คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 11 ใช้ประโยชน์จากห้องทรมาน
‘ห้องพักมี 3 ห้อง ชั้นบนเป็นห้องเก็บของจิปาถะ ชั้นล่างเป็นบาร์เหล้า อืม ครบครันจริงๆแหะ’เฟตที่พึ่งไปสำรวจที่พักของร้านเหล้าแห่งนี้มา นั่งคิดอะไรคนเดียวที่เก้าอี้ตัวหนึ่งในห้องของชิออน
ส่วนเจ้าของห้องก็หลับเป็นตาย นานๆทีจะมีละเมอมาขอเหล้าเพิ่มบ้างเป็นบางครั้ง
“เจ้านายจะทำจริงๆเหรอคะ”จาเนียถามถึงสิ่งที่ชิออนต้องการ ถ้าเฟตจะทำการปลดกฎอะไรนั่นล่ะก็ คงเป็นเรื่องที่ยากน่าดูทีเดียว
“ก็แค่คิดครับ ต้องรอคนต้นคิดว่าจะเอายังไง ผมตามเขาเสมออยู่แล้ว”แม้เฟตจะตอบแบบนั้น แต่ก็มีหลายๆเรื่องที่เขาไม่เคยตามชิออน แต่ก็ช่างมันเถอะ พูดให้ฟังดูดีไปก่อนดีที่สุด
ในขณะที่เฟตคิดเรื่อยเปื่อยไร้สาระไปเรื่อยๆ สายตาก็จับจ้องไปที่ด้านนอกของหน้าต่าง ซึ่งเป็นชั้นที่ 2 ของร้านเหล้า ทำให้เขาสามารถมองเห็นผู้คนที่ออกเดินเล่นในยามเช้าบนท้องถนนได้อย่างชัดเจน
“หืม ในเมืองนี้ไร้กฎเกณฑ์ จริงๆด้วยแหะ”การที่เมืองมีกฎที่เคร่งครัดมากเกินไปก็แย่เหมือนกัน แต่ถ้าไม่มีกฎอะไรเลยก็จะแย่ยิ่งไปอีก โดยเฉพาะเมืองที่รวมอาชีพโจรแห่งเมืองนี้
ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็จะมีแต่การทะเลาะเบาะแว้งต่างกับเมืองเริ่มต้นที่เฟตจากมา ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นเลยภายในเมือง คงจะเป็นเพราะกฎที่ทางเจ้าหน้าจัดตั้งไว้แน่ๆ
ในขณะที่เฟตกำลังนึกเปรียบเทียบของการมีกฎกับไม่มีกฎของทั้ง 2 เมืองใหญ่ ที่ถนนทางเดินด้านล่างก็มีกลุ่มชายร่างใหญ่หลายคน ล้อมรอบกลุ่มผู้เล่นสาว 3 คนอยู่ ทำให้เฟตต้องจับจ้องดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“น้องสาว ไม่คิดจะไปกินเหล้ากับพวกพี่หน่อยเหรอไง”เป็นคำทักทายที่บอกยี่ห้อหน้าหม้อดีสุดๆ เฟตคิดแบบนั้น แม้เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้จะอยู่ห่างจากจุดที่เฟตอยู่ไปถึง 10 เมตร แต่เฟตก็ใช้หูจับโฟกัสจุดๆนี้ได้ดี ทำให้เฟตได้ยินเสียงเหมือนอยู่ใกล้กันในระยะไม่ถึง 2 เมตร แม้จะอยู่ห่างกันก็ตาม
“อย่ามายุ่งกับพวกฉันนะ พวกฉันจะไปเก็บเลเวล”กลุ่มหญิงสาว 3 คนบอกด้วยท่าทางหวาดๆ ต่างกับกลุ่มชายหนุ่มที่ล้อมอยู่ ที่ดูเหมือนจะไม่หวาดกลัวอะไรเลยสักนิด คงจะเป็นเพราะมีสกิลหมาหมู่และถือหลักความเป็นผู้ชายแน่ๆ
“แหม จะรีบเก็บเลเวลแล้วหนีไปจากเมืองๆนี้หรือไงจ๊ะน้องสาว อย่าเก็บเลย ถ้าน้องทำแบบนั้นเดี๋ยวใจพี่จะสลายที่เห็นคนสวยๆแบบพวกน้องหนีหายกันไปแบบนี้”เป็นคำที่เกี้ยวพาราสี จนทำให้เฟตแทบจะขำ เพราะไม่นึกว่าผู้เล่นชายกลุ่มนี้จะขาดแคลนขนาดขอให้เป็นผู้หญิงคนไหนก็ได้ แบบผู้เล่นหญิงกลุ่มนี้
ไม่ใช่ว่าพวกเธอไม่สวย แต่คำพูดที่ฟังดูสวยหรูแบบนั้นไม่ควรจะเอามาหม้อสาวแบบไปทั่วต่างหาก
กลุ่มผู้เล่นสาวได้ยินแบบนั้นก็รู้ได้ทันทีว่ากลุ่มผู้ชายนี้ไม่ยอมให้พวกตนหนีออกไปแน่ จึงหันซ้ายหันขวาพยายามส่งสายตาให้คนช่วย แต่กลับกลายเป็นว่า นี่คือเหตุการณ์ปกติที่เกิดขึ้นในเมืองแห่งนี้ จึงไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วย คนพวกนั้นแค่มองผ่านๆแล้วรีบไปทำภารกิจของตัวเองต่อก็เท่านั้น
“ไม่ต้องหาให้ใครช่วยหรอก พวกเขาไม่อยากยุ่งเรื่องชาวบ้านอยู่แล้ว”ว่าแล้วชายหนุ่มก็ยื่นมือไปกะจะจับที่แขนของหญิงสาว เมื่อมือจับได้แล้วก็ยกแขนข้างนั้นขึ้นมาทำท่าเหมือนจะจูบ
“เอ่อ อย่าจูบเลยครับ เดี๋ยวฟ้าผ่า”เจ้าของแขนข้างนั้นเอ่ยแบบนิ่มๆ ต่างกับกลุ่มหญิงสาวที่ไม่รู้ว่าบุคคลผู้นี้โผล่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ และมายืนข้างเธอได้ยังไง
“เฮ้ย แกเป็นใครวะ”แทบจะโยนแขนข้างนั้นของเฟตให้พ้นจากหน้าไม่ทัน เพื่อนคนอื่นๆของชายคนที่คิดจะแต๊ะอั๋งเฟตร้องถามอย่างไม่พอใจปนแปลกใจ
“เอ่อ ผมไม่ใช่คนที่น่าสงสัย ....สักเท่าไหร่หรอกครับ”เฟตตอบแบบนั้น เมื่อตะกี๊เขาแค่คิดว่าไม่ควรปล่อยไว้ให้สถานการณ์เป็นแบบนั้น พอกระพริบตาทีเดียว เขาก็มายืนอยู่ตรงนี้ด้วยสกิลท่าเท้าของจาเนียเสียแล้ว
แต่คำตอบของเฟตดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไรมากมายเท่าไหร่ เพราะผู้เล่นกลุ่มนี้เริ่มชักดาบขึ้นมาเหมือนจะเอาเรื่องที่เฟตมาขัดขวาง กลุ่มหญิงสาวที่เฟตช่วยแสดงท่าทีหวาดกลัวออกมา แล้วเมื่อเห็นทางรอดก็ต่างพากันวิ่งหนีไปแบบไม่สนใจเฟตที่เป็นคนช่วยพวกเธอเลย
‘อืม นอกจากเมืองนี้จะแล้งน้ำใจแล้ว ผู้คนยังเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวสินะ’เฟตยืนกอดอกวิเคราะห์สถานการณ์แบบไม่ดูตาม้าตาเรือ ทำให้กลุ่มผู้เล่นหน้าหม้อได้จังหวะ แทงดาบเข้าหาเฟตทันที
แต่พริบตาเดียวเฟตก็เหยียบดาบเล่มนั้นไว้กับพื้นแล้วใช้แรงส่งของการเหยียบกระโดดเตะที่ปลายคาง จนชายที่เล่นทีเผลอสลบเหมือดแบบไม่รู้ตัว
คนอื่นๆที่เห็นเพื่อนโดนเตะสลบก็ฟันดาบใส่เฟตเป็นการใหญ่ การจู่โจมของผู้เล่นกลุ่มนี้เฟตมองด้วยสายตานิ่งเฉยไม่หวาดกลัว เพราะถ้าเทียบดูกับการโจมตีของมี่ เขาพบว่าผู้เล่นกลุ่มนี้ยังไม่มีระเบียบแบบแผนในการต่อสู้สักเท่าไหร่
แม้จะเป็นการจู่โจมที่ดูไม่ได้เรื่อง แต่เมื่อมันมาพร้อมกับสกิลหมาหมู่แล้ว ก็ดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก แต่เฟตที่มีสกิลดีๆอย่างสกิลหลบอาวุธอยู่แล้ว เขากลับไม่หวาดกลัวเท่าไหร่ เพราะร่างกายของเขาจะสลบไปตามที่สกิลนี้สั่งการ ทำให้เฟตไม่โดนดาบของผู้เล่นกลุ่มนี้โจมตีแม้แต่นิดเดียว
“เอาจริงได้แล้วมั้งเรา”หลังเห็นว่าตนฆ่าเวลาได้มากพอแล้ว เฟตก็พึมพำพร้อมกับยกมืออีกข้างไปสะบัดใส่ข้อมือของชายที่อยู่ด้านข้าง ทำให้ดาบเล่มนั้นลอยเข้ามาหาเขา
มืออีกข้างของเฟตเอื้อมไปแตะด้ามดาบนั้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นเฟตก็ทำการสอนวิชาดาบในแบบฉบับของตัวเอง ทำให้กลุ่มผู้เล่นที่ร่ายล้อมเฟตอยู่แตกฮือกันไปคนล่ะทาง ไม่ใช่ว่าวิชาดาบของเฟตเก่งจนน่ากลัว แต่เฟตชอบเล่นทีเผลอจนพวกเขาได้แผลต่างหาก
กลุ่มผู้เล่นชายที่เฟตสู้ด้วยต่างทิ้งระยะห่างกับเฟตไปหลายเมตร พอเห็นเฟตไม่ไล่ตามมาก็ต่างพากันวิ่งหนีไปกันคนละทาง เพราะรูปลักษณ์ของเฟตภายใต้ผ้าคลุมดูแล้วน่าหวาดหวั่นกว่าฝีมือตั้งเยอะ
เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรทำแล้ว เฟตก็หันไปมองที่ชั้นบนของร้านเหล้า แล้วคิดว่าตนจะกลับไปเฝ้าคนเมาดีมั้ย แต่เมื่อคิดดูดีๆ ก็หันหลังแล้วเดินสำรวจเมืองดีกว่า อาจจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมก็ได้
“เจ้านาย”เสียงของจาเนียร้องเรียกจากชั้นบนของร้านเหล้า ทำให้เฟตต้องหันไปมองเล็กน้อย แล้วพบว่าหญิงสาวเกาะอยู่ตรงราวระเบียงชั้น 2 กำลังส่งสายตามาเป็นเชิงถามว่าจะไปไหน
“ไปด้วยกันมั้ยครับ ผมว่าจะเดินเที่ยวนิดหน่อย”
สิ้นคำตอบ จาเนียก็กระโดดลงมาทันที ทำให้เฟตต้องรีบเข้าไปอ้าแขนรับ เขาทำเพราะความเคยชิน ต่างกับจาเนียที่ลงมาในอ้อมแขนพอดี เธอถึงกับหน้าแดงเพราะความเขิน
“เอ่อ ความสูงแค่นี้ จาเนียไม่มีปัญหาหรอกค่ะ เจ้านาย”จาเนียตอบเบาๆแก้เขิน ทำให้เฟตต้องคลายอ้อมแขนแล้วกล่าวขอโทษ จากนั้นเขาก็พาจาเนียเดินเล่นด้วยท่าทีมีความสุข ไม่ใช่เขามีความสุขที่มีหญิงงามเดินเป็นเพื่อน แต่มีความสุขที่ว่า ตนไม่หลงทางอีกแน่นอน
ไม่รู้ว่าเฟตเดินมานานเท่าไหร่ แต่ชายหนุ่มก็ต้องมาหยุดอยู่ตรงจุดที่มีผู้คนยืนขวางอยู่เป็นจำนวนมาก เหมือนกับมีขบวนแห่อะไรสักอย่าง
“มีอะไรกันเหรอครับ พี่ชาย”เฟตร้องถามชายที่อยู่ข้างหน้าตัวเองทันที รู้ไหมว่าเขาไปต่อไม่ได้ (อืม...)
“อ้อ ทหารของราชาจับตัวแกนนำกบฏได้น่ะ เห็นว่ากำลังจะแห่ไปลานต่อสู้ใหญ่ประจำเมืองนี้”ชายคนข้างหน้าตอบกลับแบบไม่หันมามอง เหมือนกับว่าเขาเจอสิ่งที่น่าสนใจ เฟตจึงต้องแทรกคนเข้าไปมองดูบ้าง พอเขาแทรกเข้ามาจนพอมองเห็นได้ เขาก็ต้องโอ้ปากอย่างประหลาดใจ
เพราะสิ่งที่อยู่ข้างหน้าก็คือ ชายผู้หนึ่งถูกรถม้าลากเหมือนประจานแบบที่ชิออนทำ แต่สิ่งที่ทำให้เฟตประหลาดใจก็คือ ชายคนที่เขาพูดถึง ก็คือหญิงสาวคนที่เขาพยายามจะช่วย (ข่มขู่) ตอนที่อยู่หมู่บ้านร้างนั่นเอง
“เอ๊ะ แกนนำกบฏงั้นเหรอ”เฟตพึมพำกับหัวข้อเมื่อกี้ เมืองๆนี้มีการก่อกบฏด้วยเหรอเนี่ย
แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่ทีควบคุมรถม้าก็สั่งจอดแล้วประกาศอะไรบางอย่างที่ทำให้เฟตร้องอ๋อ
“ทางทหารของเรา จับชายผู้นี้ได้ที่แม่น้ำฝั่งตะวันออก เราพบเขาหมดสติอยู่ที่นั้นจึงจับตัวมา”หลังจากประกาศจบ คนที่อยู่รายล้อมต่างหันไปพูดคุยกันอื้ออึงแล้วก็หันไปตระโกนถามถึงสถานการณ์ ซึ่งเฟตก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ร้องถาม
“แล้วเขาทำอะไรผิด”
“เพราะเขาร่วมมือกับประชาชนของเมืองและผู้เล่นที่อ่อนแอ ทำการกบฏจะโค่นล้มราชาของเรายังไงล่ะ ลืมกฎหลักของพวกเราไปแล้วเหรอ คนเก่งเท่านั้นที่อยู่รอด คนอ่อนแอไม่สมควรมีชีวิต”สิ้นคำกล่าว เฟตก็ถึงกับทำมึนงง เพราะแบบนี้ก็เท่ากับเมืองนี้ปกครองกันแบบเป็นใหญ่ ปลาฉลามกินปลาคราฟสินะ
แต่คนที่อยู่รอบๆตัวเฟตต่างโห่ร้องเหมือนกับชื่นชมในกฎแบบนี้ เฟตจึงคิดว่าคนในเมืองนี้คงมีปัญหาเรื่องสมองแน่ๆเลย
ขณะที่เฟตกำลังคิดว่าจะทำยังไงต่อไปดี รถม้าที่ลากนักโทษประจานก็เดินทางต่อไปแล้ว ตอนแรกเฟตก็กะจะช่วยอยู่หรอก แต่ถ้าช่วยแล้ว เขาอาจจะพาเธอไปตายด้วยก็ได้ เพราะคนที่ล้อมดูขบวนนักโทษมีค่อนข้างเยอะ แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นผู้เล่นซะด้วยสิ
หลังจากตกลงใจว่า เขาจะช่วยตอนถึงลานประลองอะไรนั่น เฟตก็เดินตามขบวนรถนั้นไปทันที โดยมีจาเนียเดินตามติดๆมาด้วยท่าทีงงๆ
“เพราะผมทำให้เธอถูกจับไงครับ”นั่นคือเหตุผลที่เฟตบอกับจาเนีย ถ้าเขาไม่พาเธอโดดน้ำ (?) เธอก็คงไม่หมดสติจนถึงขั้นโดนจับแบบนี้ อย่างน้อยก็ขอให้เธอหนีไปได้ก็เป็นพอแล้ว
เฟตไม่รู้เลยว่า ตั้งแต่เดินทางมา เขาก็เป็นคนๆหนึ่งที่ถูกจับตามอง ไม่ใช่ว่าเขาเด่นเพราะผ้าคลุมตัว เพราะใครๆก็ใส่แบบนี้กันซะส่วนใหญ่ แต่ที่เด่นมันเป็นเพราะจาเนียอสูรของเขาต่างหาก
หลังจากเดินตามรถม้าคันนั้นไม่นาน เฟตก็พบว่ารถม้าคันนั้นมาจอดอยู่ที่ลานอะไรบางอย่างที่ก่อฐานสูงมากจนต้องแหงนคอมองถ้ามองจากจุดฐานนั้น
เฟตตัดปัญหาไม่สนใจสิ่งที่อยู่รอบข้างตัวเอง เขาเดินตามเจ้าหน้าที่ที่ลากนักโทษเข้าไป
“ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ห้ามเข้า”ก่อนที่เขาจะก้าวเท้าไปยังช่องทางที่นักโทษโดนลากหายเข้าไป เฟตก็ถูกชายหุ่นล่ำคนหนึ่งยื่นมือหยุดเสียก่อน
ชายคนนี้ใส่ชุดเกราะตัวแบบธรรมดา พกมีดสั้นไว้ที่เอว ส่วนที่มือก็ถือเพียงหอกเหล็กยาว
“อ้าว แล้วคุณรู้ได้ไงว่าผมไม่ใช่เจ้าหน้าที่ ทั้งๆที่คนตั้งเยอะขนาดนั้น”เฟตถามหน้าตาย ทำให้คนที่เฝ้าประตูลานประลองอึ้งไปเล็กน้อย แล้วทำท่าลังเลเพราะคนที่ทำงานกับทางเจ้าเมืองมีค่อนข้างเยอะ แล้วที่เมืองนี้ก็ไม่มีกฎครอบคลุมเรื่องการตรวจสอบด้วยสิ
“ผมไม่ว่ากันหรอกครับ แค่ลืมเล็กๆน้อยๆ”เฟตรีบว่าเมื่อเห็นท่าทีที่ลังเลนั้น ว่าแล้วเฟตก็ทำเนียนเดินเข้าไป ซึ่งชายที่เฝ้าก็เปิดทางให้ด้วยแบบงงๆ เฟตยังก้าวเข้าไปแบบไม่พ้นดี ชายคนเดิมก็หันไปหยุดจาเนียที่ทำท่าจะเดินตามเฟตเข้ามาไว้ ทำให้เฟตต้องขมวดคิ้วกับคนๆนี้ แต่คำตอบที่ชายคนนี้พูดออกมากับจาเนียทำให้เฟตสะดุ้ง
“เอลฟ์ไม่น่าจะอยู่ในเมืองนี้ได้นี่นา เธอเข้ามาได้ยังไง เมืองๆนี้ตั้งตนเป็นอริกับเมืองแห่งแสงนี่”เฟตไม่รู้ว่าเมืองแห่งแสงนี้ครอบคลุมไปเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนอสูรของเขาจะอยู่ในเครือข่ายนี้ด้วย
จาเนียเป็นอสูรเอลฟ์ ซึ่งถือว่าเป็นอสูรเผ่าแสงสว่าง ที่เป็นรองเพียงเผ่าเทพแห่งแดนเหนือเท่านั้น ทุกๆคนในเมืองนี้รู้ดีจึงมองเธอตั้งแต่เห็นแล้วนั่นเอง แต่ผู้เล่นส่วนใหญ่ก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้นมากมายอะไร ไอ้ที่สนใจก็เป็นที่ความงามของหญิงสาวเท่านั้นเอง
เฟตหันไปมองซ้ายมองขวา เมื่อพบว่าตรงทางนี้ไม่มีใครดูอยู่ ก็จัดการล็อกแขนเข้าที่ซอกคอของชายเฝ้าประตู เฟตใช้ท่อนแขนรัดคอจนเป็นรูปตัววี และมันก็กดทับกับเส้นเลือดแดงกับดำพอดี จากนั้นไม่ถึง 3 วิ ชายคนนี้ก็หมดสติไป เฟตจึงคลายมือออก
“ไปเร็ว”เฟตรีบร้องบอกจาเนียแล้ววิ่งเข้าไปตามทางทันที แต่ก่อนที่เขาจะเข้าไปก็ฉกมีดสั้นจากชายเฝ้าประตูไปด้วย
เมื่อเข้ามาได้แล้ว เฟตก็ต้องพึ่งจาเนียทันที เพราะทางเดินไม่ว่าจะซ้ายจะขวาก็ต่างเต็มไปด้วยทางเดินที่สร้างจากดินทั้งนั้น
“ไปทางนี้ค่ะ”ไม่รู้ว่าจาเนียเอาอะไรมากะเกณฑ์ แต่เธอก็พาเฟตเดินไปได้ต่อ
หลังจากเดินทางมาไม่นาน เฟตก็พบว่าข้างในนี้มีคนเฝ้าอยู่ 6 คน ยืนกันอยู่เป็นคู่ๆ ซึ่งสิ่งที่คนเหล่านี้เฝ้าก็คือคุกแห่งหนึ่ง ที่ด้านหลังลูกกรงเต็มไปด้วยผู้คนที่มีท่าทีที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เฟตเพ่งมองคนที่อยู่หลังลูกกรงด้วยความสงสัย ทำไมคนเหล่านี้ถึงถูกจับขังไว้แบบนี้นะ
“คงจะเป็นผู้ที่ต่อต้านล่ะมั้งคะ”จาเนียบอกกับเฟตเบาๆ เธอเริ่มจะจับท่าทีของเฟตได้แล้ว เมื่อใดที่เจ้านายเธอสงสัย แม้หน้าจะไม่เปลี่ยนแต่คิ้วจะเป็นตัวบ่งบอก
“แล้วเขาจะทำยังไงต่อไปเหรอครับ”เฟตกระซิบถามเบาๆขณะจ้องมองคนที่เฝ้าอยู่
“คงจะให้นักโทษสู้กันเองจนตายกันไปข้างมั้งคะ”จาเนียตอบแบบไม่มั่นใจ ส่วนเฟตก็คาดไว้อยู่แล้วจึงไม่ได้ถามอะไรเพิ่ม ในขณะที่เฟตกำลังคิดว่าจะทำอะไรต่อไปดี ก็นึกถึงเหตุการณ์หนึ่งได้
“ตรวจสอบ”เฟตใช้คำสั่งตรวจสอบผู้เล่นด้วยกันกับคนที่เฝ้าอยู่ในนี้ เขาลองทำตามเหมือนกับที่คนอื่นๆใช้ตอนสำรวจเขากับชิออนที่พึ่งเข้ามาในเมืองใหม่ๆ
‘ไม่ใช่ผู้เล่น เป็นผู้คุมคุกค่ะ’ระบบตอบกลับมา ทำให้เฟตพยักหน้าให้กับตัวเอง ถ้าอย่างนี้ก็ไม่ต้องลงมืออะไรมาก เพราะ NPC พวกนี้จะอึดไม่เท่าผู้เล่นจริงๆ อย่างนี้ก่อนที่จะลงมือกับใครเขาต้องตรวจสอบแบบนี้ก่อนน่าจะดี
ตอนที่เฟตใช้คำสั่งตรวจสอบ จาเนียก็สังเกตเห็นอะไรจึงสะกิดให้ชายหนุ่มหันไปมองตาม
เมื่อเฟตหันไปมองตามเขาก็พบว่ามีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องที่ปิดสนิท โดยชายคนนั้นสวมสิ่งที่เหมือนกับผ้ากันเปื้อนที่เต็มไปด้วยเลือด
ชายร่างใหญ่คนนั้นเดินมารวมกลุ่มกับผู้คุมคนอื่นๆด้วยท่าทีมีความสุข เหมือนกับสิ่งที่ติดตนมาเป็นเรื่องปกติแบบหนึ่ง
หลังจากคุยกันได้ไม่นาน ชายคนนี้ก็กลับไปที่ห้องเดิมอีกครั้ง แล้วก่อนที่จะเข้าไปได้เขาก็ใช้กุญแจที่คล้องอยู่ที่คอไขประตูเข้าไป ซึ่งกุญแจพวกนี้เฟตสังเกตเห็นจากผู้คุม รู้สึกว่าจะมีเหมือนกันทุกคน
ในตอนที่ชายคนที่มีผ้ากันเปื้อนเข้าไปข้างใน หูที่ฝึกมาดีของเฟตสามารถจับถึงเสียงที่กรีดร้องดังเล็ดรอดมาจากห้องปิดนั้นได้
“จาเนีย ผมจะจัดการชายทั้ง 6 คนนั้นแล้วนะ”พริบตาเดียวเฟตก็เดาได้ทันทีว่าในห้องนั้นคงจะเป็นห้องทรมาน เมื่อข้างนอกมีนักโทษ ที่ห้องปิดสนิทก็ไม่ต้องเดาเลย ว่าจะเป็นห้องอะไรอื่นนอกจากห้องๆนี้เท่านั้น
“เอ๋ แต่ว่า”จาเนียหันมาจะถามว่าทำไมอยู่ๆถึงจะลงมือ แต่ก็ไม่ทันแล้ว เมื่อเฟตใช้ท่าเท้าของเธอไปโผล่ที่ข้างหลังของชายคนหนึ่ง แล้วใช้มีดสั้นในมือปาดเข้าที่หลอดลมและเส้นเลือดใหญ่อย่างรวดเร็ว
เฟตไม่ปล่อยให้คนอื่นๆได้ตั้งตัว หลังจากจัดการชายคนแรกเสร็จ เฟตก็ใช้ท่าเท้าแล้วจัดการเข้ากับชายคนที่ 2,3,4, จนมาถึงคนที่ 5 ที่ดูเหมือนจะหายตะลึงแล้ว และยกดาบขึ้นมากัน แต่เฟตที่เข้าไปประชิดตัวแล้ว ไม่ยอมให้ดาบเล่มนั้นได้มีประโยชน์ เฟตใช้มือข้างที่ถือมีดสั้นกรีดเข้าไปที่ข้อมือข้างที่ถือดาบ แล้วใช้มืออีกข้างจับมือข้างนั้นกดลง จากนั้นก็ใช้มือข้างที่มีมีดสั้นวกมีดปาดเข้าที่ลำคออีกครั้งอย่างรวดเร็ว
ชายคนสุดท้ายเห็นท่าไม่ดีก็เตรียมจะวิ่งหนีไป แต่เฟตตกลงแล้วว่าจะไม่ยินยอมปล่อยให้ใครหนีไปได้ พริบตาเดียวก็ใช้มีดสั้นจี้ที่คอแล้วกระแทกเพียงทีเดียว มีดสั้นที่คมเพราะถูกลับมาอย่างดีก็แทงทะลุหลอดลมเข้าไปทันที
เฟตยืนมองผลงานของตัวเองด้วยสายตาว่างเปล่า จากนั้นก็หยิบพวงกุญแจของผู้คุมขึ้นมา แล้วก็เดินไปไขที่ห้องๆนั้นด้วยท่าทีนิ่งเรียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อเปิดประตูห้องได้แล้ว เฟตก็โยนพวงกุญแจพวงนั้นให้กับจาเนียที่ติดตามเขาอยู่
“เอาไปปล่อยนักโทษคนอื่นๆครับ แล้วพาพวกเขาหนีไป”เฟตบอกเบาๆ แล้วเดินเข้าห้องปิดนั้นไปโดยไม่สนใจจาเนียที่กำลังงงๆกับท่าทางที่คล้ายกับกำลังโมโหอะไรอยู่ของเฟต
ทันทีที่ประตูห้องปิดลง สายตาเฟตก็มองสิ่งที่อยู่ในห้องนี้ด้วยสายตาเรียบเฉยไร้ความรู้สึก แม้ว่าในห้องนี้จะเป็นแดนทรมานที่เต็มไปด้วยนักโทษก็ตาม
“แกเป็นใคร”ชายคนที่มีผ้ากันเปื้อนร้องถามเมื่อเห็นเฟตเดินเข้ามา
เฟตจ้องมองชายคนนั้นกลับ แล้วก็พบว่าเขากำลังใช้อะไรบางอย่างแทงเข้าไปในเนื้อของชายคนหนึ่งที่นอนอยู่บนโต๊ะเหมือนเขียงหมู พริบตาเดียวที่เห็นการกระทำนั้น เฟตก็ใช้ท่าเท้าแล้วจี้มีดสั้นเข้าที่คอชายผู้คุมทันที
“ตอบมา ว่าที่นี่มีแดนทรมานนักโทษทำไม”เฟตถามเสียงเย็นชา แม้เขาจะทำท่าทีเฉยๆไม่สนใจชีวิตคนอื่น แต่สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือการทรมานคนอื่นๆนี่ล่ะ มันคือสิ่งที่เขาไม่ชอบและยอมอยู่เฉยๆไม่ได้
“ท่านราชาของเราต้องการแบบนั้น”ชายที่เป็นผู้คุมตอบแบบหวาดๆขณะเอื้อมมือไปควานหาอาวุธ
พริบตาเดียวที่เจออาวุธชายคนนี้ก็วกฟันมาที่เฟตทันที ถ้าเฟตยังจี้อาวุธเข้าที่คอเขาต่อไปต้องถูกอาวุธชิ้นนี้ทำให้บาดเจ็บเจียนตายแน่ๆ
เฟตสามารถฆ่าชายคนนี้ได้อย่างง่ายๆแต่ชายหนุ่มไม่ทำ เพราะต้องการข้อมูลอะไรบางอย่างเพิ่มก่อน จึงชักมีดสั้นออกมา แล้วกระโดดถอยหลังหลบเล็กน้อย
อาวุธที่ผู้คุมใช้ดูเหมือนจะเป็นตะคอเกี่ยวเนื้อแบบหนึ่ง ที่มีความยาวประมาณ 1 เมตร
ผู้คุมไม่รอช้าโถมตัวเข้าหาเฟตอีกครั้งพร้อมกับตะคอเกี่ยวเนื้อ แต่เฟตใช้มีดสั้นป้องตะคอไว้ จากนั้นก็ใช้มืออีกข้างจับมือที่ถืออาวุธของผู้คุม แล้ววกมีดสั้นในมืออีกข้างของตนปาดเข้าที่ช่องว่างตรงสีข้าง แล้ววกมีดสั้นเข้าปาดที่ข้อมือจนอาวุธล่วงสู่พื้น
เมื่ออาวุธหลุดออกจากมือผู้คุมเฟตก็ใช้สันของมีดสั้นกระแทกเข้าที่ปลายคางจนชายผู้คุมเซออกไป
เฟตเดินตามชายผู้คุมไปช้าๆ เมื่อเห็นว่าผู้คุมตั้งตัวได้ เฟตก็สะบัดข้อมือฟาดเข้าไปที่ปลายคาง จนล้มไปใส่เครื่องทรมานแบบเก้าอี้ เมื่อเห็นว่ามีเครื่องมือพร้อมเฟตก็จัดการมัดแขนมันขาของผู้คุมเข้ากับเครื่องทรมานนั้นทันที
“เอาล่ะ เริ่มการสอบสวนได้”เฟตบอกแล้วยิ้มเย็นชา รอยยิ้มของเขาสามารถเรียกความหวาดหวั่นจากคนรอบข้างและผู้คุมได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าตั้งแต่เข้ามาในห้องนี้ สีผมของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นสีขาวทั้งหมด ส่วนดวงตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงสดด้วย
แม้ตรงส่วนที่เปลี่ยนจะอยู่ภายใต้ผ้าคลุมสารพัดประโยชน์ แต่บรรยากาศที่มาพร้อมกับเฟตกลับทำให้ห้องๆนี้เปลี่ยนจากห้องทรมานกลายเป็นแดนแห่งความตายในความรู้สึกของคนอื่นๆได้
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเพราะในห้องปิดแห่งนี้เต็มไปด้วยไอพลังที่เกิดจากการตายของนักโทษที่ถูกคุมขังทั้งในอดีตและปัจจุบันทั้งสิ้น ทำให้เฟตที่มีพลังแห่งความตายอยู่ในตัวอยู่แล้ว สามารถสำแดงความสามารถออกมาแบบกลมกลืนโดยไม่รู้ตัว
แถมยังเปลี่ยนความรู้สึกของผู้ที่อยู่ภายใต้อาณาเขตนี้ได้อีกด้วย
ในขณะที่เฟตกำลังสอบปากคำผู้ต้องหาอยู่ (?) ที่ด้านนอกก็เกิดเหตุการณ์ขึ้น เมื่อมีข่าวว่ามีเอลฟ์หลุดเข้ามาในเมือง
ข่าวนี้ถูกกระจายออกไปเป็นวงกว้าง จนข่าวล่วงรู้ไปถึงคนระดับสูงของเมือง ซึ่งต่อมาก็เกิดเกมการแข่งขันชนิดหนึ่ง นั่นก็คือการไล่ล่าบุคคลผู้ที่เป็นข่าว ถ้าพบสามารถฆ่าได้ แล้วถ้าจับเป็นได้จะนำตัวมาประจานที่ลานประลองแห่งนี้
เหล่าผู้เล่นที่รู้ว่าเฟตพักอยู่ที่บาร์ ต่างแห่พากันมาที่ร้านเหล้าที่ชิออนพักอยู่ เนื่องจากถ้าพวกตนเป็นคนจับเอลฟ์ที่อยู่ในกลุ่มพวกเฟตได้ ต่อให้ไม่ใช่ในคนที่เป็นข่าวพวกเขาก็จะได้หน้าได้ตาเป็นที่รู้จักมากขึ้นในวงการโจรแน่นอน
“ยินดีต้อนรับทุกๆคนสู่ความตายที่จะแจกจ่ายกันแบบทั่วถึง”เป็นคำกล่าวเชิญชวนของบุคคลผู้หนึ่งที่ดังขึ้นทันทีที่ประตูของร้านเหล้าถูกเปิดออก
‘ระดับพื้นฐานผู้เล่นเฟตจาก 13 เพิ่มเป็น 14 ค่ะ’เสียงระบบร้องรายงานก่อนที่เฟตจะเปิดประตูห้องทรมานออกมา เขาไม่ค่อยรู้สึกแปลกใจเท่าไหร่ที่เลเวลตนเองเลื่อนระดับ หลังจากผู้คุมที่เขาสอบปากคำตายต่อหน้าต่อตาเพราะเสียเลือดมาก
การสังหารผู้เล่นด้วยกันก็ยังให้ค่าประสบการณ์เพื่ออัพเลเวล เพราะผู้เล่นก็ถือว่าเป็นอสูรชนิดหนึ่ง ส่วน NPC มนุษย์ก็ให้ค่าประสบการณ์เช่นที่ NPC อสูรให้ แม้จะให้น้อยกว่ามากจนไม่มีใครคิดสังหารหรือลืมไปเลยว่ามนุษย์ก็ให้ค่าประสบการณ์ก็ยังมี
“อ้าว ยังไม่ไปกันอีกเหรอครับ”เฟตที่พึ่งเปิดประตูห้องทรมานนักโทษออกมาร้องถามจาเนียอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นข้างหลังของเธอยังเต็มไปด้วยนักโทษที่แต่งตัวมอซออยู่
“พวกเขายืนกรานที่จะไม่หนีออกไปค่ะ”จาเนียตอบแล้วมองไปที่ข้างในห้องด้านหลังของเฟต ที่มีนักโทษทยอยเดินออกมาด้วยท่าทางเหมือนหวาดหวั่นอะไรสักอย่าง
ส่วนเฟตตัวต้นเหตุที่ทำให้คนพวกนี้มีท่าทีอย่างนี้ก็ทำทีไม่รู้ไม่ชี้ เนียนสังเกตนักโทษที่อยู่ข้างหลังของจาเนียแทน
“ไม่เห็นแกนนำคนนั้นเลยนะครับ”เฟตถามหลังจากสำรวจเสร็จแล้ว
“เอ่อ คงจะถูกจับไปที่ลานประลองแล้วมั้งคะ”จาเนียหันมาตอบหลังจากสำรวจเสร็จแล้วเช่นกัน ซึ่งเฟตก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะเท่าที่เขาลองสอบปากคำผู้คุมดูแล้ว ก็พบว่ามีส่วนที่เป็นไปได้
“พวกคุณรู้ทางลับของที่นี่กันใช่มั้ยครับ ช่วยพากันออกไปก่อน แล้วผมจะพาแกนนำหลักของคุณ อ่ะ ไม่ใช่สิ อดีตแม่ทัพพลธนูของพวกคุณหนีออกไปเองครับ”เฟตรู้เรื่องนี้ดีจากนักโทษที่ถูกทนมาน ตนจึงกล่าวกับนักโทษพวกนี้ด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยว เขารู้ว่าคนเหล่านี้เป็นห่วงผู้หญิงคนนั้น ซึ่งเธอเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของที่นี่ ซึ่งตั้งตัวเป็นกบฏกับราชาจนถูกสั่งล่าอยู่อย่างนี้
ส่วนผู้คนเหล่านี้ก็คืออดีตทหาร NPC ทั้งนั้น พวกเขาเห็นด้วยกับความคิดของแม่ทัพพลธนู ที่จะล้มล้างราชา มากกว่าที่จะเห็นด้วยกับความคิดของราชาผู้บ้าอำนาจ และมีจิตที่วิปลาส
“รับทราบครับ”เหล่านักโทษต่างพากันตอบตกลงแล้วพากันหนีออกไปจากทางลับใต้เมือง ที่คนเก่าแก่อย่างพวกเขาเท่านั้นที่จะรู้
เมื่อเห็นว่านักโทษออกไปกันหมดแล้ว เฟตก็เดินตามผังที่ตนได้ถามจากผู้คุม ซึ่งดูเหมือนว่าจะเชื่อถือได้พอสมควร เพราะเขาเดินมาได้ไม่นาน ก็พบกับห้องพักของผู้เข้าแข่งขันร้าง ซึ่งไม่ได้ใช้นานแล้วตั้งแต่ราชาปกครองเมืองมีจิตใจที่แปลกๆไป
“จะไปด้วยเหรอครับ”เฟตหันมาถามจาเนีย เมื่อเห็นหญิงสาวยังคงเดินตามเขาตลอดตั้งแต่แยกตัวออกมาจากกลุ่มนักโทษพวกนั้น
“จาเนียบอกแล้วไงคะ จากตอนที่ท่านช่วยจาเนีย จาเนียจะเป็นข้ารับใช้ของท่านตลอดไป”เอลฟ์สาวตอบย่างมุ่งมั่น ทำให้เฟตอึ้งจนใจพูดอะไรไม่ออก
“จากนี้ไป ผมคงทำให้คุณจาเนียต้องลำบากอีกเยอะเลยนะครับ ถ้าเกิดอะไรขึ้นจนผมไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ ก็ขอโทษด้วยนะ”เฟตบอกด้วยรอยยิ้มแบบที่นานๆทีจะเห็นสักครั้ง ทำให้เอลฟ์สาวหน้าแดงเนื่องจากพึ่งเคยเห็นท่าทีอ่อนโยนของเฟตเป็นครั้งแรก
“ค่ะ”หญิงสาวตอบเบาๆ
เฟตกลับไม่ได้สนใจฟัง เพราะเขาถือว่าตนได้บอกไปแล้ว ชายหนุ่มถือโอกาสเปิดประตูห้องพักของนักสู้เข้าไปทันที
แอ็ด! เมื่อประตูปิดลง เฟตก็สำรวจรอบๆด้านด้วยท่าทีสนใจ เพราะในห้องนี้ถูกประดับไปด้วยเสื้อเกราะที่มีตราสัญลักษณ์ที่คุ้นเคย
“ตรากิลด์จัสติซ กับกิลด์ดรากอนสินะ”เฟตพึมพำเมื่อเห็นตราสัญลักษณ์เหล่านั้น เขาเคยเห็นตราพวกนี้จากเสื้อเกราะที่ศรสายฟ้าหลงทาง (?) ใส่อยู่ตลอด
แม้จะไม่รู้ว่าเสื้อเกราะเหล่านี้ถูกเอามาโชว์เป็นของประดับห้องได้ยังไง แต่เฟตก็ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เพราะเขาได้ยินเสียงโห่ร้องมาจากช่องทางออกที่จะมุ่งไปสู่ลานประลองจึงให้ความสนใจกับทางนั้นมากกว่า
“ไปกันเถอะ จาเนีย”เฟตรีบบอกแล้วหยิบดาบที่ติดประดับข้างฝาห้องติดมือไปด้วย เมื่อชายหนุ่มเข้ามาจนถึงทางเข้าสู่สนามประลอง เขาก็ต้องเบรกเท้าจนเกือบจะเห็นไฟ เพราะด้านบนนี้ว่างโล่งและที่อยู่ตรงกลางก็มีคนผู้หนึ่งถูกจับขึงไว้กับกางเขนเหมือนจะบูชายัญ
เฟตละความสนใจกับคนที่อยู่ตรงกลางไม้กางเขนนั้น เขาหันไปมองรอบๆข้างของลานประลองนี้ เมื่อพบว่ารอบๆลานประลองต่างเต็มไปด้วยผู้ชม ที่ขึ้นนั่งกันเต็มอยู่บนจุดที่ให้ผู้ชมได้เข้าชมเชียร์ผู้เข้าแข่งขัน
ถ้าเป็นในยามปกติ เฟตก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่สถานที่แห่งนี้จะถูกจัดตั้งเพื่อคอยชมความบันเทิงจาการต่อสู้ของนักสู้ผู้เข้าแข่งขันไปพราง แถมถ้าเป็นเขา เขาก็จะขึ้นไปนั่งชมแบบติดขอบสนามอีกคนด้วยซ้ำ
แต่เมื่อความปกติแบบที่เฟตว่า ถูกนำมาใช้ในการมองดูคนที่กำลังจะถูกประหารหรือประจาน มันจึงให้ความรู้สึกที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
“จาเนียครับ ทุกๆ 1 วิ สกิลของจาเนียถึงจะถูกดีเลย์ต่อครั้งซินะครับ”เฟตถามจาเนียด้วยท่าทีเคร่งเครียด เขาลองกะการใช้สกิลเท้าของจาเนียดูแล้ว พบว่าจะเป็นทุกๆ 1 วิ ครั้งต่อไปถึงจะสามารถใช้ได้
“ค่ะ ทำไมเหรอคะ”จาเนียเอียงคอถาม
“จากนี้ผมก็ฝากด้วยนะครับ พาเธอคนนั้นหนีออกไปก่อน ส่วนผมจะหาทางหนีทีหลัง”เฟตหันมากล่าวยิ้มๆจากนั้นก็หายไปจากสายตาของจาเนีย เอลฟ์สาวจะอ้าปากค้านก็ไม่ทันแล้ว เมื่อเห็นเฟตไปโผล่ที่ด้านข้างของนักโทษที่ถูกมัดติดไว้กับไม้กางเขน
ทันทีที่เฟตโผล่มาที่ตรงกลางนั้น เขาก็ตกเป็นเป้าสายตาทันที เพราะสกิลท่าเท้าต้องรอดีเลย์โหลดสกิล ทำให้ตนตกเป็นเป้าสายตาของคนทุกคนที่หวังจะมาชมการประหานแกนนำนักโทษแบบที่เฟตรู้มาจากผู้คุม
เฟตที่โผล่ออกมาไม่รอช้าใช้ดาบฟันเชือกที่รัดแขนขาผู้หญิงคนนั้นออก และใช้ท่าเท้าไปโผล่ที่ด้านหน้าจาเนียอีกครั้งพร้อมกับคนในอ้อมแขน
“รับไปครับ”เฟตโยนหญิงสาวในอ้อมแขนให้จาเนียแล้วผลักเธอให้ถอยไปก่อนที่การระบบการป้องกันจะทำงาน
ตึง ตึง! ทางเข้าออกทั้งหมดถูกปิดตัวลงทันทีที่นักโทษหายไปจากตรงกลางสนามประลอง ซึ่งทางเข้าออกระหว่างลานประลองกับห้องพักของผู้เข้าประลองก็ถูกลูกกรงเหล็กขนาดใหญ่ปิดตัวลงมากั้นกลางระหว่างจาเนียกับเฟตไว้เช่นกัน
ถ้าเฟตไม่ดันตัวจาเนียเข้าไปก่อน มีหวังเอลฟ์สาวได้ถูกขังไปกับเขาแน่ๆ
‘แล้วทำไมเขาไม่หนีไปพร้อมกับจาเนียเลยล่ะ’ นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาอยากจะใช้ตัวเองเป็นจุดสนใจของคนอื่นๆ ก่อนที่พวกเขาเหล่านั้นจะหันความสนใจไปกับการล่าตัวแกนนำที่หายไป
เฟตเดินเข้าไปที่ใจกลางลานประลองแบบไม่สนใจเสียงถามของจาเนีย ที่ไม่ยินยอมให้เฟตลุยเดียว
“เฮ้อ ผมชอบสู้คนเดียวน่ะครับ มันสนุกและมีความสุขดี”เฟตหันมาตอบด้วยรอยยิ้มกับจาเนีย
แต่เอลฟ์สาวกลับทำหน้ามึนงงไม่เข้าใจ มีใครที่ไหนชอบที่จะต่อสู้คนเดียวบ้าง
แต่เฟตละความสนใจกับเอลฟ์สาวแล้ว ชายหนุ่มต้องให้ความสนใจกับเสียงๆหนึ่งที่ดังมาจากทางเข้าออกที่ใหญ่ที่สุดของลานประลองแห่งนี้ ซึ่งเขาได้ยินเสียงคำรามของตัวอะไรดังเล็ดรอดออกมา
“ต้องสู้กับตัวอะไรฟะเนี่ย”เฟตเดาไม่ถูกเลยว่า เขาจะต้องสู้กับอะไร เพราะเท่าที่ถามจากผู้คุม เห็นบอกว่าจะเป็นอสูรที่ถูกจับมาและส่งออกมาแบบสุ่มกรงขังที่ถูกตั้งไว้บนที่พักของแชมป์
ตึง! เสียงลูกกรงทางเชื่อมต่อกับที่พักของแชมป์ดังขึ้นพร้อมกับเศษลูกกรงที่กระเด็นมาทางที่เฟตยืนอยู่ตรงใจกลางลานประลอง
เหล่าผู้ชมจากตอนแรกที่แตกตื่นเมื่อเห็นนักโทษถูกชิงไปต่อหน้าต่อตา แต่เมื่อพวกเขาเห็นเหยื่อที่จะมาเป็นเหยื่อกับอสูรแทนแล้ว ก็เปลี่ยนมาเป็นนั่งชมการประลองอย่างลุ้นระทึกแทน ซึ่งเฟตก็ต้องแอบถอนหายใจที่ความคิดของเขาถูกต้องเสียส่วนใหญ่
‘อสูรมัลติคอร์ค่ะ’เสียงระบบรายงานพร้อมกับการปรากฏตัวของอสูรตัวนี้
ร่างกายที่ใหญ่โตเหมือนกับสิงโต แต่สิ่งที่อยู่บนร่างกายส่วนใหญ่กลับไม่ใช่สิงโต ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าที่ไม่ใช่ใบหน้าของสัตว์ แต่กลับเป็นใบหน้าของมนุษย์ มีฟันบนสามแถว และฟันล่างอีกสามแถว เป็นฟันที่แหลมคมและใหญ่กว่าเขี้ยวของสุนัขล่าเนื้อ
ใบหูของอสูรตัวนี้ดูคล้ายกับของมนุษย์ เว้นแต่ว่ามีขนาดใหญ่กว่าและมีขนหยาบ ตาของมันมีสีน้ำเงินเทาคล้ายนัยน์ตามนุษย์ แต่เท้าและกรงเล็บของมันเหมือนกับรูปร่างที่คล้ายกับสิงโตของมัน ที่ปลายหางของอสูรตัวนี้คือหางของแมงป่อง ที่มีความยาวเกินกว่า 18 นิ้ว แล้วที่สำคัญที่ปลายสุดของหางนั้น ยังมีเหล็กไนที่กำลังย้อยลงมาเหมือนกับน้ำลายของหมาบ้าอีกด้วย
แต่สิ่งที่ทำให้เฟตต้องขมวดคิ้วไม่ใช่เสียงรายงานที่บ่งบอกถึงความแตกต่างของเลเวล เขางงที่เห็นหางของมันมีน้ำอะไรย้อยลงมาต่างหาก
“โดนหางนั้นกัดจะติดเชื้อบาดทะยักหรือเปล่าน้า ....อืม ไม่ลองดีกว่า เดี๋ยวติดเชื้อจะยุ่ง”ช่างเป็นความคิดที่ไร้สาระจริงๆ
แต่ความคิดของเฟตต้องหยุดอยู่เพียงเท่านั้น เพราะอสูรมัลติคอร์กระโดดจู่โจมเข้าหาอาหารเช้าของมันแล้ว
“เฮ้ย ยังไม่ได้ยินเสียงระฆังเลย แบบนี้ฟาร์วนะครับ”เฟตร้องค้านแต่ก็ไม่นิ่งดูดายให้ตนกลายเป็นเนื้อบดยามเช้าแบบอาหารซีเรียวตามกล่อง ชายหนุ่มกระโดดหลบทันที เขามองไปยังพื้นที่นั่งของผู้ชมแล้ววิเคราะห์อะไรเล็กๆน้อยๆ ตอนแรกเขากะจะขึ้นไปบนนั้น แต่เมื่อเห็นว่าถ้าขึ้นไปแล้วถูกรุมสับ สู้อยู่ข้างล่างผัดกันสับกับอสูรตัวนี้น่าจะง่ายซะกว่า
“เอาเถอะ สู้กับใครไป ผลสุดท้ายก็ตายอยู่ดี ก็เล่นทำอะไรบ้าบิ่นแบบนี้เองนี่หว่า”แม้จะพูดแบบนั้นแต่ความคิดเขากลับไม่ได้คิดแบบนั้นจริง อย่างไรซะเขาก็เป็นคนสู้ชีวิต จึงกระโดดเข้าหาอสูรมัลติคอร์มั่ง แต่เมื่อเห็นมันตั้งหางชี้โด่มาทางเขา ก็ต้องหยุดเท้าอยู่ที่เดิมแล้วทำหน้าฉงนไม่เข้าใจในพฤติกรรมนั้น
“เอ่อ หรือว่ามันจะปวดท้องหว่า”เฟตเดาได้แบบเดียว แต่สิ่งที่พุ่งออกมากลับไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดไว้ มันเป็นเหล็กไนที่เหมือนกับของแมงป่องที่ออกมาจากหางของมัน โดยเหล็กในพวกนี้พุ่งตรงเข้าทางหาเขาคล้ายกับลูกธนู
แต่มีหรือคนที่มีสกิลหลบอาวุธแบบเฟตจะเสียท่า ชายหนุ่มเอี้ยวตัวหลบอย่างรวดเร็ว ซึ่งมัลติคอร์ก็ไม่รอช้า ยิงกระสุนเหล็กในใส่เฟตเพิ่ม จนเฟตต้องเอี้ยวตัวหลบหลังเกือบจะแตะพื้นเหมือนเดอะแม๊ททริก
เมื่อเห็นว่ากระสุนเหล็กในชักเยอะขึ้นเรื่อยๆ เฟตจึงจำใจใช้สกิลเท้าของจาเนียหลบออกมาห่างๆ จากนั้นก็ก้มหน้าลงเหมือนสวดมนให้กับตัวเอง
“นี่ถ้าไม่มีจาเนีย กับสกิลแถมฟรีกับขนมอันละ 5 บาท เราคงตายไปแล้วสินะ ต้องขอบคุณพระเจ้าจริงๆ ที่-...”เฟตหลบไปทำท่าซาบซึ้งให้กับสกิลของจาเนียที่ช่วยให้ชีวิตของเขาอยู่ยืนยงขึ้นมาอีกนิดเดียว
โฮ๊ก!!! เสียงคำรามพร้อมกับมัลติคอร์กระโดดเข้าหาเฟต ชายหนุ่มจึงต้องรีบหลบออกมา มิเช่นนั้นเขาคงได้เละเป็นหมูบดอยู่ใต้อุ้งเท้าที่มีกำลังมหาศาลของมันเป็นแน่
“นี่ ปล่อยให้ผมสวดมนขอบคุณจาเนียก่อนได้มั้ยวะครับ”เฟตว่ากลับอย่างโมโห บทสวด (?) ของเขายังกล่าวไม่ทันจบเลย กลับมาถูกขัดขวางซะได้
“ก็ได้ๆ เมื่อไม่เชื่อก็ตามใจ ผมเอาจริงแล้วนะ”เฟตกล่าวอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอสูรตนนี้ยังคงมุ่งจะเอาเขาเป็นอาหารเช้าให้ได้ เฟตหยิบอาวุธของตัวออกมาจากเสื้อกั๊กอุปกรณ์ที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุม อีกมือนึงก็หยิบอาวุธลับของตัวเองออกมาเตรียมพร้อมด้วย
“แล้วคุณจะต้องดีใจ ที่ผมแพ้คุณ”เอ่อ ช่างเป็นคำขู่ที่ทำให้ผู้ชมแทบจะหัวเราะจริงๆ
บาร์เหล้าที่พักของชิออน
คล้อยหลังพวกเฟตหายไปไม่ถึง 2 ชั่วโมง พร้อมกับข่าวการตามล่าตัวเอลฟ์ก็ตามมา
ชิออนที่พึ่งลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยท่าทางมึนงงถึงกับทำหน้าเหลอหลา เพราะไม่นึกว่าจาเนียอสูรของเฟตจะถูกตามล่า
“แล้วจะทำยังไงดีเนี่ย ถ้าจาเนียถูกอาวุธจนได้รับบาดเจ็บไป มีหวังผิวกายที่ขาวผ่องแบบนั้นต้องเป็นรอยตำหนิแน่ๆเลย ไม่ได้ๆ เราจะยอมไม่ให้เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น”ชิออนบ่นแบบไม่เห็นด้วย (?) แล้วเดินลงบันไดชั้นห้องพัก ไปยังชั้นหนึ่งซึ่งเป็นร้านเหล้า
แต่เมื่อชิออนลงมาถึงก็ต้องย้อนกลับขึ้นไป แล้วเดินลงมาใหม่อีกครั้ง
“มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย”ชิออนถามแบบไม่หวังคำตอบ เมื่อเห็นว่าบาร์เหล้าที่เคยถูกจัดแต่งไว้อย่างดูดี ถูกอะไรหลายอย่างถล่มจนเละไม่เหลือซากเดิมเลย
“ไม่ต้องกังวลไปครับ พวกเราเป็นคนทำเอง”เสียงของชายคนหนึ่งที่หลบอยู่ในซอกลืบในร้านกล่าวขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของชายชุดดำกว่า 10 คน ซึ่งดูท่าทางแล้วน่าจะเก่งพอสมควร
“ถ้าพวกคุณเป็นคนทำก็ดีแล้ว ช่วยผมจ่ายค่าเสียหายด้วยล่ะ”ชิออนกล่าวเสียงเครียด ต่างกับกลุ่มชายชุดดำที่หันไปมองหน้ากันแล้วหัวเราะเล็กน้อย จากนั้นก็หันมาพูดกับชิออน
“ผมคิดว่าไม่จำเป็น ถ้าพวกเรากำลังจะปฏิวัติระบบของเมืองนี้ใหม่ พวกผมเชื่อว่าคุณกับพรรคพวกคือคนที่พวกผมรอคอย”ชายที่ดูท่าทางเป็นหัวหน้าบอกขณะเดินนำขึ้นมา
“แล้วพวกนายรู้ได้ยังไง ว่าพวกฉันจะร่วมขบวนการปฏิวัติอะไรกับพวกนาย”ชิออนถามอย่างฉงน เขาจำไม่เห็นได้ ว่าตนจะโค่นล้มอะไร
“เพราะผมได้ยินสิ่งที่คุณกับเพื่อนคุณคิดจะทำกันน่ะสิครับ พวกผมเลยรอที่จะร่วมด้วย”
“แต่ฉันก็ไม่ได้ว่าจะทำถึงขนาดนั้น แล้วอีกอย่าง จะให้ฉันปฏิวัติอะไรล่ะ ในเมื่อเมืองๆนี้ก็มีดีของมัน”ชิออนสวนกลับทันที ที่เขาคุยกับเฟตมันแค่คุยกันเล่นๆ แต่คนพวกนี้ดันคิดจริงจังซะงั้น
“งั้นผมจะเล่าถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นให้ฟังนะครับ”ชายคนเดิมกล่าวแล้วก็นิ่งเงียบเหมือนจะทวนความจำ
“เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ เมืองๆนี้ถือเป็นที่ชื่นชอบของพวกเรา เหล่าผู้เล่นอาชีพชั่วร้าย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโจร กลุ่มขโมย โจรสลัด หรือจะเป็นนินจาแบบพวกเรา....... แต่แล้ววันหนึ่งการเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น เมื่อผู้ปกครองเมืองแห่งนี้เริ่มทำบางอย่างที่ทำให้พวกเรารังเกียจ”
“นั่นก็คือ...”ชิออนถามอย่างกระตือรือร้น เขาชอบฟังนิทานมาก ซึ่งนี่ก็ถือเป็นนิทานที่น่าฟังเรื่องนึง แม้ตอนท้ายจะจบลงแบบน้ำเน่า นางเอกตาย พระเอกติดคุกติดยาก็เถอะ
“เริ่มการตั้งกฎบ้าๆบอๆ อย่างผู้อ่อนแอต้องยอมให้ผู้ที่แข็งแกร่งกว่า จนเป็นเหตุให้เมืองนี้เต็มไปด้วยการต่อสู้ หลังจากนั้น เหล่าผู้เล่นที่หวังหาความสุขอย่างพวกผม ก็ต้องมาปวดหัวกับการต่อสู้ที่ไร้สาระ และมุ่งหวังจะสังหารกันเอง แต่แค่นั้นยังไม่พอ ราชาคนนี้ยังเริ่มทำการประหารผู้เล่นจากเมืองเริ่มต้น จนเป็นเหตุให้เมืองนั้นไม่ยินดีที่จะต้อนรับพวกเราอีกเลย”ชายคนเดิมอธิบายด้วยท่าทีเซ็งๆ เมื่อก่อนเขาสามารถเข้าเมืองนั้นได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะกฎก็ไม่ได้เคร่งครัดขนาดไม่ยอมให้คนจากเมือง ‘แบดนิว’ แห่งนี้เข้าไปขนาดนั้น แต่เมื่อมีการสังหารทหารจากเมืองเริ่มต้น การกวดขันก็เริ่มเข้มงวดตามขึ้นไปด้วย
“อืม น่าเห็นใจนะ แต่คนแค่ 11 คนรวมฉันเข้าไปด้วย จะพออะไรกับการปฏิวัติคนทั้งเมือง ลืมไปแล้วหรือไง ผู้เล่นส่วนใหญ่คงจะเห็นพวกเราเป็นหนูเข้าจั่นแน่นอน”ชิออนบอกความจริงให้ฟัง เขาไม่หวังจะช่วยอยู่แล้ว ทำให้กลุ่มผู้เล่นพวกนี้ถึงกับหันหน้าไปมองกันเหมือนกับถามว่าจะเอายังไงดี
“แล้วถ้าเราบอกว่ามีอีกเป็นร้อยล่ะครับ เพราะกิลด์พวกเราไม่ชอบให้กิลด์ที่แข็งแกร่งกว่ามาเรียกค่าไถ่ค่าคุ้มครองซะด้วยสิ”ชายอีกคนรีบเอ่ยเหมือนกับกลัวว่าคนที่จะเป็นหมากั้นฉากจะเปลี่ยนใจ
“ไม่พอหรอก เท่าที่ฉันสังเกต คนเมื่อเช้าก็มีมากกว่าร้อยแล้ว คนแค่นี้จะไปทำอะไรให้ดีได้ ถ้ามีคนมากกว่านี้อีกล่ะก็ แล้วอีกอย่าง ที่พวกนายให้ฉันร่วมด้วย ก็เพื่อให้ฉันเป็นแกนนำที่ตกเป็นเป้าสายตาและเป้าหมายในการตามล่าเผื่อเกิดเหตุผิดพลาดสินะ”ชิออนอธิบายแบบรู้จริง คนพวกนี้แค่หวังให้มีตัวกั้นฉากป้องกันไม่ให้กิลด์หรือกลุ่มเสียชื่อว่าเป็นกบฏก็เท่านั้น ถ้าคนพวกนี้หวังจะทำกันจริงๆ ก็คงจะเริ่มทำกันไปตั้งนานแล้ว ไม่รอให้เขามาเป็นเหยื่อหรือผู้นำอะไรหรอก
“แล้วถ้าเราบอกว่ามีมากกว่านี้เป็นพันเป็นหมื่นคนล่ะ”เสียงของสตรีดังขึ้นที่ประตูทางเข้า พร้อมกับหญิงสาวที่ชิออนคุ้นตา และชายหนุ่มที่ชิออนไม่รู้จัก
“ใครอ่ะจาเนีย แต่งตัวยังกะผู้ชาย แต่พูดยังกะแต๋ว”ชิออนถามหญิงสาวที่คุ้นตาทันที
“เธอเป็นคนที่เจ้านายต้องการช่วยเหลือเป็นครั้งสุดท้ายค่ะ เมื่อคุณปลอดภัยแล้ว จาเนียต้องขอไปช่วยเจ้านายก่อนนะคะ”จาเนียบอกชิออนและหันมากล่าวกับหญิงสาวในชุดผู้ชายที่ข้างตัว เมื่อภารกิจที่เฟตมอบให้เสร็จ เธอก็หันหลังมุ่งตรงไปหาเฟตท่ามกลางเสียงฮือฮาของผู้เล่น ที่กำลังตามล่าเธอ เอลฟ์ที่เป็นข่าวอยู่พอดี
“ที่เธอพูดหมายความว่ายังไง”ชิออนหันไปถามหญิงสาวที่จาเนียทิ้งไว้ให้ ใจนึงเขาก็เป็นห่วงสิ่งที่จาเนียพูด ว่าจะไปช่วยเฟต แต่อีกใจหนึ่งเขาก็มั่นใจว่า ยังไงซะเฟตก็ไม่เสียท่าง่ายๆ ส่วนจาเนียที่พาห่วงอย่างเธอคนนี้มาถึงที่นี่ได้ก็คงจะไม่เสร็จตอนขากลับไปหาเฟตเป็นแน่
“ตลอด 5 เดือนมานี้ พวกเรารวบรวมผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับราชาคนนั้นมาได้อย่างมากมาย ขอเพียงมีผู้เริ่ม ก็จะมีผู้ตามอย่างแน่นอน”หญิงสาวคนนี้พูดด้วยท่าทางมั่นใจ
“แล้วผลสรุปล่ะ ต้องทำยังไง ถ้าเริ่มก่อกบฏมันจะไม่จบแค่การต่อสู้แบบปะฉะดะ หรอกนะนะ”ชิออนหันไปถามคนที่เหลือ ที่ดูเหมือนจะรอเวลาการปลดปล่อยของตัวเองมานาน
“แค่ทำลายกองทหารของราชา และฆ่าราชานั่นให้ได้ การยึดอำนาจก็จะเป็นที่เรื่องที่ง่ายขึ้นแล้วค่ะ”แม่ทัพสาวกล่าวด้วยท่าทีที่องอาจ แม้แต่ผู้ชายแท้ๆอย่างชิออนยังคิดไม่ถึงว่าเธอจะพูดถึงเรื่องฆ่าฟันได้อย่างเป็นธรรมชาติแบบนี้
“เอาเถอะ เท่าที่ดู มันก็ควรที่จะเริ่มทำแล้วสินะ ไอ้สงครามปลดแอกอะไรเนี่ย”ชิออนกล่าวแบบไม่ยินดียินร้าย ใจหนึ่งก็ยังงงๆว่าทำไมอยู่ๆเรื่องถึงวิ่งเข้ามา หรือจะเป็นเพราะภารกิจลูกโซ่ก็เป็นได้ ส่วนอีกใจหนึ่งเขาก็ยินดีที่จะวิ่งเข้าหาการต่อสู้ที่จะพาเขาไปพบกับอะไรที่ชวนระทึกใจบ้าง
“งั้นก็ เริ่มวางแผนกันเถอะ”ชายที่เป็นหัวหน้าชายชุดดำกล่าวแล้ววางแผนที่ลงบนโต๊ะที่ยังดีอยู่ จากนั้นการประชุมเพื่อปลดแอกเมืองแห่งนี้ก็เริ่มต้นขึ้น โดยมีชิออนเป็นตัวนำชนแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว
สนามประลองการต่อสู้ของเมือง ‘แบดนิว’
เฟตที่อยู่ในผ้าคลุมนอกจากต้องคอยหลบกระสุนเหล็กในของมัลติคอร์แล้ว ตอนนี้เขายังต้องซอยเท้าหลบอาวุธของผู้เล่นด้วยกันอีกด้วย หลังจากเขาพาปัญหามาให้ผู้ชมเหล่านี้
“เฮ้ยแก ลงไปสู้ดีๆสิฟะ”เหล่าผู้เล่นที่มาชมการประลองร้องบอกเฟต ที่ชอบแอบหนีอู้ใช้ท่าเท้ามาอยู่กับคนดู ซึ่งมัลติคอร์ก็ไม่สนใจว่าจะมีใครโดนลูกหลงหรือไม่ มันสนใจแค่จะสังหารศัตรู จึงยิงกระสุนเหล็กในใส่ที่นั่งคนดูไปด้วย ทำให้ผู้ชมที่ไม่ได้หลบโดนเหล็กในปักตามร่างกายจนเหมือนเม่น แล้วตายภายในไม่กี่วินาทีต่อมา เนื่องจากสิ่งที่ร้ายกาจที่สุดของเหล็กในมัลติคอร์ก็คือพิษของมันนี่ล่ะ
‘ไอ้พวกมนุษย์แร้งน้ำใจ’เฟตอยากจะร้องว่าแต่เขาเริ่มหมดแรงแล้ว หลังจากต้องหลบทั้งเหล็กในและการโจมตีจากผู้เล่นด้วยกัน มันเหมือนกับคนที่เป็นศัตรูกับคนทั้งโลกนั่นล่ะ คนๆเดียวจะเอาอะไรไปสู้กับคนทั้งโลกได้
‘ค่าพลัง SP ลดเหลือต่ำสุดแล้วค่ะ กรุณาเพิ่มน้ำยาฟื้นพลังค่ะ’เสียงระบบเองก็ยังร้องเตือนด้วย แต่ยาฟื้นพลังขวดสุดท้ายที่เขาเตรียมมา ได้ใช้หมดไปแล้วนี่สิ ทำให้เฟตต้องถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า
‘ทำยังไงดีหว่า มันเร็วซะขนาดนั้น จะยิงเข้าตามันก็ไม่ได้’เฟตที่พึ่งหลบไปนั่งคิดตรงที่นั่งคนดูคิดอย่างปวดหัว ปืนของเขายิงไม่ไม่ทะลุหนังของมัน จนเมื่อเห็นว่ายิงไปก็ไร้ประโยชน์ เฟตเลยต้องเต้นเบรกแดนซ์หนีอย่างเดียวแบบนี้นี่ไง
“อืม ทำไมถึงหายเหนื่อยแล้วหว่า”อยู่ๆเฟตก็พบว่าตัวเองไม่มีความเหนื่อยล้าอยู่กับทีแรก ทำให้เขาต้องทะลึ่งตัวลุกขึ้นยืนอย่างแปลกใจ ส่วนผู้เล่นที่อยู่รอบๆซึ่งกลายเป็นศพไปแล้วกลับไม่สลายไป ทว่าเฟตไม่ได้สังเกตในข้อนี้เลย เพราะเขานึกว่าพิษของเหล็กในมัลติคอร์อย่างมากก็แค่ทำให้สลบ ส่วนถ้าตายจริงๆก็ต้องสลายเป็นแสงไปแล้ว
อาการหายเหนื่อยของเฟตเกิดขึ้นเพราะรอบๆตัวของเฟตมีแต่คนตาย ทำให้เฟตดูดไอวิญญาณเหล่านั้นเข้ามาที่ตัวอย่างไม่รู้ความ ส่วนคนที่รู้ก็เริ่มไม่อยู่เฉย เมื่อ ‘เขา’ขยับเข้ามาประชิดตัวเฟตพร้อมกับที่เฟตลุกขึ้นพอดี เป็นเหตุให้เขาถูกหัวของเฟต โขกจนต้องกุมมือกับที่ปลายคาง
“เอาต่อล่ะนะ”เฟตตระโกนลั่นแล้วกระโดดลงไปเหมือนกับพระเอกหนังจีน แต่ขาของเขาเหมือนมีอะไรเกี่ยวเอาไว้ ทำให้ชายหนุ่มล้มหน้าคะมำกับที่กั้นระหว่างคนดู
“อั๊ก!!”เฟตอุทานลั่น เขาไม่ได้ตั้งตัวเอาไว้ จึงกระทบเข้ากับที่กั้นจนมันยุบตัวลงไป พอชายหนุ่มหันมาดูก็พบว่าที่ปลายเท้าของเขามีโซ่สีดำคล้องอยู่ ส่วนตัวต้นโซ่ก็คือหอกสีดำที่อยู่ในมือของคนในชุดคลุมผู้หนึ่งซึ่งกุมคางไว้ด้วยความเจ็บปวด แล้วเมื่อ ‘เขา’เงยหน้าที่โผล่พ้นฮู้ทมองมาทางเฟตก็ทำให้ชายหนุ่มต้องอึ้งพูดอะไรไม่ออก
“นายนะนาย”เจ้าของอาวุธโซ่นั้นคำรามอย่างแค้นเคือง
แต่เฟตไม่ได้ให้ความสนใจกับท่าทางนี้ เพราะสิ่งที่ดึงความสนใจเขาไปก็คือ เส้นผมสีดำยาวที่ปล่อยยาวสยายคลอเคลียไปกับแผ่นหลังที่โผล่พ้นฮู้ทคลุมหัวของ ‘เธอ’ ส่วนหน้าตาของ ‘เธอ’ ก็งดงามมาก ไม่ว่าจะเป็นคิ้วที่โก่งงามดุจคันศร ริมฝีปากที่เรียวบาง ซึ่งเข้าได้ดีกับดวงตาที่กลมโตสีนิลของเธอ
“เอ่อ”เฟตหายตะลึงภายในพริบตา เมื่อสัญชาตญาณของเขาได้ร้องบอกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนอันตราย เขาควรจะหนีห่างไปซะ
หญิงสาวผมดำเดินตรงเข้ามาหาเฟตที่นั่งจับโซ่ของเธออยู่ด้วยท่าทีที่มุ่งร้าย ก่อนที่เธอจะเข้ามาถึงเฟตได้ ชายหนุ่มก็ดึงโซ่เข้ามาหาตัว ด้วยหลักการที่ว่า ‘ถ้าถูกดันออกให้โถมตัวออก เมื่อถูกดึงก็ให้โถมตัวเข้าหา’ การดึงโซ่ของเฟตทำให้เขาดึงอาวุธของหญิงสาวไปด้วย
ส่วนหญิงสาวเจ้าของอาวุธก็ไม่ได้คิดว่าชายหนุ่มจะสู้แบบนี้ จึงไม่ทันตั้งตัวถูกแรงดึงของเฟตจนทำให้อาวุธของเธอและตัวเธอโถมเข้าหาเฟตที่นั่งทำหน้าเหวออยู่ ด้วยนึกไม่ถึงว่าการกระชากของเขาจะมีผลพลอยได้แบบนี้
อุ๊บ! เฟตที่ถูกหญิงสาวกระแทกเข้าเต็มๆพูดอะไรไม่ออก แต่ความรู้สึกของเขากลับคุ้นเคยกับการสัมผัสนี้แบบประหลาดๆ
“อ่ะ คุณทรงโตที่ช่วยผมตรงน้ำตกนี่”เฟตจำได้ทันที ไม่ว่าจะเสียงที่เย็นชาหรือหน้าอกที่คุ้นเคย
พริบตาที่เฟตทักไป เขาก็อยากที่ย้อนเวลาไปเมื่อ 3 วินาทีก่อนหน้านี้อีกครั้ง ถ้าเขาย้อนไปได้คงจะตบตัวเองซักกะที เมื่อหญิงสาวที่ทับอยู่บนตัวเขาหน้าบึ้งตึงมากกว่าเดิม แถมรอบๆตัวเธอก็เต็มไปด้วยไอพลังบางอย่างที่ถาโถมกดทับลงบนตัวเขา เหมือนกับน้ำป่าที่ไหล่หลาก เตรียมพร้อมจะทะลวงทุกสิ่งที่ขวางทาง
‘ผู้หญิงนี่ล่ะ อันตรายที่สุด’นี่คือความคิดที่แวบเข้ามาในหัวในชั่วพริบตา
ความคิดเห็น