ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    7 ราชันย์ปราการเทพSeven lord of wonderful the defense divine

    ลำดับตอนที่ #8 : ก่อนเริ่มตำนาน 7

    • อัปเดตล่าสุด 5 ธ.ค. 59


          ก่อนเริ่มตำนาน 7

     

    ประเทศไทย

    พุทธศักราช  2743

    สละบุรี  อำเภอเมือง

     

                    ภายในร้านดอกไม้  wind flawer love  ของครอบครัว เลิศสิวากาล

    เสียงหัวเราะเบาๆพร้อมกับผู้เป็นนายหญิงของร้านได้กล่าวขึ้นอย่างอารมณ์ดี

     

                    “อยากเรียนหรอวิน “ เด็กชายในเสื้อยืดสีดำเข้ารูปกับกางเกงแสล็กสีขาวรีบพยักหน้าถี่ๆและดวงตาสีน้ำตาลอ่อนก็ทอแววอ้อนวอนผู้เป็นแม่สุดๆ

     

                    “ได้สิ....แต่เรียนมาแล้วจะเอาไปทำอะไร “ คุณเกสรไม่ได้หวังคำตอบจริงจังจากลูกชายในประโยคนี้ แต่เมื่อเธอได้ยินคำตอบของเด็กน้อยก็ต้องทำสีหน้าตรึกตรอง

     

                    “ ผมจะเรียนไปไปช่วยพ่อต่อสู้แล้วพ่อจะได้ไม่ต้องไปนอนในโรงพยาบาลอย่างนี้อีก    คุณเกสร เลิศสิวากาล

    แต่งงานกับนายร้อยตำรวจ ปฐพี ได้หลายปีจึงได้ให้กำเนิด บุตรชายคือ  เด็กชาย ชีวธัน  เลิศสิวากาล  หรือวิน

    คุณเกสรยิ้มให้ลูกชายพร้อมกับเดินเข้าไปลูบศีรษะเด็กน้อยที่นั่งเล่นบนเก้าอี้ไม้มีพนักพิงตัวยาวแล้วพูดยิ้มๆ

     

                    “แล้วแต่ลูกสิ แต่รอให้ลูกโตก่อนนะ  ตอนนี้เอาดอกไม้ไปส่งให้แม่ที่ตลาด โรงเรียน แล้วก็ที่โรงพิมพ์ได้ไหม “

     

                    วินกระโดดลุกขึ้นพร้อมยิ้มกว้างและรีบวิ่งไปช่วยแม่หิ้วตระกล้าดอกไม้สามตระกล้าแล้วตะโกนบอกแม่ที่มายืน

    ส่งหน้าร้าน

     

                    “รอแป๊บเดียวผมจะกลับมาครับแม่ “

     

                    เกสรยิ้ม พร้อมมองตามเงาหลังของลูกชายที่เดินออกจากซอยเล็กมุ่งหน้าไปสู่ถนนใหญ่และอดคิดเรื่องที่ลูกขอเรียนไม่ได้

     

                    “ อยากเรียนยิมนาสติก  อยากเรียนยิงปืน แล้วก็อยากเรียนการต่อสู้แบบคอมมานโดงั้นหรอ  ขยันเรียนจังเลยนะไอ้พวกบู๊เนี่ย แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อยละ “

     

                    เกสรหัวเราะเบาๆก่อนจะเดินเข้าไปง่วนกับกองเอกสารรายรับรายจ่ายของร้านและแปลงดอกไม้ด้านหลังร้านที่มีดอกไม้หลายสายพันธุ์ที่มีทั้งของไทยและของต่างประเทศ

     

     

    วินเดินออกมาหน้าถนนใหญ่พร้อมปลายตามองรถที่แล่นสวนกันมากมาย  เด็กน้อยวัยแปดขวบรอจังหวะให้รถหยุดก่อนจะรีบวิ่งไปส่งดอกไม้ที่โรงพิมพ์เป็นสถานที่แรกเพราะใกล้กว่าโรงเรียนและตลาดหลายกิโลเมตร

     

                    เท้าเล็กในรองเท้าผ้าไบสีขาวเก้าเข้าสู่โรงพิมพ์กลิ่นหมึกก็กระจายฟรุ้งเข้าสู่จมูกทำให้เด็กน้อยต้องรีบยกแขนเสื้อขึ้นปิดอย่างรวจเร็ว  ตามมาด้วยเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีของหญิงร่างท้วมผู้เดินมารับตระกล้าดอกไม้

     

                    “ห้าๆๆ  ยังไม่ชินอีกเหรอวิน  อะนี่เอากลับไปกินพอดีป้าขึ้นเหนือเลยซื้อมาฝาก “

     

                    วินยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณพร้อมกับรับของฝากจากเมืองเหนือมมาก่อนเสียงของป้าผู้เป็นผู้จัดการโรงพิมพ์จะถามยิ้มๆ

     

                    “แม่สบายดีไม๊ละแล้วต้องไปส่งของที่ไหนอีก “วินหิ้วตระกล้าดอกไม้อีกสองตระกล้าขึ้นพร้อมหันไปตอบป้าใจดีอย่างมีมารยาท

     

                    “สบายดีครับ ตลาดกับโรงเรียนครับ “

     

                    ป้าพยักหน้ารับก่อนบอกให้วินรีบไปส่งดอกไม้จะได้รีบกลับบ้านเพราะช่วงนี้โจรผู้ร้ายแก๊งลักพาตัวเด็กระบาดเยอะในจังหวัดสละบุรี

     

                    วินเดินออกจากโรงพิมพ์ก็เดินเรียบฟุตบาทมาอีกหลายกิโลเมตรจึงเลี้ยวเข้าโรงเรียน

     

                    “ ไงไอ้ตัวแสบ  โดดเรียนหลายวันเลยนะ “ เสียงทักทายจากยามหน้าโรงเรียนทำให้วินหันไปตอบหน้าตาย

     “ โดดเรียนที่ไหนลุง  ไม่มี๊  ไปต่างจังหวัดต่างหาก “

     

                    ยามวัยใกล้เกษียร ทำหน้าประมาณ  ฟังคำพูดของมันแต่ละคำเชื่อไม่ได้

     

                    วินไม่เสียเวลาต่อล้อต่อเถียงกับลุงยามอีกรีบวิ่งขึ้นอาคารเรียนและตรงไปยังห้องอำนวยการของรองผู้อำนวยการของโรงเรียนทันที

     

                    “ก๊อกๆๆ “ เสียงประตูถูกเคาะทำให้หญิงชราเงยหน้าใต้กรอบแว่นขึ้นมองแต่ยังไม่ทันที่รองผู้อำนวยการจะได้กล่าวอนุญาติ ประตูกกระจกก็ถูกผลักเข้ามาพร้อมน้ำเสียงสุภาพที่ทักทายหน้าตาย

     

                    “สวัสดีครับ ส่งดอกไม้ครับ  แล้วก็ยอดค้างชำระอีก......”  เสียงของเด็กน้อยหายไปในลำคอเมื่อเจอฝ่ามืออรหันยกขึ้นห้าม

     

                    “เดี๋ยวๆๆ  เอาดอกไม้มาส่งได้นะ  แต่มาเรียนไม่ได้นะขาดเรียนไปสี่วันแล้วนะ “ น้ำเสียงประชดเล็กๆดังขึ้นจาก

    ริมฝีปากของหญิงชราที่ชี้นิ้วให้เอาตระกล้าดอกไม้ไปวางไว้บนโต๊ะเล็กข้างและชี้เก้าอี้ด้านตรงข้ามให้เด็กชายวินนั่งลงไป

     

                    “ผมไปต่างประเทศ “ วินโกหกหน้าตายพร้อมนิ้วเล็กๆที่เคาะลงบนโต๊ะกระจกเป็นจังหวะ

     

                    “เหอะๆ บอกยามว่าไปต่างจังหวัดบอกรองว่าไปต่างประเทศตรงกันรึปล่าวเนี่ย “  วินสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงสักนิดก่อนจะแก้ตัวอย่างลื่นไหลต่อไป

    “ ผมไม่ได้พูดจริงกับลุงยามไง แต่ผมพูดจริงกับรองไงครับ “

     

                    รองชราทำหน้าเหมือนอยากลุกมาฆ่าเด็กกะล่อนตรงหน้า แต่วินก็รีบพูดขึ้นอย่างรวจเร็วและเตรียมชิ่ง

     

                     “ รองครับงั้นเดี๋ยวผมไปส่งดอกไม้ต่อก่อนนะครับ “ วินพูดพร้อมลุกขึ้น

     

                    “นั่งลง ชีวธัน นั่ง “รองชราลุกขึ้นพร้อมชี้นิ้วสั่นๆ ทำให้เด็กน้อยยิ้มอ่อนๆแต่ก็เจือด้วยแววซุกซน

     

                    “ได้ครับ  พรุ่งนี้ผมจะมานั่งนี่นะครับ สวัสดีครับ บ้ายบาย “ วินโบกมือลาพร้อมผลักประตูปิดเด็กน้อยอดหัวเราะไม่ได้กับสภาพของรองชราที่เกือบจะลุกขึ้นมาเต้น

     

                    วินโบกมือให้ลุงยามก่อนวิ่งข้ามทางม้าลายไปทางตลาดที่อยู่ไกลออกไปอีก

     

                    ตลาด

     วินเดินไปส่งดอกไม้ตระกล้าใหญ่ที่สุดให้ร้านดอกไม้ในตลาดก่อนจะเดินเล่นและแวะซื้อขนมจีบซาลาเปาไว้ไปฝากแม่ส่วนเขาซื้อปลาหมึกเผามากินเล่นอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมเดินตั้งแต่หัวตลาดยันไปท้ายตลาดก่อนเด็กน้อยจะขมวดคิ้วนิดๆ

     

                     “ใช้ทางลัดกลับบ้านดีกว่า “

     

                    วินพูดจบก็เดินเลี้ยวออกทางหลังตลาดและลัดเลาะไปตามทางซอยแคบที่เขาจดจำเส้นทางเดินได้สบายเพราะเขาชอบหนีแม่ออกมาทางพวกนี้บ่อยๆ

     

                    วินเดินเรื่อยๆมาตามทางที่ไม่ค่อยเป็นบ้านคนมากถึงมีก็เป็นบ้านของคนต่างถิ่นที่มาเช่าไว้หรือ

    บ้านของคนทำงานต่างๆที่ทำในยามราตรี กลางวันแบบนี้เลยปิดเงียบ           

     

                    วินเงยหน้ามองท้องฟ้าสีเทาที่เริ่มขมุกขมัว “ฝนจะตกแล้ว “ เด็กน้อยลำพึงก่อนจะเตรียมสาวเท้าวิ่งกลับบ้าน แต่เสียงร้องขอความช่วยเหลือก็ต้องทำให้เขาชะงักกึก

     

                    “ช่วยด้วย...อื้ออช่วยด้วยยๆๆ “  วินเอียงหูซ้ายขวาและรีบประมวลผลในสมอง

     

                    “ในบ้านหลังซ้ายมือที่อยู่ลึกเข้าไปในสวนผลไม้ “

    วินวิ่งหมอบตัวเข้าข้างกำแพงและเงี่ยหูฟังก็ได้ยินเสียงตวาดพร้อมเสียงร้องไห้งอแง    เด็กน้อยวัยแปดขวบจรดฝีเท้ากระโดดร่างเล็กๆขึ้นคว้ากิ่งไม้ใหญ่พร้อมถีบเท้าตีลังกาเข้าสู่กำแพงที่สูงประมาณสองเมตรได้อย่างไม่ลำบากมากมาย

     

                    วินหมอบตัวซุ่มบริเวณพุ่มไม้พร้อมกับบ่นอุบอิบ

     

                    “มีพ่อเป็นตำรวจนี่มันสืบทอดมาทางสายเลือดรึปล่าวเนี่ย  มีหมาด้วยแฮะ “

     

                    วินหรี่ตามองสุนัขตำรวจที่วิ่งตะบึงเข้ามาทางนี้สองตัว

     

                    เด็กน้อยยิ้มเย็นขึ้นมุมปากก่อนร่างเล็กๆจะใต่ขอบกำแพงและกระโดดขึ้นยืนบนคาคบไม้ที่ทอดข้ามระหว่างกำแพงอย่างเงียบเชียบ

     

                     ลมหายใจถูกผ่อนลงให้เบาที่สุดรอเวลาให้สุนัขตำรวจตัวใหญ่วิ่งเข้ามาสูดจมูกฟุดฟิดบริเวณที่เด็กน้อยเคยซ่อนตัวอยู่ก่อนหน้านั้น

     

                    สุนัขสีดำสองตัวกระโจรเข้ามาใต้ต้นไม้พร้อมกับร่างเล็กที่ร่วงลงมาด้วยมือซ้ายขวาที่พุ่งออกไปรวบคอของสุนัขตำรวจไว้อย่างรวจเร็วพร้อมกับเสียงกระดูกที่ลั่นเบาๆ

     

                    วินไม่รอดูผลงานก็รีบกระโดดลัดเลาะให้เข้าใกล้เสียงร้องขอความช่วยเหลือของเด็กหลายสิบเสียง

     

                    เด็กน้อยปลายหางตามองรอบข้างพร้อมกับปรากฏชายสองคนถือปืนกลมือเดินโผล่ออกมาจากมุมตึก

     

                    วินไม่มีเวลาตลึงเหมือนสองชายฉกรร ร่างเล็กกระโดดเท้าคู่เข้ากลางอกของชายทั้งสองก่อนคว้าพานท้ายปืนกลหวดกลางแสกหน้าของชายคนหนึ่งจนเลือดสาดพร้อมสติที่ปลิวไปอย่างเงียบกริบ

     

                    วินดีดส้นเท้าหลังกระแทกปลายคางของชายฉกรรอีกคนหนึ่งจนเกิดเสียงคล็อกในคอเด็กน้อยยิ้มเย็นพร้อมกับ

    ซัดสันมือฟาดเปลี้ยงเข้ากลางลูกกระเดือกจนชายฉกรรคนที่สองตาเหลือกชักตาตั้งสลบเหมือด

     

    วินลากสองร่างเข้าไปซ่อนในพงหญ้าพร้อมค้นตัวสองชายฉกรรผู้มีผ้าดำคลุมหน้าพบเชือก  มีดสั้น และของใช้จุกจิกอีกหลายอย่าง เด็กน้อยมัดสองชายฉกรรแขนขาติดกันอย่างแน่นหนาก่อนจะเดินย้อมกลับไปมัดสุนัขตำรวจสองตัวอย่างใจเย็น

     

                    เด็กน้อยไล่ตามเสียงร้องขอความช่วยเหลือไปทางหลังบ้านซึ่งแบ่งเป็นช่วงหน้าและหลัง

     

                    “เฮ้ยเงียบสิโว้ย ใครไม่เงียบยิงนะโว้ย “ เสียงร้องขู่ทำให้เด็กที่ถูกมัดมือมัดเท้าร้อยกว่าคนนั่งหน้าซีดสลดอย่างหมดหวัง พร้อมกับชายหน้าเหี้ยมที่ส่ายปากกระบอกปืนกลมือไปทุกทาง

     

                    วินเลาะมาถึงส่วนหลังบ้านพร้อมปลายตามองรอบๆเพื่อเก็บลายละเอียด ก่อนร่างเล็กของเด็กชายจะเดินเข้าไปหน้าโกดังที่ปรากฏชายสองคนกำลังอ้าปากค้าง

     

                    “เฮ้ยไอหนู  แกไปไหนมาวะ “ วินยิ้มกว้างพร้อมตอบหน้าตาย

     

                     “พวกพี่นี่แค่เด็กก็ยังเฝ้าไว้ไม่ได้ ผมเดินออกประตูหน้าไปอย่างง่ายเลย  เดี๋ยวอีกไม่นานตำรวจก็คงมาครับ “

     

                    คำพูดของวินทำเอาสองชายฉกรรหน้าซีดก่อนจะยกปืนเล็งมาทางเด็กน้อยพร้อมสบถคำหยาบและกดรัวไกอย่างรวจเร็ว

     

                     “ปังๆๆๆๆๆปังๆๆๆๆ “!!

     

                    วินตีลังกาหลังสามรอบหลบได้อย่างง่ายๆก่อนยื่นมือไปเกี่ยวขอบหลังคาและโหนตัวพาร่างเล็กๆหายไปอย่าง

    รวจเร็ว

     

                    “เฮ้ยมันเด็กจริงหรือว่าเจ้าที่วะ “ ชายฉกรรอีกคนยื่นมือมาตบหัวเพื่อนจนชายฉกรรผู้ถามแทบหัวทิ่ม

     

                    “ไอ้บ้าเอ้ย  มันก็ต้องเด็กจริงสิวะ รีบไปบอกลูกพี่เร็ว “ชายฉกรรคนที่ถามตอนแรกรีบวิ่งเข้าไปหาลูกพี่ที่เข้าไปขู่เด็กให้เงียบ

     

                    “เอ...หรือว่ามันจะเป็นเจ้าที่หว่า....”  ไม่วายชายฉกรรอีกคนจะพูดอย่างคลุ่นคิด

     

                    วินที่ได้ยินบทสนทนาก็อดหัวเราะในใจไม่ได้ก่อนร่างเล็กจะพริกตัวพุ่งลงหาชายฉกรรที่เหลือเพียงคนเดียวราวผีร้าย

     

                    แขนซ้ายยื่นไปล็อกคอส่วนมือขวาเลือนไปปลดสวิกปืนลงทำให้ชายฉกรรไม่สามารถเหนี่ยวไกได้ วินพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อกับหูของชายฉกรรอย่างขี้เล่น

     

                    “ผมหรอครับพี่เจ้าที่นี่ไง  แรงนะ “

     

                     วินใช้พานท้ายปืนค้ำร่างของชายฉกรรไว้ไม่ให้ล้ม รอเพื่อนชายฉกรรให้กลับมาซึ่งรอไม่นานเลย

     

                    ชายฉกรรคนแรกวิ่งเข้ามาตามหลังมาด้วยลูกพี่ที่หน้าตาตื่น

     

                    วินรอจังหวะนี้นานแล้วรีบสะบัดร่างเพื่อนชายฉกรรที่ถูกทำให้สลบลอยกระเด็นเข้าไปขวางชายฉกรรที่วิ่งหน้าซีดกลับมา

     

                    “เฮ๊ย...”  วินยิ้มเย็นพร้อมเลื่อนไกลงยกปืนขึ้นปะทับบ่าและกดลั่นไกออกไปทันที

     

                     “ปังๆๆ “  “ อ๊ากกกๆ “ !!!!

     

                    ชายฉกรรสองคนสุดท้ายร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อกระสุนพุ่งเข้าฝังในกระดูกจนสองร่างลอยผวากระเด็นไปติดกำแพงโกดังวินสะบัดปืนทิ้งพร้อมใช้เท้าเหวี่ยงเตะแม็กปืนกระเด็นหายไป

     

                    พร้อมร่างเล็กที่กระโดดเข้าสวิงขาฟาดเปลี้ยงกับหน้าลูกน้องคนสุดท้ายจนหน้าสะบัดพร้อมเลือดและฟันกรามที่พุ่งออกมาจากปากและหมดสติไปในเท้าเดียวทันที

     

                    ชายฉกรรหัวหน้ามองวินที่เดินเข้าหาด้วยแววตาเหลือกถลน

     

                    “ที่แท้ก็พี่แช่มนี่เอง  ยินดีที่ได้รู้จักครับ “ 

     

                    วินยิ้มทักทายพร้อมเท้าซ้ายที่เหวี่ยงโครมกระแทกกบหูจนร่างของโจรหัวหน้าปลิวไปหลายตลบพร้อมหัวที่พุ่งกระแทกพื้นปูนขลุขละจนเลือดอาบหน้า

     

                    วินเดินเข้าลากสามชายมามัดไว้อย่างใจเย็นแถมยังคว้าโทรศัพท์ในกระเป๋าลูกพี่มากดหนึ่งเก้าหนึ่งและ

    กลอกเสียงไปตามสายอย่างร่าเริง

     

                     แจ้งความครับ  เด็กถูกลักพาตัวที่บ้านเลขที่....ซอย.... วินพูดจบก็เหวี่ยงโทรศัพเล่นและเหวี่ยงกระแทกกับพื้นจนแหลกละเอียดเพื่อป้องกันการสาวร่องรอยของตำรวจที่จะเกี่ยวมาถึงเขาได้

                     วินใช้ผ้าดำคลุมหน้าพร้อมเดินเข้าไปมองเหล่าเด็กๆที่มองมาที่เขาอย่างหวาดกลัว

                    นี่อยู่เงียบๆรู้ไหมถ้าไม่อยากตาย  ฉันหัวหน้าใหญ่ที่สุดนะ  เข้าใจไหม

     

     

                    “ ชิไอ้พวกโจรชั่ว....ไอ้พวกโจรบ้า  ถ้าลูกพวกแกถูกจับบ้างจะรู้สึกยังไง  

     

                    วินหัวเราะเบาๆพร้อมเดินเข้าไปหาเด็กสาวผู้มีวัยไล่เลี่ยกับเขาและหันไปตวาดจนทั้งโกดังได้ยินทั่ว

     

                    “อยู่เงียบๆเข้าใจไหมไม่งั้นจะเจอเหมือนเด็กคนนี้ “

     

                  ใครสั่งให้เธอเสียงดังอย่างงี้ต่อให้เป็นผู้ว่าก็ช่วยเธอไม่ได้หรอกนะ  ยัยลูกเหงี่ยว เข้าใจไหมเงียบๆ “ วินกระซิบข้างใบหูเล็กและจ้องตาสีดำขลับอย่างขำๆ ก่อนจะแกล้งผลักศีรษะของเด็กสาวจนเด็กทั้งโกดังเงียบกริบ

     

                     เด็กน้อยวินเดินออกจากโกดังพร้อมกับเสียงผิวปากอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะรีบกระโดดออกจากกำแพงไปอย่างรวจเร็วเมื่อเห็นรถตำรวจหลายคันแล่นเข้าซอยมา

     

     

                    “นี่ไปแอบเล่นเกมส์อีกแล้วใช่ไหม  แม่บอกว่าไงฮะ...นี่ท่านรองก็โทรมาฟ้องใหญ่ “  วินหัวเราะร่วนและนึกถึงเกมส์ที่แม่เขาบอกว่าเด็กน้อยพึ่งไปเล่นมา

     

     

     

    ย่าๆๆๆ

     

    555

     

    หายไปโคตรนานเลย  ในความคิดของนักเขียน

     

    ต้องขออภัยมานะที่นี้ เนื่องจากปิดเทอมและสัญญาณเน็ตอยู่ไหนไม่รู้

    นักเขียนอยู่หลังเขา แต่เราก็พยายามอับ

    ถึงแม้จะไม่มีคนอ่าน

    5555555

     

    ไม่เป็นไรนักเขียนยังมีไฟครับพี่น้อง

     

    หลังจากตอนนี้  พระเอกตอนเด็กๆออกมาครบทุกคนแล้ว ต่อไปเราก็จะหักมุมนิยายอีกครั้ง

     

     โปรดติดตาม  ตอนต่อไป

     

    เพื่อต้อนรับท่านเข้าสู่โลกอันยิ่งใหญ่แห่ง

    เม็ตสไตรท์เวอลร์ ออนไลน์

    5555555555

     

    รอติดตามนะค้าบ

     

    By   ghost snow

     

     

     ................***
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×