คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : พิศวาสลวงบ่วงราคี - 9
อีบุ๊คพี่ไทม์กับหนูฝนมาแล้วจ้า ใครรอโหลดอยู่เชิญจิ้มเลยจ้า
หรือคลิกที่ภาพก็ได้นะคะ
คุณธาวันมองหน้าลูกชายอย่างหนักอกหนักใจก่อนจะยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้อ่าน
เวทิตรับมาเปิดอ่านอย่างละเอียดแล้วเงยหน้าขึ้นมามองบิดาอย่างสงสัย
กับเนื้อความในจดหมายที่ว่า... ครั้งหนึ่งหากจำได้ว่าเคยสัญญากันไว้ ฉันจะขอทวงสัญญาด้วยการฝากฝังลูกสาวให้เป็นทองแผ่นเดียวกันตลอดไป
“พ่อสัญญาอะไรไว้กับคุณนพสินครับ” เวทิตไม่โวยวายให้บิดาต้องเครียด
แม้ในใจจะเดือดดาลอยู่มากกับสัญญาบ้าๆ แบบนี้
“ครั้งเมื่อไร่ศุภสินฟื้นตัวจนถึงขั้นรุ่งเรื่องด้วยทรัพย์ใหม่ๆ
พ่อเคยเขียนสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรส่งไปให้คุณนพสิน หากตระกูลกมลเวชเดือดร้อนหรือไร้ซึ่งหนทางทำกินเหมือนครั้งหนึ่งที่พ่อเคยประสพ
พ่อยินดีแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้กับตระกูลกมลเวชไปเริ่มต้นใหม่ เหมือนที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับความเมตตาจากท่าน
ตอนเขียนพ่อไม่คิดว่ากมลเวชจะมีวันนี้ด้วยซ้ำไป”
“เราให้เงินเขาเท่าที่เขาให้เรามาไม่ได้เหรอ พ่อก็รู้ว่าผมกับน้องดาเรารักกัน
ผมแต่งงานกับคนอื่นไม่ได้หรอกครับ”
“ที่คุณนพสินทวงสัญญามาแบบนี้
ก็แสดงว่าเขาไว้ใจที่จะให้เราดูแลลูกสาวของเขามากกว่าต้องการเงินนะไทม์ แต่ถ้าไทม์ไม่แต่งงานกับหนูฝน
ก็ต้องแบ่งสมบัติให้เขาครึ่งหนึ่งเอาไปตั้งตัว พ่อจะไม่บังคับไทม์หรอกนะ
แต่จะให้ไทม์เลือกเอา พ่อมันไม้ใกล้ฝั่ง จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ สมบัติมากมายที่มีตายไปก็เอาไปไม่ได้”
เวทิตหันหลังไปยืนหลับตาแน่น ความโกรธแล่นขึ้นเป็นริ้วๆ
ตอนนี้ไร่ศุภสินมีทรัพย์สินนับพันล้าน มากกว่าที่กมลเวชเคยช่วยเหลือนับพันเท่า
สองแม่ลูกคงรู้เห็นก็เลยรีบแจ้นมาชุบมือเปิบเอาไปง่ายๆ ด้วยสัญญาของคนซื่ออย่างบิดา
ไม่คิดเลยว่าบิดาจะกล้าทำสัญญาแบบนี้กับใคร แล้วจะทำอย่างไรในเมื่อโรงงานผลิตกาแฟสำเร็จรูปกำลังอยู่ในระยะก่อสร้าง
ต้องใช้เงินทุนอย่างมหาศาลในการลุงทุน หากแบ่งครึ่งกันไปต้องไม่พออย่างแน่นอน ไหนจะต้องเอามาหมุนเวียนในการทำไร่กาแฟกับจ้างพนักงานอีกล่ะ
“พ่อคิดยังไง... ถึงได้ทำสัญญาแบบนี้ขึ้นมา” เวทิตถามอย่างเจ็บปวดเพราะจนหนทาง
“เพราะเงินที่คุณนพสินให้พ่อมา
ช่วยให้เรามีวันนี้ไงไทม์ พ่อสำนึกในบุญคุณของท่านเสมอมา ขนาดว่าลาออกจากงานดื้อๆ
มาอยู่ทำไร่กับแม่เรา ท่านยังไม่เคยว่าสักคำ
พอพ่อกับแม่ตกต่ำจะไร้ที่ทำกินท่านก็หยิบยื่นเงินมาให้ไม่คิดดอกเบี้ย
ไม่เอาคืนสักแดงเดียว ไทม์จะให้พ่ออกตัญญูต่อคุณนพสินอย่างนั้นหรือ” ท่านพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบเพราะเริ่มเครียด
“พ่อครับ” เวทิตรีบมาดูอาการอย่างเร่งด่วน
ทั้งเครียดทั้งกลัวปนกันไป
“พ่อไม่อยากฝืนใจไทม์นะ
แต่พ่อไม่อยากผิดสัญญากับคนที่มีบุญคุณกับพ่อ”
“ครับพ่อ
ผมจะไม่ทำให้พ่อต้องผิดสัญญากับผู้มีพระคุณ อย่าคิดมากนะครับ” หากว่าไม่มีพ่อเขาก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน
ลมหายใจถี่ๆ ค่อยๆ ผ่อนคลาย มองลูกชายอย่างขอบคุณ
เวทิตกุมมือเย็นเฉียบของบิดาไว้แน่นแทนคำสัญญา
ชายหนุ่มไม่อาจขัดใจได้เพราะอาการของโรคที่เป็นมาร่วมห้าปีเริ่มรุนแรงมากขึ้นทำให้ท่านเครียดง่าย
หากขัดใจก็พานจะคิดเครียดจนอาการทรุดหนักและอาจร้ายแรงถึงชีวิต
เขายังไม่อยากเสียบิดาไปในเร็ววันหรอก...
เช้าวันนี้อากาศหนาวน้อยกว่าเมื่อวาน
พาฝนเลยเลือกใส่เสื้อไหมพรมแขนยาวสีชมพูอ่อนบางๆ มีเสื้อกล้ามซับใน
ใส่คู่กับกางเกงยีนส์ตัวหนาสีน้ำเงินเข้มและผ้าใบสีขาว
เวทิตตื่นแต่เช้ามานั่งรออยู่ในรถเหมือนเมื่อวาน
หล่อนจึงต้องขอโทษเขาเหมือนเมื่อวาน ทว่าเขากลับเย็นชาใส่ยิ่งกว่าเมื่อวาน
พาฝนรู้สึกอึดอัดไม่น้อยที่ชายหนุ่มไม่พูดไม่จาและไม่ยอมมอง แต่หล่อนแอบมองหน้านิ่งเนี้ยบอยู่หลายครั้งจนถึงออฟฟิศ
กระทั่งเขาปลดล็อกประตูรถให้เป็นการไล่หล่อนลงกลายๆ
พาฝนลงมายืนรอ
แต่ชายหนุ่มลงมาแล้วเดินเข้าไปในออฟฟิศไม่ชวนสักคำ นี่หล่อนไปทำให้เขาโกรธอีกตอนไหนเนี่ย!
“สวัสดีครับคุณฝน
เชิญนั่งก่อนครับ”
สิงห์คำเชื้อเชิญแล้วเดินไปตบเบาๆ
ที่โต๊ะทำงานตัวหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กัน
บอกว่ามันคือโต๊ะทำงานของหล่อนจึงรีบเดินไปนั่ง
ผู้จัดการหนุ่มสอนงานให้ชั่วครู่ก็ออกไปทำธุระที่อื่น
คราวนี้ก็เหลือแค่คนเย็นชากับหล่อนสองคน
ในออฟฟิศแห่งนี้มีแค่สามคนที่เข้านอกออกในได้ก็คือ เวทิต สิงห์คำ และหล่อนซึ่งเป็นพนักงานออฟฟิศคนใหม่
หน้าที่หลักของหล่อนคือทำงานการตลาด หน้าที่รองและหน้าที่ย่อยๆ
ก็เป็นผู้ช่วยฝ่ายบัญชีและฝ่ายบุคคลยามสิงค์คำไม่อยู่
พนักงานคนเดียวใช้จนคุ้ม
ถึงว่าทำไมไร่ศุภสินร่ำรวยได้ถึงเพียงนี้ เพราะเวทิตงกจนทะเลจืดสนิท
ตอนนี้เขานั่งจ้องหล่อนอย่างเอาเป็นเอาตาย
จนต้องหยิบตลับแป้งมาเปิดดูหน้าตัวเองว่ามีอะไรประหลาดติดอยู่หรือเปล่า
“ก็ไม่มีอะไรที่แปลกขนาดให้เขาจ้องเอาๆ
ขนาดนั้นนี่นา แล้วจ้องเราทำไมหนักหนา พูดก็ไม่พูด” อดที่จะเหน็บแนมคนมองเอาๆ
ไม่ได้ หล่อนเก็บตลับแป้งเข้ากระเป๋าแล้วจ้องหน้าเขากลับบ้าง
“หน้าฝนมันประหลาดมากหรือไงคะ ถึงจ้องอยู่ได้เป็นนานสองนาน”
“ไม่แปลกหรอก
แค่อยากดูให้ชัดว่ามันหนาแค่ไหน”
พาฝนไม่เคยโกรธใครเท่านี้มาก่อน
หล่อนเริ่มหายใจแรงขึ้น ขณะเดียวกันก็ระงับความโกรธเอาไว้สุดฤทธิ์ และถามออกมาตรงๆ
“ฝนไปทำอะไรให้คุณไทม์ไม่พอใจอีกล่ะ ถึงใจจงเกลียดจงชังกันนัก”
“เพราะความโลภของเธอทำให้ฉันจนตรอก
ฉันจึงเกลียดเธอ” เขาพูดด้วยสีหน้าเย็นชา ทว่าแววตามีความร้ายกาจซ่อนอยู่ ‘ฉันควรทำอย่างไรดีกับผู้หญิงจอมฉกฉวยคนนี้’
“ฝนไปทำอะไรให้”
เขาลุกขึ้นมาพร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่ง
เอามาวางตรงหน้าหล่อนแล้วมองอย่างดุดัน
“อ่านสิ
จะได้ไม่ต้องมัวนั่งตีสองหน้าให้เมื่อย”
พาฝนหยิบกระดาษสี่เหลี่ยมผืนผ้าตรงหน้ามาคลี่อ่านอย่างละเอียด
ก็ถึงกับสะอึก…
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคะ
ดารารินทร์
ความคิดเห็น