คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : พิศวาสลวงบ่วงราคี - 11
อีบุ๊คพี่ไทม์กับหนูฝนมาแล้วจ้า ใครรอโหลดอยู่เชิญจิ้มเลยจ้า
หรือคลิกที่ภาพก็ได้นะคะ
3
หลังอาหารมื้อค่ำพาฝนขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ด้วยชุดนอนผ้านิ่มลายดอกไม้สีส้มเขียว
ตัดกับผิวขาวใสแล้วยิ่งส่งผลให้ดูอ่อนเยาว์ ก่อนจะเดินลงไปยังห้องที่เวทิตนัดแนะ
สาวน้อยยืนทำใจอยู่ชั่วครู่ก่อนผลักประตูบานใหญ่เข้าไปในห้องโฮมเธียเตอร์
มันมีขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยโทนสีดำแดง พาฝนกวาดตามองคร่าวๆ
ผนังสีดำตัดเฟอร์นิเจอร์สีแดงเพิ่มความสว่างทำให้ห้องดูโมเดิร์นขึ้น ราวกับอยู่ในโรงหนังหรูหรา
เวทิตนั่งดูภาพยนตร์บู้แอคชั่นรออย่างเงียบๆ
หล่อนรีบก้าวเข้าไปนั่งที่เบาะกำมะหยี่สีแดงไม่ใกล้กัน ครู่เดียวไฟก็สว่างวาบขึ้น ภาพยนตร์ที่กำลังฉายบนจอทีวีใหญ่ยักษ์ดับพึ่บลงไป
ชายหนุ่มวางรีโมทคอนโทรลในมือหันมาหยิบซองเอกสารข้างตัวส่งให้หล่อน
“อ่านแล้วก็เซ็นซะ”
พาฝนรับมาเปิดอ่านละเอียดทุกบรรทัด
เป็นข้อความที่เขาเคยพูดกับหล่อนเมื่อตอนกลางวัน เสริมขึ้นมาอีกสองข้อก็คือ หากหล่อนท้องไม่ว่าจะกับใครก็ตาม
สัญญาทั้งหมดถือเป็นโมฆะ สิ่งเดียวที่จะได้หากผิดสัญญาคือเงินสิบล้านบาท เท่าที่ครอบครัวเขาได้รับความช่วยเหลือจากบิดาเป็นอันจบสิ้นกันไป
หล่อนไม่มีสิทธิ์เรียกร้องใดๆ นอกเหนือจากนี้
ข้อที่สอง…
หากหล่อนต้องการหย่าก่อนกำหนดที่ตกลงกันไว้
เขาจะแถมเงินให้อีกสองเท่าของสินสมรสหลังจดทะเบียน แต่หากหล่อนกระทำการคบชู้สู่ชายแล้วหลอกกินเงินเข้าไปวันๆ
ระหว่างจดทะเบียนสมรสอยู่กินด้วยกัน หล่อนต้องออกไปจากไร่ศุภสินแต่ตัว
ถือว่าสัญญาทั้งหมดเป็นโมฆะ
“ฝนไม่เอาอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะทะเบียนสมรสหรือเงินสิบล้านบาทที่คุณพ่อเคยช่วยเหลือคุณอา
ฝนขอแค่ทำงานที่นี่ในฐานะลูกจ้างจนกว่าจะตั้งตัวได้ แล้วฝนจะไปจากไร่ศุภสินทันที”
“เธอทำแบบนั้นได้แน่พาฝน หากพ่อฉันไม่เห็นจดหมายพ่อเธอเสียก่อน พ่อฉันเป็นคนซื่อสัตย์และรักษาคำสัญญายิ่งกว่าชีวิตตัวเอง
โดยเฉพาะกับพ่อเธอที่ช่วยชุบชีวิตให้ยัดยืนขึ้นมาได้อีกครั้ง และสัญญาที่พ่อเธอทวงมามันไม่ใช่เงินที่เคยให้มาด้วยความเมตตา
แต่เป็นฉันที่ต้องดูแลชีวิตเธอไปทั้งชีวิต หากพ่อฉันทำตามสัญญาไม่ได้ ท่านก็จะทุกข์
จะเครียด และอาจจะตรอมใจจนตายเพราะผิดสัญญา ฉันถึงต้องทำแบบนี้ไงเพื่อรักษาชีวิตพ่อฉันไว้”
พาฝนกระจ่างใจมากขึ้นถึงเหตุผลที่เขาเอาแต่สั่ง
ก้มหน้านิ่งอย่างรู้สึกผิดที่กลายมาเป็นตัวปัญหาแทนจะอยู่กันอย่างเป็นมิตร แต่ก็ไม่อาจโทษบิดาได้เหมือนกันที่เรียกร้องมาแบบนั้น
ท่านคงเป็นห่วงกลัวไม่มีใครดูแลชีวิตลูกสาวที่กำลังย่ำแย่จึงตัดสินใจทวงสัญญาเป็นการแต่งงานแทนเงิน
คงรู้ว่าหากสิ้นเนื้อประดาตัวหล่อนและแม่จะไร้ญาติ และมันก็จริงๆ
นัยน์ตาหม่นเศร้ากวาดมองสัญญาในมืออีกครั้งก็ถามขึ้น
“และการที่เราแต่งงานอยู่กินด้วยกันเพียงสองปีแล้วหย่าขาด มันจะทำให้คุณอารู้สึกดีอย่างนั้นหรือคะ”
“พ่อฉันอยู่ได้อีกไม่นาน อาจจะไม่ถึงสองปีด้วยซ้ำ การที่เราต้องอยู่ร่วมทุกข์กันเพียงสองปีจึงไม่ใช่ปัญหา
หากเธอไม่ปากโป้งบอกเรื่องนี้ให้ท่านทราบ เข้าใจแล้วก็รีบเซ็นสัญญา ฉันจะรีบไปนอน”
พาฝนค่อนข้างตกใจเมื่อรับรู้เช่นนี้
ข้อแม้มากมายจึงถูกเก็บซ่อนไว้ในใจเหมือนเดิม เริ่มเซ็นสัญญาอย่างไร้ข้อแม้ ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณอาธาวันที่ช่วยเหลือหล่อนกับแม่เอาไว้
และที่ท่านรักษาคำมั่นสัญญากับบิดาอย่างซื่อสัตย์ หากจะมีชีวิตอยู่อีกไม่ถึงสองปีหล่อนก็ไม่ควรจะทำให้ท่านต้องผิดหวัง
หลังจากจรดปากกาเซ็นสัญญาผูกมัดชีวิตไว้กับเวทิต
พาฝนก็รีบพาตัวเองเข้ามาดูคุณธาวันทันที
ท่านนอนอ่านหนังสือเล่มเดิมอยู่บนเตียง มีคำแก้วนั่งเฝ้าอยู่ไม่ห่าง
“ทำไมยังไม่นอนอีกคะ ดึกแล้ว”
หล่อนเดินเข้ามาถามใกล้ๆ
เป็นห่วงเป็นใย และสังเกตเห็นว่ามือชรากว่าอายุจริงนั้นสั่นเพราะรับน้ำหนักหนังสือเล่มบางไม่ค่อยไหว
“อาว่าจะอ่านให้จบก่อนจะนอน หนูล่ะ ทำไมยังไม่นอน”
“ฝนแวะมาดูคุณอาก่อนคิดว่าคำแก้วยังไม่มา”
หลังจากเจ้านายกินมื้อค่ำเสร็จ
คำแก้วจะกลับไปบ้านเพื่ออาบน้ำอาบท่าแล้วกลับมาดูแลไปจนถึงเช้า หลังกินมื้อเช้าเสร็จก็ดูแลไปจนถึงค่ำ
มีเวลาพักแค่ตอนไปอาบน้ำกับกินข้าว หล่อนจึงเห็นใจอยากช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ของคำแก้วจากช่วงค่ำไปจนกว่าท่านจะนอน
คำแก้วจะได้มีเวลาพักเหนื่อยบ้าง
“อ่านถึงบทไหนแล้วคะ ฝนอ่านให้ฟังไหม”
“ดีเลยเจ้า พ่อเลี้ยงตาไม่ค่อยจะดี มือก็ไม่ค่อยจะมีแรงถือหนังสือ คำแก้วก็อ่านไม่ค่อยจะคล่อง
เลยช่วยอ่านให้ฟังไม่ได้เจ้า”
“มาค่ะ ฝนอ่านให้ฟัง”
หล่อนอาสาพร้อมกับหยิบหนังสือมาเปิดหน้าที่คั้นไว้
ทอดตัวนั่งบนเก้าอี้บุนวมนุ่มนิ่มแล้วอ่านให้ฟังอย่างลื่นหู คำแก้วนั่งฟังเพลินๆ ครู่เดียวก็ผล็อยหลับไปบนที่นอนปิกนิกข้างเตียงอีกฝั่ง
เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งคุณธาวันก็ผล็อยหลับไปอีกคน พาฝนมองอย่างสงสารเห็นใจในโรคที่รุมเร้าร่างกายคนดีๆ
ให้มีอายุสั้น แล้วจัดการห่มผ้าให้จนถึงคอเพราะอากาศค่อนข้างเย็น
หล่อนวางหนังสือไว้บนโต๊ะหัวเตียง
เอื้อมมือไปหรี่โคมไฟให้สลัวแล้วลงไปหาน้ำดื่มในครัวแก้กระหาย แสงไฟจากตู้เย็นส่องผ่านชุดนอนบางๆ
จนเห็นสัดส่วนเย้ายวนอย่างชัดเจน คนข้างหลังที่เพิ่งเดินเข้ามาถึงกับกลืนน้ำลายไม่ลงคอ
เวทิตรีบสลัดความคิดลามกออกจากหัวแล้วตรงเข้าไปที่มุมกาแฟ
แต่ก็ต้องหงุดหงิดเมื่อคำแก้วลืมเสียบกาน้ำร้อนไว้ให้เช่นทุกวัน
พาฝนหันไปมองคนข้างหลังที่ทำเสียงหงุดหงิดในลำคอแล้วอาสาช่วยเหลืออย่างคนมีน้ำใจ
ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ตอบ ทำให้เสียงหวานๆ กลายเป็นอากาศธาตุไปในที่สุด
“ไม่มีน้ำร้อนใช่ไหมคะ เดี๋ยวฝนต้มน้ำให้เอาไหม” ขันอาสาอีกอย่างไม่ละความพยายาม
ไม่อยากอยู่กับเขาเช่นศัตรู
“ไม่เป็นไร พอจะต้มเองเป็น”
ปฏิเสธประชดประชันแล้วตรงไปหยิบกาน้ำมา
จะรินน้ำใส่ลงไปอยู่แล้วแต่โดนผู้หญิงจุ่นจ้านเข้ามาแย่งไม้แย่งมือจะทำให้ได้ ก็ยื้อกันไปมาจนน้ำกระฉอกใส่หน้าเขาเปียกป้อนไปหมด
ชายหนุ่มหลับตาแน่นโมโหเป็นฟื้นเป็นไฟ
“ขอโทษค่ะ
ฝน…
ไม่ได้ตั้งใจ” รีบแก้ตัวลนลานเมื่อชายหนุ่มลืมตาขึ้นมามองวาววับ
หมุนตัวกลับไปดึงทิชชูมาหลายแผ่นหมายจะซับน้ำออกจากหน้าดุกระด้าง ทว่าเจ้าของใบหน้าดุๆ
ปัดจนทิชชูหลุดจากมือเรียวไปหลายแผ่น
“คิดจะยั่วฉันหรือไง แต่ขอโทษนะพาฝน ฉันไม่ได้โง่เหมือนไอ้แก่ตันหากลับพวกนั้น
ไปนอนได้แล้วไป แล้วอย่ามายุ่มย่ามกับฉันอีก”
พาฝนกำทิชชูที่เหลือในมือแน่นแล้วเดินออกไปด้วยใบหน้าแสนเศร้า
เวทิตถอนใจอย่างอัดอึด
พยายามสลัดใบหน้าสวยหวานแสนเศร้าออกไปจากความคิด
จัดการเติมน้ำลงในกาสะอาดสะอ้านอีกครั้งก่อนนำไปต้ม ไม่นานก็ได้ดื่มกาแฟรอบดึกสมใจ
ร่างสูงใหญ่ขึ้นมายืนโต้ลมเย็นจัดที่ระเบียงหลังห้องนอนพลางยกกาแฟร้อนๆ
ขึ้นดื่ม สมองครุ่นคิดอย่างหนักกับเรื่องราวระหว่างเขากับพาฝนที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
เวทิตกำลังคิด...
ว่าจะบอกบุณฑราอย่างไรให้เข้าใจและไม่โกรธกัน เมื่อคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้เขารักษามันไม่ได้
แต่ไม่ทันจะคิดต่อประตูห้องของอีกคนก็เปิดออกกว้าง ร่างระหงภายใต้ชุดนอนตัวเดิม
เพิ่มเติมคือเสื้อไหมพรมตัวหนาที่ใส่ทับออกมายืนโต้ลมหนาว โดยไม่เห็นเขายืนอยู่ในมุมมืดของระเบียงอีกฝั่ง
ห่างกันพอสมควร
หล่อนยืนกอดอกเงยหน้าขึ้นไปกวาดมองดวงดาวที่ทอแสงพร่างพราวเต็มผืนฟ้า
พระจันทร์ใกล้แรมสิบห้าค่ำเฉิดฉายส่องแสงสว่างไหวจนเห็นบรรยากาศรอบไร่ศุภสินตะคุ่มๆ
ยามเคลื่อนสายตาต่ำลงมา แสงจากไฟดวงเล็กในโครมแก้วที่ติดอยู่บนปลายสุดของเสาไม้สูงราวสองเมตร
ส่องให้บรรยากาศรอบทางเดินเข้าสู่บ้านไม้หลังใหญ่ดูโรแมนติกจนไม่อยากละสายตา ทุกพื้นที่ในไร่ศุภสินสวยงามราวกับดินแดนในฝันอันแสนสุข
ทว่าหลอนกลับทุกข์อย่างแสนสาหัสไม่ว่าจะมองไปยังทิศทางใด
“ฝนไม่ได้อยากตั้งตนเป็นศัตรูกับคุณเลย หากคุณตั้งหน้าเกลียดฝนขนาดนี้ ฝนจะทนอยู่ที่นี่ได้อีกนานแค่ไหน”
พาฝนเริ่มไม่แน่ใจกับความอดทนที่มี
ชีวิตที่คิดว่าจะสุขหลังจากพ้นทุกข์มาหมาดๆ กลับไม่สุขอย่างที่คิดเสียแล้ว หล่อนเอามือลูบผมเมื่อรู้สึกเย็นๆ
ก็รู้ว่าน้ำค้างลงแรงจึงเดินกลับเข้าห้องไปนอน
เวทิตยกกาแฟที่เย็นเฉียบอย่างฉับพลันขึ้นดื่มแล้วกลับเข้าห้องเหมือนกับหล่อน...
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคะ
ดารารินทร์
ความคิดเห็น