คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2
บทที่ 2 แรกพบก็.....
“ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับโรงเรียนของเรา อีกสามวันต้องต้อนรับท่านผอ.ที่จะมารับตำแหน่งแล้วน้ะ?“
รองผู้อำนวยการพูดพลางถอนหายใจหลังจากการเข้าแถวของนักเรียนจบลง
สายลมของสนามกลางโบกปลิวแรง
ครูชั้นบริหารและครูที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยืนล้อมเป็นวงมองตากันปลิบทั้งวิตก ทั้งกังวล
“จะว่าแบบนั้นก็ไม่ได้น้ะค่ะท่านรองหมี“
ครูสาววัยกลางคนกอดแฟ้มไว้และมองไปทางสวนเกษตรของโรงเรียนอย่างหนักใจ
“ไหนจะเรื่องงานต้อนรับผู้อำนวยการใหม่ ไหนจะต้องปิดข่าว แล้วประสานกับทางตำรวจเขาว่าไงครับ?“
หัวหน้าฝ่ายปกครองเหลือบตามองหน้าของชายวัยใกล้เกษียร ซึ่งเป็นครูหัวหน้าฝ่ายอาคารสถานที่
“ทำไมมองผมแบบนั้นละครับครูยุทธ เมื่อคืนผมก็กลับบ้านพร้อมครูเลยน้ะครับ?” ครูหัวหน้าฝ่ายสถานที่หัวเราะแห้งๆ เมื่อ ‘ครูยุทธ’ ละสายตาไป
“ ก็ยังไม่ได้แจ้งอะไรเป็นวงกว้างหรอก มีนักเรียนประมาณยี่สิบกว่าคนรู้เรื่องนี้ เดี๋ยวกลางวันเรียกมาคุยที่ห้องประชุมเล็กให้ครบด้วย”
เห็นว่าจะไม่มีใครตอบท่านรองผอ.เลยตอบคำถามแทนและพูดต่อ
“เอางี้แล้วกัน ทุกคนไปทำงานตามปกติก่อน แล้วผมขอตกลงกับทางตำรวจอีกที แล้วขอเรียกประชุมใหม่อีกครั้งนะครับ“
รองผู้อำนวยการทั้งสามเดินเคียงกันขึ้นสู่อาคารสำนักงาน ระหว่างทางมีแต่ความเงียบและเงาทะมึนของความยุ่งยากที่กำลังตั้งเค้าอย่างเคร่งเครียด
”ท่านรองค่ะ มีนักการคนใหม่มาสมัครงานค่ะ“
ครูฝ่ายบุคคลเดินผ่านหน้าท่านรองทั้งสามซึ่งดำรงตำแหน่งสามฝ่ายใหญ่ๆ ก็คือ
บริหาร
การปกครอง
และการเงิน
ท่านรองทรงธรรม ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบริหาร
ท่านรองทรงเกียรติ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายกิจการนักเรียนและฝ่ายปกครอง
ท่านรองทรงคุณ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการเงินของโรงเรียนทั้งหมด
หลายครั้งที่คนในโรงเรียนไม่ว่าจะครูหรือนักเรียนมองสามพี่น้องใบเถาเหล่านี้ก็อยากรู้จริงๆ ว่าพ่อแม่ทั้งสามคิดอย่างไร
ถึงให้ลูกชายสามหน่อชื่อติดไปทางผู้มีหน้ามีตาทางสังคมทั้งๆ ที่จริงแล้วเป็นเพียงรองผู้อำนวยการของโรงเรียน
บ้านนอกคอกนา
“จัดการไปเลยครับคุณพราว” ชายหนุ่มสวมแว่นกรอบกลมตอบอย่างไม่ต้องคิดแค่มีนักการคนใหม่มาสมัครงาน คงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องให้เขามาคิดมาก
“ค่ะ“
คุณครูพราวฟ้ารับคำตอบก่อนจะผละไป
“เฮีย เอาไงดีเนี่ย กว่าคุณภูจะมารับตำแหน่งก็อีกตั้งสามวัน?” ท่านรองทรงคุณถามพี่ชายทั้งสองที่ทำหน้ายุ่ง
“ เฮียไม่รู้หวะ เราจับเบาะแส สาเหตุ อะไรไม่ได้สักอย่างเลย จะให้เฮียไปเริ่มที่ไหนก็คงไม่ไหว” ท่านรองทรงเกียรติบอกน้องชายอย่างกลุ้มๆ ก่อนโบกมือให้ทั้งพี่และน้องเดินแยกเข้าห้องทำงานเฉพาะฝ่ายของตนไป
“ทำงานไปก่อนหวะ เฮียก็กำลังคิดอยู่มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกับโรงเรียนเราตั้งแต่ท่านสมคิดตาย?”
ท่านรองทรงธรรมบอกน้องชายแล้วเปรยอย่างคลุ่นคิด
ท่าน’สมคิด’ ที่ว่าก็คือผู้อำนวยการคนเก่าที่เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา
…
หน้าโรงเรียน
ชายหนุ่มกวาดตามองป้ายโรงเรียนที่ตัวหนังสือตัวใหญ่สีสดในอดีตเริ่มซีดและกะเทาะบนประตูเหล็กหน้าโรงเรียน
สนิมเขลอะตามเนื้อเหล็กสีขาวที่หลุดล่วง
“เฮ้ย น้องมาทำอะไร?”
คำทักทายสำเนียงบ้านๆ ดังมาทักทายทำให้ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดโปโลเก่าๆ สีน้ำตาลซีดและกางเกงยีนสีน้ำเงินซีด
เหลือบไปมอง
“หวัดดีครับพี่ ผมมาสมัครงานคนทำความสะอาดนะครับ”
ชายสองสามคนที่อยู่ในป้อมยามตอนแรกเดินมาเมียงมองแล้วพยักหน้าให้กัน
“เฮ้ยน้อง แกชื่อคำมีเหรอ?”
ชายหนุ่มมองอาณาบริเวณที่กว้างใหญ่กว่าสิบไร่เพลินๆ รีบหันกลับมาตอบ
“ครับ ใช่แล้วครับพี่” รปพ.หลายคนเปิดประตูโรงเรียนให้แล้วยิ้มแย้มเพราะได้ฟังคำ’พี่’ที่รื่นหู
“เอ้าๆ เข้ามาๆ เดี๋ยวแกไปห้องทุรการแล้วยื่นเอกสารหลังจากนั้นก็ไปจัดการอาคารวิท ห้องน้ำของอาคารภาษาไทยแล้วก็เขตรอบๆ สวนเกษตรน้ะเวิ้ย เออๆ แกเป็นเด็กใหม่ไม่รู้อะไร อย่าเผลอเข้าไปสวนเกษตรหละ เมื่อคืน…..”
และแล้วเรื่องราวที่ท่านรองลืมนึกก็เกิดขึ้น เหตุการณ์ทั้งลับและไม่ลับหลุดออกจากรปพ.และนักการรุ่นพี่ ที่ผลัดการเล่า
คนละคำสองคำ สุดท้ายไม่ว่าที่ไหนที่เด็กจะปีนเข้าปีนออก แก๊งเด็กดีเด็กเกรียน ชายหนุ่มก็ได้รู้หมด
“ขอบใจมากน้ะพี่” ชายหนุ่มอมยิ้มก่อนก้มหัวให้แก๊บของหมวกลงมาปลกหน้าและรีบวิ่งไปทางอาคารสำนักงานที่อยู่
ห่างไปเกือบสี่สิบเมตร
“เออๆ ลุงชดตายได้เด็กใหม่มาช่วยดีวะ ท่าทางเป็นงานดี”
ลุงยามยิ้มกว้าง
ชายหนุ่มทอดฝีเท้าแผ่วลงเมื่อเก้าขึ้นมาบนสำนักงานทุรการ ดวงตานิ่งสีดำที่ทอแววคิดถึงเรื่องที่พึ่งได้รับทราบมา
“มาติดต่อเรื่องอะไรค้ะ?”
ชายหนุ่มไม่พูดมากยื่นเอกสารสมัครงานให้เจ้าหน้าที่สาวที่ลงบันทึกรายชื่อลูกจ้างก่อนส่งกระดาษที่แสดงรายละเอียดที่เขาต้องทำให้เสร็จภายในหนึ่งวันและค่าแรงที่จะได้รับให้อย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร
สำหรับเขาแบบนี้ก็ดีแล้ว
ชายหนุ่มมองงานที่ต้องทำเดินไปตามแผนผังโรงเรียนที่วาดไว้ข้างกระดาษ
“ ทำความสะอาดตึกวิทยาศาสตร์ชั้นหนึ่งถึงห้า ล้างห้องน้ำผู้ชายและผู้หญิงทำความสะอาดตึกภาษาไทย ค่าแรง
สองร้อยห้าสิบต่อวัน”
ดวงตาเขามาหยุดลงที่ตึกสีขาวสูงถูกแวดล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่รอบบริเวณมีแต่ความเงียบและเสียงนกร้องดังมาไกลๆ
ทางเดินปูนระหว่างตึกก็ดูร้างไร้ผู้คน
ปกติโรงเรียนใหญ่ไม่น่าจะเงียบเหงาขนาดนี้
“เงียบขนาดนี้เลย?” ชายหนุ่มไม่ได้สนใจอะไรอีก เขาวางกระเป๋าเป้ที่สะพายมาตั้งแต่หน้าโรงเรียนลงข้างๆ และหันไปคว้าไม้กวาดและที่ตักผงเริ่มทำงานของตนไปเงียบๆ ในสมองก็เริ่มคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโรงเรียนนี้
“ตึกวิทนี่ ก็มีอะไรแปลกๆ สิน้ะถ้าเราจำไม่ผิด”
ชายหนุ่มผู้ใช้นามคำมีมองขึ้นไปบนชั้นสูงสุดซึ่งเป็นศูนย์เรียนสี่วิชาหลักและต่อขึ้นไปเป็นหอดูดาวเล็กๆ
ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ และดาราศาสตร์
เวลาล่วงผ่านไปอย่างเชื่องช้าและเงียบเหงา ชายหนุ่มกวาดชั้นหนึ่งสองสามและสี่ของอาคารวิทยาศาสตร์เรียบร้อย เตรียมจะเก้าขึ้นสู่ชั้นห้าแต่กลับพบป้ายห้ามขึ้นก่อนได้รับอนุญาติ
“เขาไม่ให้เข้าไปนะครับลุง ลุงเป็นพานโรงใหม่รึเปล่าครับไม่คุ้นหน้าเลย?”
ชายหนุ่มหันกลับมาจ้องเด็กหนุ่มที่ส่งยิ้มกว้างอย่างจริงใจมาให้
ด้านหลังเริ่มมีเพื่อนๆ ห้องเดียวกันทยอยเดินตามมากันเป็นแถวยาวเหยียด แต่ไม่ได้เป็นระเบียบอย่างที่มันควรเป็น
“ถามจริงอะลุง ลุงอายุเท่าไรกันนะดูหน้าเด็กจัง?” ระหว่างที่เขากำลังสำรวจเด็กๆ ห้องนี้อยู่ เด็กสาวคนหนึ่งก็เดินล้ำหน้าเพื่อนๆ มองเขาตรงๆ อย่างไม่เกรงใจ
“เอ่อ....เอ่อ” ขณะที่ชายหนุ่มลำบากใจไม่รู้จะตอบคำถามของดวงตาแก่นแก้วที่จ้องเขาอย่างสนอกสนใจอย่างไร
เสียงเย็นของครูวิทยาศาสตร์สวมแว่นหน้าโหดก็ดังลงมาจากชั้นห้า
ช่วยเหลือชายหนุ่มให้รีบก้มหัวและหลีกตัวไปยืนข้างๆ
“อ่าว มัวยืนทำอะไรกันอยู่ขึ้นมาเร็วๆ สิ”
เด็กๆ วิ่งกลูขึ้นไปบนชั้นห้าที่กระเบื้องถูกจัดการเรียบร้อยบนพื้นปูพรมสีดำสนิทดูน่ากลัว บนชั้นห้าที่แสนจะเงียบเหงานั้น
มีครูไม่กี่คนที่ทำงานอยู่
“นักการขึ้นมาข้างบนนี้หน่อย” พอชายหนุ่มจะหมุนตัวลงไปชั้นล่างเสียงเรียกของครูคนเดิมก็ดังขึ้นยับยั้งการเก้าเดินของเขาเสียก่อน
ร่างสูงเดินย่อตัวขึ้นบันไดแล้วถามคนที่ยืนมองเด็กๆ เข้าประจำที่แล้วเริ่มเช็กชื่อ
“ เอ่อคุณครูมีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่าครับ?”
แต่ชายหนุ่มต้องอึ้งไปเมื่อครูสาวเอาแต่กวาดสายตาคมกริบหาลูกศิษย์คนโปรด
“เพนกวิน อยู่ไหน?”
“ไอ้กวิ้นมันไปฉี่อยู่ครูแป๊บหนึ่งก็มา” กลุ่มเพื่อนสาวสี่ห้าคนของนีโม่ตะโกนบอกครูที่ยกนาฬิกาขึ้นมอง กว่าจะหันมาสนใจนักการที่กวาดตามองชั้นห้ารอบข้าง
“เอ่อนี่ นักการ เดี๋ยวคุณก็ไปจัดการที่อื่นต่อได้เลยน้ะ บนชั้นห้านี่เดี๋ยวพวกเราจัดการเอง ที่เราต้องทำแบบนี้ ไม่ใช่
จะไม่ให้คุณทำความสะอาดหรอก แต่ข้างบนนี้มันมีงานทดลองและสารเคมีมากไป เราเกรงว่าคุณจะกระทบกับสารเอา”
ครูสาวพูดจบก็เดินไปประจำตำแหน่งบนเวทีพร้อมฉายภาพบทเรียนให้นักเรียนดูและเริ่มอธิบาย
ชายหนุ่มกวาดตามองรอบข้างก็ไม่เห็นจะมีสารเคมีอะไรที่จะทำให้เขาเป็นอันตรายอย่างที่ว่า
ดวงตาปราดผ่านรอบข้างอีกครั้งเพื่อเก็บรายละเอียด ดวงเนตรสีดำสนิทหยุดลงที่หุ่นทางชีวะที่สูงกว่าสองเมตร ทุกสัดส่วนในร่างกายถูกทำมาเหมือนจริงทั้งหมดทุกอย่าง แม้แต่แก้วตาดำที่เบิกโพลงอย่างน่ากลัว ชายหนุ่มยังต้องหรี่ตาลง
ไล่มองมาตามระบบหมุนเวียนเลือดเขาพบอะไรบางอย่างที่ทำให้คิ้วขมวดมุ่น
ชายหนุ่มชำเลืองหางตามองครูสาวก่อนจะเดินลงจากชั้นห้าไป
ถ้ามีโอกาสเขาต้องกลับมาสำรวจมันอย่างละเอียดแน่ๆ
“ ครูๆๆ หนูมาแล้ววว” เท้าคู่หนึ่งซอยลั่นมาตามระเบียงชั้นสี่ ก่อนเพนกวินจะได้ระวังป้องกันตัวพื้นใต้เท้าก็ลื่นวูบ
‘ชีวิตฉันมันทำไมต้องจบแบบนี้~~’
ระหว่างที่กรีดร้องและตาเบิกโพลงอย่างเห็นแสงสุดท้ายของชีวิต
ร่างที่พุ่งมาเร็วสูงก็หยุดกึก
เหมือนชนกับแผ่นหิน เอ๊ะ~ แต่ทำไมแผ่นหินนี่มันอุ่นดีจัง มีเสียงหัวใจเต้นด้วย
เพนกวิ้นตาเหลือกกว่าจะรู้ตัวว่าเธอพุ่งเข้าชนผู้ชาย
สมองของเธอก็ไม่สั่งการแล้ว
กว่าจะรู้ตัวอีกครั้งเสียงกรีดร้องก็ดังลั่นไปทั่วตึก
“ กรี๊ดดด!!! ไอ้บ้ากาม เอามือออกไปจากก้นฉันเลยน้ะ~~~“
ชายหนุ่มสะดุ้งกับเสียงกรีดร้องและการผลักเขาจนล้มลงไปกระแทกพื้นคิ้วเข้มขมวดได้นิดเดียวขาเรียวๆ ก็สวิงเข้ามากระแทกก้านคอเขาจนโลกหมุนตลบไปสามร้อยแปดสิบองศา ชายหนุ่มนักการรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอื้ออึงข้างหู กว่าเขาจะรู้ตัวอีกทีเขาก็โดนลากมานั่งหน้าจ๋อยอยู่ในห้องปกครองแอร์เย็นว๊ากๆ แล้ว
รองทรงเกียรติหน้าเข้มจ้องเขาอย่างถมึงทึงข้างๆ มีคู่กรณีที่จ้องเขาจนตาจะพ่นไฟได้แล้ว
ด้านหลังมีรังสีทะมึนจากครูวิทยาศาสตร์เกือบคลึ่งตึกที่ส่งผ่านมาจนทำเอาสันหลังเย็นวาบ
“ นายคำมี ทำไมคุณไปทำนักเรียนแบบนี้?!”
นายคำมีอยากจะยกมือขึ้นเกาหัว จะว่าเขาตั้งใจมันก็ใช่สะที่ไหนหละ ผู้ชายอย่างเขานะเหรอต้องไปจับ…..เอ่อนั่นแหละ
“ มันเป็นอุบัติเหตุครับ”
ท่านรองทรงเกียรติหน้าเครียดทุบโต๊ะปั้ง
จนทำให้คู่กรณีสาวสะดุ้ง แต่นายคำมียังคงความหน้าตามึนๆ ได้เช่นเคยอย่างยอดเยี่ยม
“ อุบัติเหตุ ถ้าคุณเผลอข่มขืนนักเรียน คุณก็จะบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุรึเปล่า?”
นายคำมียิ้มและจ้องคู่กรณีสาวที่จ้องเขาเหมือนจะทำให้ร่างของเขาพรุนด้วยสายตาเคียดแค้นของเธองั้นแหละ
“ เอ่อ.....ถ้านักเรียนสวยกว่านี้ มีน้ำมีนวลกว่านี้ ท่านรองไว้มาถามผมใหม่ไม่ดีกว่าเหรอครับ?”
ได้ยินคำย้อนถามจากนายคำมี ท่านรองทรงเกียรติถึงกับหน้าตึงอารมณ์ยิ่งคลุกลุ่นเข้าไปใหญ่
แต่คนที่ฟิวส์ขาดนั้นมีอยู่
“ นี่ไอ้แก่ พูดแบบนี้ได้ไงวะ แบบนี้ซัดแม่งเลยดีไม๊?!”
ท่านรองทรงเกียรติสะดุ้งกับความเกรียนของเด็กสาวผู้ถูกลวนลาม
อันที่จริงแล้วเขาก็ยังไม่ได้ฟังความจากทั้งสองฝ่าย เขาจะรีบตัดสินด้วยอารมณ์เข้าข้างนักเรียนมันก็ออกจะเกินไป
“ นั่นไงครับท่านรอง นักเรียนคุณน่า ’ข่มขืน’ สักนิดก็ไม่มี้~”
นายคำมีพูดเสียงสูงจนน่าหมั่นใส้
“ เฮ้ย พูดงี้!” ท่านรองทรงเกียรติชักจะปวดหัว ชายหนุ่มรีบยกมือห้าม
“พอก่อนเดี๋ยวขอผมฟังเหตุการณ์อย่างละเอียดก่อน”
และแล้วเรื่องทุกอย่างก็ถูกถ่ายทอดออกมาจากนายคำมีที่ซ่อนรอยยิ้มไว้ใต้ใบหน้ามึนๆ ที่เหมือนทุกคนในห้องปกครอง
จะรู้จักเขาในเอกลักษณ์แบบนี้ไปเสียแล้ว
เพนกวิ้นหน้าแดงก่ำหลังจากเรื่องทั้งหมดได้รับการตัดสิน ตั้งแต่เกิดจนถึงอายุสิบห้ายังไม่เคยมีครั้งไหนที่เด็กสาวอายและหน้าแตกยับได้ขนาดนี้มาก่อน
“ เพนกวิ้นหนูต้องขอโทษคุณคำมีเขาน้ะเล่นไปเตะก้านคอเขาเสียขนาดนั้น”
รองทรงเกียรติหรือเฮียเสือพูดอย่างอ่อนเพลียละเหี่ยใจ
‘คุณคำมี’ ส่งยิ้มให้เด็กสาวที่ชื่อเพนกวิ้น
ก่อนร่างเพรียวจะลุกขึ้นและรีบวิ่งออกไปจากห้องปกครอง
แต่ก็ยังไม่ทิ้งลายเด็กเกรียน
“ หนูจะขอโทษได้ไงหละไอ้แก่หื่นกาม จับอย่างเดียวไม่พอ ยังบีบอีก~”
คุณคำมีกะพริบตาปลิบ ดูเหมือนที่พูดหลังๆ นี่มโนขึ้นเองรึเปล่าน้อง
“ ถ้าไม่มีอะไรผมขอตัวก่อนนะครับ “
ชายหนุ่มเดินตัวปลิวออกไปทางประตูห้องปกครอง ก่อนจะมุ่งเป้าหมายต่อไปที่เขาสนใจ
สวนเกษตรโรงเรียน.
By ผีหิมะ
………………………***
ความคิดเห็น