ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Silver gun

    ลำดับตอนที่ #3 : 3

    • อัปเดตล่าสุด 23 ส.ค. 54




    บทที่
    3
     
     
     
    เกิดเสียงเงียบในร้านขึ้นสามวินาที พร้อมๆกับรอส คนสนิทของมิสเทียค่อยๆเดินถอยห่างออกไปอย่างรู้งาน ปล่อยให้หญิงสาวกับเด็กหนุ่มอยู่กันตามลำพัง กว่าเจ้าของร้านจะรู้สึกตัวได้ว่าตัวเองทำพลาดไปมหันต์ ก็สายเกินแก้เสียแล้ว
     
    “มีกี๊พ่อหนุ่มว่าไงนะจ๊ะ”
    “ผมขอปฎิเสธ ชัดเจนรึยังครับ”
     
    “ชัดเจน ล่ะมั้ง
    “งั้นก็ดี ปล่อยผมไปได้รึยัง”
     
    “ปล่อยแน่นอน ปล่อยลงนรกน่ะนะ”
     
    “ปัง ปัง ปัง”
     
    มิสเทียกราดยิงเฉียดเด็กหนุ่มไม่ยั้ง เฟริเอลพยายามหาทางหลบ แต่ทำได้เพียงขยับตัวได้เล็กน้อยเท่านั้น ก่อนจะเสียการทรงตัวล้มลงไปกองกับพื้นอีกรอบ
     
    ทันทีที่ล้มลง รองเท้าส้นสูงคู่งามของมิสเทียก็เตะเข้ากับท้องของเด็กหนุ่มเจ้าของร้านอย่างจัง หล่อนมองราวกับนางพญา พลางเชิดหน้าพูด
     
    “สาส์นแห่งความตายของกลุ่มดาร์กออเดอร์ ถ้าฉันยื่นให้ใครคนนั้นไม่มีสิทธิปฎิเสธย่ะ!!!
     
    เฟริเอลแทบอยากกุมท้องตัวเองด้วยความจุก แต่มือที่โดนไพล่หลังทำให้เขาไม่สามารถทำอย่างที่ตัวเองคิดไว้ได้ มิสเทียยิ้มอย่างผู้มีชัย พร้อมๆกับฉีกตราสัญลักษณ์นกฟินิกส์สีทองทิ้งเป็นชิ้นๆอย่างรวดเร็ว
     
    “หึ พ่อหนุ่ม ทีนี้ตอบได้รึยัง หรือจะยังปฎิเสธอยู่รึเปล่าเอ่ย”
     
    มิสเทียยิ้มพลางเอ่ยขู่แกมบังคับ
     
    “ไม่ปฎิเสธแล้วก็ได้”
     
    เฟริเอลเอ่ยอย่างยากเย็น แม้เขาจะไม่อยากทำก็ตามทีแต่หากเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะยังไงเด็กหนุ่มก็ต้องห่วงสภาพชีวิตความปลอดภัยของตัวเองและร้านเอาไว้ก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขามีคนที่ต้องคอยดูแล
     
    “ต้องแบบนี้สิจ๊ะ เด็กดี”
     
    มิสเทียยิ้มพร้อมกับพูดอย่างอ่อนโยนราวกับแม่ที่พูดกับลูกตัวเล็กๆ เฟริเอลถอนหายใจ
    “ว่าแต่ผมคงไม่ต้องทำอะไรแผลงๆพิเรนทร์ๆหรอกนะ”
     
    “ก็ไม่ต้องทำอะไรมากมายหรอก ตอนนี้ก็ให้เธออยู่เฉยๆไปก่อนก็แล้วกัน แต่ถ้าไอ้หนุ่มหัวดำหางม้านั่นมาที่ร้านนี้อีกทีเมื่อไรให้บอกฉันทันที”
     
    มิสเทียเอ่ยสั่ง เฟริเอลมองอย่างเหนื่อยใจ
     
    “ว่าแต่เมื่อไรคุณจะช่วยแก้มัดเชือกที่รัดผมไว้ซะที”
     
    เด็กหนุ่มพูดเสียงอู้อี้ เมื่อเห็นว่าเจ้าของร้านหมดพิษสงแล้ว มิสเทียจึงเดินเข้าไปแก้เชือกให้
     
    “เอาล่ะ นับแต่นี้ไปห้ามเธอเข้าสังกัดนักฆ่ากลุ่มอื่น ห้ามรับประกาศจากกลุ่มอื่น ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังและอย่าให้คนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเธอ และถ้าเป็นไปได้ก็พกอาวุธออกจากบ้านด้วยก็แล้วกัน”
     
    เฟริเอลผงกหัวพลางเอ่ยงึมงำ
    “ให้ตายสิ ชีวิตแบบนี้มันยุ่งยากชะมัด”
    “ไม่พอใจอะไรงั้นเหรอ”มิสเทียไม่ได้แค่นถามเพียงอย่างเดียว หากแต่ตบโต๊ะเสียงดังกระเทือนไปถึงนอกร้าน
     
    “เปล่าครับ”เด็กหนุ่มเอ่ยตอบทันที
     
    “เอาล่ะๆ ฉันไปละนะจ๊ะพ่อหนุ่มน้อย หวังว่าจะได้เจอกันอีกไม่ช้านี้นะจ๊ะ”
     
    มิสเทียโบกมือลา ตามด้วยรอสที่เดินตามออกไปนอกร้าน เฟริเอลลอบมองคนทั้งสองด้วยความเหนื่อยใจ พลางเอ่ยกับตัวเองเบาๆ
     
    “ไปได้ซะที ป้ามหาภัยเอ๊ย”
     
    เมื่อจบประโยค ปรากฏรองเท้าส้นสูงปริศนาลอยเขวี้ยงมาที่ในร้านหนังสือ พร้อมด้วยเสียงคนล้มกระแทกพื้นและข้าวของในร้านตกเกลื่อนกระจาย เสียงสบถเอ่ยดังลั่นจากในร้าน พร้อมๆกันกับเสียงฝีเท้าของคนสองคนรีบเดินห่างไกลออกไป
     
     
    เฟริเอลนั่งลงกับพื้น แม้จะเป็นเวลาเพียงสี่โมงกว่าๆ ป้ายหน้าร้านหนังสือถูกแขวนไว้ว่าปิดบริการ
     
    เด็กหนุ่มทำความสะอาดร้านไปด้วยความจุก หลังจากกระแทกพื้นไปไม่รู้กี่รอบ เฉียดตายไปไม่รู้กี่หน ในความคิดของเฟริเอลแทบอยากจะย้ายเมืองหนีให้รู้แล้วรู้รอด ติดอยู่แค่มีกำลังไม่พอที่จะสามารถย้ายออกไปไหนได้
     
    แล้วไหนซาแมนธาที่นอนไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ด้านบนนั่นล่ะ
     
    เฟริเอลหยิบหนังสือที่ตกไว้ขึ้นมาเรียงอย่างเป็นระเบียบ แล้วก็หันไปมองเมื่อมีเสียงเคาะประตูหน้าร้าน เด็กหนุ่มขมวดคิ้วอย่างอารมณ์เสีย
     
    “ร้านปิดแล้วครับ”
     
    เกิดเสียงเงียบอยู่ช่วงหนึ่ง เฟรีเอลจึงหันไปทำงานต่ออย่างไม่ใส่ใจ หากแต่เสียงเบาๆดังขึ้น
     
    “เฟริเอล นี่ผมเอง อเล็กซ์ไง”
     
    เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว พลางเลิกม่านขึ้นก่อนที่จะเห็นว่า เด็กชายหัวแดงได้มายืนลับๆล่อๆอยู่ที่หน้าประตูเรียบร้อยแล้ว เฟรีเอลมองออกไปยังถนนเบื้องหน้า พุ่มดอกไฮเดนเยียคงบังอเล็กซ์ไว้มิดโดยไม่มีใครสังเกตเห็น เฟริเอลจึงเปิดประตูให้
     
    “อเล็กซ์ ฉันว่านายรีบหนีไปจะดีกว่านะ”
    “ทำไมล่ะ”
     
    เด็กชายเอียงคอด้วยความสงสัย ก่อนที่จะสะกิดนิ้วเรียกเข้ามาใกล้
    “เอาเถอะ จะรีบเข้ามาก็รีบ ฉันมีเรื่องที่จะต้องคุยกับนาย”
     
    เจ้าของร้านเอ่ยพลางรีบดึงเด็กชายเข้าไปในร้านอย่างรวดเร็ว พร้อมกับดึงม่านลงทันที
    “เฮ้อ”
     
    “วันนี้เฟริเอลดูแปลกๆนะ” อเล็กซ์เอ่ยพลางนั่งลงบนเก้าอี้
     
    “เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง ว่าแต่นายอยากดื่มชาไหม เดี๋ยวฉันชงให้ เราท่าจะได้คุยกันอีกยาว”
    “เอาสิ”
     
    เฟริเอลจึงเดินเข้าไปในครัว ขณะที่อเล็กซ์มองดูสภาพร้านอย่างแปลกใจ เศษหนังสือกระจายเกลื่อน รอยเก้าอี้บุบ โดยเฉพาะ ปลอกกระสุนปืนที่กระเด็นตกอยู่หลายที่
     
    และเมื่อสังเกตเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่ แววตาของอเล็กซ์มองด้วยความตกใจ
     
    เวลาผ่านไปประมาณห้านาที พร้อมๆกับชาในถ้วยที่เจ้าของร้านยกมาเสริฟ เฟริเอลสังเกตเห็นแววตาของอเล็กซ์ที่จ้องมาอย่างสงสัย
     
    “เฟริเอล ทำไมในร้านหนังสือถึงมีของแบบนี้อยู่ได้”
     
    อเล็กซ์เอ่ยพลางชูปลอกกระสุนปืนขึ้นมา ขณะที่เฟริเอลมองสิ่งที่เด็กน้อยถือไว้
     
    “ตอนเช้ามีคนจากสังกัดกลุ่มดาร์กออเดอร์เข้ามาหาน่ะ”
     
    เฟริเอลดื่มชาด้วยอารมณ์หงุดหงิด ขณะที่อีกฝ่ายจ้องมองควันขาวที่ลอยกรุ่นในถ้วยชา
     
    “เขามาทำไมเหรอ”
     
    “ก็เกี่ยวกับประกาศที่นายฝากฉันแจกนั่นแหละอเล็กซ์ ดูท่าฝ่ายนั้นจะเข้าใจผิดว่าฉันเป็นคนหาสมาชิกให้กลุ่มนาย แต่ก็โชคดีที่รอดมาได้”
     
    เฟริเอลเอ่ยพลางดื่มชาไปหนึ่งจิบ ขณะที่อเล็กซ์ยังจ้องมองอยู่แต่ไม่ดื่มแต่อย่างใด
     
    “คนที่เข้ามาเมื่อเช้า ใช่ ผู้หญิงที่ชื่อว่ามิสเทียรึเปล่า”
    “นายรู้ได้ยังไง”
     
    เฟริเอลเอ่ยอย่างตกใจ อีกฝ่ายนั่งเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย
     
    “เพราะช่วงนี้เขาก็ตามล่ากลุ่มของผมอยู่เหมือนกัน ดูเหมือนจะเก็บสมาชิกในกลุ่มผมไปทีละคนๆด้วย” เอ่ยพลางเอามือก่ายหน้าผาก ขณะที่เฟริเอลมองด้วยความลำบากใจ
     
    “งั้นฉันว่า นายถอนตัวเถอะ”
     
    เฟริเอลเอ่ยพลางมองอเล็กซ์ด้วยแววตาออกจะสงสารอยู่เล็กๆ แต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะเป็นทางที่เจ้าตัวตัดสินใจก้าวเท้าเข้ามาเอง ไม่เหมือนกับเขาที่โดนบีบบังคับ
     
    “คงไม่ทันแล้วล่ะ ว่าแต่ เฟริเอลเนี่ย ตอนนี้ไปอยู่กลุ่มเดียวกับดาร์คออเดอร์แล้วใช่ไหม”
     
    เสียงเอ่ยของอเล็กซ์ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกตกใจขึ้นมาทันที แววตาอีกฝ่ายจับจ้องเหมือนจับผิด
     
    เฟริเอลดื่มน้ำชากลบเกลื่อน เป็นเวลานานทีเดียวจนเด็กหนุ่มเห็นว่ามันหมดถ้วยแล้ว
     
    “อเล็กซ์ ฉันจะเติมชาเพิ่มน่ะ นายจะเติมมั้ย” เอ่ยถามถึงแม้ว่าคนที่อยู่ด้านหน้าไม่ได้แตะต้องถ้วยชาแม้แต่น้อย เฟริเอลผลักเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปในครัวทันที
     
    “งั้น แสดงว่าจริงสินะ”
     
    อเล็กซ์ชูกระดาษแผ่นเล็กที่เก็บได้ขึ้นมา รูปตรงหัวกระโหลดสัญลักษณ์ของกลุ่มดาร์กออเดอร์ชัดเจน พลางกำหมัดแน่น
     
    เฟริเอลไม่ทันได้สังเกตอเล็กซ์ที่เดินตามหลังเขามา กว่าจะรู้ตัว เด็กหนุ่มก็หันก็ไม่ทันเสียแล้ว
     
    “ฉัวะ”
     
    มืดสั้นเล่มเล็กฟันโดนเข้าที่ไหล่เด็กหนุ่มเป็นทางยาว พร้อมๆกับเลือดที่สาดกระจายเต็มพื้น เฟริเอลเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
     
    “อเล็กซ์ ทำบ้าอะไร”
     
    เด็กหนุ่มเจ้าของร้านเอ่ย มือกุมบาดแผลซึ่งไหล่เป็นทางยาว ขณะที่อีกฝ่ายจ้องมองมา แววตากลมโตขี้เล่นที่เขาเห็นบ่อยๆเปลี่ยนเป็นเย็นชาและไร้อารมณ์อย่างสิ้นเชิง
     
    “ถ้าเฟริเอลไปอยู่กลุ่มอื่นยังพอว่า คิดซะว่าเพราะเข้ากลุ่มผิดเอง ปกติผมไม่ทำใครก่อนถ้าไม่ได้มีคนมาทำร้ายผม อย่างน้อยๆศพหนึ่งคงเป็นการเตือนพวกนั้นได้มั้ง ขอโทษนะ ผมไม่ได้มีความแค้นกับเฟริเอล แต่ผมแค้นกับกลุ่มที่เฟริเอลเข้าไปร่วมด้วย”
     
    ว่าแล้วมีดสั้นหลายเล่มก็อยู่ในมืออเล็กซ์อย่างรวดเร็ว เฟริเอลรีบวิ่งหนีแม้อยากจะอยู่แย้งว่าการกระทำช่างขัดกับคำพูดเสียจริง เด็กหนุ่มวิ่งไปหลบอยู่ที่มุมชั้นวางหนังสือ หลังมีดหลายเล่มปักบนผนังห้องครัว แล้วปัดถ้วยชาทั้งหมดบนโต๊ะอาหารตกลงมา
     
     
    เฟริเอลภาวนาให้อีกฝ่ายเดินออกจากร้านไป หากแต่ไม่เป็นดั่งที่เขาตั้งใจไว้ อเล็กซ์หาเขาเจออย่างรวดเร็ว พร้อมกับเอามีดจี้คอเขาแน่น
     
    “เฟริเอล”
     
    ……..
     
     
    “เคร้ง”
     
    เสียงหน้าต่างแตกกระจาย พร้อมๆกับเงาสีดำที่พุ่งพรวดเข้ามาในร้านหนังสืออย่างรวดเร็ว อเล็กซ์ชะงักค้างเมื่อสังเกตเห็นแส้สีดำตวัดรัดมีดของเขาราวกับถูกงูรัดเอาไว้
     
    บุคคลที่ปรากฏตัวขึ้นมา คือหญิงสาวที่ผ่านการไดร์ผมและทำเล็บมาอย่างเรียบร้อย พร้อมกับรองเท้าส้นสูงครบสองข้างซึ่งก่อนหน้านั้นได้เขวี้ยงออกไป ขณะที่ชายหนุ่มคนสนิทกำลังปีนหน้าต่างเข้ามา
     
    “แหมๆเล่นอะไรกันอยู่นี่ ขอฉันร่วมวงด้วยได้ไหม”
     
    “มิสเทีย มาชูริค”
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×