่าและอนาตาเซีย) แต่ต่างกันที่วิญญาณเหล่านี้ถูกสารมาเพื่อเป็นอาวุธไม่ใช่แบบของเฟตที่ถูกสารเพราะคำสัญญา และนำมาช่วยควบคุมอาวุธ ซึ่งการจะทำแบบนั้นได้ ต้องมีความเชื่อมั่นต่อกันที่สูงมากเลยทีเดียว
ผลลับที่ออกมาจะแตกต่างกัน วิญญาณที่สารมาเพื่อเป็นอาวุธ จะสามารถออกมาช่วยโจมตีได้ แต่ผู้เล่นที่เป็นเจ้านายต้องสูญเสียพลังในการเชิญร่างแฝงมาร่วมต่อสู้ ในทางกลับกัน ถ้าเจ้านายเรียกพลังออกมาแทนร่าง ตัวเจ้านายจะได้พลังอสูรมาใช้แทน ซึ่งพลังที่จะเอามาใช้ได้ จะขึ้นอยู่กับร่างที่แฝงมา
ส่วนวิญญาณสารอาวุธจะเป็นการผนึกระหว่างอาวุธและวิญญาณโดยทั้ง 2 อย่างนี้จะเข้าคู่กัน เช่นถ้าอสูรเป็นอสูรระดับสูง อาวุธที่อสูรจะแปลงไปเป็นก็จะระดับสูงตามและมีเกรดที่สูงตาม
ถ้าให้ยกตัวอย่าง แบบเฟตก็คงจะได้ เพราะเขามีอาวุธสารถึง 2 ตัว การใช้งานจึงดูง่ายและประสบความสำเร็จสูงในการสู้แต่ละครั้ง ทว่า ถ้าให้พูดจริงๆ น่าจะเป็นเพราะอาชีพด้วยนั่นแหละ ถึงทำให้รูปแบบการต่อสู้ของเฟตที่เป็นสายเทคนิค เมื่อบวกเข้ากับความช่วยเหลือของอสูรแล้ว ผลลัพธ์ก็ออกมาได้งดงามจนน่าตื่นตาตื่นใจ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อาวุธก็จะขึ้นอยู่กับผู้เป็นเจ้านายด้วย อาวุธย่อมมีขีดจำกัด ใช้มากๆ สู้มากๆ มันย่อมมีเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา
อีกด้านหนึ่งของป่า ชายหนึ่งกับหญิงหกก็ยังคงเดินตามหาชายผมสองสีอยู่เหมือนเดิม ตลอดเวลาการเดินทางพวกเขามักจะพบเจออสูรทรีบากส์ เข้ามาบุกโจมตีเป็นระยะๆ แต่ผลสุดท้ายพวกเธอเหล่านั้นมักจะโดนลีเวียธานและจาเนียขับไล่ไปเป็นพักๆเช่นกัน
“ทำไม ไม่เห็นจะได้เลเวลเลยครับ”เฟตลองถามดู เมื่อความเสียแรงแล้วไม่เห็นจะได้อะไรทดแทนเลยสักนิด ตั้งแต่เขาเข้ามาเสียงของระบบที่รายงานระดับเลเวลนั้น ไม่เคยดังขึ้นมาเลยสักแอะเดียว
“ก็เพราะที่นี่คือป่าอาถรรพ์ไง”พรอมหันมาตอบหน้าตาย
“ป่าๆนี้ ไม่เคยให้อะไรผู้เล่นเลย ไม่ว่าจะเป็นเลเวล หรือระดับ อ้อ แถมยังไม่ให้ทางออกอีก ที่นี่จึงเรียกว่าป่าอาถรรพ์ไง”เทียร่าช่วยอธิบาย
เฟตได้ยินคำอธิบายของสองสาว เขาก็คิดออกทันที ว่าทำไมที่เมืองถึงไม่ปล่อยภารกิจล่าอสูรทรีบากส์อีก แล้วเขาก็เริ่มเข้าใจความคิดของเธอเรียมขึ้นมา เธอเรียมคงมองเห็นปัญหาในข้อนี้ จึงประกาศข่าวไปยังเมืองอื่น เพื่อให้ผู้เล่นได้มีโอกาสเจออสูรแบบนี้แน่ๆ
จริงๆที่ชายหนุ่มคิดนั้นถูกแล้ว แต่ถูกแค่ครึ่งเดียว สิ่งที่เธอเรียมคิดนั้นก็คือ 1. คือการให้ผู้เล่นได้มีโอกาสพบเจออสูรไม่เคยให้อะไรเลย และ 2 ความคิดหลัก นั่นก็คือ การเพิ่มความปลอดภัยให้เมือง ด้วยรู้ว่าในเมืองขณะนั้นไม่มี ศักยภาพพอที่จะป้องกันตนเองได้ เธอเรียมเลยต้องหาตัวช่วยซึ่งก็คือผู้เล่นจากต่างเมืองนั่นเอง
“นั่นอะไรกัน”ริเรียน่าที่อยู่ในร่างยมทูต ร้องพึมพำเบาๆ แล้วชี้นิ้วไปที่ความมืดเบื้องหน้าตนเอง
หลังพวกเฟตเดินมาจนถึงระยะที่พอมองเห้นได้ ก็ทำหน้าฉงนไปตามๆกัน เมื่อพวกมัมมี่ และอสูรทรีบากส์ ถูกมัดตัวติดกัน โดยอสูรทรีบากส์เป็นฐานพื้นคอยเดิน ส่วนอสูรมัมมี่คอยเป็นมือและดวงตาให้ พวกมันถูกเชื่อมติดกันด้วยรยางค์สีแดง
“เจ้าพวกนี้คงไปถูกอาวุธพวกนั้นเข้ามั้งครับ หรือไม่ก็คงได้ไปสู้กับคนพวกนั้นมาแล้ว แล้วเกิดความผิดพลาดจนเรื่องมันเป็นแบบนี้”เฟตสันนิษฐานออกมา
“เดี๋ยวได้รู้แน่”ลีเวียธานพูดออกมา หลังเห็นว่าอสูรประหลาดเริ่มขยับตัวแล้ว โดยที่พวกมันหันมาทางกลุ่มพวกตน
อสูรประหลาดขยับตัวเขาโจมตีพวกเฟตด้วยความรวดเร็ว ซึ่งต่างกับขนาดตัวของมันที่มีขนาดใหญ่มาก เฟตเห็นเช่นนั้นก็พุ่งตัวเข้าไปคั่นระหว่างกลางซะก่อนเพื่อไม่ให้อสูรประหลาดเข้าประชิดกลุ่มมากจนเกินไป
เฟตคว้าดาบข้างหลังมาเปลี่ยนเป็นหอก แล้วจ้วงแทงกลางลำตัวมัมมี่อย่างรวดเร็วเพื่อให้อสูรหยุดชะงักตามที่ตนเข้าใจ แต่ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้นและเป็นอสูรเผ่าอันเดส พละกำลังที่ปะทะด้วยกลับมากจนเกินไป เฟตจำต้องถอยไปเกือบ 5 ก้าวเพื่อสลายอาการชาที่มือ
อสูรประหลาดที่อยู่ตรงหน้าเห็นตนถูกหยุดได้ก็อ้าปากส่วนมัมมี่ขึ้นและส่งพลังลำแสงสีเขียวออกมาใส่ศัตรูอย่างรวดเร็ว จนเฟตต้องใช้เกราะดาบทั้งหมดมาตั้งกันไว้ ก่อนจะถูกถีบถอยกลับไปรวมกลุ่มเหมือนเดิม
“รู้ยัง”ลีเวียธานหันมาถามแบบเยาะเย้ย ที่เห็นชายหนุ่มทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง เดินเข้าไปหาอันตรายเองซะงั้น
“รู้แล้วครับ”เฟตพยักหน้าอย่างจริงจัง ก่อนจะมองหน้าลีเวียธานเขม็ง จนหญิงสาวต้องหันมามอง
“รู้อะไร จะบอกอะไรอ่ะ”มังกรสาวรีบถาม เมื่อเห็นใบหน้าของชายคนนี้เคร่งเครียดลงจนน่ากลัว
“หน้าอกคุณ นุ่มมากเลยอ่ะ”เฟตพยักหน้าตอบอย่างจริงจัง ตอนที่ถูกถีบกลับมา เขามาปะทะกับด้านหน้าของลีเวียธานพอดี ซึ่งเขาก็ได้ค้นพบความจริงว่า ภายใต้ชุดสีน้ำเงินยาวที่ดูรุ่มร่ามนี้ มันแฝงไว้ด้วยร่างกายอันเย้ายวนใจจนน่าหลงใหล ถ้าไม่ติดว่าสู้อยู่ล่ะก็ หึ่ม เสร็จเขาไปนานแล้ว
ความคิดเห็น