คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ก่อนเริ่มตำนาน 7
ก่อนเริ่มตำนาน 7
ประเทศไทย
พุทธศักราช 2743
สละบุรี อำเภอเมือง
ภายในร้านดอกไม้ wind flawer love ของครอบครัว เลิศสิวากาล
เสียงหัวเราะเบาๆพร้อมกับผู้เป็นนายหญิงของร้านได้กล่าวขึ้นอย่างอารมณ์ดี
“อยากเรียนหรอวิน “ เด็กชายในเสื้อยืดสีดำเข้ารูปกับกางเกงแสล็กสีขาวรีบพยักหน้าถี่ๆและดวงตาสีน้ำตาลอ่อนก็ทอแววอ้อนวอนผู้เป็นแม่สุดๆ
“ได้สิ....แต่เรียนมาแล้วจะเอาไปทำอะไร “ คุณเกสรไม่ได้หวังคำตอบจริงจังจากลูกชายในประโยคนี้ แต่เมื่อเธอได้ยินคำตอบของเด็กน้อยก็ต้องทำสีหน้าตรึกตรอง
“ ผมจะเรียนไปไปช่วยพ่อต่อสู้แล้วพ่อจะได้ไม่ต้องไปนอนในโรงพยาบาลอย่างนี้อีก “ คุณเกสร เลิศสิวากาล
แต่งงานกับนายร้อยตำรวจ ปฐพี ได้หลายปีจึงได้ให้กำเนิด บุตรชายคือ เด็กชาย ชีวธัน เลิศสิวากาล หรือวิน
คุณเกสรยิ้มให้ลูกชายพร้อมกับเดินเข้าไปลูบศีรษะเด็กน้อยที่นั่งเล่นบนเก้าอี้ไม้มีพนักพิงตัวยาวแล้วพูดยิ้มๆ
“แล้วแต่ลูกสิ แต่รอให้ลูกโตก่อนนะ ตอนนี้เอาดอกไม้ไปส่งให้แม่ที่ตลาด โรงเรียน แล้วก็ที่โรงพิมพ์ได้ไหม “
วินกระโดดลุกขึ้นพร้อมยิ้มกว้างและรีบวิ่งไปช่วยแม่หิ้วตระกล้าดอกไม้สามตระกล้าแล้วตะโกนบอกแม่ที่มายืน
ส่งหน้าร้าน
“รอแป๊บเดียวผมจะกลับมาครับแม่ “
เกสรยิ้ม พร้อมมองตามเงาหลังของลูกชายที่เดินออกจากซอยเล็กมุ่งหน้าไปสู่ถนนใหญ่และอดคิดเรื่องที่ลูกขอเรียนไม่ได้
“ อยากเรียนยิมนาสติก อยากเรียนยิงปืน แล้วก็อยากเรียนการต่อสู้แบบคอมมานโดงั้นหรอ ขยันเรียนจังเลยนะไอ้พวกบู๊เนี่ย แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อยละ “
เกสรหัวเราะเบาๆก่อนจะเดินเข้าไปง่วนกับกองเอกสารรายรับรายจ่ายของร้านและแปลงดอกไม้ด้านหลังร้านที่มีดอกไม้หลายสายพันธุ์ที่มีทั้งของไทยและของต่างประเทศ
…
วินเดินออกมาหน้าถนนใหญ่พร้อมปลายตามองรถที่แล่นสวนกันมากมาย เด็กน้อยวัยแปดขวบรอจังหวะให้รถหยุดก่อนจะรีบวิ่งไปส่งดอกไม้ที่โรงพิมพ์เป็นสถานที่แรกเพราะใกล้กว่าโรงเรียนและตลาดหลายกิโลเมตร
เท้าเล็กในรองเท้าผ้าไบสีขาวเก้าเข้าสู่โรงพิมพ์กลิ่นหมึกก็กระจายฟรุ้งเข้าสู่จมูกทำให้เด็กน้อยต้องรีบยกแขนเสื้อขึ้นปิดอย่างรวจเร็ว ตามมาด้วยเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีของหญิงร่างท้วมผู้เดินมารับตระกล้าดอกไม้
“ห้าๆๆ ยังไม่ชินอีกเหรอวิน อะนี่เอากลับไปกินพอดีป้าขึ้นเหนือเลยซื้อมาฝาก “
วินยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณพร้อมกับรับของฝากจากเมืองเหนือมมาก่อนเสียงของป้าผู้เป็นผู้จัดการโรงพิมพ์จะถามยิ้มๆ
“แม่สบายดีไม๊ละแล้วต้องไปส่งของที่ไหนอีก “วินหิ้วตระกล้าดอกไม้อีกสองตระกล้าขึ้นพร้อมหันไปตอบป้าใจดีอย่างมีมารยาท
“สบายดีครับ ตลาดกับโรงเรียนครับ “
ป้าพยักหน้ารับก่อนบอกให้วินรีบไปส่งดอกไม้จะได้รีบกลับบ้านเพราะช่วงนี้โจรผู้ร้ายแก๊งลักพาตัวเด็กระบาดเยอะในจังหวัดสละบุรี
วินเดินออกจากโรงพิมพ์ก็เดินเรียบฟุตบาทมาอีกหลายกิโลเมตรจึงเลี้ยวเข้าโรงเรียน
“ ไงไอ้ตัวแสบ โดดเรียนหลายวันเลยนะ “ เสียงทักทายจากยามหน้าโรงเรียนทำให้วินหันไปตอบหน้าตาย
“ โดดเรียนที่ไหนลุง ไม่มี๊ ไปต่างจังหวัดต่างหาก “
ยามวัยใกล้เกษียร ทำหน้าประมาณ ฟังคำพูดของมันแต่ละคำเชื่อไม่ได้
วินไม่เสียเวลาต่อล้อต่อเถียงกับลุงยามอีกรีบวิ่งขึ้นอาคารเรียนและตรงไปยังห้องอำนวยการของรองผู้อำนวยการของโรงเรียนทันที
“ก๊อกๆๆ “ เสียงประตูถูกเคาะทำให้หญิงชราเงยหน้าใต้กรอบแว่นขึ้นมองแต่ยังไม่ทันที่รองผู้อำนวยการจะได้กล่าวอนุญาติ ประตูกกระจกก็ถูกผลักเข้ามาพร้อมน้ำเสียงสุภาพที่ทักทายหน้าตาย
“สวัสดีครับ ส่งดอกไม้ครับ แล้วก็ยอดค้างชำระอีก......” เสียงของเด็กน้อยหายไปในลำคอเมื่อเจอฝ่ามืออรหันยกขึ้นห้าม
“เดี๋ยวๆๆ เอาดอกไม้มาส่งได้นะ แต่มาเรียนไม่ได้นะขาดเรียนไปสี่วันแล้วนะ “ น้ำเสียงประชดเล็กๆดังขึ้นจาก
ริมฝีปากของหญิงชราที่ชี้นิ้วให้เอาตระกล้าดอกไม้ไปวางไว้บนโต๊ะเล็กข้างและชี้เก้าอี้ด้านตรงข้ามให้เด็กชายวินนั่งลงไป
“ผมไปต่างประเทศ “ วินโกหกหน้าตายพร้อมนิ้วเล็กๆที่เคาะลงบนโต๊ะกระจกเป็นจังหวะ
“เหอะๆ บอกยามว่าไปต่างจังหวัดบอกรองว่าไปต่างประเทศตรงกันรึปล่าวเนี่ย “ วินสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงสักนิดก่อนจะแก้ตัวอย่างลื่นไหลต่อไป
“ ผมไม่ได้พูดจริงกับลุงยามไง แต่ผมพูดจริงกับรองไงครับ “
รองชราทำหน้าเหมือนอยากลุกมาฆ่าเด็กกะล่อนตรงหน้า แต่วินก็รีบพูดขึ้นอย่างรวจเร็วและเตรียมชิ่ง
“ รองครับงั้นเดี๋ยวผมไปส่งดอกไม้ต่อก่อนนะครับ “ วินพูดพร้อมลุกขึ้น
“นั่งลง ชีวธัน นั่ง “รองชราลุกขึ้นพร้อมชี้นิ้วสั่นๆ ทำให้เด็กน้อยยิ้มอ่อนๆแต่ก็เจือด้วยแววซุกซน
“ได้ครับ พรุ่งนี้ผมจะมานั่งนี่นะครับ สวัสดีครับ บ้ายบาย “ วินโบกมือลาพร้อมผลักประตูปิดเด็กน้อยอดหัวเราะไม่ได้กับสภาพของรองชราที่เกือบจะลุกขึ้นมาเต้น
วินโบกมือให้ลุงยามก่อนวิ่งข้ามทางม้าลายไปทางตลาดที่อยู่ไกลออกไปอีก
ตลาด
วินเดินไปส่งดอกไม้ตระกล้าใหญ่ที่สุดให้ร้านดอกไม้ในตลาดก่อนจะเดินเล่นและแวะซื้อขนมจีบซาลาเปาไว้ไปฝากแม่ส่วนเขาซื้อปลาหมึกเผามากินเล่นอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมเดินตั้งแต่หัวตลาดยันไปท้ายตลาดก่อนเด็กน้อยจะขมวดคิ้วนิดๆ
“ใช้ทางลัดกลับบ้านดีกว่า “
วินพูดจบก็เดินเลี้ยวออกทางหลังตลาดและลัดเลาะไปตามทางซอยแคบที่เขาจดจำเส้นทางเดินได้สบายเพราะเขาชอบหนีแม่ออกมาทางพวกนี้บ่อยๆ
วินเดินเรื่อยๆมาตามทางที่ไม่ค่อยเป็นบ้านคนมากถึงมีก็เป็นบ้านของคนต่างถิ่นที่มาเช่าไว้หรือ
บ้านของคนทำงานต่างๆที่ทำในยามราตรี กลางวันแบบนี้เลยปิดเงียบ
วินเงยหน้ามองท้องฟ้าสีเทาที่เริ่มขมุกขมัว “ฝนจะตกแล้ว “ เด็กน้อยลำพึงก่อนจะเตรียมสาวเท้าวิ่งกลับบ้าน แต่เสียงร้องขอความช่วยเหลือก็ต้องทำให้เขาชะงักกึก
“ช่วยด้วย...อื้ออช่วยด้วยยๆๆ “ วินเอียงหูซ้ายขวาและรีบประมวลผลในสมอง
“ในบ้านหลังซ้ายมือที่อยู่ลึกเข้าไปในสวนผลไม้ “
วินวิ่งหมอบตัวเข้าข้างกำแพงและเงี่ยหูฟังก็ได้ยินเสียงตวาดพร้อมเสียงร้องไห้งอแง เด็กน้อยวัยแปดขวบจรดฝีเท้ากระโดดร่างเล็กๆขึ้นคว้ากิ่งไม้ใหญ่พร้อมถีบเท้าตีลังกาเข้าสู่กำแพงที่สูงประมาณสองเมตรได้อย่างไม่ลำบากมากมาย
วินหมอบตัวซุ่มบริเวณพุ่มไม้พร้อมกับบ่นอุบอิบ
“มีพ่อเป็นตำรวจนี่มันสืบทอดมาทางสายเลือดรึปล่าวเนี่ย มีหมาด้วยแฮะ “
วินหรี่ตามองสุนัขตำรวจที่วิ่งตะบึงเข้ามาทางนี้สองตัว
เด็กน้อยยิ้มเย็นขึ้นมุมปากก่อนร่างเล็กๆจะใต่ขอบกำแพงและกระโดดขึ้นยืนบนคาคบไม้ที่ทอดข้ามระหว่างกำแพงอย่างเงียบเชียบ
ลมหายใจถูกผ่อนลงให้เบาที่สุดรอเวลาให้สุนัขตำรวจตัวใหญ่วิ่งเข้ามาสูดจมูกฟุดฟิดบริเวณที่เด็กน้อยเคยซ่อนตัวอยู่ก่อนหน้านั้น
สุนัขสีดำสองตัวกระโจรเข้ามาใต้ต้นไม้พร้อมกับร่างเล็กที่ร่วงลงมาด้วยมือซ้ายขวาที่พุ่งออกไปรวบคอของสุนัขตำรวจไว้อย่างรวจเร็วพร้อมกับเสียงกระดูกที่ลั่นเบาๆ
วินไม่รอดูผลงานก็รีบกระโดดลัดเลาะให้เข้าใกล้เสียงร้องขอความช่วยเหลือของเด็กหลายสิบเสียง
เด็กน้อยปลายหางตามองรอบข้างพร้อมกับปรากฏชายสองคนถือปืนกลมือเดินโผล่ออกมาจากมุมตึก
วินไม่มีเวลาตลึงเหมือนสองชายฉกรร ร่างเล็กกระโดดเท้าคู่เข้ากลางอกของชายทั้งสองก่อนคว้าพานท้ายปืนกลหวดกลางแสกหน้าของชายคนหนึ่งจนเลือดสาดพร้อมสติที่ปลิวไปอย่างเงียบกริบ
วินดีดส้นเท้าหลังกระแทกปลายคางของชายฉกรรอีกคนหนึ่งจนเกิดเสียงคล็อกในคอเด็กน้อยยิ้มเย็นพร้อมกับ
ซัดสันมือฟาดเปลี้ยงเข้ากลางลูกกระเดือกจนชายฉกรรคนที่สองตาเหลือกชักตาตั้งสลบเหมือด
วินลากสองร่างเข้าไปซ่อนในพงหญ้าพร้อมค้นตัวสองชายฉกรรผู้มีผ้าดำคลุมหน้าพบเชือก มีดสั้น และของใช้จุกจิกอีกหลายอย่าง เด็กน้อยมัดสองชายฉกรรแขนขาติดกันอย่างแน่นหนาก่อนจะเดินย้อมกลับไปมัดสุนัขตำรวจสองตัวอย่างใจเย็น
เด็กน้อยไล่ตามเสียงร้องขอความช่วยเหลือไปทางหลังบ้านซึ่งแบ่งเป็นช่วงหน้าและหลัง
“เฮ้ยเงียบสิโว้ย ใครไม่เงียบยิงนะโว้ย “ เสียงร้องขู่ทำให้เด็กที่ถูกมัดมือมัดเท้าร้อยกว่าคนนั่งหน้าซีดสลดอย่างหมดหวัง พร้อมกับชายหน้าเหี้ยมที่ส่ายปากกระบอกปืนกลมือไปทุกทาง
วินเลาะมาถึงส่วนหลังบ้านพร้อมปลายตามองรอบๆเพื่อเก็บลายละเอียด ก่อนร่างเล็กของเด็กชายจะเดินเข้าไปหน้าโกดังที่ปรากฏชายสองคนกำลังอ้าปากค้าง
“เฮ้ยไอหนู แกไปไหนมาวะ “ วินยิ้มกว้างพร้อมตอบหน้าตาย
“พวกพี่นี่แค่เด็กก็ยังเฝ้าไว้ไม่ได้ ผมเดินออกประตูหน้าไปอย่างง่ายเลย เดี๋ยวอีกไม่นานตำรวจก็คงมาครับ “
คำพูดของวินทำเอาสองชายฉกรรหน้าซีดก่อนจะยกปืนเล็งมาทางเด็กน้อยพร้อมสบถคำหยาบและกดรัวไกอย่างรวจเร็ว
“ปังๆๆๆๆๆปังๆๆๆๆ “!!
วินตีลังกาหลังสามรอบหลบได้อย่างง่ายๆก่อนยื่นมือไปเกี่ยวขอบหลังคาและโหนตัวพาร่างเล็กๆหายไปอย่าง
รวจเร็ว
“เฮ้ยมันเด็กจริงหรือว่าเจ้าที่วะ “ ชายฉกรรอีกคนยื่นมือมาตบหัวเพื่อนจนชายฉกรรผู้ถามแทบหัวทิ่ม
“ไอ้บ้าเอ้ย มันก็ต้องเด็กจริงสิวะ รีบไปบอกลูกพี่เร็ว “ชายฉกรรคนที่ถามตอนแรกรีบวิ่งเข้าไปหาลูกพี่ที่เข้าไปขู่เด็กให้เงียบ
“เอ...หรือว่ามันจะเป็นเจ้าที่หว่า....” ไม่วายชายฉกรรอีกคนจะพูดอย่างคลุ่นคิด
วินที่ได้ยินบทสนทนาก็อดหัวเราะในใจไม่ได้ก่อนร่างเล็กจะพริกตัวพุ่งลงหาชายฉกรรที่เหลือเพียงคนเดียวราวผีร้าย
แขนซ้ายยื่นไปล็อกคอส่วนมือขวาเลือนไปปลดสวิกปืนลงทำให้ชายฉกรรไม่สามารถเหนี่ยวไกได้ วินพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อกับหูของชายฉกรรอย่างขี้เล่น
“ผมหรอครับพี่เจ้าที่นี่ไง แรงนะ “
วินใช้พานท้ายปืนค้ำร่างของชายฉกรรไว้ไม่ให้ล้ม รอเพื่อนชายฉกรรให้กลับมาซึ่งรอไม่นานเลย
ชายฉกรรคนแรกวิ่งเข้ามาตามหลังมาด้วยลูกพี่ที่หน้าตาตื่น
วินรอจังหวะนี้นานแล้วรีบสะบัดร่างเพื่อนชายฉกรรที่ถูกทำให้สลบลอยกระเด็นเข้าไปขวางชายฉกรรที่วิ่งหน้าซีดกลับมา
“เฮ๊ย...” วินยิ้มเย็นพร้อมเลื่อนไกลงยกปืนขึ้นปะทับบ่าและกดลั่นไกออกไปทันที
“ปังๆๆ “ “ อ๊ากกกๆ “ !!!!
ชายฉกรรสองคนสุดท้ายร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อกระสุนพุ่งเข้าฝังในกระดูกจนสองร่างลอยผวากระเด็นไปติดกำแพงโกดังวินสะบัดปืนทิ้งพร้อมใช้เท้าเหวี่ยงเตะแม็กปืนกระเด็นหายไป
พร้อมร่างเล็กที่กระโดดเข้าสวิงขาฟาดเปลี้ยงกับหน้าลูกน้องคนสุดท้ายจนหน้าสะบัดพร้อมเลือดและฟันกรามที่พุ่งออกมาจากปากและหมดสติไปในเท้าเดียวทันที
ชายฉกรรหัวหน้ามองวินที่เดินเข้าหาด้วยแววตาเหลือกถลน
“ที่แท้ก็พี่แช่มนี่เอง ยินดีที่ได้รู้จักครับ “
วินยิ้มทักทายพร้อมเท้าซ้ายที่เหวี่ยงโครมกระแทกกบหูจนร่างของโจรหัวหน้าปลิวไปหลายตลบพร้อมหัวที่พุ่งกระแทกพื้นปูนขลุขละจนเลือดอาบหน้า
วินเดินเข้าลากสามชายมามัดไว้อย่างใจเย็นแถมยังคว้าโทรศัพท์ในกระเป๋าลูกพี่มากดหนึ่งเก้าหนึ่งและ
กลอกเสียงไปตามสายอย่างร่าเริง
“แจ้งความครับ เด็กถูกลักพาตัวที่บ้านเลขที่....ซอย.... “ วินพูดจบก็เหวี่ยงโทรศัพเล่นและเหวี่ยงกระแทกกับพื้นจนแหลกละเอียดเพื่อป้องกันการสาวร่องรอยของตำรวจที่จะเกี่ยวมาถึงเขาได้
วินใช้ผ้าดำคลุมหน้าพร้อมเดินเข้าไปมองเหล่าเด็กๆที่มองมาที่เขาอย่างหวาดกลัว
“นี่อยู่เงียบๆรู้ไหมถ้าไม่อยากตาย ฉันหัวหน้าใหญ่ที่สุดนะ เข้าใจไหม “
“ ชิไอ้พวกโจรชั่ว....ไอ้พวกโจรบ้า ถ้าลูกพวกแกถูกจับบ้างจะรู้สึกยังไง “
วินหัวเราะเบาๆพร้อมเดินเข้าไปหาเด็กสาวผู้มีวัยไล่เลี่ยกับเขาและหันไปตวาดจนทั้งโกดังได้ยินทั่ว
“อยู่เงียบๆเข้าใจไหมไม่งั้นจะเจอเหมือนเด็กคนนี้ “
“ ใครสั่งให้เธอเสียงดังอย่างงี้ต่อให้เป็นผู้ว่าก็ช่วยเธอไม่ได้หรอกนะ ยัยลูกเหงี่ยว เข้าใจไหมเงียบๆ “ วินกระซิบข้างใบหูเล็กและจ้องตาสีดำขลับอย่างขำๆ ก่อนจะแกล้งผลักศีรษะของเด็กสาวจนเด็กทั้งโกดังเงียบกริบ
เด็กน้อยวินเดินออกจากโกดังพร้อมกับเสียงผิวปากอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะรีบกระโดดออกจากกำแพงไปอย่างรวจเร็วเมื่อเห็นรถตำรวจหลายคันแล่นเข้าซอยมา
“นี่ไปแอบเล่นเกมส์อีกแล้วใช่ไหม แม่บอกว่าไงฮะ...นี่ท่านรองก็โทรมาฟ้องใหญ่ “ วินหัวเราะร่วนและนึกถึงเกมส์ที่แม่เขาบอกว่าเด็กน้อยพึ่งไปเล่นมา
ย่าๆๆๆ
555
หายไปโคตรนานเลย ในความคิดของนักเขียน
ต้องขออภัยมานะที่นี้ เนื่องจากปิดเทอมและสัญญาณเน็ตอยู่ไหนไม่รู้
นักเขียนอยู่หลังเขา แต่เราก็พยายามอับ
ถึงแม้จะไม่มีคนอ่าน
5555555
ไม่เป็นไรนักเขียนยังมีไฟครับพี่น้อง
หลังจากตอนนี้ พระเอกตอนเด็กๆออกมาครบทุกคนแล้ว ต่อไปเราก็จะหักมุมนิยายอีกครั้ง
โปรดติดตาม ตอนต่อไป
เพื่อต้อนรับท่านเข้าสู่โลกอันยิ่งใหญ่แห่ง
เม็ตสไตรท์เวอลร์ ออนไลน์
5555555555
รอติดตามนะค้าบ
By ghost snow
ความคิดเห็น