ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    7 ราชันย์ปราการเทพSeven lord of wonderful the defense divine

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 0 ปฐมบท เกมส์ออนไลน์ เม็ตสไตรท์เวอลร์ on line (mst +w )

    • อัปเดตล่าสุด 5 ธ.ค. 59


          ปฐมบท เริ่มตำนาน กับ(mst+w)


     ในยุคเทคโนโลยีเฟื่องฟูนวัตกรรมต่างๆรุ่งเรืองสุดขีดของคริสศักราชนี้  ทุกสิ่งทุกอย่างของโลกถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลง จนถึงขั้นที่เรียกได้ว่าโลกรุ่งเรืองที่สุดในรอบหลายสหัสวรรษที่ผ่านมาเลยก็ได้

     ประเทศที่ยังด้อยการพัฒนาได้รับความสนใจและร่วมมือพัฒนาจากนานาประเทศ ในนโยบายสันติภาพและภาราดรภาพของประธานธิบดีแห่งสหรัฐและประเทศที่ร่วมมือในนาม อีกมากมายกว่าเจ็ดสิบประเทศทั่วโลก

     ทำให้ยุคนี้กลายเป็นยุคทองแห่งการพัฒนา  แลกเปลี่ยน  ความรู้ และวิทยาการต่างๆ  ประเทศที่เคยปิดตนเองจากต่างประเทศก็หันกลับมาดำเนินนโยบายเสรีภาพ ทำให้โลกเก้าหน้าไปอย่างรวจเร็ว
    ในยุคนี้ธุรกิจการบันเทิงได้เข้าถึงการประสานงานกับหลายองค์กรทั่วโลกตามแนวคิดที่ว่า  “ จะทำให้คนผ่อนคลาย เมื่อไม่ได้ต้องทำงาน  “
    ทำให้ธุรกิจการบันเทิงเฟื่องฟูและผุดขึ้นประหนึ่งดอกเห็ดที่ไม่ว่าไปประเทศไหนเมืองไหนรัฐใด  แค่เพียงเลี้ยวหัวมุมถนนก็จะพบป้ายแสงนีออนแสดงถึงความเจริญในธุรกิจบันเทิง

     ธุรกิจการบันเทิงและวงการต่างๆ ก็ได้ฮือฮา เมื่อ ทางนักวิทยาศาสตร์กลุ่มศึกษาค้นคว้าสรีระร่างกายร่วมมือกับแพทยศาสตร์สาขาวิชาระบบประสาทและเซลล์สมอง รวมถึงนักวิจัยวิศวกรไฟฟ้าอีกนับหมื่นได้ค้นพบโลกใหม่ที่จะทำให้โฉมหน้าของโลกและการดำเนินชีวิตของมนุษย์เปลี่ยนไป

     สิ่งที่กลุ่มนักวิจัยนับสามหมื่นคนค้นพบนี้ก็คือ  โลกคลื่นสมอง  ไม่นานหลังจากนั้นเพียงหนึ่งเดือนคลึ่ง การแถลงข่าวสะท้านสะเทือนโลกก็ได้เกิดขึ้นที่ประเทศผู้ค้นพบนวัตกรรมพริกโฉมโลกนี้

    เนเทอร์แลน

     การแถลงข่าวครั้งนั้นสร้างไอเดียให้หลายประเทศจนตาลุกวาวในกำไรมหาสารในธุรกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่ต่างไปจากสงครามการแย่งชิงวิทยาการและโอกาสที่หาได้ยากยิ่งกว่าฟ้าประทาน

     ไม่นานหลังจากนั้น  ธุรกิจมากมายได้กระจายตัวออกจากเนเทอร์แลนจนทำให้เงินนำเข้าของประเทศภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์ไม่ต่ำกว่าเจ็ดพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำเอานานาประเทศตาแทบถล่นกับรายได้มหาสารในครั้งนี้ 
    หลังจากนั้นไม่นาน โครงการ  แผนธุรกิจ ของประเทศผู้ทรงอิทธิพลและเงินตราก็ได้เริ่มทำสงครามเย็นด้านธุรกิจ ที่ทำเอาโลกกระหึ่มไปได้อีกครั้ง  เมื่อมีบริษัทเล็กๆแต่เติบโตรวจเร็วกว่าปีศาจ เกิดขึ้นมาหลายบริษัทและหลายหลากองค์กร

     บริษัทที่มีชื่อเสียงจนแทบจะลอยสู่อวกาศอยู่ลอมมะล่อ ก็คือ  องค์กร  regendary space explorers  ซึ่งทำแผนงานจำลองโลกอวกาศทำรายได้ทางวิชาการทั่วโลกได้มหาสานอย่างถล่มทะลาย เนื่องจากบุคลากรขององค์กรนี้ล้วนเป็นนักวิทยาศาสตร์และคนในวงการอื่นชั้นหัวกะทิทั้งนั้น แต่ไม่มีคนทราบว่าหัวหน้าผู้จัดตั้งและคณะบริหารองค์กร
    เป็นใคร

     อีกหลายองค์กรก็พุ่งเป้าไปทางการสึกษา , การท่องเที่ยว  , การทำงาน  และสาระสนเทศที่ต่างใช้เวลามากกว่าปกติเป็นร้อยเท่า  จนมีบริษัทและองค์กรอิสระผุดขึ้นมาเพียบในเกือบทุกประเทศ

     แต่แล้วก็มีสถานการณ์สะเทือนโลกอีกครั้งเมื่อมีหนึ่งบริษัท ถือครองกัมสิทธิ์ในการทำธุรกิจเกมส์ออนไลน์ผ่านโลกคลื่นสมองเพียงผู้เดียวของโลก  จนทำให้เกิดการปฏิวัติ แทบก่อให้เกิดสงคราม ระหว่างคนนับหมื่นล้านคนลุมคน
    หนึ่งบริษัทขนาดกลางที่มีพนักงานเพียงสามพันคน และกำลังขยับขยายแต่กลับไม่รับพนักงานเพิ่มเติม ไม่มีผู้รู้สาเหตของการนี้

    และไม่นานบริษัทผู้ถือครองกัมสิทธิ์แทบทำให้โลกและคนในวงการธุรกิจกลุ่มชนชั้นผู้นำระดับโลกแทบกระอักเลือดกลับครองใจมวลชนไปกว่าคลึ่งโลกหรืออาจจะนับได้ว่าสามส่วนสี่ของโลกเลยก็ได้  และเปอร์เซ็นต์ของรายได้และผู้สนใจในนวัตกรรมเกมส์ออนไลน์ของธุรกิจบันเทิงนี้ นับวันยิ่งทวีคูณมากขึ้นเหมือนน้ำป่าไหลหลาก จนทำให้นักธุรกิจชั้นนำแทบน้ำตาเป็นสายเลือดเพราะความโลภ  ทุกอย่างเก้าจากมุมเล็กๆของธุรกิจบันเทิงที่ด้อยค่าพัฒนาเป็นบริษัทผู้มีอิทธิพลครองใจมวลชนจนผงาดขึ้นเป็นหนึ่งในสิบอันดับผู้ที่มีทรัพย์สินและจำนวนเงินมหาสานมากที่สุดในโลก

     บริษัทนั้นก็คือ..... induction universe  หรือ  I v จำกัด
    ซึ่งเปิดเกมส์ออนไลน์ฟอร์มยักษ์นาม  เม็ตสไตรท์เวอลร์ออนไลน์  คนไทยรู้จักในนาม เกมส์เหนือฟ้าออนไลน์

     แสงจันทราเยือกเย็นสาดจับบนร่างโปร่งของเด็กชายวัยสิบสองปีผู้นั่งเดียวดายอยู่ริมแผ่นผาตัดเรียบดุจกระจก ดวงเนตรสีน้ำเงินประหนึ่งผืนฟ้าล้อมแสงสว่างเรืองรองประหนึ่งตะวันฉาย เปร่งประกายหม่นเศร้าเมื่อทอดนิ่งจับไปยังจันทราที่ซีดจางและไร้ปรานีต่อสรรพชีวิต

     “พ่อครับ    แม่ครับ    “ น้ำเสียงเล็กอ่อนล้าสิ้นเรี่ยวแรงประหนึ่งเสียงเรียกที่เบาหวิวนี้จะไม่สามารถส่งไปถึงบุพการีที่เรียกหาได้

     “อามิตาพุทธ.....ทะเลทุกข์นั้นกว้างใหญ่เหตใดไม่ใช้ปัญญาลองตรองดูเล่า “ น้ำเสียงทุ้มต่ำอ่อนโยนดังกังวาลขึ้นจากด้านหน้าที่ปรากฏกลุ่มไฟสีทองที่กำลังลุกวาบกลางอากาศลอยเข้ามาหยุดตรงหน้าห่างออกไปประมาณสิบห้าเมตร

     “อย่าได้กล่าวเช่นนั้น...มหาสมณะ  เด็กผู้นี้เดินตามสายพลังชาญบารมีทางแกร่งกร้าแต่กลับเลือกวาโยและอาโปที่ไร้สภาพ “

     น้ำเสียงเรียบทุ้มอ่อนโยนไม่แพ้กันพร้อมกับร่างของพระชราสวมจีวรสีน้ำตาลอ่อนดูเปร่งประกายเรืองรองใต้แสงจันทราเหมือนรัศมีชาญปรากฏขึ้นข้างเคียงกับกลุ่มไฟสีทองที่เผาไหม้อย่างไร้เสียง

     “ขออภัย แต่ไม่อาจจะทำให้นายน้อยของเราตกใจได้ท่านทั้งสองโปรดเมตตา “
    น้ำเสียงเยือกเย็นดั่งสายลมพัดดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงโปร่งในจีวรสีเทาเกือบดำของพระญี่ปุ่นผู้ยังไม่ปลงผมปรากฏขึ้นพร้อมก้มศีรษะทำความเคารบสองพระชราจากสองแผ่นดิน

     “นี่มันอะไรกัน...ลุงโซทำไมกลายเป็นพระไปแล้ว “  เด็กชายเบรสในวัยสิบสองปีลุกขึ้นยืนและจ้องทั้งสามรูปอย่างแปลกใจปนความมึนงงสงใสอย่างหนัก

     “โปรดใจเย็นครับนายน้อย  รับฟังข้อความจากเราทั้งสามแล้วกระผมต้องจากไปแล้ว เพราะหมดหน้าที่ผมแล้ว “

     ลุงโซที่เบรสคิดว่าหายไปเมื่อเขามีวัยได้หกขวบกล่าวพร้อมทอดสายตาอ่อนโยนและจริงใจมาให้เบรสที่ก้มหน้ารับฟังคำพูดที่จะกล่าวของพระทั้งสามรูป

     “ เบรสเอ๋ย...พ่อกับแม่ของท่านไม่ได้หายไปไหน....เพียงแต่พวกเขากำลังรอท่านอยู่ที่ใดที่หนึ่งของอีกภิภพ ขอให้ท่านโปรดเฝ้ารออีกไม่นาน “
    พระชราในจีวรสีน้ำตาลกล่าวพร้อมกับร่างที่สลายกลายเป็นแสงระยิบระยับลอยหายไป

     “อามิตาพุทธ....เมื่อคริสศักราช 2207  เครื่อนเข้ามาถึงขอให้ท่านโปรดรอเถอด “ ประกายไฟสีทองลางเลือนและสูญสลายไปในที่สุด

    “นายน้อยท่าน จงเข้มแข็งไว้  เมื่อคริสศักราชนั้นมาถึงท่านจะต้องเก้าเข้าสู่อีกโลกหนึ่ง  ณ  ที่ใดที่หนึ่งของ
    แปดดินแดน    พ่อกับแม่ท่านจะรออยู่ที่นั่น “
    น้ำเสียงเลือนรางพร้อมกับร่างที่สาบสูญไป

     เบรสยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาพร้อมกับร่างเล็กที่หันหลังให้แสงจันทรา ก่อนเท้าในรองเท้าสีขาวจะสาวออกไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและเด็ดเดี่ยวอหังการ

     น้ำตาแห่งความปวดร้าวหลังไหลอาบไบหน้า……แต่ไขว่คว้าเท่าไรก็ไม่สามารถ จะเหนี่ยวรั้งหญิงอันเป็นที่รักให้กลับคืนมาได้

     “โปรดสงบใจลงแล้วฟังข้ากล่าวสักคำได้หรือไม่ “ กระบี่เก้าเล่มเก้าแสงเปร่งประกายรางเลือนท่ามกลางทะเลเมฆของยอดพูชี้ฟ้า

     ไร้คำตอบ จากเด็กชายผู้สดใส แต่สีหน้า แววตา  กระแสจิต ที่กำลัง เปลี่ยนแปลง ไปอย่างลึกล้ำ  เย็นชา  เย่อหยิ่ง   ทระนง  ถือดี  และเปี่ยมอันตรายอย่างหน้าพลั่นพลึง
    ก็อดทำให้เก้ากระบี่อดสั่นไหวขึ้นมาไม่ได้


     “ชตากรรมเอ๋ยชตากรรม ....หากสักวันฉันมีอำนาจเพียงพอจะถล่มสวรรค์ล้างนรกให้สิ้นซาก “  สายฟ้ากำหมัดแน่นพร้อมดวงตาที่เปลี่ยนเป็นแดงเรืองรองด้วยพลังแห่งความรักที่เปลี่ยนแปลงเป็นไฟแค้น ทำให้น้ำเสียงทอดถอนอย่างเหนื่อยล้าดังออกมาจากเก้ากระบี่แห่งจักรวาล

     “พวกเราทั้งเก้าอยู่กับท่านมาได้แปดปีเต็มแล้ว  สิ่งที่จะแนะนำในลอบแปดปีก็คือ.....โลกนี้มีมิติที่ทับซ้อนกันมากมาย ไม่แน่ว่าสวรรค์นรกหรือห้วงโลกันตร์ใดๆ อาจจะมาในรูปของเทคโนโลยีล้ำสมัย ขอให้ไช้ปัญญาให้มากไว้ “

     สายฟ้าชะงักเหมือนจะนิ่งค้างไปกับคำพูดของเทพอสูรทั้งเก้าผู้สถิตภายในกระบี่

     “ดวงวิญญาณในโลกหนึ่ง....ไม่ได้แน่นอนว่าจะไม่มีร่างกายอีกมิติหนึ่งขอให้ใช้ปัญญาวิเคราะห์เอาเองเถอด “

     สายฟ้าอึ้งไปเพราะคำกล่าวของเทพมารอาถัน ก่อนดวงตาสีดำล้ำลึกจะทอแสงกล้าเพราะความหวังขึ้นมาอีกครั้ง

     “ขอบคุณในคำพูดเตือนสติของพวกท่าน.....เมื่อยังไม่ตายเราต้องได้พบกัน “

     สายฟ้าไม่มีโอกาสรู้ได้เลยว่า ทุกคำพูดของเก้ากระบี่จากแผ่นดินมังกรล้วนเป็นแค่.....วาจาเอาตัวรอด
    ซึ่งพวกเขาก็ไม่อาจจะทราบชตากรรมของเด็กน้อยจริงๆ

     แต่สายฟ้ากลับมีความมั่นใจ.....อย่างเปี่ยมล้นแสดงว่าได้หลงเชื่อคำบอกของทั้งเก้าอย่างสนิทใจ


    555
    พระเอกไม่ได้โง่นะครับแต่แค่ยังไม่รู้ ^^
    ถ้ายังไงก็ติดตาม....ต่อไปนะคร้าบว่าเรื่องที่ทำให้คน...คนหนึ่งเปลี่ยนไปได้พร้อมน้ำตาไหลคืออะไร......  อธิบายในตอน....เมื่อเข้าเกมส์ไปได้สักพักคร้าบ
     โปรดติดตาม......... ผีหิมะ



    ดวงตะวันเปร่งรัศมีเจิตจ้าจนแสบตา  บนระเบียงทางเดินของโรงเรียนประถมในจังหวัดนครสวรรค์
    ดวงตาหลายร้อยคู่จ้องมองไปยังทางเดินด้านล่างระเบียงชั้นสองอย่างตื่นเต้นและรอคอย

     วันนี้เป็นวันที่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จบการศึกษาและสิ่งที่นักเรียนนับหกร้อยคนเฝ้ารอคอยก็ได้มาถึง
    เมื่อประตูหอประชุมขนาดใหญ่เปิดออกพร้อมรุ่นพี่ที่เป็นผู้ใหญ่ที่สุดของโรงเรียนเดินเรียงแถวกันออกมาด้วยรอยยิ้ม
    ปลาบปลื้ม และติดตามมาด้วยเสียงกรี๊ดดังสนั่นจนแทบทำให้โรงเรียนถล่มทะลาย

     “กรี๊ด....พี่ชาญ “ เสียงกรี๊ดยิ่งทวีความสนั่นลั่นโลกขึ้นเมื่อเด็กหนุ่มผู้มีในตาอ่อนโยนและรอยยิ้มนุ่มอบอุ่นเดินออกมาจากหอประชุมทำให้เด็กสาวรุ่นน้องและรุ่นเดียวกันแทบหยุดหายใจไปได้ในวินาทีนั้น

     ชาญยิ้มและหันไปโบกมือยิ่งทำให้เสียงกรี๊ดดังกระหึมจนทำให้ทั้งครูและนักเรียนหันมองเด็กหนุ่มอย่างหมั่นใส้  พร้อมกับดอกไม้ที่โปรยปรายลงมาข้างหน้าเด็กหนุ่มสร้างเส้นทางที่โรยไว้ด้วยกรีบสีขาวให้เด็กหนุ่มเหยียบผ่านไปจนทำให้ คนที่มาในพิธีจบการศึกษาวันนี้ถึงกับตลึงจังงังอ้าปากค้างไปเป็นแถว

     “ วันนี้พี่จบแล้ว....ก็อยากให้น้องๆตั้งใจเรียน...เป็นเด็กดีแล้วจะประสบความสำเร็จแบบพี่แน่นอนครับ “
    น้ำเสียงนุ่มไม่ได้ดังเกินไปกว่าการพูดธรรมดาแต่ว่าดังก้องสะท้อนไปในใจของสาวๆนับห้าร้อยคน จนทำให้เสียงปรบมือเกรียวกราวดังก้องและเสียงกรี๊ดที่ส่งจนเด็กหนุ่มผู้เพรียบพร้อมเดินขึ้นรถเก๋งคันหรูแร่นหายไป

     “มีเสน่ห์เกินไปละเราเนี่ย “ ชาญอมยิ้มแต่ก็ไม่ได้โต้ตอบกับคุณรุ้งราตรีที่หักเลี้ยวรถเก๋งขึ้นสู่ถนนใหญ่อย่างนุ่มนวล

     “เราจะไปเชียงใหม่กันเลยไม๊ครับแม่ “ คุณรุ้งราตรีทำหน้าคลุ่นคิดสักพักก่อนจะพยักหน้าอย่างเหน็ดเหนื่อย
    ชาญเห็นอย่างนั้นรอยยิ้มนุ่มก็จุดขึ้นบนมุมปากอย่างอ่อนโยน

     “ไม่เป็นไรหรอกครับแม่เราสามารถอยู่กันแค่สองคนได้ ผมเลี้ยงแม่ได้ เราไม่จำเป็นต้องมีพ่อก็ได้ “

    ถึงแม้เด็กหนุ่มจะพูดอย่างนั้นแต่ความขมขื่นที่ผ่านดวงเนตรสีดำใสไปก็ไม่สามารถปิดคุณรุ้งราตรีได้อยู่ดี
    “งั้นเราเดินทางเลยก็ได้จะชาญ “

     ชาญ คลิกเมาท์เข้าไปในหน้าเว็บไซต์ในโน๊ดบุคสีดำอย่างชำนาญและเหลือบมองโฆษณาที่ปรากฏขึ้นแทบทุกเว็บไซต์อย่างสงใส

     เด็กหนุ่มกดเข้าไปดูรายละเอียดแล้วก็ต้องเลิกคิ้วอย่างสงใสเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
     “แค่เกมส์ออนไลน์จำลองโลกสะเหมือนจริงมีคนสนใจกว่าห้าหมื่นล้านคนเลยเหรอ “

     ชาญคลิกดูตัวอย่างและกดเล่นวิดีโอตัวอย่างก็ เห็นโลกเจ็ดสีเจ็ดทวีปกำลังหมุนช้าๆเหมือนการโคจรของดวงดาวในระบบสุริยจักรวาลล้อมรอบจุดสีดำรูปวงลีสามรูปทับซ้อนกันจนก่อให้เกิดมิติและการมองที่หน้าปวดหัว

     “เกมส์บ้าอะไรเนี่ย  ไม่น่าสนใจนะ “
    เด็กหนุ่มเกือบจะคลิกออกอยู่แล้วถ้าไม่ได้เหลือบพบกล่องข้อความเล็กๆที่เป็นรหัสโคตรภาษาสากลที่เป็นที่เข้าใจยากมาก และไม่ค่อยมีคนใช้แล้วบนโลก

     “อย่างงี้ก็มีด้วย “ ชาญกระตุกยิ้ม พร้อมกับการจะเริ่มสร้างตำนาน  ของเด็กหนุ่มผู้อ่อนโยนแต่ภายในนั้นไฟสงครามจะแผดเผาให้เขากลายเป้นเช่นไร......


     เสียงน้ำม้วนตัวเป็นคลื่นสูงสาดกระแทกสันเขื่อนลำพระเพลิง แสงตะวันพลิ้วพรายในสายน้ำสร้างบรรยากาศยามเย็นให้แลดูโรแมนติกและอ่อนไหวเศร้าสร้อย

     ร่างเล็กของเด็กสาวในตาสีอควาสว่างนั่งกอดเข่าอยู่ริมแม่น้ำใหญ่ข้างๆมีนกสีขาวกระพือปีกบินพร้อมพูดปลอบเด็กสาวตัวเล็กอย่างอ่อนโยนแต่ก็ไม่ได้ทำให้ดวงตาที่พลิ้มลงพร้อมกับหยดน้ำที่ก่อตัวและไหลหลั่งลงมาจากดวงตาที่เม้มสนิทแน่น นั้นจางหายไปได้แม้แต่นิดเลย

     “เฟรน เงียบก่อนนะ ทำไมเธอชอบมานั่งแถวนี้แล้วร้องไห้แบบนี้ละเนี่ย “ น้ำเสียงยานคางเป็นภาษาอาหรับกล่าวพร้อมเสียงกระพือปีกพึบพับของนกสีขาวที่เดินอยู่บนพื้นด้านหลังเด็กสาวอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี

     “ร้องไห้ทำไม “ น้ำเสียงเรียบและเด็ดขาดของเด็กหนุ่มผู้มีอายุมากกว่าเด็กสาวตัวน้อยหลายปีกล่าวขึ้นพร้อม
    ดวงตาคมกริบที่มองนิ่งไปที่เด็กสาวที่รีบปาดน้ำตาและเตรียมลุกขึ้นจะวิ่งหนีไปจากตรงนั้น

     น้ำเสียงเรียบและแรงกระชากจากอุ้งมือใหญ่กว่าทำให้ร่างบางปลิวกลับมาจ้องตากับดวงตาสีดำเข้มที่ประหนึ่งมีมนตร์ขลังและพร้อมจะสะกดจิตใจของทุกคนที่สบนิ่งกับแววตาสีรัตติกาล

     “ปล่อยนะ “ น้ำเสียงเล็กๆกล่าวแต่ไม่ยอมจ้องตากับคนตัวสูงกว่าที่อยู่ในชุดสีดำทั้งตัวสมกับฐานะลูกมาเฟีย
    ผู้ทรงอิทธิพล
     “ปล่อยก็ได้แต่ดูสิว่าจะหนีไปไหนพ้น “ รอยยิ้มมุมปากครี่ออกมาพร้อมกับปืนสั้นสีดำที่ถูกหยิบออกมาควงเล่น
    ทำให้ร่างเล็กเสียววาบไปถึงไขสันหลัง

     “ไปสิ “ น้ำเสียงเรียบพูดพร้อมกับลำกล้องสีดำเยือกเย็นแตะเบาๆลงบนหน้าผากของเด็กสาวในเนตรสีมหาสมุทร มือเล็กๆเริ่มสั่นพร้อมน้ำเสียงใสที่พูดขึ้นทำให้เด็กหนุ่มอดหางคิ้วกระตุกไม่ได้

     “อยากยิงก็ยิงสิ....ยังไงพวกแกก็ข้าพ่อฉันไปแล้วนี่ “  รอยยิ้มสลายไปจากสีหน้าและแววตาแข็งกระด้างหลงเหลือไว้เพียงความเรียบเฉยและการคว้าข้อมือเล็กและลากให้เดินกลับบ้านที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตร

     “เฟรน....อย่าเถียงกับฟิวเลยนะ “ เสียงสั่นและอาการสั่นสะท้านของนกสีขาวที่ดังขึ้นทำให้รอยยิ้มถือดีปรากฏขึ้นในแววตาสีรัตติกาลอย่างรวจเร็วแต่มันก็สลายไปอย่างรวจเร็วกว่าเดิมเมื่อได้รับเพียงเสียงเรียบและความเย็นชาที่แฝงมากับน้ำเสียง

      “หึ....อีกราส....ถ้ากลัวขนาดนั้นแล้วมาตามฉันทำไมละ “ นกสีขาวได้แต่กระพือปีกและเงียบกริบไม่โต้เถียงกับเด็กสาวอีก

    “พ่อกับแม่มีอะไรจะคุยกับยัยเด็กนี่ก็คุยไปเถอะครับผมเบื่อ “ น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายและการสะบัดแขนจนร่างเล็กปลิวไปกระแทกตัวลงบนโซฟาหนานุ่มทำให้ คุณธัญธิดารีบเข้ามาประคองร่างเล็กของเด็กสาวไว้อย่างเบามือและหันไปส่งสายตาดุๆให้ฟิว ที่ยักไหล่เหมือนมองไม่เห็นประกายน้ำตาที่คลอในดวงตาสีน้ำเงินสว่าง

     เด็กหนุ่มหมุนตัวเดินขึ้นชั้นสองไปอย่างไม่สนใจไยดี และทำให้คุณเลิศกฤษที่เดินผ่านมาทำหน้างง

     “มีอะไรกันเหรอคุณ “ ชายวัยกลางคนถามด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แววตาอ่อนโยนทอดมองภรรยาและบุตรสาวบุญธรรม

     “สงสัยเฟรนจะคิดถึงคุณไซม่อนนะค่ะ “ คุณเลิศกฤษเดินเข้ามายกมือวางลงบนศีรษะของเด็กสาวที่มีน้ำตาคลอ

     “หนูเข้าใจ....ว่าคุณกฤษไม่ได้ตั้งใจแต่พ่อหนู.....ต้องตายเพราะไม่เชื่อแม่ “ น้ำเสียงเศร้าสะอื้นพร้อมอ้อมกอดของคุณธัญธิดาที่กระชับวงแขนกอดร่างเล็กไว้จนเสื้อของคุณนายแห่งเทียบสุริยันเปียกชุ่ม

     “หนูเป็นเด็กฉลาดนะแล้วก็เป็นเด็กดีด้วย..... พี่เขาเป็นคนที่เด็ดขาดมากๆหนูก็น่าจะรู้  แต่พี่หนูก็มีมุมอ่อนโยนนะ  เพียงแค่เขากลัวเสียฟอร์ม “

     คุณเลิศกฤษพูดยิ้มๆพร้อมวางกล่องที่หิ้วมาตั้งแต่แรกวางลงบนโต๊ะไม้ขัดมันและเรียกสายตาที่ยังเคลือบแคลงกับคำว่า อ่อนโยน  ของพี่ใจร้ายคนนั้น

     “อะไรหรอค่ะคุณ “  คุณเลิศกฤษหันมายิ้มให้ภรรยาและยื่นมือไปแกะกล่องที่ใส่อุปกรณ์บางอย่างที่คล้าย
    หมวกกันน็อกทำให้แววตามึนงงสงใสของคุณธัญธิดาและเฟรนฉายประกายมากขึ้น

     “นี่เป็น เครื่องเชื่อมต่อโลกคลื่นสมองกับ
     ไฟฟ้าและยังมีระบบแบตเตอร์รี่ด้วย  ผมซื้อมาฝากเฟรนกับฟิวนะ “ เมื่อเด็กสาวได้ยินชื่อหลังทำให้ร่างเล็กยิ้มก้มหน้าลง

     “เครื่องเกมส์ที่เขากำลังฮิดรึปล่าว “ คุณเลิศกฤษพยักหน้ารับและหันไปพูดกับเฟรนทำให้คนที่เดินลงมา
    จากชั้นสองได้ยินไปด้วย

     “พ่อจะให้เฟรนกับฟิวเข้าไปเล่นเกมส์เพื่อกระชับสายสัมพันธุ์ระหว่างพี่น้องให้หนักแน่นกว่านี้ “

     “ไม่ครับ “ก่อนเฟรนจะได้ตอบน้ำเสียงเรียบที่ปฏิเศษอย่างห้วนๆก็ทำให้คุณพ่อตวัดหางตาไปมองอย่างไม่สนใจ

     “พ่อบอกเฟรน...ส่วนแกนะได้เข้าไปเล่นอยู่แล้ว...เพราะต้องตามไปดูแลน้อง แล้วถ้าพ่อรู้ว่าแกรังแกน้องอีกละก็ระวังตัวไว้เถอะ....”

     ฟิวทำหน้าไม่ถูกเมื่อได้รับคำพูดเด็ดขาดจากผู้เป็นบิดา
     และสายตายังไปสบมองคนที่ได้ชื่อว่าน้องสาวในนามที่เผลอเงยหน้าขึ้นจ้องตาพี่ชายจำเป็นอย่างอธิบายความรู้สึกไม่ได้

     แฟ้มเอกสารถูกจัดขึ้นวางบนชั้นวางพร้อมกับกระดาษที่มีลายเซ็นของผู้เป็นพ่อถูกจัดหมวดหมู่ไว้อย่างละเอียดยิบ

     ร่างเล็กของเด็กหนุ่มผู้มีเรือนผมและในตาสีดำสนิทเคลื่อนที่อย่างเคยชินในห้องทำงานของผู้เป็นพ่อ
    พร้อมกับแม่บ้านที่เดินผ่านหน้าห้องพร้อมจานลองถ้วยนมไวท์ช็อกโกแลสและกาแฟคาปูชีโน่น้ำผึ้ง เด็กชายกระโดดลงจากโซฟาตัวใหญ่สีน้ำตาลวิ่งออกไปถือทั้งสองแก้วที่มีไอร้อนกลุ่นของควันบางๆและกลิ่นหอมอย่างเป็นเอกลักษณ์ เดินไปยื่นให้ผู้เป็นพ่อที่เงยหน้าพยักหน้าให้เด็กหนุ่มวัยสิบสองปีที่เผยรอยยิ้มเล็กๆและกลับไปนั่งละเลียดรสชาติของ
    ไวท์ช็อกโกแลสอย่างดื่มด่ำลึกล้ำในรสของความหวาน

     “นี่เซน....แกมานั่งจ้องพ่อทุกวันแบบนี้ละพ่อจะทำงานได้ไง.... “ ผู้เป็นพ่อบ่นพร้อมกับเด็กชายที่ยกแก้วสีขาวเคลือบขึ้นจิบน้ำสีขาวอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่ได้สนใจคำบ่นของผู้เป็นพ่อที่ยกมือขึ้นขยี่เส้นผมสีดำจนยุ่งเหยิง

     “แล้ววันนี้คุณคนนั้นไม่มาเฝ้าผมเหรอ....คนที่มาจากวาติกัน “

     พร้อมกับน้ำเสียงทุ้มที่พูดเหมือนจะหัวเราะ คนเป็นพ่อเหลือบตามองปรเมษฐ์  วิเศษอัครภูมิ อย่างมีความหมาย
    “ ทำไม....อยากเป็นแฟนเขาหรือไง....จะบอกอะไรให้ “
    ” ใช่ “

     ผู้เป็นพ่อยิ้มค้าง ก่อนจะรีบตาลีตาเหลือกลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ท่านประธานของบริษัท และเดินพรวดพราดมาซุดนั่งลงบนโซฟาด้านตรงข้ามของเด็กหนุ่มในตาดำ

     “ เออ...ลืมไปพ่อมีของขวัญให้ชิ้นหนึ่ง  พรุ่งนี้วันเกิดแกนี่ “ เซนหัวเราะ เมื่อเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของผู้เป็นพ่อที่ไม่อยากให้เขาเจอกับผู้หญิงคนนั้น.....คนที่พึ่งเหมือนคนมีอายุแค่สิบแปดปี

     “ก็ได้ฮะ....ผมกลับบ้านนะครับ  ไว้เจอกัน ของขวัญของผม... “

     น้ำเสียงเรื่อยๆของเด็กชายเซนดังขึ้นพร้อมร่างเล็กที่เดินลิ่วออกจากห้องของท่านประธานที่ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น หายลับลงบันใดไปอย่างรวจเร็ว

     “ลูกบ้าอะไรวะเนี่ย “
    อดีตประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอิสรเอล ส่ายหน้าและยกมือขึ้นกุมขมับ

     “....ของขวัญเป็นหมวกกันน็อกเหรอ “ เซนพริกซ้ายพริกขวาและขมวดคิ้วพร้อมหันไปจ้องพ่อที่นั่งไขว่ห้างกระดิกปลายเท้าด้วยท่าทางหมั่นใส้

      “อืม...ใช่ละเอาไปเชื่อมไว้บนห้องนอนไว้ก็แล้วกัน  “ เซนไม่คิดมากรีบเก้าเท้าไปทางบันใดขึ้นสู่ชั้นสอง แต่เขาก็ต้องชะงักเมื่อพ่อพูดเรียบๆ

     “ ไปเร็วๆแล้วลงมารู้อะไรนี่ “ รอยยิ้มอย่างมีเลสนัย ทำให้เซนขมวดคิ้วก่อนจะรีบเดินขึ้นชั้นสองปลายเท้าสกิดประตูห้องก็เปิดออกพร้อมแรงเหวี่ยง หมวกกันน็อกรูปแบบประหลาดก็พุ่งลงไปตกกลางเตียง

     เด็กหนุ่มเดินเร็วๆมาที่บันใดก่อนเขาจะสดุ้งและรีบเปลี่ยนท่าทีเป็นเรียบร้อยเมื่อคนที่เดินผ่านมาคือคนที่ได้ชื่อว่าแม่

     “หยุดทำไมลงไปข้างล่างสิ....มีคนรอลูกอยู่นี่ “   คุณกินนาร์  วิเศษอัครภูมิเอ่ยยิ้มๆเมื่อเห็นเด็กชายยืนแข็งทื่ออยู่ที่หัวบันใด

     มือบางวางลงบนไหล่เล็กและกึ่งลากกึงจูงเซนลงมาหาใครบางคนและอะไรบางอย่าง

     “ม....แม่.....เอ่อ....แม่ครับปล่อยเถอะครับผมอึดอัด “ คุณกินนาร์หัวเราะแผ่วเบาพร้อมผลักเด็กชายลงนั่งบนโซฟาและตัวเองเดินไปนั่งบนโซฟาตัวเดียวกับสามีที่อมยิ้มและมองเซนอย่างมีอะไรซ่อนไว้

     “พ่อมีอะไรก็พูดมาอย่ามัวแต่ยิ้มผมใจไม่ดี “ เซนเริ่มหรี่ตาลงพร้อมกับอาการที่จะคุกคามคุณเซ็นนิกส์เต็มที่

     “อยู่นิ่งๆเถอะค่ะ....คุยกับฉันดีกว่า “
    น้ำเสียงเรียบใสดุจระฆังแก้ว แต่ก็เย็นชาราวน้ำแข็ง

     เซนตวัดหางตามองแล้วต้องแค่นเสียงเบาๆ “ ชิ...ในที่สุดก็รู้ตัวสักที....ที่แท้น้องลงน้องเรนี่ก็เป็นคราบของยัย
    แม่มดนี่เอง “ เซนกระโดดลงจากโซฟาเดินเข้าหาเด็กสาวผู้อยู่ในชุดกระโปรงระบายลูกไม้สีฟ้าอ่อน เข้ารูปกับเส้นผมสีดำที่เริ่มเปลี่ยนเป็นประกายสีแดงช้าๆ

     ดวงตาสีดำขลับก็กำลังทอแววสีขาวโพลนใสกระจ่างและเย็นชาเช่นเดียวกับน้ำแข็ง

     “ ไงหละ…….ลงทุนไปเยอะนะซันย่า ดีนะที่ยังไม่เสียตัว “
    เซนพูดยิ้มๆเหมือนมันเป็นเรื่องสนุก หางตาเหลือบมองโคมไฟระย้าด้านบนโดยไม่ได้สนใจกับอาการเริ่มโกรธจนตัวสั่นขององครักษ์แห่งคริสจักรผู้เงียบขลึมและลึกลับที่สุด
    แต่ตอนนี้กลับกำลังโดนเด็กน้อยเมื่อวานซืนลูบคม

     “คุยกันให้เข้าใจนะซันย่าพวกเราขอตัว “ กินนาร์และเซ็นนิกส์พุ่งออกจากห้องนั่งเล่นพร้อมประตูหน้าต่างที่
    ล็อกกริ๊กพร้อมกันหมด

     เซนทำเสียงในลำคอเบาๆ และเดินกลับมานั่งกอดอกยกเท้าไขว่ห้างอย่างไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรทั้งนั้น

     “บอกมาเลยดีกว่าว่าทางนักบุญฟริสเซนต์เขามีข้อเสนออะไร “
    สิ่งที่เซนพูดทำให้ซีรีเน่  ซันย่า  ฟลอเซนไทน์ อึ้งไปหลายวินาทีจนเซนต้องกระดิกนิ้วเคาะลงบนโต๊ะกลางห้องที่สลักขึ้นมาจากแก้วใสสีน้ำเงินจนเกิดเสียงกังวาลใสปลุกสติของเด็กสาว

     “ยื่นข้อเสนอว่า....อีกสองปีข้างหน้าจะมีเกมส์ออนไลน์เกมส์หนึ่งเข้ามาในเมืองไทย....หากไม่อยากถูกตามล่าจากคริสศาสนิกชนทั่วโลก ก็จงเข้าไปแล้วพิสูจน์ซะว่าเธอคือมนุษย์ผู้ถูกกำหนดชตามาจริง “

     เซนยกมือขึ้นโบกและปัดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย “  ไร้สาระ....ให้ฉันไปถล่มวาติกันตอนนี้เลยไม่ดีกว่าเหรอ “


     ซีรีเน่เม้มปากอย่างใช้ความอดทนสูง พร้อมเด็กหนุ่มที่ตอบรับง่ายๆจนเธอแปลกใจ

     “ ได้ฉันรับข้อเสนอว่าแต่  เรื่องในคืนนั้นละว่าไง  เธอน่าจะทำหน้าที่น้องสาวที่ดีให้ฉันซึ่งเป็นพี่ชายดูแลอาบน้ำให้นะ “
    ซีรีเน่หายใจกระตุกเมื่อเจอแววตาสีดำคมที่จ้องเหมือนจะทะลุทะลวงผ่านร่างกายไปถึงจิตวิญญาณจากเด็กหนุ่มวัย
    สิบสอง

     “หึๆ...ซีรีเน่....ซันย่า....ฟลอเซนไทน์ ไม่มีใครในเผ่าพันธุ์แม่มดขาวเคยบอกหรือไง.....ว่าไม่ควรอยู่กับผู้ชาย
    สองต่อสองแล้วทำให้เกิดอะไรเกินหน้าที่น้ะ “

      ร่างของเซนลอยขึ้นพร้อมเรียวปากนุ่มที่แตะเบาๆลงบนหน้าผากร่างบางของเด็กสาววัยเดียวกันที่ร่างซุดลงไปนั่งพับเพียบอยู่บนพื้นอย่างหมดสภาพ

     “นี่ไงคือ....การบอกราตรีสวัสของฉัน “
    เซนลอยทะลุเพดานหายขึ้นไปชั้นสองทิ้งไว้เพียงไบหน้าเนียนใสที่กำลังแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้



    คลื่นทะเลก่อตัวขึ้นเป็นลูกคลืนสูงกว่าแปดร้อยมิลลิเมตร สาดซัดเข้าสู่หาดทรายยามสนทยาที่มีแสงตะวันเป็นลำสีทอง
    โรแมนติกทอดตัวอยู่บนคาบทะเล
    สายลมแรงกระพือพลิ้วใบมะพร้าวและต้นปาร์มจนปลิวสะบัดไปตามสายลม บนชายหาดรูปคลึ่งวมกลมนั้น มีร่างสองร่างของ เด็กหนุ่มสาววัยสิบสี่ปีเดินทอดฝีเท้าช้าๆซึมซับความละเอียดของเม็ดทรายและไอเค็มของผิวทะเลที่ลอยขึ้นมาพร้อมเสียงกระพือปีกของนกนางนวลที่ร่อนถลาเต็มผืนฟ้าและท้องทะเลสีครามอมทองสว่างเพราะถูกอาบไล้จากแสงตะวันที่กำลังจมลงไปในผิวทะเลอย่างงดงาม

     “นี่ทำไมผมต้องมาเดินเป็นเพื่อนเธอทุกวันด้วย “ น้ำเสียงเรียบของเด็กหนุ่มร่างโปร่งบางและมีในตาเรียวคมกริบถามเด็กสาวตัวสูงพอๆกันแต่วงหน้าเรียวและรอยอมยิ้มอย่างมีความสุขกลับประดับอยู่บนแก้มใสเสมอ

     “ถามทำไม...นายก็รู้คำตอบอยู่แล้วธาร “
     เด็กหนุ่มขมวดคิ้วอย่างไม่สนใจ

     “เหตผลแค่เธอบังคับฉันเพราะว่าฉันยียวนกวนโอ๊ย เธอทุกวันงั้นเหรอ...ไม่ใช่มั้งงงงง.....เธอชอบผมก็บอกมาตรงๆฟรอย “

     เด็กสางตวัดหางตาคมค้อน เพื่อนเดินเล่นบนชายหาดอย่างหมั่นใส้ในความหลงตัวเองอย่างไม่มีใครเหมือน

    “ผมไม่อยากหลงตัวเอง แต่อยากหลงเธอมากกว่านะ “
    ฟรอยหน้าร้อนขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วนแต่เธอก็รีบกลบเกลื่อนด้วยการยกหมัดขึ้นเหมือนจะต่อว่าเด็กหนุ่มข้างๆ ที่ทำเพียงหันไปยิ้มเหมือนคำพูดก่อนหน้านี้เป็นแค่อะไรที่ไม่ใช่เรื่องจริงจังกับท้องทะเล

     “ถ้าฉันชอบนายนะให้นายกลายเป็นกระเทยเลยเอ้า “  ธารหัวเราะร่วนพร้อมเดินบิดสะโพกยับย้ายเดินผ่านหน้าฟรอยไปจนเด็กสาวหมั่นใส้ไล่ต่อยเด็กหนุ่มที่วิ่งหนีไปบนหาดทรายจนทำให้การเดินเล่นเป็นการวิ่งไล่กันของสองคนคน

     “คนนี้เหรอวะ...ไม่น่าจะมาตายเลยนะมึง “ ชายฉกรรสองคนสุ้มเงียบอยู่ห่างออกมาหลายร้อยเมตรดวงตาสองคู่แนบกล้องส่องทางไกล

     “ช่างเถอะมึง....เด็กมันชตาขาดเพราะเจ้านายสั่งมาเราก็ทำๆไป “เพื่อนชายฉกรรโบกมือพร้อมสองคนที่ยกปืนสไนเปอร์สีดำสนิทขึ้นแนบตาและหาศูนย์เล็ง

     “พร้อมนะโว้ย “

     ธารกับฟรอยไม่มีโอกาสรู้เลยว่ามรณะภัยกำลังคลืบคลานเข้ามาหาจากชายดงมะพร้าวห่างออกไปทั้งสองวิ่งไล่กันจนเหนื่อยและล้มตัวลงบนชายหาดอย่างหมดแรง

     “ฟรอยขา....ชอบเขายังอะตะเอง “ ฟรอยผลักธารและลุกขึ้นยืนท่ามกลางอาการเขินจัดของเด็กสาวและดวงตาพราวของธารที่ล้มตัวนอนลงบนพื้นทราย

     แสงตะวันสีทองอาบไล้ให้ฟรอยดูงดงามไม่ต่างจากภาพวาดชั้นเอก  แก้มใสแดงระเรื่อดวงตาคมที่มองเด็กหนุ่มอย่างมีความในใจและการยืนที่แสดงออกถึงความทรนง  รอยยิ้มมุมปากที่อ่อนหวานอ่อนโยน  ทำให้ธารเกิดความรู้สึกเหมือนจะได้เห็นเป็นครั้งสุดท้าย
    อาการหวิววาบพุ่งเข้าจู่โจมประสาทพิเศษทำให้เด็กหนุ่มมือสั่นพร้อมภาพหลอนที่ประหนึ่งแสงแดดส่องผ่านร่างฟรอยได้เหมือนผิวขาวละเอียดกลายเป็นความโปร่งใส


     “ ปั้งงงงง “ !!!! 
    กระสุนพุ่งทะลุคั่วหัวใจพร้อมหยดเลือดสีแดงส้มสะท้อนความเศร้าสร้อยที่ย้อมกับแสงตะวันทำให้ร่างบางล้มลงในวงแขนของเด็กหนุ่มผู้ที่ประหนึ่งโลกตรงหน้าหายวับไปกับตาที่หลงเหลือก็เป็นเพียงรอยยิ้มอ่อนโยนแววตาสีดำคมอ่อนหวานและดวงตาของเขาที่พร่ามัวทีละนิด เมื่อแสงสุดท้ายกำลังจางไป หรือไม่งั้นก็คงเพราะหยดน้ำใสที่ค่อยๆก่อตัวและหลั่งไหลประหนึ่งความอดทนข่มกลั้นที่มีมาพังทะลายย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี

     “ฟรอย~~~~~~”  เสียงกระซิบชื่อสั่นพร่าพร้อมกับมือธารที่ยื่นไปกดปิดบาดแผลอย่างกับว่า การกระทำนี้จะฉุดวิญญาณของเด็กสาวผู้มีรอยยิ้มอ่อนหวานที่สุดในโลกของเขากลับมาได้

     “ไม่ต้องเสียใจ.....นะธาร.....ฉันไม่มีอะไรจะพูดแค่ว่า ฉัน.....รักนาย  แต่ฉันไม่ได้ต้องการให้นายมาหยุดชีวิตไว้ที่ฉัน.....หากวันไหนนายมีคนรักช่วยรักเขาเหมือนนายรักฉัน  ช่วยดูแลเขาเหมือนที่นายดูแลฉัน.....ไม่ต้องเสียใจฉัน
    จะอยู่ในใจนายแบบนี้เสมอ “
    เมื่อคำบอกรัก.....กลายเป็นคำบอกลา.....เมื่อหยดน้ำตาเข้ามาแทนรอยยิ้ม ธารดวงตาวาวโรธพร้อมกับผืนฟ้าที่แลบแปลบและส่งสายฟ้านับพันเส้นลงไปรอบทิศเหมือนสวรรค์วิปโยค

     “เปลี้ยงงงๆๆ “
    น้ำทะเลหนุนสูงขึ้นพร้อมซัดถล่มป่ามะพร้าวด้านหลังจนแตกกระจุยกระจายสูญสลายไปไม่เหลือชิ้นดี
    “คลื่น บึ้มๆๆ “ เด็กหนุ่มชูมือขึ้นฟ้าพร้อมกับกงเล็บสีเงินประกายน้ำเงินชมพูสาดแสงออกไปทั่วทิศพร้อมกับสายฟ้าและน้ำทะเลรวมตัวกันและสาดซัดออกไปเป็นวงคลื่นกว่าสามร้อยกิโลเมตรจนพริกราบพนาสูญ

     ธารนั่งคุกเข่าอยู่ท่ามกลางความว่างปล่าวสีขาวพร้อมดวงตาแข็งกร้าววาวโรธ

     “นี่เจ้ายมทูตจันทรา......ข้าขอรับรองด้วยเกียรติของเจ้าสมุทรโอเชียนัส....ว่าท่านเทพธิดา...เอ๊ย....ว่าคนรักของเจ้าจะไม่เป็นไรห้าๆๆๆ ไว้เจอกันเมื่อฟ้าดนบันดาน “

     น้ำเสียงแก่ชราแว่วมาจากใต้ท้องทะเลลึกพร้อมกับเกรียวคลื่นที่พัดโหมลงไปอีกครั้งเหมือนจะเกิดสึนามิ  “ไม่.....นี่มันอะไรกัน “

     ธารตัวแข็งค้างพร้อมร่างที่ถูกพลังลึกลับจับโยนกลับบ้าน……..

     ‘  ธาร .....ฉันจะไปรอนายที่โลก.....เม็ตสไตรท์เวอลร์ออนไลน์ ‘  น้ำเสียงแว่วเหมือนฝันไปทำให้ธารผวาตื่นพร้อมกับปาดหยดน้ำที่ไหลมาคลอในตา

     “ ฉันจะไปหาเธอ....รอก่อนนะฟรอย “


     “ปังๆๆๆ “
    เสียงปืนบีๆกันที่ระรัวขึ้นเหมือนพรุแตกพร้อมร่างในชุดพลางสีดำที่กระโจนเข้าหลบในบังเกอร์เป็นสิ่งที่แก๊งเด็กติดเกมส์ของโรงเรียนนิยมเป็นชีวิตจิตใจ

     “อ๊ากกกก....ตายพวกแกกกก “ เด็กหนุ่มพูดจบก็ยืนตระหง่านสาดกระสุนออกไปทั่วทิศจนเหล่าเพื่อนๆต้อง
    ตาลีตาเหลือกหลบกันไปเป็นแถว

     “พวกเราถล่มมันไปเลย “  ปืนบีๆกันสาดระรัวเข้าหาร่างของคนในชุดพลางกายที่รีบล้มตัวกลิ้งหนีไปไม่ต่างจากหมาคลาน

     “ปรี๊ดดดดๆๆๆ  หมดเวลา   “
     เสียงนกหวีดที่ดังขึ้นทำให้ เด็กหนุ่มกลุ่มที่กำลังเมามันในอารมณ์ทำหน้าเซ็งไปตามๆกัน

     “เฮ้ย....พี่ขอต่ออีกห้านาทีไม่ได้เหรอ “  เด็กหนุ่มหลายคนส่งประกายตาอ้อนวอนเหมือนลูกหมาหลงทางให้เจ้าของสนามยิงปืนบีๆกันที่ทำหน้าเซ็งและเดินเข้ามาเคาะมะเหงกให้เด็กหนุ่มคนขอ

     “ห้านาทีหรือว่าห้าสิบนาทีวะ...ไปๆ “

     เด็กหนุ่มกลุ่มใหญ่ที่มีประมาณสิบกว่าคนเดินออกมาจากสนามยิงปืนบีๆกันพร้อมเสียงพูดเสียงหัวเราะและเสียงทุ่มเถียงกันดังเฮฮา

     “เฮ้ย....ที่นี่ใครเล่นเกมส์ เหนือฟ้าออนไลน์บ้าง “ เด็กหนุ่มใส่แว่นที่ดูเหมือนเด็กเรียนแต่ก็ไม่ใช่กลายเป็นขาโจ๋ติดเกมส์รายใหญ่ไปเสียอย่างงั้น

     “บ้านนอก...เขาเรียกเกมส์เม็ตสไตรท์เวอลร์ออนไลน์ เวิ้ย “
    เพื่อนหนุ่มร่างใหญ่พูดขัด

     “เออๆนั่นแหละ แกละเล่นไม๊ไอ่วิน “

     คนโดนเรียกชื่อหาวและส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ
    “ฉันไม่เล่นหรอกโว้ยเกมส์ออฟไลน์....นะมันของเด็กเล่น “
    เพื่อนหลายคนกลอกตาขึ้นฟ้าอย่างเอือมๆ

     “เมื่อกี้แกไม่ได้ยินหรือไงว่ามันบอกออนไลน์ “
    เพื่อนหนุ่มสวมแว่นบอกด้วยความเซ็ง

     “อ่อเหรอ.....เปลืองตังวะ  ขี้เกียดแลกตังเข้าไปคราวแล้วเกมส์บ้าอะไรวะแลกเงินจนโดนแม่ด่าเลย “

     “ไอ้บ้าเอ๊ย  เกมส์นี้ไม่เหมือนที่ผ่านๆมานะ....ลองเล่นดูเถอะแล้วจะมีความรู้สึก อึ้ง ทึ่ง ตลึง เสียว  ส้าน   ทุกสิ่งในนั้นแบบเวอร์จิ้นมากยิ่งสาวสวย “
    เพื่อนหลายคนยื่นมือมาเคาะกะโหลกเจ้าคนพูดมากก่อนทั้งกลุ่มจะแยกย้ายกันไปคนละทาง

     “เกมส์บ้าอะไรวะ....เราก็เด็กติดเกมส์เสียด้วย “ วินหัวเราะพร้อมดวงตาที่เป็นประกาย


    ข้อมูล....เนื้อหา.....อ้างอิง.....ที่จะเกิดขึ้นในนิยายเรื่องนี้ ....นักเขียนยอมรับว่า....ไม่มีความจริงอะไรทั้งนั้นแหละครับ
    โปรดใช้ความปลาดเปลื่องของเหล่ารีดเดอร์วิเคราะห์เอาว่าอันไหนจริงอันไหนเท็จในการรับอ่าน

     นักเขียนยอมรับว่า  พึ่งเริ่มเขียน...ถ้ามีข้อผิดพลาด....ก็ขอประทานโทษมานะที่นี้ด้วยนะครับ
    แต่ถึงอย่างงั้น  นักเขียนก็ยังหัวดื้อที่อยาก  เขียนนิยายเรื่องนี้ให้จบสมบูรณ์ 5555


     ถ้ายังไง  ก็ฝากติดตาม  ติชม  และขอขอบคุณทุกท่านจากใจครับผม
    ผมรู้ว่าพลาดผิดเยอะแต่ก็ขอขอบพระคุณทุกท่านอย่างจริงใจ
     ผีหิมะ ^^^^^ 5555555


    By ghost snow


    …………………..*** 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×