ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    7 ราชันย์ปราการเทพSeven lord of wonderful the defense divine

    ลำดับตอนที่ #7 : ก่อนเริ่มตำนาน 6

    • อัปเดตล่าสุด 5 ธ.ค. 59


          ก่อนเริ่มตำนาน 6


       ดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน
    21 กุมภาพันธุ์ พุทธศักราช 2735
     
    ท่ามกลางโค้งชายหาดแบบฟยอร์ด คลื่นทะเลซัดสาดกับแผ่นผาน้ำแข็งจนส่งไอเย็นยะเยือก
    แผ่ปกคลุมดินแดนที่มีแสงน้อยที่สุด นี้ไว้อย่างสิ้นเชิง
    บนยอดภูผาน้ำแข็งสูงเทียมฟ้ากว่าสามพันธุ์ไมท์ ร่างโปร่งสง่าในชุดรัดกุมสีดำยืนเด่นท้าดวงอาทิตย์
    สีแดงก่ำที่สาดส่องตัดกับขอบฟ้าสีหมึก อย่างเงียบเชียบ
    ดวงตาสีเทาแลดูเย็นชาช่างไม่รับกับใบหน้าคมหวานซึ้งที่ปรากฏความอ่อนโยนเล็กๆแผ่ออกจากร่างบางที่ปล่อยเส้นผมสีดำยาวพลิ้วสะบัดไปตามกระแสคลื่นทะเลที่พัดประหนึ่งมหาสมุทรครั่งอยู่ด้านล่าง
    "เย็นฤทัย เซนเฟสเตอร์ ท่านพร้อมช่วยงานเราหรือไม่ " น้ำเสียงนุ่มนวลดังก้องจากผืนอากาศ
    รอบข้างอย่างแผ่วพลิ้ว พร้อมกับแสงสว่างสีเขียวเรืองรองประดุจฟอสฟอรัส ปรากฏขึ้นข้างๆในรูปกลุ่มเพลิง
    ก่อนขยายใหญ่ขึ้นกลายเป็นร่างชายหนุ่มร่างโปร่งที่อยู่ในอาพรสีดำสง่าแลดูเยือกเย็นและอหังการ
    แววตาสีเทาไม่ต่างจากหญิงสาวเหลียวมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของร่างบางอย่างอ่อนโยน
    "มาถึงนอร์เวย์แล้ว....จะให้กลับไปก็คงไม่ดีมั้งค่ะที่รัก "
    ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ พร้อมกับดวงเนตรสีเทาแต่ดูอ่อนโยนกว่าหญิงสาวที่เหลือบมองลงไปด้านล่างที่มีเกร็ดน้ำแข็งสีขาวสุกสกาวสะท้อนกับเกรียวคลื่นสีหมึกที่แลดูลึกล้ำและแฝงอันตราย
    " ไดรโก...ไม่รู้ว่ามีใครเข้าแย่งชิงบ้างค่ะเนี่ย " หญิงสาวคลายท่วงท่าเย็นชาของนางพยากลายมาเป็นหญิงสาวที่หน้ารักและอ่อนหวานในตอนที่อยู่กับคนรักของเธอ
    "ใจเย็นไว้สาวน้อย.... " ชายหนุ่มยิ้มพรายพร้อมยกแขนขึ้นโอบไหล่บางแล้วกล่าวช้าๆ
     
    "กองทัพ ซีลอส กะโหลกดำ ของแด็กเคาต์ ซีลอส อันไมทารา แวมไพร์จิต ของ เวนนาเรีย แทนลาสัน แล้วก็ ชากแมน ของ ออโซนิก อืม...แล้วก็มี เจ้าหมาน้อยจากอังกฤษ...สุดท้ายคงเป็น
    ค้างคาวไฟ ของ เซ็นย่า อควาเรีย
    ประมาณนี้แหละจ๊ะ ไหวไหมที่รัก...ไม่ให้ผมช่วยจริงๆเหรอ "
    ชายหนุ่มถามกลั้วเสียงหัวเราะ พร้อมจูมพิตลงบนหน้าผากนวลอย่างแกล้งๆ
    " ไม่ต้องเลย เป็นผีก็ไม่ใช่คนก็ไม่เชิงแล้วยังมานิสัยไม่ดีอีก " หญิงสาวผลักอกชายหนุ่มเบาๆ แต่ร่างสูงกว่าก็ไม่ได้ปล่อยแถมยังเลื่อนเรียวปากลงซึมซับความหอมหวานจากแก้มนวลที่ขึ้นสีชมพูระเรื่อ และเรียวปากสีกุหลาบที่น้ำเสียงใสเย็นชาถูกกลืนหายไปกับรสจูบอันวาบหวามของชายหนุ่ม
    ไดรโก เมดราคลอส ปล่อยร่างบางของหญิงสาวให้ยืนนิ่งในวงแขนอย่างอ่อนโยนก่อนดวง
    เนตรสีเทาคมกริบจะทอดมองลงไปสุดขอบฟ้าห่างไปประมาณสามหมื่นไมท์
     
    " สาวน้อย ถึงเวลาแล้ว ไม่ต้องห่วงนะครับ ใช้พลังของเธอให้เต็มที่แล้วก็อย่าลืมสิ่งที่ผมให้ไปหละ....เย็นฤทัย ที่รัก " คำว่าที่รักกลืนหายไปพร้อมร่างของหญิงสาวที่กลายเป็นลำแสงสีหมอกพุ่งทะยานจากแผ่นผา
    น้ำแข็งสูงกว่าสามพันไมท์ทะยานออกไปข้างหน้าด้วยความเร็วราวประกายแสงดาว

    ...

    ณ ห้วงสมุทรที่ใดที่หนึ่ง ของมหาสมุทรอาร์กติก
    ฉับพลันก็ปรากฏแสงสว่างสีเงินเรืองรองขึ้นและค่อยๆแผ่รัศมีความสว่างไสวเจิตจ้าออกไปรอบข้างจนสะท้อนกับน้ำทะเลสีน้ำเงินและแสงประหลาดสีเงินเจิตจรัสก็ยังไม่ได้หยุดความสว่างไสวเพียงเท่านั้น กลับยิ่งทวีความสว่างเรืองรองประหนึ่งปรากฏจันทราในห้วงทะเลผสมผสานเกร็ดน้ำแข็งส่องสะท้อนออกไปไกล
    หลายร้อยไมท์
    และในเวลาเดียวกันทางทะเลทางทิศตะวันตกก็ปรากฏ คลื่นน้ำถูกแหวกฉีกกระจายพร้อมกับมนุษย์คลึ่งฉลามเพศชายกว่าสองร้อยคนพุ่งทะยานราวความเร็วของเรือดำน้ำชั้นเยี่ยมเข้าหาจุดกำเนิดแสงตรงกลาง
    แต่ฉับพลันทางฟากฟ้าทางทิศตะวันออกก็ปรากฏเสียงกัมปนาทสะเทือนเลื่อนลั่นขึ้นพร้อมประกายไฟที่ลุกท่วมกลางอากาศพร้อมกองทัพค้างคาวหลายพันตัวที่มีไฟสีแดงสว่างเจิตจ้าลุกท่วมบินเข้าหาจุดกำเนิดแสง
    สีเงินเช่นเดียวกัน
    "ห้าๆๆๆๆ " เสียงหัวเราะพร้อมกลิ่นคาวเลือดที่โชยมากับคลื่นทะเลทางทิศเหนือปรากฏขึ้นพร้อมคนในชุดต่างๆหลายร้อยคนที่สะบัดผ้าคลุมสีดำเพียงแผ่วเบาร่างก็ลอยละล่องเข้าหาจุดกำเนิดแสงอย่างมีจุดมุ่งหมาย
    เสียงหอนโหยหวนดังไกลจากสุดขอบฟ้าก่อนจะเคลื่อนเข้ามาใกล้พร้อมกับการสั่นสะเทือนของผืนน้ำที่เริ่มสาดไหวโยนตัวปรากฏคลื่นสูงหลายเมตรซัดสาดออกรอบข้าง
    "ยินดีที่ได้พบทุกท่าน " น้ำเสียงหวานไพเราะกล่าวพร้อมกับกลิ่นหอมและความเย็นยะเยือกที่ชวนขนลุกปรากฏขึ้นพร้อมกับร่างงดงามของเด็กสาวในวัยประมาณสิบขวบพร้อมหญิงสาวที่มีไบหน้าเรียบสนิทอีกไม่ต่ำกว่าร้อยคนที่ยืนนิ่งอยู่บนผิวน้ำ
     
    "หือ...มากันอีกแล้วนะพวกท่านนี่ เหมือนผมจะไปที่ไหนพวกคุณก็ยังเป็นเจ้ากรรมนายเวรอยู่ดีแฮะ "
    น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายดังออกจากริมฝีปากใต้ฮูตคลุมสีดำของชายร่างกำยำที่ซ่อนวงหน้าหล่อเหลาใต้หน้ากากสีดำสนิท ที่มีคลาบเลือดสดๆไหลย้อยออกมาเป็นเส้นเล็กๆ
    "ฉันต่างหากที่ควรพูดอย่างงั้น นี่ฉันบอกคุณแล้วไง ว่าฉันไม่ได้รักท่านไงค่ะ ท่าน ซีลอส " น้ำเสียงไพเราะดังออกจากริมฝีปากของเด็กสาววัยสิบขวบที่มีดวงตาสีดำและสว่างเรืองเหมือนกระจกเงา พร้อมเรือนผมสีแดงเพลิงที่สะบัดไปตามกระแสลมรับกับชุดเดรสสั้นสีดำที่เผยผิวเนียนละเอียดออกมาโชแก่สายตาของทั้งหมด
    "หึๆๆ พวกคุณนี่อารมณ์ดีกันจังนะ " น้ำเสียงเยาะๆ ดังขึ้นพร้อมผิวน้ำที่ฉีกออกพร้อมกับร่างของชายหนุ่มผู้มีสาหร่ายเป็นเรือนผมและมีฟันฉลามแยกเขี้ยวออกมา
    "แล้วใครจะไปเจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนคุณหละ ออโซนิก " น้ำเสียงเย้ยหยันดังลวงมาจากผืนฟ้าพร้อมกับร่างสีแดงเพลิงของค้างคาวไฟที่กางปีกนิ่งก่อนเพลิงสีแดงเรืองโรธจะลุกท่วมและปรากฏร่างของหญิงสาวเส้นผมและในตาสี แดงขึ้นพร้อมทะยานร่างพุ่งลงมายืนนิ่งเหนือเกรียวคลื่นที่สั่นพลิ้วแผ่วเบา
    "เหอะ ปากดีไปเหอะ ซันย่า ถ้าคุณสู้กับผมจริงๆก็ไม่เท่าไรหรอก " ซันย่า อควาเรีย ยิ้มเยาะพร้อมปลายหางตาเหยียดๆมอง ออโซนิกอย่างเย้ยหยัน
    "พวกท่านมานี่ต้องการจริงๆเหรอ ...มันก็แค่อัญมณีที่ตกจากจักรวาลไม่ใช่หรือ " น้ำเสียงทุ้มเรียบๆของ ชายหนุ่มเส้นผมสีทรายกล่าวขึ้นพร้อมอาการขยี่จมูกอย่างขยักแขยงของ เวนนาเรีย
    แกรไฟเน่ ทำเหมือนมองไม่เห็นอาการเสียมารยาทของแวมไพร์น้อย
    "อย่าบอกนะว่าท่านแกรไฟเน่ผู้นำแห่งกองทับหมาป่าศักดิ์สิทธิ์ทั่วโลกไม่เคยรู้เรื่องแบบนี้ " น้ำเสียงประชดแดกดันดังออกจากริมฝีปากสีชมพูของ แวมไพร์น้อยเวนนาเรีย
    "ผมจะรู้หรือไม่รู้ก็ไม่เกี่ยวกับเด็กไม่ยอมโตอย่างคุณเวนนาเรีย " แกรไฟเน่เริ่มดวงตาสีดำสนิทวาวจ้าขึ้น ก่อนน้ำเสียงเยือกเย็นของซีลอส ท่านเคาท์แห่งกองทับแด็กคูลาจะกล่าวห้ามขึ้นและเหมือนจะหยั่งเชิงทุกฝ่าย
     
    "ไม่ทราบว่าที่ทุกท่านมาในวันนี้ต้องการสิ่งนั้นจริงๆ "
    ออโซนิกและซันย่าปลายตามองรอบข้างอย่างระมัดระวังตัวพร้อมกองกำลังของทุกฝ่ายที่เตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่สามารถพริกเปลี่ยนได้ในทุกเวลา
     
    รอยยิ้มมุมปากของซีลอสปรากฏขึ้นพร้อมกับน้ำเสียงที่ดังขึ้นอย่างแผ่วเบาๆ
    "ลงมือ "
    ออโซนิกและซันย่าต่างพุ่งขึ้นสู่ดินแดนที่เป็นเขตที่ตัวจะได้เปรียบแต่ก็เกิดเสียงแผดร้องโหหยวน
    พร้อมหยดเลือดสีแดงข้นที่แผ่ขยายออกจากผืนน้ำและท้องนภาก็ไม่ต่างกันปรากฏฝนเลือดสาดกระจายเต็มผืนฟ้า
    " หึ น่ารังเกียดนักพวกผีดูดเลือด " แกรไฟเน่สะบัดมือร่างของหมาป่านับร้อยก็ถอยออกห่างออกจากที่นั่นกว่าสามร้อยไมท์
    และพร้อมกันเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งเมื่อก้อนเพลิงพุ่งลงจากฟ้าราวห่าฝน
    "ฟ้าวตูมฟ้าวตูมฟ้าวตูมๆๆๆ " ซันย่ามอง ซีลอสและเวนนาเรียอย่างโกรธแค้น แต่หญิงสาวเส้นผมสีเปลวเพลิงก็ต้องรีบหลบคลื่นพลังจิตสีดำที่ถูกซันออกจากฝ่ามือเล็กๆของเวนนาเรียอย่างรวจเร็วแต่บาดแผลที่เกิดจากกงเล็บของแวมไพร์ ก็ทำให้เลือดสีแดงสดๆฉีดพุ่งออกมาอย่างไม่หยุด
    กลิ่นเลือดสดและคาวสร้างอารมณ์หื่นกระหายจนดวงตาของ เคาท์แด็กคูลา ซีลอส และผู้นำเผ่าพันธุ์แวมไพร์จิตทอแสงสีแดงก่ำวาวโรธ ก่อนสองกองทับแวมไพร์จะพุ่งเข้าหากองทับฉลามและกองทับค้างคาวไฟ
    อย่างพร้อมจะกำจัดผู้ที่ต้องการแย่งชิงสิ่งของที่จะทำให้อมนุษย์ที่ได้กลืนกินของชิ้นนั้นลงไปจะกลายเป็นผู้ที่มีพลังจิตและพรสวรรค์อย่างไร้ขีดจำกัด
     
    "แฮ่. " เวนนาเรียพุ่งเข้าหาลูกไฟยักษ์ที่พุ่งออกจากปากของร่างที่แท้จริงของซันย่าอย่างสบายๆพร้อม
    หมุนตัวหลบเปลวเพลิงร้อนลวกจากสมุนค้างคาวไฟและตวัดกงเล็บที่งอกยาวขึ้นกรีดฉีกร่างของค้างคาวไฟออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
    " เวนนาเรีย ยัยเด็กแวมไพร์ " ซันย่ากรีดร้องพร้อมปลดปล่อยคลื่นเพลิงระเบิดเข้าหาแวมไพร์จิตที่ทำเพียงยิ้มหยันบางๆ
    "เปลี้ยงงงตูมมมบลึ้ม!!! "
    ร่างของซันย่าปลิวขึ้นสูงพร้อมกับเลือดสดที่ฉีดย้อมผืนฟ้า
    แวมไพร์เด็กดวงตาวาววับพร้อมดูดดื่มรสเลือดบนกงเล็บของตนอย่างเพลิดเพลิน
    "ห้าๆๆ ท่านนี่เก่งกาดนะท่านเวนนาเรีย " เสียงพูดอย่างเยือกเย็นดังขึ้นพร้อมกับกงเล็บยาวที่พุ่งมาจากด้านหลังและเสียบทะลุแผ่นหลังทะลุหน้าอกและบดขยี่หัวใจของแวมไพร์เด็กจนแหลกกระจุย
    "ข้า...ก็คิด...ว่างั้น....ท่านเคาท์ " เวนนาเรียหันกลับมาด้วยความเร็วชั่วเสี้ยวกระพริบตาก่อนบอลพลังจิตจะพุ่งเข้าหาร่างของ ซีลอสที่รีบสลายตัวเป็นควันสีดำแต่ก็ยังช้าไปชั่วเสี้ยวนาที
    "ฟู่ววว " เพลิงไร้ร้อนสีขาวสุกสว่างเจิตจ้าลุกท่วมร่างของซีลอส พร้อมกับร่างของ เวนนาเรียที่หันมองกองทับแด็กคูลาที่กำลังแตกตื่นเมื่อเห็นผู้นำถูกเพลิงศักดิ์สิทธิ์เผ่าไหม้
    " ถ้าผมคิดจะฆ่าคุณมันง่ายกว่ากระพริบตา " น้ำเสียงเรียบของชายหนุ่มเส้นผมสีทรายดังขึ้นพร้อมการปลดปล่อยพลังรูปจันทร์เสี้ยวพุ่งออกไปฟาดฟันร่างของสามกองทับ จนแตกกระจายระส่ำระสาย
     
    " กล้าทำหรอไง " แวมไพร์น้อยพูดพร้อมกับหยดเลือดสีน้ำเงินที่ไหลออกจากร่างและมุมปากอย่างมากมาย
    แกรไฟเน่ไม่ตอบเพียงแขนขวาโอบร่างเล็กกว่าพร้อมทะยานหายไปในผืนทะเลอันเวิ้งว้าง และ
    พร้อมกันนั้นกลิ่นไอไม่พึงประสงค์สำหรับเผ่าพันธุ์อมตะหลายเผ่าพันธุ์ก็ปรากฏขึ้นกระจายเข้าเกาะคุกคามคั่วหัวใจของเหล่าผู้มีชีพเป็นนิรันดร์
     
    ความตาย
     
    ร่างหญิงสาวในตาสีเทา ปรากฏขึ้นพร้อมกับความตายที่เยือกเย็นพุ่งเข้าเข่นฆ่าปลิดชีวิตของเหล่าผู้มีชีพเป็นอมตะ
    ดวงตาสีเทาเย็นชาปรากฏขึ้นพร้อมกับเคียวสีขาวที่กรีดฟ้าดังหวีดหวิว สะบั้นวิญญาณของเหล่าเผ่าพันธุ์อมตะจนแตกสลายลอยหายไปในที่สุดทิ้งไว้เพียงเสียงแผดร้องระงมอย่างหวาดกลัวของ เหล่าผู้เหลือรอด
    " ไม่อยากตายตอนนี้ก็ไสหัวไป~~ " น้ำเสียงเรียบเหมือนนิรโทษ ร่างของเผ่าพันธุ์อมตะหลายเผ่าพันธุ์พุ่งหายไปไวยิ่งกว่าหนีตาย เพราะความตายที่ยืนอยู่ในผืนทะเลเบื้องหน้าไม่มีใครไม่รู้จักในโลกมืดในช่วงเวลาหลายปีมานี้
     
    เย็นฤทัย เซ็นเฟสเตอร์ เจ้าหญิงนอกราชบรรลังก์ ของอาณาจักรเนเทอร์แลน แต่นั่นยังไม่หน้ากลัวเท่ากับ สถานะของ เธอในโลกมืด
    ภริยา เพียงคนเดียวของ เทวทูตแห่งความตาย ไดรโก เมดราคลอส ผู้สำเร็จโทษอย่างซื่อตรงภายใต้นามที่คนรู้จักกันในนาม
     ยมทูต
     
    เย็นฤทัยลอยร่างเข้าหาแท่นวงกลมสีใสกระจ่างที่ภายในปรากฏผลึกสีเงินสว่างที่ส่องแสงออกไปรอบด้านหลายร้อยไมท์พร้อมกับมือขาวซีดที่ยื่นไปแตะเพียงแผ่วเบา
    อัญมณีสีเงินเรืองรองรูปหยดน้ำที่ลอยนิ่งอยู่ในครอบแก้วใสก็กลายเป็นละอองแสงบางเบาหายเข้าไปในร่างของหญิงสาวที่กำลังเบิกตาอย่างตกใจ

    ...

    เจ็ดปีถัดมา
    ประเทศไทย
    จังหวัดเพชรบุรี
    21 กุมภาพันธุ์ พุทธศักราช 2742

    คลื่นสีขาวสาดกระทบหาดทรายอย่างแผ่วเบาหาดทรายสีขาวสะอาดทอดตัวเป็นรูปแหลมจมหายไปในทะเลสีฟ้าครามจนกลืนหายไปใต้น้ำ นกน้ำกระพือปีกพึบพับ สลับกับเสียงน้ำแตกกระจายเมื่อ
    ปลาและเต่าทะเลโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ
    ถัดเข้ามาเป็นต้นมะพร้าวและต้นปาร์มที่สลับกันขึ้นจนแทบบังบังกะโลขนาดกลางไว้เกือบมิด
    ภายในบังกโล มีเสียงเพลงแว่วหวานออกจากแกรนเปียนโนตัวใหญ่สีขาวที่มีนิ้วเล็กเรียวของเด็กชาย
    ตัวน้อยผู้มีในตาสีดำคมลึกซึ้งวงหน้ารูปไข่เนียนละเอียด ทำให้คนที่พบครั้งแรกนึกว่าเป็นผู้หญิง รับกับร่างเล็กติดจะเพรียวบาง แต่ประกายเจ้าเล่ห์ที่ชอบเผยออกมาจากมุมปากที่ชอบกระตุกยิ้มชั่วร้ายก็ต้องทำให้คนรอบข้างต้องระวังตัวกับฤทธิ์ของเจ้าตัวแสบ
    " ธาร เลิกเล่นเปียโนมาหาแม่หน่อย " น้ำเสียงหวานของคุณเย็นฤทัยดังขึ้นที่หน้าบังกโลทำให้เด็กชาย
    ร่างเพรียวเหยียดตัวขึ้นบิดคลายเมื่อยขบเล็กน้อยก่อนเลื่อนนิ้วบันเลงช่วงสุดท้ายของเพลงที่ดังก้องโลกเมื่อ
    หลายร้อยปีก่อน อย่างเพลง รักแรกพบ จบลงด้วยจังหวะอ่อนหวานและหมุนตัวเก้าเดินไปหน้าประตูและผลักเปิดออกไป
     
    แต่แทนที่จะได้พบผู้เป็นแม่กลับมีร่างของชายหนุ่มแปลกหน้าผู้มีรอยยิ้มอ่อนโยนไม่ผิดกับผู้เป็นแม่
     ก่อนดวงตาคมลึกซึ้งของธารจะหรี่ลงก่อนคำทักทายคำแรกแทนที่จะเรียกบิดาผู้บังเกิดเกล้ากลับพูดอย่างหน้าตาเฉย
    " แม่ครับ หิวข้าว แล้วก็อย่าให้บ๋อยมายืนขวางห้องเล่นดนตรีของผม "คุณเย็นฤทัยที่เดินออกมาจากห้องครัวแทบหัวทิ่มก่อนดวงตาสีเทาของคุณแม่จะจ้องจนธารต้องหันกลับไปทางชายหนุ่มที่หน้าเหวอไปแล้ว
    " นี่ พ่อจะยืนเท่เป็นซุปเปอร์แมนอีกนานไหม ไปช่วยแม่ยกของกินสิครับ ส่วนคุณลูกที่แสนดีจะไปรอหน้า
    บังกโลครับ " ธารฉีกยิ้มร้ายๆให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะพูดด้วยเสียงดังจนคุณแม่ได้ยิน
    " ผมรักพ่อนะครับ " คุณพ่อที่ได้ยินก็ถึงกับขอบตาชื้นแต่พอเด็กชายเดินเข้ามาสวมกอดพร้อมกับส้นเท้าที่
    ไร้ปรานีวางลงบนหลังเท้า เสียงกัดฟันกรอดก็ดังขึ้นพร้อมกับพ่อที่ไม่ยอมเสียเหลี่ยมพูดเสียงดังจนคุณเย็นฤทัย
    ชักแปลกใจขึ้นมา
    "พ่อก็รักลูกธารมากคุณลูกที่แสนดี " คุณพ่อยกมือขึ้นบีบขมับของเด็กชายจนธารทำสีหน้าเจ็บปวด แต่พอชายหนุ่มคลายแรงลงธารก็รีบหันไปโวยวายกับแม่ที่เดินเข้ามามองทันที
    "แม่พ่อแกล้งผม " ธารพูดพร้อมขอบตาที่แดงขึ้นเหมือนน้ำตาจะไหลออกมา คุณเย็นฤทัยหันไปส่งสายตาดุๆ ให้ ไดรโก เมดราคลอสที่ทำสีหน้าเหนื่อยใจ
    เมื่อธารได้รับการโอ๋จากแม่สักพักเด็กชายก็หันไปยกนิ้วกลางให้พ่อเป็นเชิงเยาะเย้ยก่อนจะวิ่งออกไปจากบังกโลพร้อมเสียงหัวเราะที่ดังก้องเหมือนจอมมารก็ไม่ปาน
    ทิ้งให้เทวทูตแห่งความตายต้องจดโทษของลูกชายไว้ในบันชีแค้น ก่อนจะต้องรีบเดินตามภรรยาไปใน
    ห้องครัวทำอาหารกลางวัน เพื่อจะนำไปถวายลูกชายผู้แสนดี

    ...

    ด้านธารที่เดินออกมานอกบังกโลที่ห่างออกไปไม่ไกลจะเป็นป่ามะพร้าวและป่าต้นปาร์มและถัดออกไปอีกจะเป็นหาดทรายรูปแหลมที่ยื่นหายไปในทะเล
    สถานที่นี้ เป็นเกาะส่วนตัวของตระกูล วัจนะอมตะพร ซึ่งหลังจากเหตการเมื่อเจ็ดปีก่อน คุณเย็นฤทัยก็ถูกตามล่าอย่างหนักจนทำให้หญิงสาวต้องซัดเซพเนจร มาถึงประเทศเล็กๆแถบ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้และได้ใช้สารพัดวิธีในการหลบหนีกองกำลังอมนุษย์ทั่วโลก
    และในตอนนั้นเหตการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อคุณเย็นฤทัยดันท้อง ซึ่งมันก็ได้สร้างทั้งคุณอนันท์และโทษมหันให้เธอ เพราะมนุษย์ธรรมดาที่มีความสัมพันธุ์กับยมทูตจะไม่มีทางมีคัญได้แต่นี่คุณเย็นฤทัยกลับท้อง ได้สร้างความยินดีแก่เธอมากและก็สร้างปัญหาให้เธอมากเพราะเมื่อมีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ เธอก็ต้องจำเป็นต้องถนอมร่างกายไว้อย่างสูง จนกระทั่ง ไดรโก เมดราคลอสได้ให้ความช่วยเหลือหญิงสาวพร้อมกับอำนวยความสะดวกทุกอย่างให้หญิงสาวจน เปลี่ยนนามสกุลและหาสถานที่ที่ชายหนุ่มสายเลือดยมทูตสามารถปกป้อง
    หญิงสาวอันเป็นที่รักได้เต็มที่
    และก็พบที่นี่ เกาะเล็กๆแต่มีบรรยากาศและธรรมชาติงดงามรวมถึงมีเส้นทางการเข้าออกได้หลายทาง และไม่ได้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเลยทีเดียว
     
    เด็กชายเดินทอดน่องออกไปจนถึงชายหาดสีขาวสะอาดสัมผัสได้ถึงไอทะเลเย็นชื้น ที่ขอบฟ้าไกลตามีกลุ่มเมฆสีดำหมุนวนอยู่เต็มผืนฟ้า บ่งบอกสภาพอากาศที่ในเวลาอีกไม่นานจะต้องมีหยดน้ำจากฟ้าหลั่งรินลงมาแน่นอน
    ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จังหวัดเพชรบุรีจะมีฝนตกทุกฤดู แต่น้ำทะเลที่ไหวตัวเป็นลูกคลื่นหนุนสูงขึ้นมากลับทำให้สมองของเด็กชายตัวน้อยเกิดเสียงวิ๊งเบาๆ
     
    ธารไม่ค่อยชินกับเสียงวิ๊งในสมองเพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของเด็กวัยเจ็ดขวบของเขามันเตือนว่าไม่ใช่การมีโชคดีเลย
    และเรื่องที่เด็กชายร่างเพรียวคาดไว้ก็ไม่ผิดไปแม้แต่นิด เมื่อปรากฏหนวดสีแดงก่ำและมี
    จานดูดหลายร้อยอันพุ่งออกมาจากเกรียวคลื่นที่หนุนขึ้นสูงเป็นละลอกสูงกว่าสิบเมตร
    พุ่งเข้าหาร่างเพรียวที่ยืนนิ่งๆรอหนวดสีแดงพุ่งเข้าใกล้แล้วจึงค่อยโบกมือเบาๆ
    เม็ดทรายฟุ้งตลบขึ้นมาพร้อมกระแสพลังสีเงินสว่างจ้าบาดตาฟาดเปลี้ยงจนหนวดของสัตว์ประหลาดใต้ทะเลลึก ฉีกขาดกระจุยกระจาย
    คาวเลือดส่งกลิ่นฟุ้งไปตามกระแสลมทะเลที่พัดเข้าอย่างรุนแรง ธารยกมือขึ้นปิดจมูกอย่างเบื่อหน่ายพร้อมกับการหันหลังกลับและกวาดมือกลับหลังอย่างแผ่วเบาสิบครั้งซ้อนๆ
    " บลึ้มๆๆๆๆบลึ้มๆๆๆๆ!!!! " !! เสียงระเบิดเสียงดังทึบๆดังถี่ยิบพร้อมกับหยดน้ำสีฟ้าครามที่ระเบิดออก
    รอบด้านเผยให้เห็นร่างของหมึกยักษ์สีแดงสดที่ตอนนี้ชุ่มโชกด้วยหยดเลือดสีแดงฉานที่ไหลย้อมทะเลสีฟ้ากลายเป็นทะเลเลือดเดือด
    " กรี๊ดดดดดสส " เสียงกรีดร้องกำลังดังขึ้นร่างของเรียวก็แซกอากาศมาปรากฏตรงหน้าร่างหมึกยักษ์และสะบัดมือขวาตบครั้งเดียวร่างหมึกยักษ์ก็ลอยออกไปไกลกว่าร้อยเมตรและร่างฉีกกระจุยกระจายหายไปในทะเลที่มีละลอกคลื่นสั่นไหวจนปั่นป่วน
    ธารหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆก่อนจะประกบสองมือแล้วแยกออกเผยให้เห็นบอลจิตสีเงินสุกสว่างที่ปรากฏขึ้นและซัดออกไปในผิวทะเลจนก่อให้เกิดเสียงระเบิดกัมปนาทและอนุภาพทำลายจนผืนทะเลตรงหน้าแหวกออกเผยให้เห็นถึงความแหลกลานของกรวดหินดินทรายใต้ทะเลที่แหลกยับไม่เหลือชิ้นดี
    "ตูมมม " !!
    ร่างเพรียวหมุนตัวกลับและต้องเลิกคิ้วขึ้นนิดๆเมื่อเห็นแววตาอ่อนใจของผู้ได้ชื่อว่า " พ่อ " ที่จ้องนิ่งๆมาที่เด็กชาย
    " พ่อจ้องผมทำไม ผมเขินนะ " เรียวทำท่าทางหน้าเตะทำให้เสียงแค่นออกจากจมูกผู้เป็นพ่ออย่างต้องใช้ความอดทนขั้นเทพ
    " แกเขินฉันแล้วจะทำฉันเหมือนไอ้พวกเมื่อกี้ไหมละ " ธารทำสีหน้าเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก่อน ตอบไปอย่างสบายๆ
    " ไม่หรอกผมไม่ทำพ่อที่บังเกิดเกล้า เหมือนเจ้าพวกนั้นหรอก " ธารหยุดและยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนพูดพร้อมหัวเราะเสียงก้อง
    " แต่ผมจะทำให้หนักกว่านั้นอีกร้อยเท่าถ้าพ่อทำแม่เสียใจ ห้าๆๆๆๆ "
    พ่อและลูกมองตากันก่อนผู้เป็นพ่อจะส่ายหน้าและสะบัดมือไล่เด็กชายให้กลับไปกินข้าวพร้อมตัวเองที่เดินตามไปและทอดสายตาอ่อนโยนมองร่างเล็กของบุตรชายที่จะกลายเป็นอนาคตของโลกในวันหน้า.....
     
    ต้องขอโทษ นักอ่านทุกท่านนนน ด้วยคราบบบ
    ที่นักเขียนหายไปหลายวันหลายชั่วโมงหลายนาที
    555 พอดีช่วงนี้
    ผมกำลังเผชิญปัญหา ชีวิตที่หนักหนาสาหัด อย่าง การอกหัก
    พูดไปแล้วมันเศร้า แต่ผมไม่ดื่มเล่าแน่ครับ เดี๋ยวนิยายตอนต่อไปไม่ออก
    5555
    ขอบคุณที่เข้าชม และขอความคิดเห็นจากนักอ่านและขอ ท่องเวทให้มีคนอ่านและแฟนๆเยอะๆๆด้วยเถอดดดด
    โอม เพี่ยงงงงๆๆ
     
    555
    ขอบคุณที่เข้าชมม
    by ผีหิมะ 55555
    โปรดติดตามตอนต่อไป
    ก่อนเริ่มตำนาน 7
    ช่วงนี้คิดว่าทุกท่านคงยังงงๆอยู่ก็ติดตามกันไปเรื่อยนะจ๊ะจะได้รู้ว่าจะเป็นยังไงๆๆๆ
    5555 ผีหิมะ มีอ่อย
    ขอบคุณครับ


    by ghost snow

     


    .......................***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×