คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ก่อนเริ่มตำนาน 5
ก่อนเริ่มตำนาน 5
ทวีปยุโรป
นครรัฐวาติกัน
วันที่ 30 กุมภาพันธุ์ คริสศักราช 2,192
เกร็ดหิมะสีขาวโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้าติดต่อกันมาหลายวัน แล้ว ทำให้ศูนย์กลางแห่งคริสต์จักรแห่งนี้ดูเงียบเหงาลงไปถนัดตา
เกร็ดหิมะแผ่ไอเย็นยะเยือกและแฝงความงดงามประหนึ่งปุยฝ้ายสีขาวที่โปรยปรายลงจากสรวงสวรรค์ สะท้อนกับยอดโดมของหนึ่งในมหาวิหารทั้งสี่แห่งกรุงโรมจนเปร่งประกายเจิตจรัส
หิมะที่สุมซ้อนไม่สามารถลดทอนความงดงามศักดิ์สิทธิ์ และความสว่างเจิตจรัสด้วยอานุภาพแห่งศรัทธาอัญแรงกล้าจากคริสศาสนิกชนทั่วโลก
มหาวิหารนักบุญเซนต์ปีเตอร์
ภายในร่างสูงสง่าด้วยศักดิ์แห่งผู้นำแห่งศาสนจักร ประทัพนิ่งกลางมหาวิหารที่สามารถจุคนได้หลายหมื่นคนอย่างเงียบเชียบ
ชุดยาวสีขาวขลิบทองสะท้อนกับกระจกสีที่ตกแต่งสะท้อนโคมไฟสีนวลตาที่ห้อยระย้าเต็มมหาวิหาร
ผู้นำสูงสุดแห่งชาวคริสทั่วโลกมองนิ่งไปยังข้างหน้าอย่างตรึกตรองในอะไรบางอย่างอย่างเคร่งเครียด
"ไม่ได้....เราจะให้เขาคนนั้นมาเหยียบดินแดนนี้ไม่ได้.....คนคนนั้นเป็นคนสองสายเลือด ถึงแม้ในร่างที่กำเนิดมานั้นจะมีพลังความศักดิ์สิทธิ์ของบุตรแห่งพระเจ้าแต่ถึงกระนั้น........ดวงใจของเขากับสร้างมาจาก
ธาตุวิญญาณทะมินของจอมซาตาน ...."
เสียงถอนหายใจของผู้นำแห่งศาสนจักรคริสต์ ผ่อนออกมาอย่างเบาบาง แต่แม้จะเบาแสนเบาแค่ไหนละอองความกังวลอย่างเปี่ยมล้นก็กระจายออกมากับลมหายใจที่ผ่อนออกช้าๆ ทำให้ร่างที่เก้าเข้ามหาวิหารมานั้นต้องหยุดชะงักไปเล็กน้อย
เหมือนพระสันตะปาปา ฟริสเซนต์ จะรู้ว่าผู้ที่พระองค์ต้องการพบจะมาถึงกันแล้ว
วรองค์ของผู้นำคริสหันกลับพร้อมกับการแสดงความเคารพสูงสุดของชายหญิงแปดคนที่อยู่ในชุดแตกต่างกัน
พระสันตะปาปาฟริสเซนต์ไล่พระเนตรสีมรกตมองทุกไบหน้าพร้อมพยักพระพักต์อย่างพอพระทัยแล้วกล่าวถามขึ้น
"พวกท่านมาจากแดนไกลคงเหน็ดเหนื่อยกันแล้ว? "
ชายฉกรรร่างสูงกำยำมีเส้นผมสีฟางข้าวและดวงตาสีฟ้าสดใสถวายความเคารพก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
" หามิได้....พวกเราทั้งแปดเดินทางมาจากแดนไกลก็จริงแต่ทุกคนก็ไม่ได้เหน็ดเหนื่อยอะไร "
ชายหญิงอีกเจ็ดคนพยักหน้ารับบ่งบอกว่าสิ่งที่ชายฉกรรพูดออกไปนั้นเป็นความจริง
"อืม....งั้นก็ดี "พระสันตะปาปาฟริสเซนต์ตอบรับพร้อมกับหมุนตัวแล้วนำเหล่าชายหญิงทั้งแปดมาหยุดนิ่งหน้ารูปเคารพของบุตรแห่งพระเจ้าที่มีออร่าสีทองสว่างไสวสาดส่องจนเผยให้เห็นทุกเส้นสายที่รางสรรค์รูปปั้นเหมือนร่างแท้จริงที่มีพระพักต์ปรานีมองทุกสิ่งทุกอย่างอย่างอ่อนโยนให้อภัย
ทั้งเก้าทำความเคารพก่อนแยกย้ายนั่งลงบนโต๊ะประชุมยาวที่มีเก้าที่นั่งที่ปรากฏขึ้นมาอย่างเป็นปริศนา
"....ที่เราเรียกองครักษ์แห่งคริสต์จักรมาในครั้งนี้ ทุกท่านคงทราบอยู่ก่อนแล้ว ว่าเป็นเรื่องอะไร " น้ำเสียงปรานีของผู้นำแห่งศาสนจักรคริสกล่าวขึ้นพร้อมกวาดดวงเนตรสีมรกตผ่านทุกไบหน้าที่แววตาต่างสีต่างเข้าใจตรงกันอยู่แล้ว
"ท่านฟริสเซนต์ โปรดลงมติเถอะค่ะ...ว่าจะให้พวกเราทำอย่างไรต่อไป " น้ำเสียงหวานของหญิงสาว
เส้นผมสีทองและมีในตาสีฟ้างดงามกล่าวขึ้นอย่างต้องการการตัดสินใจ
"ใจเย็นๆสิ นาลิส " น้ำเสียงนุ่มนวลเตือนขึ้นจากหญิงสาวอีกคนหนึ่งผู้มีเรือนผมสีดำอ่อนและดวงเนตรสีเงินสว่าง
นาลิสเบส เทนเลียม เหลือบมองหญิงสาวในตาสีเงินพร้อมยิ้มน้อยๆให้องครักษ์คริสจักรผู้มีหน้าที่และศักดิ์ศรีเท่าตน
ดวงตาสีเงินไม่เผยอารมณ์ความรู้สึกให้สังเกตได้
ก่อนน้ำเสียงเรียบของชายเส้นผมสีครามและ
มีในตาสีอำพันจะพูดขึ้น
"ท่านฟริสเซนต์ ท่านมีความในพระทัยต้องการให้พวกเราไปกระทำอย่างไร? "
ดวงเนตรสีมรกตทอแววเรียบสงบก่อนเสนอขึ้นนิ่งๆ
" พวกท่านลองลงมติสิว่าจะให้....เด็กคนนั้นถือกำเนิดพร้อมสองสายเลือด เขากำเนิดมาพร้อมหน้าที่อาจจะเป็นลิขิตสวรรค์แต่เขาก็ไม่ใช่เชื้อสายสวรรค์แท้ๆด้วย "
"ท่านหมายความว่า จะให้เด็กคนนั้นอยู่หรือตายหรืออย่างไร " น้ำเสียงฉงนถามออกมาจากชายผู้รวบเส้นผมยาวสีครามไว้อย่างเรียบร้อยดวงเนตรสีอำพันทอแววลังเล
" ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก ลาซิส " น้ำเสียงของชายเส้นผมสีฟ้างข้าวรีบขัดคำพูดของ ลาซิส อินทราลัย ขึ้นอย่างรวจเร็ว
"แล้วท่านประธานาธิบดี มีความคิดเห็นอย่างไร " ดวงเนตรสีมรกตหันมาจับนิ่งในตาสีฟ้าสดใสของ
ชายฉกรรเส้นผมสีฟางข้าว
" ท่านฟริสเซนต์ เรื่องนี้ข้อนข้างเป็นเรื่องที่ตัดสินใจยากขอให้ทุกท่านลงมติดีกว่าครับ " ชายหนุ่มตอบด้วย
น้ำเสียงสุภาพ ไม่ได้เย่อหยิ่งทนงตนในศักดิ์ศรีของผู้นำประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาเลยแม้แต่นิด
" หึๆ ...งั้นพวกเราลงมติกันดีกว่าเหลือเวลาไม่ถึงสองชั่วโมงเด็กคนนั้นก็จะจุติแล้ว " น้ำเสียงเรียบเรื่อยของชายชราเส้นผมสีดำแซมขาวกล่าวพร้อมดวงตาสีแดงใสที่ทอแววร่าเริง
" ก็ดีเหมือนกันครับท่าน "น้ำเสียงเรียบๆจากลาซิสดังสนับสนุนขึ้นทันที
" ถ้าอย่างงั้นเราจะไม่ลงคะแนนเสียงขอให้พวกท่านเป็นคนตัดสินใจเพราะพวกท่านเป็นคนปฏิบัติ... "
พระสันตะปาปาฟริสเซนต์ กล่าวพร้อมกับลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงกังวาล
"ใครต้องการให้เด็กสองสายเลือดคนนั้น ถูกกักไว้ในวาติกันตลอดชีวิต และให้เด็กคนนั้นเป็นตัวแทนแห่งชาวคริสทั่วโลกพวกท่านเลือกสองข้อนี้เถอด "
พระสันตะปาปาฟริสเซนต์ดำรัสด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
ดวงตาสีมรกตไล่ไปตั้งแต่ใบหน้าของ
ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ดร. อิฟเซนต์ คาย
หญิงสาวในตาสีฟ้าและเลือนผมสีทอง ผู้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการแผ่นดิน แห่งราชอาณาจักรสวีเดน
นาลิสเบส เทนเลียม
หญิงสาวในตาสีเงินสว่าง และเลือนผมสีดำอ่อน ผู้ดำรงตำแหน่งรัสชทาญาติแห่งราชวงศ์สหราชอาณาจักร
อิสเบล โรเบิตมาร์ค
ชายหนุ่มเส้นผมสีครามยาวพลิ้วไสว และในตาสีอำพัน ผู้ดำรงตำแหน่ง ประมุขแห่งกองทัพที่เก่งกาดที่สุดในโลก
ลาซิส อินทราลัย
ชายชราเส้นผมสีขาวแซมดำ และในตาสีแดง ผู้นำเผ่ามายันที่ลึกลับที่สุดในโลก กอลาซิว ไซวิสเซส
และไล่สายตามายังผู้เป็นองครักษ์แห่งคาทอลิกอีกสามคนที่ไม่ได้ออกเสียงอะไรทั้งนั้น
คนแรกเป็นชายหนุ่มเส้นผมสีดำสนิทและในตาสีทองสว่างเรืองรับกับเส้นผมสีดำที่ยาวและปล่อยให้
พลิ้วไหวไปตามสายลมหนาวที่พัดอากาศเย็นยะเยือกผ่านร่างกาย
ชายหนุ่มมีวงหน้าอ่อนเยาว์และเรียบสนิทดวงตาไร้ความรู้สึกมองสบตานิ่งกับพระสันตะปาปาฟริสเซนต์อย่าง
ไม่หลบตา
ชายหนุ่มก็คือ ผู้นำด้านวงการศิลป์ที่โด่งดังไปทั่วทุกมุมโลกในชื่อ ซีเรส แสตนมินเลส
และถัดมาเป็น หญิงชราผู้มีเรือนผมสีขาวราวหิมะและมีในตาสีดำสนิทที่แลดูเยือกเย็น เป็นผู้นำแห่งศาสนิกชนคริสในดินแดนทะเลทราย ในชื่อ รีเซีย เรสวินเดรส
สุดท้ายดวงตาของพระสันตะปาปาฟริสเซนต์มาหยุดลงที่วงหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กสาวผู้มีเรือนผมสีแดงเลือดสว่างไสว ช่างไม่เข้ากับในตาสีขาวสว่างสุกใสเหมือนคนตาบอด แต่ในตาของเด็กสาวคนนี้กลับ
เปร่งประกายคมกล้าเหมือนอาวุธศักดิ์สิทธิ์
" ท่านองครักษ์ทั้งสาม....ไม่มีความคิดเห็นใดหรือ " พระสันตะปาปาฟริเซนต์ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
" เราไม่มีความคิดเห็นใด " น้ำเสียงไพเราะของชายหนุ่มผู้เป็นผู้นำวงการศิลป์ตอบขึ้นพร้อมค้อมศีรษะลง
" เราแล้วแต่ท่านจะตัดสินใจ " น้ำเสียงชราภาพของหญิงชรากล่าวขึ้นอย่างนุ่มนวล
เด็กสาวผู้ลึกลับยังเงียบและนิ่งสนิท
" ซีริเน่ ซันย่า ฟลอเซนต์ไทน์ ท่านไม่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยหรือ " พระสันตะปาปาฟริสเซนต์ถามขึ้นพร้อมรอรับคำตอบจากเด็กสาว
"สำหรับเรื่องนี้ข้า......มิขอออกความคิดเห็น " น้ำเสียงเรียบสนิทของเด็กสาวกล่าวขึ้นพร้อมพลิ้มตาลง
"ถ้าอย่างงั้นพวกเราก็รีบลงคะแนนมติกันเถอะ ...เพราะเวลาจุติของเด็กคนนั้นก็ใกล้เข้ามาแล้ว "
กอลาซิวพูดขึ้นพร้อมอาการพยักพระพักต์ของพระสันตะปาปาฟริสเซนต์ที่แย้มพระสรวญบางๆ แล้วประกาศก้องด้วยพระสุรเสียงกังวาล
" ใครต้องการให้เด็กคนนั้นเป็นตัวแทนแห่งสรวงสวรรค์อีเด็น แต่จะมองข้ามดวงใจทะมินของจอมซาตาน โปรดลงมติ "
ประธานาธิบดี อิฟเซนต์ คาย ยกมือขึ้นพร้อมกับ รัสชทาญาติแห่งสหราชอาณาจักร อิสเบล โรเบิตมาร์ค ลาซิสเม้มริมฝีปากชั่วครู่ก่อนยกมือขึ้น
พระสันตะปาปาเหลือบเนตรสีมรกตมององครักษ์ที่เหลือก่อนเตรียมจะประกาศ แต่ นาลิสเบส เทนเลียมก็ยกมือขึ้น ทำให้พระสันตะปาปา ฟริสเซนต์ชะงัก
"ตอนนี้ทุกท่านก็มีสิทธิ์ที่จะลงมติได้ โปรดตัดสินใจให้ดี โปรดพิจารณาให้รอบคอบและละเอียดถี่ถ้วน " พระสันตะปาปาฟริเซนต์หยุดชั่วครู่ก่อน ชายชราจะกล่าวขึ้น
"ท่านโปรดเสอนทางเลือกอีกทางเถอด " พระสันตะปาปาผู้มีพระเนตรสีมรกตแย้มสรวญก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
" ทางเลือกอีกทางก็คือ เด็กคนนั้นจะต้องอยู่ในวาติกันเป็นนักบวชตลอดชีพ " กอลาซิว ยกมือขึ้น พร้อมกับ รีเซีย
ซีเรส หลุบตาลงต่ำพร้อมกับใช้ความคิดตรึกตรองชั่วครูพร้อมยกมือขึ้นช้าๆ
สายตาทุกคู่เหลือบมองมาที่เด็กสาวคนสุดท้ายผู้พลิ้มตาสงบ ก่อนเปลือกตานวลจะขยับพร้อมกับมือที่ยกขึ้นในที่สุด
" เกิดปัญหาละสิ " นาลิสเบส พูดขึ้นอย่างหนักใจ
สายตาทุกคู่มาจับนิ่งที่พระสันตะปาปาฟริสเซนต์ที่หลับตาลงอย่างใช้ความคิดและในที่สุดก็ดำริออกมาช้าๆ
" หากเรายืนอยู่ในจุดของพวกท่านก็อาจจะเลือกข้อแรก....แต่เราเป็นผู้สืบทอดคำสั่งสอนแห่งบุตรพระเจ้าเราจะไม่มีวันให้สิ่งที่พระองค์สร้างมาต้องมัวหมอง......เราขอเลือกข้อที่สอง "
...
เวลาเดียวกัน.
ประเทศไทย
พุทธศักราช 2735
กรุงเทพมหานคร
ในโรงพยาบาลเอกชนสุดหรูใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง
" คุณหมอค่ะ คุณแม่หลับไปแล้วค่ะ " เสียงพยาบาลที่คอยควบคุมกราฟในการเต้นของจังหวะหัวใจและความดันโลหิตต่างๆดังรายงานคุณหมอร่างสูงใหญ่ที่กำลังหยิบถุงมือปลอดเชื้อขึ้นมาสวม
"อืม....เตรียมอุปกรณ์ผ่าตัดได้ " คุณหมอพูดออกมาจากผ้าคาดปากสีขาวพร้อมกับกระบวนการผ่าตัดที่เริ่มขึ้นอย่างเคร่งเครียดและจริงจัง
ความกดดันแผ่ออกจากร่างของคุณหมอและพยาบาลผู้ช่วยจนคนที่อยู่หน้าห้องอีกฟากหนึ่งของประตูสัมผัสได้อย่างรุนแรง
ชายหนุ่มกำหมัดแน่นอย่างลุ้นระทึกพร้อมกรามที่กัดจนเป็นสันนูน ในห้องแห่งนั้นมีถึงสองชีวิตที่เขารัก จะให้มีอะไรผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด
" เจ้านายครับ ตอนนี้กองกำลังได้โอบล้อมทั่วโรงพยาบาลทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบเรียบร้อยแล้ว....และยังได้เตรียมรับมือกับสถานการไม่คาดฝันอย่างอื่นไว้เรียบร้อยครับ " น้ำเสียงเมื่อมาถึงประโยคท้ายๆ
ชายหนุ่มร่างเล็กลดเสียงจนได้ยินเพียงสองคน
"สำหรับสิ่งนั้นเตรียมพร้อมแล้วรึปล่าว.." ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายเอ่ยถามพร้อมกวาดดวงเนตรสีดำสนิทมองรอบข้างอย่างเก็บรายละเอียด
" มีเปอร์เซ็นต์เป็นไปได้ ถึงเจ็ดสิบ เลยครับเจ้านายที่พวกองครักษ์..... " ประโยคเงียบหายไปอีกครั้งพร้อมกับชายหนุ่มที่พยักหน้าช้าๆ
" พวกเขาก็ไม่ใช่อมตะอะไรถึงแม้จะมีพลังศักดิ์สิทธิ์หรือพรจากองค์พระผู้เป็นเจ้า นายเข้าใจนะ...." ชายหนุ่มร่างเล็กพยักหน้ารับพร้อมกับกลืนหายไปกับเงามุมเสาร์
ชายหนุ่มในสูตรสีดำหันกลับมายืนนิ่งที่หน้าห้องผ่าตัดฉุกเฉินอีกครั้งพร้อมกับดวงตาที่เปร่งประกายสีดำสว่างไสวคมกริบ
" องครักษ์แห่งคริสต์จักร....ผมคงไม่ให้คุณทำลายทาญาติของผมได้ง่ายๆ นี่ยังไม่รวมถึงว่าเขาเป็น
ตัวแทนแห่ง....." น้ำเสียงเงียบลงพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่สั่นพลิ้วเป็นละลอกก่อนจางหายไปอย่างไร้เสียง
...
เหนือน่านฟ้าประเทศไทยสูงขึ้นไปกว่าหลายพันไมท์ ร่างแปดร่างปรากฏขึ้นพร้อมกับรัศมีสีทองสว่าง
เรืองรองที่ล้อมรอบร่างไว้เป็นโดมแสงจนสว่างเจิตจ้า
" ขออภัยนะค้ะท่านประธานาธิบดี เนื่องจากพวกเรายังไม่ได้แบ่งตำแหน่งและสิ่งที่ทุกคนจะต้องทำ "
นาลิสเบส เทนเลียมค้อมศีรษะลงให้กับ อิฟเซนต์ คาย อย่างสุภาพ
ชายหนุ่มเส้นผมสีฟางข้าวและในตาสีฟ้าสดใสโบกมือก่อน พูดขึ้นอย่างราบเรียบ
" ถึงผมจะเป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐแต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะไม่มีศักดิ์ศรีที่เท่าเทียม ทุกคนต่างเสนอได้เต็มที่ "
ลาซิส อินทราลัยที่ปล่อยเส้นผมสีครามให้พลิ้วสะบัดไปตามสายลมพลิ้มตาสีอำพันลงพร้อมพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น
" เนื่องจากผมเชี่ยวชาญในการสงครามมากที่สุดผมขออนุญาติเป็นผู้บันชาการครั้งนี้เองนะครับ " องครักษ์แห่งคริสต์จักรพยักหน้าให้ก่อนลาซิส จะกล่าวต่อไป
" ผมขอให้ท่านประธานาธิบดีและทั้งสองท่าน ช่วยคุมเชิงอยู่ภายนอกตรงนี้ ส่วนตัวผม ท่าน
นาลิสเบส และท่านอิสเบล จะเข้าปฏิบัติการภายใน ส่วน ท่านซีเรสและท่านซีรีเน่ ขอให้ช่วยควบคุมทางปีกซ้ายขวาของโรงพยาบาลด้วยครับ "
กอลาซิวและรีเซียหันไปพยักหน้าให้อิฟเซนต์ คาย ทั้งสามร่างกลายเป็นประกายแสงสีทองสูญสลายไปอย่างรวจเร็ว
เพียงชั่วเสี้ยวกระพิบตาร่างของ ซีเรส และซีรีเน่ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ลาซิส นาลิสเบส และอิสเบล พยักหน้าให้กันก่อน อาพรสีขาวสว่างและมีลวดลายไม้กางเขนทองขลิบแดง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งนักรพแห่งคริสต์จักรปรากฏขึ้นบนร่างทั้งสามก่อนทั้งหมดจะร่างจางหายไปอย่างรวจเร็ว
...
โรงพยาบาลด้านล่าง
ชายหนุ่มร่างเล็กกระพริบตาเบาๆก่อนร่างในเงาดำจะพุ่งหายไปในช่องทางลับและกลืนสลายหายไปในเส้นทางต่างๆของโรงพยาบาล
ร่างสามร่างของชายและหญิงต่างชาติปรากฏขึ้นหน้าโรงพยาบาลก่อนทั้งสามร่างจะเดินเข้าสู่โรงพยาบาลอย่างสบายๆ
ลาซิส นาลิสเบส และอิสเบล ปลายตามองรอบข้างอย่างรวดเร็วก่อนน้ำเสียงเรียบๆของ ชายหนุ่มจะดังขึ้น
"พวกเราแยกย้ายกันไปเป้าหมายคือห้องผ่าตัดชั้นสาม " นาลิสเบสและอิสเบลพยักหน้ารับก่อนทั้งคู่จะ
ฉีกตัวแยกทางเดินออกไปคนละทาง
" ขออภัยนะครับ คุณชื่อ ลาซิส อินทราลัย รึปล่าวครับ " ลาซิสชะงักกึก ความเย็นแผ่เยือกไปตามไขสันหลังก่อนร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มชาวต่างชาติจะหันกลับไปอย่างรวจเร็ว
" เปรี๊ยะๆๆๆ " สายตาสองคู่ปะทะกันก่อนชายหนุ่มร่างเล็กตรงหน้าจะชูวัตถุบางอย่างขึ้นมาตรงหน้า
" วูบบบ " แสงสว่างบาดจ้าเข้าตาสุดยอดนักรพ จอมคลอัจฉริยะของโลก พร้อมกับประสาทสัมผัสอันแหลมคมที่รับรู้ถึงอันตรายที่พุ่งเข้ามาจากด้านหลัง
"ฝุบๆๆ " ชายร่างสูงใหญ่กระโดดตีลังกาออกด้านข้างหลบรอดดาวกระจายจากชายหนุ่มร่างเล็กที่ไม่รู้ว่าไปอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไร
"ควับ " ดาบคมกริบสีเงินเป็นสิ่งที่ลาซิสต้องรับจากชายหนุ่มร่างเล็กที่มีเงาร่างเหมือนพูตผี
" เปลี้ยง กรี๊ดดดดๆๆ "
เสียงกรีดร้องของคนไข้และญาติผู้ป่วยต่างร้องกันเสียงระงมเมื่อพบว่ามีคนต่อสู้กัน ทำให้เหล่าเด็กคนแก่คนชราต่างวิ่งหนีกันออกจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งนั้นจนสับสนวุ่นวาย
สถานการทุกอย่างกลายเป็นวุ่นวายสับสนจนลาซิสสับสน แต่ชายหนุ่มก็ไม่มีโอกาสมาคิดมาก
ร่างสูงใหญ่ตีลังกาขึ้นเหยียบบนเคาเตอร์รับยาของพยาบาลที่ต่างมุดหัวหลบใต้โต๊ะเคาเตอร์กันอย่าง
หวาดกลัว
ดาบยาวคมกริบจากมือของชายหนุ่มร่างเล็กฟาดฟันเข้าใส่ร่างของลาซิสที่ขมวดคิ้วอย่างไร้ปรานี
องครักษ์แห่งคริสต์จักรผู้ประสบเหตการไม่คาดฝันถึงตอนนี้ยังไม่เสียสมาธิและยังไม่ได้รับบาดเจ็บ
ลาซิสอินทราลัยยิ้มเยือกเย็นก่อนพร้อมจะเอาจริงได้แล้ว....
ชายหนุ่มผู้เป็นประมุขแห่งกองทัพที่เก่งกาดที่สุดในโลกยิ้มพร้อมกับปลายนิ้วชี้ปรากฏประจุสายฟ้าสีเงินขึ้นรางๆ
"ผมไม่รู้นะว่าพวกคุณเป็นพวกไหนแต่ถ้าจะขวางพวกเราก็ต้องเจอกันละ " ลาซิส ตวัดนิ้วชี้
ลำแสงสีเงินพุ่งออกไประเบิดอากาศข้างหน้าจนเกิดประกายสีเงินสว่างจ้า
" เปลี้ยง "
ชายหนุ่มในชุดดำร่างเล็กยิ้มอย่างเกียดคร้าน เมื่อสะบัดดาบเงินเพียงแผ่วเบาสายฟ้าก็พุ่งไประเบิด
โต๊ะติดต่อของโรงพยาบาลชั้นหนึ่งจนพังคลืน
"เอ๊ะ...หายไปแล้ว " ชายหนุ่มยิ้มบางพร้อมกับร่างที่ครี่ดาบออกพุ่งไปทางบันใดที่ขึ้นสู่ชั้นสาม
ลาซิสพุ่งร่างด้วยความเร็วหนึ่งส่วนสิบออกไปในชั่วเสี้ยวกระพริบตาก็มาถึงบันใดที่ทอดตัวขึ้นสู่ชั้นบน
"จะรีบไปไหน เรายังเครียกันไม่จบไม่ใช่หรอ " ลาซิสเดาะปากอย่างอารมณ์เสียก่อนกวาดมือกลับหลัง
"ตู้มๆๆ " สายฟ้าพุ่งระเบิดเส้นทางด้านหลังพร้อมร่างสูงใหญ่ที่พุ่งหายขึ้นไปชั้นสอง อย่างว่องไว
ชายหนุ่มร่างเล็กหัวเราะเบาๆก่อนเท้าจะค่อยๆเก้าขึ้นไปอย่างไม่รีบร้อน
...
อีกทางหนึ่ง นาลิสเบส พุ่งร่างมาทางซีกเหนือของโรงพยาบาล ดวงตาสีฟ้าสว่างของหญิงสาวปลายมองไปรอบด้านอย่างระมัดระวังตัว
" ขอโทษนะค้ะ มีอะไรให้ช่วยรึปล่าวค้ะ? "เสียงหวานไพเราะจากเด็กสาววัยสิบสามสิบสี่ปีดังขึ้นเบาๆเป็นภาษาอังกฤษอย่างชัดเจน
นาลิสเบสสะดุ้งแต่เมื่อเธอหันมองก็ต้องครี่ยิ้มอย่างโล่งอก เมื่อเห็นเด็กตรงหน้าอยู่ในชุดเสื้อกระโปรงสีฟ้าเข้ารูปรับกับวงหน้าอ่อนหวานที่มีแววตาอ่อนโยนที่เหลือบมองกับในตาสีฟ้าด้วยแววตาใสซื่อ
"ปล่าวค่ะ ขอบคุณนะค้ะ " นาลิสเบส กล่าวปฏิเศษอย่างสุภาพเมื่อเห็นความมีมารยาทของเด็กสาว
ตรงหน้า
" แต่ดูเหมือนพี่กำลังหาอะไรอยู่รึปล่าวค่ะ " เสียงหวานยังคงถามต่อไปด้วยระดับเสียงเสียงเดิม
นาลิสเบสยิ้มบางๆ พร้อมส่ายหน้าแต่แล้วคำพูดของเด็กสาวที่ดังขึ้นอีกครั้งก็ต้องรีบทำให้เธอหันควับเพื่อจะได้เห็นแววตาสีฟ้ากระจ่างเรืองรองก่อนโลกตรงหน้าจะกลายเป็นสีดำพร้อมร่างบางที่อ่อนละทวยลงไปนอนกับพื้น
" แต่ดูเหมือนว่าพี่...คงกำลังหาเด็กที่กำลังจะจุติภายในคลึ่งชั่วโมงนี้ แต่หนูคงให้พี่เจอเขาคนนั้นไม่ได้หรอกค่ะ "
เด็กสาวในตาสีฟ้าเหลือบมองร่างของนาลิสเบสพร้อมกับฉีกยิ้มบางๆ
" นี่ถ้าท่านพ่อของเด็กคนนั้นไม่ได้ไปขอพวกเรามาช่วย คงจะรับมือกับแปดองครักษ์แห่งคริสต์จักรไม่ค่อยไหวเฮ่อ..... "
...
อิสเบล โรเปิตมาร์ค ชะงักกึก เมื่อด้านหน้าปรากฏร่างโปร่งของชายหนุ่ม เส้นผมสีขาวสว่างเรืองรองและในตาสีไพลินงามอย่างแปลกประหลาดจ้องนิ่งมาที่เธออย่างไม่วางตา
ทางข้างหน้าว่างเปล่าปราศจากของเงาพยาบาล หมอและผู้ป่วยทำให้ทางเดินยาวกว่าห้าสิบเมตร
ว่างเปล่า
แต่ร่างของชายหนุ่มตรงหน้ากลับเปร่งประกายพลังอำนาจอย่างล้นทะลักออกมาอย่างอหังการ ทำให้
หญิงสาวในตาสีเงินต้องระวังตัวขึ้นหลายเท่า
"ยินดีที่ได้พบ อิสเบล โรเบิตมาร์ค " น้ำเสียงเรียบนิ่งกล่าวขึ้นเพียงแผ่วเบาแต่เหมือนน้ำเสียงนั้นจะ
ก้องกังวาลอยู่ในอากาศยาวนานกว่าจะสูญสลายเบาลง
ดวงเนตรสีเงินเปร่งประกายคมกริบขึ้นพร้อมกับมือขาวเรียวที่ปรากฏคฑาสั้นสีขาวสะอาดขึ้นมา
" ถ้าเธอไม่เก้าเข้ามาพวกเราจะต่างอยู่ แต่ถ้าเธอต้องการผ่านฉันไปก็คงต้องออกแรงหน่อยละนะ " อิสเบลยิ้มพร้อมกับร่างที่กลายเป็นลำแสงสีดำพุ่งเข้าหาชายหนุ่มร่างสูงที่ทำเพียงยิ้มบางและยื่นมือออกมาข้างหน้า
" เปรี๊ยะ ตูม " ร่างของอิสเบล ชะงักค้างเมื่อพบกับกำแพงสีใสไร้สภาพแต่ประหนึ่งอากาศมีชีวิตหลังจากรับพลังจากคฑาของเธอแล้วก็จางสลายไป
" วิ้งงงงๆๆ " ชายหนุ่มถอยวูบเดียวก็ออกห่างไปกว่าสิบเมตร ร่างสูงโปร่งยืนนิ่งพร้อมกับปีกสีขาวสว่างอมประกายสีเงินจางๆ ที่แผ่ครี่สยายออกสองข้างปิดเส้นทางไม่ให้หญิงสาวเก้าต่อไปได้
"ท่านเป็นใคร " อิสเบล ยืนนิ่งมองเส้นผมสีขาวและดวงเนตรสีน้ำเงินที่ทอแววเย่อหยิ่งอหังการอย่างสับสน
"อย่ารู้เลยดีกว่า บอกมาเธอจะเลือกกลับไปช่วยเหล่าองครักษ์ที่เหลือหรือว่าจะดันทุลังเก้าต่อไป " อิสเบลดวงตาสั่นไหววูบหนึ่งก่อนประกาศด้วยน้ำเสียงเรียบ
"หน้าที่ของพวกเราคือ รักษาความบริสุทธิ์ไม่ให้มัวหมอง ของคริสต์จักรที่พระองค์ได้สร้างมา " ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างเฉื่อยชาก่อน ปีกขนาดใหญ่เบื้องหลังจะโบกพลิ้ว
"ฟู่ๆๆ " คลื่นพลังเหมือนหนึ่งจากผืนฟ้าโถมทะลักพุ่งกระแทกร่างบางให้ปลิวกระแทกกำแพงโรงพยาบาลจนเศษอิดเศษปูนเริ่มแตกกะเทาะร่วงกราวลงมา หลอดไฟนีออนที่ติดเรียงรายกระพริบติดๆดับๆ และในที่สุด เมื่อ ชายหนุ่มพลิ้มตาลงและระเบิดพลังวูบเดียวกระแสลมจากร่างก็พุ่งพัดเข้าสู่ทางเดินจนเกิดเสียงกัมปนาทกึกก้อง
" บลึ้มมม โครมมม!!! "
โรงพยาบาลทางทิศใต้ถล่มลงมาเศษซากอาคารถล่มทับถมกันเป็นซากสิ่งก่อสร้างแค่กองหนึ่ง ก่อนจะปรากฏกระแสลมรุนแรงขึ้นพร้อมร่างของวิหกสีขาวที่เหลือบมองไปด้านล่างและทะยานลับหายไปกับผืนฟ้าอย่าง
ไร้ร่องรอย
" ท่านกอลาซิว ท่านรเซีย ดูเหมือนสถานการด้านล่างจะไม่เป็นไปอย่างที่พวกเราคิดแล้วละครับ
ผมว่าพวกเรา แยกกันไปดูสามองครักษ์ดีกว่าครับ "
ประธานาธิบดี อิฟเซนต์ คาย พูดพร้อมเหลือบมองสถานการที่คนในโรงพยาบาลต่างวิ่งหนีตายออกจากภายในอาคารกันให้วุ่น และไม่นานต่อมา อาคารทางทิศใต้ก็ถล่มลง ทำให้สถานการที่เข้าสู่ขั้นวิกฤษแล้วยิ่งวุ่นวายเข้าไปอีก และที่ไกลๆก็ได้ยินเสียงหวอและสัญญาณไซเร็น ที่ดังก้องมาแต่ไกล
" อืมยายว่าจะขอไปดูทางทิศใต้เหมือนอิสเบลจะแย่ที่สุด " รีเซียกล่าวพร้อมพุ่งหายไปอย่างรวจเร็ว
กอลาซิวพยักหน้าให้อิฟเซนต์อย่างไม่ได้พูดอะไรก่อนสองหนุ่มต่างวัยจะพุ่งร่างหายไปกันคนละทาง
...
" ยินดีที่ได้พบ ซีเรส แสตนมินเลส ผู้นำด้านวงการศิลป์และเป็นเบื้องหลังของภาพยนต์ฟอร์มยักษ์และหนังฮอลิวูต ก้องโลกอีกหลายเรื่อง"
น้ำเสียงเรียบดังขึ้นทักทาย ชายหนุ่มผู้ปล่อยเส้นผมยาวสีดำยาวพลิ้วสะบัดตามสายลม ดวงตาสีทองละจากรูปแกะสลักของพญานาคจากวัดฟากตรงข้ามโรงพยาบาลค่อยๆเหลือบกลับมามองคนที่ทักทายขึ้น
" แต่ผิดกับผมไม่ได้ยินดีเลย....ที่ได้พบกับท่าน เซ็นนิกส์ เดอะไซน์เอน ท่านประธานาธิบดีแห่ง
สาธารณรัฐอิสราเอล "
เกิดเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆของชายหนุ่มในชุดสีดำ ดวงเนตรสีท้องฟ้าราตรีเปร่งประกายคมวาวดั่งชาวอาหรับเชื้อชาติแท้ จ้องนิ่งเข้าสู่แววตาสีทองของชายหนุ่มนักศิลปะ
ซีเรสถอยหลังไปเล็กน้อยแววตาสีทองสุกสว่างเจือด้วยแววแห่งความเคร่งเครียดอย่างบางเบา หากกล่าวถึงประวัติของ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอิสราเอลคนนี้ ต้องพูดว่ายอดเยี่ยมไร้ที่ติและไร้คู่เปรียบ ยอดแห่งนักวางแผนทางการเมืองการปกครองสุดยอดเสนาธิการของกองทัพ และอัจฉริยผู้นำประเทศเก้าเข้าเป็นหนึ่งในสิบประเทศมหาอำนาจยุคนี้ และค่าครองชีพในประเทศอิสราเอลสูงไม่แพ้ประเทศในซีกโลกตะวันตก
แม้แต่นิด ดีไม่ดีจะสูงกว่าอีกด้วยซ้ำไป
" เราไม่เคยเจอกันมาก่อนใช่ไหม " น้ำเสียงเรียบสงบและในตาสีดำสนิทยังถามตามสบายด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย ไม่ได้แสดงอาการเขม็งเคร่งเครียดเหมือนซีเรสแม้แต่นิด
" ปล่าว ....เราไม่เคยเจอกันมาก่อน " ชายหนุ่มยอดนักศิลป์กล่าวพร้อมร่างสูงที่สูญสลายไป
เสียงถอนหายใจเบาๆดังออกจากร่างสูงใหญ่ของชายผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีก่อนร่างจะเลือนสลายตาม
ซีเรสที่พุ่งเข้าสู่หน้าต่างโรงพยาบาลที่ห่างไปไม่กี่ร้อยเมตร
ซีเรส สูดหายใจเข้าลึกพร้อมผนึกพลังพรแห่งพระผู้เป็นเจ้าจนรอบร่างเปร่งประกายสีทองสว่างเรือง
พู่กันยาวสีขาวสอาดปรากฏขึ้นในมือพร้อมตวัดกลับหลังตามจิตสำนึกทันที
" ซูม วาบ ตูม " ลำแสงสีขาวสว่างจ้าพวยพุ่งเหมือนลำแสงล้างโลกพุ่งเข้าหาร่างของ เซ็นนิกส์อย่างไม่มีทางหลบเลี่ยง
ชายหนุ่มในสูตรดำแบมือซ้ายไปข้างหน้าพร้อมกับมือขวาที่พุ่งวาบหายไปในเกรียวแสงสว่างสีขาวอย่างง่ายดาย
"บลึ้ม " มือซ้ายที่แฝงพลังประหลาดมหาสารพุ่งตรึงคอเสื้อด้านหลังของซีเรส พร้อมสะบัดเหวี่ยงไปกระแทกกับผนังตึกอีกฟากจนเกิดเสียงสนั่นกึกก้อง
"บลึ้มมม " !!
ร่างสูงของชายหนุมสุดยอดจิตรกร พลิ้วออกจากซากเศษอิดเศษปูนที่พังทะลายถล่มลงไปเป็นเศษซากแหลกละเอียดอยู่ด้านล่าง พู่กันสีขาวกรีดตวัดพุ่งเข้าหา เซ็นนิกส์ ที่ทำเพียงโบกมือจากล่างขึ้นบนพลังสีขาวที่สามารถถล่มอาคารสิบชั้นที่ห่างไปกว่าสิบกิโลเมตรได้ก็หายไปในท้องฟ้าอย่างไร้ร่องรอย
ร่างของเซ็นนิกส์ไม่หยุดนิ่งที่จะทำลายร่างของสุดยอดจิตรกรหนุ่มผู้เป็นองครักษ์แห่งคริสต์จักร
สูตรสีดำพลิ้วสะบัดเมื่อร่างสูงใหญ่พลิ้ววูบเดียวก็เข้าประชิดพู่กันสีขาวก่อนกระแทกหมัดมือขวาที่กำแน่นเข้าสู่ร่างในอาพรสีดำที่ดวงตาสีทองทอแววสว่างจ้า
" เปลี้ยงงงง!!! " !! ปลายพู่กันกับหมัดขวาปะทะกันอย่างแนบสนิทคลื่นพลังมหาสานแผ่ทะลักพุ่งออกไประเบิดสิ่งก่อสร้างรอบข้างในระยะสามกิโลเมตรรอบข้างจนพังสลายไม่เหลือชิ้นดี
" ฟุบ บลึ้ม!!! "!! ร่างของจิตรกรหนุ่มปลิวออกไปตามละลอกพลังที่สุดยอดประธานาธิบดีซัดใส่ร่างจนปลิวไปไกลกว่า สองร้อยเมตรปะทะกับบ้านหลังหนึ่งจนหลังคากระเบื้องพังทะลายลงไปเป็นแถบ
"ซันย่า อยู่ไหน " เซ็นนิกส์หรือรู้จักกันในชื่อนักธุรกิจชาวไทยนาม ภัทร วิเศษอัครภูมิ พูดขึ้นเสียงเบาก่อนเสียงทารกร้องจ้าต้องรีบทำให้ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มพุ่งหายไปด้วยความรวจเร็วดุดความเร็วแสง
...
ในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งก่อสร้างเดียวที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ที่สุดในโรงพยาบาลที่ถูกพลังมหาสานขององครักษ์คริสต์จักรและบุคคลปริศนาปะทะกันจนทำให้ โรงพยาบาลแห่งนี้ต้องแหลกสลาย
" ซีรีเน่ หยุด " น้ำเสียงเรียบที่กลายเป็นดุดัน ตวาดร่างของเด็กสาวเส้นผมสีแดงโลหิตที่ยื่นมือสัมผัสร่างทารกที่กำลังดิ้นอยู่ในเตียงสีขาวขนาดเล็กภายในร่างของหมอพยาบาลและเหล่าผู้ช่วยรวมไปถึงมารดาเด็กต่างก็หลับไหลไปทั้งสิ้น
" คิดจะห้ามเราหรือ....เซ็นนิกส์ " ซีรีเน่ ซันย่า ฟลอเซนไทน์ หันกลับมาช้าๆพร้อมกับกงจักรศักดิ์สิทธิ์รูปเสี้ยวจันทร์ที่กำลังหมุนรอบร่างบางด้วยความเร็วสูงตัดอากาศจนส่งเสียงกระหึ่ม
" นั่นคือลูกของเรา ต่อให้เป็นบุตรแห่งพระเจ้าก็อย่าหวังว่าเราจะปล่อยให้พิพากษาเขาได้ " เซ็นนิกส์ พูดพร้อมระเบิดพลังมหาสานกระแทกอากาศจนผนังทั้งสี่ของห้องฉุกเฉินพังคลืน ร่วงกราวลงไปสองฟากข้าง
แสงแดดแผดจ้า สะท้อนร่างทารกที่ถือกำเนิดได้ไม่ถึงสามสิบนาทีจนเปร่งประกายเรืองรอง
ร่างเปลือยเปล่าเปร่งรัศมีสีขาวนวลเจือออร่าสีทองประหลาด
แต่บริเวณหน้าอกข้างซ้ายกับปรากฏรัศมีรูปดาวห้าแฉกกลับหัวที่ทอออร่า สีน้ำเงินอมแดงเรืองรองเปร่งประกายสว่างราวโลหิตที่กำลังเต้นเร่า
" บุตรของท่าน ต้องอยู่ในวาติกันตลอดชีพ " เซ็นนิกส์ยิ้มเย็นพร้อมกับมือที่ยกขึ้นและหมุน บังเกิดพายุไร้สภาพพุ่งใส่ร่างของซีรีเน่ จนต้องส่งกงจักรศักดิ์สิทธิ์เข้าปะทะ เกิดเสียงปะทะดังก้อง
"เพล๊ง ๆๆๆ" เสียงปะทะเหมือนแก้วแตกเมื่อกงจักรศักดิ์สิทธิ์ปะทะกับพลังของชายหนุ่มที่เก้าเข้าหาร่าง !!ของทารกที่มีเส้นสายหลายสีกำลังพุ่งเข้ารัดพันร่างนั้นไว้เหมือนจะปกป้องจากอันตรายต่างๆ
" เซ็นนิกส์หยุด " เด็กสาวตวาดพร้อมกับมือขวาที่แบออกพลังศักดิ์สิทธิ์รวมตัวจากละอองเล็กๆจนกลายเป็นกงจักรยักษ์สีขาวสว่างนวลพุ่งเข้าขวางกลางระหว่างร่างของทารกกับชายหนุ่ม
"หึ " เซ็นนิกส์ยกมือขึ้น ฉับพลันมือข้างซ้ายปรากฏดาบสีแดงสว่างรุ่งโรธส่วนมือข้างขวากลับปรากฏ
เคียวสีดำทะมิน
"เปลี้ยงๆบลึ้ม ตายซะ ...ซันย่า " เซ็นนิกส์เริ่มปะทุความโกรธ เคียวสีดำตวัดออกไปพุ่งเข้าหาร่างขององครักษ์คริสต์จักรคนที่แปดอย่างดุเดือด
"เซ็นนิกในเมื่อเตือนแล้วไม่ยอมเชื่อ " ซันย่า ประกบสองมือไว้กลางอกก่อนแยกออกฉับพลันก็ปรากฏ
ไม้เท้าเวทสีขาวสว่างเรืองรอง พุ่งเข้าปะทะกับเคียวสีดำทะมินอย่างรวจเร็วและรุนแรง
"บลึ้มๆๆๆ " !!
ซันย่าวาดมือออกไปกลางอากาศพร้อมกับดาบสีทองที่อยู่ในฝักพุ่งทะยานร่างเข้าหาเซ็นนิกส์ที่ทำเพียงยกดาบสีแดงขึ้นปะทะป้องกันอย่างแผ่วเบา
" ตู้มมม!!! " !! ปลอกดาบสีทองหลุดกระเด็นพร้อมกันนั้นรัศมีดาบสีทองก็ครี่สยายออกเป็นคมดาบนับหมื่นนับพัน พุ่งเข้าหา เซ็นนิกส์ที่ทำเพียงตวัดดาบสีแดงรุ่งโรธกรีดฝ่าอากาศด้วยเสียงเสียดอากาศแหลมโหยหวน
"วี๊ดดดด " ดาบสองเล่มพุ่งเข้าปะทะกันกลางอากาศก่อนทุกอย่างจะหยุดนิ่งเพียงชั่วครู่ พร้อมกับเสียงร้องอย่างตกใจของทั้งคู่ที่รีบดีดร่างถอยไปกันคนละหลายสิบเมตร
ดาบสีทองและดาบสีแดงก่ำพุ่งปะทะกันก่อนสองดาบแห่งความสุดคั่วจะพุ่งหมุนด้วยความเร็วสูงกรีดอากาศดังก้องพุ่งเข้าปะทะกันหลายพันครั้งต่อวินาที ก่อนดาบทั้งสองจะหยุดชะงักประสานกันเป็นรูปกางเขน
อย่างแปลกตา
หนึ่งแดงก่ำสว่างรุ่งโรธราวเปลวเพลิงโลหิต แต่อีกหนึ่งกลับสว่างเจิตจรัสสง่างามอ่อนโยนประหนึ่ง
ดวงตะวันยามเช้า
" อะไรกัน~~ " ซันย่าทะยานร่างหมายจะดึงดาบศักดิ์สิทธิ์ให้ออกมาจากดาบสีแดงที่ส่งกลิ่นไอชั่วร้ายอย่างสัมผัสได้ชัดเจน แต่ก็ถูกม่านพลังแปลกประหลาดจากร่างของทารกที่ลุกขึ้นลอยนิ่งกลางอากาศได้อย่างปาฏิหาริย์กระแทกจนปลิวออกห่างไปกว่ายี่สิบเมตร
"เด็กนั่นกำลังจะทำอะไร " ซีรีเน่ ซันย่า ฟลอเซนไทน์ พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเป็นครั้งแรก
" อย่าได้เรียกเราว่าเด็ก องครักษ์แห่งคริสต์จักร หากนับตามฐานะแล้วเจ้ายังไม่มีสิทธิที่จะมาพูดกับเราได้อย่างนี้เลยแม้แต่นิด "
น้ำเสียงเนิบนาบเยือกเย็นล่องลอยออกจากร่างของทารกเพศชายผู้พลิ้มตาสงบและมือซ้ายขวาที่
เล็กบางก็ยกขึ้นไขว้ประสานกันไว้กลางอกรับกางเขนดาบเทพมารสองเล่มที่ลอยนิ่งมาหยุดตรงหน้าและ กล่าวด้วยน้ำเสียงกังวาลดังก้องออกไปทั่วสองสถานที่
หนึ่งก็คือ ดินแดนสถิตแห่งพระผู้เป็นเจ้า......สรวงสวรรค์อีเด็น
และอีกหนึ่งก็คือ......ขุมนรกที่มืดมิด
"ดาบทิวาเอ็กโซซิส และดาบ ราตรีซาแทนนิส ได้ถือกำเนิดแล้ว พร้อมกับเราผู้เป็นตัวแทนแห่ง
พันธสัญญาเทพมาร ลูสเซนเทพมารอวตาร "
....
15 ปีถัดมา
จบตอนคร้าบบบบ 555555
หากอยากรู้ต้องรออ่านอีกยาวนานคร้าบผม
5555
รู้สึก ผมยิ่งพิมพ์ยิ่งยาวยังไงไม่รู้ นักเขียนเกือบน็อกแล้วคร้าบบบบ
ขอบคุณที่เข้าชม
โปรดติดตามตอนต่อไป
ก่อนเริ่มตำนาน 6
by ghost snow
..............***
ความคิดเห็น