คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : พิศวาสลวงบ่วงราคี - 12
อีบุ๊คพี่ไทม์กับหนูฝนมาแล้วจ้า ใครรอโหลดอยู่เชิญจิ้มเลยจ้า
หรือคลิกที่ภาพก็ได้นะคะ
พาฝนไปทำงานอีกวันก็ได้หยุดพักผ่อนในวันอาทิตย์
หลังจากกินมื้อเช้าหญิงสาวรีบออกปากขอยืมจักรยานคำแก้วไปปั่นโต้ลมหนาว
ขณะที่เวทิตเข้าไปดูภาพยนตร์อยู่ในห้องโฮมเธียเตอร์ชั้นใต้ดินกับบิดา
เมื่อวานทั้งวันเขาเอาแต่เย็นชาใส่
แม้ว่าจะพยายามง้องอนด้วยการชวนคุยขณะนั่งรถไปทำงานด้วยกันแล้วก็ตาม
พาฝนปั่นจักรยานฝ่าความเย็นไปตามทางดินที่ถูกล้อรถบดจนแน่นไปเรื่อยๆ
หล่อนเห็นสิงห์คำกำลังขี่ม้าอยู่ในทุ่งหญ้าเขียวขจีมีหยาดน้ำเกาะพราว
สะท้อนระยิบระยับเพราะต้องแสงแดดอ่อนที่โรยตัวลงมาปกคลุมจึงเลี้ยวจักรยานลงจากทางดินไปหา
อยากจะขี่ม้าบ้าง แต่ดันชนหินก้อนโตจนเสียหลักร่างระหงพุ่งไปคนละทางกับจักรยาน
เสียงกรีดร้องดังลั่นก่อนร่างระหงจะตกลงมากระแทกพื้น
สิงห์คำมองมาอย่างแตกตื่นพลางควบม้าตัวโปรดเข้ามาดูอย่างไว
“คุณฝนเป็นไงบ้าง เจ็บตรงครับ” ขณะที่ถามอย่างตกอกตกใจ
สิงค์คำได้ลงจากหลังม้ามาพยุงคนเจ็บขึ้นจากพื้นแล้ว
พาฝนเจ็บจุกจนพูดไม่ออก
ได้แต่โบกมือไปมาบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร ทว่าพอก้มลงมองเข่าที่รู้สึกเจ็บก็เห็นเลือดไหลซึมออกมาจากกางเกงยีนส์ผ้ายืดสีครีมมากมาย
“เดินไหวไม่ครับ” ไม่ทันที่พาฝนจะตอบ สิงห์คำก็อุ้มขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
“ทำไมถึงปั่นลงมาทางนี้ ไม่ปั่นเลยไปลงตรงโน่นละครับคุณ”
“ฝนกลัวจะตามคุณสิงห์ไม่ทัน เห็นทางไม่ชันมากเลยลัดลงมา”
“ทางนี้มีแต่หินเต็มไปหมด คราวหน้าอย่าลงมาอีกนะครับ”
สิงห์คำดุด้วยความเป็นห่วงคนตัวบาง
ดีเท่าไรที่หัวไม่แตกแขนไม่หักไปด้วย
จากนั้นรีบพาไปขึ้นหลังม้าแล้วกระโดดขึ้นไปนั่งซ้อนหลัง
พาฝนสะดุ้งยามแผ่นอกแน่นหนั่นเบียดชิดแผ่นหลังบอบบาง ลมหายใจอบอุ่นๆ
เป่ารดข้างแก้มนุ่มในระยะประชิด
“เอาผ้าเช็ดหน้ากดปากแผลไว้นะครับเลือดจะได้หยุดไหล”
สิงห์คำยื่นผ้าเช็ดหน้าให้แล้วบังคับม้าสีหมอกตัวโปรดไปยังบ้านไม้หลังมหึมา
พาฝนเอาผ้ากดปิดปากแผลไว้อย่างที่ผู้จัดการหนุ่มบอกจนถึงบ้าน
คำแก้ววิ่งออกมาดูเพราะกำลังทำความสะอาดอยู่ที่ชั้นล่าง เห็นกางเกงพาฝนเข่าขาดมีเลือดซึมออกมาก็ตกใจ
สาวใช้วัยไล่เลี่ยกันปรี่เข้ามาประคองพลางถามพี่ชายว่าพาไปทำอะไรมาถึงได้เจ็บตัวแบบนี้
“ฝนขี่จักรยานลมเองคำแก้ว คุณสิงห์เขาไม่ได้ทำอะไรหรอก”
หล่อนรีบแก้ตัวให้สิงห์คำแล้วก้มต่ำลงเพื่อดูบาดแผลที่เปิดกว้าง
คำแก้วก้มลงไปดูด้วยอีกคนก่อนจะเงยหน้ามาบอกพี่ชาย
“พาไปหาหมอเถอะพี่สิงห์ แผลลึกขนาดนี้ไม่รู้กระดูกแตกด้วยหรือเปล่า”
คนเจ็บเงยหน้าเหยเกขึ้นมามอง
ไม่อยากไปหาหมอเพราะกลัว “น่าจะไม่เป็นอะไรมากหรอกคำแก้ว
ฝนว่าทำแผลเองก็ได้” แม้จะเจ็บแค่ไหนก็ไม่ลืมว่าเงินในกระเป๋านั้นเหลือน้อยนิด อะไรที่ไม่จำเป็นและประหยัดได้ก็ประหยัดทันที
“ไปเถอะครับ ผมเห็นเลือดติดอยู่ที่ก้อนกิน เข่าคุณฝนน่าจะกระแทกหิน ไปครับ…
ไปหาหมอกัน” สิงห์คำตวัดร่างระหงขึ้นอุ้มอีกครั้ง
คำแก้วก็ถอยหลังไปยืนอมยิ้มอยู่คนเดียว
พาฝนทั้งสวยทั้งน่ารัก
พี่สิงห์ของคำแก้วก็หล่อใช่เล่น เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก
แต่แล้วความคิดสมสุขทุกอย่างก็ดับพึ่บลงเมื่อเสียงอันทรงอำนาจดังก้องขึ้น
“จะอุ้มกันไปไหนสิงห์”
“ไปหาหมอครับคุณไทม์”
เวทิตเดินมาดูด้วยสีหน้านิ่งเย็นไม่แสดงทีท่าตกใจหรือห่วงใยแม้แต่น้อย
พอเห็นบาดแผลที่เข่าคนตัวเล็กก็สั่งให้ส่งหล่อนมา... เขาจะจัดการเอง
พาฝนกำสาบเสื้อสิงห์คำไว้มั่นไม่ยอมให้เวทิตอุ้มเพราะกลัวบางคำพูดจากชายหนุ่ม
สิงห์คำรับรู้เช่นกันว่าหล่อนกลัวจึงอาสาพาไปเอง
แต่กลับถูกมองข่มขู่จึงรีบส่งร่างระหงไปสู้อ้อมกอดของผู้เป็นนายอย่างไว
เวทิตรีบพาไปที่รถยนต์คันเดิมที่ขับไปทำงานทุกวัน
ทว่าพออยู่กันสองคนเท่านั้นสิ่งที่หล่อนกลัวก็เกิดขึ้น
“ที่ปฏิเสธไม่ไปดูหนังกับพ่อกับฉัน เพราะรีบไปอ่อยไอ้สิงห์นี่เอง” หันมามองเพื่อย้ำด้วยสีหน้ากรุ่นโกรธแล้วหันกลับไปมองทาง
พูดย้ำดังๆ หวังให้หล่อนจำให้ขึ้นใจ “เธอเซ็นสัญญาไปแล้วนะอย่าลืม อย่าเที่ยวไปอ่อยผู้ชายไม่เลือกหน้าอีก”
“แต่เรายังไม่จดทะเบียนสมรสกันนี่คะ”
เถียงได้เพียงเท่านั้นก็ถูกมือใหญ่ทรงพลังกระชากแขนเอาไปบีบจนเจ็บร้าว
แขนหล่อนเท่ากำมือของเขาเองจะลงแรงบีบเคล้นทำไมนักหนา
กะจะให้มันหักคามือเลยหรืออย่างไร!
“ยังไม่จดทะเบียนแล้วไง”
พาฝนเหลืออดเชิดหน้าขึ้นเถียงเขาฉอดๆ
“ก็ถือว่าสัญญายังไม่เริ่ม คุณไทม์ยังไม่มีสิทธิ์ในตัวฝน
ไม่มีสิทธิ์มาว่าฝนแบบนี้… อื้อ… คะ… คุณ…” หล่อนผละหน้าหนี
ค้านอู้อี้เมื่ออีกฝ่ายเลื่อนมือมาล็อกกรอบคางเรียวสวยไว้มั่นทำให้เถียงไม่ได้
เวทิตมองเรียวปากอิ่มสวยเคลือบด้วยลิปมันกลิ่นเชอรี่ก็อยากจะขยี้ให้เถียงไม่ออก
แต่ก็เลือกที่จะไม่ทำแล้วปล่อยมือออกมาประคองพวงมาลัย
แก้มขาวใสแดงเป็นปื้นขึ้นมาทันตา
พาฝนยกมือเรียวเล็กขึ้นมาลูบคลำประทังความเจ็บน้ำตาคลอ
หล่อนเบือนหน้าออกไปมองข้างทาง มีแสงแดดจางๆ
ส่องลอดต้นพญาเสือโคร่งลงมาทำให้มองเห็นหมอกยามเช้าชัดขึ้น
ที่ปัดน้ำฝนหน้ารถเวทิตจำต้องทำงานหนักตลอดเส้นทางเพราะมัน
ไม่มีรถคันไหนขับสวนเข้ามาเพราะเป็นวันหยุดของไร่ศุภสิน
เช่นเดียวกับเขาและหล่อนที่ไร้คำพูดต่อกันไปจนถึงจุดหมายปลายทาง
เวทิตเดินวนรถมาอุ้มคนเจ็บลงไปหาหมอในคลินิกแห่งหนึ่งซึ่งยังไม่เปิดทำการ
ทว่าเพียงไม่นานประตูก็เปิดออกเมื่อเขากดออดถี่ๆ
หมอหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขาลงมาในสภาพชุดนอนปอนๆ
มีเสื้อคลุมผ้าฝ้ายสีขาวขุ่นยาวแค่เข่าทับอีกชั้น ผมเผ้ายุ่งเหยิงคงไม่ทันจะหวี
ตาตี่ๆ หยีมองมาอย่างหงุดหงิด
“นึกแล้วว่าต้องเป็นแก” หมออนุรักษ์ว่าให้อย่างรู้กัน ถ้ากดออดถี่ๆ
แทบพังต้องเป็นเวทิตแน่นอน
“เย็บแผลให้แม่คนซุ่มซ่ามที”
พาฝนหน้ามุ่ยเมื่อโดนกล่าวหาดื้อๆ
ก็ไม่ได้ซุ่มซ่ามสักหน่อย แค่รู้น้อยเท่านั้นเอง แต่คนห่ามแถมปากจัดหาได้สนใจ
รีบพาหล่อนไปวางบนเตียงทันที
“ไปโดนอะไรมาครับ”
“จักรยานล้มค่ะ เข่าน่าจะกระแทกหิน” บอกไปตามที่สิงห์คำเห็น
แล้วทำหน้าเหยเกเมื่อหมอหนุ่มเปิดปากแผลดูว่าควรรักษาอย่างไร
“เจ็บหน่อยนะครับ หมอต้องล้างแผลให้สะอาด เอาเศษดินทรายออกก่อนถึงจะเย็บแผลได้”
พาฝนเงยหน้าไปมองร่างสูงที่ยืนอิงประตูด้วยความกลัว
“ทนหน่อย เจ็บนิดเดียวก็เสร็จแล้ว” เขาเดินเข้ามาปลอบอย่างเห็นใจเพราะน้ำตาหล่อนเริ่มไหลคลอ
หน้าซีด ตัวสั่นสะท้าน แถมมือเรียวยังกำขอบเตียงแน่น
“นอนลงไปนะครับไม่ต้องกลัว”
หมออนุรักษ์พยายามปลอบประโลมเมื่อเห็นคนไข้คนสวยกลัวจนตัวบางๆ สั่นสะท้านไปหมด
พาฝนคว้ามือเวทิตมากุมแล้วอ้อนเสียงเครือ
“บอกหมอให้หน่อยสิคะ แค่ทำแผลก็พอ”
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคะ
ดารารินทร์
ความคิดเห็น