ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    7 ราชันย์ปราการเทพSeven lord of wonderful the defense divine

    ลำดับตอนที่ #5 : ก่อนเริ่มตำนาน 4

    • อัปเดตล่าสุด 5 ธ.ค. 59


             ก่อนเริ่มตำนาน 4


       ประเทศสาธารณรัฐ แอฟริกาใต้
    ปีคริสศักราช 2,192
    บนห้องสูตรหรูที่สุดในโรงพยาบาลเอกชน ร่างของนายแพทย์หลายคนกำลังทำการผ่าตัดทำคลอด อย่างเบามือและระมัดระวังอย่างแผ่วเบาที่สุดให้กับหญิงสาวชาวไทยคนหนึ่งที่สลบไสลไม่ได้สตินอนนิ่ง
    ผ่อนลมหายใจเบาๆ อยู่บนเตียงสีขาวสะอาด

    " หมอภรรยาของผมเป็นไงบ้าง? " น้ำเสียงโหดดังออกจากเรียวปากใต้หนวดสีดำสนิท
    ดวงตาคมดุประดุจเหยี่ยวทะเลทรายทำให้เหล่านายแพทย์ชาวแอฟริกาใต้ต้องก้มหน้ามองพื้นแล้วจึงตอบคำถามได้
    "เข้าสู่ขีดปลอดภัยแล้วครับ ต้องพักฟื้นอีกอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์เด็กปลอดภัยดีครับ คุณเลิศกฤษ "
    ชายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจก่อนเดินไปสวมเครื่องป้องกันเชื้อโรคและเดินเข้าไปยืนมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของภรรยาที่ซีดเซียวลงไปเพราะเสียเลือดจำนวนมาก
    ชายหนุ่มมองสายระโยงระยางที่ต่อเข้าร่างภรรยาแล้วก็รู้สึกปวดใจแทน เพราะไม่ว่าจะสายออกซิเจน
    สายน้ำเกลือและเครื่องช่วยชีวิตอื่นๆอีก
    ด้วยเหตที่ว่าคุณธัญธิดา เป็นคนร่างกายอ่อนแอทำให้การล้มป่วยของเธอแต่ละครั้งจะต้องใช้เวลา
    ยาวนานในการรักษาแต่เธอก็ไม่เคยย่อท้อต่อความยากลำบากที่ได้เผชิญ
    " พักผ่อนก่อนนะครับที่รัก...ผมจะอยู่ข้างๆคุณตรงนี้ไม่ไปไหน " แววตาอ่อนโยนของชายหนุ่มมองร่างที่แทบจะกลืนเป็น
    สีเดียวกับเตียงตรงหน้าและจับมือบอบบางไว้อย่างทะนุถนอม

    ...

    อีกเจ็ดปีถัดมา

    นครราชสีมา ประเทศไทย
    ในอำเภอวังน้ำเขียว ซึ่งเป็นหนึ่งในอำเภอของจังหวัดนครราชสีมา ปกติในภูมิประเทศเขตนี้จะเป็นเมืองร้อนและแล้ง แต่อำเภอนี้กลับไม่ใช่ ด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกระดมฟื้นฟูอย่างหนักทำให้อำเภอวังน้ำเขียวกลายเป็นอำเภอต้นแบบในการ
    คืนความสมดุลสู่ธรรมชาติและระบบนิเวท
    ทิวเขาสีเขียวยาวสลับเป็นลูกคลื่นสูงๆต่ำๆไม่เท่ากันเป็นภูมิทัศน์ของอำเภอแห่งนี้อากาศเย็นสบายและมีสายลมอ่อนๆโชยพัดตลอดทั้งปีทำให้พืชเมืองหนาวและสายหมอกอยู่คู่อำเภอแห่งนี้ตลอด
    บนเส้นทางสายหนึ่งที่ทอดตัวลึกเข้าไปในหุบเขา ทิวองุ่นขึ้นเป็นพุ่มสีเขียวม่วง เรียงตัวทอดยาวไปตลอดทาง อากาศบริสุทธิ์
    ส่งกลิ่นไอโอโซนลอยละล่องเต็มผืนฟ้า
     
    บนเส้นทางคอนกรีดที่ลาดยาวเข้าสู่หุบเขามาสิ้นสุดที่เนินเตี้ยๆลูกหนึ่งและถัดขึ้นไปเป็นร่มต้นฉำฉาที่แผ่ร่มเงา
    กิ่งก้านสาขาออกกว้าง สลับกับพุ่มเฟิลและมอสที่ขึ้นสลับกันเรียงยาวสองฟากข้าง และถัดไปเป็นบานประตูสีขาวที่ทอดตัวปิดตัวคฤหาสน์สีขาวอ่อนภายในไว้
     
    ภายใน คฤหาสน์
    ร่างสูงโปร่งของชายวัยกลางคนเดินจูงมือเด็กชายวัยเจ็ดขวบทอดน่องเดินช้าๆ ไปตามทางเดินโรยหินอ่อนสลับพรมหญ้า
    สีเขียวนุ่ม
    แววตาสีสนิมเข้มเปร่งประกายสุขุมนุ่มลึกผิดกับบุตรชายที่มีแต่ร่องรอยของความไม่พอใจอยู่บนใบหน้าเล็กๆหน้ารัก
    " พ่อ "
     น้ำเสียงลูกชายตัวน้อยเริ่มเจือปนด้วยเสียงคุกคาม แต่ผู้เป็นพ่อก็ยังทำหน้าตาเฉยจนเสียงเดาะลิ้นอย่างหงุดหงิดดัง
    ออกมาจากลูกชาย เสียงหัวเราะเบาๆของผู้เป็นพ่อจึงดังขึ้นแผ่วเบา
    "นี่เจ้าหนูรู้ไม๊ว่า ครอบครัวเราทำธุรกิจอะไร " เด็กชายทำสีหน้าแววตาเมินใส่พ่อเสียอย่างงั้น ทำให้ผู้เป็นพ่อต้องต่อลองด้วยเงื่อนไขไม้ตาย
    " ถ้าตอบทุกคำถามของพ่อได้พ่อจะยอมตอบคำถามของแกก็ได้ " รอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นบนมุมปากลูกชายนิดหนึ่ง
     แต่ก็ทำให้ผู้เป็นพ่อเสียวสยองได้เหมือนกัน
    " ธุรกิจอะไรก็ได้ ที่เป็นสีเทาไล่ไปจนถึงสีดำมืดมัวไงพ่อ " เสียงกัดฟันกรอดของผู้เป็นพ่อทำให้เกิดเสียงหัวเราะอย่างสะใจจากลูกชายตัวน้อยขึ้นบ้าง เด็กชายปลายตามองพ่อแล้วคิดในใจอย่างสมน้ำน่า
     นี่แนพ่อ อยากมาขัดใจผมก่อนทำไม
     
    " ไอ้หนู " ผู้เป็นพ่อกว่าจะเค้นเสียงออกมาเป็นคำพูดได้ก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร แต่เมื่อเหลียวไปมองเห็นลูกชายที่เดินไปยืนกอดอกเงยหน้ามองฟ้าอย่างสบายใจหางคิ้วของชายวัยกลางคนก็อดกระตุกไม่ได้
    " ครับพ่อ " เด็กชายผู้มีพ่อเป็นเพื่อนเล่นตอบด้วยเสียงเรียบและยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นหน้าพ่อ
    บูดเบี้ยว
    " พ่อ อย่างอนสิ ผมแค่ล้อเล่น " เด็กชายรีบวิ่งมาดึงมือพ่อและส่งสายตาออดอ้อนได้วอนเท้าของ
    ชายวัยกลางคนมาก
    " โหย...พ่อตอบใหม่ก็ได้ " เด็กชายทำหน้ามุ่ยเพราะโดนสีหน้าโหดๆของพ่อขัดอารมณ์

    " ครอบครัวของเราทำธุรกิจเหมืองเพชร ครอบครองสัมปทาน แร่ทองและครองธุรกิจการเจียรไนอัญมณี
    สองในห้าของประเทศ และยังมีอิทธิพลในวงการสัมปทานเหมืองแร่ในสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ รวมถึงธุรกิจที่ดินทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกเพียบ พอใจยังครับท่านพ่อที่เคารพ "
    เด็กชายเชิดหน้ามองพ่อที่ทำหน้าเอ๋อไปหลายนาที
     " ใครสอนแกแล้วก็เล่าเรื่องธุรกิจของครอบครัวเราให้ฟังเนี่ย ว่าไปๆ แกก็
    แสนรู้นะเจ้าหนู "
    เด็กชายยิ้มค้างไปทันทีพร้อมกับเสียงเย็นยะเยือก
    " พ่อครับ "
    ชายวัยกลางคนหน้าเรียบเฉยทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สากับน้ำเสียงกัดฟันกรอดของลูกชาย
    "หือว่าไงเจ้าหนู "
    เด็กชายคิดในใจอย่างพรุ่งพร่าน + พ่อทีใครทีมันนะฝากไว้ก่อนเหอะ + เหมือนชายวัยกลางคนจะรู้ว่าเด็กน้อยกำลังคิดอะไรอยู่รอยยิ้มมุมปากแบบผู้ชนะปรากฏขึ้นบนมุมปากที่หยักโค้งอย่างพอใจ
    "นี่แน จะได้รู้ว่าใครเป็นใคร " เสียงบางอย่างดังในลำคอของลูกชายเบาๆสร้างรอยยิ้มกว้างให้เผยขึ้นบนเรียวปากที่ถูกตัดแต่งหนวดไว้อย่างดี
    "หึ พ่อ ถึงคราวที่ผมจะถามพ่อบ้าง " เด็กชายตัวน้อยมีแววตาเป็นจริงเป็นจังจนชายวัยกลางคนชักหวั่นว่าเรื่องสำคัญที่เด็กน้อยจะพูดออกมานี้อาจจะทำให้เขาต้องคิดหนัก
    สองสายเลือดยืนจ้องตากันนานหลายนาทียิ่งเวลาผ่านไปดวงตาสีดำคมกริบของเด็กน้อยก็เริ่มทอแวววาวโรธจนผู้เป็นพ่อชัก
    เครียดเรียวคิ้วจึงขมวดมุ่นอย่างคิดหนัก
    " พ่อ" น้ำเสียงเรียบของเด็กน้อยดังขึ้นเมื่อผ่านมาหลายนาที
     " ว่าไงลูกรัก? " รอยยิ้มมุมปากเรียบๆปรากฏขึ้นเหมือนตัวร้ายที่กำลังทำตัวเป็นคนดีได้อย่างแนบเนียน
    เด็กน้อยย่างเท้าเข้าหาผู้เป็นพ่อช้าๆแต่ทะว่าหนักแน่นมั่นคงทุกฝีเก้า สองมือยกขึ้นไพล่หลัง
    ดวงตาคมกริบและดุดันไม่ต่างจากพ่อมองลงต่ำและไล่ขึ้นไปจนบันจบกับแววตาของผู้เป็นพ่อที่กำลังทอแววเคร่งเครียด
    "มีอะไรก็ว่ามานี่ผ่านมาสิบนาทีแล้วนะลูก "
    ในที่สุดความอดทนของผู้เป็นพ่อก็ขาดสบั้นน้ำเสียงโหดถามขึ้นด้วยเสียงห้วน แต่ลูกชายกับเม้มปากอย่างพยายามสะกดอารมณ์ก่อนเค้นเสียงถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
    " พ่อ ผมอายุเจ็ดขวบแล้วนะ แต่ทำไมยังไม่มีชื่อ ที่เรียกเป็นผู้เป็นคนสักที??? "
    ความเงียบปกคลุมสองพ่อลูกไว้อย่างยาวนานก่อนรอยยิ้มเล็กๆของคุณเลิศกฤษจะค่อยๆขยายกว้างจนเปิดออกเป็นเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นจากเบาๆกลายเป็นดังลั่น
    " ห้าๆๆๆๆๆ "
    ลูกชายสีหน้าเรียบดวงตาเปลี่ยนเป็นมืดทะมึนมองพ่ออย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ทำให้ผู้เป็นพ่อต้องรีบหยุดเสียงหัวเราะแล้วกำลังจะอ้าปากตอบคำถามของลูกชายแต่ก็มีเสียงของบุคคลที่สามดังแซกขึ้นมาก่อน...
     
    " ขอประทานโทษครับ นายใหญ่นายน้อย "เสียงเรียบของลูกสมุนคนสนิทของคุณเลิศกฤษดังขึ้นก่อนชายหนุ่มจะเดินเข้ามากระซิบถ้อยคำบางอย่างข้างหูชายวัยกลางคนที่ยืนฟังอย่างสงบ
    "อืม...ดี เอาไปสักสองร้อยพอแล้วหละ ในเมื่อมันกล้ามาท้าทายเราก็จัดให้พวกมันไปหน่อยนะ แต่ว่าถ้าเรียบร้อยแล้วก็จัดการให้เรียบร้อย ทำให้กลายเป็นบุคคลหายสาปสูญก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะตามไป เหลือแล้วก็อย่าทำอะไรคนที่ไม่ได้โจมตีเรา
    ก่อนหละไปได้แล้ว "
    หลังจากสั่งงานจบคุณเลิศกฤษก็หันมามองหาลูกชายแต่เด็กชายตัวน้อยก็ไม่อยู่ที่นั้นแล้ว
    ชายวัยกลางคนจึงหันออกไปยกมือขึ้นส่งสัญญาณลับและก็มีเงาร่างในเงามืดจากทั้งทางที่สูงและที่ต่ำเคลื่อนไหวหายไป
    ตามหาเด็กชายตัวน้อยเพื่อควบคุมและคุ้มครองให้อยู่ในความปลอดภัย

    คุณเลิศกฤษ เนื่องจากทำธุรกิจเกี่ยวกับอัญมณีและแร่ธาตุมีค่าทำให้มีทั้งมิตรและศัตรูทางธุรกิจ
    มากมาย จึงปลูกฝังให้ชายวัยกลางคนต้องมีเคี่ยวเล็บเพื่อป้องกันตัวเองและครอบครัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    ...

    ทางเด็กชายตัวน้อยเมื่อเห็นพ่อกำลังจะตอบคำถามที่ตัวเองอยากรู้มาหลายปี แต่กลับมีคนมาแซกความโกรธเกรี้ยวจึงปะทุขึ้นในใจเหมือนไฟลุกและเมื่อเกิดการสนทนายาวหลายนาทีร่างเล็กจึงสบัดหน้าเก้าเท้าเดินจากมาอย่างไม่สบอารมณ์ด้วยนิสัยและอารมณ์ที่ร้อนแรงเหมือนเปลวไฟทำให้เด็กน้อยไม่ค่อยได้คิดหน้าคิดหลัง
    " ฮุ่ย....บ้าเอ๊ย " เมื่อเด็กน้อยโกรธเคืองเขาไม่รู้เลยว่าสภาวะอารมณ์ของเขาไปกระตุ้นสายเลือดของ
    ตัวเองให้เดือดพร่านและเปี่ยมด้วยพลังมหาสารที่ต้องการการพุ่งทะยานออกไปเข่นฆ่าทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า
    สองมือรวบกำหมัดแน่น ดวงตาทอแววคมกริบรอบๆร่างแผ่สนามพลังออกไปกดดันอากาศและเพียงเวลาไม่นานด้วยสายเลือดของเด็กน้อยและการได้รับการถ่ายทอดวิชาลับจากคุณเลิศกฤษ ก็ทำให้ร่างของเด็กน้อยสาบสูญจากการรับรู้ทางการมองเห็นไปทันที
    ไม่ใช่ว่าเด็กน้อยจะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรลงไป แต่ด้วยเพลิงโกรธที่ลุกอยู่เต็มอกก็ทำให้เขาต้องการที่ระบายออกอย่าง
    ช่วยไม่ได้

    " ปังๆๆๆๆ!!! "

    เด็กชายขมวดคิ้วมุ่นก่อนกลั้นลมหายใจสำรวมจิตร่างที่กลายไปอยู่ในสภาวะโปร่งใสก็หายวับไปจาก
    ที่เดิม และมุ่งไปยังที่ ที่ได้ยินเสียงปืนแว่วมาทันที

    ...

    หลังเขาห่างจากคฤหาสน์มาหลายกิโลเมตร
    ในไร่องุ่นสลับกับโรงบ่มวาย บัตินี้กำลังเกิดการปะทะระหว่างคนสองกลุ่มเพราะการเจรจาจบลงด้วยเสียงคำรามของมฤตยูสีดำในมือของชายในชุดสูตรสีรัตติกาล
     
    "พวกเรานายใหญ่สั่งมาแล้วปิดล้อมอย่าให้พวกมันหนีลอดออกไปได้สักคน จับเป็นไว้ให้ได้มากที่สุด
    หากไม่ยอมหรือขัดขืน ฆ่าได้ ลงมือ "
    น้ำเสียงแข็งกร้าวของเพลิงสมุนคนสนิทของคุณเลิศกฤษดังขึ้นผ่านเครื่องฟังที่เสียบอยู่ในหูของกองกำลังมือสังหารของครอบครัว
    เทียบสุริยัน
    พร้อมกันนั้นการปะทะก็เริ่มขึ้น
    " คุณไซม่อน พวกเราเตือนคุณแล้วนะครับ เหตุการณ์ต่อจากนี้หากเกิดอะไรขึ้น ทางเทียบสุริยันจะลงมือเต็มที่นะครับ "
    เพลิงควงปืนสั้นสีดำในมือพร้อมมองนิ่งไปที่ชายวัยกลางคนที่มีดวงตาสีน้ำเงินคมกริบ
    " หึ ไปเรียกเลิศกฤษมาสิ ผมอยากให้เขามาอธิบายเกี่ยวกับเรื่องเหมืองเพชรในซีเรีย "น้ำเสียงเย็นกดต่ำจนทำให้เพลิงอดสะท้านใจไม่ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณมือสังหารทำให้ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ
    " แน่ใจรึปล่าวครับว่ากองกำลังสี่ร้อยคนของคุณจะสามารถรับมือกับพวกเราที่ชำนานพื้นที่กว่า และ
    โหดเหี้ยมกว่า ผมเตือนคุณว่ายังไง " เพลิงพูดยังไม่ทันจบรอยยิ้มเหยียดก็ปรากฏพร้อมเสียงปืนที่ลั่นเปลี้ยง
    กระสุนพุ่งห่างจากร่างของชายหนุ่มไปไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตรกระทบกับเปลือกไม้ของต้นไม้ด้านหลังจนเปลือกไม้ฉีกกระจุย
    เพลิงยิ้มแต่พร้อมกันนั้นระเบิดควันในมือก็พุ่งออกจากมือตกกระทบพื้นทันที

    "ตึ้ง ฟู่ "!!
    ม่านควันหนาทึบกระจายปกคลุมออกไปรอบข้างตามมาด้วยเสียงปืนที่กัมปนาทขึ้นติดต่อกันอย่างถี่ระรัว
    "ปังๆๆๆปังๆๆๆ ปังๆๆๆ "!!
     
    ร่างของไซม่อนกลิ้งไปกับพื้นและกระโจนเข้าหลบในมุมของต้นเสาในโรงบ่มวาย พร้อมสับไกในมือออกไปด้วยความแม่นยำ
    "เปลี้ยง...เปลี้ยง...เปลี้ยง..."
    กระสุนทุกนัดไม่มีคำว่าสูญปล่าว ทุกครั้งที่ลั่นไกยิงออกไปจะต้องมีร่างของสมุนเทียบสุริยันปลิวไปตามแรงถีบของกระสุนปืน
    ในมือ
     ชายวัยกลางคนหันไปโบกมือให้บริวารที่รอคำสั่ง
    "ถล่มพวกมันไปให้เละดูซิว่าเลิศกฤษมันจะไม่ยอมออกมา เหอะ "
    ไซม่อนสะบัดมือคว่างสลักของระเบิดมือทิ้งและใช้เท้าเตะออกไปเป็นวิถีโค้งอย่างสวยงาม

    "บลึ้มมม!!! "

    อีกด้านหนึ่งเพลิงกัดฟันกรอดพร้อมหลบกระสุนที่ถูกพ่นออกจากปืนที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าในใจก็อดบ่นคุณเลิศกฤษไม่ได้ว่าดูถูกคู่ต่อสู้อย่างไซม่อนเกินไป
     
    " เอาไงดีครับ? "
     ชายหนุ่มบรรจุกระสุนปืนพร้อมตอบออกไปอย่างเยือกเย็น
    "ทุกคนปลอดภัยดีรึปล่าว " สมุนที่กระชับเอ็มสิบหกในมือและหันออกไปยิงปะทะเป็นระยะตอบด้วย
    น้ำเสียงเรียบ
    " ปลอดภัยกันทุกคน แผนอ่อนแอก็ถูกวางไว้อย่างลัดกุม ส่วนกองกำลังส่วนใหญ่กำลังตีวงโอบล้อมแล้วก็พร้อมจะถล่ม
    กองกำลังอินทรีขาวให้เละครับ "

    เพลิงยิ้มพร้อมกับหันไปส่งสัญญาณให้กองกำลังที่ปะทะกับคนกว่าสี่ร้อยด้วยจำนวนคนเพียงสี่สิบคน ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งร้อยหกสิบคนกำลังตีวงโอบล้อมพร้อมขยี่มดปลวกในกำมือให้ไม่เหลือซากในเวลาอีกไม่ช้า

    ...

    " คุณไซม่อนครับผมว่าแปลก ด้วยการคำนวนกระสุนที่ยิงปะทะผมคิดว่ามีออกมาไม่ถึงจำนวนของคน
    สองร้อยคนแต่ว่ามีแค่เพียงสิบกว่าคนเท่านั้น "
    ไซม่อนยิ้มเย็นชา พร้อมกับหันไปออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น
     " แผนการเป็นยังไง เราก็หน้าจะรู้ได้ ถ้างั้นก็เตรียมตัวถล่มพวกมันให้เละได้เลย ปะทะอีกสิบนาทีรอฮอร์มาถึงจากนั้นก็
    ตามแผน หนีไปทางเขื่อนลำพระเพลิงและทางเฮรีค็อปเตอร์แยกย้ายแล้วมาเจอกันยังจุดนัดพบ ทุกคนทราบน้ะ "
     
    การปะทะเป็นไปอย่างดุเดือดเลือดพร่าน ทั้งสองฝ่ายต่างดำเนินแผนเป็นอุบายเจ้าเล่ห์สารพัด

    ...

    อีกทางหนึ่งเด็กชายตัวน้อยผู้มีศักดิ์เป็นถึงนายน้อยของเทียบสุริยันกลับมาโผล่ริมชายทุ่งที่ห่างไปเกือบ
    สองร้อยเมตรเป็นลำน้ำกว้างใหญ่ที่ไกลตาลิบๆเป็นเขื่อนลำพระเพลิงที่สะท้อนแสงสีแดงของดวงตะวันจนทาทาบผืนน้ำเป็นประกายระยิบระยับสีทองปนแดงสด
     
    เด็กชายยืนนิ่งกอดอกมองผืนน้ำเงียบๆ ในจิตสำนึกส่วนลึกเขารู้สึกว่าเดี๋ยวก็จะมีอะไรเกิดขึ้นที่นี่แน่นอน
     
    สิบนาทีถัดมา เสียงคำรามกระหึ่มของเฮรีค็อปเตอร์หลายลำบินเรียบผืนน้ำเข้ามาช้าๆ ลำสีดำสนิทและปีกสองข้างติดรูป
    อินทรีสีขาวเล็กๆเห็นได้จากจุดไกลๆทำให้มุมปากของเด็กชายตัวน้อยครี่ยิ้มบางๆ
    " เดี๋ยวก็คงจะรู้กัน " เด็กชายยกมือขึ้นเท้าคางอย่างนึกสนุก ก่อนร่างเล็กจะหายไปอย่างเป็นปริศนาอีกครั้ง

    ไม่นานกองกำลังของไซม่อนก็ถอยมาถึงริมแม่น้ำ พร้อมกับเลือดที่ชุ่มโชกแต่แผนการของคุณไซม่อนก็เหมือนจะสำเร็จ
    เมื่อไม่เห็นกองกำลังของเทียบสุริยันสักคน
    " คุณไซม่อนครับ " ชายวัยกลางคนยกมือขึ้นห้าม พร้อมกับโบกมือเป็นสัญญาณว่าทำตามแผน ทำให้ลูกน้องคนสนิทแยกตัวออกไปส่งสัญญาณให้เฮรีค็อปเตอร์หลายลำทันที
     
    เครื่องบินบนฟ้าบินตีวงลดระดับลงมาจนบินเลี่ยพุ่งไปกับพื้น พร้อมกับลำกล้องของปืนแสงและกระสุน
    อาพีจีที่บรรจุอยู่ในกล้องเตรียมพร้อมจะพุ่งออกไปถล่มไร่องุ่นตรงหน้าให้ย่อยยับได้ในทุกเวลา
    " คุณไซม่อนยอมแพ้ดีกว่าครับ " น้ำเสียงเรียบนิ่งของเพลิงดังออกมาจากมุมลับของโรงบ่มวาย แต่อรุณกลับหัวเราะอย่าง
    เยาะหยัน
    ชายวัยกลางคนหันไปโบกมือให้เฮรีค็อปเตอร์สามลำอย่างดุดัน
    แต่ก่อนสถานการทุกอย่างจะเริ่มนั่นเอง

    ร่างเล็กของเด็กชายในชุดสีดำตัดขอบผ้าสีแดงสลับขาวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าคุณไซม่อนพร้อมรอยยิ้มจางๆ ที่ปรากฏขึ้น
    บนมุมปาก ก่อนร่างนั้นจะเลือนสลายไปพร้อมเสียงอุทานอย่างตกใจและแตกตื่นของเหล่ามือสังหารของเทียบสุริยัน

    "นายน้อย~~~~ "
     
    ดวงตาของไซม่อนเปร่งประกายสว่างวาบและรีบหันออกไปสาดกระสุนหยุดมือสังหารของเทียบสุริยัน
    ที่กำลังจะพุ่งออกมาอย่างไม่เกรงกลัวความตาย
    " สกัดพวกสวะนี่ไว้ ที่เหลืออีกส่วนจับเด็กนั่นให้ได้ " ไซม่อนออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบ พร้อมกับเหล่าสมุนที่ตอบรับ
    พร้อมสอดส่องสายตามองหานายน้อยของเทียบสุริยัน
    เด็กน้อยยิ้มจางๆอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับร่างที่ปรากฏขึ้นในสถานที่ ที่ห่างออกไปหลายสิบเมตร
    " จับมัน "
     สมุนของคุณไซม่อนฮือเข้าหาร่างของเด็กน้อยวัยเจ็ดขวบที่เพียงแสยะเหมือนจอมมารร้ายยิ้ม พร้อมกับน้ำเสียงเล็กๆที่
    พูดคำสั่งออกไปอย่างเด็ดขาด
    " เทียบสุริยัน จะไม่ปล่อยให้ทุกคนที่อยู่ตรงนี้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว " น้ำเสียงเข้มๆของเด็กน้อยเพียงแค่ทำให้สมุนของ
    อินทรีขาวหัวเราะอย่างขบขันผิดกับเพลิงและมือสังหารของเทียบสุริยันที่พากันตัวชาวาบ
    "พวกเราถอยออกไปคุมเชิงให้ห่างกว่านี้นายน้อยกำลังจะถล่มพวกนั้นแล้ว " เพลิงรีบออกคำสั่งพร้อม
    โบกมือที่ถือปืนไว้แน่น
    "ทำไมเราต้องกลัวอะไรขนาดนั้นด้วยลูกพี่ " เพลิงยิ้มฝืนๆเหมือนไม่อยากยิ้ม
    " นายน้อยกำลังอารมณ์ขึ้นแถมนายน้อยยังรักศักดิ์ศรียิ่งชีพนี่มีคนมาบุกถึงหลังบ้านถ้านายน้อยไม่ขยี่พวกมันที่ทำเหมือนหยามศักดิ์ศรีนายน้อยและครอบครัวเต็มๆ ให้เละก็คงไม่ใช่นายน้อยแล้วหละ " เพลิงกล่าวจบก็หันไปส่งสัญญาณยกเลิกแผนการ
    ทุกอย่างเหมือนแน่ใจแล้วว่ายังไงวันนี้กลุ่มกองกำลังอินทรีขาวก็ต้องเละไม่เหลือซากแน่ๆ

    " ปากดีนักนะ เดี๋ยวฉันจับแกได้จะให้พ่อแกมากราบเท้าวิงวอนฉัน ไอ้ลูกกระจ๊อก " เด็กชายเริ่มยิ้มเหยียดพร้อมกับดวงตาสีดำสนิทราวฟ้ารัตติกาลที่กำลังทอแววเหี้ยมเกรียม
    "หึ....ไอ้ลูกหมาจากซีเรียอย่างพวกแกไม่จำเป็นต้องถึงมือพ่อฉันหรอก " เด็กชายตอบโต้อย่างเจ็บแสบพร้อมกับมือขวาที่ยกขึ้นกำหลวมๆ
    " ถุย ปากดีไป ไอ้ลูกนักเลงอย่างแกสุดท้ายก็ตายอย่างหมาข้างถนน " ไซม่อนยิ้มอย่างสมเพทเมื่อเห็นร่างของเด็กชายตัวน้อยกำลังสั่นเบาๆ
    " แล้วจะได้รู้กัน " เด็กชายกล่าวด้วยน้ำเสียงอำมหิต พร้อมกับร่างที่พุ่งขึ้นกลายเป็นเส้นแสงสีดำพุ่งเข้าหา
    เฮรีค็อปเตอร์

    " ห้าๆๆไอ้เลิศกฤษมีลูกโง่ขนาดนี้เลยเหรอวะ อยากสู้กับเครื่องบิน "
    ไซม่อนเย้ยหยันพร้อมโบกมือให้สมุนพุ่งเข้าจับเด็กชายตัวน้อย
    เด็กชายคลายมือขวาที่กำหลวมๆพร้อมกับหยุดร่างและจิกเท้าขวาลงบนแผ่นดินตรงหน้าพร้อมกวาดมือวาดเบาๆจากซ้ายไปขวา
    ฉับพลันเหมือนบรรยากาศถูกแรงกระชากมหาสารเฮรีค็อปเตอร์สามลำหน้าสุดถูกกระชากลงมาเหวี่ยงฟาดกับพื้นหญ้าสลับเนินดินด้วยความรุนแรงและเกิดเสียงระเบิดกัมปนาท
    "ตูมมมๆๆ!!!! “
    เศษเหล็กและเศษซากร่างของคนบังคับฮอร์แหลกกระจุยเป็นซากกองหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมาบนพื้นหญ้า
    เด็กชายหมุนตัวกลับมาช้าๆพร้อมเหวี่ยงมือไปด้านหลังอย่างรุนแรง
    " เปลี้ยง.....ตูมมมๆๆ " ประหนึ่งอากาศถูกฉีกกระจุยเฮรีค็อปเตอร์อีกสิบเอ็ดลำที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าสูงกว่าสองพันเมตรถูกพลังลึกลับตัดปีกขาดล่วงละลิ่วโหม่งพื้นโลกอย่างหน้าสยดสยอง

    " ม่ายยยยย~~~ " เสียงร้องโหยหวนของไซม่อนดังก้องพร้อมกระสุนปืนที่สาดมาที่ร่างเล็กของเด็กชายอย่างบ้าครั่งเหมือนเสียสติ
     กระสุนนับร้อยนับพันพุ่งเข้าหาร่างเล็กของเด็กชายที่มีดวงเนตรสีเดียวกับฟ้ารัตติกาลและประกายตาคมกริบเหี้ยมเกรียม
    " หึ ....ฉันจะสอนให้รู้จักเทียบสุริยัน! " เหมือนกับว่าไซม่อนเห็นเงาของคุณเลิศกฤษในร่างเล็กๆนี้ ดวงตาของชายวัยกลางคน
    ต้องทอแววหวาดหวั่นพลั่นพลึง
    ร่างเล็กสูญสลายไปกับอากาศธาตุในชั่วเสี้ยวกระพริบตาก่อนกลับมาที่เดิมอีกครั้งแต่คราวนี้ในมือซ้ายกับกำลังหิ้วคอของ
    ร่างใครอีกคนหนึ่ง

    " แก.....ปล่อย ฆ่ามัน~~~ " คุณไซม่อนเหมือนเสียสติบ้าครั่งร่างชายวัยกลางคนสั่นเทิ้ม พร้อมมองร่างเล็กใน
    อุ้งหัตถ์มัจจุราชที่กำลังพยายามดิ้นรนอย่างไร้ทางขัดขืน
    " นี่ ไอ้แก่....คุณคงชื่อไซม่อนสินะ " เด็กชายถามด้วยน้ำเสียงเรียบติดจะเด็ดขาด
     " ผมไม่รู้ว่า....ยัยเด็กนี่มาอยู่ในซากเฮรีค็อปเตอร์ได้ไง ....และอ้อเสียใจด้วยคนเป็นแม่คงไม่เหลือซากแล้วหละ แต่ยัยเด็กนี่
    โชคดีที่มีร่างของคนหลายคนยอมตายแทนทำให้ยัยเด็กนี่ยังครบทุกส่วน.....แต่มันจะไม่ครบก็ต่อเมื่อถ้าพวกคุณไม่ยอมวางปืนและยอมสยบต่อเทียบสุริยันซ้ะ "
    เด็กชายย้ำเสียงเด็ดขาด แทบทำให้ไซม่อนเข่าอ่อนระทวยเมื่อเห็นใบหน้าของลูกสาวกำลังซีดเผือด
    เหมือนขาดอากาศหายใจ ดวงตาสีเดียวกับตนกำลังทอแววทรมานแสนสาหัด

    " ปล่อยลูกสาวฉันมาแล้วพวกเรามาเจรจากันได้ " เด็กชายดวงตาหรี่ลงพร้อมเพิ่มแรงเข้าไปที่นิ้วเล็กทั้งห้าที่รวบคอของเด็กหญิงวัยห้าขวบลงไปอย่างเชื่องช้าและไร้ปรานี
    " กรี๊ดดดดด " ด้วยอากาศที่กำลังขาดช่วงทำให้ร่างเล็กของเด็กหญิงดิ้นรนด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด
    ไซม่อนแทบผวาเข้ามาหาลูกสาวที่รักเหมือนแก้วตาดวงใจอย่างลืมตัวแต่ถ้าไม่มีเสียงเย็นชาของเด็กชายที่ถึงแม้จะเป็น
    เสียงเล็กๆแต่ก็เด็ดขาดและเหี้ยมโหดไม่แพ้ผู้เป็นพ่อดังขึ้นเสียก่อน
    " หยุด อยู่ตรงนั้น ถ้ายังอยากได้ร่างมีวิญญาณของลูกสาวก็วางปืนลงคุกเข่าเรียงแถว ทำซิ " เด็กชายตวาดด้วยน้ำเสียงดุ
    จนร่างชายวัยกลางคนผวาเฮือก ปืนกระเด็นหลุดจากมือร่างสูงซุดลงคุกเข่าพร้อมกับเหล่าสมุนที่
    หวาดหวั่นขวัญเสียกันตั้งแต่แรกที่เห็นเครื่องบินสิบสี่ลำถูกขยี่เละเหลือแค่เพียงตำนานของฝูงบินอินทรีขาวที่ถูกทำลายลงอย่างราบคาบ
     
    " ดีมาก " เด็กน้อยพูดด้วยความพอใจก่อนหันกลับไปออกคำสั่งกับมือสังหารของเทียบสุริยัน
     " จับให้หมด "
    และก่อนที่ร่างเล็กจะทันเครื่อนไหวเด็กหญิงวัยห้าขวบที่มีดวงตาสีน้ำเงินสดสว่างใสก็ดิ้นหลุดจากมือของเด็กชายและรีบวิ่งไปหาผู้เป็นพ่อที่กำลังเบิกตากว้างอย่างตกใจอีกครั้ง
    เด็กชายปลายตามองนิดหนึ่งและด้วยความไร้ประสบการณ์ทางการต่อสู้ทำให้เด็กชายลืมระวังตัวไป
    " นายน้อย ระวัง " เสียงเพลิงร้องบอกไม่ทันจบเสียงกึกก้องของมฤตยูเจาะเกราะก็ดังสนั่น
    "ปัง.....ปัง....ปัง....!!!. "
    ร่างเล็กปลิวถอยหลังราวกับเว่าสายป่านขาดเลือดสีแดงสดๆฉีดพุ่งออกจากร่างเล็กเหมือนน้ำพุโลหิตย้อมชุดสีดำให้เข้มขึ้น กระสุนพุ่งเข้าสู่ท้องน้อยหน้าอกข้างขวาและหน้าอกข้างซ้ายอย่างแม่นยำเหมือนจับวาง
     
    "ภูมิลลลลลลล......ย๊ากกกก พวกแกต้องตายยยยยย!!!ย "
    เสียงร้องโหยหวนของคุณเลิศกฤษดังก้องอย่างกราดเกรี้ยวพร้อมกับเสียงระเบิดบลึ้ม
    พร้อมร่างของ
    กองกำลังอินทรีขาวที่เหลือที่แหลกยับจนกลายเป็นแค่เศษเลือดเศษเนื้อที่กองสุมกันเป็นภูเขากระดูก
    ร่างชายวัยกลางคนกระโจนลงจากฟ้าพุ่งเข้ารวบร่างของบุตรชายไว้ในอ้อมแขนพร้อมหันมองร่างของ
    กองกำลังอินทรีขาวจากซีเรียแล้วแค่นเสียงอย่างโกรธแค้น
    " เพลิงระดมกองกำลังให้หมดทั้งโลก....ถล่มพวกที่มันเป็นศัตรูกับเราให้เละให้หมด "
    เพลิงรับคำสั่งออกไปทำและการกวาดล้างและการขยายอำนาจของมหาอำนาจยิ่งใหญ่ของเทียบสุริยันก็เริ่มขึ้นจากจุดนี้เอง
    ..........

    พร้อมกับมหาสงครามย่อยๆที่ระอุขึ้นทั่วโลกไม่มีมุมโลกทางไหนไม่เดือดพร่านด้วยการบุกเข้าทำลายศัตรูทั้งทางที่ลับและที่แจ้งของเทียบสุริยันจนแหลกสลายไม่หลงเหลือคนที่กล้าตั้งตัวเป็นอริกับตระกูลทะมินแห่งโลก นี้อีกต่อไป........
     
     
    โปรดติดตามตอนต่อไป
    ก่อนเริ่มตำนานห้าครับ
    พี่น้อง
    5555555 สุขสันต์วันวาเลนไทน์ย้อนหลังนะคร้าบบบบ
    ขอบคุณที่เข้าชมครับผม
    พระเอกคนนี้ต้องเกรียนเทพ โหดเป็นที่หนึ่ง ประมาณพวกลูกมาเฟีย โหด เถื่อนนน ประมาณนี้ 55555555
     
     
    By ghost snow


    ……………………***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×