คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : ตอนที่ 28 สงครามกลางเมืองเริ่มต้น เทพ
“คิดจะสู้กับเทพรึ อวดเก่งเกินไปแล้ว”เทพหนุ่มคำรามหลังจากที่ชิออนประกาศว่าจะจัดการพวกตน
“เออ อวดเก่งแล้วไง ข้าเป็นคนอัญเชิญมาได้ ก็ต้องใช้เท้าอัญเชิญพวกแกกลับได้ บอกตรงๆว่าเป็นขี้หน้าว่ะ ฟังบทพูดมาตั้งนานและ”ชิออนประกาศอย่างไม่กลัวตาย ทำให้พวกผู้เล่นเผ่าเทพถึงกับคิ้วกระตุก
“แม้การสังหารผู้ที่อัญเชิญมาจะผิดหลักการก็เถอะ แต่สำหรับคนชั่วๆอย่างนาย คงไม่ผิดเท่าไหร่หรอกมั้ง”เทพสาวกล่าวจบก็สะบัดมือเป็นเชิงให้เข้าจัดการเลย
สิ้นสัญญาณมือเท่านั้น ชิออนที่ยืนอยู่ใจกลางจัตุรัสก็ถึงกับกระเด็นถอยหลังไป เมื่อมองกลับมาดูก็พบว่าตรงจุดที่ตนเคยยืนอยู่มีชายในชุดเกราะหนักยืนประจำจุดอยู่แทน ทำให้เขารู้ว่าเมื่อตะกี้ตนถูกโจมตีเพราะชายคนนี้
“เร็วจังวะ”ชิออนพึมพำเขายังไม่ทันจะได้ชักดาบเลย แต่ดูเหมือนฝ่ายตรงข้ามจะไม่ต้องการให้ชิออนได้ใช้อาวุธ ทันทีที่ชิออนตั้งท่าจะชักดาบ เขาก็กระเด็นถอยหลังไปอีกครั้ง พร้อมกับกระอักเลือดออกมาลิ่มใหญ่
“นี่ไงล่ะ ความแตกต่างของมนุษย์กับเทพ”เทพหนุ่มกล่าวยิ้มๆ
ชิออนปรายตาขึ้นมามองเล็กน้อย ทีนี้เขาลองสังเกตโดยรอบ จึงพบว่าพวกผู้เล่นเผ่าเทพอื่นๆซุ่มตัวอยู่ในเงามืดบนตึกอาคาร ตอนที่โจมตีมาเขาไม่ได้สังเกตด้านบน มัวแต่สังเกตด้านหน้าจึงไม่เห็นว่าศัตรูเตรียมตัวจะโจมตีเข้ามา จนป้องกันหรือหลบไม่ทัน
“โถ่เอ๋ย ปาหี่หลอกเด็กหรอกเรอะเนี่ย”หลังจากจับทางได้แล้ว ชิออนก็เปรยออกมาดังๆ แค่นั้นก็ทำให้เหล่าเผ่าเทพหงุดหงิดได้แล้ว พอชิออนลุกขึ้นมายืนอีกครั้งเขาก็ถูกผู้เล่นชายคนหนึ่งโผล่ออกมาจากด้านบนจับหัวกดกับพื้น
ตูม!! ชิออนโดนมือข้างหนึ่งของผู้เล่นเผ่าเทพกดอัดกับพื้นจนเสียงดังสนั่น
“หึ ต่อให้แกรู้ทริคของพวกข้า แต่แกก็ไม่มีทางมองความเร็วของเลเวล 40 ทันหรอกเฟ้ย”เทพหนุ่มที่ปากดีพูดปาวๆประกาศถึงเลเวลพวกตนให้ฟัง
‘แค่ 40 ทำไมมันห่างกับ 30 เยอะมากแบบนี้ล่ะเนี่ย’ชิออนคิดขณะพยายามลุกขึ้นยืน เขาสู้กับผู้เล่นกิลด์เดม่อนมาหลายร้อยคน ส่วนใหญ่ที่เจอก็อยู่ในระดับ 30 ทั้งสิ้น ซึ่งเขาก็รับมือได้ดีจนเชื่อมั่นในฝีมือตัวเองขึ้นมามาก แต่พอมาเจอผู้เล่นเผ่าเทพที่อัพเกรดระดับมาอยู่ที่ 40 เขาก็ถึงกับต้องเปลี่ยนความคิดในความต่างชั้นเสียใหม่
ซึ่งจริงๆแล้วมันเพิ่มความต่างชั้นมาเพราะเผ่าพันธุ์ต่างหาก ผู้เล่นที่ชิออนสู้ด้วยแรกๆมันเป็นผู้เล่นเผ่ามนุษย์ปกติ ซึ่งความต่างของสมรรถนะร่างกายมันต่างกันแบบฟ้ากับเหว ถ้านำมาเทียบกับเผ่าเทพ
ผู้เล่นเผ่าเทพไม่ต้องการให้ชิออนลุกขึ้นมาได้อีกครั้งที่ 2 พวกตนจึงขยับกายเข้ามาเตรียมจะจัดการสังหารเพื่อทำเป็นแบบอยากแก่ผู้เล่นทั่วไปให้เข็ดหลาบ แต่ทว่า เมื่อเข้าไปใกล้พวกเขาก็พบว่ามีกำแพงน้ำแข็งสูงกว่า 4 เมตร โผล่มาคั้นกลางเสียก่อน ทำให้ต้องถอยออกมายืนดูสถานการณ์ว่าจะมีใครมาร่วมอีกมั่ง
“ทำกับผู้ชายของเราแบบนี้ พวกนายช่างกล้ามากนะ”ฟ้าใสกล่าวเนิบๆขณะก้าวผ่านชิออนที่ยังจมดินอยู่
“หึ นักเวทงั้นเหรอ จะสู้ก็ได้นะ”เทพหนุ่มสวนขณะผายมือเป็นเชิงมาถ้ากล้าหือแบบชิออนก็เชิญเลย
“พวกคุณนี่ไม่รู้เลยนะว่าเขาและฉันเป็นใคร”
“จำเป็นต้องรู้ด้วยหรือไง”เทพหนุ่มสวน แต่สักพักก็ถูกเพื่อนสะกิดไหล่ พอหันไปดูก็พบว่าผู้เล่นที่ตั้งด่านอยู่กำลังชักอาวุธขึ้นมา เป็นเชิงว่าพร้อมจะลุย
“จะขอบอกอีกสักครั้งนะ เขาผู้นี้เป็นแม่ทัพขุนศึกของพวกเรา การทำอะไรเกินเลยไปบ้างก็เป็นสไตล์ของเขา ส่วนฉันนี่ พวกนายก็คงจะรู้ล่ะนะ”ฟ้าใสว่าจบก็เลิกพันคอออกจนมองเห็นตราสัญลักษณ์ที่คล้ายกับทิศทั้ง 4 ซึ่งนั่นคือตรากิลด์ของพวกเธอนั่นเอง
“4 เทพีพิทักษ์งั้นเหรอ”เทพสาวที่เป็นหัวหน้าใหญ่พึมพำขณะมองดูตรากิลด์ตรงปกเสื้อโค้ดนักเวทย์ของฟ้าใส หลังจากผู้เล่นเผ่าเทพรู้ว่าเธอเป็นใครแล้วก็พันผ้าพันคอกลับมาคลุมไว้เหมือนเดิม
“จะเอายังไงต่อดีล่ะคะ ทีนี้ พวกคุณทำตัวเป็นตัวร้ายจนคนในเมืองรังเกียจแล้วนะ ฉันขอแนะนำให้ถอยไปก่อนดีกว่า”ฟ้าใสให้คำแนะนำยิ้มๆ แต่อารมณ์ของเธอจริงๆนั้นแรงกว่าที่เห็นเยอะ มีที่ไหนมาทำร้ายแฟนของเธอต่อหน้าแบบนี้
ผู้เล่นเผ่าเทพหันไปปรึกษากันประมาณว่าเอาไงต่อดี เนื่องจากสถานการณ์เริ่มตกเป็นรองแล้ว ถ้าขืนทำอะไรมากเกินไปมีหวังโดนยำมากกว่านี้เป็นแน่
“ได้ พวกเราจะถอย แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า เผ่ามารทั้งหมดต้องถูกกำจัด”เทพหนุ่มกล่าวจบก็สะบัดปีกที่งอกเงยออกมาบินตามหัวหน้าตนเองไป ทิ้งให้พวกชิออนมองตามตาปริบๆ
“ทำอะไรไม่ปรึกษาใคร ถ้าเป็นแบบนี้จะอัญเชิญมาทำไมเนี่ย”ฟ้าใสหันมากล่าวกับชิออนที่กำลังลุกขึ้นนั่ง
“เหอะ ถ้ารู้ว่าเทพมันแสบแบบนี้ ก็คงจะเรียกมารมาแล้วล่ะ”ชายหนุ่มตอบตามความคิด พร้อมกับมองไปยังยอดปราสาทที่หายไปเพราะพลังของแอรีส
“รู้สึกจะมีศึก 2 ด้านแล้วมั้งเนี่ย เหอๆ”ชิออนพึมพำอีกครั้งเมื่อศึกกับกิลด์เดม่อนยังไม่จบ ดันมาหาศึกเพิ่มกับพวกผู้เล่นเทพอีก มีหวัง วันนี้เขาได้ตายแน่เลย
กริ๊ก!!! เฟตที่ใช้กล้องส่องไปยังกลางจัตุรัสลดปืนลง เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์สงบลงแล้ว
“แม้จะเรียกว่าเทพ แต่ความจริงอาจแสบกว่ามารก็ได้”ริเรียร่าเกริ่นลอยๆ แต่เมื่อนึกถึงว่าในกลุ่มมีเทพอยู่หนึ่งคนก็หันไปเหล่มอง ซึ่งก็พบกับรอยยิ้มที่คาดเดาความคิดไม่ได้เหมือนเดิม
“ผมรู้ครับ อาจแสบมากเลยก็ได้ แต่ว่า ผมแปลกใจจัง ว่าทำไมพวกเขาถึงรังเกียจพวกเผ่ามารที่ว่ามาก ในขณะที่พวกเทพอสูรอย่างคุณอาธีน่ากับซาตานกลับอยู่ร่วมกันได้แถมยังคุยกันได้เป็นธรรมชาติแบบนั้น”เฟตพูดเป็นเชิงถาม เขาเพิ่งจะมารู้กับอนาตาเซียว่าอาธีน่ากับซาตานเป็นถึงอสูรชั้นสูง ที่สูงกว่าเธอเสียอีก
“เพราะพวกเราเบื่อแล้วยังไงล่ะ”อาธีน่าเป็นฝ่ายเปิดปาก ทำให้เฟตกับ 2 สาวหันไปมอง
“เราเบื่อที่ต้องสู้กัน ครั้งหนึ่งในอดีตก็เคยสู้กันมาแล้ว พอมาเจอกันอีกครั้งจะสู้กันอีกทำไม จริงมั้ย”เทพสาวสาธยายให้ฟังเรียบๆ
“นั่นเป็นความคิดของเทพส่วนมากหรือไงล่ะคะนั่น”เทียร่าชักสงสัย
“อืม เทพส่วนมากมักจะคิดแบบเรา แต่ส่วนน้อยจะเหมือนพวกผู้เล่นอย่างพวกท่านนั้นแหละ เอาแต่เชื่อกันว่าเทพก็คือคนดี มารก็คือคนชั่ว อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ ทั้งๆที่จริงๆแล้วไม่มีใครมาขีดเส้นให้พวกเราได้ นอกจากตัวพวกเราเอง”เทพสาวตอบ
“แสดงว่าต้องผ่านเหตุการณ์การ่อสู้กันมาเบื่อมากแล้วน่ะซินะ”เฟตพึมพำได้อย่างถูกจุดจนอาธีน่าพยักหน้าให้ พวกเธอผ่านเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์มามากพอแล้ว จึงไม่แปลกอะไรที่จะไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 หรือ 3
“แล้วจะเอายังไงต่อดีล่ะ พวกเทพประกาศแบบนั้นซะแล้ว”ริเรียน่าหันไปถามอาธีน่า เธอเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงจึงพอได้ยินแม้จะอยู่ห่างกันถึง 200 เมตรก็ตาม
“พวกเขาทำตามเจตจำนงของแอรีส ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา เราไม่ยุ่งอยู่แล้วค่ะ”อาธีน่าประกาศว่าไม่ยุ่งเช่นกัน
ในขณะที่ 3 สาวกำลังปรึกษากัน 2 อสูรในร่างเฟตก็ปรึกษากันจนเฟตเริ่มงงที่จะฟังแล้ว บวกกับอาการปวดหัวเป็นอย่างมากของเขา จึงนั่งเอาหลังพิงกำแพงชั้นดาดฟ้า แล้วนอนไปทั้งๆอย่างนั้น
‘หมอนี้นี่ ไม่เอะใจถึงเสียงบุคคลที่ 3 เลยแหะ’อนาตาเซียบ่นออกมา เสียงนั้นดังแว่วอยู่ในหูของเฟต แต่ชายหนุ่มตัดเสียงออกไปเพราะต้องการจะหลับจึงไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น
‘อืม นั่นซิเนอะ’เสียงบุคคลที่ 3 ตอบ พวกตนปรึกษากันตั้งนานแล้ว ไม่เห็นเฟตจะนึกสงสัยหรือถามเลย ว่าตนเป็นใคร นอกจากจะไม่สงสัยแล้ว ยังทำเป็นเมินไม่รู้ไม่ชี้ว่าในร่างของตนมีอะไรอยู่บ้างเสียอีก
‘ช่างหมอนี่เถอะ ตอนนี้เราต้องมาติวกันซะหน่อยแล้ว หนูจิ้งจอก’อนาตาเซียหันมาคุยกับ ‘คน’ กันเองในร่างโดยผ่านหูของเฟตเหมือนเดิม
‘ค่ะ’จิ้งจอกที่ว่าตอบรับคำอย่างว่าง่าย พร้อมกับเริ่มศึกษาระบบอาวุธต่างๆและรู้ถึงจุดอ่อนของเฟตตามที่อนาตาเซียจับจุดได้อีกด้วย
“เฮือก”อยู่ๆเฟตก็ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ พอเขาเอนตัวขึ้นมาจากท่านั่งก็เห็น 3 สาวนั่งมองมาด้วยสายตาแบบแปลกๆ
“ผมเผลอหลับไปงั้นเหรอ”เฟตเกาหัวแบบงงๆ ซึ่ง 3 สาวก็พยักหน้าให้โดยพร้อมเพรียง เฟตหลับไปได้ยังไง ทั้งๆที่ปืนยังคาตัวอยู่แบบนั้น
“พอดีมันง่วงแบบแปลกๆอ่ะ”เฟตแก้ตัวเขินๆ แม้เขาจะถูกฝึกมาให้นอนได้ง่ายในทุกสถานการณ์แต่แบบนี้มันก็ง่ายจนเกินไป
“นี่มัน อะไรกันอ่ะ”เฟตพึมพำเมื่อมือตนไปแตะโดนอะไรนุ่มๆ พอลองจับขึ้นมาดูก็พบว่ามันเป็นหางของอะไรสักอย่าง ที่ต่างกับของอนาตาเซียลิบลับ หางของคุณเธอคนนั้นแข็งมาก แถมยังมีกำลังมหาศาลด้วย อ้า พูดถึงก็เห็นหางนั้นม้วนมารัดคอเขาพอดีเลย
“เฮ้ย ออกมากันได้ยังไงเนี่ย”เฟตอุทานเมื่อถูกหางของอนาตาเซียดึงเข้าไปที่ตัวคุณเธอ ซึ่งอสูรสาวก็มองมาด้วยสายตาดุๆ เหมือนไม่พอใจ
“เจ้านายลืมจาเนียแล้วเหรอคะ”เอลฟ์สาวที่ถูกผนึกไปนานหลายตอนกล่าวแบบน้อยใจ เฟตที่พึ่งเห็นเธอจึงกะจะเข้าไปปลอบ แต่เมื่ออนาตาเซียไม่ยอมปล่อยก็เลยทำได้แค่ปลอบทางคำพูด
“ผมไม่ได้ลืมนะครับ แต่สถานการณ์ภายในเมืองมันไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่ อยู่ในสร้อยต่อไปจะปลอดภัยกว่าน่ะ”ดูเหมือนคำตอบของเขาจะมีเหตุผลขึ้นมาบ้างเอลฟ์สาวจึงพยักหน้าให้พร้อมกับมีรอยยิ้มอันงดงามประดับขึ้นมาบนใบหน้า
ชายหนุ่มถอยหายใจอย่างโล่งอก พร้อมกับเอนตัวลงไปนอนหนุนผนังเหมือนเดิม
‘ทำไมนิ่มๆขึ้นวะ เมื่อกี้ก็นิ่มนี่หว่า’เฟตคิดในใจส่วนมือที่กำขนขาวๆก็ยังคงลูบไล้ด้วยความเคยตัวอยู่เหมือนเดิม
แต่แล้ว เมื่อเฟตนึกได้ว่าสายตาที่คนรอบข้างมองมาบวกกับสิ่งที่อยู่ในมือ เขาก็สามารถตีสภาพได้ว่าตอนนี้ตนอยู่ในสถานการณ์แบบไหน
“ใครครับเนี่ย”เฟตอุทานลั่นเมื่อหันไปดูผนังแล้วพบว่ามันไม่ใช่ผนังที่คุ้นเคยอีกต่อไป เมื่อเห็นร่างของหญิงสาวผมขาวมีใบหูแบบสุนัขนอนผิงอยู่ก่อน โดยก่อนหน้านี้เขาเอาเธอเป็นหมอนหนุน
“หืม ร่างกายนี้ยังบังคับยากอยู่เลยอ่ะ อนาตาเซีย”หญิงสาวผมขาวกล่าวแบบงัวเงียแล้วดึงร่างของเฟตไปกอด ถ้าเป็นในแบบปกติเฟตคงไม่คิดอะไรมากที่เจอแบบนี้ แต่หญิงสาวคนนี้ยังโป๊อยู่นี่ซิมันจึงไม่ปกติสำหรับเขาเท่าไหร่
“เดี๋ยวๆ หยุดๆ เลย คุณเป็นใครเนี่ย แล้วจะให้ผมเกิดคดีอนาจารอีกงั้นเหรอ”เฟตยัดตัวออกมา แต่มือของเขากลับไปจับที่หน้าอกอันอวบอิ่มของเธอเข้า ทำให้คำพูดกับการกระทำไปด้วยกันไม่ได้เลย
“จำเราไม่ได้แล้วเหรอ ทั้งๆที่ท่านข่มขืนเราแบบนั้น”หญิงสาวผมขาวกล่าวด้วยใบหน้าเศร้าเสียใจ พร้อมกับม้วนหางสีขาวมากอดไว้ เฟตจึงรู้ว่านั่นเป็นสีประจำของเธอแบบที่อนาตาเซียซึ่งมีโทนเป็นสีดำ
“เฮ้ย ผมไม่เคยข่มขืนใครนะ”เฟตรีบกล่าว
“ก็ท่านบังคับขู่เข็นเราให้เข้าไปอยู่กับท่านไง นั่นแหละ ที่เราเรียกว่าข่มขืน”หญิงสาวผมขาวยังคงกล่าวอ้างได้อีก พอเฟตหันไปมองอสูรอีก 2 คน ก็พบว่าพวกเธอไม่เถียงอะไร เพราะถือว่าเฟตทำแบบนั้นจริงๆ
“คุณ ชื่ออะไรอ่ะ”เฟตชักคุ้นๆขึ้นมาตงิดๆ ว่าตนจะทำอย่างที่เธอผู้นี้ว่าจริงๆ
“Teumessian Fox อ่ะไม่ซิๆ เรียกเราว่าไรน่าดีกว่า ชื่อนี้ไพเราะกว่าเยอะ”หญิงสาวผมขาวหรือไรน่าตอบยิ้มๆ ในขณะที่อนาตาเซียก็บ่นงึมงำๆ ว่ายัยจิ้งจอกเอ๋ย โผล่มาก็แย่งซีนไปหมดเลย
“สรุปง่ายๆก็คือ การที่ผมนำตัวคุณมาเป็นอสูร พูดกันตามหลักแล้วก็เหมือนกับการข่มขืน งั้นเหรอ”เฟตเริ่มสรุปแบบที่ตนเข้าใจ ขณะที่มือหนึ่งก็เริ่มจัดผ้าคลุมให้ไรน่าไปด้วย เนื่องจากคุณเธอยังคงเปลือยกายล่อนจ้อนแบบไม่อายใคร แถมยังมีหน้ามาบอกว่าก่อนจะตายเธอก็เปลือยให้เฟตมองอยู่แล้ว ไม่เห็นเขาจะมีอาการอะไรเลย
“ก็แบบนั้นแหละ ส่วนที่ว่าทำไมถึงอยู่ในร่างมนุษย์ได้ ก็เพราะทักษะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ของฉันอยู่ในจิตวิญญาณของนาย ยัยจิ้งจอก 2 หางนี่ก็เลยเนียนเรียนรู้ทักษะของฉันไปด้วยน่ะซิ”อนาตาเซียบ่นอย่างโกรธๆ ส่วนจาเนียที่ไม่ได้อยู่ในจิตใจและไม่สามารถรู้ได้ถึงเรื่องในนั้นก็ทำหน้างงๆ แต่มือก็ช่วยบีบนวดร่างกายของเฟตที่ปวดเมื่อยแบบแปลกๆ
“ไม่เห็นจะแปลกเลยนี่คะ อยู่ในจิตวิญญาณดวงเดียวกัน การดึงความรู้และความสามารถของพวกเดียวกันมาใช้ก็ไม่เห็นจะแปลกเลย”ไรน่ากล่าวยิ้มๆ รอยยิ้มของเธอเป็นอะไรที่อนาตาเซียเกลียดมากที่สุดตั้งแต่คุยกันมาเลย
“เหอ นี่ยังดีนะที่เธอไม่เอาทักษะการบินของฉันไปด้วยเนี่ย”
“คิกๆ ถ้าจิ้งจอกอย่างฉันบินได้ การที่จะเห็นปลามาเดินเล่นบนบนก็คงเป็นเรื่องปกติเกินไปแล้วมั้งคะ”ไรน่าย้อน ในขณะที่เฟตเริ่มคิดแล้วว่าตนคงจะผิดจริงๆ ที่เอาพวกเธอมาอยู่รวมกันแบบนี้
อนาตาเซียกับไรน่ายังคงทะเลาะกันอีกหลายยก เฟตที่ไม่อยากฟังจึงหันไปอ้อนกับจาเนียแทน เพราะหญิงสาวผมทองผู้นี้ไม่เคยทำอะไรให้เขาปวดหัวเลย
“เจ้าชู้จริงๆเลยนะ”อยู่ๆเฟตก็รู้สึกว่าคำๆนี้มันทิ่มแทงใจแบบแปลกๆ จึงปรายตาไปมอง
“พวกเธอเป็นอสูรของผมนะครับ เจ้าชู้ตรงไหนเนี่ย”เฟตอธิบายกับเทียร่าฟัง ทำให้หญิงสาวต้องสะบัดหน้าหนี
“ต้องบอกว่าเจ้าชู้ได้อย่างเป็นธรรมชาติซินะ”รอบนี้เป็นริเรียน่าที่พูดแบบเสียดแทงเข้ามา
“ธรรมชาติตรงไหนเนี่ย แต่ละคนไม่ใช่มนุษย์ซักหน่อย”
“พวกเธอหมายถึงมือของท่านน่ะคะ”อาธีน่าชี้ตรงจุด ซึ่งก็พบว่ามือของเฟตนั้นลูบไล้หลังของจาเนียไปทั่ว ถ้าไม่ติดที่มีคนอยู่ด้วยมีหวังเฟตรวบตัวจาเนียมากอดนานแล้ว
“ฮ่ะฮ่ะ อากาศมันหนาวน่ะ”ชายหนุ่มแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ส่วนมือก็เปลี่ยนจากการลูบหลังปลอบจาเนียมาเป็นการจับมือเอลฟ์สาวแทน
“เชอะ”2 ผู้เล่นสาวสะบัดหน้าให้กับคำแก้ตัว ทำให้เฟตต้องปล่อยมือเอลฟ์สาวอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถ้าเขายังทำต่อมีหวังโดนกัดมากกว่านี้แน่นอน
ก่อนที่ความสนุกจะมีมากไปกว่านี้ อสูรของเฟตทั้งหมด ริเรียน่าและอาธีน่าก็มองไปยังตึกฝั่งตรงข้าม ที่เป็นฝั่งของปราสาทเมือง
“จับตัวได้แล้ว มารเพียบเลยซินะ”พวกผู้เล่นเผ่าเทพที่รับหน้าที่ตามล่าสังหารพวกมารในเมืองเกริ่นยิ้มๆ ขณะมองไปยังจุดที่เฟตอยู่ แต่ทว่า พอพวกเขามองเห็นอาธีน่าเท่านั้น ก็ถึงกับตัวค้างพูดอะไรไม่ออก
ปุ๊ ปุ๊ ปุ๊!!! เสียงอะไรบางอย่างที่แหวกอากาศมา โดยพวกเขาจับสัมผัสได้ว่าที่หน้าผากกำลังมีอะไรบางอย่างไหลย้อยลง พอจะเอามือขึ้นไปแตะดูก็พบว่าร่างกายไม่สามารถบังคับได้ แถมร่างเพื่อนๆที่ยืนอยู่ด้วยกันก็ล้มลงกับพื้นโดยมีเลือดออกจากหัวไม่ต่างกับตน
กลุ่มของเฟตหันมาหาชายเพียงคนเดียวในกลุ่ม ซึ่งตอนนี้กำลังเปลี่ยนแม๊กกาซีนปืนซุ่มยิงเก็บเสียงหลังจากยิงออกไปเมื่อสักครู่
“เจ้านาย”จาเนีย สะกิดเบาๆ
“พอดีโจทเก่าน่ะ”เฟตตอบหน้าตาย ทำให้ริเรียน่านึกออกได้ว่า เทพพวกนี้เป็นกลุ่มเทพที่เฟตเคยสู้ด้วยในเมืองแบดนิว ซึ่งส่วนใหญ่ดูเหมือนจะหนีไปได้
“แค้นนี้ สิบปีก็ไม่สายซินะ”อาธีน่าพอจะเข้าใจความคิดของเฟตขึ้นมาบ้าง ตอนที่เฟตเห็นพวกเทพเมื่อตะกี้เธอสัมผัสได้ถึงอารมณ์ด้านลบของเฟตที่พุ่งสูงปรี๊ดจนน่าตกใจ พอหันมามองอีกทีก็พบว่าเฟตยิงออกไปโดยไม่ลังเล แถมสายตายังอัมหิตมากจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นชายหนุ่มที่ไม่สนใจความตื่นเต้นอื่นใด
เฟตได้ยินอาธีน่าพึมพำเกี่ยวกับตัวเองก็หันไปพยักหน้าให้ เขาเป็นคนที่แค้นใครแค้นค่อนข้างนาน แต่ก่อนที่จะแค้นได้ คนพวกนั้นต้องทำให้เขารู้สึกแค้นให้ได้เสียก่อน แต่ต้องบอกว่าเป็นไปได้ยากที่เขาจะแค้นใคร ถ้าพวกนั้นไม่มาทำร้ายคนของเขาซะก่อนล่ะก็นะ
“ผมว่า ต้องขอตัวไปเคลียเรื่องเก่าๆกับโจทหน่อยนะครับ”เฟตลุกขึ้นยืนขณะสะพายปืนขนาด 7.62 กับเสื้อกั๊ก หลังจากเตรียมตัวพร้อมเฟตก็กระโดดข้ามจากตึกนี้ไปอีกตึกหนึ่ง เมื่อเจอจุดที่คิดว่าเหมาะชายหนุ่มก็ใช้ท่าเท้าที่จำได้โผล่ไปอยู่ที่ตึกฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็ว หลังจากเฟตหายไปร่างของเขาก็เลือนหายไปกับความมืดอย่างกลมกลืนด้วยทักษะพรางตัวพิเศษของชายหนุ่ม ไม่มีใครสามารถตรวจจับเขาได้ ถ้าเขาไม่ต้องการให้ใครเจอ
“ตกลงว่าคนในเมืองตั้งตัวเป็นศัตรูกับเทพอย่างข้างั้นเรอะ”แอรีสที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ถามเสียงดังกับทหารเทพใต้บัญชาการ
“ใช่ครับท่านแอรีส พวกมันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพวกเรา”เทพหนุ่มที่ชิออนตีฝีปากด้วยเป็นฝ่ายอธิบาย ส่วนเทพสาวที่เป็นหัวหน้าใหญ่จริงๆกลับไม่ได้เข้ามาด้วย เนื่องจากพวกตนรู้สึกไม่ค่อยจะชอบหน้าแอรีสสักเท่าไหร่แล้ว
“งั้นก็จัดการพวกมันซะซิ”เทพหนุ่มนามก้องโลกแอรีสสั่งการสิ่งที่อัมหิตมากๆ ถ้าเทียบกับสิ่งที่เทพควรทำหรือไม่ควรทำ
“แต่ว่า พวกเรารวมกันแล้วมีไม่ถึง หนึ่งกองร้อยเลยนะครับ”ทหารเทพหนุ่มแย้ง ทำสงครามไม่ว่าแต่จำนวนคนนี่แหละสำคัญที่สุด
“เป็นถึงเทพ จะกลัวอะไรกับมนุษย์ หนึ่งต่อล้านข้ายังสู้มาแล้วเลย”แอรีสว่าอย่างไม่พอใจนัก ในขณะที่เทพหนุ่มทำหน้าเบ้ ก็เลเวลตั้งขนาดนี้จะ 1 ต่อล้านใครเขาจะไปสู้ได้กันล่ะวะ
“ครับๆ”เทพหนุ่มตัดปัญหาด้วยการรับคำ พร้อมกับเดินออกไปนอกท้องพระโรงปล่อยให้แอรีสอยู่แต่เพียงผู้เดียว
“เป็นไงบ้าง วีนอะไรอีกมั้งวะ”เทพคนอื่นๆกล่าวถามเพื่อนที่ออกมาจากการเข้าเฝ้าแอรีสทันที
“เหอะๆ ก็รู้ๆกันอยู่ บ้าสงครามแบบนั้นจะสั่งอะไรนอกจากให้ไปตายกันล่ะวะ ว่าแต่เจ๊ไปไหนแล้ว”เทพหนุ่มตอบเพื่อนจบก็มองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นหัวหน้าใหญ่ก็เลยถามกลับไปด้วย
“เจ๊แกบอกว่ามีตีนมาที่หน้าปราสาทเลยออกไปดูกับคนอื่นๆน่ะ”เพื่อนตอบจบก็เลยพากันออกไปดูด้วย เมื่อพวกเขาออกมาก็พบกับกลุ่มชิออน ที่นำทีมโดยชิออนอีกนั่นแหละ
“วันนี้ตูจะต้องส่งพวกเอ็งกลับบ้านไปให้ได้เลย”ชิออนประกาศกร้าวที่หน้าปราสาท เหล่าทหารเทพที่มีจำนวนกว่าครึ่งร้อยต่างคิ้วขมวดมุ่นกับชายคนนี้
“เอ่อ ท่านขุนศึก”ชายหนุ่มผมดำที่ถูกลากมาด้วยเรียกเบาๆอย่างหวาดๆ
“ชิออน”
“ท่านชิออน จะดีเหรอครับ ขนาดท่านยังสู้ไม่ได้ การที่ผมมาจะสู้ได้เหรอ”หนุ่มน้อยถามหวาดๆ ขณะหันไปมองพี่ของตนกับฟ้าใสที่ยอมตามมาด้วย
“เหอะ ตอนนั้นฉันยังไม่เตรียมตัวหรอก เดี๋ยวลองเจอของจริงสักหน่อย”ชิออนว่าจบก็หันไปมองสมบัติของเจ้าเมือง ที่เขาลากมาด้วย ซึ่งดูเหมือนคุณเธอจะรู้ตัวดีจึงเดินเข้ามาประชิดตัวชิออน ท่ามกลางสายตาสงสัยว่าหญิงสาวธรรมดาๆแบบนี้จะมาทำไมกัน
“ตามหลักแล้ว ท่านถือเป็นคนสำคัญของเมือง จะเลือกให้เทพมาช่วยหรือไม่ให้มาก็ได้ แต่เมื่อท่านเลือกแล้ว แล้วพบว่าเทพนั้นไม่ดีจริง การตัดสินใจทั้งหมดก็จะตกเป็นของท่านค่ะ”ว่าแล้วสมบัติสาวก็จุมพิตกับชิออนทันที ชายหนุ่มพอจะรู้ตั้งแต่ตอนที่เจอกันครั้งแรกแล้วจึงไม่ได้ทำอะไร นอกจากเหล่ไปมองแฟนตนเองที่ดูเหมือนจะโกรธขึ้นมาแถมคิ้วยังกระตุกถี่เสียจนเขากลัวซะเอง
“พอดี ที่นี่มีคนน้อยกว่าตรงนั้นน่ะ”ชิออนหันมาอธิบายหลังจากสมบัติสาวถอนปากไปแล้ว
“ทำแบบนี้หมายความว่าไง”ฟ้าใสข่มอารมณ์โกรธแล้วถามอย่างมีเหตุผลเท่าที่จะทำได้
“เธอคนนี้เป็นลูกสาวของเจ้าเมืองใช่มะ ดังนั้น เธอจึงเป็นผู้ที่คุมพลังวิญญาณศักดิสิทธิ์ทั้งหมดในเมืองแห่งนี้ ถึงจริงๆแล้วจะให้เจ้าเมืองก็เถอะ แต่เจ้าแก่นั้นดันให้ลูกสาวถือครองพลังทั้งหมดน่ะ”
“จริงค่ะ ท่านพ่อต้องการให้ฉันขึ้นครองราชย์แทน จึงถ่ายโอนความสามารถในการคุมพลังทั้งหมดของเมืองมาที่ฉัน ตอนที่เจอกับท่านชิออน ฉันก็ถามเขาแล้วว่าจะรับพลังทั้งหมดเลยหรือไม่ แต่เขาเหนียมตัวเองว่ามีแฟนแล้วและมันจะเป็นการหักหลักแฟนของเขา เขาจึงขอเลือกที่จะให้เทพมาช่วยแทนที่จะมอบเป็นพลังค่ะ แต่ตอนนี้ เขาถูกเทพที่พวกเราอัญเชิญมาหมายหัวแล้ว ดิฉันเลยต้องมอบพลังเท่าที่มีทั้งหมดให้เขาไปค่ะ”สมบัติสาวอธิบายเสริม คำพูดของเธอเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
“จริวเหรอ”ฟ้าใสเริ่มรู้สึกดีขึ้นมานิดนึงที่ชิออนกล้าบอกคนอื่นๆว่ามีแฟนแล้ว
“จริงค่ะ”หญิงสาวตอบอย่างจริงจัง ทำให้ฟ้าใสเชื่อพร้อมกับสลายความโกรธออกไป
“ฟู้”ชิออนเป่าลมออกจากปาก แต่เมื่อนึกได้ว่ารอยจูบเมื่อตะกี้จะหายไปก็รีบสูดลมเข้ามาใหม่พร้อมกับทำหน้าเคลิบเคลิ้ม
“ขอบคุณที่อธิบายนะสาวน้อย แต่ตอนนี้ฉันขอเคลียกันสักพักแล้วกัน”ฟ้าใสว่าจบก็ลากชิออนไปยังมุมตึกแห่งหนึ่ง จากนั้นกลุ่มของชิออนที่เหลือก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนที่เหมือนกับผีร้องขอส่วนบุญ พอกลับมาอีกทีก็พบว่าจากชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลากลายเป็นสัมภเวสีไปเลย
“เอาล่ะ พวกแก เข้ามาได้”ชิออนในร่างนิวประกาศกับผู้เล่นเทพที่หัวเราะลั่นกับปาหี่ที่ถูกแสดงให้ดู
“ไปดูตัวเองให้ดีก่อนเถอะ ฮ่าฮ่าฮ่-”พูดยังไม่ทันจบ ชายที่อยู่หน้าสุดหัวก็หายไปเหลือแต่เพียงร่างอันไร้ศีรษะเท่านั้น
“ก็บอกแล้วว่าครั้งที่แล้วยังไม่ได้ตั้งตัว”ชิออนหันมาบอกกับสองพี่น้องสายบูชิโดเหมือนกันที่กำลังอึ้งกับวิชาอิไอที่ชิออนใช้เมื่อสักครู่
“ฆ่ามัน”พวกเทพสั่งการพร้อมกับเริ่มปล่อยพลังออกมา
“หึ จะสอนให้รู้ถึงความสามารถของบูชิโดนะ”ชิออนประกาศก้องพร้อมกับกระโดดอย่างสูงเท่าที่สุดความสามารถตนเองจะทำได้ วิชาอิไอของชิออนถูกพัฒนาขึ้นตามค่าพลังที่มี ทันทีที่วิชาถูกใช้ มันก็เริ่มสำแดงเดชจนผู้เล่นที่อยู่ในรัศมี 10 เมตร ถูกทักษะดาบฟาดฟันจนร่างกายแหลกเหลวไปอย่างไม่ทันรู้ตัว
“ฟู้”ชิออนเป่าลมออกจากปาก แม้สกิลของเขาจะน่ากลัวแต่ร่างกายของเขาในตอนใช้มันก็รับภาระหนักหน่วงน่าดูเหมือนกัน พอใช้เสร็จจึงต้องพักเพื่อให้ร่างกายปรับลมหายใจได้ทัน
ดูเหมือนพวกเทพจะรู้ว่าชิออนสู้ต่อเนื่องหลังจากใช้ทักษะไม่ได้ พวกเขาจึงเรียกอาวุธออกมาแล้ววิ่งเข้าหาชิออนอย่างเต็มสูบความเร็ว
ฟิ๊ว!! เสียงอะไรบางอย่างที่แหวกอากาศข้ามหัวไป พอชิออนได้ยินก็หันไปมองตาม เขาก็ได้พบว่าพวกเทพที่วิ่งเข้ามาหาเขาถูกอะไรบางอย่างเจาะเข้าหัวทะลุออกหลังไป ซึ่งจุดอ่อนที่พวกเทพมีนั้นไม่ได้ต่างกับที่มนุษย์ทั่วไปมีนัก การที่สมองถูกทำลาย ร่างกายเทพที่เคยบอกว่าทนทานนักหนาก็กลายเป็นร่างเปล่าที่ไร้การตอบสนองไปเลย
“พี่ซินะ”ชิออนเดาได้ทันทีว่าคนในเมืองนี้ที่ใช้อาวุธประเภททะลวงสูง ก็คงจะมีเฟตเพียงคนเดียวภายในเมืองเท่านั้น เขาจึงยิ้มขึ้นมาได้พร้อมกับการปรับสภาพร่างกายให้พร้อมลุย
“ลุยล่ะนะ พวกแก”ชิออนหัวเราะลั่นแล้ววิ่งเข้าไปลุย นานเท่าไหร่แล้วนะที่เขาไม่ได้สู้ร่วมกับพี่ชายต่างสายเลือดแบบนี้
“เจ้านายเก่งจังแหะ”เฟตหน่วยซัพพอร์ตพึมพำคนเดียว หลังจากเขายิงผู้เล่นเผ่าเทพตายไป 1 คน พวกเทพที่เหลือก็ถูกชิออนจัดการซะเรียบเลย
“ตรงนี้ชักมองไม่เห็นแล้วซิ หรือจะขึ้นไปบนอาคารดีล่ะ”ชายหนุ่มพึมพำอีกครั้งหลังจากวิสัยทัดในการซุ่มยิงถูกบดบังไปด้วยตัวปราสาท ซึ่งชิออนที่เขารับหน้าที่สนับสนุนให้ก็ได้เข้าไปข้างในตัวปราสาทจนให้การสนับสนุนไม่ได้อีกแล้ว
เมื่อคิดว่าจะเปลี่ยนที่ เฟตก็ลงไปเดินตามพื้นเลยทันที ชายหนุ่มผมขาวเดินเล่นดูซากศพผู้เล่นเผ่าเทพที่เกิดจากฝีมือชิออนด้วยความทึ้ง เขาไม่นึกเลยว่าชิออนจะเก่งขึ้นจมหูขนาดนี้
ซึ่งเขาไม่ได้รู้เลยว่า แท้ที่จริงแล้วเลเวลของชิออนตามเขาเสียอีก เพียงแต่ในตอนนี้ชิออนได้รับพลังบริสุทธิ์ในพื้นที่มาเพิ่มพลังให้เป็นจำนวนมาก จึงทำให้ดูเหมือนกับว่าแตกต่างกับเขาเยอะ
หลังจากเดินตรวจสอบผู้รอดชีวิตเสร็จแล้ว เฟตก็เดินจากตัวปราสาทชั้นนอก เข้าสู่ชั้นในที่หนึ่ง ซึ่งเป็นชั้นที่เปิดให้ผู้เล่นทั่วไปได้เข้าชมได้ ภายในปราสาทชั้นในนี้ความสวยงามต่างกับข้างนอกลิบลับเลย ภายนอกนั้นตกแต่งแบบให้ร่วมยุค เพื่อให้ดูเข้ากับบรรยากาศภายนอก แต่พอเข้ามาภายในแล้ว มันกลับเหมือนโลกคนละใบ การตกแต่งจัดสวนภายในสวยมากจนเฟตตะลึง
เพียงแต่ว่าศพผู้เล่นที่นอนกองกันอยู่ และภาพที่ผู้เล่นกำลังสู้กันมันทำลายบรรยากาศที่ดีไปจนหมด ทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างเสียดาย สงสัยต้องหาซื้อตัวผู้สร้างไปตกแต่งให้ที่ห้องนอนมั่งแล้ว
“นั่นมัน คุณฟ้าใสไม่ใช่เหรอ”เฟตพึ่งเอะใจกับคนที่สู้กันอยู่
ผู้เล่นที่สู้กันนั้นเป็นพวกฟ้าใสกับเหล่าเทพนั่นเอง เพียงแต่ว่าในกลุ่มของฟ้าใสไม่มีชิออนอยู่ด้วย พริบตาแรกที่เฟตเห็นว่าอาวุธคล้ายๆกัน ก็นึกว่าเป็นชิออนจึงไม่ได้ใส่ใจ แต่เมื่อเห็นวิธีการใช้ที่แตกต่างก็เลยพึ่งสังเกตว่าต่างกับเจ้านายเขาอย่างสิ้นเชิง
“น้องชายคนนั้น กับผู้หญิงคนนั้น เป็นใครกันล่ะเนี่ย”เฟตพึมพำขณะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ โดยเขาเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างหลังพวกผู้เล่นเทพที่ล้อมพวกฟ้าใสอยู่
“หึ พวกแกก็เก่งนะ ที่เข้ามาข้างในได้ แต่น่าเสียดายที่ยังเก่งไม่พอ”ผู้เล่นเผ่าเทพเยาะเย้ยถากถางพวกฟ้าใสเต็มที่ ฝีมือของกลุ่มฟ้าใสไม่เท่าไหร่เลยถ้าเทียบกับผู้เล่นเทพที่มีสมรรถนะทางร่างกายที่สูงล้ำอย่างพวกเขา
“หมาหมู่พูดยังไงก็ได้นี่”ฟ้าใสถากถางกลับบ้าง คนพวกนี้อยู่ในระดับเดียวกับเธอจึงกินกันไม่ลง บวกกับจำนวนศัตรูดันมีมากกว่าเธอเลยสู้ไม่ค่อยไหว
“ต่อให้ไม่หมู่พวกแกก็สู้ไม่ได้หรอกโว้ย เธอมันก็แค่นักเวททำพันธะสัญญาอสูร ส่วนไอ้ผมดำสองคนนี้ก็กระจอกขนาดนี้ ต่อให้ฉันคนเดียวก็เอาอยู่”เทพหนุ่มที่ตีฝีปากกับชิออนที่กลางเมืองตะคอกลั่น
“จริงเหรอ”เสียงถามที่ข้างหลัง เทพหนุ่มจึงหันไปตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
“จริง”หลังตอบจบก็หันกลับมามองพวกฟ้าใส ที่อ้าปากค้างอยู่
“ฉะนั้น ต่อให้….”เทพหนุ่มหุบปากพลันเมื่อสังเกตเห็นว่าคนที่ถามเขาเมื่อตะกี้ไม่ใช่ลูกน้อง แต่เป็นใครบางคนที่เขาคุ้นหน้าว่าเคยสู้ด้วยที่เมืองแบดนิว
“นี่แก”เทพหนุ่มหันไปกะจะชี้หน้า แต่เฟตกระโดดเตะจนตัวลอยไปกลิ้งหลุนๆต่อหน้าพวกฟ้าใสที่จ้องมองเฟตตาค้าง พวกเขามองเห็นตอนที่เฟตสังหารผู้เล่นเทพด้วยมีดสั้นอย่างเงียบกริบ ทำให้รู้สึกอึ้งปนตกใจ ที่ชายผู้นี้สามารถเข้าใกล้พวกผู้เล่นเทพได้โดยไม่รู้ตัว แถมยังสามารถสังหารได้ภายในมีดสั้นเดียวเสียอีก
เมื่อคิดได้ว่าเฟตใช้มีด พวกเขาก็หันไปมองคนที่ล้อมอยู่ข้างหลัง ซึ่งก็พบว่าผู้เล่นพวกนั้นมีน้ำแดงๆไหลออกมาจากหน้าผากตั้งนานแล้ว การที่สนทนากันเมื่อสักครู่ทำให้พวกเขาลืมให้ความสนใจพวกที่อยู่ข้างหลงไปเสียสนิท และคิดไม่ถึงว่าเฟตจะเก็บเกี่ยวโอกาสนั้นอย่างว่องไวเสียจนพวกเขาไม่รู้ตัว
“เมื่อตะกี้เขาบอกว่าเอาพวกคุณอยู่อ่ะ ยอมเหรอ”เฟตเริ่มยุผู้เล่นสามคนที่เป็นพรรคพวกของชิออน
“ไม่ครับ”หนุ่มน้อยนามอิซามิปฏิเสธอย่างรวดเร็ว แม้เขาจะดูขี้ขลาดแต่ชาวบูชิโดอย่างพวกเขาไม่ได้ขี้กลัวจนไม่กล้าทำอะไร
“งั้นก็จัดการเขาซะซิ รออะไร”เฟตชี้นิ้วไปที่เทพหนุ่มที่ยันตัวขึ้นมานั่งโดยสายตามองมาทางเขาเหมือนเห็นผี ไม่ซิ มันเหมือนกับคาดไม่ถึงมากกว่าที่จะเห็นชายคนนี้ในเมืองนี้ ชายคนที่ทำให้พวกเขาถูกทำทัณฑ์บนจากแอรีส
“ได้”หญิงสาวผมดำนามอาโทริรับคำ เธอรู้สึกหมันไส้ในคำพูดของชายผู้นี้มาตั้งแต่กลางเมืองแล้ว กล้าดียังไงมาถีบน้องเธอ ว่าแล้วหญิงสาวก็ชักคาตานะไร้กั้นดาบของตนออกมา โดยมีน้องชายร่วมสายเลือดร่วมผสมโรงด้วยดาบสายบูชิโดที่ลดชั้นลงมาตามลำดับ
“แล้วจะรู้ว่าอะไรคือของจริง”สองพี่น้องกล่าวเสียงเย็นพร้อมกับดวงตาที่เปลี่ยนไปเป็นเย็นชาว่างเปล่า ดวงตานี้คือดวงตาที่เต็มไปด้วยความกล้าหาญ เฟตที่มองดูก็เบนสายตาไปมองอย่างอื่น แม้เขาจะเห็นศพและทำให้เกิดศพมามาก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะอยากเห็นคนถูกสับทั้งเป็นแบบนี้หรอกนะ
“ไปช่วยชิออนก่อนเถอะค่ะคุณเฟต”ฟ้าใสที่ร่ายเวทแช่ให้เทพหนุ่มเคลื่อนไหวกายไม่ได้รีบหันมาขอความช่วยเหลือ ชิออนรับบทเป็นหน่วยทะลวงฟันได้ดีจนเธอตะลึง เนื่องจากพอทะลวงแล้วก็จมหายไปไหนแล้วไม่รู้ แต่เธอก็พอรู้ว่าน่าจะเข้าไปหาเทพที่ชิออนบอกว่าหมันขี้หน้าได้แล้วล่ะ
“รับทราบครับ งั้นผมจะช่วยเปิดทางให้เข้าถึงได้ง่ายกว่านี้นะครับ”เฟตรับคำอย่างสุภาพ เขาไม่เกี่ยงว่าฝ่ายตรงข้ามจะอายุมากกว่าหรือน้อยกว่า ขอแค่มีความสำคัญต่อคนของเขาก็พอแล้ว แล้วยิ่งหญิงสาวผู้นี้ที่เป็นคนรักของเจ้านายเขาด้วยแล้ว การตอบรับอย่างสุภาพยังน้อยไปด้วยซ้ำ
“ค่ะ”ฟ้าใสพยักหน้ารับคำ หลังจากคนสำคัญของชิออนตอบรับแล้ว เฟตก็วิ่งเข้าไปพร้อมกับเปลี่ยนปืนที่เป็นปืนซุ่มยิง ให้กลายเป็นปืนกลสงคราม M4 ติดดอจ (กล้องช่วยเล็งมีเป้าสีแดงตรงกลางเลน ในกรณีที่คนใช้เก่งมากอยู่แล้ว มันไม่ต่างอะไรกับสโคปสไนเปอร์เลย) จากนั้นก็วิ่งเข้าไปยังปราสาทชั้นใน ที่เป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับติดต่อราชาการเท่านั้น
“ไปกันเถอะค่ะ”ฟ้าใสหันมาบอกกับสองพี่น้องสุดโหดที่สับศัตรูซะเละ
“ครับ/ค่ะ”ดูเหมือนสองพี่น้องจะกลัวฟ้าใสมากกว่าชิออน เนื่องจากตอบรับคำได้หนักแน่นมากกว่า แถมยังให้ความเคารพมากกว่าด้วยเสียอีก
หลังจากได้เฟตเป็นหัวหอกที่แท้จริง สามหนุ่มสาวกลุ่มฟ้าใสก็พบว่าทางเดินสะดวกขึ้นเยอะ เมื่อเฟตใช้วิธีการบุกแบบสายฟ้าแลบ ใครขวางหรือไม่รู้ตัวมักจะถูกชายหนุ่มผมขาวนี้จัดการภายในสามนัด
ส่วนศพที่ชิออนจัดการไว้ให้อยู่แล้วจะพบว่าค่อนข้างเละ เนื่องจากชิออนจัดการด้วยดาบ ไม่เหมือนกับเฟตที่เน้นการทะลวงถึงภายในด้วยกระสุนปืน
“ไปทางนี้ ใช่มั้ยครับ”เฟตหันมาถามฟ้าใสเพื่อเป็นการเพิ่มเปอร์เซ็นการกันหลงให้กับตัวเอง
“เอ่อ ทางนู้นค่ะ”ฟ้าใสชี้ไปอีกทาง พวกเธอมัวแต่ตะลึงจนลืมมองทางไปเลย พอเฟตถามนั่นแหละถึงได้เอะใจ
“แหะๆ”เฟตหัวเราะแห้งๆแล้วย้อนกลับไปอีกครั้ง โดยคราวนี้การเดินทางสะดวกขึ้นมานิดนึง เมื่อเป้าหมายส่วนใหญ่ถูกเฟตกำจัดไปตั้งแต่แรกแล้ว
“สกปรกที่สุด”เป็นคำกล่าวที่ดังแว่วมาจากอาโทริ แต่เฟตกลับทำหูทวนลมไม่สนใจ เขารู้ว่าสิ่งที่เขาใช้สำหรับชาวบูชิโดถือว่าเป็นสิ่งที่สกปรกโสมมที่สุดแล้ว
“พี่”อาซามิเรียกเตือนเบาๆ แต่เมื่อเห็นว่าเฟตไม่ได้ยินก็โล่งใจเล็กน้อย ถ้าชายคนนี้หันปืนมาทางพวกเขา ต่อให้มีคนมากกว่านี้สักร้อยคนก็ไร้ความหมาย
“ไม่โกรธเหรอคะ”ฟ้าใสเองก็ได้ยิน เธอรีบเดินตีคู่มากระซิบ
“โกรธ เรื่องอะไรครับ”เฟตทำมึนไม่เข้าใจ
“เรื่องที่พวกเขาว่าไงล่ะคะ”
“ผมไม่เห็นได้ยินเลย”
“อย่ามาโกหกเลยค่ะ แวบแรกที่อาโทริพูดออกมา คิ้วของคุณกระตุกไปวูบหนึ่ง”ฟ้าใสรู้วิธีสังเกตอารมณ์ของเฟตมาจากชิออน จึงพอรู้ว่าเฟตได้ยินแต่ทำเป็นเมิน
“เหอะๆ จะโกรธทำไมครับ เขาก็แค่ไม่ชอบสิ่งที่ผมใช้ โลกเราย่อมมีสิ่งที่ชอบและสิ่งที่เกลียด และสิ่งที่ผมชอบ มันไม่ใช่สิ่งที่ใครๆก็ชอบนี่ครับ”เฟตตอบขณะมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นด้านขวามีคนอยู่ก็จัดการใช้ปืนยิงเข้าที่สมองจนฟุบหลับลงไปอย่างไม่รู้ตัว เนื่องจากปืนของเฟตเป็นแบบเก็บเสียง
ฟ้าใสรับคำอย่างเงียบงัน เธอเดาอารมณ์ของเฟตไม่ออกจริงๆนั่นแหละ ไม่รู้ว่าต่อให้ชิออนมาจะเดาได้หรือเปล่านะว่าเฟตในตอนนี้อยู่ในอารมณ์ไหน และพูดออกมาด้วยอารมณ์ยังไง ขนาดเรื่องที่บอกกับเธอมะกี้เขายังพูดได้หน้าตายมาก แต่เสียงกลับเศร้าจนเธอรู้สึกแปลกแยกเหมือนเรื่องที่ได้ยินกับสิ่งที่เป็นจริงมันไปด้วยกันไม่ได้
ตูม!!! เสียงระเบิดที่ดังกังวานมาแบบต่อเนื่องเรียกสติของฟ้าใสให้กับมา พอเธอหันมามองอีกทีก็พบว่าเฟตวิ่งหายไปในความมืดของทางเดินในตัวปราสาทแล้ว
“ไปเร็ว”ฟ้าใสหันมาบอกกับสองพี่น้องที่กำลังหันไปมองหน้ากันเลิกลัก เฟตนั้นมีปฏิกิริยาที่เร็วกว่าคนทั่วไปมากจริงๆ เพียงแว่วเสียงระเบิดภายในวินาทีชายหนุ่มก็พุ่งตัวไปตามเสียงเสียแล้ว
ฟ้าใสนำไปโดยไม่สนใจว่าสองพี่น้องจะตามมาหรือไม่ เธอวิ่งอย่างเต็มสปีทเท่าที่นักเวทที่อ่อนด้านกำลังกายจะเอื้ออำนวย หญิงสาววิ่งมาจนถึงจุดที่คาดว่าเป็นประตูขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันนี้มันเหลือแต่ซากที่เคยคิดว่าใหญ่ให้ดูต่างหน้าเท่านั้น
“ชิออน”ฟ้าใสตะโกนลั่นแล้ววิ่งเข้าไปในห้องนั้นทันที เสียงระเบิดที่ดังขนาดนี้ถ้าไม่ใช่เฟตทำก็ต้องเป็นแฟนเธอหรือไม่ก็เทพอสูร ถ้าจะบอกว่าเทพอสูรทำก็ไม่รู้ว่าเฮิร์ทลุกขึ้นมาบ้าพลังกับใคร ดังนั้นจึงคิดได้อย่างเดียวว่าต้องเป็นแฟนเธอที่กำลังจะมาทำให้เทพอสูรเฮิร์ท
พอเข้ามาเจอสภาพในห้องโถง หรืออดีตคือห้องท้องพระโรง ฟ้าใสก็ถึงกับนิ่งอึ้ง เมื่อเห็นว่าห้องนี้ไม่ควรจะได้ชื่อว่าห้องอีกต่อไป หรือต่อให้เรียกว่าห้องเธอก็จะค้านหัวชนฝา เนื่องจากกำแพงรอบด้านนั้นหายไปแล้ว ส่วนพื้นที่เคยปูพรมอย่างสวยงามเพื่อเพิ่มระดับก็กลายเป็นเศษผ้าขี้ริ้วที่คอยเก็บเศษซากแห่งความเสียหายเอาไว้
“หึ ไอ้มนุษย์ฝักฝ่ายมาร เป็นอย่างไรเล่า”ชายหนุ่มผมทองใบหน้าเย่อหยิ่งกล่าวใส่ชิออนที่นอนดิ้นอยู่กับพื้น หลังจากถูกจับอัดกระแทกพื้นจนมันร้าวไปทั้งปราสาท
“เออ แล้วเป็นไงล่ะ ไอ้ขี้เต๊ะ”ชิออนกล่าวขณะกระอักไอเลือดออกมา โดยมีเฟตช่วยดึงให้ลุกขึ้น แม้เขาจะมีพลังมหาศาลมากกว่าปกติ แต่พลังกายกลับเหมือนเดิม ไม่เพิ่มเลยซักนิด
“แล้วเป็นยังไง ข้าก็สบายดียังไงล่ะ สู้กับมนุษย์ที่อ่อนแอแค่ปลายขี้เล็บข้าก็พอแล้ว”แอรีสแค่นเสียงเยาะเย้ย แต่สายตากลับจับจ้องไปที่เฟต เมื่อสัมผัสถึงพลังด้านลบของมนุษย์ได้จนเกือบจะเห็นเป็นรูปธรรม
“แกกล้าดียังไงมาทำกับเจ้านายผมแบบนี้”เฟตแค่นเสียงโดยหันมามองหน้าแอรีสช้าแบบมีรีแอ็กชั่น เทพหนุ่มที่สังเกตมาได้สักพักแล้วขยับยิ้มที่มุมปาก
“มนุษย์ที่โดนความโกรธเข้าครอบงำ ไม่ซิ นี่มันคล้ายกับพลังของซาตานเลย นี่แกต่อสู้แทนตัวซาตานเรอะ”
“มันพูดอะไรวะ ไม่เห็นจะเข้าใจเลยอ่ะ พี่เข้าใจเปล่า”ชิออนสะกิดถามพี่ชายตนเองที่ยังคงจ้องหน้าแอรีสอยู่
“ผมก็ไม่เข้าใจครับ”เฟตหันมาตอบกับชิออนด้วยใบหน้าปกติ เขาเป็นคนที่เก็บอารมณ์ได้ดีมาก แม้จะไม่มีถังนิรภัยภายในป้องกันการระเบิด แต่ก็รู้ว่าควรปล่อยออกมาต่อหน้าคนกันเองหรือไม่ควรปล่อย
“นี่แก ควบคุมมันได้เหรอ”รอบนี้แอรีสแค่นเสียวกล่าว ในทีแรกเขานึกว่าซาตานทำตัวเป็นหุ่นเชิดต่อชายผมขาวผู้นี้ ด้วยการควบคุมความโกรธให้เป็นตัวชักนำ จนทำอะไรที่เกินเลย แต่กลับกลายเป็นว่าเฟตนั้นโกรธด้วยตัวเองและควบคุมความโกรธได้ด้วยตัวเอง ทำให้แอรีสถึองกับมึนงง แต่เมื่อคิดถึงนามธรรมความโกรธที่สัมผัสได้เมื่อสักครู่ แอรีสก็เอียงคอมองชายผมขาว
“ไอ้หนุ่มนี่มันมีพลังที่เป็นต้นกำเนิดด้านลบอย่างเต็มเปรี่ยม แต่สภาพภายนอกกลับไม่แสดงออกมา นั่นน่าจะหมายความว่าเป็นคนเก็บกดพอสมควร”แอรีสเริ่มใช้สมองอันชาญวิเคราะห์
เฟตยังคงได้ยินแอรีสวิเคราะห์ถึงตัวเองไปต่างๆนาๆ ว่าเป็นชายหน้าหวานบ้าง ใส่ชุดประหลาดบ้าง แต่เขาก็ทำเป็นไม่สนใจ เพราะตอนนี้ต้องช่วยดึงชิออนให้ลุกขึ้นมายืนได้โดยพร้อมรับมือกับศัตรูเสียก่อน
“เฮ้ย อย่ามาว่าพี่ตูเป็นเกย์นะเว้ย ถึงพี่ตรูจะหน้าหวานเหมือนผู้หญิง ทำตัวเงียบๆ พูดไพเราะชวนเคลิบเคลิ้ม ทว่า ความจริงแล้วพี่ตรูชอบผู้ชายนะโว้ย”ชิออนที่ได้ยินแว่วๆมาว่าเฟตเป็นห่วงชิออนออกหน้าออกตาคล้ายกับคนรักกันจึงรีบสวนกลับอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ พูดถึงใครครับนั่น”เฟตรู้สึกเหมือนตัวเองโดนตบหัวฉาดใหญ่จึงรีบหันไปถาม
“เฮ้ย ไม่ใช่ๆ เห็นพี่ตูเงียบๆติ๋มๆอย่างงี้ พี่ตูเป็นผู้ชายรักสนุก ชอบผู้หญิงและจริงจังในเรื่องหลายๆเรื่องจนเกินดีนะเฟ้ย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ให้ข้าดูละครปาหี่หรือไงกัน”แอรีสหัวเราะเยาะเย้ยในสิ่งที่ได้ยิน ส่วนเฟตถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับคำพูดที่เหมือนช่วย แต่ความจริงเป็นการกลั่นแกล้งกันเสียมากกว่า
แต่ถึงอย่างนั้นเฟตก็เข้าใจว่าชิออนต้องการให้เขาโฟกัสความสนใจไปที่ตัวของชิออน เนื่องจากชิออนสามารถตรวจจับได้ว่าอารมณ์ของตนเสียจริงๆ แล้วมันจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นหากมัวแต่เก็บกดเอาไว้ไม่ยอมปล่อยออกมา
ถึงอย่างงั้นก็เถอะ เฟตก็อดที่จะหันไปมองค้อนเจ้านายตัวเองที่ทำมึนเหมือนกับสิ่งที่ตนพูดเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว
“เห็นมั้ย แค่การหันมามองค้อนก็เหมือนผู้หญิงแล้ว พี่ตูเป็นไงๆ”ชิออนรีบบอกกับแอรีส ในขณะที่เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของแอรีสก็ยิ่งดังก้องขึ้นเรื่อยๆ หลังจากการหัวเราะอันบ้าคลั่งสงบลง เทพหนุ่มก็เดินไปนั่งตรงบัลลังก์ เอ่อ แต่สภาพเละขนาดนั้นขอลดระดับเป็นซากบัลลังก์ก็แล้วกัน
“เห็นแก่ตลกที่พวกเจ้าแสดงให้ดู ข้าจะไม่เอาความในเรื่องที่พวกเจ้าสังหารทหารของข้า และจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่าพวกเจ้ามีด้านมืดอยู่ภายในตัวก็แล้วกัน”
“เพราะนายมีพลังแค่ครึ่งเดียวซินะ”เฟตสวนกลับไปอย่างเย็นชา เจอคนดูถูกขนาดนี้รู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างในหัวสมองกำลังสั่งการว่าไอ้หมอนี่มันหยามเรา ฆ่ามันเลย
“เจ้าเอาอะไรมาพูด ข้าลงมาอย่างถูกต้อง พลังของข้าย่อมมีเต็มลิมิตอยู่แล้ว”แอรีสสวนหน้าเครียดขึ้นทันตา
“อ้อ เออ ใช่ ถ้าในกรณีที่แกไม่ใช้อะไรเลยล่ะก็ มันก็คงจะเต็มอย่างที่ว่านั่นแหละ แต่น่าเสียดาย ที่แกใช้พลังครึ่งหนึ่งในการเรียกประตูเทพพาลูกน้องออกมาเสียก่อน”ชิออนเสริม ตอนที่สมบัติสาวบอกมาเขาก็รู้แต่ยังไม่ทราบความนัย พอมาได้ยินเฟตกะว่าไว้ ตนก็นึกถึงได้และเสริมออกมา
“เหอะ แค่เรียกลูกน้องออกมา พลังของข้าหายไปเพียงเศษเสี้ยวเดียวเท่านั้นแหละ”แอรีสกล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง
“จริงเหรอคะ เทพอสูรที่ถูกอัญเชิญออกมาส่วนใหญ่ ไม่เห็นจะมีใครกล้าเรียกประตูเทพเลย เพราะอะไรรู้มั้ยคะ เพราะคนพวกนั้นรู้ว่าการปรากฏตัวที่มาในโลกมนุษย์ ณ ตอนนี้ เป็นแบบเศษเสี้ยวของพลัง แล้วยิ่งนำพลังเพียงเศษเสี้ยวมาใช้ด้วยแล้ว ผลที่ออกมาก็คงไม่ต้องพูดถึง”เป็นเสียงของอิสตรีที่ฟังดูไพเราะและวิเคราะห์อย่างเย็นชาดังขึ้นที่ด้านนอก โดยฝั่งตรงข้ามนั้นเป็นตัวตึกที่มีความสูงพอๆกับห้องห้องพระโรงที่มีฟ้าเป็นเพดานแห่งนี้พอดี
พอพวกเฟตมองออกไปก็พบกับกลุ่มอสูรทั้งหมดของเขา นอกจากนั้นก็ยังมีตัวแสบอีกสองสามคน นั่นก็คืออาธีน่ากับซาตาน แต่น่าแปลกใจที่คนพูดเมื่อตะกี้ไม่ใช่ 2 คนนี้ แต่เป็นหญิงสาวผมขาวที่ยิ้มแย้มโดยให้ความรู้สึกเหมือนเป็นรอยยิ้มของอาธีน่า
“เอ่อ ใครนะ อ้อ ไรน่า”เฟตอุทานเมื่อนึกชื่อไรน่าออกมาได้
ไรน่าอึ้งไปเพียงเสี้ยววิที่ตนถูกลืม เธอกระพริบตามองเฟตปริบๆ เธอเคยได้ยินจากอนาตาเซียว่าเฟตเป็นประเภทไม่ให้ความสนใจอะไรกับสิ่งที่เจอเพียงครั้งแรก แต่พอมาเจอกับตัวเองก็เลยเข้าใจว่า ไอ้ความไม่สนใจอะไรเลยนั้นของเฟตหนักหนาขนาดไหน
‘คิกๆ’เฟตได้ยินเสียงอนาตาเซียหัวเราะคิกคักก็แปลกใจ จึงมองข้ามไหล่ไรน่าไปดู ซึ่งชายหนุ่มรู้สึกได้เลยว่าเธอกำลังพึงพอใจในอะไรบางอย่างที่เขาทำเมื่อสักครู่
“นี่แก วิญญาณรูปลักษณ์เหรอ”แอรีสพึมพำพร้อมกับมองข้ามไหล่ของไรน่าไปยังเทพสาวอาธีน่า
“เปล่านะ เธอไม่ได้มาเพราะเรา เราไม่ยุ่ง”อาธีน่าปฏิเสธยิ้มๆ พร้อมกับพยักพเยิดไปทางเฟตเป็นเชิงว่าเรื่องทั้งหมดให้ลงที่ชายคนนั้น
ดูเหมือนแอรีสจะฟิวส์ขาดโดยไม่ทราบสาเหตุหรือไม่ก็เชื่อคำพูดของเทพร่วมเผ่ามากเกินไป เมื่อเทพหนุ่มขยับกายพร้อมกับหอกสีขาว โดยพุ่งตัวพร้อมกับอาวุธตั้งเป้าเข้าเสียบเฟตโดยไม่ให้ชายหนุ่มตั้งตัว
เคร้ง!!! หอกสีขาวของแอรีสถูกดาบสีดำของชิออนปัดออกไปได้ ตอนแรกชิออนก็กะจะเล่นงานที่เผลอเหมือนที่แอรีสทำ แต่พอแอรีสเริ่มก่อน เขาก็เลยมองได้ทันว่าแอรีสจะทำอะไร
“เจ้านาย”เฟตอุทานพร้อมกับเก็บปืนสั้นที่ตอนแรกกะจะเอามายิงสวนเก็บเข้าซองปืนเสื้อกั๊กไป ชายหนุ่มรู้สึกทึ้งในความเร็วที่ชิออนแสดงให้ดูเป็นอย่างมาก เท่าที่เฟตสังเกตดูจะพบว่าความเร็วขนาดนี้นั้นจะเท่าๆกับที่พวกทหารเทพเคลื่อนไหวกันเลย
“เหอะ ไอ้เทพสุนัข ไอ้คนที่ถูกเรียกว่าเทพอย่างแกน่ะ ไม่สมควรมีชีวิตอยู่หรอกโว้ย”ว่าแล้วชิออนก็พุ่งตัวเข้าไปสู้กับแอรีสในท่ามกลางความตื่นตะลึงของคนอื่นๆ พวกเขากะว่าเฟตจะเป็นคนลุยที่ไหนได้ กลับเป็นหนุ่มเจ้าสำอางอย่างชิออนต่างหากที่ลุย
“หึ ที่แพ้ในทีแรกยังไม่พอใช่มั้ย ได้”แอรีสคำรามแล้วเปลี่ยนจากหอกเป็นขวานสั้น เพื่อนำมารับการโจมตีของชิออน
เฟตกับคนอื่นๆยืนดูการต่อสักพักก็พบว่าชิออนฝีมือกำลังพัฒนาขึ้น แต่ถ้ามองตามหลักของผู้เชี่ยวชาญการสงครามอย่างแอรีสหรือเทพอสูรแล้ว พวกเขาจะพบว่าเป็นพลังของชิออนต่างหากที่ตามความสามารถของชิออนทัน
ฝีมือดาบของชิออนจริงๆแล้วไม่ใช่กระจอกที่จะแพ้ให้กับใคร ฝีดาบของชายผู้นี้สามารถใช้ต่อสู้ได้ดีในสงครามเลยทีเดียว แต่เสียที่ว่าในตอนที่ได้รับพลังในครั้งแรกๆ ตัวชิออนยังไม่ชินและยังปรับสภาพไม่ทัน การใช้ในช่วงแรกๆจึงดูเหมือนหน่วงตัวเองจนดูน่าเป็นห่วง แต่หลังจากได้ผ่านประสบการณ์อันเจ็บปวดลวดร้าวที่ปลายหลัง ทำให้เขาสามารถปรับพลังให้มาแมตร์กับตัวเองได้พอดี
“อืม”เฟตพยักหน้าอย่างพึงพอใจตอนที่เห็นชิออนรุกไล่จนเป็นครั้งแรกที่แอรีสต้องถอยห่าง
“ทำหน้าอย่างกับพ่อที่เห็นลูกๆ ตัวน้อย ท่องโลกกว้างได้อย่างเชี่ยวชาญเลยนะคะ”ฟ้าใสที่ชมอยู่นานแล้วเกริ่นถาม ทำให้เฟตต้องปรายตามามองเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ตนเองพลาดโอกาสได้เห็นฝีมือเจ้านายตัวเอง
“ฮะฮะ ผมเห็นฝีมือเจ้านายผมมาแต่เล็กน่ะครับ พอมาเห็นตอนนี้ผมถึงพึ่งมารู้ว่าคนที่ผมปกป้องมาตลอดเก่งมากจนผมตามไม่ทันได้เสียแล้ว”ชายหนุ่มบรรยายอารมณ์แบบคนแก่จนฟ้าใสขมวดคิ้ว
“พูดอะไรอย่างนั้นค่ะ คุณเฟตก็ฆ่าใครได้ตั้งหลายต่อหลายคนไม่ใช่เหรอคะ”ฟ้าใสค้านพร้อมกับหันไปมองอีกด้านหนึ่งที่เห็นพวกอสูรของเฟตเดินเข้ามา
“ที่ผมใช้มันไม่ใช่ฝีมือผมนี่ครับ มันเป็นเพียงการยืมมือฆ่าต่างหาก ฝีมือผมจริงๆก็อย่างที่เห็นนี่แหละ ถ้าไม่มีมัน ผมก็ไม่ต่างอะไรกับคนไร้ค่าหรอกครับ”
“ชอบประเมินตัวเองต่ำจริงๆนะ”อนาตาเซียที่เดินมาถึงพร้อมกับอสูรของเฟตตนอื่นๆกล่าวนำมาก่อน
“ประเมินตัวเองต่ำเหรอ สูงไปด้วยซ้ำ”เฟตพึมพำในลำคอ แต่อสูรของเขาก็ยังเดาได้อยู่ดี
“เรื่องใจของนายไว้ทีหลังเถอะ มาเอาใจพวกฉันมั่งดีกว่า”
“เอาใจ?”เฟตทวนคำของอนาตาเซีย แต่เมื่อเห็นเธอถลึงตามองก็หันไปมองจาเนียแทนเพราะเขาเชื่อว่าเอลฟ์สาวผู้นี้มักจะยิ้มแย้มให้เขาเสมอ แต่สิ่งที่พบกลับไม่ใช่ อสูรตนนี้มีใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความทุกข์ มันเต็มไปด้วยความเป็นห่วงซึ่งทำให้ใจของเขารู้สึกสั่นแบบแปลกๆ
“หึ ทิ้งพวกฉันไว้แล้วยังมีหน้ามาทำซื่ออีกนะ”อนาตาเซียเดินเข้าประชิด ทำให้เฟตต้องรีบสาวเท้าถอย แต่ด้วยสภาพของห้องที่เละเทะเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ทำให้เฟตล้มลงไป โดยมีอนาตาเซียติดมือตามมาด้วย
“ทิ้งงั้นเหรอครับ”เฟตทวนคำกล่าวหาเบาๆ ขณะจ้องมองดวงตาอันกลมโตของอนาตเซีย
“อืม ทิ้งไงล่ะ”อนาตาเซียพยายามพูดให้เฟตได้คิด ถ้าคอยแต่บอกเฟตจะไม่จดจำเข้าสมอง ดังนั้นการพูดให้ชายผู้นี้ได้หาคำตอบให้แก่ตัวเองถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เมื่อถูกทวนเช่นนั้น เฟตก็ต้องคิดตามคำที่ว่า ซึ่งเขาก็พบว่าเป็นจริงอย่างที่อนาตาเซียอ้างมาไม่น้อย ตอนออกมาเขาไม่ได้บอกเลยว่าจะไปไหน และไม่บอกอะไรไว้ให้ใครรู้เลย ถ้าตายก็คงตายไปแบบไร้ญาติเหมือนสัมภเวสีซินะ
“ผมขอโทษครับ”ชายหนุ่มกล่าวตามจริง เขารู้สึกเสียใจที่ไม่ทิ้งจดหมายลำลาไว้ให้ใครได้รับรู้ ไม่เป็นไรๆ งั้นครั้งนี้ถือเป็นเคสสตาร์ทดี้ละกัน เดี๋ยวครั้งหน้าจะเขียนจดหมายลาตายไว้ให้ จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะหาศพเจอได้ที่ไหน
“แค่คำขอโทษมันไม่พอหรอกนะ”อนาตาเซียว่าตาเขียว เธอเหมือนจะรู้ความคิดของชายผู้นี้
“แล้ว จะเอาอะไรครับ ค่าตอบแทนหรือไง”เฟตขมวดคิ้วถามกลับ
“ได้ก็ดี....อุ๊บ”ว่าไม่ทันขาดคำ หญิงสาวผมดำก็ถูกชายผมขาวนามว่าเฟตประกบริมฝีปากเข้าให้ พอริมฝีปากประกบแล้ว เฟตก็เริ่มทบทวนถึงพลังไหลเข้ามาในครั้งที่ได้จากอนาตาเซีย โดยตอนนี้เขาดึงความรู้สึกนั้นกลับมาแต่เป็นแบบย้อนกลับนะ
“อื้อ”เหมือนอนาตาเซียจะว่าอะไรสักอย่าง แต่เฟตไม่สนใจ เขากำลังทดแทนในสิ่งที่ตนเคยได้รับ ถึงต่อให้มันทดแทนกันไม่ได้ แต่เขาก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด
ดูเหมือนเฟตจะทำได้ดีตามที่พูดจริงๆ หลังจากส่งผ่านพลังให้อนาตาเซียรับไม่ไหวจนหน้าแดงหมดแรงไปแล้ว เฟตก็ปล่อยหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน พอเห็นทีเหมาะๆ ก็ให้หญิงสาวได้นอนพักแบบสบายๆ
“จาเนียครับ”เฟตหันไปทางเอลฟ์สาวที่อึ้งมองสภาพเพื่อนร่วมเจ้านายอยู่
“คะ?”จาเนียหันขวบตามเสียง แต่นั่นไม่ทันเสียแล้ว เมื่อจอมหื่นตัวพ่อเขาประชิดตัวเธอแล้ว
“พี่ชายแกนี่ เหมือนพ่อข้าเลยนะ”แอรีสที่พิงอยู่กับกำแพงกล่าวใส่ชิออนที่พิงอยู่กับอีกฝั่งด้วยสภาพอ่อนแรงไม่ต่างกัน
“พ่อแกเป็นใครฉันไม่รู้หรอกนะ แต่เท่าที่รู้ พี่ฉันก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร อืม ตั้งแต่ครั้งพี่เยียนที่เป็นจูบแรกจนทำให้เจ๊โหดนั่นตามติดล่ะนะ”ชิออนตอบพร้อมกับขยับดาบเตรียมลุยอีกครั้ง แต่ก่อนที่จะลุยเขาก็หันไปมองรอบตัว
“เฮ้ย ทำไมเยอะกันจังวะ”ชิออนอุทานลั่นเมื่อเห็นรอบข้างเต็มไปด้วยผู้เล่นที่ต้องการชมการต่อสู้ระดับเทพพระเจ้า จำนวนที่เห็นนั้นมีไม่ต่ำกว่าร้อยเป็นแน่ ส่วนแอรีสที่มีพลังเพียงครึ่งเดียว โดยพลังที่ว่านั้นเน้นไปทางพลังกายก็ขยับตัวลุกขึ้น พร้อมกับเหวี่ยงขวานใส่ชิออนอย่างรวดเร็ว
เปรี๊ยง!!!
ความคิดเห็น