ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 2
บทที่ 2
เสียงบานกระจกแตกดังเพล้ง พร้อมๆกับเสียงผู้คนโหวกเหวกโวยวายนั่นแสดงให้เห็นว่าเช้าวันใหม่ในเมืองฮาร์เวลล์ได้มาถึงอีกครั้ง
และก็เป็นหน้าที่และกิจวัติประจำวันของเด็กหนุ่มที่ต้องมาเปิดร้านหนังสือต้อนรับลูกค้าอีกเช่นเคย
ดอกคาร์เนชันและดอกไฮเดนเยียกลีบสีสดโบกปลิวไปตามลมหน้าร้านหนังสือดูไม่ยี่หระต่อผู้คนที่เดินสวนกันไปมา กลิ่นของสารเคมีลอยฉุนมาจากร้านขายยาพิษ ขณะเดียวกันเสียงปืนกลก็ดังขึ้นมาจากร้านขายอาวุธ เฟริเอลถอนหายใจเล็กน้อยพลางเดินเข้าไปในร้านแล้วจัดการ”สับสวิตซ์ตัวเองเสีย”
หน้าต่างทุกบานปิดหมดพร้อมๆกับผ้าม่านที่คลุมยาวลงมา แต่ประตูร้านหนังสือก็ยังติดป้ายไว้ว่า”เปิดบริการ”
เด็กหนุ่มค่อยๆสำรวจหนังสือในชั้นอย่างตั้งใจ พลางหามุมสงบๆนั่งอ่านหนังสือแต่ละเล่มอย่างช้าๆและระมัดระวัง
หากแต่มีลูกค้าคนแรกเข้ามาในร้านไวกว่าที่คิดไว้ เขาจึงละสายตาจากหนังสือ
“ยินดีต้อนรับครับ”
ผู้ที่เข้ามาใหม่ในคราวนี้เป็นชายหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ เฟริเอลลอบมองท่าทีของลูกค้า ชายหนุ่มเดินเข้ามาอ่านหนังสือบนชั้นอย่างสนใจ แววตาสีดำเข้มดูจะจดจ่อกับหนังสือหมวดกวีนิพนธ์ที่วางซ้อนๆกันไว้อยู่ ผมสีดำและมีหางม้ายื่นออกมาเล็กน้อยขับให้ชายหนุ่มผู้นี้ดูดียิ่งขึ้นพร้อมๆกับดูลึกลับในเวลาเดียวกันหากแต่เด็กหนุ่มสัมผัสได้ว่าลูกค้าคนนี้ดูแปลกไม่เหมือนกับลูกค้าทั่วๆไป
เฟริเอลเหลือบมองชายหนุ่มหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน เมื่อสังเกตหน้าปกมีชื่อเขียนตัวใหญ่ๆว่า”บทกวีแห่งความตาย”
เด็กหนุ่มเจ้าของร้านเหลือบมองเพดาน ปกติไม่ค่อยมีคนอ่านหนังสือเกี่ยวกับกวีเท่าใดนัก หากแต่ชื่อเรื่องนั้นชวนคิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าคงจะเป็นนักฆ่าจากมุมเมืองที่ไหนสักแห่ง หรือไม่ก็ คงจะเป็นคนที่สนใจเกี่ยวกับบทประพันธ์หรือจิตวิทยา
“นี่ พอมีหนังสือแนวนี้เล่มอื่นอีกไหม”ชายหนุ่มลูกค้าละสายตาจากหนังสือหันมาถาม เฟริเอลจึงเดินเข้าไปแนะนำ
“เท่าที่มีก็มีอยู่ในชั้นนี้น่ะครับ ก็มีบทเพลงของโลกใบมืดของครูนส์ แล้วก็ เสียงคร่ำครวญจากสายธารโลหิตของแมคเวลล์ แต่ถ้าจะให้ผมแนะนำ คงจะเป็นเล่มยามฝนสีเทากระเซ็นของคีย์ เล่มนี้ขายดีที่สุดในหมวดนี้น่ะครับ”
เฟริเอลหยิบหนังสือแต่ละเล่มออกมาแนะนำ หนังสือเกี่ยวกับบทกวีในร้านเขามีอยู่แค่สองประเภท ถ้าไม่เกี่ยวกับความรักโรแมนติก ก็จะเป็นความดำมืดความทุกข์เศร้าศร้อย
ชายหนุ่มลูกค้าเหลือบมองหนังสืออยู่ครู่หนึ่ง และตัดสินใจเลือกหนังสือ สายธารโลหิตไป เฟริเอลมองอากัปกริยาของลูกค้าแล้วไม่แปลกใจเท่าใดนัก เพราะบางคนก็เลือกตามคำแนะนำของเขา ขณะที่บางคนก็เลือกตามคำพึงพอใจตัวเอง โดยที่เขาเป็นเพียงแค่คนช่วยแนะนำการตัดสินใจเท่านั้น
“ราคาเท่าไร”
“สามสิบเหรียญครับ”
เฟริเอลรับเหรียญเงินจากลูกค้า จากนั้นจึงห่อปกหนังสือให้อย่างเรียบร้อย ขณะที่ชายหนุ่มลูกค้ามองเจ้าของร้านอย่างพิจารณา
“นี่ทำธุรกิจร้านหนังสือนี่เพียงอย่างเดียวเหรอ”
“ครับ”
เฟริเอลตอบแบบไม่มองหน้า ขณะที่ชายลูกค้ายิ้ม
“แปลกดีแฮะ ปกติจะเห็นคนอายุประมาณเธอไปเป็นนักฆ่ากันหมด ไม่สนใจบ้างรึไง”
“ไม่ล่ะ ผมชอบชีวิตแบบสงบๆมากกว่า”
“เป็นเด็กที่แปลกเสียจริง”
ชายหนุ่มลูกค้าเอ่ย ขณะที่เฟรีเอลลอบถอนหายใจ มีหลายคนที่ชักชวนเขาซ้ำๆกัน ทั้งๆที่เขามีร้านหนังสือที่ต้องดูแลอยู่แล้ว
“ว่าแต่นายน่ะ ชื่ออะไร” ชายหนุ่มลูกค้าเอ่ยขึ้น
“เฟริเอล ชารอส”
เด็กหนุ่มเอ่ยตอบกลับอย่างไม่สนใจอะไรเท่าใดนัก ลูกค้ามีท่าทีครุ่นคิดก่อนหยิบของบางสิ่งขึ้นมา
“เอาเถอะ งั้นรับนี่ไปก็แล้วกัน”
ชายหนุ่มลูกค้ายิ้ม พลางยื่นกระดาษบางๆสีทองขนาดนามบัตรให้ เฟริเอลหยิบขึ้นมาดูเพียงชั่วครู่ กระดาษนั้นแทบไม่มีรายละเอียดเขียนอะไรนอกเสียจาก รูปนกฟินิกส์สีทองกลางกระดาษ และชื่อที่เขียนไว้ว่า The Phoenix
“เก็บไว้ดีๆล่ะ แต่ถ้าเกิดลำบากอะไรขึ้นมาเมื่อไร ให้หาคนที่มีตราสัญลักษณ์รูปนี้ติดตัว ถึงแม้จะหายากหน่อยก็เถอะ”ชายหนุ่มยิ้ม
“นักฆ่าที่ดีน่ะ ไม่เลือกงานกันหรอกนะ”เฟริเอลสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมือชายหนุ่มมาแตะที่บ่า แต่ไม่ทันที่จะถามรายละเอียดอะไรมากไปกว่านั้นลูกค้าก็เดินออกไปจากร้านเสียแล้ว โดยที่เขายังไม่ทันได้พูดเอ่ยอะไรอีก เด็กหนุ่มจึงมองตามหลังด้วยความระแวง
แต่เมื่อมองผ่านออกไปนอกถนน ชายคนนั้นหายไปราวกับไม่เคยปรากฎตัวขึ้นมาก่อน
เฟริเอลยักคิ้วพลางวางกระดาษนั้นไว้บนโต๊ะ ก่อนที่จะง่วนกับการจัดหนังสือต่อไปอย่างไม่ใส่ใจ
หากแต่ยี่สิบนาทีต่อมาเสียงกระดิ่งดังขึ้นจากหน้าร้านอีกคราเขาจึงเงยหน้าขึ้นมามอง
“ยินดีต้อนรับครับ”
ลูกค้าที่เข้ามาใหม่เป็นสุภาพสตรีวัยประมาณสามสิบปลายๆ ผมสีบลอนด์ถูกปล่อยยาวม้วนสยายกลางหลัง ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง แววตาเฉี่ยวคมดูราวกับมีอำนาจให้จ้องมอง แววปากทาด้วยลิปกลอสสีแดงสด เสื้อตัวนอกสีดำทับเสื้อเชิ้ตด้านในเข้าชุดกับกระโปรงสก๊อตลายสีเทาซึ่งยาวประมาณเข่าพร้อมกับถุงน่องลายตาข่ายสีดำ หล่อนเดินเข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มร่างสูงวัยกลางคนซึ่งอยู่ข้างๆซึ่งใส่สูทดำเข้าชุดเช่นกัน
เมื่อก้าวเท้าเดินเข้ามาในร้าน หล่อนมองดูบรรยากาศในร้านอย่างประหลาดใจ
“เป็นร้านธรรมดากว่าที่คิด”
หญิงสาวเอ่ยกับชายที่อยู่ข้างๆ ซึ่งกำลังทำหน้าลำบากใจอยู่ เฟริเอลมองลูกค้าคุยกันผ่านกรอบเลนส์อย่างไม่คิดเข้าไปยุ่งด้วย ถ้าหากไม่ได้เรียก
หญิงสาวเดินดุ่มๆไป ณ ส่วนลึกของร้านหนังสือ เสียงส้นสูงกระทบดังเป็นจังหวะทั่วร้าน เฟริเอลลอบมอง หากแต่อยู่เฉยๆหลังเคาน์เตอร์
“ใช่นี่รึเปล่านะ” หญิงสาวเอ่ยพลางเงยหน้ามองบันใดที่ขึ้นไปชั้นบน พลางทำท่าจะเดินขึ้นไปแต่เฟริเอลท้วงแย้งขึ้นเสียก่อน
“ชั้นบนห้ามขึ้นไปครับ”
ลูกค้าทั้งคู่หันมามองเจ้าของร้านอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับหญิงสาวที่คลี่ยิ้มเอ่ยบทสนทนา
“อุ๊ยตาย ขอโทษด้วยนะจ๊ะ ไม่นึกว่าพนักงานจะอยู่นี่ นึกว่าจะไม่มีใครอยู่ซะแล้ว ไม่ทันได้สังเกตเห็น”
เฟริเอลโคลงหัวกับคำขอโทษ ซึ่งฟังดูเหมือนจะเป็นคำแก้ตัวเสียมากกว่า โดยไม่ทันได้สังเกตเห็นรอยยิ้มหวานปานน้ำผึ้งอาบยาพิษของผู้มาใหม่
“หนังสือทั้งหมดจะอยู่ที่ชั้นล่างครับ อยากให้ผมแนะนำให้ไหมครับ”
“ไม่ล่ะ ฉันเดินดูเองได้ แต่ที่มาวันนี้ไม่ใช่มาดูหนังสือ ฉันมาเพื่อคุยธุระกับพ่อหนุ่มต่างหากจ๊ะ รอส จับเขามัดไว้”
หญิงสาวลูกค้าเอ่ยเน้นคำแล้วหันไปสั่งชายข้างๆซึ่งปฎิบัติตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว เฟริเอลมองด้วยความตกใจเมื่ออีกฝ่ายพุ่งปราดมากดตัวเขาไว้กับพื้น พร้อมๆกับใช้เชือกมัดเขาติดกับเก้าอี้
“นี่พวกคุณคิดจะทำอะไร”
เฟริเอลเอ่ยถามถึงแม้จะถูกจับมัดอยู่อย่างนั้น หญิงสาวสะบัดผมไม่ยี่หระต่อสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมๆกับชายที่อยู่ข้างๆสะบัดฝุ่นออกจากชุดของตน
“ฉันคือ มิสเทีย มาชูริค สังกัดกลุ่มนักฆ่าดาร์กออเดอร์ เอาล่ะ จากที่ได้ข่าวมาดูเหมือนเธอจะเป็นคนของสังกัดกลุ่มสกอร์เปี้ยนใช่ไหม ว่าแต่เธอล่ะจ๊ะชื่ออะไร”
“ผมชื่อเฟริเอล ว่าแต่พูดอะไรของคุณครับคุณผู้หญิง ผมไม่ได้” เฟริเอลตอบอย่างห้วนๆแล้วรีบหุบประโยคต่อไปทันที เมื่อหญิงสาวจ่อปืนมาที่หัวของเขา
“ดูเหมือนสมาชิกแก็งค์สกอร์เปี้ยนจะมีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากแหล่งข่าวที่ได้มารู้สึกเหมือนเธอจะเป็นคนจัดหาสมาชิกหน้าใหม่ของกลุ่มนั้น จะรีบเก็บซะเลยดีไหมเนี่ย”
“หา”
หญิงสาวเอ่ยเรื่อยๆด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ขณะที่เฟริเอลมีท่าทีงงงวย พลางนึกไปถึง”เอกสาร” ที่อเล็กซ์ขอให้เขาช่วยแจกให้ลูกค้าคนอื่นเมื่อวันก่อน
“ถ้าหมายถึงเรื่องที่ผมแจกประกาศให้เข้าร่วมสมาชิกกลุ่มนั้นล่ะก็ ผมก็แค่ได้รับมาอีกทีแล้วเอามาแจก” เฟริเอลอธิบาย ขณะที่คนตรงหน้ามีท่าทีไม่เชื่อเขาอย่างสิ้นเชิง
“คิดว่าฉันจะเชื่อรึไง ปกติใครเขารับสมาชิกกันด้วยวิธีนี้กัน” หญิงสาวตวาดใส่ ขณะที่เฟริเอลพยายามสงบสติอารมณ์
“ถ้าคนสนใจเขาก็สมัครนี่ครับ ส่วนใครไม่สนก็ขยำทิ้งขยะตรงหน้าร้านก็ได้”
“อย่าโกหกสิพ่อหนุ่ม ระวังจะมีรูน้อยๆระบายอากาศบนหัวนะ”
เฟริเอลถอนหายใจกับความดื้อด้านของคนตรงหน้า พลางสบถออกมาเบาๆ
“เกลียดพวกเอาแต่พูดแต่ไม่ฟังคนอื่นชะมัด”
เฟริเอลเอ่ย แต่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าได้ยินเสียงนั้น หล่อนจึงระบายอารมณ์น้อยๆด้วยการสาดกระสุนเฉียดเขาไปไม่กี่มิลลิเมตรทำให้เฟริเอลเปลี่ยนท่าทีเป็นเงียบนิ่งสนิท
“จริงด้วยสินะ งั้นฉันจะไม่พูดแต่ว่ายิงอย่างเดียวก็แล้วกัน” มิสเทียยิ้ม พร้อมๆกับมองเอกสารที่ผู้ชายที่ชื่อรอสซึ่งมาด้วยกันไปรื้อค้นมาให้
“ประกาศรับคนเข้าแก็งค์สกอร์เปี้ยน เหอะ ทีนี้เสี้ยนหนามจะได้หมดไปอีกหนึ่งราย” มิสเทียสะบัดผม พร้อมๆกับจุดไฟแช็คขึ้นมาเพื่อจะเผากองเอกสารหลายแผ่น เฟริเอลมองด้วยความตื่นตระหนก
“คุณผู้หญิง นี่มันในร้านหนังสือนะ”
เด็กหนุ่มแทบจะจินตนาการได้ถ้าหากเจ้าหล่อนเผาเอกสารแล้วปล่อยให้เปลวไฟวอดวายขึ้นมา ทั้งร้านคงจะอยู่ในทะเลเปลวเพลงเป็นแน่ หากแต่เจ้าหล่อนยิ้ม
ยิ้มเสียจนน่าขนลุก
“พอฉันเผานี่เสร็จฉันก็จะรีบออกไปเลยล่ะ ลาก่อนนะ หนุ่มน้อย” มิสเทียโบกมือล่ำลาพลางจุดไฟแช็คในมือขึ้น แต่ท่าที่ของรอสที่วิ่งกระหืดกระหอบมาอย่างรวดเร็วทำให้เจ้าหล่อนละของในมือลงพร้อมกับหันไปหาอย่างรวดเร็ว
“มีอะไร รอส”
ใบกระดาษรูปนกฟินิกส์สีทองถูกยื่นมาที่หญิงสาว มิสเทียมองมันอย่างพินิจพิจารณา พลันแววตาก็เต็มไปด้วยความสงสัยแฝงด้วยความตกใจจ้องมองมาที่เด็กหนุ่ม
“เธอไปได้มันมาจากไหน”
เฟริเอลมองท่าทีของหญิงสาวที่เปลี่ยนไป แววตาที่มั่นใจในคราแรกกลับเปลี่ยนเป็นหวาดระแวงเมื่อพบเห็นกระดาษสัญลักษณ์รูปนกฟินิกส์ มิสเทียมองเขาด้วยแววตาที่สื่ออารมณ์อยากบอกไม่ถูก
“มีคนเอามาให้ ผมก็เลยรับมันเอาไว้”
เฟริเอลเอ่ยออกไป ทำให้มิสเทียถามด้วยความเกรี้ยวกราดทันที
“ใคร”
“เป็นลูกค้าผู้ชาย ตาสีดำ หัวสีดำ มีหางม้าด้วย แล้วก็แต่ตัวด้วยชุดดำทั้งหมด”
“คุณมิสเทีย หรือว่าจะเป็น”
“น่าจะเป็น วาเนกัส”
มิสเทียเอ่ยด้วยเสียงที่ข่มอาการตื่นตระหนก พร้อมๆกับชายที่อยู่ข้างๆซึ่งมีท่าทีไม่ต่างกัน เฟริเอลลอบมองบุคคลทั้งสองพลางนึกสงสัยเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนที่จะปะติปะต่อกัน ถ้าให้เขาเดา ชื่อที่หญิงสาวเอ่ยน่าจะเป็นชื่อของชายหนุ่มลูกค้าที่เข้ามาซื้อหนังสือก่อนหน้านี้
“ปกติเขามาที่นี่บ่อยไหม” มิสเทียเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว
“เขาพึ่งมาซื้อหนังสือที่ร้านผมเป็นครั้งแรกเมื่อเช้านี้นี่เอง”
“แล้วทำไมเขาถึงมอบกระดาษนี้ให้เธอ”
“ไม่รู้”
เฟริเอลเอ่ยตอบสั้นๆ ซึ่งนั่นไม่ทำให้ปฎิกริยาหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าดีขึ้นแม้แต่น้อย หล่อนจึงเตะเก้าอี้ที่เขานั่งล้มลง
“ตอบมาดีๆ”
เฟริเอลล้มลงนอนจุกกับพื้นด้วยความเจ็บ แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงร้องอะไร สายตามองไปที่มิสเทียซึ่งตอนนี้อารมณ์ดูไม่เหมาะแก่การยั่วโมโหเท่าใดนัก เขาจึงครุ่นคิดแล้วตอบ
“เขาคงเห็นว่าผมคุยถูกคอกับเขามั้ง ก็เลยมอบให้ บอกว่าให้เก็บไว้ไปหาคนในกลุ่มเขา แต่ผมขอยืนยันว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าหรืออะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใบประกาศก่อนหน้านี้ หรือกระดาษใบนี้ที่มีคนเอาให้ก็ตามที”
มิสเทียเลิกคิ้วขึ้น พร้อมกับหันไปกระซิบกระซาบกับรอส เฟริเอลจึงได้แต่มองปฎิกริยาที่คนทั้งสองมีต่อเขาอย่างอึดอัดใจ
“แต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เธอจะรับ สาส์นแห่งความตาย โดยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร” มิสเทียเอ่ยรัวด้วยใบหน้านิ่ง พลางมองกระดาษในมือ
“ก็ผมก็ไม่รู้เรื่องจริงๆนี่ แล้วไอ้สาส์นนั่นคืออะไร”เฟริเอลตอบกลับ พร้อมๆกับมิสเทียซึ่งคิ้วขมวดเป็นปม
“เธอใช่นักฆ่าแน่รึเปล่าเนี่ย”
“ผมบอกว่าผมเป็นเจ้าของร้านหนังสือ ไม่ใช่พวกนั้น อย่าเหมารวมกันสิ”
“แล้วทำไมคนแบบนั้นถึงให้กระดาษใบนี้แก่เธอกัน”
“หมายความว่ายังไง”เฟริเอลเอ่ยด้วยความสงสัย
“ก็หมายความว่าเธอถูกหมายหัวซะแล้วน่ะสิ จะพูดว่าหมายหัวก็ไม่ถูกมั้ง พูดว่า บังคับกลายๆให้เป็นสมาชิกกลุ่มนักฆ่าซะมากกว่า สาส์นแบบนี้ปกติเขาจะไม่ให้กันง่ายๆ และคนที่มอบต้องเป็นหัวหน้ากลุ่มนักฆ่าระดับสูงเท่านั้น แล้วคนที่ได้น่ะ แสดงว่าได้รับความไว้วางใจเป็นอย่างสูงแล้วก็มีอภิสิทธิพิเศษมากกว่าสมาชิกในกลุ่มทั่วไป แต่น่าแปลกแฮะที่วาเนกัสหมายหัวเด็กหนุ่มธรรมดาไร้น้ำยาอย่างเธอ”
มิสเทียเอ่ยพร้อมๆกับโบกกระดาษไปมา เฟริเอลถอนหายใจด้วยความระอา
“ต่อให้ถูกบังคับแบบไหนผมก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งหรอก”
“หึ ฉันพึ่งเห็นคนกล้าปฎิเสธสาส์นนี้แบบเธอนี่แหละ จะว่าไปแล้วฉันเองก็มีข้อเสนอดีๆเหมือนกัน สนใจฟังไหม”
มิสเทียยิ้ม รอยลิปสติคสีแดงสดเรียวโค้งราวกับเปื้อนไปด้วยคราบเลือด หล่อนหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา พร้อมกับวางไว้หน้าเด็กหนุ่ม
“มาเข้ากลุ่มกับฉันซะดีๆ”
“หา!!!” ทั้งเฟริเอลและรอสที่มาด้วยกันกับมิสเทียต่างตกใจพร้อมกัน แต่มิสเทียยิ้มหวานราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ถ้าเธอยอมรับข้อเสนอ ฉันจะไม่เผาร้านเธอในตอนนี้ แต่ถ้าเธอไม่รับ ก็แล้วแต่จะคิด”
หญิงสาวเอ่ย พร้อมๆกับคนสนิทซึ่งแย้งขึ้นมาทันที
“ตะ แต่ว่าคุณมิสเทีย รับคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเข้ากลุ่มเนี่ยนะครับ”
“ไม่เป็นไรน่ารอส ถ้าวาเนกัสสนใจใคร แสดงว่าคนนั้นๆน่าจะมีความสามารถพอสมควร ปกติเราก็ใช้วิธีนี้ แย่งกำลังของฝ่ายนั้นมาเหมือนกันนี่ เอ้า พ่อหนุ่ม ว่าไงล่ะ ฉันให้เวลาตัดสินใจในสิบวิ”
มิสเทียยืนกอดอกอย่างผู้มีชัยชนะ ขณะที่เด็กหนุ่มเจ้าของร้านซึ่งถูกมัดติดกับเก้าอี้นั่งหน้าบึ้ง แววตาเขม้นไปที่กระดาษซึ่งวางไว้ตรงหน้า กระดาษแบบเดียวที่มีตรานกฟินิกส์สีทอง แต่ตราสัญลักษณ์ตรงกลางของฝ่ายนี้เป็นรูปหัวกะโหลกซึ่งเป็นรูกลางหน้าผาก ฉากหลังรูปกะโหลกมีมีดหลายเล่มแทงซ้อนไปมา สัญลักษณ์ซับซ้อนกว่าฟินิกส์สีทองที่มีความเรียบง่ายแต่งดงามโดยสิ้นเชิง
“ถ้าผมจะบอกว่า ผมขอปฎิเสธล่ะ”
เด็กหนุ่มหารู้ไม่ว่าได้ตั้งระเบิดให้แก่ตัวเองเสียแล้ว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น