ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    the three haunt of high school.

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ย. 60


           บทที่ 5

     

     

       คุณเคยวิ่งหนีอะไรสักอย่างที่สุดชีวิตไหม……..

    สำหรับผมการวิ่งหนีที่ผ่านมาในชีวิตที่เป็นตัวเป็นตนขึ้นมา

    มันเทียบไม่ได้กับการซอยสปีดสุดฝีเท้าตอนนี้แม้แต่เศษหนึ่งในหมื่นเลย

    เปลี้ยง , เปลี้ยง , เปลี้ยง!!!”

    ฟ้าฝนคะนองนอกอาคารวิทยาศาสตร์สาดแสงสว่างแปลบปลาบเข้าสู่อาคารสีขาวที่สลัวลางด้วยเงาฝนจนดูพร่ามัว

    กระจกรอบอาคารสั่นไหว

    เกิดรอยร้าวขยายตัวออกไปเหมือนไยแมงมุม

    ก่อนเสียงลั่นเปรี๊ยะและเสียงกรีดร้องอย่างสะใจจะกังวานลั่นตึก

    เพล๊ง  เพล๊ง  เพล๊ง  เพล๊ง  เพล๊ง……!!!”

    วี๊ดดด!!!”

    เศษกระจกรอบข้างเหมือนลอยละล่องอยู่ในพายุ

    คมกระจกบินหวือพุ่งเข้าหาผู้ที่กล้าเข้ามาท้าทายอำนาจเหนือธรรมชาติ

      บ้าเอ้ย~”

    คุณคำมีบ่นพร้อมวิ่งหลบไปตามทางลงบันไดแนวโค้งที่วนเวียนเป็นขั้นสวยงามแต่ตอนนี้มันทำให้เขาชักจะหงุดหงิดขึ้นมา

      มึงต้องต๊ายยยย~~~~~”

    คลื่นเสียงกรีดแหลมพร้อมเงาทะมึนที่ทาบปิดทางตรงหน้า กลิ่นเหม็นสะอิดสะเอียนและรอยยิ้มสยดสยองจากเบ้าตากลวงสีน้ำตาลคล้ำทำให้คุณคำมีเบรกตัวโก่ง

     เมื่อมองผ่านร่างตรงหน้าไปดวงตาสีดำเข้มของคุณคำมีก็แข็งทื่อ…..

     

    สายฟ้าแลบสว่างจ้าคงสาดส่องให้คุณคำมีมองเห็นบางสิ่งบางอย่างที่หน้ากลัวจนดวงตาที่เคยนิ่งแข็งมึนๆ มาตลอดแข็งกระด้างขึ้นมาได้ฉับพลัน

    เปลี้ยง!!!”

    สายฟ้าเส้นงอพุ่งลงสถิตบนยอดไม้ใหญ่ห่างออกไปไม่ถึงสิบเมตรจากอาคารวิทยาศาสตร์

    คุณคำมีกระตุกตัวสะดุ้ง เหมือนหลุดจากดวงตาสีแดงฉานเรืองรองที่ไอหมอกสีดำค่อยๆ ไหลลงมาขึ้นรูปรวมตัวกลายเป็นมือขนาดใหญ่สีแดงฉานขยับยื่นออกจากหมอกสีแดงก่ำเคลื่อนเข้าหาคุณคำมีที่ถอยกลูดอย่างตกใจในสิ่งที่เหนือสามัญสำนึกจะเข้าใจตรงหน้า

      ไอ้หมอเอ๊ยมึงบอกให้กูไม่เชื่อเรื่องผี ห่าแล้วที่เกิดขึ้นกับกูนี่หละ~”

    นี่เป็นชั้นสองถ้าเขาไม่ถอยจนสุดขอบระเบียงและตัดสินใจกระโดดเขาจะต้องหลุดเข้าไปในโลกสีแดงก่ำที่ลุกท่วมด้วย

    เพลิงแห่งความพยาบาทแสงสว่างแดงโร่จากความอาฆาต

    และความหน้าสยดสยองอย่างไร้ที่สุดแน่ๆ

    ไม่มีใครรู้ว่า คุณคำมีมองเห็นอะไร

    ที่ถึงกับทำให้ชายหนุ่มที่ทำหน้ามึนมาทั้งวันใบหน้าซีดลงอย่างตกใจ

     เท้าถอยถึงขอบระเบียงชั้นสองที่กระจกบานใหญ่แตกร้าวเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยปลิวไปกับพายุที่กระหน่ำภายนอก

    สายฝนเย็นยะเยือกพัดพาละอองหนาวเหน็บเพียงชั่วเสี้ยวไม่ถึงนาที ทั่วทั้งตัวก็เปียกโชกด้วยน้ำเย็นจัด

    ทำให้เขามีสติขึ้นมา

    มือแดงฉานขยับเข้ามาใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้น

    ดวงตาเหลือกที่ควรเป็นสีขาวแต่เมื่อยามสะท้อนกับสายฟ้าเส้นเลือดเล็กๆ แตกลงพร้อมกันปลดปล่อยปริมาณเลือดมวลมหาศาลย้อมดวงตาสีแดงก่ำในค่ำคืนสีมืดมิด

      หนึ่งสองสามไปตายเอาดาบหน้าโว่ย~”

    เท้าสัมผัสได้ถึงอากาศที่ว่างปล่าว

    จมูกสัมผัสได้ถึงรสเลือดที่ลอยฟุ้งผ่านจมูกไป

    ร่างดิ่งลงกระแทกกับกิ่งไม้จนหักลู่ไปเป็นทางยาว

    แสงแดงฉานจากเบ้าตากลวงลึกหน้าสะพลึงสาดสว่างอย่างหมายมั่น

    กระจกนับร้อยชิ้นบ้างใหญ่บ้างเล็กบ้างคมบ้างแหลมบินติดตามลงไปในพุ่มไม้ที่มีเสียงร้องประสานกันดังขึ้นมา

    โอ้ย/แอ๊ก!!!~~~”

     

                     ในค่ำคืนฝนกระหน่ำฟ้าคำรามทำให้โลกทั้งโลกกลายเป็นเงียบเหงาเดียวดาย

    บนพุ่มไม้ดอกหน้าอาคารวิทยาศาสตร์สองร่างกำลังนอนจุกและมองเศษคมกระจกนับร้อยที่ควงตัดอากาศพุ่งเข้าหาอย่างหมดทางรอด

    โอ๊ย เจ็บจัง~”

    เพนกวิ้นได้รับสายฝนกระหน่ำเทย้อมทั้งเนื้อทั้งตัวจนเปียกโชกเป็นลูกหมาตกน้ำ

    คุณคำมีนั่นแย่ยิ่งกว่า

    ทั้งตัวเต็มไปด้วยแผลถลอกและเลือดที่ไหลซิบไม่หยุด

    แต่เขาก็ยังมีความเป็นสุภาพบุรุษที่เอาแผ่นหลังกระแทกพื้นเพื่อให้เพนกวิ้นปลอดภัย

    แต่เพราะการกระทำนี้ทำให้เขาลุกไม่ขึ้น

    เวลานี้ไม่ใช่มาบ่นว่าเจ็บไม่เจ็บน้ะ ทำไงก็ได้ให้หนีพ้นเศษกระจกพวกนี้ก่อน

    คุณคำมีตะโกนแข่งกับเสียงฝนและสายฟ้าคะนองที่สาดแสงสว่างผ่านทั้งสองที่นอนหมดทางหนีไปแปลบปลาบ

    เพนกวิ้นเอียงหูลงฟังคำพูดที่ไม่ค่อยชัดเจนก่อนเธอจะรีบเหลือบตาขึ้นมองด้านบน

    ร่างทะมึนที่เธอพบที่ชั้นห้ากำลังล่องลอยขึ้นช้าๆ และค่อยๆ เคลื่อนใกล้เข้ามาจากชั้นสอง

    สายน้ำสีแดงชโลมตามระเบียงที่ร่างขนาดยักษ์กว่าสองเมตรล่องลอยผ่าน

    เสียงหัวเราะแหลมชวนขนลุกทำให้เด็กสาวตัวแข็งทื่อ

    คมกระจกนับร้อยชิ้นบินหมุนอยู่รอบๆ ร่างเหนือปาฏิหาริย์ตรงหน้า

    แกทำตัวเองนะเวิ่ย~”

    ชายหนุ่มสะดุ้งเมื่อเด็กสาวกระโดดลุกขึ้นโดยมีแผ่นอกแข็งแรงของเขาเป็นฐานรองเท้า

     

                     เพนกวิ้นยกมือซ้ายขึ้นนาฬิกาในข้อมือส่องสว่างสีส้มจางๆ

     การว่าด้วย กัมมันตภาพรังสีในการเรียนวิทยาศาสตร์แล้ว

    แบ่งรังสีออกเป็นสามระดับ มีค่าความทะลุทะลวงต่างกันออกไปตามแต่คุณสมบัติของรังสีและวัตถุที่สามารถทะลุผ่านได้นั้นๆ

    “ Grama”

                     แสงสีส้มเข้าห่อหุ้มหน้าปัดนาฬิกาพร้อมกับสายฟ้าที่กระพลิบสว่างขึ้นบนท้องฟ้าเหนือศีรษะสูงขึ้นไปหลายร้อยเมตร

    ติดต่อกันเป็นทรงโดมสว่างที่มีกระแสไฟฟ้าไหลวนไปรอบเขตทรงกลมฟ้าขนาดเล็กเบื้องบน

    “action”

    กฎข้อที่สามของนิวตัน ได้กล่าวไว้ว่า

    สิ่งที่วัตถุหนึ่งกระทำต่อวัตถุสองจะเท่ากับวัตถุสองกระทำต่อวัตถุหนึ่ง

     

                    รังสีแกรมมาที่บรรจุด้วยอำนาจการทะลุทะลวงสูงพุ่งขึ้นสู่ผืนฟ้าเข้าสู่ศูนย์กลางของวงโคจรสายฟ้า

    แสงสว่างแลบแปลบเมื่อวงการโคจรถูกทำลายสมดุล

    สายฟ้าเริ่มแตกปะทุออกจากรอบข้างอย่างหน้ากลัว

    และแล้วปฏิกิริยา Reaction ก็สำแดงผล

    สายฟ้าไหลเข้ารวมศูนย์เป้าหมายก็คือเพนกวิ้น

    ที่กระโดดลงจากตัวคุณคำมีทิ้งชายหนุ่มให้ตาค้าง

    เด็กสาวเอียงหน้าปัดนาฬิกาทำมุมสี่สิบห้าองศาพอดีกับที่ร่างหุ่นทดลองทางชีวะที่ภายในมีดวงวิญญาณสิงสถิตอยู่ด้วยความอาฆาต

    ล่องลอยเข้ามาถึง

      ไปเกิดใหม่ไป๊~~~”

    เพนกวิ้นรู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าที่ไหลวาบผ่านตัวพุ่งเข้าสะท้อนกับหน้าปัดนาฬิกาพุ่งเข้าแตกระเบิดอัดกระแทกหุ่นทดลองทางชีวะที่ปลิวไปกระแทกอาคารวิทยาศาสตร์ที่อาคารด้านหนึ่งถึงกับแตกยุบเข้าไปเป็นรูปตัวคน

     เปลี้ยงงงง!!!!”

    เสียงกรีดร้องโหยหวนแผดลั่นขึ้นจนสายฟ้าและไอน้ำลอยละล่องทั่วอากาศ

    เพนกวิ้นตัวสั่นเพราะกระแสไฟฟ้าสถิตไปทั่วตัว

    คุณคำมีที่กระโดดลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจรีบวิ่งเข้ามารับร่างบางที่กำลังจะล้มไว้

    เปรี๊ยะ~”

    เพนกวิ้นและชายหนุ่มนามคำมีกระตุกขึ้นพร้อมกัน กระแสไฟฟ้าที่สถิตทั่วร่างของเพนกวิ้นเหมือนจะสาบสูญไปเมื่อได้เห็นคนตรงหน้าผ่านเพียงแสงวาบเดียวของสายฟ้า

    แต่ก็นานพอที่จะทำให้เธอตกใจกับความหน้าตาดีที่เขาพยายามปิดบังมันไว้มาทั้งวัน

    บัตินี้หมวกแก๊บคู่ใจได้บินหายไปกับสายลมแรงที่กระพือพัดจนทั้งคู่ตัวสั่น

    เป็นอะไรรึเปล่า ?

    คุณคำมีเหลือบซ้ายขวาก่อนตัดสินใจสอดแขนแข็งแรงช้อนเข้าใต้ข้อพับขาและท้ายทอยอุ้มร่างบางที่ลืมนิสัยเกรียนของตัวเองไปชั่วคราว

    ถ้าจำไม่ผิดเวลาที่ผ่านมาเมื่อเธอกับเขาสบตากันเป็นครั้งแรก เหมือนจะเกิดไฟฟ้าสถิต…..

    แต่เด็กสาวอย่างเพนกวิ้นไม่เคยมีความเชื่อเรื่องรักแรกภพหรืออะไรเทือกนี้ในหัวมาก่อน

    ในสมองของเธอมีแต่วิทยาศาสตร์และความเกรียนเทพ

    จู่ๆ ความอ่อนเพลียก็เข้ามาจู่โจมจนฉุดสติให้เข้าสู่ผวังการหลับลึกไปอย่างไม่ทันเตรียมตัว

     

      ชายหนุ่มออกวิ่งอีกครั้ง ถึงแม้ทั้งตัวจะร้าวระบมไปทั่วทุกส่วน

    ทิ้งความหน้าสะพลึงและความท้าทายที่หมดลง โดยเขาหารู้ไม่ว่า....การกระทำของเขาและเธอในวันนี้จะนำมาสู่โศกนาฏกรรมอันน่าสะพลึงกลัวในเวลาต่อมา

    แสงไฟลำจ้าสาดสว่างมาจากข้างหน้า

    คุณคำมีเงยหน้าขึ้นมอง เวลานี้เขาวิ่งห่างโรงเรียนออกมากว่าสามกิโลเมตรแล้ว

    เป็นไปได้หรือไม่ที่เขาจะลองขอติดรถชาวบ้านแล้วหาทางพาเด็กสาวในวงแขนไปส่งบ้าน

    ปิ้มๆ เสียงแตรรถดังกังวาน

    พร้อมกับเขาที่ร้องขอไปก่อนจะมองหน้าคนขับรถ

    พี่ครับขอติดรถไปด้วยได้รึเปล่าครับ ?

     

    เฮ้ย ไอ้คุณคำมี~ มึงไปทำไรมาขึ้นรถก่อน ?

    ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคนขับอย่างไม่อยากเชื่อหู

    นิติเวชหนุ่มในเสื้อคลุมแพทที่หน้ายุ่งกำลังจ้องเขาอย่างแปลกใจสุดๆ

    ในตาของเพื่อนสนิทเต็มไปด้วยคำถามแต่เขาก็ยังไม่เอ่ยอะไร เสียงทุ้มอีกเสียงหนึ่งก็ถามมาก่อน

    นี่มึงไปทำอะไรมาทำไมสภาพเละขนาดนี้ ?

    ชายหนุ่มในชุดตำรวจกองปราบยศสารวัดชะโงกหน้ามามองคุณคำมีบ้าง

    ในตาสีเหล็กของคุณตำรวจก็ทอแววเคร่งเครียดไม่แพ้กัน

    เอาเป็นว่าให้กูขึ้นรถก่อน เดี๋ยวค่อยคุยกัน

    เพราะฉะนั้นอีกไม่นานต่อมา สามเพื่อนสนิทที่นานๆ ที่เวรกรรมจะได้บันดาลให้พวกเขามาเจอกันสักที

    ก็เข้ามาสู่ในห้องโดยสารแคบๆ

    ตลอดไรทางเต็มไปด้วยความเงียบ

    ก่อนคุณคำมีจะเอ่ยทำลายความเงียบรอบข้างขึ้น

    พวกมึงทำไมผ่านมาทางนี้ได้หละ ?

    คุณหมอหนุ่มยังตั้งใจขับรถไปข้างหน้า สารวัดหนุ่มยกเครื่องดื่มในมือขึ้นจิบอย่างไม่คิดจะตอบเพื่อน หรือไม่งั้นก็คงไม่มีอะไรจะตอบ

    มึงไม่ต้องถามซ้ำหรอกไอ้คุณคำมี กูกำลังจะบอกข่าวร้าย ศพที่ถูกเก็บในห้องเก็บศพของโรงพยาบาลหาย ทุกศพ ทั้งที่ส่งไปในวันนี้สองศพทีมแพทย์ชันสูตรกำลังจะเอาออกมาชันสูตรแต่พอเปิดลิ้นชักออก หึๆ หายหมด

    เท่านั้นยังไม่พอเวิ่ย มึงดูนี่

    สารวัดหนุ่ม เขี่ยกระดาษในมือที่คลึงเล่นอยู่โยนมาให้เพื่อนที่คลี่เปิดอ่านกับแสงไฟสีส้มเหนือหัว

    ไม่ว่าพวกมึงจะเป็นใครอย่าคิดจะมายุ่งกับพวกกู ไม่งั้นขอเตือนไม่ตายดีแน่

     

                     คุณคำมีเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน แล้วนิ่งคิดไปหูก็รับฟังเพื่อนสารวัดที่พ่นลมหายใจแรง

    เส้นทางที่มุ่งหน้าไปเป็นเส้นทางที่ข้อนข้างเปลี่ยวร้างคน

    คุณคำมีไม่ต้องเดาว่าเพื่อนจะไปไหนเขาก็รู้

    บ้านพักแพทย์นิติเวชที่อยู่สูงขึ้นไปเหนือระดับบ้านพักข้าราชการทั่วไป

    ที่ทั้งมืดและเปลี่ยว

    เอ่อ..กูถามมึงหน่อยได้ไหม จะถามตั้งแต่มึงพาขึ้นรถแล้วหละ ?

    คุณหมอเลี้ยวรถเข้าสู่ทางโรยกรวดมุ่งหน้าขึ้นสูงไปอีก

    สารวัดหนุ่มก็นิ่งฟัง เหมือนรอคำตอบจากเพื่อนผู้กำลังเอนตัวเคร่งเครียด

    ว่า ?

    เด็กที่มึงอุ้มมา นี่...มึงไปคว้าเธอมาจากไหน~ ?

    คุณคำมีมองคนที่ลมหายใจสม่ำเสมออย่างเดาความรู้สึกไม่ออก

    แค่เด็กกลับบ้านช้า กูจะไปส่งเขากลับบ้าน เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันทำไมต้องโกหกเพื่อนด้วย

    แต่จะให้เขาอธิบายเดี๋ยวไอ้หมอก็คงหาว่าเขางมงาย

    แต่ถ้าเป็นคุณสารวัดละก็ ไม่แน่นัก….

    มึงพูดแบบนี้ เหมือนดูถูกอาชีพกูนะเวิ่ยไอ้คุณคำมี กูสารวัดกองสืบสวนพิเศษฆาตกรรมและอาชญากรรมน้ะ

     

      คุณคำมียกมือขึ้นก่ายหน้าผาก ก่อนส่ายหน้าอย่างยอมแพ้เพื่อนทั้งคู่

    แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ความสงสัยในกลางวัน เรื่องที่พบ เจอ และได้ประสบมากับตัวเองก็หลุดออกจากปากคุณคำมีทำให้เพื่อนทั้งคู่หน้านิ่งคิดเข้าไปอีก

     

       ขอโทษเถอะ กูไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้เท่าไร กูคงพูดไม่ได้ว่าเชื่อเต็มร้อย

    แต่กูคิดว่ามึงไม่โกหก แต่มึงบอกว่ายัยเด็กม.ต้นนี่มีอะไรที่จัดการเจ้าวิญญาณในหุ่นงั้นได้เหรอ ?

    นิติเวชหนุ่มมองสภาพที่ไม่เหลือชิ้นดีของทั้งเพื่อนและเด็กสาวที่เพื่อนอุ้มไว้ไม่ยอมปล่อย

    อื่ม กูคิดว่า แค่คิดน้ะ

    ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดวิญญาณนั่นน่าจะสลายไปเกิดใหม่แล้วมั้ง

    มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกเวิ่ย ทุกอย่างมีเหตุและผลในตัวเอง ถ้ามึงคิดว่าหุ่นมีวิญญาณแล้วถูกฟ้าผ่าวิญญาณจะตาย มันก็ไม่แน่น้ะมึง

    สารวัดกองปราบเดินลงจากรถก่อนเป็นคนแรก

    เมื่อพาหนะรุ่นใหม่ทันสมัยที่สุดในประเทศคลานเข้ามาจอดหน้าบ้านสีขาวขนาดกลางที่ซ่อนตัวเงียบเชียบอยู่ในต้นไม้ใหญ่หลายต้น

    แล้วมึงจะทำอะไรไอ้คุณคำมี ?

    เพื่อนนิติเวชรีบถามเมื่อเห็นคุณคำมีอุ้มเด็กสาวเก้าลิ่วๆ นำหน้าทั้งสองเข้าไปในบ้านก่อนเป็นคนแรก

    อาบน้ำให้เด็กนี่ไง~” คุณคำมีบอกก่อนจะแหงนหน้ามองฟ้าที่ฝนยังตกกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา

    สองหนุ่มตาเหลือกรีบวิ่งตามเพื่อนคนทำความสะอาดเข้าไปส่วนหลังของบ้าน

    เฮ้ยเมิงงง อย่านะเวิ่ย ไม่งั้นกูจับมึงพากผู้เยาว์นะเวิ้ย~”

    สารวัดหนุ่มรีบวิ่งตามเข้ามาจนถึงหน้าห้องอาบน้ำก่อนคุณคำมีจะเก้าเข้าไปเพียงเก้าเดียวและบอกพร้อมหอบ

    บ้าน่าพวกมึงคิดอะไร กูจะปลุกยัยเด็กนี่ขึ้นมาให้อาบน้ำแล้วค่อยไปส่งกลับบ้าน

    ถ้าทั้งคู่ไม่ได้สนิทกับคนตรงหน้ามาตั้งแต่ประถมมัธยมยันจบอุดมศึกษา คงจะเชื่อการบอกหน้าตายของคุณคำมี

    สองหนุ่มหรี่ตาแล้วพูดแทบจะพร้อมกัน

    ไอ้แก่หื่นเอ๊ย มึงจะกินเด็กหรือไง~~”

     

                     ชายหนุ่มทั้งสามเดินออกมาคุยกันในห้องรับแขกขนาดเล็ก บนใบหน้าของทุกคนมีแต่ความเคร่งเครียด

    กูได้ข้อมูลเรื่องผอ.สมคิดมาแล้ว สารวัดหนุ่มโยนซองเอกสารสีน้ำตาลขนาดเล็กให้คุณคำมีที่รับมาเปิดไล่สายตาผ่านพร้อมใช้สมองวิเคราะห์ทุกอย่างที่ผ่านสายตาไป

    ถูกฆาตกรรม พบแต่ลำตัวไม่มีศีรษะ ลูกสาวและภรรยาสูญหายอย่างเป็นปริศนา มีแต่ความดำมืดน้ะ

    นิติเวชหนุ่มชะโงกหน้ามองแล้วร่วมวิเคราะห์

    มันจะเป็นไปได้ไหมที่การถูกฆาตกรรมปริศนามันเกี่ยวกับผีที่มึงเจอวันนี้

    นายตำรวจหนุ่มพูดยังไม่ทันจบ แสงไฟในห้องก็ดับลง

    สามหนุ่มนั่งนิ่งตัวแข็งทื่อ ด้านนอกสายฟ้าคะนองคำรามลั่น

    แล้วก็ตามมาด้วยเสียง

    ขอโทษค่ะ ปิดสวิตช์ผิด พอดีหนูจะปิดไฟห้องน้ำ

    สองหนุ่มทั้งแพทย์และตำรวจได้แต่อึ้ง

    ส่วนคุณคำมียังคงทำหน้ามึนได้ตามเคย

    เนื่องจากทั้งสามสวมชุดลำลองและหน้าตาซุดโซมเหมือนรปภ. ทำให้เพนกวิ้นที่สวมเสื้อยืดตัวใหญ่ของคุณคำมีและกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเก่าที่ชายหนุ่มไม่ได้ใช้หลายปีแล้ว

    มองทั้งสามที่นั่งคุยกันเหมือนเพื่อนสนิททั่วๆ ไป อย่างไม่ได้เก็บรายละเอียดอะไรมากมาย

    ชายคนเดียวในห้องที่ทำหน้ามึนได้ตลอดพูดตัดความเงียบขึ้นมาก่อน

    น้องบ้านอยู่ไหนน้ะ เดี๋ยวให้ลุงไปส่ง อีกสองหนุ่มที่เหลืออึ้งสนิท เดี่ยวนี้ไอ้คุณคำมีที่อายุยังไม่แตะยี่สิบห้าดีมันเรียกตัวเองว่าลุงแล้วเหรอวะ?

     

      ไม่ดีกว่าค่ะ หนูไม่ไว้ใจลุงเลย ลุงก็เป็นพวกไอ้แก่ลามกพยายามกินหญ้าอ่อน~~~~”

    นั่นไง นี่คือความคิดของสองหนุ่มเพื่อนสนิทมาหลายสิบปี

    แต่เด็กนี่ เจอคุณคำมีไม่ถึงวันก็รู้เช่นเห็นชาติเลยวุ้ย แบบนี้คงมีอะไรหน้าเฮ

     

    ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน

     

                      น้องเพนกวิ้นครับ ตื่นเร็วครับ ถ้านอนแล้วไม่อาบน้ำจะไม่สบาย

    คุณคำมีวางเด็กสาวที่ตั้งแต่ออกจากตึกวิทเขาก็ไม่เคยปล่อยเธอเลย

    ลงบนโซฟาหนังและเขย่าศีรษะเล็กได้รูปเบาๆ และจากเบาๆ ก็เริ่มเพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ

    จนกระทั่ง

    เขย่าเฮี่ยไรนักหนาวะ~~ ? เด็กสาวสบถและชกหมัดไปในอากาศมั่วขณะไม่ลืมตา

    ก่อนจะพลิกตัวซุกหน้าเข้ากับความนุ่มของโซฟาขนาดใหญ่ และหลับต่อไป

    คุณคำมีถอนใจและเหลือบมองเพื่อนสนิทอย่างเซ็งๆ เจ้าสองตัวนี่กลัวเขาจะพากผู้เยาว์จริงๆ เหรอ

    กวิ้นครับ ตื่นเร็วครับ ไม่งั้นผมไม่รับประกันนะครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น สองเพื่อนสนิทตาค้างเมื่อคุณคำมีเริ่มวางมือลงไปบนต้นแขนของเด็กสาว

    คนที่กำลังเคลิ้มด้วยความง่วงรีบกระเด้งตัวขึ้นปลายเท้าเฉียดจมูกคุณคำมีไปนิดหนึ่ง

    เพนกวิ้นยืนบนโซฟาก่อนจะกระโดดลงจากโซฟาแล้วเหลือบมองรอบข้างอย่างตื่นตกใจ

    พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยกวิ้นด้วย จะโดนผู้ชายลุมโซมแล้วววว~~~“

    อะไรกันเนี่ย ตอนแรกเห็นนอนเงียบๆ นึกว่าจะเป็นสาวหวานแหวว แต่นี่พวกเขาโดนพ่วงว่าจะไปข่มขืนเด็กแล้วเรอะ

    เพราะฉะนั้น สองหนุ่มจึงเผ่นแน็บวิ่งออกจากห้องแทบไม่ทัน

    ปล่อยให้คุณคำมีมองร่างเพรียวด้วยดวงตาปลิบๆ

    ไปอาบน้ำก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวไม่สบายหนัก

    เพนกวิ้นจะอ้าปากด่าภารโรงแก่หื่นตรงหน้า

    อาการคัดจมูกก็พุ่งขึ้นมาจุกก่อนจะจามเสียงดังลั่น

    ติดต่อกัน

    ฮัดชิ่ว  ฮัดชิ่ว  ฮัดชิ่ว~~~~~“

    คุณคำมีส่ายหน้ายิ้มๆ

    ก่อนส่งผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่เขามักจะเอามาไว้บ้านเพื่อนรักในยามที่เขาหนีงานจากในเมืองมา

    ไปอาบน้ำเถอะครับ เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จแล้วค่อยมากินอะไรร้อนๆ แล้วค่อยกลับบ้าน

    คุณคำมีไม่สนใจดวงตาขัดขืนและในที่สุดเขาก็สามารถจับเด็กเกรียนโยนเข้าไปในห้องอาบน้ำพร้อมชุดเปลี่ยนเรียบร้อยได้

    ถึงแม้จะต้องเสียเลือดเสียเนื้อหูชาเพราะคำด่าที่ตามหลังมา

     

     

    ผมไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าเดิมนี่ครับ ผมทำจริงก็เอาหลักฐานมา……”

    ก็เอาหลักฐานมาอ้างสิ นี่มันคำพูดของพวกคนแก่หื่นข่มขืนเด็กชัดๆ อย่า อย่าคิดจะอ้าปากเถียง

    เพนกวิ้น:

    คุณคำมี:

    ก่อนหนึ่งภารโรงหื่นและเด็กสาวจอมเกรียนจะได้คุยอะไรกันต่อนิติเวชหนุ่มและ นายตำรวจที่ไปหาอะไรกินในห้องครัวก็กลับมา

    ขอโทษพอดีกูต้องเอารถเข้าเมืองด่วนเลย ตอนนี้มีเคสพิเศษมา ขอตัวก่อนน้ะ คุณคำมีกะพริบตาปลิบ

    นิติเวชหนุ่มบอกก่อนรีบผลุนผลันออกจากบ้านไปโดยไม่เหลียวหลัง แบบนั้นแหละ คือนิสัยของเพื่อนผู้เสียสละเพื่อสังคม หน้าที่มาก่อนเรื่องส่วนตัวเสมอ

     

    นายตำรวจหน้าตึงขึ้นมาอีกครั้งหลังจากแยกออกไปรับโทรศัพท์

    เฮ้ย กูไปก่อนนะไว้เจอกันพรุ่งนี้ที่ร้านประจำ มีคดีเข้ามาอีกแล้วหวะ

    ผู้พิทักสันติราชก็วุ่นวายไม่แพ้หมอเลยสิน้ะ

    สองหนุ่มหายไปแล้ว

    ทิ้งให้คนหนึ่งคนกำลังกลุ้มกับคนอีกคนที่มัวแต่ดื่มไมโลร้อนอย่างสบายอกสบายใจไม่ทุกร้อนใดๆ แม้แต่น้อย

    เพนกวิ้นมองนาฬิกาแล้วได้แต่ส่ายหน้าเสียดาย

    คลื่นโทรศัพท์ไม่มี นาฬิกาน้ำเข้าขนาดนี้หลายวันกว่าจะแห้ง

    เมื่อเงยหน้าขึ้นมองข้ามโต๊ะเตี้ยไปดวงตาสีดำสวยทั้งคู่ก็หยุดบนใบหน้าของชายหนุ่มที่โน้มตัวมาข้างหน้าดวงตาใช้ความคิด

    ขนตาเรียงเป็นแพรสวยปกปิดดวงเนตรสีเข้มให้เหมือนล่องลอยอยู่ในมนตร์สะกด

    จะว่าไปหมอนี่ก็ตาสวยเป็นบ้าเลย

    ถ้าไม่ติดที่ไม่ชอบยิ้มกับนิสัยหื่นๆ นั่นละน้ะ

    แล้วคนนิสัยหื่นๆ ก็ประกาดด้วยความจริงจัง

    คืนนี้ น้องคงกลับบ้านไม่ได้แล้วครับ

    เหตุผล หนึ่ง ผมไม่มีรถไปส่ง และนี่ก็ห่างจากบ้านน้องเป็นร้อยกิโลเมตร

    สองข้างนอกถ้าจะเดินไปก็เลิกฝันเถอะครับ

    สามคือผมง่วงแล้ว

    เพนกวิ้นอยากจะทำอะไรก็ได้ให้ริมฝีปากสีชมพูอ่อนนั้นหยุดพูดหรือบางทีก็จะให้เลือดกบปากเลยก็คงดี

    ไม่นะ ฉันไม่นอนที่~~~นี่

     

     

       By ผีหิมะ

     

    ………………………***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×