NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พิศวาสลวงบ่วงราคี

    ลำดับตอนที่ #9 : พิศวาสลวงบ่วงราคี - 9

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ย. 61





    อีบุ๊คพี่ไทม์กับหนูฝนมาแล้วจ้า ใครรอโหลดอยู่เชิญจิ้มเลยจ้า

    >>>ลิงก์สำหรับโหลด E-book<<<

    หรือคลิกที่ภาพก็ได้นะคะ




    คุณธาวันมองหน้าลูกชายอย่างหนักอกหนักใจก่อนจะยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้อ่าน เวทิตรับมาเปิดอ่านอย่างละเอียดแล้วเงยหน้าขึ้นมามองบิดาอย่างสงสัย กับเนื้อความในจดหมายที่ว่า... ครั้งหนึ่งหากจำได้ว่าเคยสัญญากันไว้ ฉันจะขอทวงสัญญาด้วยการฝากฝังลูกสาวให้เป็นทองแผ่นเดียวกันตลอดไป

    พ่อสัญญาอะไรไว้กับคุณนพสินครับเวทิตไม่โวยวายให้บิดาต้องเครียด แม้ในใจจะเดือดดาลอยู่มากกับสัญญาบ้าๆ แบบนี้

    ครั้งเมื่อไร่ศุภสินฟื้นตัวจนถึงขั้นรุ่งเรื่องด้วยทรัพย์ใหม่ๆ พ่อเคยเขียนสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรส่งไปให้คุณนพสิน หากตระกูลกมลเวชเดือดร้อนหรือไร้ซึ่งหนทางทำกินเหมือนครั้งหนึ่งที่พ่อเคยประสพ พ่อยินดีแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้กับตระกูลกมลเวชไปเริ่มต้นใหม่ เหมือนที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับความเมตตาจากท่าน ตอนเขียนพ่อไม่คิดว่ากมลเวชจะมีวันนี้ด้วยซ้ำไป

     “เราให้เงินเขาเท่าที่เขาให้เรามาไม่ได้เหรอ พ่อก็รู้ว่าผมกับน้องดาเรารักกัน ผมแต่งงานกับคนอื่นไม่ได้หรอกครับ

    ที่คุณนพสินทวงสัญญามาแบบนี้ ก็แสดงว่าเขาไว้ใจที่จะให้เราดูแลลูกสาวของเขามากกว่าต้องการเงินนะไทม์ แต่ถ้าไทม์ไม่แต่งงานกับหนูฝน ก็ต้องแบ่งสมบัติให้เขาครึ่งหนึ่งเอาไปตั้งตัว พ่อจะไม่บังคับไทม์หรอกนะ แต่จะให้ไทม์เลือกเอา พ่อมันไม้ใกล้ฝั่ง จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ สมบัติมากมายที่มีตายไปก็เอาไปไม่ได้

    เวทิตหันหลังไปยืนหลับตาแน่น ความโกรธแล่นขึ้นเป็นริ้วๆ

    ตอนนี้ไร่ศุภสินมีทรัพย์สินนับพันล้าน มากกว่าที่กมลเวชเคยช่วยเหลือนับพันเท่า สองแม่ลูกคงรู้เห็นก็เลยรีบแจ้นมาชุบมือเปิบเอาไปง่ายๆ ด้วยสัญญาของคนซื่ออย่างบิดา

    ไม่คิดเลยว่าบิดาจะกล้าทำสัญญาแบบนี้กับใคร แล้วจะทำอย่างไรในเมื่อโรงงานผลิตกาแฟสำเร็จรูปกำลังอยู่ในระยะก่อสร้าง ต้องใช้เงินทุนอย่างมหาศาลในการลุงทุน หากแบ่งครึ่งกันไปต้องไม่พออย่างแน่นอน ไหนจะต้องเอามาหมุนเวียนในการทำไร่กาแฟกับจ้างพนักงานอีกล่ะ

    พ่อคิดยังไง... ถึงได้ทำสัญญาแบบนี้ขึ้นมาเวทิตถามอย่างเจ็บปวดเพราะจนหนทาง

    เพราะเงินที่คุณนพสินให้พ่อมา ช่วยให้เรามีวันนี้ไงไทม์ พ่อสำนึกในบุญคุณของท่านเสมอมา ขนาดว่าลาออกจากงานดื้อๆ มาอยู่ทำไร่กับแม่เรา ท่านยังไม่เคยว่าสักคำ พอพ่อกับแม่ตกต่ำจะไร้ที่ทำกินท่านก็หยิบยื่นเงินมาให้ไม่คิดดอกเบี้ย ไม่เอาคืนสักแดงเดียว ไทม์จะให้พ่ออกตัญญูต่อคุณนพสินอย่างนั้นหรือท่านพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบเพราะเริ่มเครียด

    พ่อครับเวทิตรีบมาดูอาการอย่างเร่งด่วน ทั้งเครียดทั้งกลัวปนกันไป

    พ่อไม่อยากฝืนใจไทม์นะ แต่พ่อไม่อยากผิดสัญญากับคนที่มีบุญคุณกับพ่อ

    ครับพ่อ ผมจะไม่ทำให้พ่อต้องผิดสัญญากับผู้มีพระคุณ อย่าคิดมากนะครับ” หากว่าไม่มีพ่อเขาก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน

    ลมหายใจถี่ๆ ค่อยๆ ผ่อนคลาย มองลูกชายอย่างขอบคุณ

    เวทิตกุมมือเย็นเฉียบของบิดาไว้แน่นแทนคำสัญญา ชายหนุ่มไม่อาจขัดใจได้เพราะอาการของโรคที่เป็นมาร่วมห้าปีเริ่มรุนแรงมากขึ้นทำให้ท่านเครียดง่าย หากขัดใจก็พานจะคิดเครียดจนอาการทรุดหนักและอาจร้ายแรงถึงชีวิต

    เขายังไม่อยากเสียบิดาไปในเร็ววันหรอก...

     

    เช้าวันนี้อากาศหนาวน้อยกว่าเมื่อวาน พาฝนเลยเลือกใส่เสื้อไหมพรมแขนยาวสีชมพูอ่อนบางๆ มีเสื้อกล้ามซับใน ใส่คู่กับกางเกงยีนส์ตัวหนาสีน้ำเงินเข้มและผ้าใบสีขาว

    เวทิตตื่นแต่เช้ามานั่งรออยู่ในรถเหมือนเมื่อวาน หล่อนจึงต้องขอโทษเขาเหมือนเมื่อวาน ทว่าเขากลับเย็นชาใส่ยิ่งกว่าเมื่อวาน พาฝนรู้สึกอึดอัดไม่น้อยที่ชายหนุ่มไม่พูดไม่จาและไม่ยอมมอง แต่หล่อนแอบมองหน้านิ่งเนี้ยบอยู่หลายครั้งจนถึงออฟฟิศ กระทั่งเขาปลดล็อกประตูรถให้เป็นการไล่หล่อนลงกลายๆ

    พาฝนลงมายืนรอ แต่ชายหนุ่มลงมาแล้วเดินเข้าไปในออฟฟิศไม่ชวนสักคำ นี่หล่อนไปทำให้เขาโกรธอีกตอนไหนเนี่ย!

    “สวัสดีครับคุณฝน เชิญนั่งก่อนครับ”

    สิงห์คำเชื้อเชิญแล้วเดินไปตบเบาๆ ที่โต๊ะทำงานตัวหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กัน บอกว่ามันคือโต๊ะทำงานของหล่อนจึงรีบเดินไปนั่ง ผู้จัดการหนุ่มสอนงานให้ชั่วครู่ก็ออกไปทำธุระที่อื่น

    คราวนี้ก็เหลือแค่คนเย็นชากับหล่อนสองคน ในออฟฟิศแห่งนี้มีแค่สามคนที่เข้านอกออกในได้ก็คือ เวทิต สิงห์คำ และหล่อนซึ่งเป็นพนักงานออฟฟิศคนใหม่ หน้าที่หลักของหล่อนคือทำงานการตลาด หน้าที่รองและหน้าที่ย่อยๆ ก็เป็นผู้ช่วยฝ่ายบัญชีและฝ่ายบุคคลยามสิงค์คำไม่อยู่

    พนักงานคนเดียวใช้จนคุ้ม ถึงว่าทำไมไร่ศุภสินร่ำรวยได้ถึงเพียงนี้ เพราะเวทิตงกจนทะเลจืดสนิท

    ตอนนี้เขานั่งจ้องหล่อนอย่างเอาเป็นเอาตาย จนต้องหยิบตลับแป้งมาเปิดดูหน้าตัวเองว่ามีอะไรประหลาดติดอยู่หรือเปล่า

    “ก็ไม่มีอะไรที่แปลกขนาดให้เขาจ้องเอาๆ ขนาดนั้นนี่นา แล้วจ้องเราทำไมหนักหนา พูดก็ไม่พูด” อดที่จะเหน็บแนมคนมองเอาๆ ไม่ได้ หล่อนเก็บตลับแป้งเข้ากระเป๋าแล้วจ้องหน้าเขากลับบ้าง “หน้าฝนมันประหลาดมากหรือไงคะ ถึงจ้องอยู่ได้เป็นนานสองนาน”

    “ไม่แปลกหรอก แค่อยากดูให้ชัดว่ามันหนาแค่ไหน”

    พาฝนไม่เคยโกรธใครเท่านี้มาก่อน หล่อนเริ่มหายใจแรงขึ้น ขณะเดียวกันก็ระงับความโกรธเอาไว้สุดฤทธิ์ และถามออกมาตรงๆ “ฝนไปทำอะไรให้คุณไทม์ไม่พอใจอีกล่ะ ถึงใจจงเกลียดจงชังกันนัก”

    “เพราะความโลภของเธอทำให้ฉันจนตรอก ฉันจึงเกลียดเธอ” เขาพูดด้วยสีหน้าเย็นชา ทว่าแววตามีความร้ายกาจซ่อนอยู่ ฉันควรทำอย่างไรดีกับผู้หญิงจอมฉกฉวยคนนี้

    “ฝนไปทำอะไรให้”

    เขาลุกขึ้นมาพร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่ง เอามาวางตรงหน้าหล่อนแล้วมองอย่างดุดัน

    “อ่านสิ จะได้ไม่ต้องมัวนั่งตีสองหน้าให้เมื่อย”

    พาฝนหยิบกระดาษสี่เหลี่ยมผืนผ้าตรงหน้ามาคลี่อ่านอย่างละเอียด ก็ถึงกับสะอึก…


    >>>อ่านแล้วถูกใจ กดสับตะไคร้ตรงนี้จ้า<<<

        
    >>>อ่าน พิศวาสร้ายลวงใจรัก  คลิก<<<
    >>>อ่าน พิศวาสร้ายซ่อนใจรัก คลิก<<<


    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคะ


    ดารารินทร์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×