คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : พิศวาสลวงบ่วงราคี - 8
อีบุ๊คพี่ไทม์กับหนูฝนมาแล้วจ้า ใครรอโหลดอยู่เชิญจิ้มเลยจ้า
หรือคลิกที่ภาพก็ได้นะคะ
พาฝนรีบกลับไปอาบน้ำที่ห้องตัวเอง คำแก้วรีบกลับไปรายงานคุณธาวันให้ทราบ
และคนที่มาถึงก่อนคือเวทิต ชายหนุ่มเข้าไปนั่งข้างบิดา
กวาดตามองชามข้าวต้มที่จัดเตรียมไว้เกินสองที่อย่างสงสัย
“พ่อรู้จักผู้หญิงคนนั้นเหรอครับ
ถึงได้อนุญาตให้เธอเข้าไปนอนในห้องผม”
“รู้จักสิ
รู้จักดีมากด้วย เธอเป็นลูกสาวของคุณนพสินที่พ่อใช้ให้ไทม์ตามหาไง”
“อะไรนะครับ!” เวทิตแทบไม่เชื่อหูตัวเอง “แล้วพ่อไปเจอเธอได้ไง
หรือว่าเธอมาสมัครงานพ่อถึงรู้”
“เปล่า
ไว้พ่อจะเล่าให้ฟัง หนูฝนมาแล้ว”
“ขอโทษนะคะคุณอาที่มาช้า” สมาชิกใหม่ของบ้านกล่าวอย่างรู้สึกผิด
ขณะทอดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามกับเวทิตอย่างเร่งรีบ
“ไม่เป็นไรลูก
เพิ่งแปดโมงครึ่งเอง อากาศยังหนาวอยู่เลย”
“ไม่หนาวหรือไงเรา” เวทิตกวาดตามองสาวสวยตรงหน้าอย่างสงสัย
หนาวจะตายยังใส่เสื้อแขนสั้นออกมานั่งข้างนอก
“ฝนไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าหนาๆ
มา ไม่คิดว่าที่นี่จะหนาวขนาดนี้”
“ไทม์
ลุกไปเอาเสื้อกันหนาวของน้องดามาให้หนูฝนหน่อยสิลูก”
“ไม่มีหรอกครับพ่อ
น้องดาเอาไปหมดเลย” บอกพลางถอดเสื้อแขนยาวของตัวเองออกมาส่งให้ “ใส่ของผมไปก่อนแล้วกัน
เดี๋ยวจะไปหาซื้อมาให้ใหม่ตอนเย็น”
คุณธาวันยิ้มชื่นใจที่ลูกชายมีน้ำอกน้ำใจกับลูกสาวคนเดียวของผู้มีพระคุณ
“หนูฝน
นี่ลูกชายคนเดียวของอา เจ้าไทม์”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณไทม์”
“ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการเช่นกันครับ
คุณหนูฝน”
พาฝนยิ้มแห้งๆ ไม่กล้าสบตาดูถูกนั้นนัก เขาคงไม่ชอบใจหล่อนเรื่องวันนั้น
พ่อของเขาคงเทิดทูลครอบครัวหล่อนเอาไว้มาก ทว่าการกระทำของหล่อนที่เขาพบเจอมันดันสวนทางกัน
เขาจึงตั้งแง่รังเกียจเต็มที่ไม่มีปิดบังกันเลย จากนั้นต่างคนต่างก็ลงมือทานอาหารกันเงียบๆ
จนอิ่ม
พาฝนเก็บถ้วยลงมาล้างกับคำแก้ว หล่อนอดที่จะถามอย่างสงสัยไม่ได้เรื่องสิงห์คำกับไทม์
“คำแก้วจ๊ะ
คุณไทม์กับคุณสิงห์คำคือคนคนเดียวกัน ถูกต้องไหม”
“ไม่ถูกต้องเจ้า
คุณไทม์คือลูกชายของพ่อเลี้ยงธาวัน ส่วนพี่สิงห์คำเป็นลูกแม่เอื้องคำ เป็นพี่ชายของคำแก้วเจ้า
ทำไมคุณฝนถึงเข้าใจว่าคุณไทม์คือพี่สิงห์คำเจ้า”
“อ้อ...
ฝนเคยเจอกับคุณไทม์น่ะ เขาเคยให้นามบัตรฝนไว้เผื่อจะมาสมัครงานที่นี่ แต่ชื่อในนามบัตรเป็นชื่อของพี่ชายคำแก้ว
ฝนก็เลยเข้าใจอย่างนั้น”
ตอนคุณอาธาวันแนะนำให้รู้จักกันก็บอกแค่ชื่อเล่น หล่อนเองไม่ได้รู้ประวัติคนในบ้านนี้เท่าไรจึงยังสงสัยอยู่อยากรู้ให้แน่ชัด
“อ้อ... เจ้า
คุณฝนล้างมือล้างไม้เถอะเจ้า นี่เก้าโมงครึ่งแล้วนะเจ้า”
คำแก้วเตือนเมื่อพาฝนต้องไปกรอกแบบฟอร์มสมัครงานกับทางไร่ให้ถูกต้องเพื่อสิทธิประโยชน์ต่างๆ
ของลูกจ้าง
ทั้งหมดเป็นความต้องการของพาฝนเองเพราะไม่อยากเป็นเด็กเส้นของคุณธาวัน
อยากทำตามขั้นตอนการเข้ามาเป็นลูกจ้างของไร่ศุภสินให้ถูกต้องเหมือนกับคนอื่น มีตำแหน่งหน้าที่การงานอย่างชอบธรรม
ไม่อยากให้ใครมาดูถูกความสามารถที่มี โดยเฉพาะลูกชายเจ้าของไร่ที่ตั้งแง่รังเกียจกันอย่างชัดเจน
พอพาฝนเดินออกมาพร้อมกับเอกสารสำหรับสมัครงานในซองสีน้ำตาล
เวทิตก็นั่งรออยู่ในรถแล้ว
“ขอโทษที่ทำให้รอค่ะ” หล่อนก้าวเข้ามานั่งพร้อมกับคำขอโทษ
ทว่าอีกฝ่ายกลับนิ่งแล้วขับรถออกไป
“จบอะไรมา”
ขับรถมาได้ครึ่งทางคนที่เอาแต่เงียบไม่ยอมตอบโต้ก็ถามขึ้นมาดื้อๆ หากแต่ดวงตาคู่คมกริบยังคงทอดมองทางข้างหน้า
มือใหญ่ทว่าเรียวยาวยังประคองพวงมาลัยขับต่อไปเรื่อยๆ
“การตลาดค่ะ
แต่ฝนทำได้ทุกอย่างนะคะไม่เกี่ยงงาน”
“ไม่ต้องออกตัวผมก็เชื่อว่าคุณทำได้ทุกอย่าง
แต่ที่นี่ไม่มีงานสบายๆ แบบนั้นรองรับคุณหรอกนะ คนงานที่นี่เงินเดือนน้อย มีแค่พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปวันๆ”
คนฟังเจ็บจี๊ดในอกพลางกระชับมือเรียวเข้าหากันเพื่อข่มมันเอาไว้
เรื่องนี้คงจะเป็นราคีคาวติดตัวหล่อนไปจนตาย และฝังตัวอยู่ในหัวใจกระด้างๆ
ของเขาไม่รู้ลืม หล่อนกลืนก้อนสะอึกลงคอแล้วเค้นเสียงตอบอย่างยากลำบาก
“ฝนก็ไม่ได้คิดจะมาขายตัวให้ใครที่นี่หรอกค่ะ”
“พูดแล้วก็จำคำของตัวเองไว้ด้วยล่ะ
อย่ามาทำให้ไร่ศุภสินต้องมัวมองทีหลังแล้วกัน ไม่อย่างนั้นผมจะจับคุณโยนออกไปไม่ปราณี
ผมไม่สนหรอกนะว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหน ถ้ามาอยู่ที่นี่ด้วยกัน กฎก็คือกฎ คุณไม่มีสิทธิ์ทำอะไรตามใจตัวเองเหมือนตอนก่อนมาอยู่ที่นี่”
“ค่ะ
ฝนจะจำให้ขึ้นใจ” หล่อนตอบน้ำตาคลอแล้วเบือนหน้าหนีไปมองนอกหน้าต่าง
อีกฝ่ายที่ไม่ได้คิดไยดี ยังคงทำหน้าที่ขับรถพาหล่อนไปยังจุดหมายปลายทางด้วยใบหน้านิ่งเรียบ
เขาไม่ได้อยากจะใจร้ายกับหล่อนนักหรอก แต่ถ้าไม่กำราบไว้แต่เนิ่นๆ หล่อนจะทำให้ไร่ศุภสินมัวหมองในภายหลัง
บิดาเทิดทูลหล่อนและครอบครัวเหลือเกิน หากทำผิดขึ้นมาเขาจะพูดจาลำบากเอาได้
เวทิตจอดรถหน้าออฟฟิศให้พาฝนลงไปสมัครงานกับสิงห์คำ ส่วนเขาขับรถยูทีวีคันสีดำคู่ใจเข้าไปดูงานในไร่ ทิ้งรถยนต์เจ็ดที่นั่งไว้หน้าออฟฟิศให้สิงห์คำพาหล่อนไปซื้อเสื้อผ้าในเมืองหลังจากกรอกใบสมัคร
ก่อนจะพามาเขาได้โทรจัดแจงเรื่องหล่อนกับสิงห์คำไว้ก่อนแล้ว แค่กรอกใบสมัครก็เข้าทำงานได้เลยไม่ต้องผ่านการสัมภาษณ์และให้ทำงานอยู่ฝ่ายการตลาดแทนน้องดาไปพลางๆ
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณสิงห์”
พาฝนยื่นใบสมัครและใบคำร้องต่างๆ สำหรับลูกจ้างคืนให้ผู้จัดการไร่มาดนิ่งที่นั่งทำงานรอไปพลางๆ
สิงห์คำนำเอกสารมาตรวจสอบความเรียบร้อยแล้วบอกให้รอครู่หนึ่งเดี๋ยวจะพาไปซื้อของใช้ในเมือง
“เอ่อ... ยังไม่ไปก็ได้ค่ะ
คือ... ฝนงบน้อย ไว้เงินเดือนออกค่อยไปดีกว่านะคะ”
พาฝนบอกอย่างเจียมตัว เงินที่ได้มาจากเสี่ยทรงพลในคืนนั้นไม่ถึงหมื่นบาท
ให้มารดาติดตัวไว้ใช้ส่วนหนึ่ง เอาติดตัวมาส่วนหนึ่ง ต้องใช้ไปจนกว่าเงินเดือนจะออก
ก็อีกเดือนกว่าๆ หล่อนต้องประหยัด
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ
คุณไทม์จะจ่ายให้ก่อน ไว้เงินเดือนออกค่อยหักทีหลัง” สิงห์คำบอกตามคำสั่งเจ้านายที่ฝากไว้คล้ายรู้ทันอีกฝ่าย
“อ๋อ... อย่างนั้นเหรอคะ”
“ครับ
ขอผมเคลียร์งานสักครู่แล้วเราไปกัน”
พาฝนนั่งรอผู้จัดการหนุ่มอยู่ครู่หนึ่งก็พากันไปเมืองด้วยรถคันเดียวกับที่นั่งมาเมื่อเช้า
หล่อนละสายตาจากบรรยากาศร่มรื่นข้างทางมาถามผู้จัดการหนุ่มอย่างสงสัย
“คุณเวทิตเขาดุมากไหมคะ”
ผู้จัดการหนุ่มหันมายิ้มให้แล้วถามอย่างขบขัน “โดนดุมาเหรอครับ”
“จะว่าดุก็ไม่เชิงหรอกค่ะ” ด่ามากกว่า
พาฝนต่อความในใจแล้วพูดเลี่ยงๆ
“เรียกว่าเตือนอย่างดุดันจะดีกว่า”
“คุณไทม์เป็นคนไม่ค่อยพูดครับ
แต่พูดออกมาทีก็พูดแรง เป็นคนเด็ดขาด คำไหนคำนั้น ชอบคือชอบ เกลียดคือเกลียด แต่อย่าทำให้เกลียดเชียวนะครับ
จ้องเวรกันจนวันตายทีเดียว”
พาฝนหน้าซีดเผือดเพราะเวทิตเกลียดหล่อนไปแล้ว คราวนี้คงโดนเขาจองเวรไปจนตาย...
ไม่นานก็พากันมาถึงที่หมาย ชายหนุ่มพาไปซื้อเสื้อผ้าที่ตลาดแห่งหนึ่งเป็นอันดับแรก
มีข้าวของมากมายก่ายกองให้หล่อนเลือกซื้อ สิงห์คำปล่อยให้เดินเลือกเสื้อผ้าตามใจชอบแล้วเดินตามหลังคอยถือของให้อย่างเงียบๆ
ด้วยความเกรงใจทั้งเขาและเจ้าของเงินจึงเลือกซื้อกางเกงขายาวกับเสื้อไหมพรมอย่างละสองตัว
รองเท้าผ้าใบสีดำหนึ่งคู่ สีขาวอีกหนึ่งคู่
“แค่นี้พอแล้วเหรอ
ไม่ซื้อเพิ่มอีกสักสองชุดล่ะครับ แดดช่วงนี้ไม่ค่อยมี ซักไม่ค่อยจะแห้ง”
“ไม่ดีกว่าค่ะเกรงใจตอนโดนหักเงินเดือน
ที่บ้านคุณอามีเครื่องซักผ้า ไว้ฝนขยันอบแห้งเอาดีกว่า”
สิงห์คำยิ้มอย่างเอ็นดู “อยากได้อะไรเพิ่มอีกไหม
พวกโลชั่น ครีมบำรุงผิวหน้า ยาสระผม ของใช้ผู้หญิง ผมจะได้พาไปซื้ออีกที่หนึ่ง”
“ไม่ค่ะ
ฝนมีมาครบเลย ขาดแค่เสื้อผ้ากันหนาวเท่านั้น”
เมื่อหญิงสาวไม่ต้องการอะไรเพิ่มเติม ทั้งสองก็พากันกลับไปยังไร่ศุภสิน
เวทิตสั่งให้เริ่มงานพรุ่งนี้ วันนี้จึงกลับไปอยู่ดูแลคุณอาธาวันจนมืดค่ำกับคำแก้ว
เวทิตก็กลับเข้าบ้านมาทันได้กินมื้อค่ำพร้อมหน้ากันอีกมื้อ
กินเสร็จสองพ่อลูกก็พากันไปคุยที่ห้องของคุณอาธาวัน หล่อนจึงแยกตัวไปอาบน้ำหลังจากช่วยคำแก้วล้างจานเสร็จแล้ว
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคะ
ดารารินทร์
ความคิดเห็น