ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    - ห้องเก็บของ -

    ลำดับตอนที่ #9 : .★ บทเรียนที่ 1 ★.

    • อัปเดตล่าสุด 26 เม.ย. 53


    วิชาสัตวศาสตร์ [AS431] ~ AS = Animal Science


       วิชาสัตวศาสตร์ ว่าด้วยสัตว์เวทย์ในเทพนิยาย และตำนาน

    สัตว์ในตำนาน 

       สัตว์ในตำนาน คือสัตว์ที่ปรากฎในเทพนิยาย หรือในตำนานที่แต่งขึ้น โดยลักษณะของสัตว์ในตำนานจะมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว มีความสามารถและอภินิหารพิเศษ 

       เชื่อกันว่าสัตว์ในตำนาน คือสัตว์ของเทพเจ้าหรือสัตว์ในยุคโบราณที่สูญพันธุ์ไปเเล้ว มีพลังเเละอำนาจที่เเตกต่างกัน หรือในอีกเเง่หนึ่งเป็นรูปปั้นต่างๆที่ชาวบ้านสร้างขึ้น เพราะเชื่อว่ามีอำนาจหรือกำลังที่จะช่วยปกป้องพวกเขาได้สัตว์ในตำนาน เช่นกริฟฟอน ,กอบลิน,กัปปะ,กิเลน,เคลปี้,คนแคระ,คราเคน,ครุฑ,โคอุศุภราช,ไคเมรา,เงือก,ชูปาคาบรา,ช้างเอราวัณ,ซาลามานเดอร์ (สิ่งมีชีวิตในตำนาน)'เซอร์เบอรัส,เซนทอร์,ไซเรน,ตะพาบยักษ์แยงซีเกียง,ทานูกิ,เนสซี


    การบ้าน:ให้นักเรียนหาภาพร้อมประวัติของสัตว์ในตำนานมาคนละ 1 ชนิด [ห้ามซ้ำกันโดยเด็ดขาด]




    วิชาศาสตราวุธ (การต่อสู้) [GP321] ~ GP = Grappling



    ต่อสู้โดยศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว

    ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว คือ ศาสตร์แขนงหนึ่งที่เน้นการเรียนและฝึกฝนด้านการต่อสู้และการป้องกันตัว ในปัจจุบันได้มีการศึกษากันอย่างแพร่หลาย ทั้งในเชิงด้านการกีฬา เพื่อฝึกฝนร่างกายให้สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง หรือแม้กระทั่งฝึกฝนจิตใจ ศิลปะป้องกันตัวอาจเป็นกลุ่มได้ตามลักษณะการต่อสู้ เช่น

    • การฟาด เช่น มวย กังฟู
    • การเตะ เช่น มวยไทย เทควันโด้
    • การเหวี่ยงทุ่ม เช่น ยูโด มวยปล้ำ ไอคิโด้
    • การใช้อาวุธ เช่น เคนโด้ การฟันดาบ
    • การล็อก เช่น ยูยิสสู

    ศิลปะการต่อสู้ปัจจุบันมักถูกแบ่งเป็นสองประเภท

    1)ศิลปะการต่อสู้แบบกีฬา นอกจากจะถูกสอนเพื่อการต่อสู้และป้องกันตัวมักถูกลดความรุนแรงลง และปรับปรุงเป็นกีฬา มีกติกาเพื่อใช้ในการแข่งขัน เช่น คาราเต้ มวย เทควันโด้ เคนโด้ กังฟู โววีนั่ม

    2)ศิลปะการต่อสู้ที่ยึดตามแบบแผนเดิม ถูกสอนโดยยึดถือแบบแผนเดิมจากอดีต ไม่มีการแข่งขัน จะถูกสอนเพื่อการต่อสู้และป้องกันตัวเท่านั้น เช่น มวยไทยโบราณ ไอคิโด้ นินจุตสุ

     

    ต่อสู้โดยอาวุธ

    ความหมายของอาวุธ
    อาวุธ คือ เครื่องมือที่ใช้ระหว่างการรบเพื่อสังหารหรือทำลายทรัพย์สิน และทรัพยากร จนไม่สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรได้ อาจใช้ในการโจมตี การป้องกัน
    และการข่มขู่ 
    ถูกแบ่งไว้2ประเภทคือ 
    (1) อาวุธที่เป็นอาวุธโดยลักษณะเช่น ดาบ หอก กระบี่ สนับมือ ปืน เครื่องระเบิด เป็นต้น 
    (2)อาวุธที่มิใช่อาวุธโดยลักษณะแต่ใช้ได้เสมียนดังอาวุธ มีบันทึกการใช้อาวุธปรากฏใน
    ภาพเขียนบนผนังถ้ำ การศึกษากระบวนการในการต่อสู้ ทำให้เกิดทั้งศิลปะการต่อสู้ และหลักยุทธศาสตร์

    โดยอุปมา ทุกสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสียหาย (แม้ทางจิตวิทยา) สามารถจัดให้เป็นอาวุธได้ อาจเป็นอาวุธอย่างง่ายจำพวกกระบองไปจนถึงที่ซับซ้อนอย่างขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM)

    ประเภทของศาสตราวุธ
    แบ่งเป็น 2 อย่าง  คือ
    1)ศ
    าสตราวุธที่ใช้ต่อสู้ระยะไกล  เช่น  ธนู  มีดสั้น  คทาเวทย์ หรือให้ทันสมัยหน่อยก็ปืนเวทย์
    2)ศาสตราวุธที่ใช้ต่อสู้ระยะประชิด  เช่น  กระบี่  ดาบ  สนับมือ  กระบอง  หอก  และอื่นๆ อีกมากมาย


    การบ้าน:
    1)ให้นักเรียนค้นหาตำนานดาบซามูไร
    2)ให้นักเรียนหาภาพ/ชื่อ/วิธีการใช้ อาวุธนินจา อย่างน้อย 2 ชนิด



    วิชาเวทย์มนตร์คาถา [MG211] ~ MG = Magic


    นิยามเบื้องต้นเกี่ยวกับคำว่า คาถา
    คาถา แปลว่า มนตร์หรือคำพูดที่เกิดจากอำนาจจิตเจตนา ทำให้เกิดผลไม่ทางใดก็ทางนึง อยู่ภายใต้อำนาจจิตเป็นตัวสั่งการให้คาถาอ่อน-แก่ ขลัง-ไม่ขลัง

    ซึ่งนั่นแปลได้ว่า

    1.คนที่จะร่ายคาถาได้ต้องมีการฝึกจิตเป็นเบื้องต้นอย่างน้อย 1 ชั่วโมงขึ้นไปติดต่อกันมากกว่า 3 วัน(สำหรับคาถาที่เป็นBasic)

    2.คนที่จะร่ายคาถาได้จะต้องมีความมุ่งหมายและจุดประสงค์เพื่ออะไรบางอย่าง แต่ไม่ใช่เพื่อลองของ ลองดี พิสูจน์เพียงเพื่อทำให้ตนเองหรือผู้อื่นเชื่อ

    3.คนที่ร่ายคาถาได้จะต้องไม่ใช้คาถาพร่ำเพรื่อแต่เพื่อสนองงานต่อธรรมชาติ คาถามีหลายแบบ อาจจะเป็นบทสวด บทสรรเสริญ บทวิงวอน หรือบทอ้างอิง อำนาจจากธรรมชาติเอง


    โดยหลักการเบื้องต้นที่ควรรู้เกี่ยวกับคาถามีดังนี้

    1.ไม่จำเป็นต้อง ทราบและจดจำคาถาทุกบท เว้นสียแต่คาถาที่ควรค่าต่อการจดจำเช่น คาถาโบราณ คำพูดศักดิ์สิทธิ์ คาถาที่ระบุใช้ในพิธีกรรมที่มีการบังคับไว้ ซึ่งอ้างอิงจากคาถาเกิดจากอำนาจจิต โดยในเบื้องต้นใช้อำนาจจิต คำพูด สร้างเงื่อนไขของคาถาได้

    2.แม้ว่าผู้ที่ต้องการจะร่ายจะมีการฝึกจิตตามที่กล่าวไปข้างต้นอย่างสม่ำเสมอหากแต่ช่วงที่จะร่ายนั้นมีความไม่พร้อมทางเวทมนตณืหลายประการ เช่น ไม่ได้ฝึกจิต อ่อนเพลีย วันและเวลาไม่เป็นผลดีต่อการร่าย(เช่น วันร้ายที่ระบุ)

    3.พิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนจะใช้คาถาทุกครั้ง เพราะแท้จริงธรรมชาติไม่ได้ต้องการให้เราใช้คาถา คาถาที่วิเศษที่สุด คือคำพูดที่สร้างสรรค์ความดีงาม ปลุกเร้าคุณธรรมในจิตใจต่างหาก นั่นคือคาถาที่มีอำนาจมนต์วิเศษ

    4.บอกไว้เลยว่า ผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องคาถาไม่ใช่ผู้ที่เป็นเลิศที่สุดในทางเวทมนตร์ ผู้ที่แตกฉานในเรื่องจิตวิญญาณเท่านั้น ที่จะเข้าใจลึกซึ้งใน นามธรรม ละวางรูปธรรม ภักดีและขึ้นตรงต่อธรรมชาติผู้สร้างสรรพสิ่ง(ต้องขออภัยต่อบางท่านที่ผมต้องฟันธงไปเช่นนี้ หวังว่าคงเข้าใจจุดประสงค์)

    5.การเริ่มก้าวที่คาถานั้นไม่ผิด แต่ต้องมีระบบการคิดที่ลึกซึ้งเข้าใจแตกฉานในพลังอำนาจอักษรแต่ละตัวที่มาถักทอเรียงต่อกัน ซึ่งหัวใจที่เชื่อมโยงระหว่างรูปธรรมคืออักษรกับนามธรรมคือจิตต้องประสานกันอย่างลงตัว อานุภาพอันยิ่งจะถูกปลดปล่อยออกมาดดยอ้างในอำนาจธรรมชาติ

    6.ระลึกไว้เลยว่า ธรรมชาติไม่ให้พลังอำนาจแก่บุคคลที่ไม่สมควร ถามว่าแล้วทำไมพวกศาสตร์มืดได้ ผมคงต้องถามกลับว่า ความชั่ว ความมืดไม่เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติและกลไกธรรมชาติงั้นรึ อีกอย่างเค้ามีปัจจัยอื่นมากมายนที่ต่างจากเราจะไปยึดถือเลียนแบบมิได้


    คำพูดที่ควรนำไปคิดต่อหรือจดจำเพื่อระลึก

    **คาถาที่วิเศษที่สุด คือ คำพูดที่สร้างสรรค์ความดีงาม ปลุกเร้าคุณธรรมในจิตใจ ไม่มีคาถาใดที่ทำลายหรือลบเลือนคาถานี้ได้

    **ธรรมชาติไม่ให้พลังอำนาจแก่บุคคลที่ไม่สมควรจะได้รับพลังอำนาจ การทำตนให้สมควรตามแบบของพ่อมดคือ การยึดถือในจุดมุ่งหมาย ทำความเข้าใจชีวิต รู้จักคิดอย่างมีเหตุผล หมั่นฝึกตนสม่ำเสมอ ไม่ละเมอไปตามกระแสที่ผ่านไปมา

    ขอให้คนที่อ่านร่ายคาถาเป็น ไม่ใช่ร่ายคาถาได้อย่างเดียวนะ


    แห่งที่มา:http://writer.dek-d.com/Hogwarts-school/story/view.php?id=224666




    การบ้าน 

     1) ย่อเนื้อหาข้างบนอย่างย่อๆ ให้พอเข้าใจพอ เอาย่อๆนะไม่ใช่ทั่งหมด แต่อันไหนย่อไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ


    วิชาปรุงยาศาสตร์ [PM101] ~ PM = Pharmacist
    ก่อนที่จะเรียนอะไร เรามารู้กันก่อนว่าคุณสมบัติของนักปรุงยาที่ดีกันก่อน ดูสิจะมีกันสักข้อไหม อย่าลืมทำความเข้าใจหน่อยล่ะกันอันนี้หน้าจะออกสอบ(บอกกันโต้งๆ) 

    ป.ล.ถ้าอาจารย์มาไม่ทันผมออกแน่ แต่ถ้ามาทั้นก็แล้วแต่อาจารย์เขานะ ^^

    คุณสมบัติของนักปรุงยาที่ดี
    1) นักปรุงยาที่ดีต้องมีความแม่นยำในการคำนวนปริมาณส่วนผสมของยาแต่ละตัวหากมีมากหรือน้อยไปอาจเป็นอันตรายได้ 
    2)นักปรุงยาที่ดีควรมีความอดทนสูง เพราะยาบางชนิดต้องใช้เวลาในการทำนานบางทีต้องอยู่หน้าหม้อเป็นวันๆ 
    3)นักปรุงยาที่ดีควรเป็นผู้ที่มีความคิดใหม่ๆอยู่เสมอมีการลองผิดถูกเพื่อให้ได้ยาตัวใหม่ๆ 
    4)นักปรุงยาที่ดีต้องไม่นำยาที่เพิ่งทำการใช้เป็นครั้งแรกเพื่อการทดสอบไปใช้กับคนเพราะอาจเกิดความผิดพลาดได้ 
    5)นักปรุงยาที่ดีควรมีความรู้เรื่องพืชพันธุ์ไม้นานาพันธุ์และส่วนผสมที่หลากหลายและต้องหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ
    6)นักปรุงยาที่ดีต้องเป็นคนมีจิตใจเมตตาช่วยเหลือผู้อื่นได้ทุกเมื่อ
    7)นักปรุงยาที่ดีควรมีความรู้ในเรื่องการปรุงยามาบ้างไม่มากก็น้อย
    8)นักปรุงยาที่ดีควรเป็นคนช่างสังเกตสิ่งรอบข้างที่อยู่ในชีวิตประจำวันอยู่เสมอ
    9)นักปรุงยาที่ดีต้องเป็นผู้ที่รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
    10)นักปรุงยาที่ดีต้องเป็นคนช่างสังเกต โดยสังเกตสิ่งที่อยู่รอบตัวอยู่เสมอๆ
    11)นักปรุงยาที่ดีต้องรู้กาละเทศะ และมีมารยาทในการปรุงยา
    12)นักปรุงยาที่ดีต้องไม่กลั่นแกล้งผู้อื่น เพราะนั่งอาจทำให้ตัวยาของผู้อื่นเกิดความล้มเหลวได้
    13)นักปรุงยาที่ดีต้องขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติม ทั้งจากในห้องเรียนและนอกห้องเรียน
    14)นักปรุงยาที่ดีต้องหมั่นซักถามข้อสงสัยจากผู้รู้หรือไม่ก็ศาสตราจารย์ที่สอน
    15)นักปรุงยาที่ดีต้องมีความระมัดระวังในการปรุงยาเป็นอย่างสูง

    แห่งที่มา(ยืนยันไม่ได้คิดเอง):http://angleright.proboards.com/index.cgi?board=olkyu&action=display&thread=138


    การบ้าน:เพื่อเป็นการตอบสนองว่านักเรียนเป็นนักปรุงยาที่ดี

    1.ให้นักเรียนหา ชื่อ/ภาพ/คุณสมบัติ พืชพันธุ์ไม้นานาพันธุ์ที่เป็นสมุนไพร มีคุณสมบัติรักษาต่างๆมาอย่างน้อย 5 ชนิด (พยายามอย่าซ้ำกัน) [ตามคุณสมบัติในข้อ 5]

    2.ให้นักเรียนบอก ชื่อ/ภาพ อุปกรณ์ที่ใช้ในการปรุงยามาอย่างน้อย 2 ชื่อ (ซ้ำกันได้บ้าง แต่ภาพคงจะไม่เหมือนกันหรอกนะ!) [ตามคุณสมบัติในข้อ 13]

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×