คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : คลั่งรักเมีย(ลับ) - 13
“ปล่อยนะ!” ดารัณตวาดขู่
“ปล่อยก็โง่น่ะสิ”
คชาธรยิ้มร้ายแล้วหันไปพยักพเยิดให้ลูกสมุนออกไปรอข้างนอก
“ช่วย…”
ดารัณกรีดร้องได้เพียงนิดก็ถูกมันปิดปากด้วยมือจนเงียบสนิท
มีเพียงเสียงอู้อี้ที่ดังเล็ดลอดออกมา
“หุบปากน่า”
ขยับหน้าเข้ามากระซิบข่มขู่ใกล้ๆ ปลายจมูกแทบจะชนกัน “ฉันก็แค่อยากคุยด้วย”
ดารัณเบือนหน้าหนีด้วยความรู้สึกขยะแขยง
ใช้เข่ากระทุ้งเป้าคนชั่วช้าจนจุก ผลักแรงๆ จนมันซวนเซไปกระแทกราวบันได
เธอพุ่งไปที่ประตู ไม่ทันเปิดออกมันก็กระชากเข้ามาจูบไซร้ที่ลำคอเพื่อข่มขวัญ
เพียงจูบเดียวที่นาบลงมาจนเกิดรอยแดงช้ำข้างลำคอระหง
มันก็สบถเสียงดังออกมาด้วยความเจ็บ
รองเท้าหนังแบรนด์ดังจากฝรั่งเศสหล่นกระแทกพื้นดังตุบหลังจากกระแทกหัวมันอย่างจัง
คชาธรหันขวับกลับมามองคนขว้างตาขวาง
“ไอ้…พศวีร์!”
ผละไปเปิดประตูด้วยอารามตกใจเมื่อเห็นคนป่าเถื่อนยิ่งกว่า
รสมือรสเท้าที่ประโคมใส่หน้าและเนื้อตัวสุดแรงในคราวนั้นเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหนตนจำได้แม่น
แต่ถูกพศวีร์กระชากคอกลับมากระทืบแล้วเหยียบหน้าอกจนจมเท้าเสียก่อน
ลูกชายนักการเมืองใหญ่นอนราบติดพื้นพยายามผลักเท้าพศวีร์ออก
แต่ชายหนุ่มผู้มีไฟแค้นลุกท่วมในหัวอกออกแรงเหยียบให้หนักมากขึ้นอีกเท่าตัว
ราวกับต้องการขยี้คนชั่วช้าอย่างมันให้แหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลี
“โอ๊ย!” คชาธรเจ็บแทบกระอักเลือดออกมา
“คราวก่อนกูไม่มีหลักฐานเอาผิดมึงถึงลอยนวลลอยหน้าอยู่ในสังคมมาจนถึงวันนี้
แต่คราวนี้มึงไม่รอดแน่ไอ้คชาธร” พศวีร์เปิดคลิปวิดีโอให้มันดู
เขาหันมาเห็นมันกับลูกน้องสองคนเดินตามดารัณมาติดๆ
ก็เลยลอบตามมาเก็บหลักฐานเงียบๆ เพื่อยุติความชั่วช้าของมันให้จบสิ้นไปซะ
“กูไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย
น้องมึงต่างหากที่มายั่วกูก่อน”
พศวีร์กระทืบหน้าอกมันสุดแรงเกิด
แตะเสยคางจนคนหยาบช้าเลือดกบปาก มันร้องโอดโอยเสียงดัง
สมุนมันผลักประตูกรูเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนกแล้วเปลี่ยนเป็นขึ้งโกรธแทนคนเป็นนาย
“ถ้ามันสองคนเข้าใกล้กูอีกก้าวเดียว
กูจะกดส่งคลิปนี้ให้นักข่าว”
“อย่าเข้ามา”
คชาธรบอกลนลานกลัวเสียหน้าและรู้ว่าตัวเองกำลังเสียเปรียบ
ได้ไม่คุ้มเสียเพราะตนกำลังจะเข้าสู่วงการการเมืองตามคนเป็นพ่อในไม่ช้านี้
ถ้าข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปอนาคตอันสวยหรูจะดับสิ้นทันที
ดีไม่ดีจะถูกพ่อกระทืบซ้ำที่ทำเรื่องฉาวโฉ่น่าอับอายไม่รู้จักคิดให้ดี
“บอกให้พวกมันถอยออกไป”
คชาธรหันไปไล่ลูกสมุนพลางส่งซิกให้ไปเรียกคนเป็นพ่อมาช่วย
ตนรู้ดีว่าพศวีร์บ้าดีเดือดแค่ไหน
วันนี้ต้องตายจมตีนมันอยู่ตรงนี้แน่ถ้าพ่อมาไม่ทัน
ลูกสมุนมันผละออกไป
พศวีร์กระชากคชาธรจอมสารเลวขึ้นมาซ้อมอย่างไม่เกรงกลัวอำนาจพ่อของมัน
กว่าพอมันจะมาช่วย พศวีร์ก็หายตัวไปแล้วด้วยความสะใจพอสมควร
แค่พอสมควรเท่านั้น!
คชาธรสลบเหมือด
คนเป็นพ่อได้แต่หัวเสียพาลูกชายหลบนักข่าวเพื่อส่งโรงพยาบาล
เมื่อลูกสมุนรายงานถึงเรื่องราวโง่ๆ ที่ลูกชายก่อขึ้นไม่รู้จักคิดให้รอบคอบ
พศวีร์พาดารัณออกไปจากงานด้วยการเดินลงบันไดหนีไฟมาใช้ลิฟต์อีกชั้น
แต่ดันไปเจอเจ้าของงานที่ล็อบบีของโรงแรมทำให้กลับบ้านตอนนั้นไม่ได้
จำต้องกลับเข้ามาในงานประมูลที่ต้องเริ่มต้นขึ้นเพราะถึงเวลา
ให้บรินัยพาดารัณกลับไปรอที่บ้านธนนท์ก่อน
เธอกำลังตกใจและร้องไห้อย่างหนักตอนก้าวเข้าไปนั่งในรถ
ถ้าหากส่งกลับไปยังบ้านวาณิชธนากิจที่มีปู่รออยู่จะกลายเป็นเรื่องใหญ่
ดารัณอาจถูกปู่ตำหนิได้ว่ามาหาเรื่องใส่ตัวแทนที่จะได้รับการปลุกปลอบ
ปู่เป็นคนอย่างไรเขารู้ดี!
พศวีร์ช่วยประมูลเครื่องเพชรมาสองชุดสำหรับงานการกุศลในค่ำคืนนี้
ซึ่งเพียงพอแล้วกับการสร้างภาพให้กับวงศ์ตระกูลตามคำสั่งของปู่
เขาเดินออกมาก่อนงานจะเลิก
และหยุดชะงักที่หน้าประตูลิฟต์เพราะใครคนหนึ่งที่กำลังจะก้าวออกมา
‘นายหัวสักการ’ พศวีร์พึมพำในใจ
ก่อนจะมองตรงไปยังชายวัยกลางคนที่ยืนขนาบหลังนายหัวหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบห้า
‘ไอ้ทองกร’ แล้วทั้งสองคนก็เดินผ่านหน้าเขาเข้าไปในงาน
ความเจ็บแค้นบีบแน่นในหัวใจ
พศวีร์ก้าวเข้าไปยืนกำหมัดอยู่ในลิฟต์จนมันเลื่อนลงไปยังชั้นล่างสุด
ยังไม่ใช่เวลานี้ที่เขาจะทวงคืนความแค้น
เช่นนั้นจึงต้องข่มใจเอาไว้สุดตัวเพื่อกลบพิรุธไม่ให้มันไหวตัวทัน
ทองกรหันกลับมาลอบมองพศวีร์อยู่เบื้องหลัง
มีความสงสัยในใจว่าชายหนุ่มอาจจะจำตนได้
เมื่อสายตาเข้มดุที่รุกร้อนเป็นไฟคู่นั้นมันจ้องเป้งมาที่ตนอย่างไม่ลดละ
จ้องเหมือนอยากจะเข่นฆ่าให้ตายแต่จำต้องข่มกลั้นเอาไว้สุดตัว
เพื่ออะไร?
ทองกรได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ข้างในใจและไม่ลืมที่จะระมัดระวังตัวเองให้มากขึ้น…
พศวีร์พาดารัณกลับบ้านที่ปากช่องในคืนนั้น
ระหว่างทางมีเพียงความเงียบงัน
ดารัณเจ็บปวดและเหน็บหนาวสุดขั้วหัวใจ
ถูกคชาธรลวนลามยังไม่เจ็บปวดรวดร้าวเท่าถูกพศวีร์มองเมินไม่ใส่ใจ เมื่อก่อนถ้าหากเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเธอ
สิ่งแรกที่จะได้รับจากพศวีร์คืออ้อมกอดอบอุ่น
ฝ่ามือหนาแกร่งต้องลูบแผ่นหลังบอบบางเพื่อปลอบโยนไม่ใช่วางไว้บนหน้าขานิ่งๆ
แบบนั้น
พศวีร์หันมามองดารัณเมื่อรู้สึกว่าตัวเองถูกจ้องมองอยู่นานแล้ว
เธอหันหนีออกไปมองอีกทางเพื่อซ่อนน้ำตาที่ใกล้จะหยดลงมาเต็มที
เขาถอดสูทเอามาคลุมตัวให้แล้วหันกลับไปนั่งท่าเดิมด้วยท่าทีเย็นชาจับใจ
มือเรียวบอบบางกระชับสาบเสื้อเนี้ยบกริบเข้าหากัน
อยากจะขยับเข้าไปเรียกร้องให้เขากอดปลอบใจมากกว่าให้เสื้อของเขาคอยกอดปลอบ
มันไม่หายหนาวใจ…
แต่ทว่าเส้นทิฐิบางๆ ที่ขวางกั้นเราเอาไว้ทำให้เธอต้องนั่งนิ่งทิ้งน้ำตาอย่างหนาวเหน็บในหัวใจต่อไปจนถึงบ้าน
“ขอบใจมาก”
พศวีร์กล่าวกับบรินัยแล้วเดินลงรถไปเลย
ดารัณตามลงมาแล้วขาพลิกล้มนั่งกับพื้นคอนกรีตแข็งๆ
ข้อเท้าที่พลิกตอนวิ่งหนีคชาธรมันเกิดบวมและปวดจับใจ ทำให้เธอขาอ่อนล้มลงไม่ทันตั้งตัว
พศวีร์ขยับเข้ามาเปิดปากถามเป็นครั้งแรกด้วยน้ำเสียงธรรมๆ
ไร้แววห่วงใย เพราะเขาเก็บซ่อนมันไว้ในใจได้เป็นอย่างดี
“เป็นอะไร”
“ข้อเท้าพลิกค่ะ”
“ตั้งแต่เมื่อไร”
“ตอนวิ่งหนีไอ้บ้ากามนั่นน่ะสิ”
ดารัณรู้สึกฉุนขาดเมื่อต้องเอ่ยถึงคนชั่วคนนั้น
ร่างบางเล็กในชุดราตรียาวเรียบหรูถูกช้อนขึ้นจากพื้นทันที
พศวีร์อุ้มไปทิ้งบนโซฟากลางห้องโถงรับแขก
หาเจลประคบเย็นกับกล่องยาปฐมพยาบาลมาวางไว้ให้แล้วผละออกมายืนถามห่างๆ
“ทำเองได้ใช่ไหม”
ดารัณน้ำตาแทบไหล
‘นี่เขายังจะกล้าเย็นชาใส่เธอได้อีกหรือ เธอบอบช้ำทั้งกายใจมากมายขนาดนี้แล้ว
สงสารกันสักนิดก็ไม่ได้’
ความคิดเห็น