คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : พิศวาสลวงบ่วงราคี - 5
อีบุ๊คพี่ไทม์กับหนูฝนมาแล้วจ้า ใครรอโหลดอยู่เชิญจิ้มเลยจ้า
หรือคลิกที่ภาพก็ได้นะคะ
เช้ามาพาฝนออกไปหางานทำอยู่หลายที่
แต่พอเห็นนามสกุลกมลเวชที่เพิ่งล้มละลายไปก็มีแต่คนปฏิเสธไม่รับเข้าทำงาน สาวน้อยเดินไปตามบาทวิถีของเมืองหลวงอย่างท้อแท้แต่ไม่ท้อถอย เชิดหน้าขึ้นสู้ด้วยการกลับมาตั้งหลักที่บ้านเช่าหลังเล็กพร้อมกับของกินและโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่
เมื่อคืนหล่อนกำแค่เงินปึกนั้นออกมาแต่ไม่ทันคว้ากระเป๋าสะพายมาด้วย
ไปสอบกับทางโรงแรมแล้วก็ได้กลับคืนมาแค่กระเป๋าเปล่าๆ
โทรศัพท์กับเงินไม่กี่ร้อยบาทไม่ได้คืนมาหรอก แม่บ้านที่ทำความสะอาดยืนยันว่าเก็บมาได้แค่นี้
หล่อนไม่อยากเอาเรื่องก็เลยยอมให้ทั้งที่รู้แก่ใจว่าถูกขโมยไป
พาฝนไม่เห็นแม่อยู่ในห้องเช่าเท่ารูหนูก็ตกใจ
วิ่งออกไปถามห้องข้างๆ ว่าเห็นท่านไหมก็ไม่มีใครเห็น
กลับมาถึงเห็นว่ามีจดหมายวางอยู่บนโต๊ะเตี้ยๆ ใกล้ประตูทางออกของบ้าน
บอกว่าท่านออกไปทำธุระอีกสองวันจะกลับมา แต่ไม่บอกว่าธุระที่ไหน
ความกังวลใจรุมเร้าให้หล่อนถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม
คิดไม่ออกเลยว่ามารดาจะไปที่ไหนได้…
พาฝนมองซิมการ์ดใหม่เอี่ยมในมือแล้วจัดการประกอบเข้ากับโทรศัพท์เครื่องใหม่
เลือกที่จะใช้เบอร์ใหม่เพราะอยากหนีไปจากทุกคน
รวมทั้งผู้ชายใจร้ายที่ทิ้งหล่อนไปทันทีที่ครอบครัวล้มละลาย
และจัดเก็บเบอร์โทรศัพท์ที่จำเป็นไว้ในตัวเครื่องเพียงเท่านั้น
รวมทั้งเบอร์ของผู้ชายห่ามๆ ทว่าจิตใจดีที่ช่วยเหลือเธอเมื่อคืน
‘ถ้าอยากมีงานทำที่ดีกว่านี้ก็โทรมา’
คนห่ามบอกอย่างนั้นก่อนจะยัดนามบัตรใส่มือให้
พาฝนกวาดมองตัวอักษรสีทองบนนามบัตรแล้วสะดุดตากับคำว่า ‘ไร่ศุภสิน’
“เหมือนเคยได้ยินมาก่อนเลย”
สาวน้อยพยายามนึก
แล้วถ้อยคำเลือนรางจากคำบอกของบิดาก็หวนกลับเข้ามาใจความทรงจำทีละนิดๆ
‘ถ้าไม่มีพ่อแล้วฝนกับแม่ลำบาก หนูไปที่ไร่ศุภสินนะลูก
บอกกับเจ้าของไร่ว่าหนูคือลูกสาวของพ่อ’
แล้วท่านก็ตัดสินใจหยิบปืนขึ้นมาจอขมับแล้วเหนี่ยวไก
นาทีนั้นหล่อนไม่ได้สนใจคำบอกของบิดาเพราะช็อกจนสติดับ
และวุ่นวายอยู่กับปัญหาครอบครัวหลังจากเผาศพบิดา จนวันนี้ผ่านมาสองเดือนแล้ว
หากเขาไม่ให้นามบัตรใบนี้มาหล่อนก็คงจะลืมสนิท
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกวาดมองรายละเอียดในนามบัตรอีกครั้ง
ก็รู้ว่าคนห่ามทว่าใจดีคนนั้นชื่อ...
“สิงห์คำ
เสาแก้ว ผู้จัดการไร่ศุภสิน เขาเป็นผู้จัดการไร่นี่เอง”
สาวน้อยอมยิ้มเมื่อนึกถึงหน้าหล่อเหลาและผิวขาวเหลืองแบบหนุ่มเมืองเหนือ
เขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหล่าเอาการมากคนหนึ่งเลยนะ การแต่งตัวก็เข้ายุคเข้าสมัย
ทว่าคงความเท่ไว้ในแบบของตัวเองได้เป็นอย่างดี
“หรือว่าฝนจะไปสมัครงานกับคุณดีนะ”
พาฝนมีความหวังขึ้นมา
งานอะไรก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้น
แต่ถ้าหากเขาเมตตาช่วยให้ได้ทำงานการตลาดที่ร่ำเรียนมาจะขอบพระคุณยิ่ง...
คุณเพียงฟ้านั่งรถสองแถวเข้ามาที่ไร่ศุภสินแล้วมองเงินทอนในมือที่เหลือเพียงไม่กี่บาท
จากเงินสองพันบาทที่ลูกสาวให้ไว้เมื่อเช้าก่อนออกไปหาทำงาน
เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็พบกับความสดที่ทำให้รู้สึกดีตรงหน้า
ไร่ศุภสินอุดมไปด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบและสวยงามจนไม่อาจละสายตา
วันนี้ท้องฟ้าสว่างใส เมฆสีขาวก้อนเล็กก้อนน้อยถูกลมพัดไปติดแต้มเต็มท้องฟ้า
คุณเพียงฟ้าสูดอากาศยามสายที่คงความสดชื่นไว้เป็นอย่างดีเข้าเต็มปอด
กลิ่นดินและกลิ่นป่าบนภูเขาช่างหอมละมุน
เคยฟังจากสามีเล่าก็ไม่คิดว่าจะสวยและกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้
เท้าขาวสะอาดภายใต้รองเท้าแตะแบบสวมก้าวเข้าไปหยุดยืนที่หน้าบ้านไม้สไตล์ยุโรปหลังมหึมา
กวาดตามองไปทั่วๆ ก่อนจะมีคนเดินออกมาถาม สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
“มาหาใครเจ้า”
คุณเพียงฟ้ายิ้มหวานแล้วบอกด้วยน้ำเสียงที่นุ่มละมุนตามแบบฉบับคนอ่อนหวาน
“มาหาคุณธาวันค่ะ
ไม่ทราบว่าอยู่หรือเปล่าคะ”
“จะให้เรียนว่าใครมาพบดีเจ้า”
คำแก้วถามอย่างเป็นมิตรแล้วยิ้มให้
“เรียนว่าเพียงฟ้า
ภรรยาของคุณนพสินมาขอพบค่ะ”
“เข้าไปนั่งรอสักครู่นะเจ้า
คำแก้วจะไปเรียนพ่อเลี้ยงให้” คำแก้วเดินนำเข้าไปที่ห้องรับแขกอันโอ่โถง
หาน้ำมาท่ามารับรองแล้วเดินขึ้นไปเรียนคุณธาวันให้ทราบ
คุณธาวันให้คำแก้วรีบพาลงมาด้วยความดีอกดีใจ
ในที่สุดก็ได้เจอกับภรรยาของผู้มีพระคุณเสียทีหลังจากให้ลูกชายตามหามาร่วมสองเดือน
คุณเพียงฟ้าค่อนข้างตกใจที่เห็นสภาพร่างกายของอีกฝ่ายที่เปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี
ไม่เจอกันสิบกว่าปีไม่คิดเลยว่าคุณธาวันจะตกอยู่ในสภาพนี้ได้ มองแล้วก็ใจหาย
เริ่มเกรงใจขึ้นมากับสิ่งที่จะมาขอร้องกันในวันนี้
“คุณผู้หญิงใช่ไหมครับ”
คุณธาวันถามอย่างนอบน้อม จะยกมือขึ้นไหว้แต่คุณเพียงฟ้าห้ามไว้
“ฟ้าไม่มีเกียรติขนาดนั้น
อย่าถึงกับไหว้ฟ้าเลยค่ะ” ตอนนี้ก็ไม่เหลือเกียรติให้อีกฝ่ายนับถืออีกแล้ว
“ครอบครัวของคุณผู้หญิงมีเกียรติเสมอสำหรับครอบครัวของผม
นี่มาคนเดียวหรือครับ ไม่เอาคุณหนูมาด้วยละครับ” ไม่เห็นคุณหนูมาสิบกว่าปีคงจะโตขึ้นมาก
และคงจะสวยมากเหมือนแม่
“ฟ้ามาคนเดียวค่ะ
มาประเดี๋ยวเดียวพรุ่งนี้ก็จะกลับแล้ว”
คุณธาวันหน้าม่อยเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าจะกลับ
“ทำไมไม่มาอยู่ด้วยกันเสียทีนี่ล่ะครับ
ผมยินดีอย่างยิ่งที่จะดูแลคุณผู้หญิงกับคุณหนูต่อจากคุณท่าน
อย่ากลับไปเลยถ้าลำบากอยู่”
คุณเพียงฟ้าน้ำตาคลอด้วยความตื้นตัน
เห็นจะมีแค่คนตรงหน้าเท่านั้นที่ไม่รังเกียจเราสองแม่ลูก
หนำซ้ำยังยกย่องให้เกียรติอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
“ฟ้าแค่เอาจดหมายของคุณนพสินที่เขียนถึงคุณมาให้
แล้วก็จะมาฝากยายฝนให้ทำงานที่นี่ ไม่รบกวนมากไปกว่านี้ค่ะ แค่นี้ก็เกรงใจแล้ว”
คุณธาวันมองจดหมายที่อีกฝ่ายยื่นมาให้
ครู่หนึ่งก็รับมาเปิดอ่านก่อนจะเก็บเข้าซองดังเดิม ไม่แสดงทีท่าใดๆ
ให้อีกฝ่ายต้องกังวลใจ
“ฟ้าไปเจอมันอยู่ในลิ้นชักทำงานของคุณนพสิน
คิดว่าคงตั้งใจส่งให้คุณ แต่ไม่ทันจะส่งก็มาเสียชีวิตเสียก่อน ตอนแรกตัดสินใจอยู่นานว่าจะเอามาให้ดีไหม
แต่พอเห็นลูกลำบากหนักเข้าก็นึกถึงคุณขึ้นมา ฟ้าอยากให้คุณธาวันช่วยเมตตารับยายฝนเข้ามาทำงานอยู่ที่นี่
ก็เลยถือจดหมายมาให้ด้วยเลย แต่ฟ้ายังไม่ได้เปิดอ่านนะคะ”
ตื่นเช้ามาเห็นรอยช้ำตามตัวของลูกก็รู้ทันทีว่าโดนทำร้ายมา หากปล่อยไว้อย่างนั้นโดยไม่ช่วยเหลือหรือหาทางออกที่ดีให้ เกรงว่าจะเกิดอันตรายที่น่ากลัวกว่า หากลูกเป็นอะไรไปอีกคนท่านก็ทนอยู่บนโลกนี้ไม่ได้เหมือนกันจึงตัดสินใจบากหน้ามาหาคุณธาวัน ลูกน้องคนสนิทซึ่งเคยทำงานเป็นมือขวาของสามีก่อนจะลาออกมาทำไร่กับภรรยาชาวเหนือที่นี่ ลูกน้องคนเดียวที่ครั้งหนึ่งสามีเอ็นดูให้ความช่วยเหลืออย่างดีก่อนจะห่างเหินกันไปเพราะต่างคนต่างทำมาหากิน
ซึ่งเวลานี้ล่วงเลยมาสิบสองปีแล้ว...
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคะ
ดารารินทร์
ความคิดเห็น