คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : พิศวาสลวงบ่วงราคี - 14
อีบุ๊คพี่ไทม์กับหนูฝนมาแล้วจ้า ใครรอโหลดอยู่เชิญจิ้มเลยจ้า
หรือคลิกที่ภาพก็ได้นะคะ
4
เวลาเยียบย่างเข้ายามเย็น
ทุกคนพร้อมหน้ากันที่โต๊ะไม้ขนาดกะทัดรัดหลังห้องคุณธาวันยกเว้นพาฝน
เวทิตทิ้งตัวลงนั่งแล้วถามหาหล่อนกับคำแก้ว
“พาฝนล่ะ”
“ปกติจะออกมาช่วยคำแก้วทำอาหารแล้ว แต่นี่ยังไม่เห็นออกมาเลยเจ้า”
“เจ็บขาจนเดินไม่ได้หรือเปล่า ไทม์ไปดูน้องหน่อยไป”
“คงจะหลับอยู่ถึงไม่ออกมา เรากินกันก่อนดีกว่าครับค่อยไปดู”
เวทิตจับช้อนใส่มือให้บิดาตักข้าวที่หุงอ่อนเป็นพิเศษขึ้นมากิน
สังเกตดูอาการด้วยความเป็นห่วงเป็นใยเสมอ
เมื่อบิดาเคี้ยวได้ปกติไม่สำลักอาหารอย่างที่กลัวก็เริ่มกินบ้าง
หลังจากกินมื้อค่ำเสร็จชายหนุ่มก็ดูแลบิดาต่อ
จนท่านอาบน้ำอาบท่าเสร็จก็พามานอนบนเตียง ส่งหนังสือเล่มบางๆ ให้ท่านถือไว้
“น้องดาโทรมาบ้างหรือเปล่า”
“ยังเลยครับ คงจะยุ่งอยู่”
ที่ปล่อยให้เงียบไปไม่โทรตามเหมือนก่อนเพราะความรู้สึกผิดที่ติดอยู่ในใจ
ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้บุณฑราไม่รับรู้อะไรไปจนกว่าจะเรียนจบกลับมา
และคิดว่าจะทำแบบนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้หล่อนได้รับความบอบช้ำทางใจ
“เห็นหนังสือแล้วคิดถึงน้องดา ตกค่ำก็มานั่งอ่านหนังสือให้พ่อฟังแล้ว” ท่านหยุดพูดหยั่งเชิงเพื่อสังเกตอาการลูกชาย
แล้วถามตรงๆ เมื่ออีกฝ่ายไม่แสดงทีท่าใดๆ “ไทม์จะบอกน้องดาหรือเปล่าเรื่องหนูฝน”
พยายามถามลูกอย่างนุ่มนวลไม่อยากหักหาญน้ำใจจนเกินไป
“ไม่ครับ เอาไว้น้องดากลับมาค่อยอธิบายให้ฟังจะดีกว่า”
เวทิตเลือกที่จะบอกเพียงเท่านี้เพื่อรักษาความรู้สึกของบิดาเอาไว้
ไม่อยากพูดให้ท่านต้องรู้สึกผิด
หากจะพูดว่าไม่อยากให้น้องดาต้องเสียใจหากรู้ว่าเขาแต่งงานไปกับพาฝน
ก็จะกลายเป็นบิดาคือต้นเหตุของความเสียใจนั้นทันที
ท่านจะคิดเครียดจนอาการทรุดหนักเปล่าๆ
“เดี๋ยวคำแก้วคงมา ผมขอไปดูคนเจ็บก่อนนะครับ”
ชั่วครู่หลังจากห่มผ้าให้บิดา
เวทิตก็ก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่ในห้องนอนตัวเอง
ร่างระหงนอนตะแคงคุดคู้อยู่บนเตียงก่อนจะหันมามองทางเขา
พาฝนรีบหยัดตัวขึ้นมานั่งก่อนเขาจะเดินมาถึงตัว
กระถดไปจนชิดขอบเตียงมองเขาราวกับปีศาจร้าย
“ทำไมไม่ออกไปกินข้าว”
“ก็คุณไทม์สั่งไม่ให้ฝนออกไป ฝนจะไปได้ไง”
เวทิตจ้องปากอิ่มที่ขับเถียงฉอดๆ
อย่างครุ่นคิด ‘นี่หล่อนซื่อจนเซ่อ
หรือกำลังประชดประชันเขาอยู่กันแน่’
“งั้นก็ออกไปกินได้แล้ว อย่าลืมกินยาก่อนอาหารและหลังอาหารด้วย
พรุ่งนี้วันจันทร์… เธอต้องไปทำงาน”
พาฝนใจหายวาบคิดว่าเขาจะพูดเรื่องจดทะเบียนสมรส
ตอนนี้หล่อนทั้งกลัวทั้งตื่นเต้นแปลกๆ เมื่อคิดถึงมัน แล้วถามอย่างคนซื่อ
“กินข้าวเสร็จแล้วฝนกลับไปที่ห้องได้เลยหรือเปล่า”
“หรือจะนอนกับฉันล่ะ”
พาฝนส่ายหน้าดิกแก้มร้อนผ่าวเมื่อสัมผัสของเขาพุ่งเข้ามาชนหัวใจ
หล่อนลุกขึ้นมายืนแล้วเซลงไปนั่งเหมือนเดิมเพราะตึงแผลจนเดินไม่ได้
อากาศที่เย็นจัดทำให้แผลยิ่งตึงยิ่งปวด
“นี่อ่อยให้ฉันอุ้ม หรือว่าเจ็บจริงๆ”
“ฝนตึงแผล ปวดมากด้วย ไม่ได้จะอ่อยเลยสักหน่อย”
เขาทำเสียงฮึในลำคอแล้วช้อนคนเจ้ามารยาขึ้นอุ้ม
กระตุ้มให้เข้าที่เข้าทางพาลงกินไปข้าวในครัว พอวางหล่อนลงบนเก้าอี้ก็ตรงไปตักข้าวใส่จานมาวางให้
“เยอะขนาดนี้ฝนกินไม่หมดหรอกค่ะ เอาออกอีกหน่อยได้ไหมคะ”
“ฉันไม่ใช่คนรับใช้ กินๆ ไปอย่าเรื่องมาก” บอกเสียงขุ่นๆ พลางเปิดฝาชีครอบกับข้าวออกให้
ทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามรอจนหล่อนกินอิ่ม
พาฝนจำต้องก้มหน้ากินข้าวพูนจานอย่างไม่กล้าขัดใจ
แค่นี้ก็ทำเขาลำบากมากแล้ว
แต่กระเพาะหล่อนเล็กนิดเดียวจึงกินไปสองส่วนสี่ของจาน
“กินแค่นี้จะมีแรงทำงานได้ไง กินอีก”
“ฝนเคยกินแค่นี้ ถ้าตะบันกินเข้าไปอีกท้องคงแตกตาย”
แค่นี้ก็แน่นท้องจนกางเกงคับแล้ว ขืนยัดเข้าไปอีกซิปคงแตก
เมื่อคนตัวบางยืนยันว่าไม่กิน
หนุ่มรับใช้จำเป็นก็เก็บจานไปล้างให้แล้วอุ้มกลับขึ้นห้อง
“นี่ไม่ใช่ห้องฝนค่ะ” หล่อนแกล้งเตือนเมื่อเขาพามาวางลงบนเตียงตัวเดิม
“ต่อไปมันคือห้องเธอ ตั้งแต่พรุ่งนี้เธอต้องนอนห้องเดียวกับฉัน
วันนี้อยากได้อะไรก็บอกมาจะเดินไปเอาให้ก่อน”
“ฝนไปเอาเองก็ได้ไม่เป็นไร” นอกจากชุดนอน
หล่อนไม่กล้าจะใช้ให้เขาเอาชุดชั้นในติดมือมาให้หรอก
“ขี้เกียจอุ้ม นั่งอยู่นี่แหละจะไปเอาให้”
เจ้าของห้องเดินฉิวออกไปครู่หนึ่งก็กลับเข้ามาพร้อมผ้าขนหนูและชุดนอนของหล่อน
พออีกฝ่ายส่งข้าวของมาให้ก็แหวกหาชั้นในตัวจิ๋ว
คิดว่าเขาจะอุตริหยิบมาให้แต่กลับไม่มี
“ไม่ได้เอามาให้หรอก คิดว่าคงไม่ต้องใส่”
พาฝนหน้าร้อนผ่าว
หลบสายตาซ่อนเจ้าชู้ลงสู่พื้น พูดติดๆ ขัดๆ “ฝนไม่เคยไม่ใส่... เออ... มันตอนนอน
ฝนจะเอาไปเองค่ะ”
“เดินไปห้องน้ำให้ได้ก่อนไหม”
เมื่ออีกฝ่ายท้าทายด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยมา
หล่อนก็ยันตัวช้าๆ ขึ้นมายืน ตั้งตัวอยู่ประเดี๋ยวเดียวก็ลองก้าวเดิน
ทันใดนั้นความรู้สึกเจ็บร้าวก็เล่นงานไปทั้งขา เหมือนแผลใกล้จะปริแตกเต็มที
ฟันเรียงเป็นระเบียบกดเข้าหากัน
ใบหน้าเหยเกยามฝืนตัวเองลากขาข้างเจ็บไปข้างหน้า
อาการของหล่อนดูน่าสมเพชจนคนตัวโตทำเสียงเยาะเย้ยในลำคอ
“คุณไทม์! จะทำอะไรคะ”
เมื่อร่างระหงลอยละลิ่วขึ้นสู่อ้อมแขนแข็งแรงหล่อนก็ท้วงเสียงแตกตื่น
มองหน้าใบหล่อเหลานิ่งเย็นตาโต นิ่งค้างอยู่อย่างนั้นชั่วขณะ
พาฝนเพิ่งสังเกตว่าผิวหน้าเวทิตละเอียดกว่าผู้ชายคนอื่น
แต่กระนั้นก็ไม่เนียนเรียบเท่ากับผิวหน้าในวัยยี่สิบสองของหล่อน
ริมฝีปากหยักสวยเป็นสีแดงระเรื่อตัดกับผิวขาวคล้ายหนุ่มเจ้าสำอาง
นัยน์ตาสีนิลคมวาวดูมีอำนาจทำให้หล่อนเกรงกลัวทุกครั้งยามจ้องมาอย่างดุดัน
คิ้วเข้มหนากว่าคิ้วหล่อนพาดเฉียงอยู่เหนือดวงตาคู่คมส่งผลให้ดวงหน้าหล่อเหลาดูมาดแมนสมชายชาตรี
พาฝนรีบพาดวงหน้าหวานหยดเคลื่อนต่ำลงมาหยุดมองที่อกแกร่งเพราะใจเต้นแรง
เนื้อตัวชาหนึบหนับและสั่นพร่าจนคิดสงสารในความประหม่าของตัวเอง
มือเรียวเลื่อนขึ้นไปเกาะที่ไหล่แกร่งแน่นไปด้วยมัดกล้ามเมื่อเขากระตุ้มร่างบางให้เข้าที่เข้าทาง
พาเดินไปส่งถึงในห้องน้ำและใช้คำถามที่ทำให้หล่อนหน้าแดงก่ำขึ้น
“ต้องถอดเสื้อผ้าให้ด้วยไหม”
“หากคุณไทม์ลำบากใจที่จะดูแลฝน ก็ให้คำแก้วมา…”
“คำแก้วต้องดูพ่อ หรือจะให้ฉันไปดูพ่อเพื่อให้คำแก้วมารับใช้เธอล่ะ”
“ค่ะ” นันย์ตาสีนิลวาววับดุดันขึ้น พาฝนต้องรีบแก้ “ฝนหมายถึง ไม่เป็นไรค่ะ
ฝนจะทำให้ตัวเองไม่ต้องเป็นภาระใครอีก”
“หากเธอไม่รีบรนออกไปล่าเหยื่ออย่างเมื่อเช้า ก็คงไม่ต้องมาเป็นภาระใครๆ
อยู่อย่างนี้หรอก”
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคะ
ดารารินทร์
ความคิดเห็น