ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    the three haunt of high school.

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 0
      0
      2 ต.ค. 60

                     บทที่ 6

     

     

                     สายฟ้ากะพริบสว่างวาบสะท้อนกับดวงเนตรสีดำเข้มดื้อดึงที่กำลังจ้องประสานกับอีกคนที่เอนตัวพาดขายาวไปตามโซฟาทำเหมือนไม่สนใจคนตัวเล็กที่สวมเสื้อตัวหลวมโคลก

    นี่ลุง ทำไมพูดแบบนี้หละ? เพนกวิ้นโมโหขึ้นมา เมื่อได้ยินสิ่งที่เขายัดเยียดให้เธอ

    อ่าว ไม่พูดงี้แล้วให้พูดไงหละ คุณคำมีตีฝีปากตอบและยักคิ้วกวนส้นส่งให้

    เพนกวิ้นโมโหจัดเม้มเรียวปากอิ่มสีชมพู แก้มเนียนเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

     ก่อนคุณคำมีจะได้ระวังตัวร่างเพรียวก็กระโดดขึ้นมาบนตัวเขาแล้วเงื้อหมัดขึ้น

    ชายหนุ่มคิ้วกระตุกเล็กๆ

    ก่อนจะขยับพลิกตัวนิดเดียว คนตัวเล็กกว่าก็ทรงตัวไม่ค่อยดี

    มือใหญ่เลยต้องคว้าเอวเล็กไว้

    ไปส่งบ้านเลยน้ะ เกิดอยู่นายข่มขืนฉันขึ้นมาทำไงหละ? เพนกวิ้นโวยวายเสียงลั่นบ้านและพยายามดิ้นขัดขืนจาก

    มือใหญ่กว่า

      ถ้าจะทำก็ทำนานแล้วแหละ เพนกวิ้นคิ้วกระตุกและเมื่อเห็นว่าทั้งมือเท้าทำอะไรไม่ได้ก็ก้มหัวลงเตรียมใช้หน้าผากกระแทกริมฝีปากบางตรงหน้าแตกยับไปเลย

     

    คุณคำมีเอียงหัวหลบไปได้หวุดหวิด แต่เมื่อเห็นว่าเด็กสาวยังไม่สิ้นฤทธิ์อีกก็คิดจะสั่งสอนบ้าง แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร

    แสงไฟในห้องและทั่วทั้งบ้านก็ดับลงพร้อมกับเสียงฟ้าร้องคำรามภายนอก

      กรี๊ด~~~”

    ชายหนุ่มกำลังอึ้งจนหัวหมุนเมื่อคนที่กำลังจะทำร้ายเขาอยู่เมื่อกี้เปลี่ยนมาเป็นแนบใบหน้าลงกับอกกว้างและพยายามกอดเขาไว้แน่น

    นี่นายปิดไฟใช่ไหม? คำถามนั่นอีกมันหน้าถามเสียที่ไหน

    จะปิดได้ไงละครับก็เธอนอนทับผมอยู่นี่

    เพนกวิ้นเหมือนจะสะดุ้ง ไม่ต้องให้ชายหนุ่มเดา

    ถ้าเป็นเวลากลางวันคงได้เห็นริ้วสีชมพูของแก้มเนียนแล้ว

    เปลี้ยงงง!!!!”

    สายฟ้าฟาดผ่าลงไปภายนอกทำให้เด็กสาวยิ่งซุกตัวแน่นกับชายหนุ่มเข้าไปอีก

    คุณคำมีพยายามดันตัวลุกขึ้นสุดท้ายก็ทำได้

    และโอบแขนรอบร่างบางที่ตัวสั่น

    อุณหภูมิร้อนกว่าปกติบนผิวเนียนและอาการหนาวสั่นทำให้เขารู้ทันทีว่าเธอกำลังไม่สบาย

    ดวงตาที่พอปรับให้ชินกับความมืดบ้าง เหลือบหาอุปกรณ์ที่จะใช้ให้ความอบอุ่นกว่านี้

    แต่ก็ลำบากกว่าที่คิดเพราะในห้องรับแขกของเพื่อนรักไม่มีอะไรที่ใหญ่พอเลย

    เพนกวิ้นรู้สึกเบลอและมึนหัวลมหายใจร้อนผ่าวทำให้เธอรู้สึกคอแห้งและอยากจาม

    ฮัดชิ่ว~~”

    และน้ำลายพร้อมเชื้อโรคหลายล้านตัวก็ไปลงกับคุณคำมี

    ภายนอกฟ้าฝนยิ่งคะนองเข้าไปใหญ่

    เวลาสามทุ่มกว่าไม่ได้จัดว่าดึก แต่สำหรับในค่ำคืนที่น่าสะพลึงกลัวแบบนี้ เหมือนมีไอเย็นโอบล้อมทั้งคู่

     

     เพนกวิ้น ชายหนุ่มพยายามเขย่าตัวเรียกคนในอ้อมแขนที่อุณหภูมิยิ่งขึ้นสูงไปเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่านไป

    แย่แน่  มาลาเรียหรอเนี่ย ไอ้หมอก็ไม่อยู่ คุณคำมีมองร่างเพรียวฝ่าความมืด โรคที่เป็นกะทันหันและ

    จะต้องได้พักผ่อนเป็นเวลานานจนกว่าจะให้หายไปเอง หากไม่มีแพทย์คอยให้การดูแลโดยเฉพาะ อ่านจะหนาวสั่นมากๆ จนถึงแก่อันตรายในขั้นหนักได้

    หนาว....หนาวจังเลย เด็กสาวเบียดตัวเองเข้าหาวงแขนของชายหนุ่มจนเรียกได้ว่าถ้าเธอหลอมละลายรวมกับตัวเขาได้เธอคงจะทำไปนานแล้ว

     

    เวลาผ่านไปนานกว่าสิบนาทีอุณหภูมิของเธอสูงขึ้นจนคุณคำมีทำหน้าวิตก

    ชายหนุ่มโอบอุ้มร่างบางลุกขึ้นและเดินไปในห้องเก็บยาพิเศษ

     ที่จริงก่อนเขาจะมาเรียนต่อทางบริหารการศึกษาเขาก็เรียนแพทย์พื้นฐานมาบ้าง

     

    ชายหนุ่มไล่สายตาไปตามชั้นยาแล้วมองอาการของคนในอ้อมแขน

      เข้าระยะที่สองแล้วหรอเนี่ย งั้นคงต้องรอให้จบระยะที่สามก่อนถึงค่อยให้กินยาได้

    ความมืดเป็นทั้งอุปสรรคและเครื่องมือที่ทำให้เขาสบายใจ

    ชายหนุ่มวางร่างบางที่หมดสติไปแล้วลงบนเตียงใหญ่

    ตามไรผมและหน้าผากเริ่มผุดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ซึมออกมาทีละนิด

    คุณคำมีจุดเทียนไขที่หามาได้แล้วมองนาฬิกาคำนวณเวลาที่เด็กสาวจะฟื้น

     

    ปล.ความรู้พิเศษ แถมให้

    โรคมาลาเรีย

    เป็นโรคที่เกิดจากยุง ใช้เวลาบ่มเพาะประมาณ สองสัปดาห์

    มีอาการแบ่งออกเป็นสามระยะ

    คือระยะแรก หนาวเกร็ง

    ระยะสอง ตัวร้อนไร้สติ

    ระยะที่สาม อ่อนเพลียกล้ามเนื้อหมดแรง

    และระยะ ที่ไม่มีโรค(ไม่มีอาการ)

    แบ่งออกเป็นสองชนิด

    คือมาลาเรียปกติ

    และมาลาเรียแบบแซกซ้อน.

     

    ชายหนุ่มรอเวลาที่คิดว่าเด็กสาวจะฟื้นจากอาการหนาวสั่นสลับร้อนจนร่างบางกระตุกไปหลายครั้ง

     ดวงตานิ่งๆ จ้องคนตัวเล็กกว่าอย่างเคร่งเครียด

    อีกสิบนาที ถ้าเธอไม่ฟื้นมันต้องลำบากมากไปกว่านี้แน่นอน

    เขารอให้เธอตื่นขึ้นมาอย่างกระสับกระส่าย เข็มฉีดยาและยาชนิดแค็ปซูนที่เตรียมไว้วางรอบนโต๊ะข้างๆ

    คุณคำมียิ่งไม่สงบเข้าไปใหญ่เมื่อเข็มนาทีใกล้จะเข้าระยะที่เขาขีดเส้นตายคำณวนไว้

    ฟื้นสักทีสิเพนกวิ้น

    ชายหนุ่มมองนาฬิกาสลับกับแตะเช็กอุณหภูมิของร่างบางอย่างร้อนใจ

    ปกติเขาก็ไม่ได้เป็นคนใจเย็นอะไรมากและยิ่งเจอสถานการณ์แปลกประหลาดเหนือธรรมชาติในหัวค่ำอีกยิ่งทำให้เขากังวล

    การกระโดดลงมาจากชั้นสองด้วยความสูงเกือบสี่เมตรมันไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆ

    และในช่วงเวลานี้เองที่อาการปวดหนึบร้าวระบมไปทั่วทั้งร่างโดยเฉพาะตามกระดูกสันหลังและรอยแผลที่ถลอกเลือด

    แข็งตัวสมานแผลไว้แต่เมื่อแนบกับชุดที่เขาสวมขาดวิ่นไปทั้งตัวมันก็ทำให้รู้สึกปวดแปลบขึ้นมาได้

     

    หิวน้ำจัง เสียงร้องแผ่วในคอถึงแม้จะเบาแสนเบาแค่ไหน แต่ภายในบ้านที่อยู่กันแค่สองคนมันก็ได้ยินชัดเจน

    เพนกวิ้น ลืมตาก่อน ชายหนุ่มจับมือเล็กที่ชื้นเหงื่อแล้วเรียกเสียงเบา

    เด็กสาวเหมือนได้ยินเสียงใครบางคนเรียกเธอพยายามจะเปิดเปลือกตาขึ้นแต่ความปวดและความอ่อนเพลียที่แผ่ไปทั่วร่างก็ทำให้เธอส่ายหน้าแล้วพูดเสียงแหบ

    ไม่ไหวแล้ว ปวดไปหมดเลย

    ชายหนุ่มผู้ใช้นามว่าคำมีมองคนตัวเล็กร่างเพรียวอย่างหนักใจ

    แสงเทียนสะท้อนผิวขาวที่ซีดลงกว่าปกติของเธออย่างน่าเป็นห่วง

    ริมฝีปากอิ่มสีชมพูแห้งผากเหมือนคนไม่ได้ดื่มน้ำมาทั้งวัน

    งั้นกินน้ำก่อน หิวไหม เธอยังไม่ได้กินอะไรเลยน้ะ ตื่นขึ้นมากินยาก่อนแล้วค่อยนอน

    คุณคำมีแอบถอนใจเล็กๆ โชคดีมากแล้วที่อาการของมาลาเรียออกฤทธิ์หลังจากเธออาบน้ำเสร็จแล้ว

    ไม่เอา ง่วงจะนอนแล้ว คนร่างเพรียวบอกอย่างดื้อดึง

    ไม่ได้หรอกต้องกินอะไรก่อน

    ชายหนุ่มเลื่อนชามโจ๊กร้อนเข้ามาใกล้มือแล้วใช้เสียงนิ่งของตนบังคับคนที่ยังหลับตาแน่นเบือนหน้าไปทางอื่น

    กินอะไรสักนิดหนึ่งแล้วกินยา แล้วค่อยนอน

    มือใหญ่ที่สอดเข้ามาใต้เอวยกร่างเพรียวของเธอให้ลุกขึ้นคลึ่งนั่งคลึ่งนอนกับหัวเตียงทำให้เพนกวิ้นสะดุ้งรีบลืมตาขึ้นมา

    ลมหายใจอุ่นที่อยู่ห่างไปไม่ถึงสิบเซนทำให้เธอหายใจสะดุด

    เฮ้ย นายปล่อยน้ะ ในเวลานี้เธอได้แต่ร้องประท้วงเท่านั้นเพราะร่างกายทุกส่วนอ่อนแรงไปหมด

    หลังจากทำให้คนหัวดื้อลืมตาขึ้นมาได้

    แสงเทียนไหวระริกก็สาดส่องให้ทั้งคู่มองเห็นกันและกัน

    ดวงตาสีดำสวยเด่นขึ้นมาในความมืดเหมือนอัญมณีสีดำประกาย

    ดวงตานิ่งๆ ที่แฝงความวิตกตลอดมาของชายหนุ่มคลายตัวลง

    กินอะไรสักนิดก่อน กินน้ำ ฉีดยา กินยา แล้วค่อยนอน

    ดวงตาหรี่ปลือด้วยความง่วงและความอ่อนเพลียโตขึ้นมาอีกครั้ง

    ฉีดยา นายรู้หรือไงฉันเป็นอะไร?

    ดูเหมือนสรรพนามของทั้งคู่จะเปลี่ยนไปอย่างที่เธอก็ไม่ทันได้สังเกต

    ก็มาลาเรียไงครับ มีอะไรน่าสงสัยตรงไหน?

    ดวงตาที่จ้องมองเขาอย่างใช้ความคิดทำให้คุณคำมีเปิดปากอธิบายต่อ

    มันเป็นอาการที่ผมเคยเจอมานะ แล้วพอชินกับโรคนี้พอสมควร

    ดวงตาจ้องจับผิดของเด็กสาววัยมัธยมต้นตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัด

    นายโกหก นายรู้หรือไงยาตัวไหนที่ใช้รักษาโรคนี้?

    คุณคำมีทำหน้ามึนๆ แต่ในสมองกำลังนึกบ่นเด็กสาวตรงหน้า

    คิดจะหลอกล่อด้วยคำพูดที่ชวนให้อธิบายต่อหรือไง ไม่เล่นไปด้วยหรอกเกมส์นี้นะ

    เพนกวิ้นจ้องจับผิดอีก แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบจากคนตรงหน้าที่หันไปสารวนกับโจ๊กในชามใหญ่ที่ยังอุ่นๆ

    กินก่อนดีกว่า ผมคิดว่าเธอยังกินเองไม่ได้ ให้ผมช่วย

    ดวงตาใสที่จ้องประสานแสดงความขุ่น ชายหนุ่มก็ได้แต่หัวเราะในใจ

    ก่อนจะเลื่อนช้อนเงินและโจ๊กพอดีคำเข้าไปใกล้ริมฝีปากบางที่ทำท่าจะเบือนหลบไปทางอื่น

    กินครับ

    เขาคิดว่าตัวเองใช้เสียงพอดีแล้วน้ะ แต่ทำไม๊ทำไมยังไม่ยอมกินอีก

    ไม่เอาหละ ฉันยังไม่กินดีกว่า

    เธอเหมือนจะขยับตัวหนีห่างจากชายหนุ่มที่ยังค้างอยู่ที่เดิมแต่ชายหนุ่มอยากจะส่ายหน้าและถอนหายใจให้กับความดื้อและ.....ความอะไรดีหละ เอาเป็นว่าเธอพูดรู้เรื่องยากแล้วกัน

    ก็บอกอยู่ว่าเธออยู่ในช่วงที่สามของมาลาเรีย ซึ่งกล้ามเนื้อทุกส่วนจะขยับไม่ได้มีแต่ความอ่อนเพลียเหมือนคนป่วยหนัก

    ผมว่า คุณหยุดแค่นั้นดีกว่า เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร

    ชายหนุ่มเริ่มบ่นและเปลี่ยนสรรพนามไปอีกในตาแสดงความจริงจัง จนเด็กสาวหลบตามองช้อนและไล่สายตาไปตามข้อมือแข็งแรง

    ก็ทำไมต้องดุด้วยหละเวิ่ย

    ชายหนุ่มส่ายหน้าก่อนอาศัยจังหวะที่ริมฝีปากบางกำลังจะพูดอีกส่งโจ๊กคำแรกเข้าไปแล้วพูดเสริม

    ห้ามคายน้ะ ไม่งั้นคงมีการจับอาบน้ำใหม่กันบ้างหละ

    ดูเหมือนเธอจะอร่อยกับโจ๊กคำแรกแบบกะทันหันน้ะ

    เพราะโจ๊กคำต่อไปถูกป้อนให้ง่ายขึ้น

    ความเงียบดำเนินไปอยู่คู่กับทั้งสอง

    จนกระทั่งเพนกวิ้นเบือนหน้าหนีแล้วพูดเสียงเบา

    อิ่มแล้ว

    ชายหนุ่มมองโจ๊กที่หายไปเหลือไม่ถึงสามคำก็จะหมดชามใหญ่ นี่คงหิวมากสิน้ะ

    อีกนิดหนึ่ง เขาไม่ได้บังคับน้ะ

    แค่สายตามีแรงกดดันเฉยๆ

    เพนกวิ้นกัดริมฝีปากตัวเองอย่างเจ็บใจ นี่ถ้าอยู่ในสถานะที่เท่าเทียมกันหมอนี่ไม่มีทางมาทำกับเธอได้ขนาดนี้หรอก

    บอกว่า อิ่ม แล้ว

    เธอเน้นคำพูดอีก แต่เหมือนเขาจะพูดไม่รู้เรื่องจริงๆ แฮะ

    สามคำ ชายหนุ่มยังต่อรอง

    สามคำนี้แลกกับอะไรหละ? เธอยื่นข้อเสนอกับเขาบ้าง

    คุณคำมีอึ้งไปเหมือนกันไม่คิดว่าคนที่สภาพนอนป่วยขนาดนี้ยังมีลูกไม้แพรวพราวอีก

     อยากได้อะไรหละ? เขายอมให้สักครั้งหนึ่งก็ได้ แต่จริงๆ แล้วเขาไม่เห็นต้องยอมก็ได้นี่นะ

    ไม่รู้ทำไมดวงตาใสนั่นถึงสร้างแรงดึงดูดแบบแปลกๆ

     เพนกวิ้นก็ไม่คิดเหมือนกันว่าผู้ชายตรงหน้าจะยอมลงให้แบบแปลกใจ

    ไม่รู้ คิดก่อน คำละหนึ่งอย่างแล้วกันถ้าฉันอยากรู้ นายต้องบอก

    คำละหนึ่งอย่าง รวมกันมันสามอย่างเลยน้ะ

    มันจะดีรึเปล่าน้ะ ถ้าเขาจะยอมตกลง

     ก็ได้

    เขาได้เห็นรอยยิ้มเป็นต่อในดวงตาคู่ใสนั่นอีกครั้งหนึ่งในรอบวัน

    งั้นมาเลย อะไรก็กินได้หมด

    ชายหนุ่มอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองยกยิ้มอ่อนๆ ขึ้น

    แต่อีกคนที่อยู่ใต้แสงเทียนเดียวกันมองเห็นได้ชัดเจน

    ถึงแม้จะแปลกใจแต่มันก็ทำให้เด็กสาวที่ไม่ค่อยได้สนใจผู้ชายมากนักตาค้างได้เหมือนกัน

    หมอนี่ยิ้มสวยชะมัดเลยแฮะ

    กินสิ

    เพนกวิ้นหลุดจากยิ้มล่อลวงตรงหน้าก่อนรีบอ้าปากรับโจ๊กอีกสามคำ

    และหลังจากกินโจ๊กเรียบร้อยคำพูดเรียบๆ ของชายหนุ่มก็ตามมา

    อยู่นิ่งๆ สักสิบห้านาทีแล้วค่อยกินน้ำ เพราะกินน้ำตามไปทันทีส่งผลไม่ดีต่อร่างกายนัก

    หมอนี่ทำไมเนี๊ยบชะมัดเลยเนี่ย ความรู้ก็เยอะกว่าจะเป็นพานโรงน้ะ

    นายบอกให้ฉันถามได้ใช่มะ?

    ชายหนุ่มที่เก็บชามโจ๊กอยู่เหลือบมองด้วยหางตานิดๆ

    ว่ามาสิ ถ้าตอบได้จะตอบ เพนกวิ้นส่ายหน้าและยกนิ้วชี้หน้าเขา

    ไม่ใช่แบบนี้ ถามแล้วต้องตอบทุกอย่าง

    ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ และรอฟังคำถามจากเด็กสาวบนเตียง

    นายเรียนจบอะไรมา ทั้งหมด ห้ามโกหก

    ชายหนุ่มผู้มาสมัครงานภารโรงวันแรกไม่ได้เหลือบมองเพนกวิ้น

    ก่อนจะตอบเสียงเรียบๆ

    อนุบาล ประถม มัธยมต้น มัธยมปลายเรียนสาย โครงการวิทนานาชาติ ปริญญาตรีเรียนแพทย์ศาสตร์ ปริญญาโท

     เรียนบริหารการศึกษา แล้วก็จบมานี่แหละ

    เพนกวิ้นกำลังจ้องตามหลังคนตรงหน้าไปด้วยดวงตาเหม่อลอยแบบอึ้งปนทึ่งสุดๆ

    หมอนี่ถ้าไม่ได้โกหกนี่เขา เรียนจบขนาดนี้มาทำงานภารโรงในโรงเรียนห่างไกลความเจริญขนาดนี้เนี่ยน้ะ

    หลังจากเอาชามโจ๊กไปล้างในห้องครัวที่อยู่ไม่ห่างไปเท่าไร

    ชายหนุ่มมองนาฬิกาแล้วบอกโดยไม่มองหน้าตกตลึงของเด็กสาวอีก

    กินน้ำก่อนแล้วค่อยกินยา หลอดถูกจ่อใกล้ริมฝีปากเล็กที่เปิดรับและจ้องเขาเหมือนเห็นเทวดา

    จะมองแบบนี้อีกนานไหม? ชายหนุ่มยกมือขึ้นวางบนศีรษะเล็กแล้วเขย่าเบาๆ

    เดี๋ยวต้องฉีดยาด้วย ป้องกันอาการกลับมาในคืนนี้แล้วก็จะได้ไปเรียนได้วันพรุ่งนี้

    เอ่อ...นายเอ่อ...งั้นถามอีกได้ไหม?

    เพนกวิ้นมองเขาแล้วอ้ำอึ้งไป

    แต่ว่าไม่อยู่ในเงื่อนไขได้ไหม? เด็กสาวเกิดความสงสัยผู้ชายตรงหน้าขึ้นมากะทันหัน

    ถ้าตอบได้ละน้ะ ดวงตาโตจ้องเขาเหมือนไม่อยากเชื่อ

    สำหรับชายหนุ่มเขาก็แปลกใจเหมือนกัน ทำไมตัวเองถึงอยากตอบคำถามของเด็กสาวนักเกรียนที่มีเรื่องกันตั้งแต่เขามาทำงานวันแรก

    แต่ก็ไม่รู้สิว่าทำไมเขาอยากตอบทุกคำถามและไม่อยากโกหกดวงตาใสของคนตรงหน้า

    นายเรียนจบมาตั้งสูง ทำไมมาทำงานแบบนี้? คำถามแรกของเธอก็ทำให้เขาหนักใจขึ้นมาได้ทันที

    จะให้ตอบไปตรงๆ เลยว่าเขากับเพื่อนอีกสองคนในสามสายงานทำงานร่วมกันมาสืบสวนคดีการเสียชีวิตปริศนาของผู้อำนวยการคนเดิมของโรงเรียนเธอแล้วก็รายละเอียดปลีกย่อยในความดำมืดของรูปคดีอีกมากมาย

    มันก็ดูจะเป็นผลไม่ดีทั้งเขาทั้งเธอนัก

    รอรับงานนะ ก็เลยมาหาอะไรทำเล่นๆ ไปก่อน

    เพนกวิ้นดูเชื่อกับคำตอบของเขา เพราะดูหน้าตาแล้วก็เหมือนเป็นคนโกหกไม่ค่อยเก่งเท่าไร

    ด้วยความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์เธอคิดแบบนั้น

    แล้วเพื่อนนายอีกสองคนเหมือนเขาจะรีบน้ะ พวกเขาทำงานอะไรกันหรอ? ดูเหมือนคำถามที่ถามถึงเพื่อนเขามันดู

    น่าสนอกสนใจจนชายหนุ่มมุ่นหัวคิ้วอย่างขุ่นใจ

    คนหนึ่งเป็นหมอ อีกคนเป็นตำรวจ ยังไงก็ดีกว่าภารโรงแบบผมละน้ะ

    เพนกวิ้นจ้องเขาอย่างไม่เข้าใจ เมื่อกี้เขาประชดฉันรึเปล่าน้ะ

    กินยาก่อน ชายหนุ่มเบือนหน้ามองนอกหน้าต่างที่ฝนยังเทกระหน่ำเหมือนฟ้ารั่ว

    ยาหลายชนิดถูกมือใหญ่ส่งให้ตามด้วยหลอดดูดน้ำที่ยังจ่อใกล้ริมฝีปากเหมือนเดิม

    หลังจากเห็นว่าคนร่างเพรียวกลืนยาทั้งหมดและตามด้วยน้ำเปล่าไปแล้ว

    ชายหนุ่มก็หันไปสนใจกับเข็มและหลอดฉีดยา

    มือใหญ่ดูดยาเข้าสู่หลอดฉีดยาและดึงเข็มออกจากซองพลาสติกจัดการให้เชื่อมเข้าด้วยกันก่อนเหลือบมองคนร่างเพรียวที่ทำท่าผวา

    ไม่เป็นไรหรอก เขาปลอบก่อนพ่นยาค่าเชื้อกับมือตัวเองและใช้สำลีชุบน้ำยาทำความสะอาดเช็ดหัวไหล่มนอย่างเบามือ

    มือขวาจับหลอดฉีดยาส่วนมือซ้ายยกขึ้นแตะแก้มเนียนเบาๆ

    ดวงตาที่จ้องเธอเหมือนบอกคำว่า

    ไม่เป็นไรนิดเดียวเท่านั้น

    ไม่ฉีดได้ไหมเนี่ย

    ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรทำเพียงปลายนิ้วกดผิวเนียนเบาๆ ก่อนค่อยๆ กดเข็มและกดฉีดน้ำยาให้เข้าสู่ร่างบางอย่างเบามือที่สุด จนแม้แต่เขาก็ยังกลั้นหายใจ

    ถ้าจะบอกว่าการฉีดยาหลายร้อยครั้งที่ผ่านมามันไม่ได้สร้างความวิตกให้เขาเท่าครั้งนี้เลย เขาก็คงยอมรับโดยปริยาย

    ในที่สุดชายหนุ่มก็ถอนเข็มออก

    และวางหลอดฉีดยากลับในถาดเงินก่อนใช้สำลีกดแผลรูเข็มเล็กๆ ไว้อย่างเบาแรง

    เดี๋ยวมันจะทำให้เธอง่วงน้ะ แต่ก็สมควรนอนได้แล้วหละ ราตรีสวัส

    ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ก่อนจะหันไปเป่าเทียนดับ แทบจะพร้อมกับความง่วงงุนที่เข้าครอบครองสติของเด็กสาวอย่างรวดเร็ว

     

    ดวงตานิ่งของร่างสูงมองคนตัวเล็กที่หลับตาพลิ้มหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ

    ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกดึงขึ้นจนถึงระดับคอ

    มือสองข้างถูกจัดในท่าที่นอนสบายที่สุด

    ก่อนเขาจะเดินไปล้มตัวลงบนโซฟาที่อยู่ในห้องรับแขกและสามารถลืมตาขึ้นมามองเห็นห้องนอนและเตียงใหญ่ได้ทันที

    ไม่นานสิ่งที่หลงเหลืออยู่ก็เป็นเพียงลมหายใจสม่ำเสมอและเสียงสายฝนพรำจากภายนอก

     

     

    ฟ้าฝนคะนองตั้งแต่หัวค่ำมาแล้ว เวลาเที่ยงคืนของโรงเรียนใหญ่ทั้งมืดทะมึนและเหน็บหนาว

    แต่ต่อให้ฝนฟ้าจะหนักหน่วงแค่ไหน แต่ก็ยังต้องมีสิ่งมีชีวิตหลายจำพวกที่ต้องทำหน้าที่ของตนเพื่อแลกกับผลตอบแทน

    รปภ. หลายคนที่นั่งสะลึมสะลืออยู่ในห้องยาม และครูผู้เข้าเวรกะกลางคืนที่นั่งดูดบุหรี่มองสายฝนที่เทเม็ดโป้งลงแตะกับชายคาและไหลรวมกันซึมลงทางระบายน้ำหายไป

    และยังมีคนอีกจำพวกหนึ่งที่ต้องออกทำมาหากินในยามราตรี

    และยิ่งในคืนที่ฟ้าฝนเป็นใจขนาดนี้ มันยิ่งทำให้พวกเขากระหยิ่มใจ

     

    ชายสี่คนสวมชุดดำและเครื่องกันฝนที่ไม่รุ่มร่ามกระโดดลงจากกำแพงด้านหลังตึกวิทยาศาสตร์แล้วลัดเลาะไปตามแผนผังที่ศึกษากันมาก่อนแล้วอย่างคล่องแคล่ว

    ชายที่อยู่หน้าสุดกระโดดออกไปมองลู่ทางแล้วโบกมือให้เพื่อนอีกสามคนที่ซุ่มหมอบตามมาด้านหลัง

    พวกเราจะมาเอาอะไรวันนี้?

    ชายคนหนึ่งถามลูกพี่ ที่ย่อตัวมองหน้าตึกสำรวจว่ากล้องวงจรยังทำงานอยู่หรือไม่

    เออ เจออะไรก็เอาไป

    ลูกพี่โบกมือตอบอย่างไม่ใส่ใจ

    พี่ดูนั่นก่อน

    ชายคนหนึ่งชี้นิ้วให้ลูกพี่มองการเคลื่อนไหวบางอย่างที่เกิดขึ้นหน้าอาคารวิทยาศาสตร์

    ม...มะ...มัน...มันอะไรลูกพี่ ผีรึเปล่า? ลูกน้องถามเสียงสั่น

    ลูกพี่ชี้หน้าแล้วหัวเราะ

    ผีเผออะไรกูไม่เชื่อ มึงเห็นต้นไม้ที่เขาตัดแต่งไว้มันโดนลมพัดต่างหาก ไอ้ปอดแหกเอ๊ย

    ชายที่มองเห็นชัดๆ ว่าต้นไม้บ้านั่นมันกะพริบแสงสีแดงได้รู้สึกถึงความหนาวเย็นไปทั่วทั้งตัว

    เขาย้ายตำแหน่งมาเป็นคนที่อยู่หลังสุดโดยได้รับเสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากเพื่อนร่วมทีมที่ต่างเดินขึ้นไปเคียงข้างลูกพี่

    พ่อแก้วแม่แก้ว พวกมึงจะเอาชีวิตไปทิ้งแล้วไอ้พวกฉิบหาย เขาได้แต่บ่นเสียงเบาอยู่ในคอ

     

    ลูกพี่ส่องไฟฉายไปข้างหน้า

    ลำไฟฉายลำใหญ่สาดลงบนอะไรบางอย่างที่ล้มกลิ้งอยู่หน้าบันไดตึกและกอไม้ดอกที่แหลกยับเป็นทางยาว

     แสงไฟฉายสะท้อนกับวัตถุสีแดงสว่างระยิบระยับบางอย่างทำให้ชายหนุ่มตาลุกวาวโตเป็นไข่ห่าน

    ทับทิมลูกพี่ ไอ้พวกโง่ที่ไหนมันเอาทับทิมมาทิ้งไว้ที่นี่

    ชายคนหนึ่งวิ่งตัดหน้าลูกพี่ไปถึงสิ่งนั้นก่อน

     หมายจะคว้าของที่มองเห็นเป็นคนแรก

      เฮ้ย มึงหยุด

     ลูกพี่ตวาดลั่น และออกวิ่งตามไป

    แล้วติดตามไปด้วยลูกน้องอีกคนหนึ่ง

    ทิ้งให้ชายคนสุดท้ายตัวสั่นอยู่ที่เดิม เขามีลางสังหรณ์ลึกๆ ว่าเขาจะได้มองเห็นกลุ่มโจรของเขาวันนี้เป็นครั้งสุดท้าย

     

    เมื่อเข้ามาใกล้ สิ่งที่มองเห็นเป็นทับทิมก็หรี่แสงลงเหลือเพียงเงาตระหง่านของบางอย่างที่เหยียดตัวลุกขึ้นยืน

    จนเสียงลั่นกรอบดังไปทั่วร่างกาย เสียงหัวเราะกระหึ่มไปในบรรยากาศที่อวนด้วยกลิ่นคาวเลือดอันรุนแรงดังก้อง

    หวะ...เหวอ....ลูกพี่

    ชายคนแรกวิ่งเข้ามาแล้วสะดุดกับข้อเท้าตัวเองที่พลิกลงก้นกระแทกพื้น

    เสียงหัวเราะแหลมเล็กก้องคำรามทั่วผืนฟ้าสีมืด

    ศีรษะหุ่นทดลองทางชีวะค่อยๆ ปริร้าวออกจากกันจนในที่สุด สิ่งที่ถูกซ่อนภายในแผ่นอกกว้างใหญ่ก็เลื่อนขึ้นมาปรากฏต่อสายตาของคนชตาขาดทั้งสาม

     เสียงกรีดร้องโหยหวนแหลมไปในอากาศ

     มือกร้านของหุ่นทดลองทางชีวะเปร่งประกายสีแดงก่ำพุ่งเข้าคว้าต้นคอของชายที่ขยับตัวหนีอย่างทุรนทุราย

     แต่มันสายเกินไป

    ใบหน้าก้มลงหาอย่างสยดสยอง ริมฝีปากที่เรียงรายด้วยความน่าสะพลึงอ้าขึ้นและกัดกระชากลำคอของชายคนแรกขาดกระจุย

    น้ำพุสีเลือดสาดกระเซ็นย้อมสายฝนกลบกลืนเสียงกรีดร้องด้วยความกลัวสุดขีดให้จางหายไป

     ร่างของหัวขโมยอีกสองลอยเข้าหาร่างหุ่นทดลองอย่างผิดธรรมชาติ

    ติดตามด้วยเสียงกร๊อบลั่น เมื่อกระดูกซี่โคลงถูกมือยักษ์เหวี่ยงเข้าฟาดจนเลือดท่วมร่างหัวหน้าขโมยไปทันที

    หัวใจสดๆ หลุดออกมาเต้นกระตุกสองสามครั้งก่อนกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย

    ลูกน้องขโมยคนสุดท้ายหันกลับหลังเก้าขาวิ่งออกไป

    แต่สิ่งที่เขามองเห็นก่อนขาทั้งสองจะถูกคว้าและเรี่ยวแรงมหาศาลก็ออกแรงฉีกกระชากลำตัวคนเป็นๆ ให้ขาดกระเด็นเป็นสองซีกปลิวกระจายไปคนละทิศคนละทาง

    ในตาสีแดงก่ำทอแววคั่งแค้นมองตามหลังขโมยคนสุดท้ายไปแล้วเสียงหัวเราะอันน่าสะพลึงกลัวก็ติดตามไป

    เพื่อละเลงเลือดในค่ำคืนของฝนสีโลหิตและบังอาดมีคนมาท้าทายดวงวิญญาณแค้นผู้สิงสถิตอยู่ภายในร่างหุ่น.

    และครั้งนี้แหละเขาจะต้องเข่นฆ่าทุกคนที่มันทำให้เขาเป็นแบบนี้ต้องติดอยู่ที่นี่ไปไหนไม่ได้ พวกมันต้องตายทั้งหมด…….

     

     

    By ผีหิมะ

     

     

    ………………………………….***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×