ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Tale Of Darksnow]THe Past

    ลำดับตอนที่ #3 : The past of Setsuna :Snow And Blood

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 51


    มาลงแล้วคับ~

    ประวัติไม่หมดนะนี่นะ 55+

    (ขี้เกียจ - -")

    อีดิท-โดนทักเพราะอ่านแล้วงง กำลังแก้ค่ะ ตอนนี้ลงแล้ว 100%
    ++++++++++++++++++++

    หิมะสีขาว

    ..สีเดียวกับผมของเธอ..

    มือเรียวยาวสีขาวจัดวางลงบนหน้าต่าง ดวงตาสีแซฟไฟร์มองออกไปเบื้องนอก ลมหายใจที่ปล่อยออกมามีไอสีขาวจากความหนาวเหน็บ

    งดงาม พิสุทธ์ หนาวเหน็บ

    และกลบทุกสิ่งให้จมหายไป

    แต่ในวันนั้น เมื่อหลายปีก่อน

    ..มันถูกย้อมด้วยสีแดงฉาน..


    .................................


    .....................


    ............


    .......

    .


    ภายนอกหน้าต่างของปราสาทสีนิลกาฬที่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวคือพายุที่โหมกระหน่ำ

    “พายุหิมะหนาตาแบบนี้ อย่าเพิ่งกลับดีกว่านะ เซสึนะ”ท่านผู้เฒ่าแห่งสภาแวมไพร์เอ่ยเสียงพร่า ดวงตาหรี่คล้ายจะปิดด้วยความง่วงงุนเนื่องจากต้องตื่นมาต้อนรับลูกครึ่งแวมไพร์ตัวน้อยทั้งที่ตนเป็นคนของราตรี..แต่กระนั้นเขาก็ยินดีจะพบปะพูดคุยกับแวมไพร์วัยเยาว์ที่หาได้ยากยิ่งเต็มที

    แวมไพร์สืบทอดสายเลือดได้ยากทั้งส่วนมากก็มักโดนมนุษย์ฆ่าล้างเผ่าเสียหมด ปัจจุบันเหล่าแวมไพร์ที่เหลืออยู่ก็ดำรงใต้เงาของราตรี

    ไม่มีใครล่วงรู้การคงอยู่ของพวกเขา

    “ไม่ได้หรอกค่ะท่านผู้เฒ่า หนูเป็นห่วงคุณพ่อกับเซระ”เอ่ยอย่างร้อนรน รีบคว้าผ้าคลุมสีขาวมาห่อกาย ชายชรามองเด็กหญิงผมขาวอย่างเอ็นดู นัยน์ตาสีแดงเพลิงมองชุดวันพีซสู้อากาศหนาวของเด็กหญิง มือเล็กขาวกำลังสาละวนกับการผูกผ้าคลุม ก่อนท่านผู้เฒ่าจะลุกขึ้นผูกโบสีแดงไว้หลวมๆที่คอของเด็กหญิง ซึ่งมันช่วยยึดผ้าคลุมนั้นไว้อย่างดี

    “แบบนี้ก็ไม่หลุดแล้วนะ แม่ตัวน้อย”

    “ขอบพระคุณค่ะทานผู้เฒ่า และขอโทษที่มาปลุกให้ตื่นนะคะ”ว่าพลางยิ้มสดใส มือเหี่ยวย่นลูบศีรษะเล็กเบาๆ ก่อนจะเอ่ยเบา “ตอนออกจากปราสาทก็เบาๆหน่อยนะ คนอื่นนอนอยุ่น่ะ เดี๋ยวจะโดนด่าถ่วงเวลาเอา”

    “ทราบแล้วค่ะ ไปนะคะ ขอบคุณสำหรับขวดเลือดชั้นดีค่ะ”

    เอ่ยจบก็เปิดประตูห้องนอนของชายชราแผ่วเบา ก่อนจะปิดประตูตาม ร่างเล็กวิ่งไปตามทางเดินหินที่มีแสงเทียนสลัว และตรงไปที่บันได้เวียนสีทมึน กระทั่งลงมาด้านล่างของปราสาทโดยสวัสดิภาพ

    และแน่นอน ประตูอยู่ข้างหน้า






    แอ๊ด....

    ประตูบานยักษ์เปิดออกช้าๆด้วยแรงของเด็กหญิงวัยไม่เกินสิบขวบ ลมพายุโหมกระหน่ำแรงกล้าราวกับจะพัดร่างเล็กให้ปลิวหายไปในหมอกขาว

    แต่ขวดเลือดในมือ อยากเอาไปให้เซระดื่มเร็วที่สุด

    ช่วงนี้เซระไม่ค่อยดื่มเลือด แต่ร่างกายที่ทรุดลงวันละนิดทำให้เธอเป็นห่วงเขา

    เด็กคนนั้นคงไม่อยากดื่มจากคอของมนุษย์โดยตรง แต่ถ้าเอาไปผสมกับน้ำหรือนมน่าจะโอเคนะ

    เด็กหญิงคิดดังนั้น ก่อนจะวิ่งฝ่าพายุหิมะไป


    ....................


    ..........


    ........


    ........................


    ........

    ..................







    ร้อนรน

    ราวกับกำลังจะเกิดอะไรขึ้น

    เลือดในกายเดือดพล่าน สูบฉีด

    สายตากำลังถูกหลอกลวง





    ในตอนนั้น

    เลือดแวมไพร์ถูกกระตุ้นถึงขีดสุดโดยไม่รู้ตัว

    จนลืมตัวไป

    ลืมไปว่าตัวเองไม่น่าจะมีปีกสีขาว

    ลืมไปว่าตัวเองไม่น่าจะมีจมูกที่ดีขนาดนั้น ไม่น่าจะมีดวงตาที่มองเห็นในหมอกขาวของลมพายุ

    นั่นคือความสามารถของแวมไพร์ดั้งเดิม


    แต่เดิมแวมไพร์ก็เพียงเผ่าเทพ แต่เป็นเผ่าเทพที่ถูกสาปเพราะชื่นชอบการดื่มเลือดมนุษย์

    แม้จะไม่เคยคร่าชีวิต แต่ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นเสนียดจัญไรของเผ่าเทพ

    ดังนั้น

    เผ่าเทพต้องสาปจึงลงมายังโลกมนุษย์

    เพื่อให้ง่ายต่อการออกล่าเหยื่อ เผ่าเทพได้ผันตัวเองให้ใช้ชีวิตนามค่ำคืนที่มนุษย์หลับใหล

    ปีกสีขาวของเทพเริ่มพัฒนาเป็นสีดำ เพื่อให้กลืนไปกับราตรี

    และถูกเรียกใหม่ว่าแวมไพร์









    ตัวของเธอสืบทอดเลือดนั่นมา รวมถึงพ่อของเธอด้วย

    นั่นเป็นสาเหตุที่ครอบครัวของเธอใช้ชีวิตในยามกลางวัน

    แต่เหล่าแวมไพร์ไม่เคยรังเกียจพวกเธอ

    พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เผ่าพงศ์เดียวกัน รักใคร่ยิ่งกว่ามนุษย์ด้วยกันเอง









    ปีกสีขาวหายไปแล้ว





    แฮ่ก..แฮ่ก..

    เด็กหญิงหอบอยุ่หน้าประตูรั้ว ในมือยังโอบขวดเลือดอยู่

    กึก..!

    ดวงตาสีแซฟไฟร์ทั้งสองข้างเบิกกว้าง

    รอยเลือด!!

    ร่างเล็กเพรียววิ่งไปที่ประตูบ้าน มือสั่นระริกจับที่ลูกบิดซึ่งมีรอยเลือดแห้งกรังอยู่ ก่อนจะกัดริมฝีปาก ฝืนเปิดประตูเข้าไปทั้งที่รู้สึกกลัว










    เงียบงัน

    มีเพียงเสียงของพายุหิมะที่โหมกระหน่ำ

    บ้านหลังเล็กๆที่มีขนาดกะทัดรัดยามนี้มืดสลัวไร้แสงไฟ ทางเดินไม้เต็มไปด้วยคราบเลือดเป็นรยอรองเท่า ตามผนังลายครีมมีเลือดสาดกระเซ็นอยู่ ก่อนจะฝืนก้าวขาวที่สั่นระริกเกร็งไปตามทางเดินที่ทอดตัวยาวไป



    “....คุณพ่อ....”เด็กหญิงเรียกพลางเดินเข้าไป รอยเลือดเปื้อนอยุ่บริเวณทางเดินในลักษณะของคราบแห้งกรัง เด็กหญิงยื่นหน้าเข้าไปตามห้องของชั้นล่าง แต่สิ่งที่พบคือความเงียบ


    ข้างบนหรือ

    เด็กหญิงค่อยๆเดินขึ้นไปตามบันไดไม้ เสียงเล็กเรียกชื่อของน้องชายด้วยความกลัว



    “เซระ...”

    แต่กระนั้นก็ยังไร้เสียงตอบกลับ

    แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำหัวใจเต้นรัวเร็วขึ้น

    รอยเลือด!

    เด็กหญิงเริ่มวิ่งตรงไปตามรอยเลือดแห้งกรังเป็นรอยเท้า วิ่งโดยไม่สนใจทางที่ไป ก่อนจะเลี้ยวซ้ายไปทางห้องห้องหนึ่ง

    ห้องที่เปิดประตูแง้มค้างไว้

    ปัง!!

    "คุณพ...!"

    เพล้ง!!

    ขวดเลือดตกลงกระทบกับพื้นไม้ที่มีหิมะปกลุม ย้อมกลุ่มหิมะขาวที่โพยพัดเข้ามาจากด้านนอกหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ให้กลายเป็นสีแดงฉาน





    [Hunt Vampire]



    รอยเลือดถูกปาดเป็นตัวอักษรบนผนังห้องสีขาว

    ข้างๆกันนั่นเอง ร่างของชายคนหนึ่งถูกปักกับผนังอีกด้านด้วยดาบยาวสีแดงสด แขนทั้งสองข้างห้อยลงข้างตัว ไร้แรงต้านทาน ห้อยลงมาราวกับถูกแขวน

    เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วห้อง

    เรือนผมสีขาวยาวที่มักถูกรวบไว้ลวกๆปล่อนสยาย เปรอะเปื้อนด้วยคราบเลือดสีแดงฉาน

    ดวงตาสีแซฟไฟร์ของร่างนั้นเลื่อนลอย

    ราวกับถูกพรากเอาวิญญาณไป

    ..พ่อของเธอเอง..






    เด็กหญิงวิ่งตรงเข้าไปหา ปรารถนาจะพาร่างของบิดาลงมา

    แต่ช่างน่าเจ็บใจนัก ร่างที่เล็กเกินไปไม่อาจหยัดถึงดาบที่ปักในระดับที่สูงกว่าหัว

    หรือหากจะสามารถใช้ปีกโบกสะบัดบินขึ้นไปให้ถึงที่นั่นได้

    แรงกลับน้อยเกินไปที่จะดึงเอาดาบนั่นออก

    มันปักลึกกับผนัง ถึงขนาดดึงร่างของบิดาให้ตรึงอยู่กับที่

    ร่างเล็กร้องไห้

    น้ำตาหลังรินไม่ขาดสาย ปวดร้าว ทรมานเจียนตาย

    อ่อนแอเหลือเกิน

    เพียงแค่อยากจะช่วยร่างนั้นลงมา ไม่ให้ถูกปักตรึงข้างบนนั้น

    ฉันยังทำไม่ได้

    ทำไม ถึงอ่อนแอแบบนี้นะ





    “กลิ่นเลือด.....”

    เลือดจำนวนน้อยนิด ของเซระ!!

    เด็กหญิงตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า ก่อนจะเปิดออก

    ร่างของเซระนอนอยู่ในนั้น

    ลมหายใจยังมี เสียงเต้นของหัวใจเป็นปกติ

    เด็กหญิงโอบกอดร่างของน้องชาย ดวงตาร้อนผ่าวเจ็บร้าว

    “เซระ!..ตื่น! ตื่นสิ!!”

    อย่าให้เสียไปเหมือนกับคุณพ่อเลยนะ ขอร้องล่ะ

    อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว

    ................................


    ......................


    ...........

    ........


    ความสุขทั้งมวล..

    ..กำลังจะหายไปสินะ..


    .........


    ..................


    ........................


    ...................................











    ‘ทำไมคุณพ่อไม่ย้ายไปอยู่กับพวกท่านผู้เฒ่าล่ะคะ?’เสียงเล็กเอ่ยถามในขณะที่นั่งกอดน้องชายอยู่ ‘ถ้าเป็นแบบนั้น ท่านผู้เฒ่าจะได้ไม่เหงาด้วย’


    ‘ไม่ได้หรอกครับ เซสึนะ แบบนั้นก็รบกวนท่านแย่สิ ลูกอย่าลืมนะว่าเราไม่ได้ตื่นตอนกลางคืนเหมือนพวกท่าน’เอ่ยพลางเย็บเสื้อในมืออย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองลูกสาว

    ‘แต่ท่านผู้เฒ่าเขาคะยั้นคะยอมากเลยนะฮะ’เด็กชายเอ่ยขึ้น ‘อีกอย่าง มีคนเยอะๆก็ดีเหมือนกันนี่ฮะ’

    ‘ว้า...แต่พ่ออยากอยู่กันสามคนในบ้านเล็กๆแบบนี้นี่นา อบอุ่นกว่าเยอะเลยนะลูก?’

    เอ่ยราวน้ำเสียงง้องอน แต่ได้ผลกับลูกๆของชายหนุ่ม

    สองพี่น้องยิ้ม ก่อนจะเดินไปโอบกอดบิดา

    ‘รักคุณพ่อที่สุดเลย~!’





    กึก...

    เฮือก!

    “เซสึนะ..”เสียงหอบของชายหนุ่มดังขึ้น เซสึนะที่นอนกอดร่างของน้องชายหันไปมอง

    “รุอิ..! รุอิ! คุณพ่อเค้า…..!!”

    น้ำตาหลั่งรินมากกว่าเดิม ชายหนุ่มหอบหายใจ ก่อนจะวิ่งเข้าโอบกอดร่างของเด็กหญิง

    "ไม่เป็นไร...เซสึนะ..ไม่เป็นไร....."เอ่ยปลอบโยน ก่อนจะมองร่างที่ถูกปักอยู่ด้านบน แล้วกัดริมฝีปากแน่น

    "เดี๋ยวฉันจะพาเรมลงมานะ...เซสึนะ"ว่าพลางปล่อยร่างของเศวึนะที่กอดน้องชายแน่น เรือนผมสีขาวยาวเปื้อนเลือดที่เปื้อนไปทั่วห้อง ชายหนุ่มหยัดกายขึ้นจับที่ดาบสีเลือดเล่มยาว ก่อนจะใช้ร่างกระตุกออก แล้วพาร่าของชายหนุ่มลงนอนกับพื้น




    บาดแผลมากกว่าที่เห็นจากเบื้องล่าง


    ซีกใบหน้าทั้งสองข้างถูกกรีดเป็นรอยกางเขน ดวงตาเบิกโพล่งไร้วิญญาณ บาดแผลภายในถูกแทงด้วยดาบที่ปอดทั้งสองข้าง

    มือทั้งสองมีร่องรอยของการถูกแทง เส้นเอ็นที่ข้อเท้าถูกตัดออก และที่รอบๆคอก็มีรอยของการตวัดดาบ



    เด็กหญิงวางร่างของน้องชายไว้ข้างๆ ในขณะที่รุอิตรวจสภาพห้องที่เต็มไปด้วยเลือด ก่อนจะเอื้อมมือระริกไปจับมือของบิดา แล้วแนบลงกับซีกใบหน้าของตัวเอง

    เย็นชืด ไร้ความอบอุ่น

    ทั้งที่ปกติ มันจะอบอุ่นจนร้อน และทำให้เธอสบายใจ

    เด็กหญิงวางมือของบิดาลงอย่างนิ่มนวล แล้วเลื่อนขึ้นแตะที่ใบหน้าของคุณพ่อ

    ดวงตาเบิกโพล่ง แววตาเรียบนิ่งเย็นชา

    ทั้งที่ปกติ มันจะแสนอบอุ่น

    เสียงหัวเราะของคุณพ่อ เสียงทุ้มของคุณพ่อ เสียงร้องเพลงของคุณพ่อ

    มือบางไม่เหมือนบุรุษของคุณพ่อ อ้อมกอดอุ่นๆของคุณพ่อ

    รอยยิ้ม ดวงตาที่งดงามประกายสวยและอ่อนโยน เรือนผมสีขาวที่สวยกว่าของใครๆ

    ไม่ มี แล้ว งั้น หรือ





    "...ไม่เอา..นะ...."เสียงหวานเครื่อดังแผ่ว มือเรียวบางระริกไหว "คุณพ่อคะ..ตื่นสิ...ต้องไม่ตายสิ..แวมไพร์ไม่ตายง่ายๆแบบนี้นี่นา..."

    ปึ๊ก!

    มือเล็กทุบลงบนหน้าอกของร่างไร้วิญญาณ ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีดำสะดุ้งเฮือก ก่อนจะหันมองเด็กหญิง "เซสึนะ!!"

    "ตื่นน้า!!! คุณพ่อ!! อย่าทิ้งหนูไปแบบนี้สิคะ!! เราเหลือกันสามพ่อลูกไม่ใช่เหรอคะ!! ไม่เอานะ! ไม่เอาน้า!!!! คุณพ่อตื่นสิคะ!!! ตื่นขึ้นมา!!!"




    ตื่นขึ้นมาเถอะ ตื่นขึ้นมา

    ตื่นขึ้นมายิ้มให้หนู ปลอบโยน แล้วเรียกชื่อด้วยเสียงทุ้มหวานแผ่วเบานั่น

    ยิ้มให้กับหนู เอ็ดที่แกล้งเซระ หรือจะด่าทอก็ได้

    ขอร้องล่ะ อย่าจากไปไหน อย่าทิ้งให้โดดเดี่ยวเลย

    ..คุณพ่อคะ..

    มือเรียวกำที่ด้ามดาบของดาบสีเลือด ก่อนจะขยับส่วนปลายเข้าหาตัวเอง แล้วแทงลงมา

    "เซสึนะ!"

    มือหนาจับมือของเด็กหญิงไว้ ก่อนจะปัดดาบออกไป "ทำอะไรน่ะ!!"

    "หนูจะไปตามหาคุณพ่อ!! ถ้าตายแล้วจะได้ไปตามหาคุณพ่อ! ไม่เอานะ คุณพ่อ คุณพ่อ!!"น้ำตาหลั่งรินมากมายเป็นครั้งแรกในชีวิต

    เผียะ!

    มือหนาตกลงบนซีกแก้มของเด็กหญิง ก่อนจะเอ่ยดังลั่น

    "ถ้าเธอตายแล้วเธอจะกลับมาไม่ได้นะ! ยัยเด็กบ้า!! คิดจะทำให้เรมเสียใจรึไงฮะ!!"

    ชายหนุ่มกอดเด็กหญิงไว้แน่น

    น้ำตาหลั่งรินจากดวงตาไร้แวว

    "ความ...ฝัน...."

    มือระริกยกขึ้นกำเสื้อของชาหนุ่ม

    "ความฝัน...ใช่ไหมคะ..."

    "เดี๋ยวพอตื่นขึ้นมา..คุณพ่อ...ก็จะยังคง....ยิ้มให้หนูอยู่ใช่ไหม....?"น้ำเสียงนับแผ่วลง ก่อนดวงตาสีน้ำเงินสวยจะปิดลงอย่างอ่อนล้า

    ชายหนุ่มมองเด็กหญิงในอ้อมแขน ก่อนจะปาดน้ำตาออกอย่างแผ่วเบา

    "....ถ้าเป็นแค่ความฝันก็ดีสินะ...."


    ...............................



    ...................



    ............



    .........................



    ........................................



    จากนั้นเราถึงรู้ว่าทำไมท่านผู้เฒ่าถึงอยากให้ไปที่ปราสาท

    เพราะมีกลุ่มคนตามล่าแวมไพร์อยู่ ถ้าอยู่เดี่ยวๆจะเป็นอันตราย

    แต่พ่อก็ยังดันทุรังจะอยู่ด้านนอก

    เพราะที่ด้านนอกนั้น เราจะมีอิสระ

    ไม่ต้องห่วงเรื่องที่แปลกแยกกว่าคนอื่น

    แต่นั่นทำให้คุณพ่อตาย

    ........................................



    .......................





    ..........................................




    .................



    ฟุ่บ

    ร่างของเด็กสาวนอนลงกับเตียง หิมะที่โปรยปรายลงมาไม่ได้ทำให้หนาวเหน็บเท่าไหร่นัก และกลิ่นของหิมะมันก็ยังเป็นกลิ่นที่เธอชอบด้วย

    จากนั้น เป็นไงต่อนะ





    ......................................



    ....................


    ...............................



    ..............................


    ............


    เซระไม่ยอมตื่นขึ้นมา

    เสียงของหมอชราแห่งปราสาทแวมไพร์ดังขึ้นหลังจากตรวจร่างกายของเซระ

    “ร่างของเซระปฏิเสธเลือด......ดูเหมือนว่าระหว่างที่หลบอยู่ เขาจะเห็นพ่อถูกฆ่า สภาพจิตใจเลยยิ่งย่ำแย่..ตอนนี้...เลยกลายเป็นเจ้าชายนิทรา..วีธีดูแลเขาก็....”

    เรื่องหลังจากนั้นไม่ได้เข้ามาในหูของเรา

    เจ้าชายนิทรา

    นอกจากรอยยิ้มของพ่อ

    เธอต้องเสียน้องชายไปด้วยงั้นหรือ..?

    มันหมายความว่า เธอจะไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้สัมผัสอ้อมกอดอุ่นๆเล็กๆนั่นอีกแล้วหรือ

    “แล้วก็....หืม..”ชายชรามองเด็กหญิงที่น้ำไหลจากดวงตากลมโต ไร้เสียงสะอึกสะอื้นไห้

    แต่น้ำตายังไหลรินเรื่อย

    “พอเถอะท่านโปรตาน์ เขายังเด็ก อย่าเพิ่งไปพูดอะไรต่อเลย”ว่าพลางตบไหล่ของชายชรา ดวงตาสีแดงเพลิงฝ้าฟางมองเด็กหญิงที่ร่างกายเปื้อนเลือด ก่อนจะหันไปถามชายหนุ่ม “แล้วศพของเรมล่ะ”

    “เราฝังอย่างลับๆที่Dark Snow ถ้าเป็นที่นั่น เรมคงได้หลับใหลอย่างสงบ”แล้วชายหนุ่มก็เอ่ยต่อ “ขอผมอยู่กับเขาแป๊บได้ไหมครับ? ม่านโปรตาน์”

    “ตามสบาย”

    ชายชราเอ่ยเรียบง่าย ก่อนจะเปิดประตูออกไป

    ฟุ่บ

    ชายหนุ่มนั่งลงบนโซฟาข้างกายเซสึนะ ดวงตาเหม่อมองไปทางร่างของเด็กชายที่ใส่เครื่องช่วยหายใจกับสายน้ำเกลือ

    น่าสงสารเกินไป


    “......จะทำยังไงต่อไปดีคะ?”เสียงเล็กดังขึ้นข้างๆ ชายหนุ่มลอบมองใบหน้าเรียบนิ่ง ก่อนจะถามกลับ “หมายความว่ายังไงล่ะ?”

    “คุณพ่อก็ไม่อยู่แล้ว....เซระก็เป็นซะแบบนั้น.....”เสียงเครือดังแผ่ว “เมื่อก่อน....”

    “หนูแค่คิดว่า ได้มีชีวิตแบบนั้นไปเรื่อยๆก็มีวคามสุขพอแล้ว.......”หยุดไปชั่วครู่ “แค่ได้หัวเราะไปกับเซระ นอนบนตักคุณพ่อ ไปวิ่งเล่นเป็นบางครั้งที่ปราสาท แต่ตอนนี้....”
    “...ไม่มีอะไรแล้ว...”

    น้ำตาที่หยุดไปไหลอีกครั้ง หากแต่คราวนี้ประกายตาสีแซฟไฟร์กลับแตกร้าวลง ชาหนุ่มถอนหายใจ ก่อนจะปิดดวงตาทั้งสองข้างของเด็กหญิง

    “ทำอะไรคะ รุอิ?”

    “ฉันคิดว่า วิธีที่น่าจะใช้ได้นะ เอาล่ะ...เซสึนะ...”

    “เธออยากได้...เซระคืนใช่มะ?”

    ไร้เสียงตอบกลับ แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าเด็กหญิงกำลังโดนแทงใจดำ “งั้น..ลองนึกตริตรองดูนะ แม่แมวน้อย...ต่อจากนี้สิ่งที่เธออยากจะทำคืออะไร อะไรคือสิ่งที่สำคัญสำหรับเธอ อะไรที่เธอทำแล้วเธอจะยอมรับว่ามันคือการใช้ชีวิต อะไรที่จะทำให้ต่อจากนี้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุข....”

    “อะไรที่จะทำให้เธอก้าวต่อไป อะไรที่เธออยากจะรัก อะไรที่เธอเฝ้าฝัน...”

    “…การใช้ชีวิตคือการเดินทาง........ คือถนนที่ต้องเดินและขบคิด.........”

    “บางทีมันคงเร็วไปมั้งที่เธอจะคิด.. แต่ว่า .ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้ ...เธอคงต้องลองนึกดูแล้วล่ะ..”

    ชายหนุ่มลุกขึ้น ก่อนจะเดินตรงไปที่ประตู “อ้อ...แล้วก็...”

    “ถ้าไม่รังเกียจ ฉันจะเป็นพ่อให้เอง...”

    รอยยิ้มบางถูกส่งให้ ก่อนเสียงประตูจะปิดตาม

    เด็กหญิงมองตามร่างนั้น นิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะลุกขึ้น เดินไปที่เตียงของน้องชาย

    ดวงตาก้มมองใบหน้าที่หลับใหลอย่างสงบ มือเรียวบางแตะลงบนซีกใบหน้าอุ่น

    อย่างน้อย ร่างนี้ก็ยังหายใจ

    ยังสามารถพาเขากลับมาได้



    ………………………………………


    …………………….


    …………..


    …………………….

    ………….


    สิ่งที่ต้องขบคิด

    สิ่งที่ต้องเลือก เพื่อก้าวเดินไป

    สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิต

    แต่ไหนแต่ไร มีแค่สองสิ่งเท่านั้น

    ตัดสินใจเร็วไปไหมนะ...?

    ..แม้จะพูดแบบนั้น แต่ดวงตาแซฟไฟร์คู่สวยเริ่มจะมีประกายแล้ว

    ..................................................


    .....................


    .........

    ก๊อกๆ

    “....เซสึนะ?”ชายหนุ่มเอ่ย มือสาละวนกับการขัดดาบประจำตัว “ว่าไง?”

    “เรื่องที่พูดเมื่อวาน หนูตัดสินใจแล้วค่ะ”

    กึก!!

    “เร็วไปมั้งงงงง”

    เอ่ยกลั้วหัวเราะ แต่แล้วก็ยิ้มเก้อเมื่ออีกฝ่ายไม่เล่นด้วย ก่อนจะถอนหายใจและเอ่ยขึ้น “ว่าไงล่ะ”

    “หนูจะอยู่กับรุอิ...คอยดูแลเซระ หาวิธีที่เขาจะตื่นขึ้น แล้วก็ หาวิธีที่จะพาคุณพ่อกลับมาด้วย”

    ชายหนุ่มชะงักไป

    “เซสึนะ”

    “คะ?”

    “ชีวิตที่ดับไปแล้วไม่มีวันย้อนกลับมา”

    “แต่การพยายามก็ไม่เสียหายนี่คะ รุอิ?”เอ่ยพลางยิ้มฝืดเฝื่อน “มันเป็นสิ่งที่หนูคิดได้ในตอนนี้”

    ถึงจะต้องถูกสาปด้วยคำสาปที่ร้ายแรงที่สุด เธอก็อยากจะได้เขากลับคืนมา

    ชายหนุ่มมองเด็กหญิง ก่อนจะถอนหายใจและยื่นมือหา

    “......ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวของฉัน เซสึนะ เซระ”

    ..............................................................................


    ......................................................


    .................................

    .....................

    .....................................

    ..........


    และรุอิก็รับเลี้ยงเรา

    รุอิเป็นนักฆ่า และเราก็รู้...รุอิต้องออกไปด้านนอกเสมอๆ ทิ้งเรากับเซระไว้ที่บ้าน

    ดวงตาของรุอิเหมือนมีฝนตกตลอดเวลา

    แต่เราก็รักรุอิ เพราะถ้าไม่มีรุอิ

    เราจะไม่รอดมาถึงบัดนี้

    ................................


    .....................


    .............................


    ......................


    .......................................


    สามปีต่อมา


    "ออกไป[ทำงาน]เหรอคะรุอิ"เด็กหญิงเอ่ยถาม มองชาหนุ่มที่ถือดาบสีขาวปลอดซึ่งกำลังออกไปข้างนอก "ตอนนี้เนี่ยนะ?"

    ว่าพลางชี้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดวงดาว

    "ก็เขาติดต่อมานี่นา ให้พ่อทำไงล่ะ แล้วเมื่อไหร่จะเรียกว่าพ่อซะที"เอ่ยขันๆ ก่อนจะกระชับผ้าคลุม "พรุ่งนี้เช้าพ่อจะกลับเข้ามานะ เซสึนะ บาย ดูแลบ้านดีๆล่ะ"

    "ค่า"

    ประตูปิดลง เด็กหญิงวิ่งขึ้นไปชั้นบนของบ้าน ก่อนจะเปิดประตูอย่างเบามือ

    แอ๊ด...

    ร่างของเด็กชายคนนึงนอนอยู่บนเตียงสีขาว ลมหายใจสม่ำเสมอ สายน้ำเกลือโยงระยางจากแขนขึ้นไปถึงถึงน้ำเกลือที่กำลังจะหมด

    เด็กหญิงเดินเข้าไป เปลี่ยนถุงน้ำเกลืออย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะมองใบหน้าของเซระ

    “ตื่นได้แล้วนะ เซระ จะแกล้งพี่ไปถึงไหนกัน...เด็กบ้า”ว่าในลำคอ มือเล็กวางลงบนใบหน้าของน้องชาย ก่อนจะปิดไฟข้างเตียง

    “ราตรีสวัสดิ์ เซระ”



    ........................................

    ....................

    ...............................



    รุ่งเช้า เด็กหญิงรีบสวมชุดกระโปรงฟูฟ่องชวนคันตัวสีขาว กระโปรงยาวถึงประมาณกลางแข้ง รองเท้าหุ้มส้นที่ทำด้วยผ้า สายรัดข้อมือสีขาวติดระบาย ก่อนจะวิ่งไปหารุอิที่เพิ่งกลับมาเมื่อเช้ามืดแล้วยื่นโบผูกผมให้

    “รุอิมัดให้ทีค่ะ”

    “ห๊า.............”เอ่ยลากเสียงด้วยวคามเอ๋อเล็กน้อย ก่อนจะรับโบมาผูกกับเรือนผมสีขาวหลวมๆ “นี่ยังไม่เลิกเรอะนี่”

    “ก็ไม่ใช่ไม่ชอบหรอกค่ะ แต่มันก็ทั้งหนาทั้งร้อนแหละนะคะ เดินลำบากด้วย.......แต่มันมีงานนี้งานเดียวนี่คะที่รับเด็กผู้หญิง”ว่าพลางยืนนิ่งๆให้บิดาบุญธรรมผูกผมให้ “แค่เสิร์ฟอาหารเองค่ะ จะได้แบ่งเบาภาระ....แล้วก็วันนี้ต้องดูแลเซระห้ามไปไหนนะคะ!!”

    “จ้า...แม่แมวน้อย..”

    เอ่ยกลั้วหัวเราะพลางลูบหัวเด็กหญิงแรงๆ ก่อนเซสึนะจะวิ่งออกไปด้านนอก “ไปนะคะ~~~~!!”

    “รีบกลับมาล่ะ!!”

    ชายหนุ่มเอ่ยไล่หลัง ก่อนจะหันมานั่งบนชานบ้าน แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

    “รุอิ ปล่อยเซสึนะไปคนเดียวแบบนั้นจะดีเหรอ?”ชายหนุ่มหนึ่งในแวมไพร์ที่เหลือรอดเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล

    “เขาก็ไปเป็นปกติของเขาแบบนั้นทุกวันนี่? ฉันจะต้องห่วงอะไรรึ?”ว่าอย่างสงสัย ก่อนอีกฝ่ายจะเอ่ยขึ้น

    “..รู้สึกนักล่าแวมไพร์จะมาที่เมืองนี้น่ะสิ..”

    .....................................


    ..............................................

    ..........................

    ...........................


    “กลับก่อนนะคะ~~~”เอ่ยเริงร่าก่อนจะวิ่งออกจากร้านมาด้วยชุดเดิมกับช่วงเช้า ผิดกันตรงที่บนหัวมีหูแมวสีขาวประดับจากฝีมือสไตล์ลิสต์ที่มาหาของกินในร้าน สิ่งที่อยู่ในถุงคือขวดเหล้าของโปรดของรุอิ

    สีแสดของยามเย็นสาดส่องสวยงาม เด็กหญิงยืนนิ่ง ก่อนจะหันมองพระอาทิตย์ตกดิน

    “สวยแฮะ.....”

    แต่มันเป็นสีที่น่ากลัว

    สีแสดเหมือนกับ สีของเลือด

    อาจจะอนุมานไปเอง แต่ภาพนั้น ยังตรึงอยุ่ไม่จางหาย

    ภาพร่างบิดาที่ตรึงบนผนัง รอยเลือดที่สาดกระเซ็น

    “อา....”

    เรากำลังคิดบ้าอะไรอยู่กันแน่

    รีบกลับบ้านดีกว่า

    “อุ๊บ..!!”

    ร่างของเด็กหญิงหายไปในตรอกแคบ มือหนาอุ่นร้อนผิดปากของเซสึนะไว้ ก่อนจะปล่อยให้เธอหายใจ

    “ฮ้า...!”

    “ไม่นึกว่าจะพบเธอในที่แบบนี้ เซสึนะ”

    “.....คุณเนวาสึ...??”เสียงหวานเอ่ยสงสัย ก่อนจะหันมองร่างของชายหนุ่ม

    มนุษย์เพียงคนเดียวที่เธอสนิทด้วย ชายหนุ่มนักดาบผมน้ำเงินคนนี้..

    นัยนาคู่สวยเงยมองเรือนผมสีน้ำเงินสวยที่ตัดสั้นระต้นคอ ดวงตาสีเดียวกับผืนฟ้าสีคราม เรือนกายสูงภายใต้โค้ดดำโน้มตัวลงมา “ไม่เจอกันนาน โตขึ้นเยอะเลยนะ?”

    “ค่า.....”

    เอ่ยเนือยๆ ก่อนจะหลับตาลงเมื่อริมฝีปากหนาจูบลงที่หน้าผากเล็ก มือหนาเกลี่ยเรือนผมสีขาวทัดหู

    “สวยขึ้นเยอะ แม่แมวน้อย”

    “เป็นโลลิค่อนเหรอคะ หนูเพิ่งสิบสองนะ”เอ่ยพลางยิ้มแห้งๆ ก่อนจะมองออกไปด้านนอก “ขอไปก่อนนะคะ แล้วก็ กรุณาอย่าเรียกด้วยชื่อแบบนั้นเลยค่ะ”

    “อย่าเพิ่งไปสิ ไหนๆก็ได้เจอกันทั้งที ตั้งแต่พ่อของเธอโดนแทงตายไป”ว่าพลางโอบกอดเด็กหญิงแน่น ส่วนสูงของเด็กหญิงที่สูงประมาณ 158 ซม. ทำให้อยู่ประมาณอกของชายหนุ่ม เซสึนะรีบเบี่ยงตัวออก ก่อนจะนิ่งไปชั่วครู่....

    “คุณเน..วา..สึคะ?”

    .

    ............

    .........

    ........




    “ไปรู้เรื่องที่คุณพ่อตายมาจากไหน.........?”


    ทางปราสาทปิดเรื่องนี้ไว้

    ทุกคนรู้แค่ว่าคุณพ่อหายตัวไป และเรามาอยู่กับรุอิ

    แล้วทำไมคุณเนวาสึถึง....


    ชายหนุ่มมองหน้าของเด็กหญิงก่อนจะโน้มลงจนชิด แนบหน้าผากของตนกับหน้าผากของเซสึนะ และแสยะยิ้ม

    “...มาได้ถึงแค่นี้แฮะ...”

    เอี๊ยดด

    เสียงรองเท้าหนังเบรกกับพื้นดังขึ้น และเรียกให้เซสึนะหันไปมอง

    “เซสึนะ!!!! ออกมาห่างๆผู้ชายคนนั้น!!”

    ฉัวะ!!

    ความรู้สึกเหมือนกับมีน้ำแข็งมาบาดลงที่กลางหลัง






    “เกม โอเวอร์ซะแล้วสิ”

    ดาบสีแดงเลือดยาวถูกเรียกออกมา และมันฟันลงที่กลางหลังของเด็กหญิงผมขาว

    ดาบสีขาวถูกเรียกมาในมือของชายหนุ่มผมดำ ดวงตาสีเงินมองไปที่ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเข้ม ก่อนจะจับดาบแล้วตวัดคมดาบใส่ ร่างของชายเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเข้มกระโดขึ้นไปบนหลังคาเพื่อหลบ

    ร่างของเซสึนะล้มลงกับพื้น เส้นประสาทที่หลังราวกับถูกตัดออกจากกัน ร้าวไปถึงกระดูกสันหลัง

    อะไรน่ะ....

    “เซสึนะ....!!”ชายหนุ่มที่หลีกออกจากการปะทะตะโกนลั่น รุอิร่อนกายลงประคองลูกสาว “เป็นอะไรไหม?”

    “....ทำไม...คุณเนวาสึถึง...?”

    ดวงตาสีเงินมองเด็กสาว ก่อนจะถอนหายใจ และเอ่ยเสียงแหบแห้ง “ผู้ชายคนนั้นเป็นนักล่าแวมไพร์ แล้วก็......”

    “เป็นคนที่ฆ่าพ่อของเธอไงล่ะ แม่แมวน้อย?”

    ประโยคสุดท้ายเป็นของชายที่ยืนอยู่บนหลังคา ดาบสีเลือดส่องสะท้อนส่องกับแสงแดดยามเย็น รอยยิ้มแสยะน่ากลัว..

    ดาบสีเลือด ดบที่ปักอกคุณพ่อ

    ทำไม...


    ทำไมเธอถึงไม่เอะใจ!!!

    “คุณเนวาสึ....!!”

    มนุษย มนุษย์ เพียงคนเดียวที่เธอไว้ใจ

    ถึงจะไม่ได้บอกว่าเป็นแวมไพร์ แต่ว่า คือคนที่คุยด้วยแล้วสบายใจรองลงมาจากเพื่อนพ้องด้วยกัน

    ทำไมเป็นแบบนี้!!

    ร่างเล็กขยับจะเข้าไปหา ดวงตาสีแซฟไฟร์ประกายร้าวราน

    พลันมือเรียวเล็กก็จับเอาดาบสีนิลออกจากฝักที่อยู่ตรงเอวของรุอิ แล้วสะบัดไปหาร่างของชายหนุ่ม

    ลมคมกริบตวัดไปหาร่างสูง ชายหนุ่มโดดหลบ ก่อนจะกระชับดาบแน่น แสยะยิ้มเหี้ยม

    “ถ้าโจมตีมาก็แสดงว่ามีพิษสงสินะ?”

    ดาบขยับจะตวัดกลับ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพลงดาบที่สร้างอันตรายให้

    หมอกเมฆและสายลมหมุนวน และชั่วพริบตานั้น

    เซสึนะก็หายไป

    ..........
    ..........................

    ..........................................

    ............................

    ..................................

    .........................




    “ปล่อยฉัน!!!”มือเล็กทุบอกของชายที่อุ้มเธอขึ้นมาแล้วโดขึ้นไปตามหลังคาบ้าน “ทำไม ทำไม ทำไมต้องฆ่าคุณพ่อ!!”

    “จะให้ตอบแบบถนอมน้ำใจหรือใจจริงล่ะ?”เอ่ยเดสียงเหี้ยม “ถ้าถนอมน้ำใจ มันเป็นหน้าที่ ถ้าแบบใจจริง คือสนุก”

    “สนุก........?”ทวนคำอีกฝ่าย “แค่นั้นงั้นหรือ..... แค่นั้นเหรอ!!”

    เพียงแค่นั้นงั้นหรือ

    ที่พรากบิดาของเธอไป!!

    ดวงตาสีแซฟไฟร์เปล่งประกายเพลิงแค้น มือเล็กขยับจะข่วนอีกฝ่ายแต่ก็ถูกตรึงไว้ด้วยเวทย์

    “อย่าขัดขืนน่า...เซสึนะ...”

    เผียะ!

    อะไรบางอย่างพุ่งขึ้นกระทบโดนใบหน้าของชายหนุ่ม

    “ชิ.......”สบถในลำคอ มองร่างสูงที่จ้องขึ้นมา ดวงตาสีเงินเรียวเล็กบังคับพลังจิตทำหสายลมคมกริบ ก่อนจะมองร่างของเด็กหญิงในอ้อมแขน ซึ่งดวงตาเปล่งประกายเปลวแค้น “.....ฉันชอบดวงตาแบบนี้ เจ้าสาวของฉัน....”

    “ฉันไม่ใช่เจ้าสาวของนาย! คนชั่วช้า!! คนเลว!!”

    “ด่าไปเถอะ ไม่ได้ทำให้ฉันเจ็บหรอก”

    “บ้าที่ส..อุ๊บ!”ริมฝีปากถูกครอบครองชั่วครู่ ก่อนใบหน้านั้นจะละออกไป แล้วปล่อยให้ร่างของเด็กหญิงร่วงลงไป

    “........!!....”

    “แล้วเจอกันซักวันหนึ่ง แม่แมวน้อย”


    ร่างกำลังร่วงหล่นลงไป อย่างเร็ว

    นี่เรา....

    กำลังจะตายหรือ?



    ตุบ!

    บางสิ่งรองรับเธอไว้

    “ไม่เป็นไรนะ..?”

    “รุอิ!!”ตะโกนลั่น “ทิ้งเซระมาเหรอคะ!!”

    “ฉันให้เอวาดูแลให้แล้ว อย่าห่วงน่า”ว่าพลางลอบถอนหายใจ ก่อนจะจับที่ดวงตาข้างซ้าย “อุ๊บ..!!”

    “รุอิ..!”

    “เรื่องธรรมดาน่า...เลือดฉันถูกสาปอยู่น่ะ ถ้าใช้พลังของตระกูลดวงตาของฉันจะบอด....มันเริ่มพร่าแล้วล่ะ..”กลั้วหัวเราะ ก่อนจะเงยมองเด็กหญิง “ขอฉัน..มองหน้าเธอชัดๆเป็นครั้งสุดท้ายนะ?”

    ทำไม

    ต้องมาเสียสละเพื่อคนอย่างเธอด้วยล่ะ

    “ก็เธอเป็นลูกฉันนี่?”

    เอ่ยราวกับอ่านใจได้ ก่อนจะยิ้มแห้งๆ เด็กหญิงนิ่งอึ้งไป ก่อนจะเอ่ยสั่นเครือ

    “....มะ....”

    “หืม?”

    “ไม่มี...วิธีแก้เลยหรือคะ...?”

    “มี....แต่ฉันไม่เสี่ยง ฉันต้องถ่ายโอนดวงตาข้างนี้ให้คนอื่น แล้วถ้ามันไม่เข้ากับคนนั้น จะตายคู่”

    “ถ้างั้นเราต้องลองเสี่ยงค่ะ”เอ่ยอย่างมั่นคง ก่อนจะมองตาของบิดาบุญธรรม

    “กรุณาเถอะค่ะ”

    ดวงตาสีแซฟไฟร์มองสบอย่างมั่นคงไร้แววลังเล "ขอหนูตอบแทนบุญคุณรุอิบ้างเถอะค่ะ"

    รุอิมองตอบ ก่อนจะเอ่ยจริงจัง

    “.......แน่ใจนะ อาจจะต้องตายนะ?”

    “ฉันไม่กลัวความตายตั้งแต่ตอนที่เสียคุณพ่อไปค่ะ”

    รอยิ้มฝืดเฝื่อนระบายเต็มใบหน้า ก่อนชายหนุ่มจะถอนหายใจ“...งั้นก็ตามใจ...”

    แล้ววงเวทก็ถูกวาดขึ้น

    ....................

    .........................

    ..............................

    ดวงตาของเราแลกเปลี่ยนกัน

    ดวงตาข้างซ้ายของฉันไปอยู่รุอิ และดวงตาข้างซ้ายของรุอิมาอยู่ที่ฉัน

    แต่คำสาปของรุอิก็หายไปแล้ว ซึ่งมันคุ้มค่า ..มากมายนัก..



    ....................................



    เราเริ่มอยากจะเข้มแข็งขึ้นให้มากกว่านี้

    เหตุการณ์นั้นทำให้เราเกลียดตัวเองที่อ่อนแอ เกลียดที่จะร้องไห้

    เราขอให้รุอิสอนศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดให้ ทั้งดาบ เคียว มีด แม้แต่การฆ่าคนอย่างเงียบเชียบและง่ายที่สุด

    ................

    ........................

    .........

    ผัวะ!!

    “ห้ามสลบเด็ดขาด ชีวิตมีอันตรายทุกเวลา ถ้าไม่มีสติก็เท่ากับความตายมาเยือน”ว่าพลางกระชับท่อในมือ ก่อนจะเร่งเข้าหาเด็กหญิงที่ยังมึนหัวไม่หาย ท่อเหล้กปะทะกัน ก่อนร่างของเซสึนะจะปลิวกระเด็น

    ปัง!

    “อุ๊ก....”แผ่นหลังกระแทกกับเหล็กดัด ก่อนจะร่วงลงกับพื้น “อึ๊ก....”

    “เธอขอให้ฉันสอนเอง ห้ามบ่นนะ?”

    ดวงตาสีแซฟไฟร์มองอีกฝ่าย ก่อนจะลุกขึ้น ตวัดท่อนเหล็กตรงเข้าหา

    “ย่าห์!”

    ..........

    ............................................

    ...............




    เราอยากจะเข้มแข็ง

    เข้มแข็งขนาดที่ไม่ต้องพึ่งพาใคร เข้มแข็งขนาดที่ยืนหยัดตัวคนเดียวได้ เข้มแข็งอย่างที่จะไม่มีใครมาหยามเราได้ หรือหากเป้าหมายนั่นจะไกลไป

    ขอแค่ปกป้องคนที่รักได้ก็พอ



    ............................................



    ....................................


    ..............................................


    ..........................


    ...................









    “รุอิ..จะไปไหนเหรอคะ...”เสียงของเด็กหญิงดังขึ้น กลางสายฝนที่โรยตัวลงมาอย่างเบาบาง

    “ทำงาน”

    “ฆ่าคนสินะคะ?”

    ร่างสูงเงียบกริบ ก่อนจะหันมองเด็กสาวและยิ้มให้ “อ่าฮะ..”

    “เมื่อไหร่รุอิจะเลิกงานแบบนี้ล่ะคะ? มีงานแบบอื่นอีกตั้งเยอะแยะแท้ๆ”เด็กหญิงพูดเสียงเครือ ปาดน้ำตาออกจากดวงตาข้างซ้ายที่เป็นสีเงิน “งานแบบนั้นดีตรงไหนกัน”

    “ฉันรู้จักแต่การฆ่านี่นา เซสึนะ”เอ่ยพลางย่อกายลง นิ้วมือปาดน้ำตาของเด็กหญิง “มันเป็นสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ แต่อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็ไม่บ้าคลั่งเหมือนเมื่อก่อนนะ..? ตั้งแต่ที่เธอให้ดวงตาข้างนี้มา”

    ว่าพลางชี้ที่ตาสีแซฟไฟร์ข้างซ้าย เด็กหญิงมองดวงตาข้างนั้น และจับที่ดวงตาสีแซฟไฟร์ข้างขวาของตน ก่อนจะยิ้ม “งั้น คุณพ่อรีบกลับมาแล้วกันนะคะ”

    “นานๆที่จะเรียกฉันแบบนั้นนะ เซสึนะ” เอ่ยพลางหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน และมอบสิ่งหนึ่งให้

    ดาบสีดำปลอดทั้งด้าม

    “มันชื่อว่าคุโระ ถูกตีขึ้นพร้อมกับชิโระของฉัน ฉันให้เธอนะ เซสึนะ…...เธอน่าจะรุ้จักมัน นี่เป็นดาบที่เธอชักออกมาเมื่อวันนั้น....”เงีบไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยต่อ “....แล้วก็ จะไม่ผิดสัญญาไปฆ่าคนบริสุทธิ์แล้วล่ะ!! สาบานกับไอ้นี่เลย”ว่าพลางลูบศีรษะของเด็กหญิงและชี้ที่สร้อยคอ ก่อนจะเดินจากไป




    เช่นเดิมทุกครั้งไป

    แต่ครั้งนี้ รุอิไม่กลับมา


    .....................................

    .........................

    .................................

    จากวันเป็นวัปดาห์

    จากสัปดาห์เป็นเดือน

    จากเดือนเป็นปี

    ..แต่รุอิก็ไม่ยอมกลับมา..

    ทำไมถึงไม่กลับมา

    ทำไมถึงไม่ยอมกลับมา

    ทำไมถึงทิ้งฉันไว้

    ไม่มีรุอิแล้วใครจะคอยดูแลฉันล่ะ

    ไม่มีรุอิแล้ว ใครจะคอยห้ามฉันในเรื่องงี่เง่า

    ไม่มีรุอิแล้ว..

    ก็ไม่มีใครห้ามฉันได้เลย...

    ค่ำคืนนั้น ลมหายใจของฉันได้หยุดลง...

    ..............................

    .................

    .........................................

    ........................

    .................................

    ........................

    .............................

    เราตื่นขึ้นอีกครั้ง

    ทั้งที่ได้ตายไปแล้ว แต่กระนั้นกลับตื่นขึ้นมาอีก

    รอยแผลที่ข้อมือก็หายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น และข้างๆกายนั้น

    มีจดหมายที่จ่าหน้าถึงเธอวางอยู่

    ................

    .............................

    ................

    ............................

    หลังจากนั้นเราก็มาที่นี่ตามจดหมายของท่านหญิงโซฟีเลีย และได้เจอกับทุกๆคน

    เป็นช่วงเวลาที่สนุกสนาน แต่เราก็ยังไม่ลืมไป

    ว่าเรากำลังตามหารุอิ

    ว่าเมื่อก่อนเราพบกับอะไรมาบ้าง

    ว่าพันธะที่มีร่วมกัน รอยยิ้มที่สร้างด้วยกัน มันมีค่ามากมายแค่ไหน

    และแน่นอน

    จะไม่ลืมถึงจุดประสงค์ที่มาที่นี่

    ..เซระ..







    แอ๊ด...

    "เซสึนะ ไปเล่นหิมะกัน"เด็กหนุ่มเจ้าของนามเดียวกับจอมเทพเอ่ยร่าเริง เซสึนะหันมองชั่วครู่ ก่อนจะจับที่ดวงตาข้างซ้ายที่บัดนี้เป็นสีแซฟไฟร์ และวิ่งออกไปกอดคอมิคาล

    "ไปกัน!!"



    ซักวันเราคงพร้อมหน้ากันอีกครั้ง

    เซระ รุอิ

    คุณพ่อ


    ++++++++++++

    เน่าๆๆๆ=="
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×