คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : .★ บทเรียนที่ 1 ★.
วิชาสัตวศาสตร์ [AS431] ~ AS = Animal Science
วิชาสัตวศาสตร์ ว่าด้วยสัตว์เวทย์ในเทพนิยาย และตำนาน
สัตว์ในตำนาน
สัตว์ในตำนาน คือสัตว์ที่ปรากฎในเทพนิยาย หรือในตำนานที่แต่งขึ้น โดยลักษณะของสัตว์ในตำนานจะมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว มีความสามารถและอภินิหารพิเศษ
เชื่อกันว่าสัตว์ในตำนาน คือสัตว์ของเทพเจ้าหรือสัตว์ในยุคโบราณที่สูญพันธุ์ไปเเล้ว มีพลังเเละอำนาจที่เเตกต่างกัน หรือในอีกเเง่หนึ่งเป็นรูปปั้นต่างๆที่ชาวบ้านสร้างขึ้น เพราะเชื่อว่ามีอำนาจหรือกำลังที่จะช่วยปกป้องพวกเขาได้สัตว์ในตำนาน เช่นกริฟฟอน ,กอบลิน,กัปปะ,กิเลน,เคลปี้,คนแคระ,คราเคน,ครุฑ,โคอุศุภราช,ไคเมรา,เงือก,ชูปาคาบรา,ช้างเอราวัณ,ซาลามานเดอร์ (สิ่งมีชีวิตในตำนาน)'เซอร์เบอรัส,เซนทอร์,ไซเรน,ตะพาบยักษ์แยงซีเกียง,ทานูกิ,เนสซี
การบ้าน:ให้นักเรียนหาภาพร้อมประวัติของสัตว์ในตำนานมาคนละ 1 ชนิด [ห้ามซ้ำกันโดยเด็ดขาด]
วิชาศาสตราวุธ (การต่อสู้) [GP321] ~ GP = Grappling
ต่อสู้โดยศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว
ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว คือ ศาสตร์แขนงหนึ่งที่เน้นการเรียนและฝึกฝนด้านการต่อสู้และการป้องกันตัว ในปัจจุบันได้มีการศึกษากันอย่างแพร่หลาย ทั้งในเชิงด้านการกีฬา เพื่อฝึกฝนร่างกายให้สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง หรือแม้กระทั่งฝึกฝนจิตใจ ศิลปะป้องกันตัวอาจเป็นกลุ่มได้ตามลักษณะการต่อสู้ เช่น
- การฟาด เช่น มวย กังฟู
- การเตะ เช่น มวยไทย เทควันโด้
- การเหวี่ยงทุ่ม เช่น ยูโด มวยปล้ำ ไอคิโด้
- การใช้อาวุธ เช่น เคนโด้ การฟันดาบ
- การล็อก เช่น ยูยิสสู
ศิลปะการต่อสู้ปัจจุบันมักถูกแบ่งเป็นสองประเภท
1)ศิลปะการต่อสู้แบบกีฬา นอกจากจะถูกสอนเพื่อการต่อสู้และป้องกันตัวมักถูกลดความรุนแรงลง และปรับปรุงเป็นกีฬา มีกติกาเพื่อใช้ในการแข่งขัน เช่น คาราเต้ มวย เทควันโด้ เคนโด้ กังฟู โววีนั่ม
2)ศิลปะการต่อสู้ที่ยึดตามแบบแผนเดิม ถูกสอนโดยยึดถือแบบแผนเดิมจากอดีต ไม่มีการแข่งขัน จะถูกสอนเพื่อการต่อสู้และป้องกันตัวเท่านั้น เช่น มวยไทยโบราณ ไอคิโด้ นินจุตสุ
ต่อสู้โดยอาวุธ
ความหมายของอาวุธ
อาวุธ คือ เครื่องมือที่ใช้ระหว่างการรบเพื่อสังหารหรือทำลายทรัพย์สิน และทรัพยากร จนไม่สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรได้ อาจใช้ในการโจมตี การป้องกัน และการข่มขู่
ถูกแบ่งไว้2ประเภทคือ
(1) อาวุธที่เป็นอาวุธโดยลักษณะเช่น ดาบ หอก กระบี่ สนับมือ ปืน เครื่องระเบิด เป็นต้น
(2)อาวุธที่มิใช่อาวุธโดยลักษณะแต่ใช้ได้เสมียนดังอาวุธ มีบันทึกการใช้อาวุธปรากฏในภาพเขียนบนผนังถ้ำ การศึกษากระบวนการในการต่อสู้ ทำให้เกิดทั้งศิลปะการต่อสู้ และหลักยุทธศาสตร์
โดยอุปมา ทุกสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสียหาย (แม้ทางจิตวิทยา) สามารถจัดให้เป็นอาวุธได้ อาจเป็นอาวุธอย่างง่ายจำพวกกระบองไปจนถึงที่ซับซ้อนอย่างขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM)
ประเภทของศาสตราวุธ
แบ่งเป็น 2 อย่าง คือ
1)ศาสตราวุธที่ใช้ต่อสู้ระยะไกล เช่น ธนู มีดสั้น คทาเวทย์ หรือให้ทันสมัยหน่อยก็ปืนเวทย์
2)ศาสตราวุธที่ใช้ต่อสู้ระยะประชิด เช่น กระบี่ ดาบ สนับมือ กระบอง หอก และอื่นๆ อีกมากมาย
การบ้าน:
1)ให้นักเรียนค้นหาตำนานดาบซามูไร
2)ให้นักเรียนหาภาพ/ชื่อ/วิธีการใช้ อาวุธนินจา อย่างน้อย 2 ชนิด
วิชาเวทย์มนตร์คาถา [MG211] ~ MG = Magic
นิยามเบื้องต้นเกี่ยวกับคำว่า คาถา
คาถา แปลว่า มนตร์หรือคำพูดที่เกิดจากอำนาจจิตเจตนา ทำให้เกิดผลไม่ทางใดก็ทางนึง อยู่ภายใต้อำนาจจิตเป็นตัวสั่งการให้คาถาอ่อน-แก่ ขลัง-ไม่ขลัง
ซึ่งนั่นแปลได้ว่า
1.คนที่จะร่ายคาถาได้ต้องมีการฝึกจิตเป็นเบื้องต้นอย่างน้อย 1 ชั่วโมงขึ้นไปติดต่อกันมากกว่า 3 วัน(สำหรับคาถาที่เป็นBasic)
2.คนที่จะร่ายคาถาได้จะต้องมีความมุ่งหมายและจุดประสงค์เพื่ออะไรบางอย่าง แต่ไม่ใช่เพื่อลองของ ลองดี พิสูจน์เพียงเพื่อทำให้ตนเองหรือผู้อื่นเชื่อ
3.คนที่ร่ายคาถาได้จะต้องไม่ใช้คาถาพร่ำเพรื่อแต่เพื่อสนองงานต่อธรรมชาติ คาถามีหลายแบบ อาจจะเป็นบทสวด บทสรรเสริญ บทวิงวอน หรือบทอ้างอิง อำนาจจากธรรมชาติเอง
โดยหลักการเบื้องต้นที่ควรรู้เกี่ยวกับคาถามีดังนี้
1.ไม่จำเป็นต้อง ทราบและจดจำคาถาทุกบท เว้นสียแต่คาถาที่ควรค่าต่อการจดจำเช่น คาถาโบราณ คำพูดศักดิ์สิทธิ์ คาถาที่ระบุใช้ในพิธีกรรมที่มีการบังคับไว้ ซึ่งอ้างอิงจากคาถาเกิดจากอำนาจจิต โดยในเบื้องต้นใช้อำนาจจิต คำพูด สร้างเงื่อนไขของคาถาได้
2.แม้ว่าผู้ที่ต้องการจะร่ายจะมีการฝึกจิตตามที่กล่าวไปข้างต้นอย่างสม่ำเสมอหากแต่ช่วงที่จะร่ายนั้นมีความไม่พร้อมทางเวทมนตณืหลายประการ เช่น ไม่ได้ฝึกจิต อ่อนเพลีย วันและเวลาไม่เป็นผลดีต่อการร่าย(เช่น วันร้ายที่ระบุ)
3.พิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนจะใช้คาถาทุกครั้ง เพราะแท้จริงธรรมชาติไม่ได้ต้องการให้เราใช้คาถา คาถาที่วิเศษที่สุด คือคำพูดที่สร้างสรรค์ความดีงาม ปลุกเร้าคุณธรรมในจิตใจต่างหาก นั่นคือคาถาที่มีอำนาจมนต์วิเศษ
4.บอกไว้เลยว่า ผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องคาถาไม่ใช่ผู้ที่เป็นเลิศที่สุดในทางเวทมนตร์ ผู้ที่แตกฉานในเรื่องจิตวิญญาณเท่านั้น ที่จะเข้าใจลึกซึ้งใน นามธรรม ละวางรูปธรรม ภักดีและขึ้นตรงต่อธรรมชาติผู้สร้างสรรพสิ่ง(ต้องขออภัยต่อบางท่านที่ผมต้องฟันธงไปเช่นนี้ หวังว่าคงเข้าใจจุดประสงค์)
5.การเริ่มก้าวที่คาถานั้นไม่ผิด แต่ต้องมีระบบการคิดที่ลึกซึ้งเข้าใจแตกฉานในพลังอำนาจอักษรแต่ละตัวที่มาถักทอเรียงต่อกัน ซึ่งหัวใจที่เชื่อมโยงระหว่างรูปธรรมคืออักษรกับนามธรรมคือจิตต้องประสานกันอย่างลงตัว อานุภาพอันยิ่งจะถูกปลดปล่อยออกมาดดยอ้างในอำนาจธรรมชาติ
6.ระลึกไว้เลยว่า ธรรมชาติไม่ให้พลังอำนาจแก่บุคคลที่ไม่สมควร ถามว่าแล้วทำไมพวกศาสตร์มืดได้ ผมคงต้องถามกลับว่า ความชั่ว ความมืดไม่เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติและกลไกธรรมชาติงั้นรึ อีกอย่างเค้ามีปัจจัยอื่นมากมายนที่ต่างจากเราจะไปยึดถือเลียนแบบมิได้
คำพูดที่ควรนำไปคิดต่อหรือจดจำเพื่อระลึก
**คาถาที่วิเศษที่สุด คือ คำพูดที่สร้างสรรค์ความดีงาม ปลุกเร้าคุณธรรมในจิตใจ ไม่มีคาถาใดที่ทำลายหรือลบเลือนคาถานี้ได้
**ธรรมชาติไม่ให้พลังอำนาจแก่บุคคลที่ไม่สมควรจะได้รับพลังอำนาจ การทำตนให้สมควรตามแบบของพ่อมดคือ การยึดถือในจุดมุ่งหมาย ทำความเข้าใจชีวิต รู้จักคิดอย่างมีเหตุผล หมั่นฝึกตนสม่ำเสมอ ไม่ละเมอไปตามกระแสที่ผ่านไปมา
ขอให้คนที่อ่านร่ายคาถาเป็น ไม่ใช่ร่ายคาถาได้อย่างเดียวนะ
แห่งที่มา:http://writer.dek-d.com/Hogwarts-school/story/view.php?id=224666
การบ้าน
1) ย่อเนื้อหาข้างบนอย่างย่อๆ ให้พอเข้าใจพอ เอาย่อๆนะไม่ใช่ทั่งหมด แต่อันไหนย่อไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ
วิชาปรุงยาศาสตร์ [PM101] ~ PM = Pharmacist
ก่อนที่จะเรียนอะไร เรามารู้กันก่อนว่าคุณสมบัติของนักปรุงยาที่ดีกันก่อน ดูสิจะมีกันสักข้อไหม อย่าลืมทำความเข้าใจหน่อยล่ะกันอันนี้หน้าจะออกสอบ(บอกกันโต้งๆ)
ป.ล.ถ้าอาจารย์มาไม่ทันผมออกแน่ แต่ถ้ามาทั้นก็แล้วแต่อาจารย์เขานะ ^^
คุณสมบัติของนักปรุงยาที่ดี
1) นักปรุงยาที่ดีต้องมีความแม่นยำในการคำนวนปริมาณส่วนผสมของยาแต่ละตัวหากมีมากหรือน้อยไปอาจเป็นอันตรายได้
2)นักปรุงยาที่ดีควรมีความอดทนสูง เพราะยาบางชนิดต้องใช้เวลาในการทำนานบางทีต้องอยู่หน้าหม้อเป็นวันๆ
3)นักปรุงยาที่ดีควรเป็นผู้ที่มีความคิดใหม่ๆอยู่เสมอมีการลองผิดถูกเพื่อให้ได้ยาตัวใหม่ๆ
4)นักปรุงยาที่ดีต้องไม่นำยาที่เพิ่งทำการใช้เป็นครั้งแรกเพื่อการทดสอบไปใช้กับคนเพราะอาจเกิดความผิดพลาดได้
5)นักปรุงยาที่ดีควรมีความรู้เรื่องพืชพันธุ์ไม้นานาพันธุ์และส่วนผสมที่หลากหลายและต้องหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ
6)นักปรุงยาที่ดีต้องเป็นคนมีจิตใจเมตตาช่วยเหลือผู้อื่นได้ทุกเมื่อ
7)นักปรุงยาที่ดีควรมีความรู้ในเรื่องการปรุงยามาบ้างไม่มากก็น้อย
8)นักปรุงยาที่ดีควรเป็นคนช่างสังเกตสิ่งรอบข้างที่อยู่ในชีวิตประจำวันอยู่เสมอ
9)นักปรุงยาที่ดีต้องเป็นผู้ที่รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
10)นักปรุงยาที่ดีต้องเป็นคนช่างสังเกต โดยสังเกตสิ่งที่อยู่รอบตัวอยู่เสมอๆ
11)นักปรุงยาที่ดีต้องรู้กาละเทศะ และมีมารยาทในการปรุงยา
12)นักปรุงยาที่ดีต้องไม่กลั่นแกล้งผู้อื่น เพราะนั่งอาจทำให้ตัวยาของผู้อื่นเกิดความล้มเหลวได้
13)นักปรุงยาที่ดีต้องขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติม ทั้งจากในห้องเรียนและนอกห้องเรียน
14)นักปรุงยาที่ดีต้องหมั่นซักถามข้อสงสัยจากผู้รู้หรือไม่ก็ศาสตราจารย์ที่สอน
15)นักปรุงยาที่ดีต้องมีความระมัดระวังในการปรุงยาเป็นอย่างสูง
แห่งที่มา(ยืนยันไม่ได้คิดเอง):http://angleright.proboards.com/index.cgi?board=olkyu&action=display&thread=138
การบ้าน:เพื่อเป็นการตอบสนองว่านักเรียนเป็นนักปรุงยาที่ดี
1.ให้นักเรียนหา ชื่อ/ภาพ/คุณสมบัติ พืชพันธุ์ไม้นานาพันธุ์ที่เป็นสมุนไพร มีคุณสมบัติรักษาต่างๆมาอย่างน้อย 5 ชนิด (พยายามอย่าซ้ำกัน) [ตามคุณสมบัติในข้อ 5]
2.ให้นักเรียนบอก ชื่อ/ภาพ อุปกรณ์ที่ใช้ในการปรุงยามาอย่างน้อย 2 ชื่อ (ซ้ำกันได้บ้าง แต่ภาพคงจะไม่เหมือนกันหรอกนะ!) [ตามคุณสมบัติในข้อ 13]
ความคิดเห็น