คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : ไตรภูมิพระร่วง ของ พระญาลิไทย 4 เตภูมิกถา
เตภูมิกถา
อันว่าสัตว์ทั้งหลายย่อมจะเวียนวนไปมา และเกิดในภูมิ ๓ อันนี้แล ฯ อันใดแลชื่อภูมิ ๓ อันนั้นเล่า อนึ่งชื่อว่ากามภูมิ อนึ่งชื่อว่ารูปภูมิ อนึ่งชื่อว่าอรูปภูมิ ณ กามภูมินั้นยังอันเป็นประเภท ๑๑ อันใดโสด
อนึ่งชื่อว่าเปรตวิสัยภูมิ อนึ่งชื่อว่าอสุรกายภูมิ ๔ อนึ่งชื่อว่าอบายภูมิก็ว่า ชื่อว่าทุคติภูมิก็ว่า ฯ อนึ่งชื่อว่ามนุสสภูมิ อนึ่งชื่อจาตุมหาราชิกาภูมิ หนึ่งชื่อตาวติงษภูมิ หนึ่งชื่อยามาภูมิ อนึ่งชื่อตุสิตาภูมิ หนึ่งชื่อนิมมารนรดีภูมิ อนึ่งชื่อปรมิตวสวัตติภูมิ ๗ อนึ่งชื่อสุคติภูมิผสมภูมิทั้ง ๑๑ แห่งนี้ชื่อกามภูมิแล ฯ
ในรูปภูมินั้นยังมีภูมิอันเป็นประเภท ๑๖
อนึ่งโสดหนึ่งชื่อพรหมปาริสัชชาภูมิ หนึ่งชื่อพรหมปโรหิตาภูมิ อนึ่งชื่อมหาพรหมาภูมิ และพรหม ๓ อันนี้ชื่อปฐฐมณานภูมิแลฯ อนึ่งชื่อปริตตาภาภูมิ อนึ่งชื่ออัปปมานาภาภูมิ อนึ่งชื่ออาภัสสราภูมิ และพรหม ๓ ชั้นนี้ชื่อว่าทุติยฌานภูมิแลฯ อนึ่งชื่อปริตตสุภาภูมิ หนึ่งชื่อัปปมานสุภาภูมิ อนึ่งชื่อสุภกิณภูมิและพรหม ๓ ชั้นนี่อตติยฌานภูมิแล ฯ อนึ่งชื่อเวัปผลาภูมิ อนึ่งชื่ออเวหาภูมิ อนึ่งชื่ออตัปปาภูมิ อนึ่งชื่อสุทัสสีภูมิ อนึ่งชื่ออกนิฎฐาภูมิ ทั้ง๗ ชั้นนี้ชื่อจตุตถฌานภูมิแลฯ แต่อเวหาภูมินี้เถิงอกนิฎฐาภูมิ ๕ ชั้นนั้นชื่อปัญจสุทธาวาศแลฯ ผสมทั้ง ๑๖ ชั้นนี้ชื่อรูปภูมิแลฯ
และในอรูปภูมินั้นยังมีประเภททั้ง ๔ อันโสด อนึ่งชื่ออากาสานัญจายตนภูมิ หนึ่งชื่อวิญญาณัญจายตนภูมิ อนึ่งชื่ออากิญจัญญายตนภูมิ หนึ่งชื่อเนวสัญญานาสัญญายตนภูมิแลฯ จึงผสมภูมิทั้งลายนี้ได้ ๓๑ จึงชื่อว่าไตรภูมิแล ฯ
และสัตว์ทั้งหลายอันจักเอาโยนิปฏิสนธิเกิดในภูมิ ๑ นี้ มีโยนิปฏิสนธิเท่าใดเล่า มีโยนิปฏิสนธิ ๔ อัน อนึ่งชื่ออัณฑชโยนิ อนึ่งชื่อชลาพุชโยนิ อนึ่งชื่อสังเสทชโยนิ อนึ่งอุปปาติกโยนิฯ อนึ่งชื่ออัณฑชโยนินั้น คือสัตว์อันเป็นแต่ไข่เป็นต้นว่างูและไก่และนกและปลาทั้งหลายนั้นแลฯ อนึ่งอันชื่อวาชลามพุชนั้นได้แก่สัตว์อันเป็นแต่ปุ่มเปือกและมีรกอันหุ้มห่อนั้น เป็นต้นว่าช้างและม้าวัวควายแล ฯ สังเสทชโยนินั้นได้แก่สัตว์อันเป็นแต่ใบไม้และละอองดอกบัวแลหญ้าเน่าเนื้อเน่าเหงื่อไคนั้น เป็นต้นว่าหนอนแลแมลงบุ้งริ้นยุงปลาแลฯ สัตว์อันเอาปฏิสนธิในโยนิ ๓ อันนี้ คือ เกิดแต่รกหุ้มห่อก็ดี เกิดแต่ไข่ก็ดี เกิดแต่เหงื่อและไคก็ดี ๓ อันนี้ จึงค่อยใหญ่ขึ้นโดยอันดับแลฯ อนึ่งและชื่อว่าอุปปาติกโยนินั้น หากเกิดเป็นตัวเป็นตนใหญ่แล้วทีเดียวนั้น เป็นต้นว่าเทพยดาและพรหมสัตว์แห่งนรกนั้นแล ฯ อันว่าปฏิสนธิมี ๒๐ อันแล อนึ่งชื่ออกุศลวิบากอุเบกขาสันติรณปฏิสนธิฯ อนึ่งชื่อกุศลวิบากสันติรณปฏิสนธิฯ อนึ่งชื่อโสมนัส์สสหคตญาณสัมปยุตอสังขารวิบากปฏิสนธิฯ อนึ่งชื่อโสมนัส์สสหคตญาณสัมปยุตสสังขารวิบากปฏิสนธิฯ อนึ่งชื่อโสมนัส์สสคตญารวิป์ปยุตตอสังขารวิบากปฏิสนธิฯ อนึ่งชื่อโสมนัส์สสหคตญาณวิปปยุตตสสังขาริกวิบากปฏิสนธิฯ อนึ่งชื่ออุเบกขาสหคตญาณวิปปยุตตอสังขาริกวิบากปฏิสนธิฯ อนึ่งชื่ออุเบกขาสหคตญาณสัมปยุตตสสังขาริกวิบากปฏิสนธิฯ (แต่ ๑๐ อันนี้ชื่อกามาพจรปฏิสนธิฯ อนึ่งชื่ออุเบกขาสหคตยาณวิปปยุตตอสังขาริกวิบากปฏิสนธิฯ อนึ่งชื่ออุเบกขาสหคตญาณสัมปยุตตสสังขาริกวิบากปฏิสนธิฯ) แต่ ๑๐ อันนี้ชื่อกามาพจรปฏิสนธิฯ แต่ฝูงอันยังกามราคย่อมเอาปฏิสนธิ ๑๐ อันนี้แลฯ อนึ่งชื่อวิตักกาปฏิสนธฺฯ อนึ่งชื่อวิจาราวิบากปฏิสนธิฯ อนึ่งชื่อปีตาทิวิบากปฏิสนธิฯ อนึ่งชื่ออสุขาทิวิบากปฏิสนธิฯ อนึ่งชื่ออุเบกขากัคคตาวิบากปฏิสนธิฯ อนึ่งชื่อรูปเมวปฏิสนธิฯ แต่ฝูงพรหม ๖ อันนี้ ย่อมเอาปฏิสนธิด้วยปฏิสนธิ ๖ อันนี้แลฯ อนึ่งชื่ออากาสานัญจายตนวิบากปฏิสนธิฯ อนึ่งชื่อวิญญานัญจายตนวิบากปฏิสนธิฯ อนึ่งชื่ออากิญจัญญายตนวิบากปฏิสนธิฯ อนึ่งชื่อเนวสัญญานาสัญญายรตวิบากปฏิสนธิฯ แต่ฝูง ๔ อันนี้ชื่ออรูปาวจรปฏิสนธิ แต่หมู่พรหมอันหารูปบมิได้และมีแต่จิตย่อมเอาปฏิสนธิ ๔ อันนี้แล ฯ ผสมปฏิสนธิทั้งลายได้ ๒๐ จำพวกดังกล่าวมานี้แลฯ สัตว์ทั้งหลายอันเกิดในนรกภูมิ ย่อมเอาโยนิด้วยปาฏิกโยนิอันเดียวไส้ หยมว่าเขาเอาด้วยโยนิด้วยอุปปาฏิกโยนินั้น เพื่อเขาภูลเกิดเป็นรูปกายเทียว เอาปฏิสนธิก็เอาด้วยอกุศลวิบากอุเบกขาสหคตสันติรณปฏิสนธิ สัตว์ทั้งหลายอันเกิดในเปรตวิไสยภูมิก็เอาปฏิสนธินั้นแลฯ ปฏิสนธินั้นคือใจอันเอาปฏิสนธินั้นพิจารณาด้วยบาปและอุเบกขา จึงเอาปฏิสนธิและเกิดที่นั้น ๆ สัตว์อันเกิดในติรัจฉานภูมิ สัตว์อันเกิดในอสุรกายภูมิทั้ง ๓ ภูมินี้ย่อมเอาปฏิสนธิดังกันแลฯ เอาโยนิ ๔ จำพวกนั้นได้ทุกอัน และลางคาบเอาด้วยชลามพุชโยนิก็มี ลางคายเอาด้วยสังเสทชโยนิก็มี ลางคาบเอาด้วยอุปปาติกโยนิก็มี เอาปฏิสนธิด้วยอกุศลวิบากอุเบกขาสหคตสันติรณอันเดียวไส้ ผิว่าผู้มีบุญยังมีปฏิสนธิ ๙ จำพวก สัตว์อันเกิดในมนุสภูมิโยนิด้วยปฏิสนธิ ๑๐ อันนั้นได้ทุกอันแล เอาปฏิสนธิพิจารณาบุญและเอาปฏิสนธิ ๙ จำพวกฯ ผิฝูงคนอันมีมงทินและฝูงวินิบาติกาสูรเอาปฏิสนธิทีเดียว ด้วยอกุศลวิบากอุเบกขาสหคตสันติรณอันเดียวไส้ ส่วนปฏิสนธินั้นว่าดังนี้ฯ เอาปฏิสนธินั้นพิจารณาบาปและเอาปฏิสนธิจึงเกิดที่นั้นฯ ปฏิสนธินั้นแต่ ๔ จำพวกนั้นเอามิได้ คนผู้รู้หลักมีปรีชชารู้บุญรู้ธรรมเป็นต้นว่าโพธิสัตว์ เอาปฏิสนธิด้วยปฏิสนธิ ๘ จำพวกนั้นแลฯ ฝูงใดควรแก่ปฏิสนธิอันใดก็เกิดด้วยปฏิสนธิอนนั้นแลฯ อันว่าปฏิสนธิ ๘ อันนั้น อันหนึ่งชื่อโสมนัสสสหคตญาณสัมปปยุตตอสังขาริกวิบากปฏิสนธิฯ ปฏิสนธินั้นดังนี้ ใจอันเอาปฏิสนธินั้นเห็นและรู้ด้วยปัญญาอันหาบุคคลบอกบมิได้และยินดีจึงเอาปฏิสนธิ อนึ่งชื่อ โสมนัสสสหคตญาณสัมปยุตตสสังขาริกวิบากปฏิสนธิฯ ปฏิสนธิว่าอันนี้ จิตเอาเอาปฏิสนธินั้นมีคนบอกจึงจะเห็นแล เอารูปด้วยปรีชาและยินดีจึงเอาปฏิสนธิฯ อนึ่งชื่อว่าโสมนัสสสหคตญาณวิปปยุตตอสังขาริกวิบากปฏิสนธิ จิตอันเอาปฏิสนธิบมิรู้แท้ หาบุคคลบอกบมิได้ และยินดีจึงเอาปฏิสนธิฯ อนึ่งโสมนัสสสหคตญาณวิปปยุตตสสังขาริกวิบากปฏิสนธิ จิตอันเอาปฏิสนธินั้นบมิรู้แท้และมีผู้บอกจึงยินดีจึงเอาปฏิสนธิฯ อนึ่งชื่ออุเบกขาสหคตญาณสัมปยุตตอสังขาริกวิบากปฏิสนธิ จิตนั้นปฏิสนธินั้นแท้และรู้ด้วยปริชาหาบุคคลบอกบมิได้ จึงเอาปฏิสนธิด้วยจิตอันประกอบฯ อนึ่งชื่ออุเบกขาสหคตญาณสัมปยุตตสสังขาริกวิบากปฏิสนธิ จิตอันเอาปฏิสนธินั้นคนบอกจึงจะเห็น และรู้ด้วยปรีชาจึงเอาปฏิสนธิด้วยอันจักวายฯ อนึ่งชื่ออุเบกขาสหคตญาณวิปปยุตตอสังขาริกวิบากปฏิสนธิ จิตเอาเอาปฏิสนธินั้นบมิรู้แท้ และหาคนบอกบมิได้จึงปฏิสนธิด้วยใจอันประกอบฯ อนึ่งชื่ออุเบกขาสหคตญาณวิปปยุตตสสังขาริกวิบากปฏิสนธิ ใจอันเอาปฏิสนธินั้นมีคนบอกบมิรู้แท้จึงเอาปฏิสนธิด้วยใจอันประกอบฯ สัตว์อันเกิดในกามพจรภูมิ เป็นต้นว่า จาตุมหาราชิกาภูมิเอาปฏิสนธิโยนิด้วยอุปปาติกโยนิอันเดียวไส้ เอาปฏิสนธิด้วยปฏิสนธิ ๘ อันดังกล่าวมา นี้แลฯ ผสมปฏิสนธิในกามาพจรภูมิได้ ๑๐ จำพวก ผสมกับโยนิ ๔ จำพวกฯ สัตว์อันเกิดในปถมญาณภูมิเป็นพรหมนั้นเอาโยนิด้วย อุปปาติกโยนิไส้ฯ เอาปฏิสนธิด้วยวิตกวิจารปีติสุข เอกัคคตา สหิตํปถมญาณวิบากปฏิสนธิจิต ใจอันเอาปฏิสนธินั้นรำพึงดูและพิจารณาจึงมักยินดียินสุขนัก หน้าตาและตนและใจอันเป็นอันเดียวจึงเอาปฏิสนธิ ผิรำพึงปฏิสนธิน้อยไปได้เกิดในพรหมปาริสัชชาภูมิ ผิรำพึงทรามไปไส้ได้ไปเกิดในพรหมปโรหิตาภูมิ ผิรำพึงนักหนาไส้ได้ไปเกิดในมหาพรหมภูมิ ๆ ทั้ง ๓ นี้ ชื่อ ปถมฌานภูมิดลฯ สัตว์อันเกิดในทุติยฌานภูมิ เป็นพรหมด้วยอุปปาติกโยนิอันเดียวแลฯ เอาปฏิสนธิด้วยวิจารปีติสุเขกัคคตาสหิตํทุติฌานวิบากปฏิสนธิจิต ๆ อันเอาปฏิสนธินั้น พิจารณาจึงมักยินดียินสุขนักหนาจึงตาตนใจไปอันเดียวจึงเอาปฏิสนธิ ผิว่ารำพึงปฏิสนธินั้นสะหน่อยไส้ได้ไปเกิดในพรหมปริตตาภาภูมิ ผิรำพึงทรามไส้ได้ไปเกิดในพรหมอัปปมาณาภาภูมิ ผิรำพึงนักหนาไส้ได้ไปเกิดในพรหมอาภัสราภูมิ ๆ ทั้ง ๓ ชั้นนี้ชื่อทุติยฌานภูมิแลฯ สัตว์อันเกิดในตติยฌานภูมิเป็นพรหมเอาโยนิด้วยอุปปาติกโยนิอันเดียว และเอาปฏิสนธิด้วยปีติสุเขกัคคตาสหิตตติยฌานวิบาก ปฏิสนธิจิตตํใจอันเอาปฏิสนธินั้นบมิรำพึงพิจารณาเลย เนสากแสกยินดีสุขนักหนาจึงเอาปฏิสนธิฯ ผิรำพึงปฏิสนธินั้นสะน้อยไส้ได้ไปเกิดในพรหมปริตตสุภาภูมิ ผิรำพึงทรามไส้ได้ไปเกิดในพรหมสุภกิณหาภูมิ ภูมิทั้ง ๓ ชั้นนี้ชื่อตติยฌานภูมใแลฯ สัตว์อันเกิดในจตุตถฌานภูมิเป็นพรหมเอาโยนิอันเดียวไส้ฯ เอาปฏิสนธิด้วยอุเบกขาคคตาสหิตํจตุต์ถัชฌานวิบากปฏิสนธิจิต ใจอันเอาปฏิสนธินั้นเห็นปฏิสนธินั้นสุขแท้ และเพื่อค้ำตนไปด้วยอุเบกขายินดี จึงเอาปฏิสนธิและได้ไปเกิดในเวหัปผลาภูมิฯ สัตว์อันเกิดเอาปฏิสนธิในอสัญญิตภูมินั้นเอาปฏิสนธิอันเดียวไส้ฯ ปฏิสนธิ ๖ จำพวกนี้ชื่อรูปาวจรปฏิสนธิแลฯ สัตว์อันเอาปฏิสนธิในอรูปาวจรภูมิ ๔ ชั้น อันหนึ่งชื่อปัญจฌานนั้นเอาปฏิสนธิในอากาสานัญจายตนภูมินั้น เอาปฏิสนธิด้วยอากาสานัญจายตนวิบากปฏิสนธิอันเดียวนั้นไส้ ใจอันเอาปฏิสนธิว่าบมิรู้ครนอันใดเลยเอาอากาสานัญจายตนฯ เอาใจจับอยู่ในอากาสน้อยหนึ่งจึงเอาปฏิสนธิ ว่าบมิเห็นอากาสเลยจึงเอาปฏิสนธิ ฯ สัตว์อันเอาปฏิสนธิในอากิญจัญญายตนภูมินั้น เอาอากิญจัญญายตนวิบากปฏิสนธิอันเดียวนั้นไส้ ใจอันเอาปฏิสนธินั้น เอาปฏิสนธิด้วยวิญญาณอันละเอียดแลจึงเอาปฏิสนธิฯ สัตว์อันเอาปฏิสนธิในเนวสัญญานาสัญญายตนภูมินั้น เนวสัญญานาสัญญายตนวิบากปฏิสนธิอันเดียวนั้นไส้ ใจอันเอาปฏิสนธิดังจักมีดังจักบมีจึงเอาปฏิสนธิฯ แต่ฝูงสัตว์ทั้งหลายอันเอาโยนิปฏิสนธิแห่งภูมิ ๓๑ เป็นประเภทในไตรภูมิดังกล่าวมานี้แลฯ
ความคิดเห็น